เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ท่านอ๋องเฉิงก็มององค์หญิงหกกับองค์ชายคัง แล้วใบหน้าก็มืดมนลงหากเมื่อครู่เขายังมิเข้าใจ เช่นนั้นบัดนี้ท่านอ๋องเฉิงก็เข้าใจความจริงของเรื่องนี้จากคำพูดของหลิงอวี๋แล้ว!ทุกเรื่องที่องค์หญิงหกทำในวันนี้ล้วนนำความอับอายมาสู่ราชวงศ์ทั้งสิ้น!ก่อนหน้านี้ที่มุ่งเป้าไปที่หลิงอวี๋ในระหว่างการแข่งขันความสามารถ เขายังเห็นว่ามันเป็นแค่ความแค้นกับแผนการของพวกสตรีเท่านั้น!แต่เรื่องของการลอบเป็นชู้มันเป็นอันตรายต่อเกียรติของราชวงศ์ยิ่ง!องค์หญิงผู้สง่างาม! ใช้เรื่องเช่นนี้วางแผนจัดการกับคนอื่นได้เยี่ยงไร!และองค์ชายคังผู้นี้ แม้มิใช่ผู้บงการแต่ก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคิด!ดูเหมือนว่าเขาจำเป็นจะต้องกราบทูลเรื่องนี้ต่อจักรพรรดิอู่อันเสียหน่อยแล้ว!ฉินซานมององค์หญิงหกอย่างเย็นชา บอกว่าอยากจะรินชาเพื่อขอบคุณตน ที่แท้ก็เป็นเรื่องโกหกทั้งเพ!จุดประสงค์ขององค์หญิงหกคือการพาพวกเขาไปเห็นกับตาว่าหลิงอวี๋ลอบเป็นชู้ และทำลายชื่อเสียงของหลิงอวี๋กระทั่งจะประหารหลิงอวี๋!องค์ชายคังพูดมิออก แต่เมื่อคิดได้ว่าเซียวหลินเทียนไม่มีหลักฐาน เขาก็สงบลง พลางเอ่ยอย่างเย็นชา“น้องสี่ ไม่มีหลักฐานก็อย
คำพูดประนีประนอมของจ้าวเจินเจินเปลี่ยนท่าทีของทุกคนในทันที มีคนกระซิบกระซาบกัน“ใช่! ที่จริงเรื่องนี้จะมาโทษที่เราเข้าใจผิดก็มิได้ ก่อนหน้านี้พระชายาอ๋องอี้ชื่อเสียงแย่มาก นี่มิใช่เรื่องที่นางได้ที่หนึ่งในวันนี้แล้วจะชะล้างมันออกไปได้!”“ใช่ เรื่องนี้โทษคนอื่นคงมิได้กระมัง? เพราะว่าพวกคุณชายทำให้ทุกคนเข้าใจผิด พอนึกย้อนถึงชื่อเสียงก่อนหน้านี้ของพระชายาอ๋องอี้ดู การที่ทุกคนเข้าใจผิดมันก็เรื่องที่ปกตินัก…”เซียวทงเห็นว่าทิศทางของลมหันมาทางตนอย่างรวดเร็ว ความเย่อหยิ่งก็เพิ่มขึ้นทันที นางมองหลิงอวี๋อย่างดุร้ายพลางเอ่ย“ใช่! พี่สะใภ้สี่ เจ้ามิดูเล่าว่าชื่อเสียงของเจ้าแย่เพียงใด!”“ที่ข้าเข้าใจเจ้าผิดก็เป็นเรื่องปกติมากไม่ใช่หรือไร? เมื่อครู่ข้ามิได้รู้สึกผิดหวังเลย! ข้าแค่รู้สึกแปลกใจเท่านั้น จึงแสดงท่าทีเกินจริงไป!”“แต่เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาตบข้าเล่า!? ข้าโตมาถึงเพียงนี้เสด็จพ่อยังมิเคยตีข้าเลยนะ! เจ้าเป็นแค่พระชายาต่ำต้อย เจ้าเก่งกาจมากกว่าเสด็จพ่อของข้าเช่นนั้นรึ!”แม้ว่าคำพูดขององค์หญิงหกอาจฟังดูฝืน ๆ แต่ก็ไม่สามารถบอกได้ว่ามันไม่แทงใจ!อันซินกับหลิงหว่านมองหน้ากันแล้วต่างก็เห็นควา
เจิงจื่ออวี้กับจูเหวินแอบบ่นอย่างข่มขื่น พวกนางติดตามองค์หญิงหกมาช่วยจับเรื่องชู้ มีหรือจะนึกถึงว่าหลิงอวี๋มิได้อยู่ในนั้น!แต่เมื่อพูดออกไปแล้ว ก็ไม่มีทางที่จะปฏิเสธได้เจิงจื่ออวี้ก้าวไปข้างหน้าพลางเอ่ย “พระชายาอ๋องอี้ พวกเราได้ยินคุณชายผู้นั้นบอกว่าเป็นพระชายาอ๋องอี้ ก็คิดว่าเป็นพระชายา… มิคิดเลยว่าจะเป็นเพียงแค่ความเข้าใจผิด! ข้าขออภัยพระชายา!”จูเหวินเองก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อขอโทษ และพูดในสิ่งที่เหมือนกันฉินรั่วซือเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี กลัวว่าหลิงอวี๋จะตำหนิตนไปด้วย จึงถอยกลับไปอยู่ที่มุมหนึ่งอย่างเงียบ ๆก่อนหน้านี้นางเคยเสียเปรียบมาก่อน วันนี้ระมัดระวังมาก จะไม่พูดเหลวไหลอีกแล้ว!หลิงอวี๋หัวเราะเยาะ “เยี่ยมจริง ๆ! พวกท่านเป็นคุณชายคุณหนูแห่งฉินตะวันตก เป็นบุตรขุนนางคนสำคัญของราชสำนัก!”“ได้ยินเขาบอก พวกท่านก็เชื่ออะไรง่าย ๆ หรือ? หากข้าทำเรื่องผิดจริง ๆ ข้าก็ขอรับโทษจากองค์จักรพรรดิกับไทเฮาเอง! เหตุใดถึงจะให้พวกท่านที่ไม่แม้แต่จะมองแต่กลับกล้ามาใส่ร้ายว่าข้านอกใจ!”หลิงอวี๋หันไปหาท่านอ๋องเฉิง พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ท่านอ๋องเฉิงเพคะ หม่อมฉันสงสัยว่าเจิงจื่ออวี้ จ
“ลู่หนาน ตบปากซะ!”“ใส่ร้ายพระชายา ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของราชวงศ์ ทุกคนตบปากยี่สิบครั้ง! คนเลวนั่นกล้าเริ่มที่ใส่ร้ายพระชายา ตบปากสี่สิบครั้ง!”ลู่หนานทนไม่ไหวมานานแล้ว หลังจากได้ยินคำสั่งก็รีบพุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างแข็งขันเริ่มแรกเขาจับตัวเจิงจื่ออวี้ พลางตบปากนางด้วยเสียงดังฟังชัดลู่หนานลงมืออย่างรวดเร็วและหนักหน่วง ไม่นานก็เสร็จสิ้นไปเมื่อมาตบปากจูเหวิน ฮูหยินจูถึงได้เรียกสติกลับมาได้ นางคุกเข่าลงกับพื้นเสียงดังลั่นพลางเอ่ยขอร้อง“ท่านอ๋องอี้ ทั้งหมดเป็นเพราะหม่อมฉันสอนบุตรีไม่ดีเอง ขอร้องให้ท่านอ๋องอี้โปรดไว้ชีวิตเหวินเหวินของเราด้วยเถิดเพคะ!”เซียวหลินเทียนหัวเราะเยาะ “ใต้เท้าจูเป็นเจ้ากรมฝ่ายพิธีการ แต่สอนบุตรีตนเองได้ไม่ดี เช่นนั้นก็ให้ข้าช่วยสอนให้เขาเถิด!”“ใต้เท้าจูควรจะขอบคุณข้า เมื่อจูเหวินได้รับการสั่งสอนเช่นนี้ในวันนี้ ในภายภาคหน้านางจะควบคุมปากของตนได้ดี มิสร้างปัญหาใหญ่ให้กับใต้เท้าจูอีกต่อไป!”ทันทีที่ลู่หนานได้ยินสิ่งนี้ก็จับจูเหวินพลางเริ่มตบปากนางหลังจากตบปากไปยี่สิบครั้ง ใบหน้าของจูเหวินกับเจิงจื่ออวี้ก็บวมขึ้นมา พลางทรุดลงกับพื้นพร้อมน้ำตาที่ไหลอา
แม้ว่านางสารเลวหลิงอวี๋จะหลบหนีจากแผนการได้ แต่พวกนางก็ยังเตรียมแผนสำรองไว้รอนางอยู่!เรื่องที่ตนเองโดนตบสามครั้งนี่จดเอาไว้ก่อน เดี๋ยวนางจะกลับมาจัดการคิดบัญชีทั้งหมดในภายหลัง!เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เซียวทงก็กรีดร้องออกมาอย่างตื่นเต้น“เสด็จพี่สี่ ความจริงของเรื่องนี้ยังไม่แน่ชัดเลยนะ เหตุใดเสด็จพี่ถึงรีบร้อนลงโทษพวกนาง!”“บอกว่าองค์ชายสองเป็นคนใจร้อน แล้วเสด็จพี่มิเป็นคนใจร้อนหรือ?”“เหตุใดมิถามว่าบุรุษผู้นี้ว่าเป็นใครเล่า? หากมิเกี่ยวข้องอันใดกับหลิงอวี๋ เหตุใดเขาจึงเอ่ยคำมิน่าฟังเช่นนั้นได้!?”ทันทีที่เซียวทงเตือน คุณชายตระกูลจ้าวก็ตะโกนขึ้นมาด้วยเจตนาไม่ดี“ใช่ ไม่มีมูลฝอยหมาก็ไม่ขี้หรอก! หากนิสัยพระชายาอ๋องอี้ไม่มีปัญหาอะไร เหตุใดข่าวโคมลอยเช่นนี้ถึงแพร่กระจายออกไปได้เล่า?”“คนสองคนที่อยู่ในห้องนี้คือใครกัน? ท่านอ๋องอี้ยังมิทันจะตรวจสอบให้แน่ชัดก็รีบร้อนลงโทษเสียแล้ว มิเป็นการทำโดยพลการเกินไปหน่อยหรอกหรือ?”เซียวหลินเทียนเหลือบมองผู้พูดและจำจดเขาไว้ ประเดี๋ยวค่อยมาคิดบัญชีกับเขาทีหลัง!ขณะที่เซียวหลินเทียนกำลังจะพูด ทันใดนั้น คาดว่าสตรีบนพื้นจะตื่นแล้ว นางขยับตัว แล้วครึ่ง
ในที่สุดเสิ่นจวนก็ตื่นเต็มตา นางพยายามดิ้นรนกับกรีดร้อง “จ้าวซิง เจ้ามันสารเลว เจ้าทำกระไรกับข้า?”“อ๊าย… ไปให้พ้น… ท่านพี่ นี่มิใช่เยี่ยงนั้นนะ ข้ากับเขามิได้มีอะไร… เขาเป็นชู้ของพี่สะใภ้...”เสิ่นจวนบีบจ้าวซิงอย่างแรง หลังจากนั้นจ้าวซิงก็ตั้งสติได้ว่าเขาเข้าใจผิดคนเขาเงยหน้าขึ้นมาด้วยความตกใจ แล้วก็เห็นหลิงอวี๋ยืนอยู่ตรงข้ามอย่างสวย ๆ“เสี่ยวอวี๋… นี่มันเกิดอะไรขึ้นหรือ ข้ามีนัดกับเจ้า… แล้วเหตุใดกลายเป็นนางได้?”จ้าวซิงรีบวิ่งจะไปคว้ามือของหลิงอวี๋ แต่เถาจื่อเตะเข่าเขาอย่างแรง จนจ้าวซิงคุกเข่าลงบนพื้นเสียงดังลั่น“เสี่ยวอวี๋… เหตุใดเจ้าถึงใจร้ายกับข้าถึงเพียงนี้เล่า?”จ้าวซิงเอ่ยอย่างเสียใจ “เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าคนที่นัดกับข้าเมื่อครู่คือเจ้า เหตุใดถึงกลายเป็นนางไปได้?”ยังมิทันที่หลิงอวี๋จะพูดอะไร พระสนมหรงก็ตะโกนขึ้นมาก่อน “หลิงอวี๋ ได้ยินหรือไม่? ชู้ของเจ้ายอมรับแล้วว่าเจ้าคือคนที่ใส่ร้ายจวนเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าถึงใจร้ายถึงเพียงนี้!”“จวนเอ๋อร์คงจะไปรู้เรื่องมีชู้ของเจ้าแน่ เจ้าจึงวางแผนใส่ร้ายนางเช่นนี้!”หลิงอวี๋หมดคำพูด จนถึงเวลานี้พระสนมหรงยังมิยอมกลับตัวอีกหรือ?นางมองจ้
ท่านอ๋องเฉิงมีหรือจะมองเจตนาเล็ก ๆ ของจ้าวเจินเจินไม่ออก?เขาเหลือบมองจ้าวเจินเจินอย่างเย็นชา ดูเหมือนว่าวันนี้องค์ชายคังกับภรรยาจะอยากพิสูจน์เรื่องชู้ของหลิงอวี๋แล้วฆ่าหลิงอวี๋ไปเสีย!ท่านอ๋องเฉิงตัดสินใจแล้วว่าจะไม่มีทางให้พวกเขาทำได้สำเร็จ!ท่านอ๋องเฉิงยิ้มอย่างเย็นชา “ข้าเป็นผู้บัญชาการขุนนางฝ่ายในของราชสำนัก มีสิทธิ์ที่จะปกป้องชื่อเสียงของราชวงศ์”“จ้าวซิง เจ้าน่าจะรู้นะ… การใส่ร้ายสมาชิกราชวงศ์ โทษเบาคือการโบยห้าสิบที ส่วนโทษหนักอาจถึงขั้นประหารชีวิตได้ขึ้นอยู่กับความร้ายแรงของความผิด!”จ้าวซิงกลัวมาก ร้ายแรงถึงเพียงนั้นเลยหรือ!แต่แล้วเขาก็นึกได้ว่าแผนของจ้าวเจินเจินนั้นสมบูรณ์แบบมาก ไม่มีทางผิดพลาดอย่างแน่นอน!จ้าวซิงจึงมีความกล้ามากขึ้น พลางตะโกน“กระหม่อมมีหลักฐาน… ท่านอ๋องเฉิง กระหม่อมกับเสี่ยวอวี้รักกันด้วยใจจริง… กระหม่อมมีเสื้อชั้นในที่นางมอบให้มายืนยัน!”จ้าวซิงพูดพลางหยิบเสื้อชั้นในสีชมพูออกมา ส่วนบนมีลายเส้นบาง ๆ และมีเป็ดแมนดารินที่หันหน้าชนกันคู่หนึ่งปักอยู่ตรงกลางเสื้อชั้นในนี้ทำให้สตรีบางคนถึงหน้าแดงขึ้นมาทันทีที่เห็นนั่นเป็นเสื้อผ้าส่วนตัวของผู้หญิง เ
หลิงอวี๋โกรธมาก มาถึงขั้นนี้แล้ว พวกของจ้าวซิงยังกล้าใส่ร้ายตนอย่างไม่ละอายอีก!คำพูดเช่นนี้หากไร้ผู้ใดหนุนหลังอยู่ พูดไปใครจะเชื่อเล่า?แต่จ้าวซิงรู้ได้เยี่ยงไรว่าตนเองไปที่ไร่?หรือฟังจากที่เสิ่นจวนบอก?หลิงอวี๋มองเสิ่นจวน มิน่าเล่าหลายวันมานี้เสิ่นจวนถึงได้อยู่ในตำหนักอ๋องอี้อย่างสงบเสงี่ยม ที่แท้ก็ตั้งอกตั้งใจหาหลักฐานมาโค่นล้มตนเองนี่เอง!บางคนไม่รู้เรื่องภายใน จึงโวยวายใส่ทางหลิงอวี๋“เขามีพยานกับหลักฐานมายืนยันแล้ว พระชายาอ๋องอี้ยังยืนกรานมิยอมรับ ช่างไร้ยางอายเสียจริง!”“นั่นน่ะสิ บางทีอาจจเป็นเพราะท่านอ๋องอี้บาดเจ็บที่ขามิสามารถทำให้นางพอใจได้ จึงไปมีความสัมพันธ์ลับหลังท่านอ๋องอี้!”ท่านอ๋องเฉิงเห็นว่าคนเหล่านี้ยิ่งพูดก็ยิ่งไม่น่าฟัง จึงตะคอกออกมาด้วยความโกรธ“หุบปากเสีย! พวกเจ้าเป็นผู้ตัดสินหรือว่าข้าเป็นผู้ตัดสินกันแน่? หากสอดขึ้นมาอีก ก็อย่ามาหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”หลายคนที่พูดเมื่อครู่นี้เห็นถึงความโกรธของท่านอ๋องเฉิงก็เงียบไปองค์ชายคังหาได้สนใจความโกรธของท่านอ๋องเฉิงไม่ จึงยิ้มเยาะพลางเอ่ย “ท่านปู่เฉิง นี่ยังจำเป็นต้องสอบสวนอีกหรือ? จ้าวซิงมีทั้งพยานและหลักฐาน สิ