องค์ชายคังถูกหลิงอวี๋บีบจนทำอะไรไม่ถูก จึงหัวเราะเจ้าเล่ห์“พระชายาอ๋องอี้ นี่มิใช่ว่ากำลังแสดงความคิดเห็นเรื่องคดีหรือ? ข้าแค่พูดไปตามเนื้อผ้าเท่านั้น มิได้กล่าวโทษว่าเจ้ามีชู้นี่!”“หากเจ้ามีหลักฐานมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเจ้าก็เอาออกมาสิ! หากไม่มีก็ยอมรับผิดแต่โดยดีเถอะ!”หลิงอวี๋มององค์ชายคังอย่างดูถูก องค์ชายคังเจ้าเล่ห์กว่าองค์หญิงหกมากนัก!นี่เป็นการเตรียมรับมือหาทางหนีทีไล่ให้ตนแล้ว!หึ วันนี้หนีได้ แต่พรุ่งนี้ก็หนีไม่พ้นหรอก!องค์ชายคังผู้นี้ ดูเหมือนว่าเขาจะเสียเปรียบในเรื่องกวนอิ่งครั้งที่แล้วเบาเกินไปสินะ ถึงไม่จำจดบทเรียนเอาไว้!เช่นนั้นก็รอตนมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาอีกก็แล้วกัน!หลิงอวี๋ชี้องค์หญิงหกแล้วตะโกน “ท่านอ๋องเฉิงเพคะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นหลิงอวี๋จะฟ้ององค์หญิงหกที่ทะเลาะกันเองในครอบครัว!”จากนั้นหลิงอวี๋ก็ชี้ไปที่พวกจ้าวซิงพลางเอ่ยอย่างเย็นชา “และหลิงอวี๋จะฟ้องพวกคนสกุลจ้าวที่ใส่ร้ายหม่อมฉัน! และใส่ร้ายสมาชิกของราชวงศ์ด้วย!”“สุดท้ายจะฟ้องพวกคนชั่วเหล่านี้ที่ช่วยจ้าวซิงใส่ร้ายหม่อมฉัน!”เซียวทงได้ยินก็หัวเราะอย่างร้าย ๆ “เจ้าจะฟ้องข้าว่าทะเล
เมื่อเซียวหลินเทียนพูดเช่นนี้ ลู่หนานก็ไม่สนใจอะไรแล้ว เขาชักดาบออกมายืนอยู่ข้างหน้าเซียวหลินเทียนเผยอวี้ยิ้มอย่างเกียจคร้าน “ผู้ใดกล้าแตะต้องสหายของข้า นั่นคือศัตรูของข้าเผยอวี้เช่นกัน!”เขากอดดาบของตนอยู่ในอ้อมแขน ท่าทางขี้เกียจกับรูปร่างสูงของเขายืนอยู่ข้าง ๆ เซียวหลินเทียน ท่าทางชัดเจนอันเจ๋อเห็นเข้าก็วิ่งไปข้างหน้าทันที แล้วยิ้มเยาะพลางเอ่ย “จะสู้โดยไม่มีข้าได้เยี่ยงไรเล่า!”“องค์ชายคัง เราคุยกันด้วยเหตุผล! จ้าวซิงผู้นี้มีตัวตนเยี่ยงไร? เขาทำให้พระชายาอ๋องอี้อับอายเช่นนี้ เหตุใดพระชายาอ๋องอี้จะให้คนทุบตีเขามิได้?”“หรือว่าหากคนอื่นพูดเช่นนี้กับพระชายาคัง? องค์ชายคังจะทนได้หรือ?”สีหน้าองค์ชายคังดูแย่มาก แต่คำพูดของอันเจ๋อทำให้เขาไม่สามารถโต้แย้งได้เลย!ยิ่งไปกว่านั้น จะต้องมีเรื่องบาดหมางกับพี่น้องเช่นเซียวหลินเทียนเพราะทาสต่ำต้อยผู้หนึ่งหรือ?หากพี่น้องแตกคอทะเลาะกันเอง โทษหนักก็คือจะถูกจองจำไปตลอดชีวิตเชียวนะ!องค์ชายสามรุ่ยมองอย่างเงียบ ๆ อยู่ด้านข้างแม้ว่าเขาจะมองสถานการณ์นี้ออก แต่การที่พี่สองกับน้องสี่ทะเลาะกันอย่างน่าอายนั้นกลับเป็นโอกาสของตนดังนั้นเขาจึงไม่อ
เสิ่นจวนรีบอธิบาย “ข้า ข้ากังวลว่าจะมีคนที่คิดมิดีบุกเข้าไป ดังนั้น ดังนั้น...”เสียงของนางเบาลงเรื่อย ๆ เพราะแม้นางเองก็รู้ว่าเหตุผลนี้ไม่เพียงพอที่จะโน้มน้าวธารกำนัล และอาจทำให้คนสงสัยในตัวนางด้วย!“เช่นนั้นเจ้าก็ช่างใส่ใจเสียจริง!”หลิงอวี๋ยิ้มเหน็บแนม พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อย่างไรก็ตาม เมื่อหลิงซวนนำอาภรณ์มาให้ข้า ประตูมิได้ลงกลอน!”“หากเจ้าจัดการให้นางรับใช้ลงกลอน เช่นนั้นเจ้าก็ต้องไปถามนางรับใช้ของเจ้าว่ามันเกิดเรื่องอันใดขึ้น!”เสิ่นจวนรู้อยู่แล้วว่าตนเองผิดพลาด ไหนเลยจะกล้าจับจ้องเรื่องลงกลอนแล้วตำหนิหลิงอวี๋ต่อ!หลิงซวนก้าวไปพลางเอ่ย “ท่านอ๋องเฉิงเพคะ หม่อมฉันสาบานได้ว่า ตอนที่หม่อมฉันนำอาภรณ์ไปให้อาจารย์ ประตูมิได้ลงกลอนเพคะ!”“อาจารย์ของหม่อมฉันคิดว่านัดแนะกับท่านอ๋องอี้ไว้แล้วจะกลับไป จึงออกไปหาท่านอ๋องอี้ แล้วก็ได้พบกับพระชายาเย่!”พระชายาเย่กับองค์ชายเย่ที่กำลังดูความสนุกสนานอยู่ด้านหลังตามหลิงอวี๋เข้ามาพวกเขาทั้งสองพยักหน้าพลางเอ่ย “พวกเราเป็นพยานได้ว่าพี่สะใภ้สี่กับหลิงซวนอยู่กับพวกเราตลอด!”องค์ชายเย่มีนิสัยไม่สนใจสิ่งใด และมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพระช
แต่นางรับใช้ของพระชายาผิงหนานได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี มีหรือจะปล่อยให้นางแย่งชิงไปได้?หลังจากเตะออกไปแล้ว ก็ยกขอบเสื้อชั้นในขึ้นให้ทุกคนเห็นคำว่าจวนได้อย่างชัดเจนจ้าวซิงสีหน้าเปลี่ยนไปแล้ว หลังจากที่เขาจ้องมองเสิ่นจวนด้วยความโกรธแล้ว ก็ตะโกนอย่างรวดเร็ว“เสี่ยวอวี๋ เจ้าเปลี่ยนเสื้อชั้นในเมื่อใดกัน! เห็น ๆ อยู่ว่าตอนที่มอบให้ข้าเจ้าปักชื่อของเจ้าไว้!”เถาจื่อตะคอกด้วยความโกรธ “ไอ้สารเลว หากกล้าใส่ร้ายคุณหนูของข้าอีก ข้าจะฟาดให้ฟันหมดปากเลย!”จ้าวซิงตะโกนอย่าง ‘คับข้องใจ’ “ท่านอ๋องเฉิง แม้ว่าหลักฐานจะถูกหลิงอวี๋เปลี่ยนไปแล้ว แต่กระหม่อมก็ยังมีพยานอยู่นะพ่ะย่ะค่ะ!”“เหอะ ๆ… พยานของเจ้าหมายถึงพวกเขาหรือ?”หลิงอวี๋ยื่นมือออกไปกวาดชี้พวกคุณชายลามกเมื่อครู่ แล้วยิ้มเยาะพลางเอ่ย“ใครก็ได้ในพวกเจ้าออกมาบอกข้าที! ข้าไปมีความสัมพันธ์กับไอ้เลวแซ่จ้าวที่ใดและเมื่อใด?”จ้าวเจินเจินฟังคำพูดคำจาของหลิ่งอวี๋แล้วก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่คิดไม่ออกว่ามันผิดปกติตรงที่ใดอันซิน หลิงหว่าน กับเจียงอวี้พยายามจะกลั้นหัวเราะไอ้เลวแซ่จ้าว!คำพูดของท่านพี่หลิงหลิงราวกับด่าตระกูลจ้าวทุกคนที
คุณชายพวกนี้ล้วนเป็นพวกชอบเที่ยวเตร่เกียจคร้าน ก่อนหน้านี้ประจบประแจงจ้าวซิงเพียงเพื่อจะเอาผลประโยชน์เท่านั้น!แต่หากถูกตัดสินว่าร่วมมือกับศัตรู เช่นนั้นคงต้องถูกตัดหัวทั้งครอบครัวแน่!“ท่านอ๋องอี้ ทุกอย่างที่เราพูดไปล้วนเป็นความจริงพ่ะย่ะค่ะ! เรามิเคยเห็นพระชายาอ๋องอี้ติดต่อกับจ้าวซิงเลย! ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการโอ้อวดของเขาเองผู้เดียวพ่ะย่ะค่ะ!”“เมื่อครู่ตอนที่เรามา มีสตรีนางหนึ่งอยู่ข้างใน เราก็คิดว่านางคือพระชายาอ๋องอี้!”อู๋เลี่ยงตะโกน “ท่านอ๋องอี้ จ้าวซิงผู้นี้ชอบคุยโวโอ้อวด ปกติแล้วมักจะพูดว่าเป็นชู้กับคนนั้นคนนี้ไปทั่ว…แต่เราฟังเป็นเรื่องตลกพ่ะย่ะค่ะ!”“วันนี้เขาสาบานว่ามีหลักฐานให้เราดู เราจึงตามเขาไปดูด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”เพื่อจะกำจัดข้อหาร่วมมือกับศัตรู พวกเขาจึงรีบชิงเปิดเผยจ้าวซิงก่อนเมื่อจ้าวเจินเจินเห็นว่าคนเหล่านี้หวาดกลัวเซียวหลินเทียนจนบอกความจริงออกมา สีหน้าของนางก็ดูแย่มากนางจ้องมองเสิ่นจวนด้วยความโกรธเสิ่นจวนเป็นคนบอกว่า ที่หลิงอวี๋ไปอยู่ที่ไร่นานั่นคือนางไปมีสัมพันธ์กับบุรุษ นางจึงให้จ้าวซิงพูดเช่นนี้ไหนเลยจะคิดว่าเซียวหลินเทียนต่างหากที่เป็นคนซื้อไร่นานี้
“จ้าวซิง อย่าพูดจาไร้สาระ...! ข้ามิได้มีความสัมพันธ์อะไรกับเจ้าเลย! พวกเจ้าต่างหากที่กำลังวางแผนกำจัดข้า!”เสิ่นจวนกรีดร้องออกมาข้อหาร่วมมือกับศัตรู หากความผิดนี้มาตกอยู่ที่ตน แม้แต่พระสนมหรงก็มิสามารถปกป้องตนได้!ยิ่งเสิ่นจวนคิดก็ยิ่งกลัว เวลานี้นางมิสนใจเรื่องใส่ร้ายหลิงอวี๋อีกต่อไปแล้ว แค่อยากหลุดพ้นข้อหานี้เท่านั้น!นางครุ่นคิด อยากจะจัดการจ้าวเจินเจิน ทั้งหมดนี้เป็นแผนของจ้าวเจินเจิน เหตุใดจ้าวเจินเจินจึงปลอดภัยไม่เป็นไรเลยเล่า!จ้าวเจินเจินกลัวว่าเสิ่นจวนจะเปิดโปงตน จึงชิงเอ่ยเสียก่อน “เสิ่นจวน! ทุกคนต่างรู้กันดีว่าเจ้ารักท่านอ๋องอี้และอยากจะแต่งงานกับเขา!”“แต่เจ้ามิสามารถใส่ร้ายพระชายาอ๋องอี้เพียงเพราะเจ้าอยากเป็นพระชายาได้! เจ้าเกือบทำให้เราเข้าใจพระชายาอ๋องอี้ผิดไปเสียแล้ว!”เสิ่นจวนตะโกนด้วยความโกรธ “จ้าวเจินเจิน เรื่องเกี่ยวกับไร่นานั้นข้าบอกแค่เจ้า!”“จะต้องเป็นเจ้าแน่นอนที่ช่วยสายสืบผู้นั้น! แล้วเรื่องที่ใส่ร้ายพี่สะใภ้ของข้าในวันนี้ก็เป็นแผนการของเจ้าด้วย...”สีหน้าของจ้าวเจินเจินมิได้เปลี่ยนเมื่อเผชิญกับข้อกล่าวหาของเสิ่นจวน นางส่ายหัวให้กับทุกคนอย่างจนใจพลางเ
เซียวทงตกตะลึงไปแล้ว นางไม่คิดเลยว่าหลังจากที่มีทั้งพยานวัตถุและพยานบุคคลแล้วหลิงอวี๋จะยังสามารถพลิกสถานการณ์ต่อไปได้อีก!เมื่อเห็นหลิงอวี๋กล่าวหาจ้าวซิง เซียวทงก็อยากจะวิ่งหนีไปทันทีเลยเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้นางรู้แล้วว่าหลิงอวี๋เป็นคนที่ใส่ใจในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ!นางจะไม่ปล่อยพวกคนที่รังแกหลิงอวี๋ไปเลยสักคน!เจิงจื่ออวี้ จูเหวินและลั่วอวี้จูที่แข่งความสามารถก่อนหน้านี้ก็ถือเสียว่าเป็นบทเรียนจากความล้มเหลวไป!ทว่าตนไม่เพียงแต่วางแผนจัดการกับหลิงอวี๋เท่านั้น แต่ยังใส่ร้ายนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำผิดยิ่งกว่าคนเหล่านั้นเสียอีก หลิงอวี๋จะปล่อยตนไปหรือ?เมื่อนึกถึงความผิดที่หลิงอวี๋กล่าวหาตนว่าแตกคอกันกับครอบครัว เซียวทงก็รู้สึกกลัวขึ้นมาเป็นครั้งแรก หลิงอวี๋คงจะไม่ให้ท่านปู่เฉิงทุบตีตนจริง ๆ หรอกใช่หรือไม่!ฉินรั่วซือเองก็นิ่งเฉยอยู่ไม่ได้แล้ว พอเห็นว่าหลิงอวี๋ขจัดเรื่องความผิดออกไปได้หมดแล้ว ขั้นตอนต่อไปต้องเป็นการคิดบัญชีอย่างแน่นอน!นางเป็นคนแนะนำให้องค์หญิงหกใส่ร้ายหลิงอวี๋ หากองค์หญิงหกถูกลงโทษ จะต้องโกรธนางเป็นแน่!ฉินรั่วซือเห็นว่า สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่องค์หญิงหกกั
แต่จ้าวเจินเจินกลับมิได้รับผลกระทบจากคำพูดเหล่านี้เลย พลางเอ่ยอย่างไร้ซึ่งความผิดด้วย“ทุกท่านเข้าใจผิดไปแล้ว… ข้ามิเคยได้ยินมาก่อนว่าข้ามีลูกพี่ลูกน้องชื่อจ้าวซิง!”“ทุกท่านรู้ดีว่าครอบครัวแม่ของข้ามีลูกพี่ลูกน้องมากมาย ข้าจำได้แค่ลูกพี่ลูกน้องของข้าอย่างพวกจ้าวเฉียงฮั๋วที่ใกล้ชิดกันทางสายเลือด แต่ในเมื่อคุณชายจ้าวพูดเช่นนี้ ข้าก็อยากจะถามเขาให้ชัดเจนเสียหน่อย!”จ้าวเจินเจินพูดไป ก็มองจ้าวซิงด้วยสายตาที่เฉียบคมไปด้วย“คุณชายจ้าว ท่านคิดให้ดีก่อนแล้วค่อยพูดเถิด...!”“ท่านเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้าจริง ๆ หรือ? เหตุใดข้ามิเคยเห็นท่านมาก่อน? บิดามารดาของท่านคือผู้ใดกัน?”“ท่านช่วยเตือนข้าหน่อย แล้วข้าจะกลับไปถามท่านพ่อข้าว่ามีครอบครัวของท่านอยู่ในตระกูลหรือไม่!”จ้าวซิงรู้สึกหวาดกลัวสายตาเย็นชาของจ้าวเจินเจินครอบครัวของเขาเป็นญาติของตระกูลจ้าวก็จริง แต่อยู่ห่างจากตระกูลจ้าวที่จวนอัครเสนาบดีไปแสนแปดพันลี้เลยทีเดียวตอนแรกเขามาหาจ้าวเจินเจิน เพราะอยากให้นางช่วยพูดให้ครอบครัวจ้าวของพวกเขาได้รวมอยู่ในลำดับวงศ์ตระกูลของตระกูลจ้าวในจวนอัครเสนาบดีด้วย ครอบครัวจะได้มีอนาคตที่ดีแต่จ้าวเจิ