เสิ่นจวนรีบอธิบาย “ข้า ข้ากังวลว่าจะมีคนที่คิดมิดีบุกเข้าไป ดังนั้น ดังนั้น...”เสียงของนางเบาลงเรื่อย ๆ เพราะแม้นางเองก็รู้ว่าเหตุผลนี้ไม่เพียงพอที่จะโน้มน้าวธารกำนัล และอาจทำให้คนสงสัยในตัวนางด้วย!“เช่นนั้นเจ้าก็ช่างใส่ใจเสียจริง!”หลิงอวี๋ยิ้มเหน็บแนม พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อย่างไรก็ตาม เมื่อหลิงซวนนำอาภรณ์มาให้ข้า ประตูมิได้ลงกลอน!”“หากเจ้าจัดการให้นางรับใช้ลงกลอน เช่นนั้นเจ้าก็ต้องไปถามนางรับใช้ของเจ้าว่ามันเกิดเรื่องอันใดขึ้น!”เสิ่นจวนรู้อยู่แล้วว่าตนเองผิดพลาด ไหนเลยจะกล้าจับจ้องเรื่องลงกลอนแล้วตำหนิหลิงอวี๋ต่อ!หลิงซวนก้าวไปพลางเอ่ย “ท่านอ๋องเฉิงเพคะ หม่อมฉันสาบานได้ว่า ตอนที่หม่อมฉันนำอาภรณ์ไปให้อาจารย์ ประตูมิได้ลงกลอนเพคะ!”“อาจารย์ของหม่อมฉันคิดว่านัดแนะกับท่านอ๋องอี้ไว้แล้วจะกลับไป จึงออกไปหาท่านอ๋องอี้ แล้วก็ได้พบกับพระชายาเย่!”พระชายาเย่กับองค์ชายเย่ที่กำลังดูความสนุกสนานอยู่ด้านหลังตามหลิงอวี๋เข้ามาพวกเขาทั้งสองพยักหน้าพลางเอ่ย “พวกเราเป็นพยานได้ว่าพี่สะใภ้สี่กับหลิงซวนอยู่กับพวกเราตลอด!”องค์ชายเย่มีนิสัยไม่สนใจสิ่งใด และมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพระช
แต่นางรับใช้ของพระชายาผิงหนานได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี มีหรือจะปล่อยให้นางแย่งชิงไปได้?หลังจากเตะออกไปแล้ว ก็ยกขอบเสื้อชั้นในขึ้นให้ทุกคนเห็นคำว่าจวนได้อย่างชัดเจนจ้าวซิงสีหน้าเปลี่ยนไปแล้ว หลังจากที่เขาจ้องมองเสิ่นจวนด้วยความโกรธแล้ว ก็ตะโกนอย่างรวดเร็ว“เสี่ยวอวี๋ เจ้าเปลี่ยนเสื้อชั้นในเมื่อใดกัน! เห็น ๆ อยู่ว่าตอนที่มอบให้ข้าเจ้าปักชื่อของเจ้าไว้!”เถาจื่อตะคอกด้วยความโกรธ “ไอ้สารเลว หากกล้าใส่ร้ายคุณหนูของข้าอีก ข้าจะฟาดให้ฟันหมดปากเลย!”จ้าวซิงตะโกนอย่าง ‘คับข้องใจ’ “ท่านอ๋องเฉิง แม้ว่าหลักฐานจะถูกหลิงอวี๋เปลี่ยนไปแล้ว แต่กระหม่อมก็ยังมีพยานอยู่นะพ่ะย่ะค่ะ!”“เหอะ ๆ… พยานของเจ้าหมายถึงพวกเขาหรือ?”หลิงอวี๋ยื่นมือออกไปกวาดชี้พวกคุณชายลามกเมื่อครู่ แล้วยิ้มเยาะพลางเอ่ย“ใครก็ได้ในพวกเจ้าออกมาบอกข้าที! ข้าไปมีความสัมพันธ์กับไอ้เลวแซ่จ้าวที่ใดและเมื่อใด?”จ้าวเจินเจินฟังคำพูดคำจาของหลิ่งอวี๋แล้วก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่คิดไม่ออกว่ามันผิดปกติตรงที่ใดอันซิน หลิงหว่าน กับเจียงอวี้พยายามจะกลั้นหัวเราะไอ้เลวแซ่จ้าว!คำพูดของท่านพี่หลิงหลิงราวกับด่าตระกูลจ้าวทุกคนที
คุณชายพวกนี้ล้วนเป็นพวกชอบเที่ยวเตร่เกียจคร้าน ก่อนหน้านี้ประจบประแจงจ้าวซิงเพียงเพื่อจะเอาผลประโยชน์เท่านั้น!แต่หากถูกตัดสินว่าร่วมมือกับศัตรู เช่นนั้นคงต้องถูกตัดหัวทั้งครอบครัวแน่!“ท่านอ๋องอี้ ทุกอย่างที่เราพูดไปล้วนเป็นความจริงพ่ะย่ะค่ะ! เรามิเคยเห็นพระชายาอ๋องอี้ติดต่อกับจ้าวซิงเลย! ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการโอ้อวดของเขาเองผู้เดียวพ่ะย่ะค่ะ!”“เมื่อครู่ตอนที่เรามา มีสตรีนางหนึ่งอยู่ข้างใน เราก็คิดว่านางคือพระชายาอ๋องอี้!”อู๋เลี่ยงตะโกน “ท่านอ๋องอี้ จ้าวซิงผู้นี้ชอบคุยโวโอ้อวด ปกติแล้วมักจะพูดว่าเป็นชู้กับคนนั้นคนนี้ไปทั่ว…แต่เราฟังเป็นเรื่องตลกพ่ะย่ะค่ะ!”“วันนี้เขาสาบานว่ามีหลักฐานให้เราดู เราจึงตามเขาไปดูด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”เพื่อจะกำจัดข้อหาร่วมมือกับศัตรู พวกเขาจึงรีบชิงเปิดเผยจ้าวซิงก่อนเมื่อจ้าวเจินเจินเห็นว่าคนเหล่านี้หวาดกลัวเซียวหลินเทียนจนบอกความจริงออกมา สีหน้าของนางก็ดูแย่มากนางจ้องมองเสิ่นจวนด้วยความโกรธเสิ่นจวนเป็นคนบอกว่า ที่หลิงอวี๋ไปอยู่ที่ไร่นานั่นคือนางไปมีสัมพันธ์กับบุรุษ นางจึงให้จ้าวซิงพูดเช่นนี้ไหนเลยจะคิดว่าเซียวหลินเทียนต่างหากที่เป็นคนซื้อไร่นานี้
“จ้าวซิง อย่าพูดจาไร้สาระ...! ข้ามิได้มีความสัมพันธ์อะไรกับเจ้าเลย! พวกเจ้าต่างหากที่กำลังวางแผนกำจัดข้า!”เสิ่นจวนกรีดร้องออกมาข้อหาร่วมมือกับศัตรู หากความผิดนี้มาตกอยู่ที่ตน แม้แต่พระสนมหรงก็มิสามารถปกป้องตนได้!ยิ่งเสิ่นจวนคิดก็ยิ่งกลัว เวลานี้นางมิสนใจเรื่องใส่ร้ายหลิงอวี๋อีกต่อไปแล้ว แค่อยากหลุดพ้นข้อหานี้เท่านั้น!นางครุ่นคิด อยากจะจัดการจ้าวเจินเจิน ทั้งหมดนี้เป็นแผนของจ้าวเจินเจิน เหตุใดจ้าวเจินเจินจึงปลอดภัยไม่เป็นไรเลยเล่า!จ้าวเจินเจินกลัวว่าเสิ่นจวนจะเปิดโปงตน จึงชิงเอ่ยเสียก่อน “เสิ่นจวน! ทุกคนต่างรู้กันดีว่าเจ้ารักท่านอ๋องอี้และอยากจะแต่งงานกับเขา!”“แต่เจ้ามิสามารถใส่ร้ายพระชายาอ๋องอี้เพียงเพราะเจ้าอยากเป็นพระชายาได้! เจ้าเกือบทำให้เราเข้าใจพระชายาอ๋องอี้ผิดไปเสียแล้ว!”เสิ่นจวนตะโกนด้วยความโกรธ “จ้าวเจินเจิน เรื่องเกี่ยวกับไร่นานั้นข้าบอกแค่เจ้า!”“จะต้องเป็นเจ้าแน่นอนที่ช่วยสายสืบผู้นั้น! แล้วเรื่องที่ใส่ร้ายพี่สะใภ้ของข้าในวันนี้ก็เป็นแผนการของเจ้าด้วย...”สีหน้าของจ้าวเจินเจินมิได้เปลี่ยนเมื่อเผชิญกับข้อกล่าวหาของเสิ่นจวน นางส่ายหัวให้กับทุกคนอย่างจนใจพลางเ
เซียวทงตกตะลึงไปแล้ว นางไม่คิดเลยว่าหลังจากที่มีทั้งพยานวัตถุและพยานบุคคลแล้วหลิงอวี๋จะยังสามารถพลิกสถานการณ์ต่อไปได้อีก!เมื่อเห็นหลิงอวี๋กล่าวหาจ้าวซิง เซียวทงก็อยากจะวิ่งหนีไปทันทีเลยเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้นางรู้แล้วว่าหลิงอวี๋เป็นคนที่ใส่ใจในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ!นางจะไม่ปล่อยพวกคนที่รังแกหลิงอวี๋ไปเลยสักคน!เจิงจื่ออวี้ จูเหวินและลั่วอวี้จูที่แข่งความสามารถก่อนหน้านี้ก็ถือเสียว่าเป็นบทเรียนจากความล้มเหลวไป!ทว่าตนไม่เพียงแต่วางแผนจัดการกับหลิงอวี๋เท่านั้น แต่ยังใส่ร้ายนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำผิดยิ่งกว่าคนเหล่านั้นเสียอีก หลิงอวี๋จะปล่อยตนไปหรือ?เมื่อนึกถึงความผิดที่หลิงอวี๋กล่าวหาตนว่าแตกคอกันกับครอบครัว เซียวทงก็รู้สึกกลัวขึ้นมาเป็นครั้งแรก หลิงอวี๋คงจะไม่ให้ท่านปู่เฉิงทุบตีตนจริง ๆ หรอกใช่หรือไม่!ฉินรั่วซือเองก็นิ่งเฉยอยู่ไม่ได้แล้ว พอเห็นว่าหลิงอวี๋ขจัดเรื่องความผิดออกไปได้หมดแล้ว ขั้นตอนต่อไปต้องเป็นการคิดบัญชีอย่างแน่นอน!นางเป็นคนแนะนำให้องค์หญิงหกใส่ร้ายหลิงอวี๋ หากองค์หญิงหกถูกลงโทษ จะต้องโกรธนางเป็นแน่!ฉินรั่วซือเห็นว่า สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่องค์หญิงหกกั
แต่จ้าวเจินเจินกลับมิได้รับผลกระทบจากคำพูดเหล่านี้เลย พลางเอ่ยอย่างไร้ซึ่งความผิดด้วย“ทุกท่านเข้าใจผิดไปแล้ว… ข้ามิเคยได้ยินมาก่อนว่าข้ามีลูกพี่ลูกน้องชื่อจ้าวซิง!”“ทุกท่านรู้ดีว่าครอบครัวแม่ของข้ามีลูกพี่ลูกน้องมากมาย ข้าจำได้แค่ลูกพี่ลูกน้องของข้าอย่างพวกจ้าวเฉียงฮั๋วที่ใกล้ชิดกันทางสายเลือด แต่ในเมื่อคุณชายจ้าวพูดเช่นนี้ ข้าก็อยากจะถามเขาให้ชัดเจนเสียหน่อย!”จ้าวเจินเจินพูดไป ก็มองจ้าวซิงด้วยสายตาที่เฉียบคมไปด้วย“คุณชายจ้าว ท่านคิดให้ดีก่อนแล้วค่อยพูดเถิด...!”“ท่านเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้าจริง ๆ หรือ? เหตุใดข้ามิเคยเห็นท่านมาก่อน? บิดามารดาของท่านคือผู้ใดกัน?”“ท่านช่วยเตือนข้าหน่อย แล้วข้าจะกลับไปถามท่านพ่อข้าว่ามีครอบครัวของท่านอยู่ในตระกูลหรือไม่!”จ้าวซิงรู้สึกหวาดกลัวสายตาเย็นชาของจ้าวเจินเจินครอบครัวของเขาเป็นญาติของตระกูลจ้าวก็จริง แต่อยู่ห่างจากตระกูลจ้าวที่จวนอัครเสนาบดีไปแสนแปดพันลี้เลยทีเดียวตอนแรกเขามาหาจ้าวเจินเจิน เพราะอยากให้นางช่วยพูดให้ครอบครัวจ้าวของพวกเขาได้รวมอยู่ในลำดับวงศ์ตระกูลของตระกูลจ้าวในจวนอัครเสนาบดีด้วย ครอบครัวจะได้มีอนาคตที่ดีแต่จ้าวเจิ
เสิ่นจวนโกรธเพราะคำพูดของเซียวทงกับจ้าวเจินเจินจนตัวสั่น เห็น ๆ กันอยู่ว่าแผนการใส่ร้ายหลิงอวี๋เป็นการหารือและดำเนินการร่วมกันทุกคน!บัดนี้พอเรื่องมันเปิดเผยออกมาแล้ว พวกนางจะให้ตนเป็นแพะรับบาปไปเพียงผู้เดียว!แต่ก่อนหน้านี้พวกนางได้หารือกันด้วยวาจา ไหนเลยจะมีหลักฐานมายืนยันได้ว่าจ้าวเจินเจินกับจ้าวซิงสมคบคิดกัน!เมื่อเห็นว่าเสิ่นจวนพูดมิออก จ้าวเจินเจินก็โค้งคำนับท่านอ๋องเฉิง พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงใจ“ท่านอ๋องเฉิง ความจริงปรากฏแล้วว่า เสิ่นจวนกับจ้าวซิงเห็นว่าเรื่องถูกเปิดโปงจึงใส่ร้ายพระชายาอ๋องอี้ ทั้งยังให้ร้ายหม่อมฉันเพคะ!”“คนเช่นนี้ควรถูกประหารเพื่อเป็นเยี่ยงอย่างต่อผู้อื่นเพคะ!”เซียวทงก็ตะโกนเช่นกัน “ถูกต้อง! เสิ่นจวนกับจ้าวซิงร่วมมือกันใส่ร้ายพระชายาอ๋องอี้ เมื่อทำเรื่องผิดศีลธรรม นางก็ควรถูกประหารด้วย!”เซียวทงโกรธแค้นเรื่องที่เซียวหลินเทียนปกป้องหลิงอวี๋ในวันนี้ เสิ่นจวนเป็นลูกพี่ลูกน้องของเซียวหลินเทียน เช่นนั้นจึงจะให้เสิ่นจวนตายไปด้วยเช่นกัน!ท่านอ๋องเฉิงเบื่อหน่ายกับเรื่องในวันนี้แล้ว เขาจ้องจ้าวซิงอย่างรังเกียจพลางพยักหน้า“จ้าวซิงใส่ร้ายพระชายาอ๋องอี้และย่ำ
พระสนมหรงกรีดร้องออกมาอย่างตกใจ“จวนเอ๋อร์!”หลิงอวี๋ไม่คาดคิดว่าเสิ่นจวนที่สับสนมานานถึงเพียงนั้น จะได้สติหลังจากถูกเอาเปรียบมากถึงเพียงนี้แม้ว่าการใช้วิธีตายเพื่อแสดงเจตจำนงจะดูโง่ไปหน่อย แต่ก็ยังทำให้หลิงอวี๋มองนางสูงขึ้นนางหาได้สนใจไม่ที่ก่อนหน้านี้เสิ่นจวนช่วยเหลือพวกคนทำชั่วแต่นางมิสามารถเพิกเฉยต่อเสิ่นจวนที่ตั้งใจจะตายเพื่อแสดงเจตจำนงในบัดนี้ได้!“หลิงซวน เอาล่วมยาของข้ามา!”หลิงอวี๋รีบวิ่งเข้าไปช่วยเสิ่นจวน นางหยิบผ้าออกมาปิดบนหน้าผากของเสิ่นจวนไว้เพื่อห้ามเลือดไม่ให้ไหลออกมาอีกทันใดนั้น หลิงอวี๋ก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าบาดแผลของเสิ่นจวนไม่ได้ถึงแก่ชีวิตเมื่อนึกย้อนถึงการกระทำของนางรับใช้ของเสิ่นจวน มุมริมฝีปากของนางก็โค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มชื่นชมไม่คาดคิดเลยว่าเสิ่นจวนที่ไร้สมองมาโดยตลอด ในที่สุดก็ฉลาดได้เสียที!นางใช้การกระทำเช่นนี้เพื่อหลอกจ้าวเจินเจินกับองค์หญิงหก!ผู้คนที่อยู่ในที่แห่งนี้ไม่เชื่อข้อกล่าวหาที่เสิ่นจวนกล่าวถึงองค์หญิงหกกับจ้าวเจินเจินมิใช่หรือ?การที่เสิ่นจวนตายเพื่อแสดงเจตจำนง ผู้ใดบ้างเล่าจะมิเห็นใจผู้อ่อนแอ!มีเลือดมากมายไหลอยู่บนพื้น ภาพที่
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร
หลิงอวี๋ฟังแล้วก็อดอมยิ้มมิได้ เซียวหลินเทียนใช้คนตระกูลเก๋อมาจัดการชายาเจ้าแห่งทะเล กลอุบายนี้ช่างเด็ดขาดนักรถม้ามาถึงจวนเจ้าแห่งทะเล เมื่อหลิงอวี๋ลงจากรถก็มองไปยังคฤหาสน์หลังใหม่ที่กำลังก่อสร้างอีกครั้ง กำแพงล้อมรอบสร้างเสร็จแล้ว ดูจากขนาดแล้วใหญ่โตมากจริง ๆนางอดสงสัยมิได้ ข้างในมีเรือนบุหงาแบบเดียวกับตำหนักอ๋องอี้ของตนอย่างที่เถาจื่อบอกจริงหรือ?นางอยากเข้าไปดู อยากเห็นเหลือเกินว่าบ้านในอดีตของตนเป็นอย่างไร!“คุณหนูสิง เชิญ!”พ่อบ้านเว่ยเห็นหลิงอวี๋มองคฤหาสน์ฝั่งตรงข้ามก็ร้องเรียกอย่างมิอดทนหลิงอวี๋หันกลับมา เห็นประตูใหญ่หนาทึบของจวนเจ้าแห่งทะเลเปิดอ้าอยู่ ข้างในลานเรือนซับซ้อนลึกล้ำ มองสุดตามิเห็นปลายทางนี่คือที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายโดยแท้!หลิงอวี๋ลอบสูดหายใจลึก ๆ แล้วเดินเข้าไป“ปัง!”ประตูใหญ่หนาทึบปิดลงด้านหลังนางหลิงอวี๋มิได้หันกลับไปมอง เพราะนั่นจะดูมิสง่างามนางรอให้พ่อบ้านเว่ยนำทางอยู่ข้างหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินผิดทางแล้วถูกพ่อบ้านเว่ยหาเรื่องผิดพลาดมาตำหนิขณะเดียวกัน หลงเพ่ยเพ่ยก็ได้พาเย่หรงมุ่งหน้าไปยังวังหลวงแล้ว“อุบายนี้ของชายาเจ้าแห่งทะเลช่างร้า
จวนเจ้าแห่งทะเลตั้งอยู่ในย่านคหบดีและสูงศักดิ์ของเมืองหลวงแดนเทพ อันที่จริงอยู่ห่างจากคฤหาสน์อู่เพียงมิกี่ช่วงถนนเท่านั้นรถม้าวิ่งไปตามทางเรื่อย ๆ เถาจื่อพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงกระซิบข้างหูหลิงอวี๋เบา ๆ“คุณหนู อีกประเดี๋ยวท่านจะเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่กำลังสร้างอยู่ตรงข้ามจวนเจ้าแห่งทะเล ที่นั่นฝ่าบาททรงสร้างให้ท่านเจ้าค่ะ!”“คราแรกที่พวกเรามาตามหาท่านในเมืองหลวงแดนเทพนั้นมิรู้ว่าจะต้องเสียเวลานานเท่าใด ฝ่าบาทจึงทรงให้สือหรงซื้อคฤหาสน์แถวนี้ไว้ล่วงหน้าแล้วรื้อสร้างใหม่ทั้งหมด!”“ฝ่าบาทตรัสว่า เจ้าแห่งทะเลคือบิดาของท่าน ในเมื่อเขามิยอมรับท่าน ฝ่าบาทก็จะทำให้เขาเห็นว่า ใช่ว่าท่านไม่มีบ้านเสียหน่อย แม้จวนเจ้าแห่งทะเลไม่มีที่ให้ท่าน ฝ่าบาทก็จะสร้างจวนหลังที่ใหญ่กว่าจวนเจ้าแห่งทะเลให้!”“คุณหนู ข้างในมีเรือนหลังหนึ่ง สร้างตามแบบเรือนบุหงาที่ตำหนักอ๋องอี้ในฉินตะวันตกของท่านไม่มีผิดเพี้ยน หากท่านได้เห็นจะต้องชอบอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยได้ยินเผยอวี้พูดถึงคฤหาสน์หลังใหม่ที่พวกเขาสร้างแล้ว ตอนนั้นยังรู้สึกแปลกใจว่าเซียวหลินเทียนคิดจะอยู่เมืองหลวงแดนเทพเป็นการถาวรหรืออย่
วิธีนี้ของหลิงอวี๋เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยนางได้ในยามนี้ ด้วยเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ ก็ยังคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้มิออกเย่หรงกล่าวขึ้นทันที “ข้าจะไปหาหลงเพ่ยเพ่ย บอกนางมิต้องมาแล้ว ให้เข้าวังไปทูลขอเข้าเฝ้าฮองเฮาได้เลย!”“พี่หญิงหลิงหลิง ท่านต้องยื้อจนกว่าพวกเราจะมาช่วยท่านให้ได้นะ!”พูดจบ เย่หรงก็รีบร้อนออกไปเก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาซับซ้อน นางหวังให้หลิงอวี๋เข้าจวนเจ้าแห่งทะเลไปแล้วออกมามิได้แต่เรื่องนี้ก็พัวพันถึงความเป็นความตายของเซียวหลินเทียน นางมิอยากให้เซียวหลินเทียนต้องเกิดเรื่อง!ช่างขัดแย้งในใจเสียจริง!“อาอวี๋ เจ้าไปก่อนเถอะ... วางใจได้ ต่อให้ต้องก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ในเมืองหลวงแดนเทพ ข้าก็จะพาเจ้ากลับบ้านให้ได้!”เซียวหลินเทียนกล่าวอย่างหนักแน่นเขายังมีแผ่นป้ายไม้ที่ขันทีโม่ให้มา สามารถใช้ขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพฝ่ายซ้ายได้ เซียวหลินเทียนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะใช้แผ่นป้ายไม้นี้ช่วยหลิงอวี๋ขันทีโม่เคยบอกว่า เพียงอาศัยแผ่นป้ายไม้นี้ ก็สามารถทำให้แม่ทัพฝ่ายซ้ายช่วยตนทำเรื่องหนึ่งเรื่องได้หากแม่ทัพฝ่ายซ้ายสามารถช่วยคนได้เพียงคนเดียว เช่นนั้นเขาก็ยอมตายเ
เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างจนปัญญา นึกว่ามหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลกลับไปแล้วพวกตนจะรอดพ้นจากครั้งนี้ไปได้ คาดมิถึงว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะใช้ไม้นี้อีกภายนอกดูเหมือนเป็นการเชิญ แต่จริง ๆ แล้วจะปฏิเสธมิไปได้หรือ?เซียวหลินเทียนสามารถแสร้งป่วยได้ แต่หลิงอวี๋เพิ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลไปเมื่อครู่ ตอนนี้ย่อมมิอาจใช้การแสร้งป่วยมาหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว“บอกไปว่าคุณหนูสิงกำลังรักษาอาการป่วยให้ข้าอยู่ เดี๋ยวค่อยไป!”ในสถานการณ์กะทันหันเช่นนี้เซียวหลินเทียนทำได้เพียงถ่วงเวลาไปก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี“เผยอวี้ เจ้าส่งคนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยกับเจ้าแห่งทิศใต้ ให้หลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นเพื่อนอาอวี๋!”เป็นเรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เผยอวี้รีบให้คนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยทันทีหลิงอวี๋นิ่งเงียบ นั่งคิดอยู่ข้าง ๆเพื่อชิงหยกหล้าสุขาวดีกลับคืนมา ในเวลานั้นชายาเจ้าแห่งทะเลสามารถลงมืออำมหิตกับหลานฮุ่ยจวนที่กำลังตั้งครรภ์ได้ครั้งนี้นางส่งพ่อบ้านมาเชิญตนไปจวนเจ้าแห่งทะเล พูดไปพูดมาก็เพื่อหยกหล้าสุขาวดีบนตัวนางนั่นเองส่วนการที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาได้นั้นต้องใช้วิธีสลายโลหิตละลายกระดูก หรือว่าช
หลิงอวี๋เดินกลับเข้ามา และบังเอิญได้ยินคำพูดของเย่ซงเฉิงเข้าพอดี“พวกเราต้องเตรียมรับมือสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หากหวงฝู่หลินกลับไปแล้ว มิสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ถึงกาลนั้นใครจะมารับมือการแก้แค้นของฝูไห่ต่อตระกูลหลงและตระกูลอื่น ๆ อีกหลายตระกูลเล่า?”เจ้าแห่งทิศใต้มองไปยังเย่หรง และกล่าวเสียงเข้ม “เลี่ยวหงเสีย มารดาของเย่หรงอาจจะรู้วิธี!”“ปรมาจารย์เย่ ก่อนหน้านี้ข้าอยากจะพบเลี่ยวหงเสียเพื่อสอบถามสถานการณ์จึงไปที่คุกน้ำมา แต่ข้ากลับมิสามารถพบนางได้!”“คำกล่าวของท่านมีน้ำหนักเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อ บางทีท่านอาจจะสามารถทูลขอเสด็จพ่อให้ทรงอนุญาตท่านเข้าพบเลี่ยวหงเสียได้!”เย่ซงเฉิงขมวดคิ้ว “เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เช่นกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้พยักหน้า “แม่ทัพหลี่ผู้เฝ้าประตูบอกว่า นอกเสียจากจะมีพระราชโองการของมหาเทพ มิฉะนั้นก็มิอนุญาตให้ข้าพบเลี่ยวหงเสีย!”เย่ซงเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องนี้ข้าน้อยเคยทูลต่อเสด็จพ่อของท่านแล้ว เสด็จพ่อของท่านมิทรงยินยอม ความนับหน้าถือตาของตาเฒ่าผู้นี้ใช้มิได้ผลต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อของท่านแล้ว!”ทุกคนต่
หวงฝู่หลินมิรู้จักคนทั้งสองนี้เลย คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ตอนนั้นนอกจากพวกท่านกับตระกูลเฉียวแล้ว ก็มีคนของตระกูลจงเจิ้งที่เข้าไปในภูเขาหิมะ ข้ามิเห็นคนทั้งสองที่ท่านพูดถึงในภูเขาหิมะ!”“บางทีปี้ซงอาจจะเคยเห็น เดี๋ยวลองเรียกเขามาถามดู!”เผยอวี้จึงไปเรียกปี้ซงมาอีกครั้งปี้ซงอุ้มหวงฝู่หมิงจูเข้ามา หลิงอวี๋ก็รับนางมาอุ้มไว้เซียวหลินเทียนมองหวงฝู่หมิงจูกอดคอหลิงอวี๋ด้วยท่าทางสนิทสนม ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกมิถูกหวงฝู่หลินเล่าคำถามให้ปี้ซงฟังอีกครั้งปี้ซงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ชายชราผู้นั้นข้าพอจำได้ราง ๆ ตอนนั้นเขาเดินวนเวียนอยู่ในภูเขาหิมะอยู่หลายวัน ต่อมาก็จากไป ข้าคิดว่าเขาไม่มีอันตรายอะไรจึงมิได้ใส่ใจ!”“ส่วนแม่นมอู ข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางเลย มิเคยเห็นนางในภูเขาหิมะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ตลอด ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “อันที่จริงตอนนั้นที่ภูเขาหิมะ นอกจากพวกเราแล้ว น่าจะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง”“ข้าก็มาพบพวกนางหลังจากลงจากเขาแล้ว ตอนนั้นยังคิดว่าพวกนางแค่ผ่านทางมา แต่พอลองคิดดูตอนนี้ พวกนางต้องเคยไปภูเขาหิมะแน่นอน แม่นมอูน่าจะถูกพวกนางพาตัวไป!”“พวกเข
เมื่อฟังคำพูดของเย่ซงเฉิงจบ หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและเผยอวี้ก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน“เจ้าสำนักซิงหลัวเป็นสตรี! หรือว่านางคือตงกู่อวี้ที่กลับชาติมาเกิด?”หวงฝู่หลินก็นึกขึ้นได้ ตอนที่ทุกคนรุมล้อมโจมตีเจ้าสำนักซิงหลัว เผยอวี้ใช้กระบี่เดียวตัดเชือกรัดผมที่มัดผมของเจ้าสำนักซิงหลัวขาดตอนนั้นผมสลวยของนางสยายลงมาบดบังดวงตาของนางทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการรับมือ จึงมิทันได้คิดให้ลึกซึ้งเมื่อเย่ซงเฉิงพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงได้นึกถึงสภาพการณ์ในยามนั้นขึ้นมา“ตงกู่อวี้กลับชาติมาเกิดจริง ๆ หรือ?”ในฐานะลูกหลานตระกูลหลง เจ้าแห่งทิศใต้จะมิรู้ได้อย่างไรว่าในใต้หล้านี้มีวิชาลับเช่นนี้อยู่จริง ทันใดนั้นก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลซึมหลงจิ้งและหลงเพ่ยเพ่ยก็ตกใจเช่นกัน วรยุทธ์ของสตรีนางนั้นสูงส่งกว่ามหาปราชญ์เสียอีก แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามิเคยรู้มาก่อนเลยว่าสำนักซิงหลัวยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่“ท่านพ่อ ยามนั้นเจ้าวังหวงฝู่พร้อมด้วยท่านเซียวและพวกเราช่วยกันรุมล้อมโจมตีนางก็ยังมิสามารถสังหารนางได้ ลูกดูจากวรยุทธ์ของนางแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงท่านอาเจ้าแห่งทะเลเท่านั้นที่พอจะต่อกรกับนางได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวด้วย
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต