“ช้าไปเสียแล้ว!”เซียวหลินเทียนหัวเราะเยาะพลางเอ่ย “พี่สะใภ้สี่ของเจ้าให้โอกาสเจ้าหลายครั้งแล้ว แต่เจ้าหาได้กลับตัวไม่!”“เจ้าพูดอยู่เมื่อครู่มิใช่รึ? ขอเพียงหลิงอวี๋พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนางได้ เจ้าก็จะยอมรับการลงโทษ!”“กฎเกณฑ์ถูกกำหนดไว้โดยองค์จักรพรรดิสูงสุด! แม้ว่าวันนี้เรื่องไปถึงเสด็จพ่อ เจ้าก็อย่าได้คิดว่าจะหนีการลงโทษพ้น!”เมื่อเซียวทงเห็นเซียวหลินเทียนแข็งกร้าวเช่นนี้ก็โกรธจนตาแดง หยุดอ้อนวอนแล้วยิ้มเยาะพลางเอ่ย“เซียวหลินเทียน เสด็จพี่ตีหม่อมฉันเลย เสด็จพี่ให้ท่านปู่เฉิงตีหม่อมฉันเลย หม่อมฉันจะคอยดูว่าวันนี้ใครจะกล้าตีข้า!”เซียวหลินเทียนหัวเราะเยาะพลางมองไปที่ท่านอ๋องเฉิงเซียวทงอาจลืมไปแล้ว แต่เซียวหลินเทียนยังไม่ลืมว่าท่านอ๋องเฉิงเป็นคนที่เคยตีท่านพ่อมาแล้วด้วยซ้ำ!ตอนนั้นมีช่วงหนึ่งที่จักรพรรดิอู่อันหมกมุ่นอยู่กับการสะสมอักษรศิลป์กับภาพวาดโบราณ และใช้เงินคลังซื้ออักษรศิลป์กับภาพวาดโบราณเหล่านั้นไทเฮาพยายามโน้มน้าวจักรพรรดิอู่อันหลายครั้งแต่ก็หาได้ฟังไม่ สุดท้ายไทเฮาโกรธจนไปเชิญท่านอ๋องเฉิงมาท่านอ๋องเฉิงเอาพระราชโองการของจักรพรรดิสูงสุดที่ตั้งไว้ก่อนจะสิ้นพระช
หลิงอวี๋กำลังยุ่งอยู่กับการช่วยเหลือเสิ่นจวน ไม่สนใจฟังคำพูดของจ้าวเจินเจิน และไม่อยากตอบด้วยเซียวหลินเทียนมองจ้าวเจินเจิน มุมปากก็ยกขึ้นอย่างดูถูกแม้ว่าเรื่องที่จ้าวเจินเจินใส่ร้ายหลิงอวี๋ในวันนี้จะมีช่องโหว่เยอะมาก แต่กลับถูกนางปกปิดมันไปจนหมดเขาก็ไม่มีหลักฐานที่จะพิสูจน์ว่านางมีส่วนร่วมในการใส่ร้าย จึงไม่สามารถเอาเรื่องอะไรนางได้!แต่เขารู้ดีอยู่แก่ใจ มีหรือจะถูกจ้าวเจินเจินหลอกด้วยคำพูดเหล่านั้นได้!ไม่ช้าก็เร็วเขาจะช่วยหลิงอวี๋ชำระบัญชีในครั้งนี้ให้จงได้แน่!“พระชายาคังช่างเก่งเสียจริง...”เซียวหลินเทียนยิ้มอย่างเย็นชา “เสิ่นจวนมีตาหามีแววไม่ นางมองคนมิออก เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้จึงเป็นการหาเรื่องใส่ตัวเอง!”“แต่ก็มีสิ่งที่นางพูดถูก… สวรรค์มองเห็นการกระทำของมนุษย์ เทพเจ้าจะตัดสินถูกผิดเอง!”“พระชายาคังไม่จำเป็นต้องเปลืองแรงอธิบายหรอก พวกเราก็รู้อยู่แล้วว่าเจ้าเป็นคนเยี่ยงไร!”พูดจบ เซียวหลินเทียนก็ไม่สนใจจ้าวเจินเจินอีก พลางตะโกนบอกลู่หนาน “ไปหารถม้าพาเสิ่นจวนกลับคฤหาสน์ตระกูลเสิ่น!”จ้าวเจินเจินยังคิดจะช่วยอีกหน่อย แต่ถูกองค์ชายคังที่โกรธอยู่ลากตัวออกไปทุกคน
วันรุ่งขึ้น ตระกูลเสิ่นก็จัดงานศพให้เสิ่นจวนแต่แม้ว่าทุกคนที่อยู่ตรงนั้นจะได้รับคำเตือนจากท่านอ๋องเฉิงให้ระมัดระวังคำพูดและการกระทำแล้ว แต่เรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับงานเลี้ยงชมบุปผาก็ยังคงแพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็วเรื่องที่แพร่ออกไปในตลาดมากที่สุดคือการเฆี่ยนตีองค์หญิงหก และข้อกล่าวหาของเสิ่นจวนที่มีต่อจ้าวเจินเจินกับองค์หญิงหกก่อนที่นางจะเสียชีวิตเมื่อประกอบกับงานศพของตระกูลเสิ่นแล้ว ข่าวลือเหล่านี้ก็ยิ่งแพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้างมากขึ้นชื่อเสียงของจ้าวเจินเจินตกต่ำลงทันที อีกทั้งนางก็ไม่สามารถอธิบายให้ผู้ใดฟังได้เลย นางโกรธมากจนอยากจะฆ่าหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนเสีย แล้วก็พระชายาเย่ผู้นั้นด้วย!สองวันมานี้จ้าวเจินเจินคิดเกี่ยวกับแผนของตน นางไม่ยอมแพ้หรอก เห็น ๆ อยู่ว่าแผนของตนสมบูรณ์แบบถึงเพียงนั้น แล้วมันไปผิดพลาดที่ตรงไหนกัน?ประเด็นแรก หลิงอวี๋ควรจะอยู่ในห้องนั้น แต่เหตุใดมันถึงกลายเป็นเสิ่นจวน!นางนึกขึ้นได้ว่าหลิงอวี๋ปรากฏตัวพร้อมกับองค์ชายห้าเย่กับพระชายาของเขา อีกทั้งตั้งแต่ต้นจนจบ องค์ชายเย่กับพระชายาของเขาก็ช่วยพูดให้หลิงอวี๋ตลอดหรือว่าองค์ชายเย่เห็นภาพที่เสิ่นจวนกำ
“หลิงอวี๋ ก่อนหน้านี้ข้าผิดไปแล้ว ข้ามิควรฟังคำยุยงของพวกชิวเหวินซวงแล้วไปเข้าใจเจ้าผิดมากถึงเพียงนั้น!”“เจ้าพูดถูกตั้งแต่แรก ข้าถูกความโกรธแค้นบังสายตาไว้! ต่อไปข้าจะใช้ใจมองอย่างรอบคอบ และพยายามทำความรู้จักกับเจ้าใหม่อีกครั้ง!”“ข้า...”เซียวหลินเทียนพูดต่อไม่ได้แล้ว เมื่อคิดถึงเรื่องโง่ ๆ ที่ตนเคยทำก่อนหน้านี้ เขาก็รู้สึกละอายมากตอนนั้นเขาตีหลิงอวี๋ทุกครั้งที่ต้องการ ดุด่านางทุกครั้งที่ต้องการ แล้วเขาก็จะถูกความอับอายย้อนกลับมาทุกครั้งเขาในตอนนั้นต่างอะไรกับพวกลั่วอวี้จูเล่า?โชคดีที่ตนเรียกสติมาได้ทันเวลา มิฉะนั้นคงจะทำผิดพลาดครั้งใหญ่แล้วเขาก็ต้องเสียใจไปตลอดชีวิต!“ช่างเถิดเพคะ ไม่ต้องไปเอ่ยถึงเรื่องที่มันผ่านไปแล้ว! ก่อนหน้านี้หม่อมฉันเองก็มีเรื่องที่ทำผิดไปเช่นกันหาใช่ความผิดของท่านทั้งหมดไม่!”หลิงอวี๋ยิ้มอย่างใจดี พลางเปลี่ยนหัวข้อ “ครั้งนี้องค์ชายเย่กับพระชายาช่วยหม่อมฉันไว้ พวกเราไปขอบคุณพวกเขาด้วยกันสักหน่อยเถิดเพคะ!”เซียวหลินเทียนได้ยินก็พยักหน้าทันที “ได้สิ เจ้าเตรียมของกำนัลขอบคุณเถอะ แล้วเราไปขอบคุณพวกเขาด้วยกันวันหลัง!”หลิงอวี๋ยิ้ม แม้ว่าตอนนั้นนางจะแค่
พระชายาเว่ย!หลิงอวี๋เห็นรูปลักษณ์อันงดงามของสตรีผู้สูงศักดิ์ตรงหน้าเขาอย่างชัดเจน ก็จำได้ว่าเคยเห็นนางมาก่อนชายาเอกขององค์ชายใหญ่ มารดาของท่านหญิงจ่างหนิง!“แม่นางซือเชี่ยวชาญเรื่องการทำคลอดกับรักษาโรคสตรีที่สุด แต่น้องสะใภ้สี่ไม่เคยทำคลอดเลย ท่านเชื่อใจให้ชีวิตของจูหลานอยู่ในมือของนางเช่นนั้นหรือ?”ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋ไม่เคยสังเกตพระชายาเว่ยมาก่อน หลังจากได้ยินคำพูดของนางจึงพิจารณานางอย่างระมัดระวังพระชายาเว่ยอยู่ในวัยยี่สิบต้น ๆ รูปร่างหน้าตาของนางนับว่างดงาม แต่นางเทียบไม่ได้กับจ้าวเจินเจินความงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวงแต่จู่ ๆ หลิงอวี๋ก็นึกถึงสิ่งที่หลิงซวนเคยบอกตนเรื่องเกี่ยวกับพระชายาเว่ยได้พระชายาเว่ยมาจากตระกูลที่มีชื่อเสียง ท่านปู่ของนางเป็นผู้มีพระคุณของจักรพรรดิ พี่ชายสองคนในตระกูลต่างก็ผ่านเข้าจอหงวน และได้เข้าเรียนที่สำนักฮั่นหลินว่ากันว่าพระชายาเว่ยถูกเลี้ยงดูในการดูแลของท่านยายตั้งแต่เด็ก ได้รับการสอนอย่างลึกซึ้งจากท่านยาย มีการศึกษาดี และมีบุคลิกที่สงบเมื่อพระชายาเว่ยพูดเช่นนี้ องค์ชายเย่ก็ค่อนข้างลังเลเขาเคยได้ยินเกี่ยวกับทักษะทางการแพทย์ของหลิงอวี๋ แต่
หลิงอวี๋แค่คิดถึงประโยชน์ของการมีลูกชาย แต่ก็ไม่ได้อิจฉาอะไร!นางรู้สึกว่าเซียวหลินเทียนเองก็ไม่ใช่คนประเภทที่พึ่งพาลูกเพื่อรับตำแหน่งเช่นกัน!เพียงแต่ นางกับเซียวหลินเทียนสามารถมองได้อย่างใจเย็น แล้วคนอื่น ๆ เล่า?หลิงอวี๋หันไปมองพระชายาเว่ยโดยไม่รู้ตัว...รถม้าของพระชายาเย่ถูกรถม้าของตำหนักองค์ชายเว่ยชนระหว่างทางไปถวายเครื่องหอม นางถึงได้ตกจากรถม้า!นี่เป็นอุบัติเหตุจริง ๆ หรือ?หากพระชายาเว่ยไม่อยากให้พระชายาเย่ให้กำเนิดลูกชายคนโตของราชวงศ์ แล้วได้รับความโปรดปรานจากจักรพรรดิอู่อัน นางก็อาจจะทำเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้นี่!แต่พระชายาเว่ยก็ไม่ได้ดูคล้ายคนโง่แม้ว่าจะอยากจัดการกับพระชายาเย่ นางก็ไม่น่าจะใช้รถม้าของนางเองไปโจมตีรถม้าของตำหนักองค์ชายเย่สิ!ขณะที่หลิงอวี๋กำลังคิดอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากข้างในอีกครั้ง แต่เสียงนั้นอ่อนแรงลงกว่าก่อนหน้านี้มาก!ไม่ดีแล้ว!จู่ ๆ หลิงอวี๋ก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา หากมีการสมรู้ร่วมคิดกันภายใน เช่นนั้นพระชายาเย่อาจจะสิ้นไปทั้งแม่ทั้งลูกได้!หลิงอวี๋อยู่เฉยไม่ได้แล้ว นางก้าวไปเอ่ยกับองค์ชายเย่ที่หน้าซีดด้วยความกังวล“องค์ชายห้
ฮูหยินจูตกใจมากจนเข่าทรุดลงไปกับพื้น ลูกคนแรกของจูหลานกับองค์ชายเย่ไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้วหากในภายภาคหน้าไม่สามารถมีลูกได้อีก เช่นนั้นลูกสาวของนางคงมีชีวิตแบบตายทั้งเป็นแน่นอน!เมื่อจูเฮ่าเห็นดังนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปพยุงมารดาของตนลุกขึ้นทันที“คิดวิธีอื่นอีกมิได้หรือ?” จูเฮ่าเอ่ยถามอย่างร้อนใจเด็กคนนี้จากไป ในภายภาคหน้าก็มีลูกได้อีก ทว่าหากนางไม่สามารถมีลูกอีกต่อไป น้องสาวของตนจะต้องทุกข์ทรมานเป็นแน่!ดูเหมือนว่า แม่นมจะได้เห็นสถานการณ์เช่นนี้มามากแล้ว นางจึงเอ่ยอย่างไร้ความปรานี“แม่นางของข้าบอกว่าสามารถช่วยชีวิตพระชายาได้ก็เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้ว! หากพวกท่านขอมากเกินไป นางทำให้มิได้หรอก!”“ข้าขอเพียงให้หลานหลานมีชีวิตอยู่เท่านั้น! เจ้าไปบอกแม่นางซือให้รีบช่วยหลานหลานเสีย!” องค์ชายเย่กัดฟันตัดสินใจจู่ ๆ น้ำตาของฮูหยินจูก็ไหลลงมาอาบแก้ม ลูกสาวผู้น่าสงสารของนาง!“หากแม่นางของข้าต้องช่วยชีวิตพระชายาไว้ ก็ทำได้เพียงต้องใช้ยาที่ดีที่สุด ยานี้แม่นางของข้าต้องรวบรวมและปรับปรุงด้วยความพยายามอย่างมาก ต้องจ่ายเงินมาห้าหมื่นตำลึง…”“เงินมากเท่าใดข้าก็ให้ได้ รีบช่วยพระชายาเร็วเข้
สีหน้าของพระชายาเว่ยเปลี่ยนไปทันที พลางเอ่ยเถียงขึ้นมาอย่างร้อนตัว“น้องสะใภ้สี่เอ่ยวาจาไร้สาระอันใดกัน! ข้าเป็นคนเช่นนั้นหรือ? ข้าแค่เป็นห่วงว่าเจ้าจะไม่รู้เรื่องทำคลอดลูกแล้วทำผิดกับน้องสะใภ้ห้าต่างหาก!”“หากศพที่อยู่ในท้องจะทำให้นางหายใจไม่ออก ทุกคนรู้เรื่องนี้ดี! ข้าว่าเจ้าต่างหากเป็นคนที่จงใจฆ่าน้องสะใภ้ห้า!”หลิงอวี๋ไม่ได้ยินเสียงจูหลานที่อยู่ข้างในแล้ว จึงกังวลว่าพระชายาเว่ยกำลังถ่วงเวลาไม่ให้ตนช่วยเหลือจูหลานนั่นคือสองชีวิตเชียวนะ!หลิงอวี๋กังวลมากจนไม่สนใจที่จะโต้เถียงกับพระชายาเว่ยแล้ว จึงตะโกนใส่องค์ชายเย่เสียงแข็ง“เซียวหลินมู่ หากหม่อมฉันมิชอบจูหลาน หม่อมฉันคงเดินจากไปเพราะท่าทีของท่านเมื่อครู่แล้ว!“หากหม่อมฉันมิรู้สึกเสียใจกับจูหลานที่จะไม่สามารถเป็นแม่ได้อีกตลอดชีวิต! หากมิเสียใจกับเด็กที่ยังไม่ลืมตาดูผืนแผ่นดินแต่จะถูกหมอต้มตุ๋นฆ่า! หม่อมฉันจะอยู่ที่นี่ให้ถูกสอบสวนเพื่อสิ่งใดกัน!”“บุตรกับภรรยามิใช่ของหม่อมฉัน จะช่วยเหลือพวกเขาหรือไม่มันขึ้นอยู่กับท่าน หม่อมฉันไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว!”“ท่านตรัสมาเถิดว่าอยากให้หม่อมฉันช่วยหรือไม่? หากมิให้หม่อมฉันช่วย ท่านจะต