ฮูหยินจูตกใจมากจนเข่าทรุดลงไปกับพื้น ลูกคนแรกของจูหลานกับองค์ชายเย่ไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้วหากในภายภาคหน้าไม่สามารถมีลูกได้อีก เช่นนั้นลูกสาวของนางคงมีชีวิตแบบตายทั้งเป็นแน่นอน!เมื่อจูเฮ่าเห็นดังนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปพยุงมารดาของตนลุกขึ้นทันที“คิดวิธีอื่นอีกมิได้หรือ?” จูเฮ่าเอ่ยถามอย่างร้อนใจเด็กคนนี้จากไป ในภายภาคหน้าก็มีลูกได้อีก ทว่าหากนางไม่สามารถมีลูกอีกต่อไป น้องสาวของตนจะต้องทุกข์ทรมานเป็นแน่!ดูเหมือนว่า แม่นมจะได้เห็นสถานการณ์เช่นนี้มามากแล้ว นางจึงเอ่ยอย่างไร้ความปรานี“แม่นางของข้าบอกว่าสามารถช่วยชีวิตพระชายาได้ก็เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้ว! หากพวกท่านขอมากเกินไป นางทำให้มิได้หรอก!”“ข้าขอเพียงให้หลานหลานมีชีวิตอยู่เท่านั้น! เจ้าไปบอกแม่นางซือให้รีบช่วยหลานหลานเสีย!” องค์ชายเย่กัดฟันตัดสินใจจู่ ๆ น้ำตาของฮูหยินจูก็ไหลลงมาอาบแก้ม ลูกสาวผู้น่าสงสารของนาง!“หากแม่นางของข้าต้องช่วยชีวิตพระชายาไว้ ก็ทำได้เพียงต้องใช้ยาที่ดีที่สุด ยานี้แม่นางของข้าต้องรวบรวมและปรับปรุงด้วยความพยายามอย่างมาก ต้องจ่ายเงินมาห้าหมื่นตำลึง…”“เงินมากเท่าใดข้าก็ให้ได้ รีบช่วยพระชายาเร็วเข้
สีหน้าของพระชายาเว่ยเปลี่ยนไปทันที พลางเอ่ยเถียงขึ้นมาอย่างร้อนตัว“น้องสะใภ้สี่เอ่ยวาจาไร้สาระอันใดกัน! ข้าเป็นคนเช่นนั้นหรือ? ข้าแค่เป็นห่วงว่าเจ้าจะไม่รู้เรื่องทำคลอดลูกแล้วทำผิดกับน้องสะใภ้ห้าต่างหาก!”“หากศพที่อยู่ในท้องจะทำให้นางหายใจไม่ออก ทุกคนรู้เรื่องนี้ดี! ข้าว่าเจ้าต่างหากเป็นคนที่จงใจฆ่าน้องสะใภ้ห้า!”หลิงอวี๋ไม่ได้ยินเสียงจูหลานที่อยู่ข้างในแล้ว จึงกังวลว่าพระชายาเว่ยกำลังถ่วงเวลาไม่ให้ตนช่วยเหลือจูหลานนั่นคือสองชีวิตเชียวนะ!หลิงอวี๋กังวลมากจนไม่สนใจที่จะโต้เถียงกับพระชายาเว่ยแล้ว จึงตะโกนใส่องค์ชายเย่เสียงแข็ง“เซียวหลินมู่ หากหม่อมฉันมิชอบจูหลาน หม่อมฉันคงเดินจากไปเพราะท่าทีของท่านเมื่อครู่แล้ว!“หากหม่อมฉันมิรู้สึกเสียใจกับจูหลานที่จะไม่สามารถเป็นแม่ได้อีกตลอดชีวิต! หากมิเสียใจกับเด็กที่ยังไม่ลืมตาดูผืนแผ่นดินแต่จะถูกหมอต้มตุ๋นฆ่า! หม่อมฉันจะอยู่ที่นี่ให้ถูกสอบสวนเพื่อสิ่งใดกัน!”“บุตรกับภรรยามิใช่ของหม่อมฉัน จะช่วยเหลือพวกเขาหรือไม่มันขึ้นอยู่กับท่าน หม่อมฉันไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว!”“ท่านตรัสมาเถิดว่าอยากให้หม่อมฉันช่วยหรือไม่? หากมิให้หม่อมฉันช่วย ท่านจะต
นางผดุงครรภ์ทั้งสองรีบออกไปทันทีหลิงอวี๋หันกลับไปตะโกนใส่จูเฮ่ากับเซียวหลินเทียน“ห้ามผู้ใดในเรือนนี้ออกไปไหนจนกว่าข้าจะออกมา!”นางจ้องมองแม่นางซืออย่างดุร้าย หวังเพียงว่าเรื่องราวจะไม่เป็นอย่างที่ตนคิด!“องค์ชาย ท่านเข้ามากับพวกเรา!” หลิงอวี๋ตะโกนบอกองค์ชายเย่องค์ชายเย่ก้าวผ่านประตูไปโดยไม่รู้ตัวนางผดุงครรภ์คนหนึ่งรีบคว้าตัวเขาพลางตะโกนว่า “องค์ชาย ห้องคลอดสกปรกนัก อย่าเข้าไปนะเพคะ จะทำให้โชคร้าย!”เวลานี้องค์ชายเย่ไม่ฟังคำพูดโน้มน้าวใจใด ๆ แล้ว เมื่อเห็นท่าทางเงียบ ๆ ของจูหลาน เขาก็รีบเข้าไป พลางตะโกนอย่างประหม่า “หลานหลาน เจ้าเป็นเยี่ยงไรบ้าง?”หลิงอวี๋เองก็รีบพุ่งเข้าไปหาจูหลาน แล้วก็พบว่าจูหลานหมดสติไปแล้วหลิงอวี๋จับชีพจร หัวใจของจูหลานเต้นช้า หัวใจของเด็กก็อ่อนแอเกินกว่าจะรู้สึกได้หากมิใช่เพราะตนมีความสามารถรับรู้ที่ผิดปกติ ก็จะไม่สามารถสัมผัสได้ถึงการเต้นของหัวใจเด็กเพียงแค่จับชีพจรหรอก“เถาจื่อ ฉีดยาหัวใจ!”“หลิงซวน ออกไปหาคนมาตรวจเลือด เตรียมพร้อมสำหรับการให้เลือด!”หลิงอวี๋สั่งอย่างเป็นขั้นเป็นตอน“พี่สะใภ้สี่ ข้าต้องทำสิ่งใด?” องค์ชายเย่เอ่ยถามอย่างกังวล
หลิงอวี๋โกรธจนหน้าเขียว หยิบขวดยาแก้พิษกับเข็มออกมาฉีดเข้าไปที่เด็กก่อน ตอนนี้นางต้องจัดการกับรกและสายสะดือของจูหลาน ไม่มีเวลาตรวจสอบว่ามันเป็นพิษชนิดใด“พี่สะใภ้สี่ ท่านกำลังทำอะไรอยู่? นั่นอะไรหรือ?”องค์ชายเย่เห็นหลิงอวี๋แทงเข็มที่ทารก แล้วทารกก็ไม่ร้องเลยตั้งแต่เกิดมา เขาจึงเอ่ยออกมาอย่างกังวล“อย่าได้ห่วงเพคะ หม๋อมฉันกำลังช่วยเขา!”หลังจากที่หลิงอวี๋ฉีดยาเสร็จแล้วก็ส่งทารกให้เถาจื่อดูแล ส่วนตนก็มาจัดการจูหลานต่อเลือดของจูหลานยังไม่หยุดทั้งยังมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยหลิงอวี๋รีบเอาเข็มเงินออกมาฝังไว้ที่จุดฝังเข็มของจูหลาน จากนั้นตะโกนไปข้างนอก“หลิงซวน เลือดพร้อมหรือยัง?”“อาจารย์ มาแล้วเจ้าค่ะ!”หลิงซวนรีบเปิดประตูแล้วเอาเลือดสองถุงใหญ่มาหลิงอวี๋สอดหลอดเลือดเข้าไปที่จูหลานก่อน แล้วจึงบ่น “เหตุใดจึงช้าถึงเพียงนี้”หลิงซวนยิ้มอย่างขมขื่นพลางเอ่ย “ข้างนอกทะเลาะกันรุนแรงมากเจ้าค่ะ! พระชายาเว่ยจะเดินนำออกไป แม่นางซือกับนางผดุงครรภ์สองคนก็บอกว่าที่นี่ไม่ใช่เรื่องของพวกนางแล้ว เหตุใดถึงไม่ยอมให้พวกนางออกไป!”“ทั้งยังบอกว่าท่านอ๋องอี้ใช้อำนาจเกินไป จะไปร้องเรียนต่อองค์ชายเว่ยและ
องค์ชายเย่คลี่กระดาษนั้นออกมา เม็ดยายังคงอยู่ข้างในหลิงอวี๋รับยานั้นมาดมกลิ่น กลิ่นอาเจียนมาพร้อมกับกลิ่นหอม ซึ่งเป็นกลิ่นที่นางเคยได้กลิ่นจากแม่นางซือก่อนหน้านี้“รอสักครู่ หม่อมฉันดูว่ามันคือสิ่งใด!”หลิงอวี๋วิ่งไปด้านหลังฉากกั้นลม แล้วรีบเข้าไปในมิติเพื่อตรวจสอบยาเม็ดนั้นหลังจากนั้นไม่นานผลลัพธ์ก็ออกมา หลิงอวี๋อ่านจบในรวดเดียวแล้วเดินออกไปองค์ชายเย่ยืนนิ่งอยู่ต่อหน้าทารก จ้องมองใบหน้าเล็ก ๆ ที่น่าสงสารนั้น“องึ์ชายห้า ยาเม็ดนี้ไม่มีพิษ แต่ในนี้ประกอบด้วยส่วนผสมของยาสองอย่างคือใบยี่โถกับเซิงหมาดำ! เมื่อยาทั้งสองรวมกันจะทำให้พระชายาเป็นหมันในภายภาคหน้าเพคะ!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างเย็นชา “ยาทั้งสองนี้ไร้กลิ่น! แต่หม่อมฉันกลับได้กลิ่นหอม!”“อีกทั้งหม่อมฉันยังพบดอกคำฝอยอยู่ในอาเจียนของจูหลานด้วย ยานี้ยังเป็นยาช่วยการขับเลือด!”“ยาชนิดนี้สามารถใช้ขับเลือดในสตรีได้ แต่หากใช้กับสตรีมีครรภ์จะทำให้เลือดไหลไม่หยุด!”“แม่นางซือเพิ่งมาถึงไม่นาน แต่ตอนที่จูหลานมาก็มีเลือดออกมากแล้ว ดังนั้นแม่นางซือมิน่าใช่คนที่ให้จูหลานกินดอกคำฝอย!”องค์ชายเย่ยิ่งฟังก็ยิ่งหวาดกลัว เขาไม่คาดคิดเลยว่าแค่พร
สายตาของเซียวหลินเทียนมองไปที่องค์ชายเย่อย่างเคร่งขรึม แม้ว่าเขาจะเชื่อในทักษะการแพทย์ของหลิงอวี๋ แต่นี่ก็เป็นเรื่องการทำคลอด และก่อนหน้านี้หลิงอวี๋ไม่มีประสบการณ์ในการทำคลอดมาก่อนเลยนางช่วยพระชายาเย่ไม่ได้จริง ๆ หรือ?แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาสาบานว่าจะไม่มีทางปล่อยให้องค์ชายเย่ทำให้หลิงอวี๋ต้องลำบากใจเด็ดขาด!“หลานเอ๋อร์ของข้า… หลิงอวี๋ ท่านคืนชีวิตของหลานหลานให้ข้าเถิด!”ฮูหยินจูสั่นไหวอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็สะบัดมือของจูเฮ่าแล้วเดินโซเซเข้าไป“ผู้ใดบอกว่าพระชายาเย่ตายแล้วเล่า?”หลิงอวี๋กลัวว่าฮูหยินจูจะล้ม จึงรีบก้าวไปพยุงนาง พลางเอ่ยเสียงอ่อนโยน“ฮูหยินจูมาดูนี่สิ นางแค่หมดเรี่ยวแรงหลังคลอดเลยสลบไปเท่านั้น ประเดี๋ยวพอให้เลือดเสร็จ นางก็จะฟื้นขึ้นมาแล้ว!”ความหวังริบหรี่เกิดขึ้นในใจของฮูหยินจู แล้วหลิงอวี๋ก็พยุงนางเข้าไปนางยื่นมือไปสัมผัสลมหายใจของจูหลาน และรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ของจูหลานที่พ่นใส่มือของตนหัวใจของนางจึงมีชีวิตชีวาขึ้นมา“พระชายาอ๋องอี้ เช่นนั้นนางยังสามารถให้กำเนิดลูกอีกได้หรือไม่?”ฮูหยินจูจับมือหลิงอวี๋พลางเอ่ยถามอย่างมีความหวัง“ได้แน่นอนสิ เมื่อคร
“เช่นนั้นรึ?”ทันใดนั้นหลิงอวี๋ก็เอ่ยอย่างเฉียบขาด “เช่นนั้นก็หยิบยาของเจ้าออกมาเทียบดูว่าข้ากล่าวหาเจ้าหรือไม่!”เมื่อเห็นยาเม็ดนั้นสีหน้าของพระชายาเว่ยก็เปลี่ยนไปทันที พลางจ้องแม่นางซืออย่างไม่พอใจแม่นางซือเอ่ยโต้แย้งขึ้นมา “หรือว่าพระชายาอ๋องอี้อยากจะขโมยยาสูตรลับของข้า? ข้าบอกไปแล้วว่ายาเม็ดนี้มิใช่ของข้า เหตุใดท่านต้องบอกว่ามันเป็นของข้าด้วยเล่า!”“หรือว่าเพราะสถานะของท่านสูงส่งกว่าข้า จึงใช้อำนาจบังคับผู้อื่นเช่นนี้ได้กระนั้นรึ?”“ข้าหรือจะชอบยาสูตรลับที่ทำร้ายคนของเจ้า? ช่างตลกยิ่งนัก!”หลิงอวี๋เอ่ยเสียงขรึม “การวางยาพิษทายาทของราชวงศ์จะต้องถูกตัดหัว! เจ้ากล้าให้ค้นตัวหรือไม่เล่า?!”พระชายาเว่ยสงบลงครู่หนึ่งแล้วขมวดคิ้วพลางเอ่ย “น้องสะใภ้สี่ เหตุใดเจ้าจึงบอกว่าแม่นางซือคิดจะวางยาพิษท่านชายน้อย? ยาเม็ดนี้มีสิ่งใดผิดปกติหรือ?”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างเย็นชา “มีบางอย่างผิดปกติกับยาเม็ดนี้เป็นแน่แล้ว ในยานี้มีใบยี่โถกับเซิงหมาดำ ยาทั้งสองรวมกันจะทำให้พระชายาเย่เป็นหมันในภายภาคหน้า!”“ว่ากระไรนะ?!”ฮูหยินจูยืนอยู่ตรงประตู พอได้ยินคำกล่าวของหลิงอวี๋ก็กรีดร้องออกมาด้วยความโกรธ“แม
แม่นมของแม่นางซือกรีดร้องขึ้นมาด้วยความโกรธ “นี่ยังมีกฎเกณฑ์อยู่หรือไม่? แม่นางของข้าใจดีมาทำคลอดให้พวกท่าน แต่พวกท่านกลับปฏิบัติต่อนางเยี่ยงนี้หรือ!”“หุบปาก ที่นี่ใช่ที่ที่เจ้าจะพูดจาเช่นนี้รึ? หากกล้าพูดขึ้นมาอีก ข้าจะทุบตีเจ้าให้ตายโทษฐานช่วยคนชั่วกระทำความผิด!”องค์ชายเย่ตะคอกอย่างเด็ดขาดสีหน้าของพระชายาเว่ยก็เปลี่ยนไปเช่นกัน เมื่อเห็นว่าองค์ชายเย่โกรธมากถึงเพียงนี้ ก็มิกล้าเกลี้ยกล่อมอีกต่อไป กลัวว่าองค์ชายเย่จะเอาความโกรธมาลงกับตน!หลังจากนั้นไม่นาน นางรับใช้ก็พบยาสองสามเม็ดจากกระเป๋าปักของแม่นางซือ จึงนำไปมอบให้องค์ชายเย่องค์ชายเย่มอบมันให้หลิงอวี๋ หลิงอวี๋ตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วเลือกออกมาสองเม็ด จากนั้นก็ยิ้มเยาะให้แม่นางซือพลางเอ่ย“ยังจะบอกว่ายามิใช่ของเจ้าอีกรึ! ส่วนผสมของยาสองเม็ดนี้เหมือนกับยาเม็ดที่จูหลานอาเจียนออกมา ในนี้มีส่วมผสมของใบยี่โถกับเซิงหมาดำ! เจ้ายังจะเถียงข้าง ๆ คู ๆ อีกหรือไม่?”สีหน้าของแม่นางซือดูมืดมนไปทันที แต่นางก็ยังฝืนเอ่ย“พระชายาอ๋องอี้ ในเมื่อท่านมีความเชี่ยวชาญในด้านวิชาแพทย์มากถึงเพียงนี้! เหตุใดท่านมิตรวจดูยาเม็ดอื่นด้วยเล่า? ยาเหล่าน
เช่นนี้ก็แสดงว่า เฉียวไป๋เองก็รู้แล้วใช่หรือไม่ว่าคนที่ช่วยเขาไว้คือศัตรูของเขา?หลิงอวี๋แอบดีใจที่ตนเปลี่ยนรูปลักษณ์อีกครั้ง หลังจากที่หนีออกมาจากเงื้อมมือของเก๋อฮุ่ยหนิง มิเช่นนั้นหากใช้ใบหน้าก่อนหน้านี้ ก็คงจะถูกเก๋อฮุ่ยหนิงสังหารไปแล้วใช่หรือไม่?ดูท่าทางต่อไปตนจะมิสามารถใช้มีดผ่าตัดรักษาคนได้อีกต่อไปแล้ว!หลิงอวี๋ค้นพบแล้วว่า ที่เมืองหลวงแดนเทพนั้นล้วนเป็นหมอโอสถที่รักษาโรค มิว่าจะเป็นโรคอะไร หมอโอสถก็ล้วนใช้เพียงโอสถในการรักษาโรคเท่านั้นส่วนการผ่าตัดนั้น ในตอนนี้กลายเป็นวิธีการรักษาเฉพาะตัวของนางไปแล้วประเดี๋ยวก่อน จู่ ๆ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวของหลิงอวี๋ตนเป็นคนที่รักษาดวงตาของฮูหยินเว่ยจนหาย ตอนนั้นมีหมอจำนวนมากบอกว่าดวงตาของฮูหยินเว่ยมิสามารถรักษาได้แล้ว หากพวกนางเองก็ได้เห็นหมายจับค่าหัวด้วย พวกนางจะไปเปิดโปงตนให้กับตระกูลเฉียวหรือไม่?ตั้งแต่ที่ตนลงมาจากเรือของตระกูลเว่ย ก็ทำเพียงเปลี่ยนกลับเป็นชุดสตรี แต่มิได้เปลี่ยนการแปลงโฉม!ยิ่งไปกว่านั้น ผู้รอบรู้ก็มิได้แปลงโฉมด้วย เช่นนั้นขอเพียงติดตามเบาะแสเหล่านี้มา การจะตามหาตนก็มิใช่เรื่องยากแล้ว!หากต้องการให้ตนป
ขณะที่ก้าวเข้าไปใกล้เรื่อย ๆ ทีละก้าว หลิงอวี๋ก็มองพิจารณาฮูหยินทั้งสองของตระกูลเฉียวไปอย่างเงียบ ๆฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลเฉียวเป็นเสาหลักของตระกูลเฉียว เฉียวต้าลูกชายของนางซึ่งเป็นผู้นำตระกูลเฉียวตายไปแล้ว และเฉียวเค่อหลานชายที่เป็นที่รักมาโดยตลอดก็ตายไปแล้วเช่นกันฮูหยินผู้เฒ่าที่อายุหกสิบกว่าผู้นี้แก่ตัวลงมากภายในชั่วข้ามคืน และในช่วงนี้ก็นอนซมอยู่บนเตียงอยู่ตลอด นี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่นางออกจากบ้านตั้งแต่ที่ลูกชายตายไปนางแต่งตัวเรียบหรูสุภาพเช่นเดียวกับฮูหยินเฉียว และเนื่องจากนางกินโอสถชะลอวัยมาหลายปี ดังนั้นแม้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าเฉียวจะอายุหกสิบแล้ว แต่บนใบหน้าของนางก็ไม่มีริ้วรอยแม้แต่น้อย ดูแล้วคล้ายกับเป็นพี่น้องกับฮูหยินเฉียวเลยทีเดียวผมของนางก็เป็นสีดำสนิททั้งหมดเช่นกัน เพียงแต่เป็นเพราะอาการป่วย จึงทำให้สีผิวดูขาวซีดไปเล็กน้อยรูปร่างของฮูหยินเฉียวสูงใหญ่กว่าสตรีทั่วไป นางสูงเกือบหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร กระดูกก็ใหญ่เช่นกัน ดูมีความสามารถมาก และระหว่างคิ้วกับตาของนางนั้นก็ล้วนเป็นความมุ่งมั่นตัดสินใจอย่างเด็ดขาด“ฮูหยินผู้เฒ่าเฉียว ฮูหยินเฉียว...”จงเจิ้งเฟยพาเหลยเหวินกั
น่าสนใจ!เซียวหลินเทียนเห็นกระบวนการทั้งหมดนั้น แล้วก็รู้สึกว่าการมาเข้าร่วมงานเลี้ยงชมบุปผาที่น่าเบื่อในวันนี้ ก็มิได้น่าเบื่อถึงเพียงนั้นแล้วเขาหันไปหาเถาจื่อแล้วเอ่ยออกไป “ศิษย์พี่หญิงของเจ้าผู้นี้น่าสนใจมาก เจ้าจงเข้าใกล้นางเข้าไว้!”เถาจื่อดูท่าทีสับสน “นายท่านอู่ ท่านแน่ใจว่านางมิใช่คุณหนูมิใช่หรือเจ้าคะ? เหตุใดจึงต้องเสียเวลาไปกับนางด้วยเจ้าคะ?”เซียวหลินเทียนส่ายหัว “ไม่ ข้ามิอาจแน่ใจได้หรอก! คุณหนูของพวกเจ้าฉลาดถึงเพียงนั้น หากนางตั้งใจจะซ่อนตัวขึ้นมาจริง ๆ ก็มีวิธีมากมายนัก!”“ข่าวล่าสุดที่สือหรงส่งมาก็คือ คุณหนูของพวกเจ้าติดตามฮูหยินเว่ยมาที่เมืองหลวงแดนเทพ ขอเพียงนางอยู่ในสังคมเมืองหลวงแดนเทพนี้ นางจะต้องมาศึกษาที่สำนักศึกษาชิงหลงอย่างแน่นอน!”“สิ่งที่พวกเราต้องให้ความสำคัญก็คือสตรีที่โดดเด่นเหล่านี้ เราจะต้องตรวจสอบพวกนางทีละคน จนกว่าจะพบคุณหนูของเจ้า!”เซียวหลินเทียนเชื่อว่า ด้วยความฉลาดของหลิงอวี๋แล้ว นางไม่มีทางเป็นคนธรรมดาอย่างแน่นอน ขอเพียงคอยจับตามองสตรีที่โดดเด่นเหล่านี้เข้าไว้ เขาจะต้องหาหลิงอวี๋พบได้อย่างแน่นอน“ฉินซาน เจ้ากลับไปบอกให้สือหรงสืบประวัติของส
หลิวซานและเหล่าบัณฑิตของหอโอสถไป๋เป่าเห็นสถานการณ์เช่นนั้น ก็พากันตำหนิหลิงอวี๋หลิวซานเป็นผู้นำดุด่าขึ้นมา “ใช่แล้ว ตนเองสร้างปัญหาไปทั่ว เมื่อถูกคนมาทำลายบ้านยังจะมาใส่ร้ายศิษย์พี่ของพวกเราอีก คงมิใช่ว่าเจ้ายากจนไม่มีเงิน จึงคิดจะขู่กรรโชกเงินจำนวนหนึ่งไปสร้างบ้านใหม่ใช่หรือไม่!”บัณฑิตคนหนึ่งก็เอ่ยออกมาอย่างดูถูกเช่นกัน “ดูจากอาภรณ์ที่นางใส่แล้ว ก็คงมิได้อยู่อาศัยในที่ที่ดีนักหรอก คงจะไปทำให้ใครขุ่นเคืองเข้าจึงถูกทุบน่ะสิ!”“ใช่แล้ว ที่อยู่ของพวกเรามีความปลอดภัยดี ไม่มีทางเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นแน่!”“สิงอวี๋ เจ้าช่างน่ารังเกียจเสียจริง! เมื่อครู่ศิษย์พี่ของเราล้อเล่นจึงพูดเช่นนั้นออกไป คาดมิถึงเลยว่าจะถูกเจ้าใส่ร้าย! เช่นนั้นหากเป็นข้าที่พูดเช่นนั้นออกไป เจ้าก็จะบอกว่าข้าทำลายบ้านเจ้าใช่หรือไม่?”จงเจิ้งเฟยกับเหลยเหวินจึงดึงหลิงอวี๋ไปถามด้วยความเป็นห่วง “บ้านของเจ้าถูกทุบจริงหรือ?”หลิงอวี๋นึกถึงเรื่องวุ่นวายในบ้านที่เห็นท่ามกลางสายฝนเมื่อวานนี้ แล้วพยักหน้าอย่างแน่วแน่นางมองเหมียวหยางอย่างเย็นชา เขายังคงหัวเราะอย่างมิกลัวเกรง พร้อมกับทำท่าทางท้าทายราวกับว่า ‘เจ้าทำอะไรข้ามิไ
เสียงของหลิงอวี๋มิได้ดัง แต่ก็แน่วแน่มีพลังพอ ทำให้คุณหนูคุณชายที่อยู่ในบริเวณนั้นได้ยินกันหมดเซียวหลินเทียนเพิ่งลงจากรถม้ามาพร้อมกับพวกเถาจื่อ เมื่อเขาได้ยินคำพูดเหล่านี้ เซียวหลินเทียนก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วก็หันไปมองน้ำเสียงนี้ พลังเช่นนี้ เหตุใดจึงคล้ายกับหลิงอวี๋มากถึงเพียงนั้นอย่ารังแกคนหนุ่มสาวที่ยากจน!ตอนนั้นที่หลิงอวี๋ถูกพวกเสิ่นจวนกลั่นแกล้งที่ภัตตาคาร หลิงอวี๋ก็เคยพูดในทำนองเดียวกันนี้“ใต้หล้านี้หากมีคนใส่ร้ายข้า หลอกลวงข้า ดูหมิ่นข้า เย้ยหยันข้า ดูถูกข้า เหยียดหยามข้า รังเกียจข้า หลอกลวงข้า ข้าควรจะลงโทษอย่างไร?”“ขอเพียงอดทนกับเขา ยอมเขา ตามใจเขา หลีกเลี่ยงเขา อดกลั้นกับเขา เคารพเขา เมินเฉยเขา และรอไปสักสองสามปีแล้วค่อยดูเขา!”พวกของเสิ่นจวนที่เคยรังแกหลิงอวี๋ในอดีตนั้น ในตอนนี้ต่างก็มีจุดจบที่น่าสังเวชทั้งสิ้น มีเพียงหลิงอวี๋เท่านั้น ที่ก้าวหน้า กลายเป็นหมอที่มีชื่อเสียง เป็นฮองเฮาที่ผู้คนนับล้านในฉินตะวันตกเคารพ!สตรีหน้าตาธรรมดาและแต่งตัวซอมซ่อตรงหน้าเขาผู้นี้ ก็มีพลังของหลิงอวี๋อยู่เช่นกันใครจะรู้ว่านางจะเป็นดังเช่นหลิงอวี๋หรือไม่ หนึ่งปีหลังจากนี้นางอาจ
ใต้หล้านี้มีสตรีที่งดงามอยู่มากมาย!บางคนก็พึ่งการแต่งตัวให้ตนดูงดงาม!และบางคนก็พึ่งความเข้มแข็งภายในจิตใจทำให้งดงาม!และในชั่วขณะนี้ เหลยเหวินรู้สึกว่าสหายของตนผู้นี้ ถึงแม้ว่าจะดูธรรมดาทั่วไป แต่ก็มิได้ด้อยไปกว่าสตรีที่แต่งหน้าแต่งตัวจัดเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย“เสี่ยวอวี๋ เจ้าจะต้องได้สิ่งที่เจ้าต้องการอย่างแน่นอน!”เหลยเหวินเอ่ยออกมาอย่างจริงใจหลิงอวี๋มีจิตใจที่แน่วแน่เช่นนี้ ทั้งยังมีพรสวรรค์ด้านการกลั่นโอสถอีก ในอนาคตที่ไร้ขีดจำกัด นางจะต้องไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดอย่างแน่นอนทั้งสองยิ้มให้กันแล้วออกไปรอจงเจิ้งเฟยและเมื่อมาถึงที่หน้าประตู รถม้าของตระกูลจงเจิ้งก็มาถึงเนื่องจากเป็นตระกูลใหญ่ จึงเป็นรถม้าที่มีม้าลากสี่ตัวที่ดูหรูหรามาก พวกนางทั้งสามคนยิ้มแย้มพูดคุยกันไปขณะที่มุ่งหน้าไปที่บ้านของหลงอิง“เสี่ยวอวี๋ ตระกูลของหลงอิงเป็นสายข้างเคียงของตระกูลหลง ดังนั้นที่ที่พวกเราจะไปกันจึงมิใช่คฤหาสน์ต้นตระกูล แต่เป็นคฤหาสน์ของครอบครัวนางเอง”เหลยเหวินแนะนำหลิงอวี๋อย่างกระตือรือร้น “แม้ว่าจะเป็นเพียงสายข้างเคียง แต่ครอบครัวหลงอิงก็ใหญ่โตมากเช่นกัน ต้องจัดงานยิ่งใหญ่เช่นนี้ประจำ
“เสี่ยวชี เจ้าอาศัยอยู่ที่ใด ข้าจะไปส่งเจ้า!”เย่หรงรู้สึกว่าคุยกับหลิงอวี๋ถูกคอมาก จึงรู้สึกว่ายังมิพอ“โรงเตี๊ยมเจ้าค่ะ!”ในเมื่อหลิงอวี๋ตัดสินใจที่จะสร้างพันธมิตรกับเย่หรงแล้ว นางจึงมิลังเลที่จะบอกเรื่องของตนให้เขารู้เย่หรงจึงเอ่ยออกมาอย่างประหลาดใจ “เจ้าสอบเข้าเรียนที่สำนักศึกษาชิงหลงได้แล้วนี่ เหตุใดยังพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมอีกเล่า? โรงเตี๊ยมในเมืองหลวงแดนเทพราคามิใช่ถูก ๆ เจ้าทำเช่นนี้มิสู้ซื้อเรือนสักหลังน่าจะคุ้มค่ากว่าหรือ!”หลิงอวี๋จึงยิ้มอย่างเย็นชา “เดิมทีข้ามีบ้านอยู่ แต่ถูกคนทำลายไปเสียแล้ว!”“เกิดเรื่องอันใดขึ้น? เจ้าเป็นศิษย์น้อยของอาสาม ใครกันที่ตาไร้แววกล้ามาทำลายเรือนของเจ้า?”เย่หรงยิ่งก็ยิ่งรู้สึกสงสัยมากขึ้นไปอีกหลิงอวี๋จึงเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้เขาฟัง และสุดท้ายก็เอ่ยออกไป “เรื่องนี้ต้องเป็นฝีมือของเหมียวหยางเป็นแน่ ข้าไม่มีศัตรูอยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ และนอกจากเขาแล้วก็ไม่มีใครที่จะทำเรื่องเช่นนี้กับข้าด้วย!”เย่หรงได้ยินเช่นนั้นก็โกรธมาก “ไป่หลี่ไห่กับหอโอสถไป๋เป่าอาศัยว่ามีการสนับสนุนของเจ้าแห่งทะเล จึงได้กล้าทำสิ่งชั่วร้ายเช่นนี้!”“เสี่ยวช
แหกคุกหรือ?เหมือนว่าจะไม่มีใครเคยพูดเช่นนี้กับเย่หรงมาก่อนเลย เย่หรงเองก็ถูกการศึกษาที่แสนยาวนานยับยั้งเอาไว้ คิดมิถึงเลยว่าจะมีวิธีเช่นนี้ที่สามารถใช้ได้ด้วย!เขาประหลาดใจขึ้นมาในทันที แล้วก็มองหลิงอวี๋อย่างเหลือเชื่อเช่นนี้ก็ได้เช่นกันนี่?เพราะว่าเย่หรงเองก็เป็นคนที่มิทำตามกฎอยู่แล้ว หลังจากที่ตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง เขาก็คิดออกแล้วคำโน้มนำที่หลิงอวี๋ขว้างมาตรงหน้าตนนั้นเป็นราวกับต้นกล้าเล็ก ๆ ที่ทะลุผ่านดินขึ้นมาในชั่วพริบตา และเติบโตขึ้นไปเรื่อย ๆ!ใครบอกว่ามิได้เล่า?ความผิดที่มารดาของเขาทำนั้นมิใช่ความผิดร้ายแรง ตระกูลหลงและตระกูลเย่ก็มิแม้แต่จะผ่านการพิจารณาคดีด้วยซ้ำ พวกเขาแค่ขังนางไว้ในคุกน้ำอันมืดมิดมาเป็นเวลานานสิบกว่าปีแล้วพวกเขาสามารถเพิกเฉยกฎเกณฑ์ได้ และทำตามอำเภอใจกันได้ เช่นนั้นเหตุใดตนจึงต้องปฏิบัติตามกฎของพวกเขาด้วยเล่า?มิรู้ว่าท่านแม่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายเช่นนั้นจะถูกทรมานอย่างไรบ้าง เขาในฐานะลูกชายจะสามารถมองดูมารดาต้องทนทุกข์ต่อไปได้อย่างไรกัน?หากเขามิช่วยท่านแม่ออกมาจากสถานที่เลวร้ายนั้น เขาจะต้องสูญเสียท่านแม่ไปแน่“เสี่ยวชี ข้าจะหาช่องโหว่ได้
ก็มิรู้ว่าเพราะเหตุใดเช่นกัน!เป็นเพราะได้ยินหยางหงหนิงบอกว่าเย่หรงชอบหลิงอวี๋หรือ?หรือเป็นเพราะเมื่อครู่ได้ยินเย่หรงพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าตัวเขาไร้ประโยชน์ และไม่มีอะไรดี?หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะเคยได้ยินผู้รอบรู้เล่าเรื่องภูมิหลังของเย่หรง เมื่อหลิงอวี๋เห็นเย่หรงจึงไม่มีความระแวดระวังดังเช่นก่อนหน้านี้นี่คือคนที่น่าสงสารคนหนึ่ง!หลิงอวี๋มองใบหน้าที่คุ้นเคยนั้นแล้วเอ่ยขึ้นมาอย่างประหม่า “คุณชายเย่ ข้ามิได้ตั้งใจจะแอบฟัง ข้าแค่ผ่านมา… แค่ผ่านมาเท่านั้นเอง!”เย่หรงจ้องมองนางอย่างดุร้าย และเมื่อเห็นท่าทางตื่นตระหนกของศิษย์น้อยของเย่ซื่อฝาน ดูมิคล้ายกับพูดโกหกอยู่ เขาก็เอ่ยถามอย่างมิคาดคิด “เจ้าดื่มสุราเป็นหรือไม่?”เอ๊ะ นี่คือคำถามอะไรกัน?“มินับว่าดื่มเป็นเจ้าค่ะ!” หลิงอวี๋เอ่ยด้วยความเขินอายนางมิรู้ด้วยซ้ำว่าตนสามารถดื่มได้มากแค่ไหน แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าดื่มเป็นหรือไม่“ไป ข้าจะเลี้ยงสุราเจ้าเอง!”เย่หรงมิพูดพร่ำทำเพลง แล้วเดินเข้ามาคว้าแขนของหลิงอวี๋เดินไป“คุณชายเย่ ข้าไปดื่มกับท่านมิได้เจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋ตกใจ แล้วก็ดิ้นรนพลางเอ่ยออกมาแม้แต่คนตาบอดก็ยังมองเห็นชัดเจนว่