ฮูหยินจูตกใจมากจนเข่าทรุดลงไปกับพื้น ลูกคนแรกของจูหลานกับองค์ชายเย่ไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้วหากในภายภาคหน้าไม่สามารถมีลูกได้อีก เช่นนั้นลูกสาวของนางคงมีชีวิตแบบตายทั้งเป็นแน่นอน!เมื่อจูเฮ่าเห็นดังนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปพยุงมารดาของตนลุกขึ้นทันที“คิดวิธีอื่นอีกมิได้หรือ?” จูเฮ่าเอ่ยถามอย่างร้อนใจเด็กคนนี้จากไป ในภายภาคหน้าก็มีลูกได้อีก ทว่าหากนางไม่สามารถมีลูกอีกต่อไป น้องสาวของตนจะต้องทุกข์ทรมานเป็นแน่!ดูเหมือนว่า แม่นมจะได้เห็นสถานการณ์เช่นนี้มามากแล้ว นางจึงเอ่ยอย่างไร้ความปรานี“แม่นางของข้าบอกว่าสามารถช่วยชีวิตพระชายาได้ก็เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้ว! หากพวกท่านขอมากเกินไป นางทำให้มิได้หรอก!”“ข้าขอเพียงให้หลานหลานมีชีวิตอยู่เท่านั้น! เจ้าไปบอกแม่นางซือให้รีบช่วยหลานหลานเสีย!” องค์ชายเย่กัดฟันตัดสินใจจู่ ๆ น้ำตาของฮูหยินจูก็ไหลลงมาอาบแก้ม ลูกสาวผู้น่าสงสารของนาง!“หากแม่นางของข้าต้องช่วยชีวิตพระชายาไว้ ก็ทำได้เพียงต้องใช้ยาที่ดีที่สุด ยานี้แม่นางของข้าต้องรวบรวมและปรับปรุงด้วยความพยายามอย่างมาก ต้องจ่ายเงินมาห้าหมื่นตำลึง…”“เงินมากเท่าใดข้าก็ให้ได้ รีบช่วยพระชายาเร็วเข้
สีหน้าของพระชายาเว่ยเปลี่ยนไปทันที พลางเอ่ยเถียงขึ้นมาอย่างร้อนตัว“น้องสะใภ้สี่เอ่ยวาจาไร้สาระอันใดกัน! ข้าเป็นคนเช่นนั้นหรือ? ข้าแค่เป็นห่วงว่าเจ้าจะไม่รู้เรื่องทำคลอดลูกแล้วทำผิดกับน้องสะใภ้ห้าต่างหาก!”“หากศพที่อยู่ในท้องจะทำให้นางหายใจไม่ออก ทุกคนรู้เรื่องนี้ดี! ข้าว่าเจ้าต่างหากเป็นคนที่จงใจฆ่าน้องสะใภ้ห้า!”หลิงอวี๋ไม่ได้ยินเสียงจูหลานที่อยู่ข้างในแล้ว จึงกังวลว่าพระชายาเว่ยกำลังถ่วงเวลาไม่ให้ตนช่วยเหลือจูหลานนั่นคือสองชีวิตเชียวนะ!หลิงอวี๋กังวลมากจนไม่สนใจที่จะโต้เถียงกับพระชายาเว่ยแล้ว จึงตะโกนใส่องค์ชายเย่เสียงแข็ง“เซียวหลินมู่ หากหม่อมฉันมิชอบจูหลาน หม่อมฉันคงเดินจากไปเพราะท่าทีของท่านเมื่อครู่แล้ว!“หากหม่อมฉันมิรู้สึกเสียใจกับจูหลานที่จะไม่สามารถเป็นแม่ได้อีกตลอดชีวิต! หากมิเสียใจกับเด็กที่ยังไม่ลืมตาดูผืนแผ่นดินแต่จะถูกหมอต้มตุ๋นฆ่า! หม่อมฉันจะอยู่ที่นี่ให้ถูกสอบสวนเพื่อสิ่งใดกัน!”“บุตรกับภรรยามิใช่ของหม่อมฉัน จะช่วยเหลือพวกเขาหรือไม่มันขึ้นอยู่กับท่าน หม่อมฉันไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว!”“ท่านตรัสมาเถิดว่าอยากให้หม่อมฉันช่วยหรือไม่? หากมิให้หม่อมฉันช่วย ท่านจะต
นางผดุงครรภ์ทั้งสองรีบออกไปทันทีหลิงอวี๋หันกลับไปตะโกนใส่จูเฮ่ากับเซียวหลินเทียน“ห้ามผู้ใดในเรือนนี้ออกไปไหนจนกว่าข้าจะออกมา!”นางจ้องมองแม่นางซืออย่างดุร้าย หวังเพียงว่าเรื่องราวจะไม่เป็นอย่างที่ตนคิด!“องค์ชาย ท่านเข้ามากับพวกเรา!” หลิงอวี๋ตะโกนบอกองค์ชายเย่องค์ชายเย่ก้าวผ่านประตูไปโดยไม่รู้ตัวนางผดุงครรภ์คนหนึ่งรีบคว้าตัวเขาพลางตะโกนว่า “องค์ชาย ห้องคลอดสกปรกนัก อย่าเข้าไปนะเพคะ จะทำให้โชคร้าย!”เวลานี้องค์ชายเย่ไม่ฟังคำพูดโน้มน้าวใจใด ๆ แล้ว เมื่อเห็นท่าทางเงียบ ๆ ของจูหลาน เขาก็รีบเข้าไป พลางตะโกนอย่างประหม่า “หลานหลาน เจ้าเป็นเยี่ยงไรบ้าง?”หลิงอวี๋เองก็รีบพุ่งเข้าไปหาจูหลาน แล้วก็พบว่าจูหลานหมดสติไปแล้วหลิงอวี๋จับชีพจร หัวใจของจูหลานเต้นช้า หัวใจของเด็กก็อ่อนแอเกินกว่าจะรู้สึกได้หากมิใช่เพราะตนมีความสามารถรับรู้ที่ผิดปกติ ก็จะไม่สามารถสัมผัสได้ถึงการเต้นของหัวใจเด็กเพียงแค่จับชีพจรหรอก“เถาจื่อ ฉีดยาหัวใจ!”“หลิงซวน ออกไปหาคนมาตรวจเลือด เตรียมพร้อมสำหรับการให้เลือด!”หลิงอวี๋สั่งอย่างเป็นขั้นเป็นตอน“พี่สะใภ้สี่ ข้าต้องทำสิ่งใด?” องค์ชายเย่เอ่ยถามอย่างกังวล
หลิงอวี๋โกรธจนหน้าเขียว หยิบขวดยาแก้พิษกับเข็มออกมาฉีดเข้าไปที่เด็กก่อน ตอนนี้นางต้องจัดการกับรกและสายสะดือของจูหลาน ไม่มีเวลาตรวจสอบว่ามันเป็นพิษชนิดใด“พี่สะใภ้สี่ ท่านกำลังทำอะไรอยู่? นั่นอะไรหรือ?”องค์ชายเย่เห็นหลิงอวี๋แทงเข็มที่ทารก แล้วทารกก็ไม่ร้องเลยตั้งแต่เกิดมา เขาจึงเอ่ยออกมาอย่างกังวล“อย่าได้ห่วงเพคะ หม๋อมฉันกำลังช่วยเขา!”หลังจากที่หลิงอวี๋ฉีดยาเสร็จแล้วก็ส่งทารกให้เถาจื่อดูแล ส่วนตนก็มาจัดการจูหลานต่อเลือดของจูหลานยังไม่หยุดทั้งยังมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยหลิงอวี๋รีบเอาเข็มเงินออกมาฝังไว้ที่จุดฝังเข็มของจูหลาน จากนั้นตะโกนไปข้างนอก“หลิงซวน เลือดพร้อมหรือยัง?”“อาจารย์ มาแล้วเจ้าค่ะ!”หลิงซวนรีบเปิดประตูแล้วเอาเลือดสองถุงใหญ่มาหลิงอวี๋สอดหลอดเลือดเข้าไปที่จูหลานก่อน แล้วจึงบ่น “เหตุใดจึงช้าถึงเพียงนี้”หลิงซวนยิ้มอย่างขมขื่นพลางเอ่ย “ข้างนอกทะเลาะกันรุนแรงมากเจ้าค่ะ! พระชายาเว่ยจะเดินนำออกไป แม่นางซือกับนางผดุงครรภ์สองคนก็บอกว่าที่นี่ไม่ใช่เรื่องของพวกนางแล้ว เหตุใดถึงไม่ยอมให้พวกนางออกไป!”“ทั้งยังบอกว่าท่านอ๋องอี้ใช้อำนาจเกินไป จะไปร้องเรียนต่อองค์ชายเว่ยและ
องค์ชายเย่คลี่กระดาษนั้นออกมา เม็ดยายังคงอยู่ข้างในหลิงอวี๋รับยานั้นมาดมกลิ่น กลิ่นอาเจียนมาพร้อมกับกลิ่นหอม ซึ่งเป็นกลิ่นที่นางเคยได้กลิ่นจากแม่นางซือก่อนหน้านี้“รอสักครู่ หม่อมฉันดูว่ามันคือสิ่งใด!”หลิงอวี๋วิ่งไปด้านหลังฉากกั้นลม แล้วรีบเข้าไปในมิติเพื่อตรวจสอบยาเม็ดนั้นหลังจากนั้นไม่นานผลลัพธ์ก็ออกมา หลิงอวี๋อ่านจบในรวดเดียวแล้วเดินออกไปองค์ชายเย่ยืนนิ่งอยู่ต่อหน้าทารก จ้องมองใบหน้าเล็ก ๆ ที่น่าสงสารนั้น“องึ์ชายห้า ยาเม็ดนี้ไม่มีพิษ แต่ในนี้ประกอบด้วยส่วนผสมของยาสองอย่างคือใบยี่โถกับเซิงหมาดำ! เมื่อยาทั้งสองรวมกันจะทำให้พระชายาเป็นหมันในภายภาคหน้าเพคะ!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างเย็นชา “ยาทั้งสองนี้ไร้กลิ่น! แต่หม่อมฉันกลับได้กลิ่นหอม!”“อีกทั้งหม่อมฉันยังพบดอกคำฝอยอยู่ในอาเจียนของจูหลานด้วย ยานี้ยังเป็นยาช่วยการขับเลือด!”“ยาชนิดนี้สามารถใช้ขับเลือดในสตรีได้ แต่หากใช้กับสตรีมีครรภ์จะทำให้เลือดไหลไม่หยุด!”“แม่นางซือเพิ่งมาถึงไม่นาน แต่ตอนที่จูหลานมาก็มีเลือดออกมากแล้ว ดังนั้นแม่นางซือมิน่าใช่คนที่ให้จูหลานกินดอกคำฝอย!”องค์ชายเย่ยิ่งฟังก็ยิ่งหวาดกลัว เขาไม่คาดคิดเลยว่าแค่พร
สายตาของเซียวหลินเทียนมองไปที่องค์ชายเย่อย่างเคร่งขรึม แม้ว่าเขาจะเชื่อในทักษะการแพทย์ของหลิงอวี๋ แต่นี่ก็เป็นเรื่องการทำคลอด และก่อนหน้านี้หลิงอวี๋ไม่มีประสบการณ์ในการทำคลอดมาก่อนเลยนางช่วยพระชายาเย่ไม่ได้จริง ๆ หรือ?แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาสาบานว่าจะไม่มีทางปล่อยให้องค์ชายเย่ทำให้หลิงอวี๋ต้องลำบากใจเด็ดขาด!“หลานเอ๋อร์ของข้า… หลิงอวี๋ ท่านคืนชีวิตของหลานหลานให้ข้าเถิด!”ฮูหยินจูสั่นไหวอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็สะบัดมือของจูเฮ่าแล้วเดินโซเซเข้าไป“ผู้ใดบอกว่าพระชายาเย่ตายแล้วเล่า?”หลิงอวี๋กลัวว่าฮูหยินจูจะล้ม จึงรีบก้าวไปพยุงนาง พลางเอ่ยเสียงอ่อนโยน“ฮูหยินจูมาดูนี่สิ นางแค่หมดเรี่ยวแรงหลังคลอดเลยสลบไปเท่านั้น ประเดี๋ยวพอให้เลือดเสร็จ นางก็จะฟื้นขึ้นมาแล้ว!”ความหวังริบหรี่เกิดขึ้นในใจของฮูหยินจู แล้วหลิงอวี๋ก็พยุงนางเข้าไปนางยื่นมือไปสัมผัสลมหายใจของจูหลาน และรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ของจูหลานที่พ่นใส่มือของตนหัวใจของนางจึงมีชีวิตชีวาขึ้นมา“พระชายาอ๋องอี้ เช่นนั้นนางยังสามารถให้กำเนิดลูกอีกได้หรือไม่?”ฮูหยินจูจับมือหลิงอวี๋พลางเอ่ยถามอย่างมีความหวัง“ได้แน่นอนสิ เมื่อคร
“เช่นนั้นรึ?”ทันใดนั้นหลิงอวี๋ก็เอ่ยอย่างเฉียบขาด “เช่นนั้นก็หยิบยาของเจ้าออกมาเทียบดูว่าข้ากล่าวหาเจ้าหรือไม่!”เมื่อเห็นยาเม็ดนั้นสีหน้าของพระชายาเว่ยก็เปลี่ยนไปทันที พลางจ้องแม่นางซืออย่างไม่พอใจแม่นางซือเอ่ยโต้แย้งขึ้นมา “หรือว่าพระชายาอ๋องอี้อยากจะขโมยยาสูตรลับของข้า? ข้าบอกไปแล้วว่ายาเม็ดนี้มิใช่ของข้า เหตุใดท่านต้องบอกว่ามันเป็นของข้าด้วยเล่า!”“หรือว่าเพราะสถานะของท่านสูงส่งกว่าข้า จึงใช้อำนาจบังคับผู้อื่นเช่นนี้ได้กระนั้นรึ?”“ข้าหรือจะชอบยาสูตรลับที่ทำร้ายคนของเจ้า? ช่างตลกยิ่งนัก!”หลิงอวี๋เอ่ยเสียงขรึม “การวางยาพิษทายาทของราชวงศ์จะต้องถูกตัดหัว! เจ้ากล้าให้ค้นตัวหรือไม่เล่า?!”พระชายาเว่ยสงบลงครู่หนึ่งแล้วขมวดคิ้วพลางเอ่ย “น้องสะใภ้สี่ เหตุใดเจ้าจึงบอกว่าแม่นางซือคิดจะวางยาพิษท่านชายน้อย? ยาเม็ดนี้มีสิ่งใดผิดปกติหรือ?”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างเย็นชา “มีบางอย่างผิดปกติกับยาเม็ดนี้เป็นแน่แล้ว ในยานี้มีใบยี่โถกับเซิงหมาดำ ยาทั้งสองรวมกันจะทำให้พระชายาเย่เป็นหมันในภายภาคหน้า!”“ว่ากระไรนะ?!”ฮูหยินจูยืนอยู่ตรงประตู พอได้ยินคำกล่าวของหลิงอวี๋ก็กรีดร้องออกมาด้วยความโกรธ“แม
แม่นมของแม่นางซือกรีดร้องขึ้นมาด้วยความโกรธ “นี่ยังมีกฎเกณฑ์อยู่หรือไม่? แม่นางของข้าใจดีมาทำคลอดให้พวกท่าน แต่พวกท่านกลับปฏิบัติต่อนางเยี่ยงนี้หรือ!”“หุบปาก ที่นี่ใช่ที่ที่เจ้าจะพูดจาเช่นนี้รึ? หากกล้าพูดขึ้นมาอีก ข้าจะทุบตีเจ้าให้ตายโทษฐานช่วยคนชั่วกระทำความผิด!”องค์ชายเย่ตะคอกอย่างเด็ดขาดสีหน้าของพระชายาเว่ยก็เปลี่ยนไปเช่นกัน เมื่อเห็นว่าองค์ชายเย่โกรธมากถึงเพียงนี้ ก็มิกล้าเกลี้ยกล่อมอีกต่อไป กลัวว่าองค์ชายเย่จะเอาความโกรธมาลงกับตน!หลังจากนั้นไม่นาน นางรับใช้ก็พบยาสองสามเม็ดจากกระเป๋าปักของแม่นางซือ จึงนำไปมอบให้องค์ชายเย่องค์ชายเย่มอบมันให้หลิงอวี๋ หลิงอวี๋ตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วเลือกออกมาสองเม็ด จากนั้นก็ยิ้มเยาะให้แม่นางซือพลางเอ่ย“ยังจะบอกว่ายามิใช่ของเจ้าอีกรึ! ส่วนผสมของยาสองเม็ดนี้เหมือนกับยาเม็ดที่จูหลานอาเจียนออกมา ในนี้มีส่วมผสมของใบยี่โถกับเซิงหมาดำ! เจ้ายังจะเถียงข้าง ๆ คู ๆ อีกหรือไม่?”สีหน้าของแม่นางซือดูมืดมนไปทันที แต่นางก็ยังฝืนเอ่ย“พระชายาอ๋องอี้ ในเมื่อท่านมีความเชี่ยวชาญในด้านวิชาแพทย์มากถึงเพียงนี้! เหตุใดท่านมิตรวจดูยาเม็ดอื่นด้วยเล่า? ยาเหล่าน
เถ้าแก่เจียงเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนั้นก็กำลังคิดจะด่า หลิงอวี๋ก็อุ้มเจียงหย่งมาและหันหลังให้ตนแล้วสองมือของนางกอดรัดอยู่ตรงช่วงท้องของเจียงหย่ง มือหนึ่งกำหมัดแล้ววางด้านหัวแม่มือของกำปั้นนั้นอยู่ที่ตรงอกและตรงท้องของเจียงหย่งส่วนมืออีกข้างของหลิงอวี๋ก็จับมือที่กำหมัดไว้แล้วรีบกระทุ้งที่ช่วงท้องของเจียงหย่งอย่างแรงการกระทำนี้ทำเอาเถ้าแก่เจียงโกรธจนกำหมัดไปทุบที่หัวของหลิงอวี๋“ให้ตายสิ นี่เป็นการช่วยเหลือหรือทำร้ายกันแน่ วางลูกชายข้าลงเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้า”หลิงอวี๋อุ้มเจียงหย่งหลบมา พลางตะคอกใส่เถ้าแก่เจียง “ข้ากำลังช่วยลูกท่านอยู่ ท่านมิเห็นหรือว่าเขากำลังจะตายแล้ว?”“ท่านอย่ามารบกวนข้า หากข้ารักษาเขาตาย ข้าจะชดใช้เขาด้วยชีวิต!”แม้ว่าฮูหยินเจียงจะดูมิเข้าใจวิธีการช่วยเหลือของหลิงอวี๋ แต่ลูกชายใกล้จะตายแล้วจริง ๆ ขอเพียงมีความหวังเพียงเล็กน้อยนางก็จะไม่มีทางยอมแพ้นางดึงเถ้าแก่เจียงไว้หลิงอวี๋ก็ใช้วิธีเดิมกระทุ้งเข้าที่ช่วงท้องของเจียงหย่งต่อไปหลังจากทำเช่นนี้ไปสามครั้ง เจียงหย่งก็ไอแค่ก ๆ แล้วถั่วลิสงเม็ดหนึ่งที่มีเลือดติดอยู่ก็หลุดออกมาจากปากเขาและกระเด็นลงส
เสี่ยวซานเอ๋อร์จึงพาหลิงอวี๋ไปขายกำไลหยก ระหว่างทางเสี่ยวซานเอ๋อร์ก็ยังเล่าเรื่องอื่น ๆ ในเมื่อนี้ให้หลิงอวี๋ฟังอีกหลิงอวี๋เอ่ยถามไปอย่างอ้อม ๆ “เสี่ยวซานเอ๋อร์ ข้ามากับน้องสาว แต่น้องสาวข้าหายตัวไปแล้ว ได้ยินว่าป้าวเฉิงเจ้าถิ่นที่นี่เก่งเรื่องตามหาคน หากข้าไปขอให้เขาช่วย จะต้องใช้เงินเท่าใดหรือ?”เสี่ยวซานเอ๋อร์ขมวดคิ้ว “คุณหนูใหญ่ แม้ว่านายใหญ่ป้าวจะเก่งเรื่องตามหาคน แต่ก็มิใช่ว่าจะช่วยใครง่าย ๆ! หากจะไปขอร้องเขาแล้วมีเงินมิถึงหลักพันเขาก็มิสนใจหรอก!”“สองพันพอหรือไม่?”หลิงอวี๋นึกถึงที่หัวหน้าเสิ่นบอกว่ากำไลหยกนี้สามารถขายได้สองพันตำลึงจึงเอ่ยถาม“แล้วแต่คน!”เสี่ยวซานเอ๋อร์คิดว่าหลิงอวี๋ใจกว้างกับตนมากจึงเอ่ยขึ้นมา “ข้ารู้จักกับผู้ดูแลหมู่บ้านตระกูลป้าว ข้าจะไปคุยกับเขาดู เขาน่าจะช่วยได้!”“เช่นนั้นขอร้องเจ้าด้วย! รอให้ขายกำไลหยก จากนั้นเจ้าก็ค่อยพาข้าไปหาเขา ข้าจะมิให้เจ้าขาดทุนอย่างแน่นอน!”หลิงอวี๋ใจชื้นขึ้นมา เงินทองเป็นของนอกกาย ขอเพียงตามหาเสี่ยวอวี้เจอ และพวกนางได้ใช้ชีวิตด้วยกัน เรื่องความจนก็มิกลัวหรอกกระทั่งมาถึงที่บ้านเถ้าแก่เจียงที่รับซื้อกำไลหยก ทั้งสองยังม
“ไปหาสมบัติที่ภูเขาหิมะหรือ? อยากตายนักหรือไรกัน! ภูเขาหิมะนั่นกินคนมิเหลือแม้กระดูก!”แขกคนหนึ่งส่ายหน้าแล้วเอ่ย“คนเหล่านี้แตกต่างไป พวกเขาแต่ละคนมีวรยุทธ์แก่กล้า อีกทั้งยังพาคนเข้าไปตั้งมากมาย มิน่าจะเป็นเหมือนเมื่อก่อนแล้วกระมัง!”“พวกเราเองก็ตามไปหากำไรเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้างดีหรือไม่!”แขกอีกคนหนึ่งยิ้มออกมาแล้วเอ่ย “เจ้าน่ะหรือ อย่าไปเลย ถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่กำไรเล็ก ๆ น้อย ๆ เลย จะกลับกลายเป็นว่าเอาชีวิตไปทิ้งอยู่ข้างในนั้นน่ะสิ!”“เสี่ยวซานเอ๋อร์ หากเจ้าอยากจะร่ำรวยจริง ๆ พี่ชี้ช่องทางให้ดีหรือไม่?”หลิงอวี๋เหลือบมองเสี่ยวซานเอ๋อร์ผู้นั้น เขาเป็นวัยรุ่นอายุประมาณยี่สิบ ดูผอมและอ่อนแอมาก การแต่งกายก็ดูเรียบง่ายธรรมดาเครื่องหน้างดงาม ทว่าดวงตาค่อนข้างแปลก ดูเหมือนมองคนแล้วมิสามารถมองให้ชัดเจนได้สงสัยจะตาเหล่กระมัง!เสี่ยวซานเอ๋อร์ตาเป็นประกายขึ้นมาทันที “พี่หาน ช่องทางอะไรหรือ? รีบบอกมาเร็วเข้า หากข้าร่ำรวยแล้วจะไม่มีทางลืมเจ้าแน่นอน!”“ไปเป็นผู้ค้ามนุษย์อย่างหม่าเฉียงอย่างไรเล่า! เจ้ามิเห็นหรือว่าทาสหญิงหนึ่งเกวียนของเขาขายไปได้สี่แสนหกหมื่น? การค้าขายนี้ง่ายดายกว่าที่เจ
หัวหน้าเสิ่นถูกปู้ติงจ้องมองอยู่ด้วยสายตาดุร้ายก็ไม่มีทางเลือก จึงต้องเขียนหนังสือยอมรับผิด เขาขอแค่เพียงหลบหนีไปได้ อย่างก็อื่นค่อยว่ากันทีหลัง“หัวหน้าเสิ่น หากจะตามหาคนคนหนึ่งควรเริ่มจากที่ใด?”สุดท้ายหลิงอวี๋ก็ถามหัวหน้าเสิ่นไปหนึ่งคำถามหัวหน้าเสิ่นยิ้มขมขื่น “หากแม่นางจะตามหาคน ป้าวเฉิงคนที่ข้าพูดถึงเมื่อครู่คือคนที่มีความสามารถเก่งกาจยิ่งนัก เขามีลูกน้องมากมาย อีกทั้งคนในหมู่บ้านที่อยู่รอบ ๆ นี้ก็เชื่อฟังเขาด้วย”“หากเจ้าจะตามหาคน ขอเพียงมีเงินมากพอ เขาก็จะช่วยตามหาคนให้ได้เร็วที่สุด!”หลิงอวี๋อยากจะตามหาเสี่ยวอวี้น้องสาวของตน เมื่อได้ยินดังนั้นก็สนใจขึ้นมาแต่ตนไม่มีเงินติดตัวสักแดง จะไปพูดให้ป้าวเฉิงตามหาคนให้ตนได้อย่างไรกัน!“หัวหน้าเสิ่น เอาของมีค่าที่ท่านน้าหลินให้มาให้ข้าสักชิ้นเถิด!”หลิงอวี๋เอ่ยออกไปตามตรง “ข้าไม่มีเงินติดตัวสักแดง เจ้าก็ถือว่าทำบุญแล้วกัน!”ต่อให้หลิงอวี๋จะต้องการของมีค่าทั้งหมดของหัวหน้าเสิ่น หัวหน้าเสิ่นก็มิกล้าบอกว่าไม่ นับประสาอะไรกับหนึ่งชิ้นเล่า!หัวหน้าเสิ่นรีบเปิดห่อของตนแล้วหันหลังให้หลิงอวี๋หยิบกำไลหยกออกมาหนึ่งชิ้น!“แม่นาง กำไลหยก
“อย่า… อย่าฆ่าข้า!”หัวหน้าเสิ่นกลัวจนร้องออกมาเสียงสั่นเขาเชื่อมั่นในวรยุทธ์ของตนว่าจะสามารถหนีไปได้อย่างราบรื่น ไหนเลยจะคิดว่าจะหนีมิพ้นหมาป่าตัวนี้!“หึ! ข้าบอกไปแล้วว่า นอกเสียจากเจ้าจะเร็วกว่าปู้ติง มิเช่นนั้นก็ให้เชื่อฟังคำของข้า! เจ้าอยากจะทนทุกข์ก่อนจึงจะยอมฟังหรือไร?”หลิงอวี๋ยิ้มเยาะพลางเดินเข้าไป เรี่ยวแรงที่ตัวนางกลับคืนมาแล้วลูกปัดสีเขียวนี้มหัศจรรย์จริง ๆ!แต่หลิงอวี๋มิได้มีความคิดที่จะครอบครองเป็นของตน นี่คือของของแม่หมาป่า ในเมื่อให้ปู้ติงไปแล้วเช่นนั้นก็เป็นของปู้ติง“ปู้ติง! ปล่อยเขาเถิด!”ปู้ติงจึงปล่อยหัวหน้าเสิ่นอย่างเชื่อฟัง หลิงอวี๋ก็ลูบหัวมันอย่างเอ็นดู จากนั้นก็เอาลูกปัดสีเขียวยัดเข้าปากมันไป“เสี่ยวเจียง ปิดประตู!”หลิงอวี๋เอ่ยกับเสี่ยวเจียงที่กลัวจนสั่นมิหยุดเสี่ยวเจียงมองขาที่เลือดไหลของหัวหน้าเสิ่น เมื่อครู่หมาป่าตัวนั้นรวดเร็วมาก เขาหนีมิได้เลยมีหรือเสี่ยวเจียงจะกล้ามิฟังคำพูดของหลิงอวี๋ เขาจึงเดินไปปิดประตูด้วยความหวาดกลัวจนตัวสั่น“ข้าถามอะไรเจ้าก็ตอบสิ่งนั้น มิเช่นนั้นครั้งต่อไปที่ปู้ติงกัดจะมิใช่ขาของเจ้า แต่เป็นคอ เข้าใจหรือไม่?”หลิ
หลิงอวี๋กุมใบหน้าตนเองอย่างสิ้นหวัง นางมิเชื่อว่าปู้ติงจะทิ้งตนไปจะต้องเป็นเพราะที่นี่อยู่ไกลจากวังเทพมากเกินไปอย่างแน่นอน ปู้ติงจึงมิได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือของตนในขณะที่หลิงอวี๋กำลังคิดที่จะพยายามกลับไปบนเตียงก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกดังมาจากด้านล่าง“นั่นคือหมาป่าหรือ? ข้ามิได้ตาฝาดไปใช่หรือไม่!”“เจ้าตาฝาดแล้ว ที่นี่จะมีหมาป่ามาจากที่ใดกัน!”“แต่ข้าเห็นหมาป่าที่เป็นสีขาวราวกับหิมะทั้งตัววิ่งไปจากบนหลังคาจริง ๆ นะ...”หมาป่าตัวสีขาวราวหิมะ?หลิงอวี๋กำลังจะวางมือก็เห็นว่ามีสายฟ้าสีขาวพุ่งเข้ามาจากหน้าต่างอย่างรวดเร็วหลิงอวี๋ยังมิทันได้เห็นชัด สายฟ้านั้นก็พุ่งเข้ามาในอ้อมแขนของนาง แล้วตัวที่เป็นขนปุกปุยก็ทำให้ทั้งตัวของนางอบอุ่นขึ้นมาหลิงอวี๋ก้มหน้าลงก็เห็นดวงตาสีเขียวของหมาป่าน้อยที่มีขนตาสีขาวข้างหนึ่งดำข้างหนึ่งปู้ติง!ปู้ติงจริง ๆ ด้วย!มิเจอกันหลายวัน ปู้ติงโตขึ้นอีกแล้วและดูแข็งแรงขึ้นด้วย!หลิงอวี๋กอดปู้ติงอย่างดีใจแล้วก็จุ๊บมันไปแล้วหัวใจที่จมลงสู่ก้นบึ้งก็กลับมามีชีวิตชีวาขึ้นทันที“ปู้ติง ข้าถูกคนวางแผนทำร้าย ตัวข้าไม่มีแรงเลย เจ้าหายาแก้พิษให้ข้าหน่อยได้ห
เด็กหนุ่มผอมบางเช่นนี้น่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของตน!หลิงอวี๋หลับตาลงอีกครั้งพลางครุ่นคิดท่านน้าหลิน เสวี่ยเหมยและอี้เหวินให้หัวหน้าเสิ่นที่เป็นผู้ส่งเสบียงพาตนลงจากเขามา จะต้องเป็นเพราะตนได้รับการยกย่องจากหวงฝู่หมิงจูจึงไปดึงดูดความอิจฉาริษยาของพวกนางเป็นแน่นางมิเชื่อว่าท่านน้าหลินเพียงแค่ต้องการให้ตนออกจากวังเทพอย่างเดียวเท่านั้นเมื่อคิดเชื่อมโยงถึงเรื่องเครื่องประดับเหล่านั้นที่หัวหน้าเสิ่นพูดถึง ทั้งยังมีเรื่องที่อี้เหวินอาศัยว่าจะให้ตนดูแลจัดการงานภายในของวังเทพแล้วพาตนไปดูโกดัง อีกทั้งยังบอกตนเรื่องที่หวงฝู่หมิงจูมีจี้หยกราตรีน้ำเงินอีกหลิงอวี๋จึงได้กล้าคาดเดาอะไรเช่นนี้ท่านน้าหลินจะต้องติดสินบนหัวหน้าเสิ่นให้พาตนลงมาจากภูเขา จากนั้นก็ใส่ร้ายว่าตนขโมยเครื่องประดับแล้วหนีไปอย่างแน่นอนขอเพียงมีหนึ่งในเครื่องประดับหนึ่งชิ้นตกหล่นหายไป หวงฝู่หลินก็จะยิ่งเชื่อว่าตนเป็นคนขโมยจากนั้นหัวหน้าเสิ่นก็จะสังหารตนหัวหน้าเสิ่นออกไปแล้ว เสี่ยวเจียงผู้นี้ก็มิใช่คู่ต่อสู่ของตน หากมิหนีเวลานี้แล้วยังจะรออะไรอีกเล่า!หลิงอวี๋คิดแล้วขยับมือเท้าอย่างเงียบ ๆมือเท้ามิได้ถูกมัดไว้ แต่ขยับเ
“ท่านสี่ เราทำอาหารกันค่อนข้างมาก จึงนำมาให้ท่านสักหน่อย!”เก๋อเฟิ่งฉิงเห็นพวกฉินซานเรียกเซียวหลินเทียนว่าท่านสี่จึงเรียกเซียวหลินเทียนเช่นนั้นตามเซียวหลินเทียนมิแม้แต่จะมองถาดของนางแล้วยกอาหารแห้งในมือขึ้น พร้อมกับเอ่ยเรียบ ๆ “ขอบคุณมาก แต่ข้ากินอิ่มแล้ว!”เขายัดอาหารแห้งที่เหลือใส่ปากแล้วเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อยเก๋อเฟิ่งฉิงเองก็มิได้ท้อ นางวางถาดไว้ตรงหน้าเขาแล้วเอ่ยยิ้ม ๆ “กินอิ่มแล้วก็กินน้ำแกงผักสักหน่อยก็ได้! จะแบ่งให้ลูกน้องของท่านก็ได้!”หลังจากพูดจบ เก๋อเฟิ่งฉิงก็หันหลังเดินไปคนที่มีตาก็ล้วนมองออกว่าเก๋อเฟิ่งฉิงกำลังเอาใจเซียวหลินเทียนอยู่สตรีพรหมจรรย์นางหนึ่งเอาใจบุรุษคนหนึ่งเช่นนี้ จะเป็นเพราะเหตุใดไปได้เล่า!“ขันทีโม่ ท่านกินเถิด!”เซียวหลินเทียนดันถาดไปให้ขันทีโม่ขันทีโม่มองอาหารตรงหน้า มีเนื้อมีผัก ดูคุณค่าทางอาหารสมบูรณ์มาก เขาจึงยิ้มแล้วเอ่ย“คุณหนูใหญ่ตระกูลเก๋อคงยังมิยอมถอดใจจากท่านเลยนะ! ท่านสี่ เช่นนั้น ยินดีรับไว้ดีหรือไม่?”ขันทีโม่ก็เหมือนกับคนจำนวนมากที่คิดว่าการที่เซียวหลินเทียนจะมีสนมมากมายนั้นเป็นเรื่องปกติแม้ว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลเก๋อผู้นี้จะแสร
กลุ่มของเก๋อเฟิ่งฉิงกับเซียวหลินเทียนเข้าไปในเขาด้วยกันแล้วก็เห็นคนของตระกูลเฉียว แต่ทุกคนก็ต่างคนต่างไปการปะทะกันในเวลานี้มิใช่เรื่องที่ฉลาด เพราะว่าการลงมือในถิ่นของหวงฝู่หลินนั้นอาจจะทำให้หวงฝู่หลินโกรธได้แม้ว่าตระกูลหวงฝู่จะอยู่อย่างสันโดษมาหลายชั่วอายุคน แต่ในฐานะของผู้สืบทอดของตระกูลหวงฝู่หลินก็มีความเป็นไปได้ที่พลังจะสูงกว่าพวกเขาทั้งหลายสำหรับหวงฝู่หลิน ผู้นำของทั้งสองตระกูลต่างก็เสนอจุดประสงค์ที่จะดึงมาให้เป็นพวกเดียวกัน ดังนั้นหากมิถึงคราวจำใจจริง ๆ เก๋อเฟิ่งฉิงกับเฉียวไป๋ไม่มีทางทำเรื่องที่จะทำให้หวงฝู่หลินขุ่นเคืองแน่เมื่อเข้าไปในภูเขาหิมะ เริ่มแรกยังมีเส้นทาง แต่เดินไปได้สิบกว่าลี้ก็ไม่มีเส้นทางแล้วทั่วทุกที่ล้วนเป็นสีขาวโพลน แม้ว่าหานเหมยจะเคยมาที่ภูเขาหิมะ แต่เมื่อเห็นสีขาวโพลนนี้นางก็หลงทางเช่นกัน มิรู้ว่าภูเขาแห่งนั้นคือภูเขาที่มีวังเทพอยู่“มิต้องรีบร้อน ค่อย ๆ หาไป ขอเพียงฮูหยินอยู่ที่วังเทพ พวกเราจะต้องตามหานางพบแน่นอน!”ต่อหน้าเก๋อเฟิ่งฉิง เซียวหลินเทียนจึงเรียกหลิงอวี๋ว่าฮูหยินหานเหมยอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา ก่อนหน้านี้นางบอกอย่างมั่นใจว่าตนรู้เส้น