ท่านอ๋องเฉิงมีหรือจะมองเจตนาเล็ก ๆ ของจ้าวเจินเจินไม่ออก?เขาเหลือบมองจ้าวเจินเจินอย่างเย็นชา ดูเหมือนว่าวันนี้องค์ชายคังกับภรรยาจะอยากพิสูจน์เรื่องชู้ของหลิงอวี๋แล้วฆ่าหลิงอวี๋ไปเสีย!ท่านอ๋องเฉิงตัดสินใจแล้วว่าจะไม่มีทางให้พวกเขาทำได้สำเร็จ!ท่านอ๋องเฉิงยิ้มอย่างเย็นชา “ข้าเป็นผู้บัญชาการขุนนางฝ่ายในของราชสำนัก มีสิทธิ์ที่จะปกป้องชื่อเสียงของราชวงศ์”“จ้าวซิง เจ้าน่าจะรู้นะ… การใส่ร้ายสมาชิกราชวงศ์ โทษเบาคือการโบยห้าสิบที ส่วนโทษหนักอาจถึงขั้นประหารชีวิตได้ขึ้นอยู่กับความร้ายแรงของความผิด!”จ้าวซิงกลัวมาก ร้ายแรงถึงเพียงนั้นเลยหรือ!แต่แล้วเขาก็นึกได้ว่าแผนของจ้าวเจินเจินนั้นสมบูรณ์แบบมาก ไม่มีทางผิดพลาดอย่างแน่นอน!จ้าวซิงจึงมีความกล้ามากขึ้น พลางตะโกน“กระหม่อมมีหลักฐาน… ท่านอ๋องเฉิง กระหม่อมกับเสี่ยวอวี้รักกันด้วยใจจริง… กระหม่อมมีเสื้อชั้นในที่นางมอบให้มายืนยัน!”จ้าวซิงพูดพลางหยิบเสื้อชั้นในสีชมพูออกมา ส่วนบนมีลายเส้นบาง ๆ และมีเป็ดแมนดารินที่หันหน้าชนกันคู่หนึ่งปักอยู่ตรงกลางเสื้อชั้นในนี้ทำให้สตรีบางคนถึงหน้าแดงขึ้นมาทันทีที่เห็นนั่นเป็นเสื้อผ้าส่วนตัวของผู้หญิง เ
หลิงอวี๋โกรธมาก มาถึงขั้นนี้แล้ว พวกของจ้าวซิงยังกล้าใส่ร้ายตนอย่างไม่ละอายอีก!คำพูดเช่นนี้หากไร้ผู้ใดหนุนหลังอยู่ พูดไปใครจะเชื่อเล่า?แต่จ้าวซิงรู้ได้เยี่ยงไรว่าตนเองไปที่ไร่?หรือฟังจากที่เสิ่นจวนบอก?หลิงอวี๋มองเสิ่นจวน มิน่าเล่าหลายวันมานี้เสิ่นจวนถึงได้อยู่ในตำหนักอ๋องอี้อย่างสงบเสงี่ยม ที่แท้ก็ตั้งอกตั้งใจหาหลักฐานมาโค่นล้มตนเองนี่เอง!บางคนไม่รู้เรื่องภายใน จึงโวยวายใส่ทางหลิงอวี๋“เขามีพยานกับหลักฐานมายืนยันแล้ว พระชายาอ๋องอี้ยังยืนกรานมิยอมรับ ช่างไร้ยางอายเสียจริง!”“นั่นน่ะสิ บางทีอาจจเป็นเพราะท่านอ๋องอี้บาดเจ็บที่ขามิสามารถทำให้นางพอใจได้ จึงไปมีความสัมพันธ์ลับหลังท่านอ๋องอี้!”ท่านอ๋องเฉิงเห็นว่าคนเหล่านี้ยิ่งพูดก็ยิ่งไม่น่าฟัง จึงตะคอกออกมาด้วยความโกรธ“หุบปากเสีย! พวกเจ้าเป็นผู้ตัดสินหรือว่าข้าเป็นผู้ตัดสินกันแน่? หากสอดขึ้นมาอีก ก็อย่ามาหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”หลายคนที่พูดเมื่อครู่นี้เห็นถึงความโกรธของท่านอ๋องเฉิงก็เงียบไปองค์ชายคังหาได้สนใจความโกรธของท่านอ๋องเฉิงไม่ จึงยิ้มเยาะพลางเอ่ย “ท่านปู่เฉิง นี่ยังจำเป็นต้องสอบสวนอีกหรือ? จ้าวซิงมีทั้งพยานและหลักฐาน สิ
องค์ชายคังถูกหลิงอวี๋บีบจนทำอะไรไม่ถูก จึงหัวเราะเจ้าเล่ห์“พระชายาอ๋องอี้ นี่มิใช่ว่ากำลังแสดงความคิดเห็นเรื่องคดีหรือ? ข้าแค่พูดไปตามเนื้อผ้าเท่านั้น มิได้กล่าวโทษว่าเจ้ามีชู้นี่!”“หากเจ้ามีหลักฐานมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเจ้าก็เอาออกมาสิ! หากไม่มีก็ยอมรับผิดแต่โดยดีเถอะ!”หลิงอวี๋มององค์ชายคังอย่างดูถูก องค์ชายคังเจ้าเล่ห์กว่าองค์หญิงหกมากนัก!นี่เป็นการเตรียมรับมือหาทางหนีทีไล่ให้ตนแล้ว!หึ วันนี้หนีได้ แต่พรุ่งนี้ก็หนีไม่พ้นหรอก!องค์ชายคังผู้นี้ ดูเหมือนว่าเขาจะเสียเปรียบในเรื่องกวนอิ่งครั้งที่แล้วเบาเกินไปสินะ ถึงไม่จำจดบทเรียนเอาไว้!เช่นนั้นก็รอตนมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาอีกก็แล้วกัน!หลิงอวี๋ชี้องค์หญิงหกแล้วตะโกน “ท่านอ๋องเฉิงเพคะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นหลิงอวี๋จะฟ้ององค์หญิงหกที่ทะเลาะกันเองในครอบครัว!”จากนั้นหลิงอวี๋ก็ชี้ไปที่พวกจ้าวซิงพลางเอ่ยอย่างเย็นชา “และหลิงอวี๋จะฟ้องพวกคนสกุลจ้าวที่ใส่ร้ายหม่อมฉัน! และใส่ร้ายสมาชิกของราชวงศ์ด้วย!”“สุดท้ายจะฟ้องพวกคนชั่วเหล่านี้ที่ช่วยจ้าวซิงใส่ร้ายหม่อมฉัน!”เซียวทงได้ยินก็หัวเราะอย่างร้าย ๆ “เจ้าจะฟ้องข้าว่าทะเล
เมื่อเซียวหลินเทียนพูดเช่นนี้ ลู่หนานก็ไม่สนใจอะไรแล้ว เขาชักดาบออกมายืนอยู่ข้างหน้าเซียวหลินเทียนเผยอวี้ยิ้มอย่างเกียจคร้าน “ผู้ใดกล้าแตะต้องสหายของข้า นั่นคือศัตรูของข้าเผยอวี้เช่นกัน!”เขากอดดาบของตนอยู่ในอ้อมแขน ท่าทางขี้เกียจกับรูปร่างสูงของเขายืนอยู่ข้าง ๆ เซียวหลินเทียน ท่าทางชัดเจนอันเจ๋อเห็นเข้าก็วิ่งไปข้างหน้าทันที แล้วยิ้มเยาะพลางเอ่ย “จะสู้โดยไม่มีข้าได้เยี่ยงไรเล่า!”“องค์ชายคัง เราคุยกันด้วยเหตุผล! จ้าวซิงผู้นี้มีตัวตนเยี่ยงไร? เขาทำให้พระชายาอ๋องอี้อับอายเช่นนี้ เหตุใดพระชายาอ๋องอี้จะให้คนทุบตีเขามิได้?”“หรือว่าหากคนอื่นพูดเช่นนี้กับพระชายาคัง? องค์ชายคังจะทนได้หรือ?”สีหน้าองค์ชายคังดูแย่มาก แต่คำพูดของอันเจ๋อทำให้เขาไม่สามารถโต้แย้งได้เลย!ยิ่งไปกว่านั้น จะต้องมีเรื่องบาดหมางกับพี่น้องเช่นเซียวหลินเทียนเพราะทาสต่ำต้อยผู้หนึ่งหรือ?หากพี่น้องแตกคอทะเลาะกันเอง โทษหนักก็คือจะถูกจองจำไปตลอดชีวิตเชียวนะ!องค์ชายสามรุ่ยมองอย่างเงียบ ๆ อยู่ด้านข้างแม้ว่าเขาจะมองสถานการณ์นี้ออก แต่การที่พี่สองกับน้องสี่ทะเลาะกันอย่างน่าอายนั้นกลับเป็นโอกาสของตนดังนั้นเขาจึงไม่อ
เสิ่นจวนรีบอธิบาย “ข้า ข้ากังวลว่าจะมีคนที่คิดมิดีบุกเข้าไป ดังนั้น ดังนั้น...”เสียงของนางเบาลงเรื่อย ๆ เพราะแม้นางเองก็รู้ว่าเหตุผลนี้ไม่เพียงพอที่จะโน้มน้าวธารกำนัล และอาจทำให้คนสงสัยในตัวนางด้วย!“เช่นนั้นเจ้าก็ช่างใส่ใจเสียจริง!”หลิงอวี๋ยิ้มเหน็บแนม พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อย่างไรก็ตาม เมื่อหลิงซวนนำอาภรณ์มาให้ข้า ประตูมิได้ลงกลอน!”“หากเจ้าจัดการให้นางรับใช้ลงกลอน เช่นนั้นเจ้าก็ต้องไปถามนางรับใช้ของเจ้าว่ามันเกิดเรื่องอันใดขึ้น!”เสิ่นจวนรู้อยู่แล้วว่าตนเองผิดพลาด ไหนเลยจะกล้าจับจ้องเรื่องลงกลอนแล้วตำหนิหลิงอวี๋ต่อ!หลิงซวนก้าวไปพลางเอ่ย “ท่านอ๋องเฉิงเพคะ หม่อมฉันสาบานได้ว่า ตอนที่หม่อมฉันนำอาภรณ์ไปให้อาจารย์ ประตูมิได้ลงกลอนเพคะ!”“อาจารย์ของหม่อมฉันคิดว่านัดแนะกับท่านอ๋องอี้ไว้แล้วจะกลับไป จึงออกไปหาท่านอ๋องอี้ แล้วก็ได้พบกับพระชายาเย่!”พระชายาเย่กับองค์ชายเย่ที่กำลังดูความสนุกสนานอยู่ด้านหลังตามหลิงอวี๋เข้ามาพวกเขาทั้งสองพยักหน้าพลางเอ่ย “พวกเราเป็นพยานได้ว่าพี่สะใภ้สี่กับหลิงซวนอยู่กับพวกเราตลอด!”องค์ชายเย่มีนิสัยไม่สนใจสิ่งใด และมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพระช
แต่นางรับใช้ของพระชายาผิงหนานได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี มีหรือจะปล่อยให้นางแย่งชิงไปได้?หลังจากเตะออกไปแล้ว ก็ยกขอบเสื้อชั้นในขึ้นให้ทุกคนเห็นคำว่าจวนได้อย่างชัดเจนจ้าวซิงสีหน้าเปลี่ยนไปแล้ว หลังจากที่เขาจ้องมองเสิ่นจวนด้วยความโกรธแล้ว ก็ตะโกนอย่างรวดเร็ว“เสี่ยวอวี๋ เจ้าเปลี่ยนเสื้อชั้นในเมื่อใดกัน! เห็น ๆ อยู่ว่าตอนที่มอบให้ข้าเจ้าปักชื่อของเจ้าไว้!”เถาจื่อตะคอกด้วยความโกรธ “ไอ้สารเลว หากกล้าใส่ร้ายคุณหนูของข้าอีก ข้าจะฟาดให้ฟันหมดปากเลย!”จ้าวซิงตะโกนอย่าง ‘คับข้องใจ’ “ท่านอ๋องเฉิง แม้ว่าหลักฐานจะถูกหลิงอวี๋เปลี่ยนไปแล้ว แต่กระหม่อมก็ยังมีพยานอยู่นะพ่ะย่ะค่ะ!”“เหอะ ๆ… พยานของเจ้าหมายถึงพวกเขาหรือ?”หลิงอวี๋ยื่นมือออกไปกวาดชี้พวกคุณชายลามกเมื่อครู่ แล้วยิ้มเยาะพลางเอ่ย“ใครก็ได้ในพวกเจ้าออกมาบอกข้าที! ข้าไปมีความสัมพันธ์กับไอ้เลวแซ่จ้าวที่ใดและเมื่อใด?”จ้าวเจินเจินฟังคำพูดคำจาของหลิ่งอวี๋แล้วก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่คิดไม่ออกว่ามันผิดปกติตรงที่ใดอันซิน หลิงหว่าน กับเจียงอวี้พยายามจะกลั้นหัวเราะไอ้เลวแซ่จ้าว!คำพูดของท่านพี่หลิงหลิงราวกับด่าตระกูลจ้าวทุกคนที
คุณชายพวกนี้ล้วนเป็นพวกชอบเที่ยวเตร่เกียจคร้าน ก่อนหน้านี้ประจบประแจงจ้าวซิงเพียงเพื่อจะเอาผลประโยชน์เท่านั้น!แต่หากถูกตัดสินว่าร่วมมือกับศัตรู เช่นนั้นคงต้องถูกตัดหัวทั้งครอบครัวแน่!“ท่านอ๋องอี้ ทุกอย่างที่เราพูดไปล้วนเป็นความจริงพ่ะย่ะค่ะ! เรามิเคยเห็นพระชายาอ๋องอี้ติดต่อกับจ้าวซิงเลย! ทั้งหมดนี้เป็นเพียงการโอ้อวดของเขาเองผู้เดียวพ่ะย่ะค่ะ!”“เมื่อครู่ตอนที่เรามา มีสตรีนางหนึ่งอยู่ข้างใน เราก็คิดว่านางคือพระชายาอ๋องอี้!”อู๋เลี่ยงตะโกน “ท่านอ๋องอี้ จ้าวซิงผู้นี้ชอบคุยโวโอ้อวด ปกติแล้วมักจะพูดว่าเป็นชู้กับคนนั้นคนนี้ไปทั่ว…แต่เราฟังเป็นเรื่องตลกพ่ะย่ะค่ะ!”“วันนี้เขาสาบานว่ามีหลักฐานให้เราดู เราจึงตามเขาไปดูด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”เพื่อจะกำจัดข้อหาร่วมมือกับศัตรู พวกเขาจึงรีบชิงเปิดเผยจ้าวซิงก่อนเมื่อจ้าวเจินเจินเห็นว่าคนเหล่านี้หวาดกลัวเซียวหลินเทียนจนบอกความจริงออกมา สีหน้าของนางก็ดูแย่มากนางจ้องมองเสิ่นจวนด้วยความโกรธเสิ่นจวนเป็นคนบอกว่า ที่หลิงอวี๋ไปอยู่ที่ไร่นานั่นคือนางไปมีสัมพันธ์กับบุรุษ นางจึงให้จ้าวซิงพูดเช่นนี้ไหนเลยจะคิดว่าเซียวหลินเทียนต่างหากที่เป็นคนซื้อไร่นานี้
“จ้าวซิง อย่าพูดจาไร้สาระ...! ข้ามิได้มีความสัมพันธ์อะไรกับเจ้าเลย! พวกเจ้าต่างหากที่กำลังวางแผนกำจัดข้า!”เสิ่นจวนกรีดร้องออกมาข้อหาร่วมมือกับศัตรู หากความผิดนี้มาตกอยู่ที่ตน แม้แต่พระสนมหรงก็มิสามารถปกป้องตนได้!ยิ่งเสิ่นจวนคิดก็ยิ่งกลัว เวลานี้นางมิสนใจเรื่องใส่ร้ายหลิงอวี๋อีกต่อไปแล้ว แค่อยากหลุดพ้นข้อหานี้เท่านั้น!นางครุ่นคิด อยากจะจัดการจ้าวเจินเจิน ทั้งหมดนี้เป็นแผนของจ้าวเจินเจิน เหตุใดจ้าวเจินเจินจึงปลอดภัยไม่เป็นไรเลยเล่า!จ้าวเจินเจินกลัวว่าเสิ่นจวนจะเปิดโปงตน จึงชิงเอ่ยเสียก่อน “เสิ่นจวน! ทุกคนต่างรู้กันดีว่าเจ้ารักท่านอ๋องอี้และอยากจะแต่งงานกับเขา!”“แต่เจ้ามิสามารถใส่ร้ายพระชายาอ๋องอี้เพียงเพราะเจ้าอยากเป็นพระชายาได้! เจ้าเกือบทำให้เราเข้าใจพระชายาอ๋องอี้ผิดไปเสียแล้ว!”เสิ่นจวนตะโกนด้วยความโกรธ “จ้าวเจินเจิน เรื่องเกี่ยวกับไร่นานั้นข้าบอกแค่เจ้า!”“จะต้องเป็นเจ้าแน่นอนที่ช่วยสายสืบผู้นั้น! แล้วเรื่องที่ใส่ร้ายพี่สะใภ้ของข้าในวันนี้ก็เป็นแผนการของเจ้าด้วย...”สีหน้าของจ้าวเจินเจินมิได้เปลี่ยนเมื่อเผชิญกับข้อกล่าวหาของเสิ่นจวน นางส่ายหัวให้กับทุกคนอย่างจนใจพลางเ
ในเวลานี้ เย่หรงผู้มิเอาไหนที่เย่ซื่อเจียงเกลียดชังก็กำลังเตรียมตัวอยู่กับเผยอวี้และฉินซานเพื่อเตรียมที่จะเข้าไปในบ้านตระกูลเหมียวแล้วหลอกเอาเงินที่พวกเขาจะให้ไป่หลี่ไห่ไปถึงแม้ว่าเผยอวี้และฉินซานจะมีประสบการณ์ในการรบมามากมาย แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่พวกเขาทำเรื่องเช่นนี้ จึงค่อนข้างกังวลเย่หรงแต่งตัวเป็นพ่อบ้านของไป่หลี่ไห่ และดูคล้ายกับตัวจริงมากเขาจึงเอ่ยปลอบใจทั้งสองคน “อย่าได้กังวลไปเลย รอหลังจากหลอกเอาเงินออกมาและเปลี่ยนรถม้าไปแล้ว จากนั้นพวกเราจะรีบไปที่สำนักศึกษาชิงหลง เช่นนี้ก็จะไม่มีผู้ใดสงสัยในตัวพวกเราแล้ว!”“พวกเจ้าทั้งสองมิต้องพูดอะไร แค่ฟังข้าก็พอ!”เมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว เย่หรงก็นำทุกคนมุ่งไปที่บ้านตระกูลเหมียวเผยอวี้ให้ลู่หนานไปสืบข้อมูลมาแล้วว่า สามีภรรยาตระกูลเหมียวพาเหมียวหยางไปที่สำนักศึกษาชิงหลงแล้ว จึงรู้สึกสบายใจมากขึ้นพวกเขาจึงเดินทางมาที่บ้านตระกูลเหมียวอย่างสบาย ๆ เย่หรงก็อาศัยใบหน้าของพ่อบ้านไป่หลี่ไห่พาทุกคนเข้าไปได้อย่างราบรื่นเมื่อพ่อบ้านเหมียวได้ยินข่าวก็ออกมาต้อนรับ แล้วเอ่ยถามด้วยใบหน้าสงสัย “ท่านพ่อบ้านใหญ่ ตกลงกันไว้ว่าต
ท่านผู้เฒ่าเย่เข้าใจทันทีแล้วมองไปทางห้องปรุงโอสถอย่างครุ่นคิดนี่คือหลักการเข้าใจลึกซึ้งถึงธรรมชาติของมนุษย์ที่เย่ซื่อฝานบอกไว้กระมัง!ไป่หลี่ไห่เชื่อมั่นว่าตนเป็นปรมาจารย์และรู้มากกว่าสิงอวี๋ แต่จากตัวอย่างของหยางหงหนิงแล้ว เขาก็ยังป้องกันมิให้หลิงอวี๋เปลี่ยนยาแก้พิษของเขาให้กลายเป็นยาพิษได้ด้วยการที่มีสิ่งที่ต้องป้องกันมากเกินไป นั่นก็คือข้อจำกัด...ขอเพียงหลิงอวี๋เข้าใจลักษณะนิสัยของไป่หลี่ไห่ นางก็จะสามารถใช้จุดแข็งของตนวางกับดักไป่หลี่ไห่ซ้ำ ๆ ได้แล้ว...เหอะ ๆ!ท่านผู้เฒ่าเย่ยิ้มออกมา และมีความคิดอยากจะผูกมิตรกับพ่อแม่และปู่ของหลิงอวี๋เสียหน่อยครอบครัวแบบใดกัน จึงสามารถเลี้ยงเด็กสาวมาได้ฉลาดหลักแหลมถึงเพียงนี้?“ซื่อเจียง หากครานี้เสี่ยวชีสามารถเอาชนะได้ ข้าจะตัดสินใจพูดกับนางให้นางมาเป็นภรรยาของเย่หรง!”ท่านผู้เฒ่าเย่มองไปทางเย่ซื่อเจียงเขาเป็นพ่อของเย่หรง และเรื่องการแต่งงานก็จำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากเย่ซื่อเจียงด้วยเย่ซื่อเจียงตะลึงไปครู่หนึ่ง เขามิให้ความสำคัญกับลูกนอกสมรสที่มิเอาไหนผู้นี้มาโดยตลอด และมิสนิทกับเย่หรงด้วย เขาจึงเอ่ยออกไปโดยสัญชาตญาณ“หากเ
กฎการประลองที่ต่งเฉิงประกาศมานั้นที่จริงแล้วยังมีช่องโหว่อยู่ แต่โดยทั่วไปก็มีความยุติธรรม ท่านผู้เฒ่าเย่และเย่ซื่อฝานจึงมิได้เสนอแนะใด ๆห้องปรุงโอสถทั้งสองห้องเป็นห้องที่จัดเตรียมขึ้นมาชั่วคราวอยู่ทางฝั่งตะวันตกของหอปรุงโอสถ หลังจากที่ระฆังการประลองดังขึ้น หลิงอวี๋และไป่หลี่ไห่ต่างก็เดินเข้าไปในห้องปรุงโอสถคนละห้องในห้องเป็นเช่นเดียวกับห้องปรุงโอสถอื่น ๆ ตรงผนังก็เต็มไปด้วยตู้ยา และหน้าต่างก็ถูกปิดไว้เพื่อป้องกันมิให้มีคนแอบดูหลิงอวี๋ดูเครื่องยาสมุนไพรทั้งหมดก่อนหนึ่งรอบ จากนั้นก็ออกแบบยาพิษของตนในใจก่อนที่จะเริ่มปรุงเนื่องจากเวลาในการปรุงคือสองชั่วยาม บรรดาคนที่มาดูบางส่วนจึงรอมิไหวแล้วเดินไปเดินมารอบ ๆ บางส่วนก็มาหาเจ้าสำนักศึกษาจินเพราะอยากได้คำชี้แนะแต่เจ้าสำนักศึกษาจินกลับลากท่านซ่งสหายของเขาไปหาห้องจิบชาเดิมทีท่านผู้เฒ่าเย่อยากจะพูดกับเจ้าสำนักศึกษาจินสักสองสามประโยค แต่เมื่อเห็นท่าทีเช่นนี้เขาจึงมิเข้าไปรบกวนเย่ซื่อฝานและเย่ซื่อเจียงออกไปเดินกับท่านผู้เฒ่าเย่ เมื่อเดินออกจากกลุ่มคนมาเย่ซื่อเจียงก็เอ่ยถามไปตามตรง “ท่านพ่อ ท่านซ่งผู้นั้นคือใครหรือขอรับ?”นี่ก็คือสิ
ไป่หลี่ไห่ตะลึง สายตาของเขามองไปทางตาเฒ่าประหลาดเทียนซูและสามีภรรยาตระกูลเจียวโดยมิรู้ตัวคนที่เข้าใจเรื่องเครื่องยาสมุนไพรต่างก็รู้ว่า เครื่องยาสมุนไพรแต่ละชนิดล้วนมีสรรพคุณแตกต่างกัน แม้ว่าจะเป็นพิษ แต่พิษกับพิษเจอกันก็ออกฤทธิ์ต้านกันได้แม้ว่าพวกเขาจะสามารถผสมพิษหลายชนิดเข้าด้วยกันได้ แต่สูงที่สุดก็คือสิบชนิด เป็นไปมิได้ที่ยาพิษหนึ่งตำรับจะมีพิษหลายสิบชนิดอยู่ด้วยกัน!สิงอวี๋ สตรีที่เพิ่งมาใหม่ผู้นี้ นางสามารถทำได้อย่างนั้นหรือ?“นางกำลังพูดโอ้อวดอยู่กระมัง! จะมีพิษที่ร้ายแรงเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?”มีคนอดมิได้ที่จะตะโกนขึ้นมา“ต้องเป็นการขู่ให้กลัวแน่ ๆ! อยากจะชนะครั้งหนึ่งเพราะโชคช่วยจึงได้บอกว่าจะยอมประลองเพียงแค่รอบเดียว!”“ประลองสามรอบสิ สิงอวี๋ หากเจ้าสามารถชนะได้ทั้งสามรอบ พวกเราจึงจะยอมรับ!”ท่านผู้เฒ่าเย่มองพวกที่สนับสนุนไป่หลี่ไห่ในการประลองสามรอบ แล้วเอ่ยกับเจ้าสำนักศึกษาจินอย่างเย็นชา“เหล่าจิน ข้าคิดว่าที่สิงอวี๋พูดมาก็มีเหตุผล เรื่องที่สามารถทำได้ในรอบเดียวเหตุใดต้องทำถึงสามรอบด้วยเล่า! แค่รอบเดียวก็ตัดสินแพ้ชนะได้แล้วมิใช่หรือ!”เจ้าสำนักศึกษาจินพยักหน้า “คำพู
หลิงอวี๋เอ่ยออกไปอย่างเยาะเย้ย “นี่ยังมิทันได้เริ่มการประลอง แต่ละคนก็โจมตีข้าราวกับกลัวว่าข้าจะชนะเสียแล้ว โจมตีข้าก็มิเป็นไรหรอก แต่ยังจะโจมตีอาจารย์ของข้าอีก!”“ไยเล่า จากความคิดสกปรกของพวกเจ้า ขอเพียงแค่รับศิษย์ที่เป็นสตรีก็คือมีเจตนามิดีแล้วรึ เช่นนั้นปรมาจารย์ไป่หลี่ ศิษย์ที่ท่านรับมีมากกว่าอาจารย์ของข้าสองเท่ากระมังเจ้าคะ!”“ศิษย์ที่เป็นสตรีก็มีมากกว่าอาจารย์ของข้า หรือว่าความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์กับศิษย์ของพวกท่านมิปกติกันหนอ? บางทีศิษย์ของท่านอาจจะเห็นท่านทำเรื่องเช่นนั้น ดังนั้นจึงได้ใช้ความคิดสกปรกเช่นนี้ไปตัดสินผู้อื่น!”ไป่หลี่ไห่โกรธจนตัวสั่น แล้วเอ่ยขึ้นมาอย่างโมโห “เจ้าพูดไร้สาระอะไร! หากกล้าใส่ร้ายข้าอีก ข้าจะมิปล่อยเจ้าไปแน่!”หลิงอวี๋หัวเราะออกมา “ปรมาจารย์ไป่หลี่ร้อนใจเสียแล้วหรือเจ้าคะ ท่านเป็นแบบอย่างของอาจารย์ ศิษย์ของท่านใส่ร้ายอาจารย์ของข้า ท่านมิเห็นจะห้ามปราม!”“แล้วเหตุใดเล่า ข้าเพียงเปรียบเทียบท่านก็ร้อนใจแล้วหรือ? หรือว่าข้าพูดถูกจริง ๆ ดังนั้นท่านจึงอับอายจนโกรธ?”“ท่านก็อายุปูนนี้แล้ว มิรู้หลักการที่ว่า ตนมิชอบสิ่งใดก็จงอย่าทำกับผู้อื่นหรือ?”หลง
ไป่หลี่ไห่เผชิญกับความดูถูกของหลิงอวี๋ แต่สีหน้าก็ยังคงมิเปลี่ยนแปลง“สิงอวี๋ เจ้าต้องรู้ว่าการประลองของข้ากับเจ้านั้นแตกต่างจากการประลองอื่น คนที่เข้าใจเครื่องยาสมุนไพรต่างก็รู้กันดีว่ายามีทั้งคุณและโทษ เมื่อกินยาพิษเข้าไป อาจจะเกิดผลข้างเคียงได้แม้ว่าจะแก้พิษไปแล้วก็ตาม!”“ดังนั้นหากเจ้ากลัว ข้าจะให้โอกาสเจ้าสักครั้ง!”“ขอเพียงเจ้ายอมรับผิดต่อหน้าธารกำนัล แล้วมอบยาแก้พิษให้เหมียวหยาง การประลองวันนี้ก็จะจบลงตรงนี้!”“ถึงอย่างไรเจ้าก็ได้เห็ดหยกไปแล้ว เมื่อมีโอกาสก็ควรหยุดก่อนจะสาย!”ไป่หลี่ไห่จ้องมองบีบบังคับหลิงอวี๋ด้วยสายตาดุร้าย เขามิเชื่อว่าหลิงอวี๋จะโง่เขลาทั้งที่เห็นอยู่ว่าตาเฒ่าประหลาดแห่งวังเทียนซูและสามีภรรยาตระกูลเจียวยืนอยู่ข้างตน แล้วจะยังต้องการประลองกับตนโดยมิรู้ว่าจะเป็นหรือตายหลิงอวี๋มองไป่หลี่ไห่แล้วยิ้มอย่างเย็นชานี่ไป่หลี่ไห่กำลังชี้แจงเรื่องยาพิษของเขาล่วงหน้าอยู่หรือไร?หลังจากนี้หากเขาวางยาพิษตนจนตาย ก็สามารถพูดได้ว่าเขาเตือนตนไปแล้ว!นางจึงเอ่ยด้วยเสียงทุ้ม “ปรมาจารย์ไป่หลี่ นับตั้งแต่ข้าเข้ามาในสำนักศึกษาชิงหลง ข้าก็ปฏิบัติต่อท่านดังเช่นอาจารย์ของข้า
บุรุษผู้นี้เมินเฉยต่อทุกสิ่งรอบตัวแล้วเดินตามเจ้าสำนักศึกษาจินตรงไปข้างหน้าเมื่อตาเฒ่าประหลาดเทียนซูและเจียวหัวกับภรรยาเห็นเจ้าสำนักศึกษาจินปรากฏตัวก็ลุกยืนขึ้น เจ้าสำนักศึกษาจินเป็นที่เคารพนับถืออย่างยิ่งยวดในเมืองหลวงแดนเทพ และพวกเขาทั้งสามคนก็มิจำเป็นต้องไปทำให้เจ้าสำนักศึกษาจินขุ่นเคืองทั้งสามคนทักทายเจ้าสำนักศึกษาจิน สายตามองไปทางบุรุษที่สวมหน้ากากด้วยความสงสัย และรอฟังคำแนะนำจากเจ้าสำนักศึกษาจินเจ้าสำนักศึกษาจินเอ่ยออกมาเพียงประโยคเดียวเท่านั้น “เขาเป็นสหายของข้า พวกเจ้าเรียกเขาว่าท่านซ่งก็แล้วกัน!”ท่านซ่ง?ตาเฒ่าประหลาดเทียนซูดึงเปียเล็ก ๆ ที่เคราของตนอย่างมิพอใจ เขาก็แก่แล้ว ยังต้องเรียกบุรุษแปลกหน้าว่าท่านอีกหรือนี่?หรือว่าบุรุษผู้นี้อายุมากกว่าตน?เจียวหัวเองก็รู้สึกมิค่อยพอใจเช่นกัน ถึงอย่างไรตนก็เป็นเจ้าวังคนหนึ่ง เมื่อออกมาข้างนอกก็เป็นที่เคารพนับถือของทุกคน แต่บุรุษผู้นี้แม้แต่หน้าตาก็มิเปิดเผย จะให้ตนเรียกเขาว่าท่านหรือ?แต่ทั้งสองคนคิดแล้วคิดอีกก็ยังคิดมิออกว่าในเมืองหลวงแดนเทพนี้มีผู้ที่มีความสามารถแก่กล้าที่สกุลซ่งด้วยหรือรองเจ้าสำนักศึกษาต่งเฉิงและเจ้า
บุรุษผู้นี้ประณีตเกินไปแล้ว!ขณะที่หลิงอวี๋กำลังคิดอยู่นั้น เจียวหัวก็เดินผ่านพวกนางไปข้างหน้าแล้ว หลิงอวี๋สังเกตเห็นจากหางตาว่ามือเรียวยาวของเขายกขึ้นแล้วซ่อนไว้ในแขนเสื้อกว้างแต่ในช่วงเวลานี้ หลิงอวี๋ก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจที่เห็นว่าเล็บของเขาถูกทาสีเป็นสีแดงเลือดเช่นกันสีนั้นตัดกับมือขาว ๆ ของเขา เมื่อดูไปแล้วก็งดงามยิ่งนัก ทว่าหากเป็นสตรีที่ทาสีเล็บ หลิงอวี๋ก็คงมิรู้สึกแปลกใจแต่เมื่อเป็นเจียวหัว ความรู้สึกแรกของหลิงอวี๋ก็คือแปลกประหลาด!นี่เป็นครั้งแรกที่หลิงอวี๋เห็นบุรุษทาสีเล็บในเมืองหลวงแดนเทพ!เหตุใดบุรุษผู้นี้จึงมีลักษณะไปทางสตรีกันนะ?ส่วนเฟิงหลานนั้นดูปกติมาก เนื่องจากดูแลตัวเองเป็นอย่างดีนางจึงมีรูปลักษณ์ที่งดงามนางสวมชุดกระโปรงสีแดงกุหลาบซึ่งช่วยขับให้ผิวของนางดูผ่องใสดวงตาหงส์คู่นั้นดูแวววาวเป็นประกายระยิบ มองไปแล้วดูมีเสน่ห์เหลือหลายคนกลุ่มนี้มาด้วยกัน และเป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งมาก เมื่อเทียบกับฝั่งของหลิงอวี๋แล้วก็คือกลุ่มที่มีความเหนือกว่าเถาจื่อเหงื่อตกแทนหลิงอวี๋ ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งมากมายเช่นนี้ ฮองเฮาของนางควรจะรับมืออย่างไรดีเล่า!เย่ซื
สิ่งที่เถาจื่อคิดได้ จงเจิ้งเฟยก็คิดได้เช่นกัน นางห้ามมิให้เถาจื่อพูดต่อก็เพราะกังวลว่าหลิงอวี๋จะกลัวหากเป็นเช่นนี้ยังมิทันได้เริ่มการประลอง ขวัญกำลังใจของหลิงอวี๋คงได้ตกต่ำลงไปก่อนแล้วถึงอย่างไรการประลองครั้งนี้ก็มิสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เช่นนั้นก็พูดให้น้อยลงหลิงอวี๋จะได้กังวลน้อยลงกลุ่มพวกนางจึงล้อมรอบหลิงอวี๋ไว้แล้วเดินไปทางหอปรุงโอสถหอปรุงโอสถมีคนเบียดเสียดกันจนเต็มพื้นที่ มิเพียงแต่คนของหอปรุงโอสถเท่านั้นที่มาชม แต่คนของหออื่น ๆ ก็มากันทั้งหมดเป็นดังที่เย่หรงคาดเอาไว้ พ่อแม่ของเหมียวหยางก็มาเช่นกัน ทั้งยังใช้เกี้ยวแบกเหมียวหยางเข้ามาด้วยเมื่อเห็นว่าหลิงอวี๋มาแล้วเหล่าบัณฑิตของหอโอสถไป๋เป่าก็ด่าทอขึ้นมา“สิงอวี๋ เหตุใดเจ้าจึงโหดร้ายเช่นนี้ เจ้าดูเสีย เจ้าทำให้ศิษย์พี่ของข้าทรมานจนเป็นอย่างไรไปแล้ว?”“ร่างกายของเขาเน่าเปื่อยไปหมด มีไข้สูงอยู่ตลอด ชีวิตของเขาแขวนอยู่บนเส้นด้ายแล้วเจ้าก็ยังมิยอมให้ยาแก้พิษแก่เขา จิตใจช่างชั่วร้ายนัก!”เกี้ยวที่เหมียวหยางนั่งอยู่เปิดม่านขึ้น เขาเอนตัวนั่งพิง ตุ่มน้ำที่เต็มใบหน้านั้นก็เน่าเปื่อยจนมองมิเห็นถึงสภาพในอดีตแล้วฮูหยินเหมียวอยู