“ลู่หนาน ตบปากซะ!”“ใส่ร้ายพระชายา ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของราชวงศ์ ทุกคนตบปากยี่สิบครั้ง! คนเลวนั่นกล้าเริ่มที่ใส่ร้ายพระชายา ตบปากสี่สิบครั้ง!”ลู่หนานทนไม่ไหวมานานแล้ว หลังจากได้ยินคำสั่งก็รีบพุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างแข็งขันเริ่มแรกเขาจับตัวเจิงจื่ออวี้ พลางตบปากนางด้วยเสียงดังฟังชัดลู่หนานลงมืออย่างรวดเร็วและหนักหน่วง ไม่นานก็เสร็จสิ้นไปเมื่อมาตบปากจูเหวิน ฮูหยินจูถึงได้เรียกสติกลับมาได้ นางคุกเข่าลงกับพื้นเสียงดังลั่นพลางเอ่ยขอร้อง“ท่านอ๋องอี้ ทั้งหมดเป็นเพราะหม่อมฉันสอนบุตรีไม่ดีเอง ขอร้องให้ท่านอ๋องอี้โปรดไว้ชีวิตเหวินเหวินของเราด้วยเถิดเพคะ!”เซียวหลินเทียนหัวเราะเยาะ “ใต้เท้าจูเป็นเจ้ากรมฝ่ายพิธีการ แต่สอนบุตรีตนเองได้ไม่ดี เช่นนั้นก็ให้ข้าช่วยสอนให้เขาเถิด!”“ใต้เท้าจูควรจะขอบคุณข้า เมื่อจูเหวินได้รับการสั่งสอนเช่นนี้ในวันนี้ ในภายภาคหน้านางจะควบคุมปากของตนได้ดี มิสร้างปัญหาใหญ่ให้กับใต้เท้าจูอีกต่อไป!”ทันทีที่ลู่หนานได้ยินสิ่งนี้ก็จับจูเหวินพลางเริ่มตบปากนางหลังจากตบปากไปยี่สิบครั้ง ใบหน้าของจูเหวินกับเจิงจื่ออวี้ก็บวมขึ้นมา พลางทรุดลงกับพื้นพร้อมน้ำตาที่ไหลอา
แม้ว่านางสารเลวหลิงอวี๋จะหลบหนีจากแผนการได้ แต่พวกนางก็ยังเตรียมแผนสำรองไว้รอนางอยู่!เรื่องที่ตนเองโดนตบสามครั้งนี่จดเอาไว้ก่อน เดี๋ยวนางจะกลับมาจัดการคิดบัญชีทั้งหมดในภายหลัง!เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เซียวทงก็กรีดร้องออกมาอย่างตื่นเต้น“เสด็จพี่สี่ ความจริงของเรื่องนี้ยังไม่แน่ชัดเลยนะ เหตุใดเสด็จพี่ถึงรีบร้อนลงโทษพวกนาง!”“บอกว่าองค์ชายสองเป็นคนใจร้อน แล้วเสด็จพี่มิเป็นคนใจร้อนหรือ?”“เหตุใดมิถามว่าบุรุษผู้นี้ว่าเป็นใครเล่า? หากมิเกี่ยวข้องอันใดกับหลิงอวี๋ เหตุใดเขาจึงเอ่ยคำมิน่าฟังเช่นนั้นได้!?”ทันทีที่เซียวทงเตือน คุณชายตระกูลจ้าวก็ตะโกนขึ้นมาด้วยเจตนาไม่ดี“ใช่ ไม่มีมูลฝอยหมาก็ไม่ขี้หรอก! หากนิสัยพระชายาอ๋องอี้ไม่มีปัญหาอะไร เหตุใดข่าวโคมลอยเช่นนี้ถึงแพร่กระจายออกไปได้เล่า?”“คนสองคนที่อยู่ในห้องนี้คือใครกัน? ท่านอ๋องอี้ยังมิทันจะตรวจสอบให้แน่ชัดก็รีบร้อนลงโทษเสียแล้ว มิเป็นการทำโดยพลการเกินไปหน่อยหรอกหรือ?”เซียวหลินเทียนเหลือบมองผู้พูดและจำจดเขาไว้ ประเดี๋ยวค่อยมาคิดบัญชีกับเขาทีหลัง!ขณะที่เซียวหลินเทียนกำลังจะพูด ทันใดนั้น คาดว่าสตรีบนพื้นจะตื่นแล้ว นางขยับตัว แล้วครึ่ง
ในที่สุดเสิ่นจวนก็ตื่นเต็มตา นางพยายามดิ้นรนกับกรีดร้อง “จ้าวซิง เจ้ามันสารเลว เจ้าทำกระไรกับข้า?”“อ๊าย… ไปให้พ้น… ท่านพี่ นี่มิใช่เยี่ยงนั้นนะ ข้ากับเขามิได้มีอะไร… เขาเป็นชู้ของพี่สะใภ้...”เสิ่นจวนบีบจ้าวซิงอย่างแรง หลังจากนั้นจ้าวซิงก็ตั้งสติได้ว่าเขาเข้าใจผิดคนเขาเงยหน้าขึ้นมาด้วยความตกใจ แล้วก็เห็นหลิงอวี๋ยืนอยู่ตรงข้ามอย่างสวย ๆ“เสี่ยวอวี๋… นี่มันเกิดอะไรขึ้นหรือ ข้ามีนัดกับเจ้า… แล้วเหตุใดกลายเป็นนางได้?”จ้าวซิงรีบวิ่งจะไปคว้ามือของหลิงอวี๋ แต่เถาจื่อเตะเข่าเขาอย่างแรง จนจ้าวซิงคุกเข่าลงบนพื้นเสียงดังลั่น“เสี่ยวอวี๋… เหตุใดเจ้าถึงใจร้ายกับข้าถึงเพียงนี้เล่า?”จ้าวซิงเอ่ยอย่างเสียใจ “เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าคนที่นัดกับข้าเมื่อครู่คือเจ้า เหตุใดถึงกลายเป็นนางไปได้?”ยังมิทันที่หลิงอวี๋จะพูดอะไร พระสนมหรงก็ตะโกนขึ้นมาก่อน “หลิงอวี๋ ได้ยินหรือไม่? ชู้ของเจ้ายอมรับแล้วว่าเจ้าคือคนที่ใส่ร้ายจวนเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าถึงใจร้ายถึงเพียงนี้!”“จวนเอ๋อร์คงจะไปรู้เรื่องมีชู้ของเจ้าแน่ เจ้าจึงวางแผนใส่ร้ายนางเช่นนี้!”หลิงอวี๋หมดคำพูด จนถึงเวลานี้พระสนมหรงยังมิยอมกลับตัวอีกหรือ?นางมองจ้
ท่านอ๋องเฉิงมีหรือจะมองเจตนาเล็ก ๆ ของจ้าวเจินเจินไม่ออก?เขาเหลือบมองจ้าวเจินเจินอย่างเย็นชา ดูเหมือนว่าวันนี้องค์ชายคังกับภรรยาจะอยากพิสูจน์เรื่องชู้ของหลิงอวี๋แล้วฆ่าหลิงอวี๋ไปเสีย!ท่านอ๋องเฉิงตัดสินใจแล้วว่าจะไม่มีทางให้พวกเขาทำได้สำเร็จ!ท่านอ๋องเฉิงยิ้มอย่างเย็นชา “ข้าเป็นผู้บัญชาการขุนนางฝ่ายในของราชสำนัก มีสิทธิ์ที่จะปกป้องชื่อเสียงของราชวงศ์”“จ้าวซิง เจ้าน่าจะรู้นะ… การใส่ร้ายสมาชิกราชวงศ์ โทษเบาคือการโบยห้าสิบที ส่วนโทษหนักอาจถึงขั้นประหารชีวิตได้ขึ้นอยู่กับความร้ายแรงของความผิด!”จ้าวซิงกลัวมาก ร้ายแรงถึงเพียงนั้นเลยหรือ!แต่แล้วเขาก็นึกได้ว่าแผนของจ้าวเจินเจินนั้นสมบูรณ์แบบมาก ไม่มีทางผิดพลาดอย่างแน่นอน!จ้าวซิงจึงมีความกล้ามากขึ้น พลางตะโกน“กระหม่อมมีหลักฐาน… ท่านอ๋องเฉิง กระหม่อมกับเสี่ยวอวี้รักกันด้วยใจจริง… กระหม่อมมีเสื้อชั้นในที่นางมอบให้มายืนยัน!”จ้าวซิงพูดพลางหยิบเสื้อชั้นในสีชมพูออกมา ส่วนบนมีลายเส้นบาง ๆ และมีเป็ดแมนดารินที่หันหน้าชนกันคู่หนึ่งปักอยู่ตรงกลางเสื้อชั้นในนี้ทำให้สตรีบางคนถึงหน้าแดงขึ้นมาทันทีที่เห็นนั่นเป็นเสื้อผ้าส่วนตัวของผู้หญิง เ
หลิงอวี๋โกรธมาก มาถึงขั้นนี้แล้ว พวกของจ้าวซิงยังกล้าใส่ร้ายตนอย่างไม่ละอายอีก!คำพูดเช่นนี้หากไร้ผู้ใดหนุนหลังอยู่ พูดไปใครจะเชื่อเล่า?แต่จ้าวซิงรู้ได้เยี่ยงไรว่าตนเองไปที่ไร่?หรือฟังจากที่เสิ่นจวนบอก?หลิงอวี๋มองเสิ่นจวน มิน่าเล่าหลายวันมานี้เสิ่นจวนถึงได้อยู่ในตำหนักอ๋องอี้อย่างสงบเสงี่ยม ที่แท้ก็ตั้งอกตั้งใจหาหลักฐานมาโค่นล้มตนเองนี่เอง!บางคนไม่รู้เรื่องภายใน จึงโวยวายใส่ทางหลิงอวี๋“เขามีพยานกับหลักฐานมายืนยันแล้ว พระชายาอ๋องอี้ยังยืนกรานมิยอมรับ ช่างไร้ยางอายเสียจริง!”“นั่นน่ะสิ บางทีอาจจเป็นเพราะท่านอ๋องอี้บาดเจ็บที่ขามิสามารถทำให้นางพอใจได้ จึงไปมีความสัมพันธ์ลับหลังท่านอ๋องอี้!”ท่านอ๋องเฉิงเห็นว่าคนเหล่านี้ยิ่งพูดก็ยิ่งไม่น่าฟัง จึงตะคอกออกมาด้วยความโกรธ“หุบปากเสีย! พวกเจ้าเป็นผู้ตัดสินหรือว่าข้าเป็นผู้ตัดสินกันแน่? หากสอดขึ้นมาอีก ก็อย่ามาหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”หลายคนที่พูดเมื่อครู่นี้เห็นถึงความโกรธของท่านอ๋องเฉิงก็เงียบไปองค์ชายคังหาได้สนใจความโกรธของท่านอ๋องเฉิงไม่ จึงยิ้มเยาะพลางเอ่ย “ท่านปู่เฉิง นี่ยังจำเป็นต้องสอบสวนอีกหรือ? จ้าวซิงมีทั้งพยานและหลักฐาน สิ
องค์ชายคังถูกหลิงอวี๋บีบจนทำอะไรไม่ถูก จึงหัวเราะเจ้าเล่ห์“พระชายาอ๋องอี้ นี่มิใช่ว่ากำลังแสดงความคิดเห็นเรื่องคดีหรือ? ข้าแค่พูดไปตามเนื้อผ้าเท่านั้น มิได้กล่าวโทษว่าเจ้ามีชู้นี่!”“หากเจ้ามีหลักฐานมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเจ้าก็เอาออกมาสิ! หากไม่มีก็ยอมรับผิดแต่โดยดีเถอะ!”หลิงอวี๋มององค์ชายคังอย่างดูถูก องค์ชายคังเจ้าเล่ห์กว่าองค์หญิงหกมากนัก!นี่เป็นการเตรียมรับมือหาทางหนีทีไล่ให้ตนแล้ว!หึ วันนี้หนีได้ แต่พรุ่งนี้ก็หนีไม่พ้นหรอก!องค์ชายคังผู้นี้ ดูเหมือนว่าเขาจะเสียเปรียบในเรื่องกวนอิ่งครั้งที่แล้วเบาเกินไปสินะ ถึงไม่จำจดบทเรียนเอาไว้!เช่นนั้นก็รอตนมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาอีกก็แล้วกัน!หลิงอวี๋ชี้องค์หญิงหกแล้วตะโกน “ท่านอ๋องเฉิงเพคะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นหลิงอวี๋จะฟ้ององค์หญิงหกที่ทะเลาะกันเองในครอบครัว!”จากนั้นหลิงอวี๋ก็ชี้ไปที่พวกจ้าวซิงพลางเอ่ยอย่างเย็นชา “และหลิงอวี๋จะฟ้องพวกคนสกุลจ้าวที่ใส่ร้ายหม่อมฉัน! และใส่ร้ายสมาชิกของราชวงศ์ด้วย!”“สุดท้ายจะฟ้องพวกคนชั่วเหล่านี้ที่ช่วยจ้าวซิงใส่ร้ายหม่อมฉัน!”เซียวทงได้ยินก็หัวเราะอย่างร้าย ๆ “เจ้าจะฟ้องข้าว่าทะเล
เมื่อเซียวหลินเทียนพูดเช่นนี้ ลู่หนานก็ไม่สนใจอะไรแล้ว เขาชักดาบออกมายืนอยู่ข้างหน้าเซียวหลินเทียนเผยอวี้ยิ้มอย่างเกียจคร้าน “ผู้ใดกล้าแตะต้องสหายของข้า นั่นคือศัตรูของข้าเผยอวี้เช่นกัน!”เขากอดดาบของตนอยู่ในอ้อมแขน ท่าทางขี้เกียจกับรูปร่างสูงของเขายืนอยู่ข้าง ๆ เซียวหลินเทียน ท่าทางชัดเจนอันเจ๋อเห็นเข้าก็วิ่งไปข้างหน้าทันที แล้วยิ้มเยาะพลางเอ่ย “จะสู้โดยไม่มีข้าได้เยี่ยงไรเล่า!”“องค์ชายคัง เราคุยกันด้วยเหตุผล! จ้าวซิงผู้นี้มีตัวตนเยี่ยงไร? เขาทำให้พระชายาอ๋องอี้อับอายเช่นนี้ เหตุใดพระชายาอ๋องอี้จะให้คนทุบตีเขามิได้?”“หรือว่าหากคนอื่นพูดเช่นนี้กับพระชายาคัง? องค์ชายคังจะทนได้หรือ?”สีหน้าองค์ชายคังดูแย่มาก แต่คำพูดของอันเจ๋อทำให้เขาไม่สามารถโต้แย้งได้เลย!ยิ่งไปกว่านั้น จะต้องมีเรื่องบาดหมางกับพี่น้องเช่นเซียวหลินเทียนเพราะทาสต่ำต้อยผู้หนึ่งหรือ?หากพี่น้องแตกคอทะเลาะกันเอง โทษหนักก็คือจะถูกจองจำไปตลอดชีวิตเชียวนะ!องค์ชายสามรุ่ยมองอย่างเงียบ ๆ อยู่ด้านข้างแม้ว่าเขาจะมองสถานการณ์นี้ออก แต่การที่พี่สองกับน้องสี่ทะเลาะกันอย่างน่าอายนั้นกลับเป็นโอกาสของตนดังนั้นเขาจึงไม่อ
เสิ่นจวนรีบอธิบาย “ข้า ข้ากังวลว่าจะมีคนที่คิดมิดีบุกเข้าไป ดังนั้น ดังนั้น...”เสียงของนางเบาลงเรื่อย ๆ เพราะแม้นางเองก็รู้ว่าเหตุผลนี้ไม่เพียงพอที่จะโน้มน้าวธารกำนัล และอาจทำให้คนสงสัยในตัวนางด้วย!“เช่นนั้นเจ้าก็ช่างใส่ใจเสียจริง!”หลิงอวี๋ยิ้มเหน็บแนม พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อย่างไรก็ตาม เมื่อหลิงซวนนำอาภรณ์มาให้ข้า ประตูมิได้ลงกลอน!”“หากเจ้าจัดการให้นางรับใช้ลงกลอน เช่นนั้นเจ้าก็ต้องไปถามนางรับใช้ของเจ้าว่ามันเกิดเรื่องอันใดขึ้น!”เสิ่นจวนรู้อยู่แล้วว่าตนเองผิดพลาด ไหนเลยจะกล้าจับจ้องเรื่องลงกลอนแล้วตำหนิหลิงอวี๋ต่อ!หลิงซวนก้าวไปพลางเอ่ย “ท่านอ๋องเฉิงเพคะ หม่อมฉันสาบานได้ว่า ตอนที่หม่อมฉันนำอาภรณ์ไปให้อาจารย์ ประตูมิได้ลงกลอนเพคะ!”“อาจารย์ของหม่อมฉันคิดว่านัดแนะกับท่านอ๋องอี้ไว้แล้วจะกลับไป จึงออกไปหาท่านอ๋องอี้ แล้วก็ได้พบกับพระชายาเย่!”พระชายาเย่กับองค์ชายเย่ที่กำลังดูความสนุกสนานอยู่ด้านหลังตามหลิงอวี๋เข้ามาพวกเขาทั้งสองพยักหน้าพลางเอ่ย “พวกเราเป็นพยานได้ว่าพี่สะใภ้สี่กับหลิงซวนอยู่กับพวกเราตลอด!”องค์ชายเย่มีนิสัยไม่สนใจสิ่งใด และมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพระช