นางกำนัลสองคนวิ่งไปหาหลิงหว่านด้วยท่าทีน่ากลัว“หยุดเดี๋ยวนี้!”หลิงอวี๋ตะโกนเสียงดัง และยืนขวางอยู่ตรงหน้าหลิงหว่านด้วยดวงตาเฉียบคม“เซียวทง ท่านแน่ใจหรือว่าจี้หยกถูกหลิงหว่านขโมยไป?”เซียวทงตะโกนอย่างไม่อดทน “พี่สะใภ้สี่ ข้ารู้ว่าเจ้าอยากปกป้องหลิงหว่าน ถึงได้พูดช่วยนางครั้งแล้วครั้งเล่า! หากเป็นจี้หยกอันอื่นข้ามิว่าเลย แต่นั่นเป็นจี้หยกที่เสด็จพ่อมอบให้ข้า ดังนั้นข้าต้องค้นตัวนาง!”หลิงอวี๋มองเซียวทงอย่างเย็นชา พลางเอ่ยถามเสียงแข็ง “เซียวทง ท่านรู้หรือไม่ว่าการค้นตัวเช่นนี้จะทำลายชีวิตของหลิงหว่าน?”เซียวทงมองหลิงหว่านอย่างร้ายกาจ “หลิงหว่านกล้าขโมยเช่นนี้ก็ต้องยอมรับผลที่ตามมา! นางทำลายชีวิตของนางเอง!”หลิงอวี๋ยกมุมปากขึ้นเยาะเย้ย เหตุใดนางจึงหวังให้องค์หญิงผู้เอาแต่ใจมีความเห็นอกเห็นใจต่อสามัญชนกัน?เซียวทงมิได้มองว่าหลิงหว่านเป็นมนุษย์เลยเช่นเดียวกับจ้าวเจินเจิน นางมองว่าผู้ที่มีสถานะต่ำกว่าพวกนางอย่างเช่นหลิงหว่านกับหลิงซินเป็นเครื่องมือ!เครื่องมือที่ใช้และเหยียบย่ำได้!“เซียวทง หม่อมฉันแค่อยากรู้ว่าหากไม่พบจี้หยกของท่านจากการค้นตัวหลิงหว่าน แล้วท่านจักทำเยี่ยงไร?”
ตัวตนเช่นอันซินนี่แหละถึงจะมีความมั่นใจที่จะพูดกับองค์หญิงหกเช่นนี้ได้ แม้ว่าคุณหนูคนอื่นจะรู้สึกว่าองค์หญิงหกก้าวร้าว แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าตำหนิอะไรองค์หญิงหกพระชายาเย่ตั้งครรภ์ได้แปดเดือนกว่าแล้ว น้ำหนักตัวมาก เมื่อถูกแสงแดดจึงรู้สึกไม่ค่อยสบายเท่าไหร่นางใกล้จะคลอดแล้ว คิดว่าหลังคลอดก็จะต้องอยู่ในเรือน จึงอยากถือโอกาสก่อนจะคลอดออกมาเคลื่อนไหวร่างกายสักหน่อยครั้นเห็นองค์หญิงหกก้าวร้าวเช่นนี้ พระชายาเย่ก็มิพอใจยิ่ง พลางเอ่ยอย่างฉุนเฉียว“องค์หญิงหก พี่สะใภ้สี่ก็ให้ยอมแล้ว ท่านเองก็พอได้แล้ว! อย่าให้คนอื่นคิดว่าราชวงศ์เรารังแกผู้อื่นเลย! เสด็จพ่อรู้เข้าจักมิสบายพระทัเสียเปล่า ๆ!”เซียวทงเกลียดพระชายาเย่ในทันที พี่สะใภ้ห้าผู้นี้เข้าข้างหลิงอวี๋หรือ?ได้ นางจะจำความแค้นนี้ไว้!พระชายาเย่ย้ายออกจากตำหนัก จึงทำให้เซียวทงค่อนข้างกลัวเมื่อเห็นฮูหยินหลายคนที่อยู่ตรงนั้นดูท่าทางมิเห็นด้วย เซียวทงจึงไม่ยืนกรานต่อ...หากตนเองยืนกรานที่จะค้นตัวหลิงหว่านต่อหน้าคนจำนวนมากจริง ๆ แล้วทำให้ราษฎรโกรธเคืองมันจะไม่คุ้มค่า!เซียวทงโบกมือ พลางเอ่ยอย่างรำคาญ “ได้ ๆ รีบพาเข้าไปค้นตัวเสีย!”นางกำน
งานเลี้ยงชมบุปผาเช่นนี้เป็นเรื่องของคนหนุ่มสาว ท่านอ๋องเฉิงมิเคยเข้าร่วมเลยแต่วันนี้องค์หญิงหกลากมาที่นี่ เซียวทงบอกว่าวันนี้นางจะเลือกราชบุตรเขยในงานชมบุปผา กลัวว่าตนเองยังเด็กยังมิรู้จักคนดีนัก จึงตั้งใจเชิญท่านอ๋องเฉิงมาช่วยตรวจสอบในช่วงนี้ไทเฮากับองค์จักรพรรดิอู่อันอันต่างก็กังวลเกี่ยวกับการแต่งงานของเซียวทง ครั้นทั้งสองได้ยินเรื่องนี้ ก็ขอให้ท่านอ๋องเฉิงมาช่วยตรวจสอบให้ด้วยท่านอ๋องเฉิงยากที่จะปฏิเสธคำเชิญได้จึงมาร่วมสนุกด้วยมีหรือที่หลิงอวี๋จะปล่อยให้องค์หญิงหกทำร้ายหลิงหว่านต่อ เมื่อเห็นท่านอ๋องเฉิงเอ่ยถามก็ก้าวไปเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังในที่สุดหลิงอวี๋ก็เอ่ย “องค์หญิงหกค้นตัวก็ค้นแล้ว พอค้นมิเจอก็ยังมิยอมเลิกรา ท่านอ๋องเฉิงโปรดทวงถามความยุติธรรมให้น้องสาวของหม่อมฉันด้วยเพคะ!”เซียวทงตะโกนด้วยความโกรธ “หากมิทำชั่วก็มิเห็นต้องกลัวสิ่งใด นางกำนัลค้นแล้วมิพบ แล้วค้นอีกรอบมิได้รึ?”เซียวหลินเทียนมองเซียวทงอย่างเย็นชา เขารู้ถึงความแค้นระหว่างเซียวทงกับหลิงอวี๋ดีเพียงแต่เขามิคาดคิดว่าน้องสาวของตนผู้นี้ จะแสดงอำนาจขององค์หญิงต่อหน้าครอบครัวขุนนางจำนวนมากเช่นนี้“น้องหก หาก
ท่านอ๋องเฉิงเป็นผู้บัญชาการขุนนางฝ่ายในของราชสำนัก มีกลอุบายใดบ้างเล่าที่เขามิเคยเห็น หลังจากที่คิดเชื่อมโยงในเรื่องนี้แล้ว ก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นเขารู้สึกหงุดหงิดอยู่ในใจ เซียวทงเป็นถึงองค์หญิงหก แต่ใช้วิธีการใส่ร้ายที่มิเป็นประโยชน์ต่อผู้ใดเลยแต่พอเห็นเซียวทงที่หน้าซีดแล้ว ท่านอ๋องเฉิงก็ไม่อยากให้เซียวทงเสียหน้าเซียวทงอับอาย และเป็นเรื่องที่ทั้งราชวงศ์อับอายด้วย!ท่านอ๋องเฉิงยิ้มบาง ๆ“เมื่อครู่องค์หญิงหกอาจทำจี้หยกหล่นหายจึงร้อนใจมากเกินไป มิได้ดูให้ชัดว่าเป็นจี้หยกของตนหรือไม่… ในเมื่อตอนนี้ทุกอย่างชัดเจนแล้ว เซียวทง เอาจี้หยกของเจ้ากลับไปสิ!”“ต่อไปก็อย่าไปทำตกที่ไหนอีก!”ทันทีที่เซียวทงได้ยินท่านอ๋องเฉิงช่วยนางโกหก ก็ยิ้มทันทีพลางเอ่ย “เพคะ หม่อมฉันร้อนใจมากก็เลยมองมิชัด!”นางหยิบจี้หยกจากในมือของท่านอ๋องเฉิงแล้วรีบเก็บไปหากจี้หยกนี้แตกไปจริง ๆ นางจะต้องถูกเสด็จพ่อดุเป็นแน่องค์ชายสามรุ่ยเซียวหลินเฉียนมองหลิงอวี๋อย่างประหลาดใจ ดวงตาเป็นประกายเล็กน้อยพระชายาอ๋องอี้ผู้นี้ ดูมิค่อยเหมือนกับที่ร่ำลือกันเลย!น่าสนใจ!หลิงอวี๋เข้าใจเจตนาของท่านอ๋องเฉิงที่จะปกป้อ
“เซียวทง ในเมื่อเจ้าสัญญาแล้ว เช่นนั้นก็ยกน้ำชาขอโทษไปเถอะ!”“เจ้าเชิญแขกมามากถึงเพียงนี้ การปล่อยให้พวกเขารอนั้นเสียมารมาทมากนะ!”ท่านอ๋องเฉิงตัดสินใจแล้วโบกมือให้นางกำนัลไปเอาน้ำชามาเซียวทงกัดฟัน ยังคงมิเต็มใจเท่าไหร่เมื่อฉินรั่วซือเห็นสิ่งนี้ก็ก้าวไปกระซิบข้างหูของนางสองสามประโยคสีหน้าของเซียวทงดีขึ้นเล็กน้อย แล้วมองหลิงอวี๋ได้ ข้าจักให้เจ้าได้ใจไปก่อน แล้วข้าขอจัดการเจ้าในภายหลัง!กระทั่งนางกำนัลเอาน้ำชามา เซียวทงก็รินชาอย่างดีแล้วมอบให้หลิงหว่านอย่างเย็นชา“คุณหนูหลิง ข้าขอโทษ ข้าเข้าใจเจ้าผิด! ข้าขอโทษเจ้าด้วยนะ!”หลิงหว่านตื่นเต้นมากจนแทบจะร้องไห้ออกมา!เดิมทีนางคิดว่าเรื่องความอับอายที่ได้รับในวันนี้คงจะพลิกกลับมาดีมิได้แล้ว เพราะว่าคนที่ทำให้นางอับอายคือองค์หญิงหกผู้เป็นที่โปรดปรานขององค์จักรพรรดิกับไทเฮา!คิดไม่ถึงว่าหลิงอวี๋จะช่วยตนเองแก้ปัญหาได้อย่างสมบูรณ์แบบ!ไม่เพียงเท่านั้น แต่หลิงอวี๋ยังบีบให้องค์หญิงหกยกน้ำชาขอโทษตนด้วย!อยากถามว่าผู้ใดในเมืองหลวงที่สามารถทำให้องค์หญิงผู้เป็นที่โปรดปรานขององค์จักรพรรดิมายกน้ำชาขอโทษได้ นอกเสียจากพี่สาวของตนผู้นี้!นอ
เห็นว่ากระโปรงนั้นบางราวกับปีกจักจั่นทั้งยังโปร่งแสงราวกับกระโปรงที่สตรีในหอนางโลมใส่ชุดกระโปรงเช่นนี้อย่าว่าแต่ใส่เต้นรำเลย แค่มองมากกว่าหนึ่งครั้งก็ถือว่าดูหมิ่นตนเองแล้วในสายตาของคุณหนูเหล่านี้!มีฮูหยินหลายคนขมวดคิ้ว องค์หญิงหกผู้นี้แย่จริง ๆ ชุดเช่นนี้จะสวมใส่ได้เยี่ยงไร!ท่านอ๋องเฉิงส่ายหัวอย่างหมดคำพูด เซียวทงไปเรียนรู้สิ่งนี้มาจากที่ใดกัน? ทำให้ราชวงศ์อับอายเสียจริง!เซียวหลินเทียนก็ขมวดคิ้วเช่นกัน เขามีลางสังหรณ์ว่าครั้งนี้เซียวทงจะมุ่งเป้าไปที่หลิงอวี๋!ชื่อเสียงของหลิงอวี๋ที่ขึ้นชื่อว่าไม่มีการศึกษาและโง่เขลาได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงแล้วแม้ว่าตอนนี้หลิงอวี๋จะเก่งเรื่องทักษะทางการแพทย์ แต่นางก็ไม่เก่งเรื่องดนตรี หมากรุก อักษรศิลป์ และการวาดภาพ!อันเจ๋อนั่งอยู่ข้าง ๆ เซียวหลินเทียน เขาเองก็ขมวดคิ้วเช่นกัน นอกจากนี้ ภาพที่เซียวทงทำให้หลิงหว่านลำบากใจเมื่อครู่เขาก็ได้เห็นแล้วเขาเหมือนกับเซียวหลินเทียน รู้สึกว่าการกระทำนี้ของเซียวทงมุ่งเป้าไปที่หลิงอวี๋หรือไม่ก็หลิงหว่าน!และมีคุณชายลามกหลายคนที่ดวงตาวาววับเมื่อเห็นชุดนั้น พวกเขาแทบรอไม่ไหวที่จะเห็นสตรีร่ายรำในชุดน
เมื่อหลิงอวี๋พบว่าไร้ทางหนีจึงเชิดปากยิ้มกล่าวว่า“องค์หญิงหก ในเมื่อมีบทลงโทษก็ควรมีรางวัลด้วยเพคะ! มิทราบว่ารางวัลคืออันใดเพคะ?”“มีการแข่งขันสี่รายการ ได้แก่ ดนตรี หมากล้อม อักษรศิลป์และการวาดภาพ การปฏิเสธสิ่งใดสิ่งหนึ่งบทลงโทษคือสุราสามจอก สำหรับรางวัลขององค์หญิงพึงควรเป็นสิ่งล้ำค่าจึงจะกระตุ้นให้ทุกคนมีส่วนร่วมเพคะ!”“องค์หญิงหกทรงได้รับความเอ็นดูอันลึกซึ้งจากองค์จักรพรรดิ แน่นอนว่าต้องมีของล้ำค่ามากมายที่เรามิเคยพบ ได้โปรดองค์หญิงนำของมีค่าสี่ชิ้นมาเป็นรางวัลเถิดเพคะ!”“หม่อมฉันคิดว่าปิ่นบนพระเศียรองค์หญิงนั้นงามนัก มิสู้องค์หญิงเอามาเป็นรางวัลเล่าเพคะ?”เมื่อหลิงอวี๋เอ่ยเช่นนี้ เซียวทงก็แตะปิ่นที่ปักบนศีรษะโดยสัญชาตญาณครั้นนึกถึงคุณค่าของปิ่น เซียวทงก็ค่อนข้างลังเลใจ“องค์หญิงหกคงตัดใจจากปิ่นอันนี้มิได้! หรือว่าปิ่นที่ดีที่สุดในตำหนักขององค์หญิงมีแค่อันนี้ ไม่มีปิ่นดี ๆ อันอื่นอีกแล้วหรือเพคะ?”“หากองค์หญิงตัดใจมิได้ก็ช่างเถิด… เป็นหม่อมฉันพลั้งปากไปเองเพคะ!”หลิงอวี๋กล่าวด้วยยิ้มตาหยีเมื่อเซียวทงถูกหลิงอวี๋ปลุกปั่นก็พลันร้องเรียกทันควัน “ผู้ใดตัดใจมิได้กัน…! รางวัลช
“หม่อมฉันว่าสร้อยไข่มุกบนคอองค์หญิงหกช่างพิเศษนัก จี้สีเขียวนั่นทำจากวัสดุกระไรเพคะ? ดูมีระดับยิ่งนัก!”หลิงอวี๋กล่าวพลางยิ้มตาหยี “องค์หญิงหกเพคะ สร้อยไข่มุกเส้นนี้นำมาเป็นรางวัลชิ้นที่สามได้หรือไม่เพคะ?”เซียวทงปิดจี้หินโมราเขียวโดยสัญชาตญาณนี่คือของที่องค์จักรพรรดิยึดได้จากสนามรบข้าศึกแห่งฉีตะวันออกในคราก่อน ซึ่งมันมีมูลค่ามหาศาล!นางตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ไม่ว่าหลิงอวี๋จะพูดอะไรนางจะไม่นำสร้อยหินโมราเขียวมาเป็นรางวัลเด็ดขาดสิ่งนี้นางกะจะเก็บไว้เป็นสินเดิมในอนาคต!เซียวทงยังไม่ทันเอื้อนเอ่ย หลิงอวี๋พลันพูดว่า “องค์หญิงหกได้รับความเอ็นดูจากองค์จักรพรรดิและไทเฮาโดยแท้!”“เครื่องประดับที่ดูธรรมดาบนพระวรกายล้วนคือของล้ำค่าหายากทั้งสิ้น ในพระตำหนักขององค์หญิงยังต้องมีสมบัติหายากอีกมากโขเป็นแน่!”“องค์หญิงหก สร้อยไข่มุกเส้นนี้ท่านนำมาเป็นรางวัลเถิดเพคะ! โปรดอย่าเสียดายไปเลย… พวกเราต่างไม่เคยพบเห็นสมบัติดี ๆ ขนาดนี้มาก่อน ได้โปรดท่านมอบประสบการณ์แก่เราด้วยเถิด!”“เห้อ เมื่อเทียบกับท่าน พวกเราช่างต่ำต้อยเกินไป! เราไม่มีกระทั่งเครื่องประดับดี ๆ สักชิ้นด้วยซ้ำเพคะ!”หลิงอวี๋เสแสร้งทอด
“อย่า… อย่าฆ่าข้า!”หัวหน้าเสิ่นกลัวจนร้องออกมาเสียงสั่นเขาเชื่อมั่นในวรยุทธ์ของตนว่าจะสามารถหนีไปได้อย่างราบรื่น ไหนเลยจะคิดว่าจะหนีมิพ้นหมาป่าตัวนี้!“หึ! ข้าบอกไปแล้วว่า นอกเสียจากเจ้าจะเร็วกว่าปู้ติง มิเช่นนั้นก็ให้เชื่อฟังคำของข้า! เจ้าอยากจะทนทุกข์ก่อนจึงจะยอมฟังหรือไร?”หลิงอวี๋ยิ้มเยาะพลางเดินเข้าไป เรี่ยวแรงที่ตัวนางกลับคืนมาแล้วลูกปัดสีเขียวนี้มหัศจรรย์จริง ๆ!แต่หลิงอวี๋มิได้มีความคิดที่จะครอบครองเป็นของตน นี่คือของของแม่หมาป่า ในเมื่อให้ปู้ติงไปแล้วเช่นนั้นก็เป็นของปู้ติง“ปู้ติง! ปล่อยเขาเถิด!”ปู้ติงจึงปล่อยหัวหน้าเสิ่นอย่างเชื่อฟัง หลิงอวี๋ก็ลูบหัวมันอย่างเอ็นดู จากนั้นก็เอาลูกปัดสีเขียวยัดเข้าปากมันไป“เสี่ยวเจียง ปิดประตู!”หลิงอวี๋เอ่ยกับเสี่ยวเจียงที่กลัวจนสั่นมิหยุดเสี่ยวเจียงมองขาที่เลือดไหลของหัวหน้าเสิ่น เมื่อครู่หมาป่าตัวนั้นรวดเร็วมาก เขาหนีมิได้เลยมีหรือเสี่ยวเจียงจะกล้ามิฟังคำพูดของหลิงอวี๋ เขาจึงเดินไปปิดประตูด้วยความหวาดกลัวจนตัวสั่น“ข้าถามอะไรเจ้าก็ตอบสิ่งนั้น มิเช่นนั้นครั้งต่อไปที่ปู้ติงกัดจะมิใช่ขาของเจ้า แต่เป็นคอ เข้าใจหรือไม่?”หลิ
หลิงอวี๋กุมใบหน้าตนเองอย่างสิ้นหวัง นางมิเชื่อว่าปู้ติงจะทิ้งตนไปจะต้องเป็นเพราะที่นี่อยู่ไกลจากวังเทพมากเกินไปอย่างแน่นอน ปู้ติงจึงมิได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือของตนในขณะที่หลิงอวี๋กำลังคิดที่จะพยายามกลับไปบนเตียงก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกดังมาจากด้านล่าง“นั่นคือหมาป่าหรือ? ข้ามิได้ตาฝาดไปใช่หรือไม่!”“เจ้าตาฝาดแล้ว ที่นี่จะมีหมาป่ามาจากที่ใดกัน!”“แต่ข้าเห็นหมาป่าที่เป็นสีขาวราวกับหิมะทั้งตัววิ่งไปจากบนหลังคาจริง ๆ นะ...”หมาป่าตัวสีขาวราวหิมะ?หลิงอวี๋กำลังจะวางมือก็เห็นว่ามีสายฟ้าสีขาวพุ่งเข้ามาจากหน้าต่างอย่างรวดเร็วหลิงอวี๋ยังมิทันได้เห็นชัด สายฟ้านั้นก็พุ่งเข้ามาในอ้อมแขนของนาง แล้วตัวที่เป็นขนปุกปุยก็ทำให้ทั้งตัวของนางอบอุ่นขึ้นมาหลิงอวี๋ก้มหน้าลงก็เห็นดวงตาสีเขียวของหมาป่าน้อยที่มีขนตาสีขาวข้างหนึ่งดำข้างหนึ่งปู้ติง!ปู้ติงจริง ๆ ด้วย!มิเจอกันหลายวัน ปู้ติงโตขึ้นอีกแล้วและดูแข็งแรงขึ้นด้วย!หลิงอวี๋กอดปู้ติงอย่างดีใจแล้วก็จุ๊บมันไปแล้วหัวใจที่จมลงสู่ก้นบึ้งก็กลับมามีชีวิตชีวาขึ้นทันที“ปู้ติง ข้าถูกคนวางแผนทำร้าย ตัวข้าไม่มีแรงเลย เจ้าหายาแก้พิษให้ข้าหน่อยได้ห
เด็กหนุ่มผอมบางเช่นนี้น่าจะมิใช่คู่ต่อสู้ของตน!หลิงอวี๋หลับตาลงอีกครั้งพลางครุ่นคิดท่านน้าหลิน เสวี่ยเหมยและอี้เหวินให้หัวหน้าเสิ่นที่เป็นผู้ส่งเสบียงพาตนลงจากเขามา จะต้องเป็นเพราะตนได้รับการยกย่องจากหวงฝู่หมิงจูจึงไปดึงดูดความอิจฉาริษยาของพวกนางเป็นแน่นางมิเชื่อว่าท่านน้าหลินเพียงแค่ต้องการให้ตนออกจากวังเทพอย่างเดียวเท่านั้นเมื่อคิดเชื่อมโยงถึงเรื่องเครื่องประดับเหล่านั้นที่หัวหน้าเสิ่นพูดถึง ทั้งยังมีเรื่องที่อี้เหวินอาศัยว่าจะให้ตนดูแลจัดการงานภายในของวังเทพแล้วพาตนไปดูโกดัง อีกทั้งยังบอกตนเรื่องที่หวงฝู่หมิงจูมีจี้หยกราตรีน้ำเงินอีกหลิงอวี๋จึงได้กล้าคาดเดาอะไรเช่นนี้ท่านน้าหลินจะต้องติดสินบนหัวหน้าเสิ่นให้พาตนลงมาจากภูเขา จากนั้นก็ใส่ร้ายว่าตนขโมยเครื่องประดับแล้วหนีไปอย่างแน่นอนขอเพียงมีหนึ่งในเครื่องประดับหนึ่งชิ้นตกหล่นหายไป หวงฝู่หลินก็จะยิ่งเชื่อว่าตนเป็นคนขโมยจากนั้นหัวหน้าเสิ่นก็จะสังหารตนหัวหน้าเสิ่นออกไปแล้ว เสี่ยวเจียงผู้นี้ก็มิใช่คู่ต่อสู่ของตน หากมิหนีเวลานี้แล้วยังจะรออะไรอีกเล่า!หลิงอวี๋คิดแล้วขยับมือเท้าอย่างเงียบ ๆมือเท้ามิได้ถูกมัดไว้ แต่ขยับเ
“ท่านสี่ เราทำอาหารกันค่อนข้างมาก จึงนำมาให้ท่านสักหน่อย!”เก๋อเฟิ่งฉิงเห็นพวกฉินซานเรียกเซียวหลินเทียนว่าท่านสี่จึงเรียกเซียวหลินเทียนเช่นนั้นตามเซียวหลินเทียนมิแม้แต่จะมองถาดของนางแล้วยกอาหารแห้งในมือขึ้น พร้อมกับเอ่ยเรียบ ๆ “ขอบคุณมาก แต่ข้ากินอิ่มแล้ว!”เขายัดอาหารแห้งที่เหลือใส่ปากแล้วเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อยเก๋อเฟิ่งฉิงเองก็มิได้ท้อ นางวางถาดไว้ตรงหน้าเขาแล้วเอ่ยยิ้ม ๆ “กินอิ่มแล้วก็กินน้ำแกงผักสักหน่อยก็ได้! จะแบ่งให้ลูกน้องของท่านก็ได้!”หลังจากพูดจบ เก๋อเฟิ่งฉิงก็หันหลังเดินไปคนที่มีตาก็ล้วนมองออกว่าเก๋อเฟิ่งฉิงกำลังเอาใจเซียวหลินเทียนอยู่สตรีพรหมจรรย์นางหนึ่งเอาใจบุรุษคนหนึ่งเช่นนี้ จะเป็นเพราะเหตุใดไปได้เล่า!“ขันทีโม่ ท่านกินเถิด!”เซียวหลินเทียนดันถาดไปให้ขันทีโม่ขันทีโม่มองอาหารตรงหน้า มีเนื้อมีผัก ดูคุณค่าทางอาหารสมบูรณ์มาก เขาจึงยิ้มแล้วเอ่ย“คุณหนูใหญ่ตระกูลเก๋อคงยังมิยอมถอดใจจากท่านเลยนะ! ท่านสี่ เช่นนั้น ยินดีรับไว้ดีหรือไม่?”ขันทีโม่ก็เหมือนกับคนจำนวนมากที่คิดว่าการที่เซียวหลินเทียนจะมีสนมมากมายนั้นเป็นเรื่องปกติแม้ว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลเก๋อผู้นี้จะแสร
กลุ่มของเก๋อเฟิ่งฉิงกับเซียวหลินเทียนเข้าไปในเขาด้วยกันแล้วก็เห็นคนของตระกูลเฉียว แต่ทุกคนก็ต่างคนต่างไปการปะทะกันในเวลานี้มิใช่เรื่องที่ฉลาด เพราะว่าการลงมือในถิ่นของหวงฝู่หลินนั้นอาจจะทำให้หวงฝู่หลินโกรธได้แม้ว่าตระกูลหวงฝู่จะอยู่อย่างสันโดษมาหลายชั่วอายุคน แต่ในฐานะของผู้สืบทอดของตระกูลหวงฝู่หลินก็มีความเป็นไปได้ที่พลังจะสูงกว่าพวกเขาทั้งหลายสำหรับหวงฝู่หลิน ผู้นำของทั้งสองตระกูลต่างก็เสนอจุดประสงค์ที่จะดึงมาให้เป็นพวกเดียวกัน ดังนั้นหากมิถึงคราวจำใจจริง ๆ เก๋อเฟิ่งฉิงกับเฉียวไป๋ไม่มีทางทำเรื่องที่จะทำให้หวงฝู่หลินขุ่นเคืองแน่เมื่อเข้าไปในภูเขาหิมะ เริ่มแรกยังมีเส้นทาง แต่เดินไปได้สิบกว่าลี้ก็ไม่มีเส้นทางแล้วทั่วทุกที่ล้วนเป็นสีขาวโพลน แม้ว่าหานเหมยจะเคยมาที่ภูเขาหิมะ แต่เมื่อเห็นสีขาวโพลนนี้นางก็หลงทางเช่นกัน มิรู้ว่าภูเขาแห่งนั้นคือภูเขาที่มีวังเทพอยู่“มิต้องรีบร้อน ค่อย ๆ หาไป ขอเพียงฮูหยินอยู่ที่วังเทพ พวกเราจะต้องตามหานางพบแน่นอน!”ต่อหน้าเก๋อเฟิ่งฉิง เซียวหลินเทียนจึงเรียกหลิงอวี๋ว่าฮูหยินหานเหมยอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา ก่อนหน้านี้นางบอกอย่างมั่นใจว่าตนรู้เส้น
หวงฝู่หลินพูดถึงตรงนี้แล้วก็เปลี่ยนน้ำเสียง “ปี้ซง เสวี่ยเหมยที่อยู่ข้างกายหมิงจูผู้นั้นมิอาจใช้งานได้แล้ว!”“ที่หลิงอวี๋หายตัวไปครานี้ จะต้องมีนางสมรู้ร่วมคิดอยู่ด้วยเป็นแน่! เจ้าให้คนของเจ้าจับตาดูนางไว้แล้วให้คนคุ้มกันหมิงจูไว้ให้ดี ๆ อย่าได้เกิดเรื่องอะไรกับนางเป็นอันขาด!”“พ่ะย่ะค่ะ!”ปี้ซงพยักหน้าพร้อมกับแววตาที่ล้ำลึกหวงฝู่หลินมิได้อยู่ที่วังเทพเป็นเวลานาน เดิมทียังคิดว่าลิ่งหูหลินสามารถดูแลหมิงจูเป็นอย่างดีได้ แต่ในเมื่อลิ่งหูหลินคิดมิซื่อ เช่นนั้นทาสในวังเทพเหล่านี้ก็ต้องถูกนางซื้อตัวไว้แล้วเป็นแน่! คราวนี้จะต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แล้วเซียวหลินเทียนคาดมิถึงเลยว่าเขามาถึงที่ภูเขาหิมะ แต่หลิงอวี๋กลับมิอยู่ที่วังเทพแล้วจะว่าไปแล้ว เซียวหลินเทียนก็เกือบจะเฉียดกับหลิงอวี๋อยู่เหมือนกันที่ด้านนอกภูเขาหิมะ กลุ่มของเซียวหลินเทียนได้พบกับกลุ่มส่งเสบียงของวังเทพหลิงอวี๋ถูกป้อนยาสลบและทำให้กระดูกอ่อนแรงไปจึงนอนหมดสติอยู่บนรถม้ากลุ่มของเซียวหลินเทียนเห็นรถม้าที่ขนของสารพัดมาก็หาได้ใส่ใจไม่ ทั้งสองคนจึงคลาดกันไปเช่นนั้นกลุ่มของเซียวหลินเทียนเข้าไปในอาณาเขตของภูเขาหิมะแล้
ธารน้ำแข็งที่ไม่มีที่สิ้นสุดเต็มไปด้วยน้ำแข็งที่สะสมมาตลอดหลายพันปี บุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่งถูกโซ่เหล็กขนาดเท่าแขนหลายเส้นมัดเอาไว้ และฝังอยู่ในน้ำแข็งที่สะสมอยู่นั้นฝูไห่หลับตาอยู่เหมือนยังมีชีวิต คล้ายกับคนที่กำลังหลับอยู่และสามารถตื่นขึ้นมาได้ตลอดเวลา!พ่อของหวงฝู่หลินบอกกับหวงฝู่หลินไว้ว่า “คนที่มีพลังล้ำลึกเช่นฝูไห่นี้ หากโอกาสเอื้ออำนวย แม้ว่าจะถูกฝังอยู่ในน้ำแข็งเขาก็สามารถฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้!”“ปู่ของเจ้ากับหลงอี้เห็นแก่ความสัมพันธ์ที่เป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกันจึงมิได้สังหารเขาไปตรง ๆ แต่ใช้วิธีเช่นนี้กักขังเขาเอาไว้แทน!”“ตระกูลหวงฝู่ของเรารับผิดชอบในการปกป้องเขา เจ้ารู้ว่าเข้ามาอย่างไรก็พอแล้ว มิต้องไปสนใจเขามากเกินไป เพราะว่าใต้หล้านี้นอกจากหลงอี้กับปู่ของเจ้าจะยินยอม มิฉะนั้นใครก็ไม่มีทางจะคืนชีพเขาได้!”นี่เท่ากับว่าเป็นโลงศพน้ำแข็งที่อยู่ในสุสานน้ำแข็งน่ะสิ!หวงฝู่หลินเห็นแล้วก็มิได้ใส่ใจ หากมิใช่เพราะท่านพ่อพาตนไป เขาก็หาทางเข้าไปมิเจออย่าว่าแต่ตลอดทางยังมีกลไกและกับดักมากมาย เพียงแค่มิระวังนิดเดียว ตัวเองก็อาจต้องตายอยู่ในธารน้ำแข็งเหล่านี้ก่อนหน้านี้หวงฝู่หลินมิ
ในขณะที่เสวี่ยเหมยกำลังระวังตัวอยู่เงียบ ๆ นั้น วังเทพก็ได้ต้อนรับแขกที่มิได้รับเชิญจากหลายทางคนเหล่านี้ก็คือเซียวหลินเทียน คนของตระกูลเฉียวและคนของตระกูลเก๋อทันทีที่คนสามกลุ่มนั้นเข้ามาในพื้นที่ของภูเขาหิมะ องครักษ์ที่ยืนเวรอยู่ด้านหน้าหุบเขาก็ส่งนกพิราบมาส่งข่าวให้หวงฝู่หลินอย่างรวดเร็วหวงฝู่หลินเห็นแล้วก็ตะลึงเป็นเล็กน้อย ตระกูลหวงฝู่มิข้องเกี่ยวกับเรื่องภายนอกมาหลายร้อยปีแล้ว คนเหล่านี้ดาหน้ามาพร้อมกันด้วยเรื่องอันใด?“ทำตามกฎเดิม มิต้องสนใจพวกเขา หากสามารถบุกเข้ามาถึงวังเทพได้ค่อยว่ากัน!”หวงฝู่หลินยิ้มอย่างดูถูกหลายร้อยปีมานี้ มีคนจำนวนนับมิถ้วนที่อยากจะบุกเข้ามาปล้นวังเทพแต่เข้ามาได้ก็กลับออกไปมิได้เขามิเชื่อว่าคนเหล่านั้นจะสามารถบุกเข้ามาในวังเทพได้อย่างราบรื่นภายใต้การวางกับดักที่ซับซ้อนและค่ายกลจำนวนมากแต่ปี้ซงมิได้มองในแง่ดีเช่นหวงฝู่หลิน เขาดูข่าวที่ส่งมาอย่างละเอียดแล้วเอ่ย “ท่านเจ้าวัง กลุ่มที่มาสองกลุ่มคือตระกูลเก๋อกับตระกูลเฉียว นี่คือคนของทางแดนเทพพ่ะย่ะค่ะ!”“หากมิได้มีเรื่องสำคัญนักพวกเขาจะมาที่แดนเทพด้วยกันได้อย่างไร?”“ส่วนคนกลุ่มนี้มิใช่คนของแดนเทพ
หวงฝู่หลินสีหน้าเปลี่ยนไป แล้วในที่สุดก็ตะโกนขึ้นมา “ปี้ซง!”ปี้ซงเดินเข้ามา“ส่งข่าวออกไปทันทีให้ป้าวเฉิงระดมคนทั้งหมดจับเป็นอาอวี๋!”ที่ตัวของอาอวี๋ยังมีตำรับยาที่หวงฝู่หลินต้องการอยู่ ก่อนที่จะได้ตำรับยานั้นมา หวงฝู่หลินต้องการให้อาอวี๋ยังมีชีวิตอยู่ปี้ซงเป็นคนสนิทของหวงฝู่หลินจึงเข้าใจเจตนาของหวงฝู่หลินในทันที แล้วเอ่ยเสียงเรียบ “พ่ะย่ะค่ะ!”ปี้ซงรีบใช้นกพิราบส่งข่าวหาป้าวเฉิงอย่างรวดเร็วท่านน้าหลินแอบภูมิใจ หัวหน้าเสิ่นรับเครื่องประดับเหล่านั้นที่ตนให้เขาไปแล้ว จะต้องสังหารหลิงอวี๋แล้วอย่างแน่นอนแม้ว่าปี้ซงจะตามหาหลิงอวี๋กลับมาได้ หลิงอวี๋ก็เป็นศพไปแล้ว ไม่มีทางเป็นภัยคุกคามตำแหน่งของตนได้อีก“เสวี่ยเหมย เจ้านำศพปี้เอ๋อร์ไปฝังเถิด เด็กสาวผู้นี้เองก็เป็นคนที่น่าสงสารที่เจอคนมิดี!”ท่านน้าหลินแสร้งทอดถอนใจแล้วบอกหวงฝู่หมิงจูคือคนที่เสียใจที่สุดในจำนวนเหล่านี้ นางเชื่อใจอาอวี๋ถึงเพียงนั้น อาอวี๋หนีไปได้อย่างไร?หลักการที่ปกตินางสอนให้ตนในการเป็นคนนั้นเป็นของปลอมทั้งหมดเลยหรือ?หวงฝู่หมิงจูรู้สึกว่าตนถูกหักหลัง ในเวลาชั่วครู่นี้ นางได้รู้จักกับความเกลียดเป็นครั้งแรกแล้