งานเลี้ยงชมบุปผาเช่นนี้เป็นเรื่องของคนหนุ่มสาว ท่านอ๋องเฉิงมิเคยเข้าร่วมเลยแต่วันนี้องค์หญิงหกลากมาที่นี่ เซียวทงบอกว่าวันนี้นางจะเลือกราชบุตรเขยในงานชมบุปผา กลัวว่าตนเองยังเด็กยังมิรู้จักคนดีนัก จึงตั้งใจเชิญท่านอ๋องเฉิงมาช่วยตรวจสอบในช่วงนี้ไทเฮากับองค์จักรพรรดิอู่อันอันต่างก็กังวลเกี่ยวกับการแต่งงานของเซียวทง ครั้นทั้งสองได้ยินเรื่องนี้ ก็ขอให้ท่านอ๋องเฉิงมาช่วยตรวจสอบให้ด้วยท่านอ๋องเฉิงยากที่จะปฏิเสธคำเชิญได้จึงมาร่วมสนุกด้วยมีหรือที่หลิงอวี๋จะปล่อยให้องค์หญิงหกทำร้ายหลิงหว่านต่อ เมื่อเห็นท่านอ๋องเฉิงเอ่ยถามก็ก้าวไปเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังในที่สุดหลิงอวี๋ก็เอ่ย “องค์หญิงหกค้นตัวก็ค้นแล้ว พอค้นมิเจอก็ยังมิยอมเลิกรา ท่านอ๋องเฉิงโปรดทวงถามความยุติธรรมให้น้องสาวของหม่อมฉันด้วยเพคะ!”เซียวทงตะโกนด้วยความโกรธ “หากมิทำชั่วก็มิเห็นต้องกลัวสิ่งใด นางกำนัลค้นแล้วมิพบ แล้วค้นอีกรอบมิได้รึ?”เซียวหลินเทียนมองเซียวทงอย่างเย็นชา เขารู้ถึงความแค้นระหว่างเซียวทงกับหลิงอวี๋ดีเพียงแต่เขามิคาดคิดว่าน้องสาวของตนผู้นี้ จะแสดงอำนาจขององค์หญิงต่อหน้าครอบครัวขุนนางจำนวนมากเช่นนี้“น้องหก หาก
ท่านอ๋องเฉิงเป็นผู้บัญชาการขุนนางฝ่ายในของราชสำนัก มีกลอุบายใดบ้างเล่าที่เขามิเคยเห็น หลังจากที่คิดเชื่อมโยงในเรื่องนี้แล้ว ก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นเขารู้สึกหงุดหงิดอยู่ในใจ เซียวทงเป็นถึงองค์หญิงหก แต่ใช้วิธีการใส่ร้ายที่มิเป็นประโยชน์ต่อผู้ใดเลยแต่พอเห็นเซียวทงที่หน้าซีดแล้ว ท่านอ๋องเฉิงก็ไม่อยากให้เซียวทงเสียหน้าเซียวทงอับอาย และเป็นเรื่องที่ทั้งราชวงศ์อับอายด้วย!ท่านอ๋องเฉิงยิ้มบาง ๆ“เมื่อครู่องค์หญิงหกอาจทำจี้หยกหล่นหายจึงร้อนใจมากเกินไป มิได้ดูให้ชัดว่าเป็นจี้หยกของตนหรือไม่… ในเมื่อตอนนี้ทุกอย่างชัดเจนแล้ว เซียวทง เอาจี้หยกของเจ้ากลับไปสิ!”“ต่อไปก็อย่าไปทำตกที่ไหนอีก!”ทันทีที่เซียวทงได้ยินท่านอ๋องเฉิงช่วยนางโกหก ก็ยิ้มทันทีพลางเอ่ย “เพคะ หม่อมฉันร้อนใจมากก็เลยมองมิชัด!”นางหยิบจี้หยกจากในมือของท่านอ๋องเฉิงแล้วรีบเก็บไปหากจี้หยกนี้แตกไปจริง ๆ นางจะต้องถูกเสด็จพ่อดุเป็นแน่องค์ชายสามรุ่ยเซียวหลินเฉียนมองหลิงอวี๋อย่างประหลาดใจ ดวงตาเป็นประกายเล็กน้อยพระชายาอ๋องอี้ผู้นี้ ดูมิค่อยเหมือนกับที่ร่ำลือกันเลย!น่าสนใจ!หลิงอวี๋เข้าใจเจตนาของท่านอ๋องเฉิงที่จะปกป้อ
“เซียวทง ในเมื่อเจ้าสัญญาแล้ว เช่นนั้นก็ยกน้ำชาขอโทษไปเถอะ!”“เจ้าเชิญแขกมามากถึงเพียงนี้ การปล่อยให้พวกเขารอนั้นเสียมารมาทมากนะ!”ท่านอ๋องเฉิงตัดสินใจแล้วโบกมือให้นางกำนัลไปเอาน้ำชามาเซียวทงกัดฟัน ยังคงมิเต็มใจเท่าไหร่เมื่อฉินรั่วซือเห็นสิ่งนี้ก็ก้าวไปกระซิบข้างหูของนางสองสามประโยคสีหน้าของเซียวทงดีขึ้นเล็กน้อย แล้วมองหลิงอวี๋ได้ ข้าจักให้เจ้าได้ใจไปก่อน แล้วข้าขอจัดการเจ้าในภายหลัง!กระทั่งนางกำนัลเอาน้ำชามา เซียวทงก็รินชาอย่างดีแล้วมอบให้หลิงหว่านอย่างเย็นชา“คุณหนูหลิง ข้าขอโทษ ข้าเข้าใจเจ้าผิด! ข้าขอโทษเจ้าด้วยนะ!”หลิงหว่านตื่นเต้นมากจนแทบจะร้องไห้ออกมา!เดิมทีนางคิดว่าเรื่องความอับอายที่ได้รับในวันนี้คงจะพลิกกลับมาดีมิได้แล้ว เพราะว่าคนที่ทำให้นางอับอายคือองค์หญิงหกผู้เป็นที่โปรดปรานขององค์จักรพรรดิกับไทเฮา!คิดไม่ถึงว่าหลิงอวี๋จะช่วยตนเองแก้ปัญหาได้อย่างสมบูรณ์แบบ!ไม่เพียงเท่านั้น แต่หลิงอวี๋ยังบีบให้องค์หญิงหกยกน้ำชาขอโทษตนด้วย!อยากถามว่าผู้ใดในเมืองหลวงที่สามารถทำให้องค์หญิงผู้เป็นที่โปรดปรานขององค์จักรพรรดิมายกน้ำชาขอโทษได้ นอกเสียจากพี่สาวของตนผู้นี้!นอ
เห็นว่ากระโปรงนั้นบางราวกับปีกจักจั่นทั้งยังโปร่งแสงราวกับกระโปรงที่สตรีในหอนางโลมใส่ชุดกระโปรงเช่นนี้อย่าว่าแต่ใส่เต้นรำเลย แค่มองมากกว่าหนึ่งครั้งก็ถือว่าดูหมิ่นตนเองแล้วในสายตาของคุณหนูเหล่านี้!มีฮูหยินหลายคนขมวดคิ้ว องค์หญิงหกผู้นี้แย่จริง ๆ ชุดเช่นนี้จะสวมใส่ได้เยี่ยงไร!ท่านอ๋องเฉิงส่ายหัวอย่างหมดคำพูด เซียวทงไปเรียนรู้สิ่งนี้มาจากที่ใดกัน? ทำให้ราชวงศ์อับอายเสียจริง!เซียวหลินเทียนก็ขมวดคิ้วเช่นกัน เขามีลางสังหรณ์ว่าครั้งนี้เซียวทงจะมุ่งเป้าไปที่หลิงอวี๋!ชื่อเสียงของหลิงอวี๋ที่ขึ้นชื่อว่าไม่มีการศึกษาและโง่เขลาได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงแล้วแม้ว่าตอนนี้หลิงอวี๋จะเก่งเรื่องทักษะทางการแพทย์ แต่นางก็ไม่เก่งเรื่องดนตรี หมากรุก อักษรศิลป์ และการวาดภาพ!อันเจ๋อนั่งอยู่ข้าง ๆ เซียวหลินเทียน เขาเองก็ขมวดคิ้วเช่นกัน นอกจากนี้ ภาพที่เซียวทงทำให้หลิงหว่านลำบากใจเมื่อครู่เขาก็ได้เห็นแล้วเขาเหมือนกับเซียวหลินเทียน รู้สึกว่าการกระทำนี้ของเซียวทงมุ่งเป้าไปที่หลิงอวี๋หรือไม่ก็หลิงหว่าน!และมีคุณชายลามกหลายคนที่ดวงตาวาววับเมื่อเห็นชุดนั้น พวกเขาแทบรอไม่ไหวที่จะเห็นสตรีร่ายรำในชุดน
เมื่อหลิงอวี๋พบว่าไร้ทางหนีจึงเชิดปากยิ้มกล่าวว่า“องค์หญิงหก ในเมื่อมีบทลงโทษก็ควรมีรางวัลด้วยเพคะ! มิทราบว่ารางวัลคืออันใดเพคะ?”“มีการแข่งขันสี่รายการ ได้แก่ ดนตรี หมากล้อม อักษรศิลป์และการวาดภาพ การปฏิเสธสิ่งใดสิ่งหนึ่งบทลงโทษคือสุราสามจอก สำหรับรางวัลขององค์หญิงพึงควรเป็นสิ่งล้ำค่าจึงจะกระตุ้นให้ทุกคนมีส่วนร่วมเพคะ!”“องค์หญิงหกทรงได้รับความเอ็นดูอันลึกซึ้งจากองค์จักรพรรดิ แน่นอนว่าต้องมีของล้ำค่ามากมายที่เรามิเคยพบ ได้โปรดองค์หญิงนำของมีค่าสี่ชิ้นมาเป็นรางวัลเถิดเพคะ!”“หม่อมฉันคิดว่าปิ่นบนพระเศียรองค์หญิงนั้นงามนัก มิสู้องค์หญิงเอามาเป็นรางวัลเล่าเพคะ?”เมื่อหลิงอวี๋เอ่ยเช่นนี้ เซียวทงก็แตะปิ่นที่ปักบนศีรษะโดยสัญชาตญาณครั้นนึกถึงคุณค่าของปิ่น เซียวทงก็ค่อนข้างลังเลใจ“องค์หญิงหกคงตัดใจจากปิ่นอันนี้มิได้! หรือว่าปิ่นที่ดีที่สุดในตำหนักขององค์หญิงมีแค่อันนี้ ไม่มีปิ่นดี ๆ อันอื่นอีกแล้วหรือเพคะ?”“หากองค์หญิงตัดใจมิได้ก็ช่างเถิด… เป็นหม่อมฉันพลั้งปากไปเองเพคะ!”หลิงอวี๋กล่าวด้วยยิ้มตาหยีเมื่อเซียวทงถูกหลิงอวี๋ปลุกปั่นก็พลันร้องเรียกทันควัน “ผู้ใดตัดใจมิได้กัน…! รางวัลช
“หม่อมฉันว่าสร้อยไข่มุกบนคอองค์หญิงหกช่างพิเศษนัก จี้สีเขียวนั่นทำจากวัสดุกระไรเพคะ? ดูมีระดับยิ่งนัก!”หลิงอวี๋กล่าวพลางยิ้มตาหยี “องค์หญิงหกเพคะ สร้อยไข่มุกเส้นนี้นำมาเป็นรางวัลชิ้นที่สามได้หรือไม่เพคะ?”เซียวทงปิดจี้หินโมราเขียวโดยสัญชาตญาณนี่คือของที่องค์จักรพรรดิยึดได้จากสนามรบข้าศึกแห่งฉีตะวันออกในคราก่อน ซึ่งมันมีมูลค่ามหาศาล!นางตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ไม่ว่าหลิงอวี๋จะพูดอะไรนางจะไม่นำสร้อยหินโมราเขียวมาเป็นรางวัลเด็ดขาดสิ่งนี้นางกะจะเก็บไว้เป็นสินเดิมในอนาคต!เซียวทงยังไม่ทันเอื้อนเอ่ย หลิงอวี๋พลันพูดว่า “องค์หญิงหกได้รับความเอ็นดูจากองค์จักรพรรดิและไทเฮาโดยแท้!”“เครื่องประดับที่ดูธรรมดาบนพระวรกายล้วนคือของล้ำค่าหายากทั้งสิ้น ในพระตำหนักขององค์หญิงยังต้องมีสมบัติหายากอีกมากโขเป็นแน่!”“องค์หญิงหก สร้อยไข่มุกเส้นนี้ท่านนำมาเป็นรางวัลเถิดเพคะ! โปรดอย่าเสียดายไปเลย… พวกเราต่างไม่เคยพบเห็นสมบัติดี ๆ ขนาดนี้มาก่อน ได้โปรดท่านมอบประสบการณ์แก่เราด้วยเถิด!”“เห้อ เมื่อเทียบกับท่าน พวกเราช่างต่ำต้อยเกินไป! เราไม่มีกระทั่งเครื่องประดับดี ๆ สักชิ้นด้วยซ้ำเพคะ!”หลิงอวี๋เสแสร้งทอด
ครั้นหลิงอวี๋พบว่าบรรลุเป้าหมายก็ปรบมือทั้งกล่าวยิ้ม ๆ “ข้าว่าแล้วเชียว องค์หญิงต้องมีเครื่องประดับมากมาย พี่ ๆ น้อง ๆ ทั้งหลาย ผู้ใดที่คว้าชัยได้จักต้องขอบพระทัยองค์หญิงหกเป็นแน่!”หลิงอวี๋เชิดริมฝีปาก หัวใจเซียวทงเต้นรัวทันใด สีหน้าผกผันไปเล็กน้อย ราวกับกลัวว่าหลิงอวี๋จะเล็งเครื่องประดับบางอย่างของตนอีกบนตัวเซียวทงไม่มีของล้ำค่าอะไรเหลือแล้ว ยกเว้นหยกห้อยเอวชิ้นนั้นที่องค์จักรพรรดิมอบให้ หรือนางจะเอาหยกห้อยเอวไปเป็นรางวัลอีกเล่า?“เป็นไปมิได้เด็ดขาด!”หากหลิงอวี๋กล้าขอหยกห้อยเอวเป็นรางวัลอีก นางจะชักสีหน้าใส่นางเดี๋ยวนี้เลย!เมื่อหลิงอวี๋เห็นสีหน้าเซียวทงเป็นสีเขียวก็ยิ้มน้อย ๆ กล่าวอย่างใส่ใจ“องค์หญิงหกนำสมบัติล้ำค่าออกมามากปานนี้แล้ว สำหรับชิ้นที่สี่ก็ให้คนอื่นออกแทนเถอะเพคะ!”หลิงอวี๋มองทางจ้าวเจินเจิน กล่าวพลางยิ้มตาหยีว่า“เมื่อครู่องค์หญิงหกตรัสว่าภาพเขียนของพี่สะใภ้รองไร้ผู้ใดเทียม หลิงอวี๋จำได้ว่าพี่สะใภ้รองได้ที่หนึ่งของงานบุปผาในปีที่แล้ว ทั้งยังลือว่าผู้ที่ได้ที่หนึ่งนั้นได้รับรางวัลเป็นมงกุฎดอกโบตั๋น!”“ว่ากันว่ามงกุฎดอกโบตั๋นได้รับการสนับสนุนจากตระกูลกวนในคร
เซียวทงถลึงมองหลิงอวี๋พลางกล่าวเหลืออด“พี่สะใภ้สี่ช่างรอบคอบจริง ๆ! โปรดวางใจ ตัวข้าเตรียมผู้ตัดสินไว้เรียบร้อย! ผู้ที่รับเชิญมาทั้งสี่ในวันนี้ต่างคือปรมาจารย์ทั้งสิ้น!”“ด้านศิลปะดีดพิณคือแม่นางชางหัวหน้านักดนตรีแห่งวังหลวง… ด้านหมากล้อมคือหลวงจีนอวี๋ ด้านอักษรศิลป์คือหลวงจีนซุนอดีตประมุขแห่งสำนักเยวี่ยลู่ ส่วนด้านวาดภาพคือแม่ชีเฉินแห่งสำนักชิงเถิง”เมื่อวาจานี้ขององค์หญิงหกได้เอื้อนเอ่ยก็ดึงดูดความปั่นป่วนทันที ปรมาจารย์ทั้งสี่ท่านต่างคือผู้อาวุโสมากชื่อแห่งลัทธิเต๋าแม่นางชางเชี่ยวชาญเครื่องดนตรีหลายประเภท และมีหูที่แหลมคมจนชวนคนอิจฉานางสามารถจับผิดจังหวะของเครื่องดนตรีได้ทุกประเภทท่ามกลางเสียงอันวุ่นวายส่วนหลวงจีนอวี๋ที่อายุหกสิบในปีนี้ เขาเริ่มเรียนหมากล้อมตั้งแต่สามขวบ และเมื่ออายุได้ยี่สิบปีก็ไม่มีคู่ต่อสู้คนใดในแผ่นดินคว่ำเขาลงหลวงจีนซุนอดีตประมุขแห่งสำนักเยวี่ยลู่เป็นผู้เชี่ยวชาญมีชื่อด้านอักษรศิลป์ เขาไม่เพียงช่ำชองลายมือหลายแบบ แต่เขายังมีลายเส้นโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอีกด้วยที่ยิ่งสำคัญกว่านั้นคือ หลวงจีนซุนอบรมบ่มเพาะศิษย์มาทั้งชีวิต และลูกศิษย์ก็มีทั่วทุ
สิ่งที่เถาจื่อคิดได้ จงเจิ้งเฟยก็คิดได้เช่นกัน นางห้ามมิให้เถาจื่อพูดต่อก็เพราะกังวลว่าหลิงอวี๋จะกลัวหากเป็นเช่นนี้ยังมิทันได้เริ่มการประลอง ขวัญกำลังใจของหลิงอวี๋คงได้ตกต่ำลงไปก่อนแล้วถึงอย่างไรการประลองครั้งนี้ก็มิสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เช่นนั้นก็พูดให้น้อยลงหลิงอวี๋จะได้กังวลน้อยลงกลุ่มพวกนางจึงล้อมรอบหลิงอวี๋ไว้แล้วเดินไปทางหอปรุงโอสถหอปรุงโอสถมีคนเบียดเสียดกันจนเต็มพื้นที่ มิเพียงแต่คนของหอปรุงโอสถเท่านั้นที่มาชม แต่คนของหออื่น ๆ ก็มากันทั้งหมดเป็นดังที่เย่หรงคาดเอาไว้ พ่อแม่ของเหมียวหยางก็มาเช่นกัน ทั้งยังใช้เกี้ยวแบกเหมียวหยางเข้ามาด้วยเมื่อเห็นว่าหลิงอวี๋มาแล้วเหล่าบัณฑิตของหอโอสถไป๋เป่าก็ด่าทอขึ้นมา“สิงอวี๋ เหตุใดเจ้าจึงโหดร้ายเช่นนี้ เจ้าดูเสีย เจ้าทำให้ศิษย์พี่ของข้าทรมานจนเป็นอย่างไรไปแล้ว?”“ร่างกายของเขาเน่าเปื่อยไปหมด มีไข้สูงอยู่ตลอด ชีวิตของเขาแขวนอยู่บนเส้นด้ายแล้วเจ้าก็ยังมิยอมให้ยาแก้พิษแก่เขา จิตใจช่างชั่วร้ายนัก!”เกี้ยวที่เหมียวหยางนั่งอยู่เปิดม่านขึ้น เขาเอนตัวนั่งพิง ตุ่มน้ำที่เต็มใบหน้านั้นก็เน่าเปื่อยจนมองมิเห็นถึงสภาพในอดีตแล้วฮูหยินเหมียวอยู
เช้าวันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋ตื่นขึ้นมาและกำลังคิดว่าจะไปทำอาหารเช้า แต่ไป๋อวี้ดันวิ่งออกมาพร้อมรอยยิ้มแล้วก็เอ่ยขึ้นมา “แม่นางสิง มิต้องทำอาหารเช้าแล้ว ท่านหญิงบอกว่านางจะส่งอาหารเช้ามาให้!”เป็นดังที่คาด ไป๋อวี้ยังพูดมิทันจบก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นแล้วไป๋อวี้จึงวิ่งไปเปิดประตู และเมื่อหลิงอวี๋เห็นคนที่ยืนอยู่หน้าประตูก็ตกตะลึงไปมิเพียงแต่หลงเพ่ยเพ่ยเท่านั้นที่มา เหลยเหวิน จงเจิ้งเฟย อู่เถาและคนอื่น ๆ ล้วนมากันทั้งหมด“ศิษย์พี่หญิง พวกเรามากินอาหารเช้ากับเจ้า กินเสร็จแล้วเราก็ไปสำนักศึกษาชิงหลงด้วยกันเลยเถิด!”พวกเหลยเหวินพากันเดินเข้าไปพร้อมกับกล่องอาหารเรื่องการประลองพวกนางมิสามารถช่วยหลิงอวี๋ได้ พวกนางจึงใช้วิธีนี้เพื่อบอกกับหลิงอวี๋ว่านางมิได้ตัวคนเดียวหลิงอวี๋เผยยิ้มเล็กน้อย นางรู้สึกซาบซึ้งยิ่งนักนางมิได้ตัวคนเดียว นางยังมีสหาย!“สิงอวี๋ ข้าซื้ออาหารเช้าจากภัตตาคารที่ดังที่สุดในเมืองหลวงแดนเทพมาให้เจ้าทั้งหมดเลย รับน้ำใจไว้เถิด กินให้มาก ๆ นะ!”หลงเพ่ยเพ่ยเองก็จัดเตรียมอาหารเช้าออกมาอย่างกระตือรือร้นไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องการประลอง แล้วก็แย่งกันส่งชามและตะเกียบให้หลิง
หา!เย่ซื่อฝานตกตะลึง ตกใจกับคำพูดของท่านผู้เฒ่าเย่จนพูดมิออกหลิงอวี๋ชะงักไปครู่หนึ่ง แต่หัวใจกลับสงบลงทันทีเจ้าวังเทียนจีก็คืออาจารย์ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย หลงอิงและแม้กระทั่งเฉียวเค่อ จุดประสงค์ในการลงจากภูเขาของพวกเขามิแน่ว่าจะมาเพื่อช่วยไป่หลี่ไห่!พวกเขามาเพื่อหลิงอวี๋ต่างหาก!แต่หลิงอวี๋ก็คือตนเอง!สิ่งนี้ไป ๆ มา ๆ ก็ล้วนมาเพื่อจัดการกับตนกันทั้งนั้น ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือตอนนี้พวกเขายังมิรู้ว่าเป้าหมายที่พวกเขาต้องการจัดการนั้นคือคนคนเดียวกัน!ส่วนทางท่านผู้เฒ่าเย่ เนื่องจากความสัมพันธ์ของหลงอิงและจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเขาจึงเข้าใจผิดคิดว่าคนของวังเทียนจีมาเพื่อช่วยเหลือไป่หลี่ไห่“ใต้หล้านี้เปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ เหตุใดจึงเต็มไปด้วยคนที่ไร้ยางอายมากถึงเพียงนี้!”ท่านผู้เฒ่าเย่ทั้งกังวลทั้งโกรธ ต่อหน้าหลิงอวี๋มิอาจพูดออกไปได้ ทว่าก็แอบบ่นอยู่ในใจนี่สวรรค์ต้องการทำลายตระกูลเย่หรือไร?“ท่านพ่อ ท่านบอกว่าเชิญคนมาเพื่อดูแลเรื่องความยุติธรรมมิใช่หรือ?”เย่ซื่อฝานเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความหวัง“ข้าไปเชิญแล้วแต่เขามิอยู่ ข้าจึงทิ้งข้อความไว้ หากเขาได้รับข้อความ วันพรุ่งเขาก็คงจะมา!
มิรู้ว่าเพราะเหตุใด เมื่อคิดได้ว่าหลิงอวี๋อาจจะเข้าร่วมในเรื่องนี้ เผยอวี้กับฉินซานก็ล้วนมิรู้สึกว่าจะมีอะไรผิดปกติแม้ว่าหลิงอวี๋จะสูญเสียความทรงจำไป แต่นางก็มิได้สูญเสียความมีเหตุผล ความฉลาดและความใจดีไปด้วย ในเมื่อนางสนับสนุนเย่หรง เช่นนั้นพวกเขาก็จะเห็นแก่นางและช่วยเย่หรงเช่นกันเซียวหลินเทียนก็มีความคิดเช่นเดียวกัน เรื่องที่หลิงอวี๋ทำล้วนมีเหตุผลของนาง หากนางเข้าร่วมแผนการแหกคุกของเย่หรง เช่นนั้นเขาก็ต้องปกป้องคนเหล่านี้ให้ปลอดภัย“ให้สือหรงไปทำความเข้าใจการจัดการคุกน้ำที่สระเก้ามังกรมาให้ละเอียด การประลองของหลิงอวี๋กับไป่หลี่ไห่ในวันมะรืนนี้จะต้องก่อให้เกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่อย่างแน่นอน… ข้ารู้สึกว่าหลิงอวี๋จะมิอยู่ในเมืองหลวงแดนเทพอีกต่อไปแล้ว!”“ก่อนที่นางจะไป นางจะต้องคิดวิธีช่วยเย่หรงช่วยท่านแม่ของเขาออกมาเป็นแน่ พวกเราจะปล่อยให้นางตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากมิได้!”“พ่ะย่ะค่ะ!”เผยอวี้และฉินซานต่างรู้สึกได้ว่าพายุใกล้เข้ามาแล้ว การประลองครั้งนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนหนึ่งที่จะตัดสินว่า พวกเขาจะไปหรือจะอยู่ จะรอดหรือจะตายหลังจากที่ทั้งสองคนไปแล้ว เซียวหลินเทียนก็ตกสู่ห้ว
ฉินซานรู้สึกสนใจขึ้นมา “หืม มีผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้ด้วยหรือ หลังจากนี้หากมีโอกาสก็แนะนำให้ข้ารู้สึกหน่อยสิ!”เซียวหลินเทียนต้องการคนที่มีความสามารถในเมืองหลวงแดนเทพจำนวนมาก หากมีผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้ แล้วแนะนำให้เขา เขาจะต้องดีใจมากแน่ ๆ“วันหลังเจ้าก็จะได้พบกับนาง!”เย่หรงยังคงต้องการความช่วยเหลือจากฉินซานเรื่องช่วยท่านแม่ ถึงเวลานั้นค่อยแนะนำเสี่ยวชีให้เขารู้จักทั้งสองคนคุยเรื่องรายละเอียดกันอีกครั้ง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีข้อผิดพลาดใด ๆ แล้วพวกเขาก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปดำเนินการฉินซานกลับไปที่คฤหาสน์อู่ และบอกเรื่องความคิดของเย่หรงให้เซียวหลินเทียนกับเผยอวี้ฟังเผยอวี้กำหมัดชกมืออีกข้างหนึ่งของตนอย่างตื่นเต้น แล้วตะโกนขึ้นมา “สวรรค์… หากเย่หรงผู้นี้มิไปเป็นโจรก็ช่างน่าเสียดายจริง ๆ!”“มีความกล้าหาญมีกลอุบาย ทั้งยังคิดแผนการได้เหนือความคาดหมายเช่นนี้ หากทำมิสำเร็จก็คงจะรู้สึกผิดต่อเขาแล้ว!”ความสนใจของเซียวหลินเทียนอยู่ที่ประโยคสุดท้ายที่ฉินซานกับเย่หรงคุยกัน“เย่หรงบอกว่า เขาได้รับแรงบันดาลใจจากคนผู้หนึ่งมาหรือ?”ฉินซานพยักหน้าอย่างมิรู้ตัว “เขาบอกเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ!”มุมปากของเ
เย่หรงยิ่งคิดก็ยิ่งสนใจ ฉินซานสามารถบอกความลับเรื่องการปล้นให้ตนฟังได้ หากว่าตนช่วยให้พวกเขาบรรลุเป้าหมาย เช่นนั้นก็จะเป็นการสร้างพันธมิตรโดยปริยาย“ข้าต้องการแค่สองส่วนเท่านั้น!”เย่หรงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยออกมาด้วยเสียงเรียบนิ่ง “ส่วนอีกสองส่วน ก็ถือเสียว่าเป็นค่าตอบแทนที่ข้าให้พวกท่านล่วงหน้า!”“พี่อู่ ข้าก็มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ต้องการให้พวกท่านช่วยเช่นกัน จัดการเรื่องนี้ให้สำเร็จก่อนแล้วข้าค่อยบอกท่านก็แล้วกัน!”เมื่อฉินซานเห็นว่าเย่หรงตกลง เขาก็เอ่ยออกไปทันที "พี่หรงเต็มใจที่จะช่วยพวกเรา หากท่านมีความยากลำบากใด พวกเราก็จะช่วยโดยมิลังเลเช่นกัน!”“เช่นนั้นก็ตกลงกันตามนี้ จัดการเรื่องนี้ก่อนค่อยว่ากัน!”“วันมะรืนคือวันที่เสี่ยวชีกับไป่หลี่ไห่จะประลองกัน พี่หรง ตระกูลเหมียวกำลังเตรียมเงินที่จะมอบให้ไป่หลี่ไห่ พวกเราต้องลงมือชิงมาก่อนที่ตระกูลเหมียวจะส่งเงินให้ไป่หลี่ไห่!”“มิเช่นนั้นหากเงินไปที่บ้านของไป่หลี่ไห่แล้วจะยุ่งยากเอาได้!”สมองของเย่หรงก็ครุ่นคิดเช่นกันฉินซานพูดถูก ตระกูลเหมียวบรรจุเงินลงกล่องแล้วแต่ยังมิได้ขนย้ายไป เวลานี้คือโอกาสในการปล้นที่ดีที่สุดหากส่งไปถึ
ก่อนการประลองจะสิ้นสุดลง?ฉินซานกับเผยอวี้ได้ยินคำพูดของเซียวหลินเทียนแล้วก็มองหน้ากันไปมาเผยอวี้อยากจะร้องไห้มิใช่เพราะเซียวหลินเทียนให้เวลาพวกเขาน้อยเกินไปหรอก!แต่ว่า ในฐานะที่เขาเป็นแม่ทัพใหญ่ของแคว้น เขาจะต้องตกต่ำจนกลายเป็นโจรปล้นทรัพย์หรือ?ฝ่าบาท นี่คือการลงโทษที่พวกเราประมาทจนทำให้สิงจั๋วถูกแก้แค้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?ฉินซานมิได้ “อ่อนไหว” ดังเช่นเผยอวี้ เมื่อเขาได้รับบัญชาจากเซียวหลินเทียนมา สมองของเขาก็ครุ่นคิดในทันทีมีเวลาเพียงแค่หนึ่งวันกว่าเท่านั้น จะไปชิงทรัพย์สินของตระกูลเหมียวมาโดยที่มิถูกจับได้ได้อย่างไร?ฉินซานมิได้รู้สึกว่าเซียวหลินเทียนกำลังลงโทษพวกเขา เขาเข้าใจว่าคำสั่งของเซียวหลินเทียนเป็นการระบายความโกรธแทนหลิงอวี๋และสิงจั๋วแต่ฉินซานและเผยอวี้ต่างก็เป็นแม่ทัพของราชสำนัก พวกเขามิเคยทำเรื่องการปล้นมาก่อน พวกเขาจึงมิรู้ว่าจะเริ่มลงมือจากที่ใดทั้งสองคนอับจนหนทาง คิดแผนไว้สองสามแผนแต่ก็รู้สึกว่ามิเหมาะสมสักแผนแล้วจู่ ๆ ฉินซานก็นึกถึงเย่หรงขึ้นมา ช่วงนี้เย่หรงกำลังคิดวิธีหาเงินอยู่ ฉินซานมีสัญชาตญาณบางอย่างว่าเย่หรงจะต้องกำลังวางแผนอะไรบางอย่างอยู่เป็นแน่
วันนี้ทั้งวันที่สำนักศึกษาชิงหลงต่างก็พูดกันว่า สิงอวี๋จากหอปรุงโอสถจะประลองวิชาพิษกับไป่หลี่ไห่สำหรับการประลองนี้ มีข่าวลือต่าง ๆ นานาที่เล่าต่อกันไปทั่วมีข่าวลือบางส่วนบอกว่า สิงอวี๋มิรู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ อาศัยว่ามีความสามารถในการแยกแยะเครื่องยาสมุนไพรที่แข็งแกร่งแล้วไปท้าทายอำนาจของไป่หลี่ไห่เมื่อบัณฑิตจากหอโอสถไป๋เป่าและหอโอสถซ่างกู่ทั้งสองชั้นเรียนได้ยินข่าวนี้ พวกเขาก็ตั้งตนเป็นฝ่ายตรงข้ามกันทันที แล้วก็เริ่มด่าทอกันขึ้นมาในสำนักย่อยบัณฑิตของหอโอสถซ่างกู่ด่าทอไป่หลี่ไห่ว่าไร้ยางอาย เป็นผู้ใหญ่มารังแกเด็กถึงอย่างไรสิงอวี๋ก็เป็นบัณฑิตใหม่ที่เพิ่งเข้าเรียนได้มิถึงเดือน ส่วนไป่หลี่ไห่เป็นปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงมานานแล้ว การที่ปรมาจารย์ท้าประลองกับศิษย์น้อยนั้น ต่อให้ชนะก็ดูมิสง่างามหรอกเหลยเหวินและจงเจิ้งเฟยก็โกรธมากเช่นกัน ทั้งสองคนรู้เรื่องที่สิงจั๋วพี่ชายของสิงอวี๋ถูกตระกูลเหมียวแก้แค้นแล้วเหลยเหวินจึงเปิดเผยเรื่องนี้ต่อหน้าธารกำนัล แล้วนางก็ตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธ “ปรมาจารย์ไป่หลี่มิรู้หรือว่าศิษย์ของตนมีนิสัยอย่างไร? หากมิใช่เพราะเหมียวหยางไปทำลายบ้านของศิษย์พี่ห
“ตกลง ข้าจะเข้าร่วมการประลอง!”หลิงอวี๋เอ่ยออกมาอย่างแน่วแน่เย่ซื่อฝานและท่านผู้เฒ่าเย่ต่างสบตากัน พวกเขารู้ดีว่าเสี่ยวชีหนีมิพ้นการประลองในครั้งนี้ ทว่าเสี่ยวชีจะชนะได้จริงหรือ?หลายปีมานี้ตระกูลเย่กับหอโอสถไป๋เป่าต่อสู้กันอย่างเปิดเผย และพวกเขาก็รู้จักคนของไป่หลี่ไห่ดีที่สุดการประลองที่ดูเปิดเผยนี้ ลับหลังอาจจะซ่อนเจตนาฆ่ามิรู้จบเอาไว้ก็ได้!ไป่หลี่ไห่ได้สูญเสียคนไปแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นหากมิได้เตรียมตัวมาอย่างดีเขาไม่มีทางเสนอการประลองเช่นนี้เป็นอันขาด!หลงเพ่ยเพ่ยออกไปก่อน แต่พ่อลูกตระกูลเย่ยังอยู่ ทั้งสองต่างก็มองหลิงอวี๋ด้วยความกังวลหลังจากผ่านไปสักพัก ท่านผู้เฒ่าเย่ก็เอ่ยขึ้นก่อน “เสี่ยวชี เจ้าต้องเตรียมใจเอาไว้ด้วย นี่มิใช่การประลองที่ยุติธรรมเป็นแน่!”“ไป่หลี่ไห่มีกลอุบายมากมาย หากเขามิมั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะเจ้าได้เขาไม่มีทางเสนอการประลองหรอก!”หลิงอวี๋คิดเอาไว้แล้ว นางจึงเอ่ยออกไปเรียบ ๆ “ท่านผู้อาวุโส ข้ารู้ แต่ข้าไม่มีทางให้ถอยแล้วเจ้าค่ะ!”หากมิเข้าร่วมก็จะมิได้เห็ดหยก ทั้งยังต้องชดใช้เหมียวหยางด้วยชีวิตอีกนางสามารถต่อสู้กับเหมียวหยางได้ และสามารถต่อสู้กับไ