หลายวันผ่านไปอย่างราบเรียบก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนยังกังวลว่าหลิงอวี๋กับคนของนางจะออกไปทำลายชื่อเสียงของจ้าวเจินเจินอยู่เลยเขายังเจาะจงให้จ้าวซวนจับตาดูความเคลื่อนไหวของทุกคนในเรือนบุหงาไว้ด้วยแต่ผ่านมาหลายวันแล้ว ภายนอกก็ยังคงเงียบสงบ ไม่มีข่าวลือใดแพร่ออกไป เซียวหลินเทียนถึงได้สบายใจไม่ว่าหลิงอวี๋จะฟังคำเตือนของเขาหรือไม่ หรือว่ามีมโนธรรมว่าจะไม่พูดออกไป เซียวหลินเทียนก็ยอมรับในสิ่งนี้วันนี้เซียวหลินเทียนเพิ่งจะอาบน้ำสมุนไพรเสร็จ ครั้นแต่งตัวออกมา ลู่หนานก็เอาจดหมายฉบับหนึ่งมาให้เขาพอเซียวหลินเทียนเห็นลายมือที่คุ้นเคยนั้น ก็ใจสั่น รีบเปิดมันออกมาจดหมายนี้เขียนโดยจ้าวเจินเจิน เซียวหลินเทียนกังวลว่าจะมีข่าวลือแพร่ออกไปส่งผลกระทบต่อนางหรือไม่แต่พอเปิดจดหมายอ่าน เซียวหลินเทียนก็โล่งใจจ้าวเจินเจินแสดงความขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้นวันนั้น บอกว่าตนเวียนหัวกะทันหัน ถึงได้ทำสิ่งที่น่าละอายเช่นนั้นลงไปวันนี้นางตั้งใจเตรียมสุราอาหารไว้ที่ศาลารงรอง อยากจะขอโทษสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น“ท่านพี่สี่ ท่านต้องมานะ! นี่นับว่าเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจักได้พบกันตามลำพัง…”“จากนี้ไ
“ท่านพี่สี่ หม่อมฉันดื่มแล้ว ท่านพี่มิดื่มหรือ?”จ้าวเจินเจินมองเซียวหลินเทียนอย่างใจเย็นเซียวหลินเทียนหยิบจอกสุราขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ พลางเอ่ยอย่างขมขื่น “เช่นนั้น… ข้าก็ขอให้เจ้ามีความสุข!”เขายกดื่มหมดในอึกเดียว“ท่านพี่สี่… มา กินข้าวกันเถิด...”จ้าวเจินเจินกำลังจะนั่งลง จู่ ๆ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้พลางเอ่ย“ท่านพี่รอข้าสักครู่นะ หม่อมฉันลืมเอาสุราที่จะให้ท่านพี่เข้ามา หม่อมฉันออกไปเอาก่อน!”ยังไม่ทันที่เซียวหลินเทียนจะพูดอะไร จ้าวเจินเจินก็วิ่งออกไปแล้วเซียวหลินเทียนมองอาหารที่เต็มโต๊ะล้วนเป็นของโปรดของเขาทั้งหมด!ผ่านไปหลายปีแล้ว จ้าวเจินเจินก็ยังคงจำความชอบของเขาได้อยู่!เซียวหลินเทียนจ้องมองไปเรื่อย ๆ แล้วภาพตรงหน้าก็พร่ามัวไปเล็กน้อยทันใดนั้น ความรู้สึกแสบร้อนก็พุ่งขึ้นมาจากช่องท้องส่วนล่าง ความแปลกประหลาดเช่นนั้นทำให้เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติในทันทีแต่เซียวหลินเทียนก็ยังไม่อยากจะเชื่อ จ้าวเจินเจินจะลอบวางแผนจัดการตนได้ลงหรือ?เหตุใดนางถึงทำเช่นนี้?หรือว่านางยังมิยอมแพ้ อยากทำเช่นนั้นกับตน?ความรู้สึกแสบร้อนบนร่างกายของเซียวหลินเทียนรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้น
องค์ชายคังถอนหายใจโล่งอกทันทีแต่ไม่นานสีหน้าของเขาก็มืดมนไปอีกครั้งเขาเพิ่งคิดที่จะแต่งงานให้กวนอิ่งมาเป็นพระชายารองของเขา แต่กวนอิ่งมาทำเรื่องบัดสีอยู่กับเซียวหลินเทียน!หรือว่าเซียวหลินเทียนเองก็กำลังสอดแนมทรัพย์สินของกวนอิ่ง อยากจะแต่งงานให้กวนอิ่งมาเป็นพระชายารองเช่นกัน?“เสด็จพี่สอง...”เซียวหลินเทียนเห็นชัดแล้วว่าคนที่มาคือองค์ชายคัง พอเห็นเขาจ้องมองตนอย่างโกรธเกรี้ยวด้วยสีหน้าไม่ดี ก็เอ่ย“นี่มันเป็นความเข้าใจผิด… ข้าถูกคนวางแผนร้าย!”กวนอิ่งกระอักเลือดออกมาแล้วก็ได้สติขึ้นมากพอเงยหน้าขึ้นเห็นองค์ชายคังมา กวนอิ่งก็ตกใจจนเหงื่อท่วมตัวนางวิเคราะห์อย่างรวดเร็ว เรื่องวันนี้จ้าวเจินเจินวางแผนจัดการตน เพื่อมิให้ตนเองได้เป็นพระชายารององค์ชายคัง!นางอยากจะเล่นตามน้ำแล้วแต่งงานกับเซียวหลินเทียนรักเก่าของนางแต่ก่อนหน้านี้นางทำให้เซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋ขุ่นเคืองไปหนักมาก หากนางตกไปอยู่ในเงื้อมมือของเซียวหลินเทียนกับภริยาของเขา นางจะต้องตายทั้งเป็นอย่างแน่นอน!สู้ถือโอกาสนี้ใช้ความโลภต่อทรัพย์สินในมือตนของเสี่ยวหลินอี้มากำจัดเซียวหลินเทียนดีกว่า!กวนอิ่งมิรอให้เซียวหลินเ
ขณะที่จ้าวเจินเจินกำลังกังวลว่าองค์ชายคังจะสงสัยตนเองจริง ๆ ก็ได้ยินเซียวหลินเทียนตะโกนอย่างเย็นชา “พอแล้ว!”“เสด็จพี่สอง กวนอิ่งเป็นสุนัขบ้า จะจับใครก็ไล่กัดคนนั้น!”“คำพูดของคนเช่นนี้จะเห็นเป็นจริงมิได้หรอก หากเสด็จพี่อยากรู้ความจริงก็ไปแจ้งทางการเถิด!”เซียวหลินเทียนกล้าเดิมพันว่าองค์ชายคังไม่มีทางไปแจ้งทางการหรอกสิ่งที่กวนอิ่งทำกับกวนผิงก่อนหน้านี้ทำให้ไทเฮากับองค์จักรพรรดิมิพอพระทัยแล้ว!หากองค์ชายคังยังอยากแต่งงานกับกวนอิ่ง ก็จะมิกล้าทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่หรอก!พอจ้าวเจินเจินได้ยินเซียวหลินเทียนหยุดกวนอิ่งไว้มิให้มาแว้งกัดตนก็ลอบถอนหายใจโล่งอกเซียวหลินเทียนยังคงมีความรู้สึกต่อตนอยู่จริง ๆ แม้ว่าตนจะวางแผนจัดการเขา แต่เขาก็มิได้พูดเรื่องของนางออกไปเพื่อชื่อเสียงของนาง!จ้าวเจินเจินมองไปทางองค์ชายคังอย่างเงียบ ๆ ภาวนาขออย่าให้องค์ชายคังเชื่อคำพูดของกวนอิ่ง แล้วรีบปล่อยเซียวหลินเทียนไปเสีย!มิฉะนั้นหากไปแจ้งทางการจริง ๆ แม้ว่าเซียวหลินเทียนจะอยากปกป้องตน แต่สิ่งที่นางทำก็ไม่มีทางจะตรวจไม่พบ!บัดนี้จ้าวเจินเจินไม่มีกะจิตกะใจที่จะวางแผนจัดการเซียวหลินเทียนกับกวนอิ่งแ
“อิ่งเอ๋อร์ ข้าจักมิสนใจเจ้าได้เยี่ยงไรเล่า!”องค์ชายคังกอดกวนอิ่งอย่างอ่อนโยน พลางหันกลับมากับเอ่ยกับเส้าเจิ้งซาน“ท่านลุง ท่านพาพวกเขาไปที่ห้องส่วนตัวห้องอื่นก่อนเถิด! อีกประเดี๋ยวข้าจักตามไป!”“องค์ชาย… องค์ชาย...”กวนอิ่งทนไม่ไหวแล้ว ยังไม่ทันที่พวกเส้าเจิ้งซานจะออกไป นางก็ฉีกทึ้งอาภรณ์ขององค์ชายคังอย่างบ้าคลั่ง ปากก็ร้องครวญครางไปเรื่อยเปื่อยคนของราชการเห็นดังนั้นก็หน้าแดงเขินอายทันที ไม่รอให้เส้าเจิ้งซานเอ่ยเรียก พวกเขาก็วิ่งออกไปแล้ว“เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ห้ามผู้ใดแพร่งพรายเด็ดขาด!”เส้าเจิ้งซานเดินตามออกมาแล้วปิดประตูพลางเอ่ยเตือนทุกคนที่อยู่ตรงนั้นอย่างดุร้ายเขาเป็นลุงขององค์ชายคัง ไม่อยากให้เรื่องนี้แพร่กระจายแล้วส่งผลกระทบต่อองค์ชายคัง!บริกรตกใจกลัวจนตัวสั่นไปหมด และพยักหน้าพวกคนของราชการยังคงต้องพึ่งพาองค์ชายคังอยู่พลันรีบพยักหน้ารับปากทันใดจ้าวเจินเจินเห็นภาพกวนอิ่งฉีกทึ้งอาภรณ์ขององค์ชายคังก็โกรธมากจนตัวสั่นนางสารเลวผู้นี้ ต่อหน้าทุกคนกลางวันแสก ๆ ยังกล้าเกาะแกะองค์ชายคังเช่นนี้ ช่างต่ำเสียจริง! ต่ำตมนัก!จ้าวเจินเจินลืมไปสนิทเลยว่านางเองต่างหากที่เป
กวนอิ่งซุกเข้าไปในอ้อมแขนขององค์ชายคังแสร้งเอ่ยอ่อนแอ“ในตำหนัก มีองค์ชายปกป้องหม่อมฉันอยู่ ไม่มีผู้ใดกล้าทำร้ายหม่อมฉัน!”“องค์ชายเพคะ เมื่อหม่อมฉันแต่งงานเข้าตำหนักองค์ชายคัง ก็จะต้องใช้ทรัพย์สินของตระกูลกวนมาสนับสนุนองค์ชายสุดกำลังแน่นอนเพคะ!”องค์ชายคังนึกถึงคำพูดของมารดา และเห็นว่ากวนอิ่งรีบร้อนจะเข้าตำหนักจึงเอ่ยเสียงนุ่มนวล“เช่นนั้นคืนนี้ก็ตามข้ากลับตำหนักเถอะ! ข้าทำผิดกับเจ้าไปแล้ว… ก่อนหน้านี้ข้าก็อยากแต่งเจ้าเข้าตำหนักอย่างมีพิธีรีตองอยู่แล้ว!”ทันทีที่กวนอิ่งเห็นว่าบรรลุเป้าหมายก็แนบกายเข้าไปพลางเอ่ย“อิ่งเอ๋อร์เข้าใจเจตนาขององค์ชายเพคะ… เรื่องพิธีการมิสำคัญ ขอเพียงได้อยู่กับองค์ชาย อิ่งเอ๋อร์ก็พอใจแล้วเพคะ!”กวนอิ่งก็อยากจะแต่งงานกับองค์ชายคังอย่างมีพิธีรีตองเช่นกัน แต่ตำแหน่งพระชายารองจะต้องมีพิธีรีตองเพียงใดกันเชียว!นางคิดอย่างร้ายกาจ รอให้นางเข้าตำหนักองค์ชายคังก่อน นางจะหาทางปลิดชีพจ้าวเจินเจิน จากนั้นจะให้กำเนิดบุตรชายให้องค์ชายคัง!ถึงเวลานั้น ตัวนางเองก็จะอาศัยความสำคัญของบุตร ขอให้องค์ชายคังจัดงานแต่งงานอีกครั้งจากนั้นจะมีพิธีแต่งงานเข้าตำหนักองค์ชายคัง
ลู่หนานพาเซียวหลินเทียนกลับไปที่ตำหนักอ๋องอี้อย่างรีบร้อนเขาบังคับรถม้าตรงไปที่เรือนของเซียวหลินเทียน และรีบให้จูเผิงไปตามหาจ้าวซวนอย่างเร่งด่วนลู่หนานกับเฉาอี้เพิ่งจะพาเซียวหลินเทียนเข้ามาในห้องนอน จ้าวซวนก็กระหืดกระหอบเข้ามาลู่หนานเห็นเขาก็เอ่ยอย่างกังวลทันที“พี่จ้าว ท่านอ๋องกระอักเลือด!”“เจ้ารีบไปเชิญพระชายามาเร็วเข้า!”จ้าวซวนเห็นรอยเลือดขนาดใหญ่บนหน้าอกของเซียวหลินเทียน และใบหน้าแดงปานโลหิต จึงพอจะคาดเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น!เขาโกรธมากจนอยากจะอัดลู่หนานให้เละสักที เรื่องที่เซียวหลินเทียนถูกลอบสังหารครั้งที่แล้วไม่เพียงพอให้ลู่หนานระวังตัวอีกหรือ?กล้าออกไปข้างนอกกับเซียวหลินเทียนเป็นการส่วนตัวโดยไม่รายงาน นี่ลู่หนานคิดจะปลิดชีพท่านอ๋องหรือไร?“ประเดี๋ยวข้าจักชำระความกับเจ้าทีหลัง!”จ้าวซวนทิ้งคำพูดดุร้ายนี้ไว้ แล้วรีบวิ่งไปหาหลิงอวี๋ครั้งที่แล้วหลิงอวี๋ช่วยหลู่ชิ่งไว้ ในช่วงสองวันมานี้ก็มาตรวจและเปลี่ยนยาให้หลู่ชิ่งทุกวัน แต่พวกทหารองครักษ์ใต้บังคับบัญชาของเขาล้วนไม่อยากพบหลิงอวี๋แม้ว่าพวกเขาจะมิกล้าพูดคำพูดแย่ ๆ ต่อหน้าหลิงอวี๋อีก แต่การแสดงออกทางสีหน้าว่าดูถูกนั
หลิงซวนเลิกคิ้ว อยากจะด่าลู่หนานลู่หนานกลัวว่าหลิงอวี๋จะโกรธ จึงรีบเอ่ย“พระชายา พระชายาเข้าไปดูก็จะรู้ หลิงซวนอย่าเข้าไปจะดีกว่า หากนางเห็นเข้าคงมิเป็นการดีขอรับ!”หลิงอวี๋เลิกคิ้ว มองลู่หนานอย่างประหลาดใจ ครั้งนี้นางไม่โกรธเพราะว่าหลิงอวี๋รู้จักลู่หนาน เขาถือว่าชีวิตของเซียวหลินเทียนล้ำค่ายิ่งกว่าชีวิตของเขาเอง!การที่เขาพูดเช่นนี้ มิใช่เป็นการห้ามหลิงซวนมิให้รักษา แต่...เซียวหลินเทียนที่อยู่ในห้องอาจจะมีบาดแผลที่ไม่สะดวกจะให้หลิงซวนเห็นจริง ๆ!“หลิงซวน เจ้ารออยู่ข้างนอก! ข้าเข้าไปดูเอง!”หลิงอวี๋หยิบล่วมยาจากมือของหลิงซวนแล้วเดินเข้าไปเมื่อเดินเข้าไปใกล้เตียง หลิงอวี๋ได้กลิ่นคาวแปลก ๆ แรกเริ่มนางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกระทั่งได้ยินเสียงโอดครวญของเซียวหลินเทียน และได้เห็นใบหน้าแดงก่ำของเซียวหลินเทียน นางก็เข้าใจได้ทันทีใบหน้าของหลิงอวี๋แดงขึ้นทันที บัดนี้นางเข้าใจแล้วว่าเหตุใดลู่หนานถึงไม่ให้หลิงซวนเข้ามาหลิงซวนเป็นสตรี หากให้นางเห็นภาพนี้เข้า ไม่เพียงแต่เซียวหลินเทียนเท่านั้นที่จะกระอักกระอ่วน แต่หลิงซวนก็จะกระอักกระอ่วนไปด้วย!หลิงอวี๋รีบหยิบยาแก้พิษออกมาแล้วโน้มต
ต่งเฉิงมองหลิงอวี๋พลางพยักหน้ารัว ๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มพร้อมกับลูบเคราของตัวเองว่า “สาวน้อยนางนี้รู้จักเครื่องยาสมุนไพรมากมายเช่นนี้นับว่าหายาก!”เครื่องยาสมุนไพรเหล่านี้มิใช่สมุนไพรธรรมดาทั้งหมด นอกจากเครื่องยาสมุนไพรที่ใช้ในการกลั่นโอสถระดับต้นแล้ว ยังมีระดับกลางและระดับสูงจำนวนเล็กน้อยอีกด้วยโดยทั่วไป ผู้เข้าสอบที่ตอบได้เจ็ดสิบถึงแปดสิบชนิดก็ถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว ทว่าหลิงอวี๋สามารถตอบได้มากกว่าหนึ่งร้อยชนิด ถือว่าเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์สูงเลยทีเดียวเพิ่งเข้ามาก็ทำคะแนนได้ดีถึงเพียงนี้ หากนางได้เรียนอย่างเป็นระบบก็คงแซงหน้าบัณฑิตคนอื่นได้ในมิช้า“ตึง ตึง ตึง!”เมื่อเสียงกลองดังขึ้นสามครั้ง การสอบแข่งขันของกลุ่มนี้ก็สิ้นสุดลง“หนึ่งร้อยยี่สิบเจ็ดคะแนน!”กลองหยุดลงแล้ว และบนใบหน้าของศิษย์พี่หญิงก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นเป็นครั้งแรก นางหยิบป้ายส่งให้หลิงอวี๋พร้อมรอยยิ้ม“การสอบแข่งขันรอบต่อไปจะจัดขึ้นในช่วงบ่าย! ความสามารถในการจำแนกเครื่องยาสมุนไพรของเจ้าดีที่สุดในรอบนี้ ทำให้ดีล่ะ!”“ขอบคุณศิษย์พี่หญิง!”หลิงอวี๋รับป้ายมาด้วยความตื่นเต้น พลางหันไปดูผู้เข้าสอบคนอื่น ๆ ที่กำลังมองนางด้
เป็นไปตามคาด หลิงอวี๋เห็นใบหน้าที่งดงามทว่าโหดร้ายนั้น และนั่นก็คือศัตรูที่นางมิอาจลืมเลือน...จ้าวหรุ่ยหรุ่ย!ชั่วขณะนั้นดวงตาของหลิงอวี๋เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว พลางนึกอยากจะรุดเข้าไปฉีกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเป็นชิ้น ๆ เพียงหลับตา นางก็มิอาจควบคุมตนมิให้นึกถึงฉากที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเตะต่อยตนความเจ็บปวดและเลือดสด ๆ อีกทั้งความทุกข์ทรมานจากการสูญเสียลูกไปทำให้หลิงอวี๋มิอาจลืมความเกลียดชังที่ตนมีต่อจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้เลย!คาดมิถึงว่าศัตรูจะปรากฏตัวต่อหน้าตนเช่นนี้!หลิงอวี๋ตื่นตัวมากจนร่างกายสั่นเทา แต่นางก็ยังสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ได้นางมิใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย การวู่วามลงมือมีแต่จะเป็นการรนหาที่ตายเท่านั้นหลิงอวี๋สูดหายใจเข้าลึกพลางมองเด็กสาวที่ประกาศสงครามกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเด็กสาวคนนี้ดูอายุราว ๆ สิบหกสิบเจ็ดปี มีรูปร่างสูง ใบหน้ารูปไข่ คิ้วโค้งเหมือนพระจันทร์เสี้ยว และดวงตาแวววาวสดใสผมสีดำสนิทของนางถูกแสกกลางและถักเป็นเปียยาวสองข้างพันไว้รอบมวยผม ข้าง ๆ มวยผมนั้นมีปิ่นมุกปักประดับอยู่สองอันเด็กสาวสวมชุดกระโปรงสีม่วงควันธูป และเมื่อดูจากเนื้อผ้าแล้ว นางน่าจะเป็นค
ข่าวที่สือหรงนำมาให้เซียวหลินเทียนมิใช่ข่าวดี จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยังคงอยู่ในตำหนักเทียนจีและมิได้มาลงทะเบียนด้วยตนเองหากอยากพบกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ย ก็ทำได้แค่ต้องรอจนถึงวันคัดเลือกรอบแรกเท่านั้นแต่เซียวหลินเทียนก็มิย่อท้อ ถึงอย่างไรขอเพียงจ้าวหรุ่ยหรุ่ยปรากฏตัว เขาก็จะไม่มีทางปล่อยนางหนีไปอีกแน่ ให้นางเป็นอิสระอีกสักสองสามวันก็คงมิเป็นไร!ในช่วงวันเวลาที่เหลือ หลายคนเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านเช่นเดียวกับหลิงอวี๋ พวกเขาอ่านตำราอย่างหนักและเพิ่มพูนความรู้ที่ขาดไป เพื่อที่จะผ่านการคัดเลือกและได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาชิงหลงทว่าหลิงอวี๋มิรู้เลยว่าศัตรูของตนมาถึงเมืองหลวงแดนเทพแล้ว หลังจากเอาแต่ปิดห้องอ่านตำราเป็นเวลาหลายวันนางก็มาที่สำนักศึกษาชิงหลงที่อยู่นอกเมืองในวันแห่งการคัดเลือก โดยมีผู้รอบรู้เรื่องร่วมเดินทางด้วยหน้าทางเข้าสำนักศึกษาชิงหลงเต็มไปด้วยผู้คนทั้งบุรุษและสตรี ทั้งเด็กและผู้ใหญ่รวมกันนับพันคนผู้รอบรู้เห็นเช่นนั้นก็ทึ่งจนพูดมิออก และอ้ำอึ้งพูดออกไปว่า “รู้เช่นนี้ข้าน่าจะมาลงทะเบียนเข้าเรียนที่สำนักศึกษาชิงหลงกับเจ้าด้วย เฮ้อ ตอนนี้มันสายไปเสียแล้ว!”หลิงอวี๋ยิ้ม นางรู้ว่าผู้รอบร
“เถาจื่อ หานอวี้ วันพรุ่งพวกเจ้าไปลงทะเบียนเสีย!”เซียวหลินเทียนทำการตัดสินใจและกำชับว่า “ลงทะเบียนในชื่อของน้องสาวข้า!”“เผยอวี้ ฉินซาน พวกเจ้าสองคนก็ไปลงทะเบียนสาขาที่ตนเองชื่นชอบด้วย พวกเจ้าทั้งคู่บอกแค่ว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้าก็พอ!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น พวกเขาทุกคนก็หัวเราะอย่างมีความสุข พลางพยักหน้าและจัดลำดับอาวุโสกันให้เซียวหลินเทียนเป็นพี่ใหญ่ของทุกคน เถาจื่อเป็นพี่หญิงใหญ่ หานเหมยเป็นพี่น้องคนที่สาม และหานอวี้เป็นคนที่สี่เซียวหลินเทียนได้บอกจุดประสงค์ของภารกิจให้พวกเขาทราบแล้ว เถาจื่อกับหานอวี้ต้องให้ความสำคัญกับฝั่งของสตรีวันรุ่งขึ้น เถาจื่อและหานอวี้ไปลงทะเบียน และทั้งคู่ก็เลือกวิชาปรุงโอสถเนื่องจากก่อนหน้านี้พวกนางเคยตามหลิงอวี๋ไปจำแนกเครื่องยาสมุนไพรหลายชนิด ในความคิดของพวกนาง การกลั่นโอสถเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการผ่านการประเมินมีชั้นเรียนที่สอนการกลั่นโอสถเพียงสองแห่งเท่านั้น ดังนั้นเถาจื่อและหานอวี้จึงต้องลงทะเบียนเรียนคนละชั้นเรียนและเถาจื่อก็ได้ลงทะเบียนเรียนชั้นเรียนของหอโอสถซ่างกู่เซียวหลินเทียน เผยอวี้และคนอื่น ๆ ก็ไปลงทะเบียนด้วยเซียวหลินเทียนลงทะ
เผยอวี้เหลียวซ้ายแลขวาไปรอบ ๆ เมืองหลวงแดนเทพที่เจริญรุ่งเรืองราวกับคนบ้านนอก ทำเอาเขาอดมิได้ที่จะถอนหายใจ“มิแปลกใจที่ทุกคนล้วนพูดว่าเมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรือง เพราะที่นี่เจริญจริง ๆ ดังคำกล่าว นายท่านอู่ เมืองหลวงแดนเทพแห่งนี้ใหญ่กว่าเมืองหลวงในฉินตะวันตกของพวกเราหลายเท่านัก!”เซียวหลินเทียนวางแผนใช้คำในชื่อจักรพรรดิเซิ่งอู่ของตนเป็นแซ่ ดังนั้น เผยอวี้และคนอื่น ๆ จึงได้เปลี่ยนมาเรียกเซียวหลินเทียนว่านายท่านอู่หานอวี้กับเถาจื่อและคนอื่น ๆ ที่ได้รีบมารวมตัวกับกลุ่มของเซียวหลินเทียนต่างพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเงียบ ๆทว่าเซียวหลินเทียนกลับรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมา เมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรืองแล้วอย่างไร?หากไม่มีหลิงอวี๋อยู่เคียงข้าง มิว่าทิวทัศน์จะสวยงามเพียงใดมันก็ไร้ประโยชน์ยิ่งเมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรืองและมีขนาดใหญ่มากเท่าไร การตามหาหลิงอวี๋ก็จะยิ่งยากมากเท่านั้นท่ามกลางฝูงชนมหาศาลนี้เขาจะหาตัวหลิงอวี๋ของเขาพบได้อย่างไร?ฉินซาน หานเหมยและสือหรงล่วงหน้ากันไปก่อน ในช่วงที่ยังสร้างตำหนักปีกเงินแห่งใหม่มิเสร็จนี้ ทั้งสามคนได้ซื้อที่ดินใหญ่ที่มีหกส่วนเพื่อให้ทุกคนใช้เป็นที่อย
หลิงอวี๋เห็นด้วยกับผู้รอบรู้ เพื่อป้องกันมิให้คนอื่นสงสัยว่านางกับผู้รอบรู้มิใช่พี่น้องกันแท้ ๆ นางจึงเปลี่ยนแซ่ของตนเป็นแซ่เดียวผู้รอบรู้และใช้นามว่า สิงอวี๋วันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋ไปที่ห้องโถงหลักของหอโอสถซ่างกู่เพื่อลงทะเบียน ที่ทางเข้าหอโอสถซ่างกู่นั้นมีทั้งบุรุษและสตรีต่อแถวยาวเป็นหางว่าวหลิงอวี๋รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาเมื่อเห็นแถวยาวถึงเพียงนี้ ต้องต่อแถวไปถึงเมื่อไรกว่าตนจะได้ลงทะเบียนเล่านี่!แต่เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ เพื่ออนาคตของตนในวันข้างหน้า นางก็ทำได้เพียงต่อแถวต่อไปอย่างว่าง่ายเท่านั้นคุณหนูและนายน้อยบางส่วนมิได้มาด้วยตนเอง แต่ส่งสาวใช้และคนรับใช้ไปต่อแถวให้เด็กสาวท่าทางเหมือนคุณหนูที่อยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เห็นเช่นนั้นก็ยิ้มเยาะขึ้นมา“แม้แต่มาต่อแถวก็ยังไม่มีความจริงใจ แต่กลับอยากเป็นศิษย์ของอาจารย์เย่น่ะหรือ คนเช่นนี้สมควรถูกปัดตกไปเสีย!”สาวใช้ด้านหน้าหลิงอวี๋ที่มาต่อแถวแทนเจ้านายได้ยินเช่นนั้นก็พูดอย่างดูถูกว่า “ไม่มีใครตั้งกฎว่าห้ามสาวใช้มาต่อแถวให้นี่! ตระกูลเหลยของท่านขัดสนมากจนไม่มีเงินจ้างสาวใช้หรืออย่างไร?”เหลยเหวินโกรธจัดและตะโ
หลิงอวี๋มิได้ถือโทษผู้รอบรู้และกล่าวว่า “พี่ใหญ่มิต้องกังวลไป กินข้าวกันก่อนเถิด ท่านซื้อตำรับกลั่นโอสถมิได้ก็ช่างมัน ข้ามีที่เรียนแล้ว!”ในขณะที่กำลังกินข้าวหลิงอวี๋ก็เล่าให้ผู้รอบรู้ฟังว่าสำนักศึกษาชิงหลงกำลังรับสมัครบัณฑิตวิชาปรุงโอสถ“วันพรุ่งข้าจะไปลงทะเบียน หากข้าได้ที่หนึ่ง ข้าก็จะได้เรียนวิชาปรุงโอสถโดยมิต้องเสียเงินแม้แต่แดงเดียว!”แต่แม้จะมิได้ที่หนึ่งหลิงอวี๋ก็คิดว่าตนสามารถหาเงินห้าหมื่นอีแปะจากการขายตำรับยาเพียงมิกี่เล่ม นางจึงมิได้เก็บมาใส่ใจ“พี่ใหญ่ ตอนที่ลงทะเบียนมีปรมาจารย์ให้เลือกเรียนด้วยสองคน ข้ามิรู้ว่าควรจะเลือกปรมาจารย์คนไหน วันพรุ่งท่านช่วยไปสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับนิสัยของแต่ละคนให้ข้าหน่อยนะ!”เมื่อผู้รอบรู้ได้ยินว่า นักปรุงโอสถแห่งหอโอสถไป๋เป่าและซ่างกู่จะรับหน้าที่เป็นครู เขาก็พูดโดยมิลังเลว่า “มิจำเป็นต้องไปสอบถามหรอก เลือกครูของหอโอสถซ่างกู่สิ!”“เพราะเหตุใดหรือ?” หลิงอวี๋ถามด้วยความอยากรู้ผู้รอบรู้ยิ้มหยัน “คนของหอโอสถไป๋เป่าเหล่านั้นเป็นพวกยโสชอบดูถูกคนอื่น! เพราะคนที่อยู่เบื้องหลังหอโอสถของพวกเขาคือฮูหยินของเจ้าแห่งทะเลของตระกูลหลงอย่างไรเล่า!”“
เมื่อเห็นบรรยากาศที่แสนจะคึกคัก หลิงอวี๋ก็เข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้นนางเห็นประกาศว่า สำนักศึกษาชิงหลงกำลังรับสมัครบัณฑิตในหลายสาย เช่น สายนักปรุงโอสถ สายนักสร้างอาวุธ สายนักทำนายดวงดาว สายนักอัญเชิญ และสายจอมยุทธ์ ขณะที่หลิงอวี๋กำลังอ่านประกาศ นางก็ได้ยินผู้คนรอบ ๆ พูดคุยกันจากบทสนทนาของพวกเขา ทำให้หลิงอวี๋ได้รู้ว่า สำนักศึกษาชิงหลงนั้นอยู่ในการดำเนินงานของราชสำนักซึ่งให้การศึกษาด้านการฝึกฝนในระดับสูงผู้ที่ดำรงตำแหน่งเป็นครูคือปรมาจารย์ที่โดดเด่นในด้านต่าง ๆ หากมีบัณฑิตที่มีความเป็นเลิศประจักษ์แก่สายตาของอาจารย์เหล่านี้ พวกเขาก็สามารถรับเป็นศิษย์และเข้าร่วมกับกองทัพของราชสำนัก หรือสำนักใหญ่ ๆ ได้แดนเทพเปิดกว้างมากเรื่องความแตกต่างระหว่างบุรุษและสตรี สตรีนั้นสามารถเข้ามาร่ำเรียนในสำนักศึกษาและได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับบัณฑิตชายหลิงอวี๋รู้สึกถูกใจในสิ่งที่ได้เห็น การที่ได้ไปร่ำเรียนในสำนักศึกษาเช่นนี้ จะทำให้ตนเข้าใจการปรุงโอสถได้ง่ายขึ้น ดีกว่าลองผิดลองถูกมิใช่หรือ?นางตั้งใจอ่านอีกครั้ง ข้อกำหนดในการลงทะเบียนมิได้เข้มงวดเกินไป และใช้เงินเพียงห้าตำลึงเงินเท่านั้นในการลงทะเบี
หลิงอวี๋และผู้รอบรู้ได้มาถึงเมืองหลวงแดนเทพ เหมือนกับที่ผู้รอบรู้บอก เมืองหลวงแดนเทพเต็มไปด้วยโอกาสเพราะที่นี่มีผู้บำเพ็ญตนมากมายและเต็มไปด้วยกลุ่มคนน้อยใหญ่อยู่ทั่วทุกหนแห่งหลิงอวี๋เองก็รู้สึกทึ่งกับความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหลวงแดนเทพ มีร้านค้าอยู่ทั่วทุกมุมและสินค้าที่ขายก็มีความหลากหลายแปลกตาและสวยงามเช่นเดียวกัน ราคาที่อยู่อาศัยในเมืองหลวงแดนเทพก็มีราคาแพงสองวันแรกทั้งสองคนพักที่โรงเตี๊ยมเล็ก ๆ บริเวณชานเมือง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายคืนละห้าสิบตำลึงเงินหลังจากใช้ความพยายามอย่างมาก ในที่สุดผู้รอบรู้ก็ได้ซื้อเรือนเล็ก ๆ ของตรอกเล็กในเมืองที่อยู่ไกลออกไปโดยใช้เงินไปเกือบสามหมื่นนี่เทียบเท่ากับการใช้สมบัติของหลิงอวี๋ไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง ซึ่งทำให้ผู้รอบรู้รู้สึกปวดใจอยู่นานแต่หลิงอวี๋พอใจแล้ว การซื้อเรือนเล็ก ๆ แห่งนี้ได้ในราคาต่ำเช่นนี้ ถือว่าผู้รอบรู้ก็มีความสามารถ มิเช่นนั้น หากดูตามราคาตลาด เรือนแห่งนี้อาจมีราคาสูงถึงห้าหมื่นด้วยซ้ำ“พี่ใหญ่ เงินหมดก็หาใหม่ได้ มิต้องเสียใจไปหรอก พวกเรามีบ้านแล้วก็สามารถหาอาชีพทำมาหากินได้”หลิงอวี๋พูดปลอบอีกฝ่ายด้วยความมั่นใจเรือนเล็กนี้รวมห