“ฮ่า ๆ...”หลู่ชิ่งหัวเราะออกมา กุมบาดแผลที่เลือดออกไม่หยุดแล้วหัวเราะพลางเอ่ย“ชิวเฮ่า เจ้าช่วยคนทำเรื่องชั่วช้า… ดูเอาเถอะ เจ้าเองก็มีจุดจบที่ไม่ดีเช่นกัน…”“ฮูหยิน...”ชิวเฮ่าตกใจมากจนลืมโจมตีกลับ เขาทรุดลงไปกับพื้น ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฮูหยินจะลงมือกับตนได้!“เจ้าโง่! เข้าใจกลยุทธ์ทุกข์กายหรือไม่?”สตรีผู้นั้นมองชิวเฮ่าอย่างดูถูก“วันนี้หลู่ชิ่งสะกดรอยตามเจ้ามา! หากเขาตายไปเช่นนี้ เซียวหลินเทียนจักมิสงสัยเจ้ารึ?”“แต่หากพวกเจ้าถูกซุ่มโจมตี เจ้าได้รับบาดเจ็บ พยายามอย่างเต็มที่ที่จะพาหลู่ชิ่งกลับไป… เจ้าจักได้รับความไว้วางใจจากเซียวหลินเทียนกลับคืนมาได้!”ขณะที่พูดนั้น นางก็ถลาเข้ามาพลางเอ่ย “คิดทำการแสดงก็ต้องทำให้สมจริงหน่อย!”นางยกมีดขึ้นมาแทงชิวเฮ่าที่ไหล่กับที่แขนหลู่ชิ่งงุนงง มองสตรีผู้นั้นยกมีดขึ้นอีกครั้งแล้วเดินมาหาตนเองสตรีผู้นั้นหยิบขวดออกมาจากอ้อมแขน เทยาเม็ดหนึ่งออกมาแล้วยัดมันเข้าไปในปากของหลู่ชิ่ง“นี่คือยาลับเฉพาะของข้า! มันสามารถทำลายการทำงานของเส้นประสาทได้ ทำให้เขาพูดมิได้ มือก็เขียนมิได้ด้วย!”“ไม่มีสีไม่มีกลิ่น แม้ว่าหลิงอวี๋จะเป็นแพทย์ชั้นเซียน นา
“หลิงซวน เตรียมเลือด! หลิงซิน เตรียมพร้อมผ่าตัด”หลิงอวี๋ดูออกว่าอาการของหลู่ชิ่งนั้นสาหัสมาก เสียเลือดมากเกินไป อาการบาดเจ็บก็สาหัสนางเอ่ยกับจ้าวซวน “องครักษ์จ้าว ข้ามิสามารถรับประกันได้ว่าข้าจะสามารถช่วยหลู่ชิ่งได้ อาการของเขาสาหัสนัก… ข้าจักพยายามอย่างเต็มที่แล้วกัน!”จ้าวซวนดูออกว่าหลู่ชิ่งอาการแย่มากแล้ว จึงพยักหน้า “พระชายา ข้าเชื่อในตัวพระชายา… พระชายาทำให้เต็มที่เถิดขอรับ!”“เช่นนั้นก็ดี เช่นเดียวกับครั้งที่แล้ว ผู้ที่มีหมู่เลือดตรงกับหลู่ชิ่งให้มาบริจาคเลือดให้กับหลู่ชิ่งด้วย! ทำตามการจัดการของหลิงซวนเลย!”ครั้งที่แล้วที่เซียวหลินเทียนถูกลอบสังหาร หลิงซวนได้ทำการลงทะเบียนหมู่เลือดผู้บริจาคเลือดไว้แล้วบัดนี้จึงนำสมุดออกมา หลิงซวนเลือกองครักษ์สองสามคนที่หมู่เลือดตรงกันกับของหลู่ชิ่งมาเจาะเลือดเพื่อเตรียมทำการถ่ายเลือดหลิงอวี๋หยิบเครื่องมือผ่าตัดออกมาเช็ดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อเพื่อเริ่มเตรียมตัวผ่าตัดครั้งที่แล้วจูเผิงกับเฉาอี้ยังมิกลับมา พอเห็นหลิงซินใช้กรรไกรตัดเสื้อผ้าของหลู่ชิ่งจึงมองหน้ากันไปมาหลิงอวี๋หันกลับไปโดยบังเอิญ เห็นมีคนสองสามคนที่ยังอยู่ในห้อง จึงเอ่ยด้วยค
“ข้ามิรู้! หลิงอวี๋กำลังช่วยรักษาเขาอยู่! เจ้ามิเป็นไรใช่หรือไม่?”เสียงของเซียวหลินเทียน“กระหม่อมมิได้เป็นกระไรนักพ่ะย่ะค่ะ! ท่านไป๋พันผ้าพันแผลให้กระหม่อมแล้ว! กระหม่อมเป็นห่วงหลู่ชิ่ง จึงออกมาดู!”ชิวเฮ่าเอ่ยอย่างรู้สึกผิด “ท่านอ๋อง โทษที่กระหม่อมไร้ความสามารถเอง มิปกป้องหลู่ชิ่งให้ดี… พี่จ้าว มันเป็นความผิดของข้าทั้งหมด!”“เอาเถิด เจ้าเองก็ทำดีที่สุดแล้ว! มิต้องพูดแล้ว ไปพักผ่อนก่อนเถิด!”จ้าวซวนปลอบใจเขา“ข้ายังทนได้ ให้ข้ารออยู่กับพวกท่านก่อนเถิด! หลู่ชิ่งยังมิพ้นขีดอันตราย ข้าจักนอนลงได้เยี่ยงไร!”นอกประตูเงียบไปอยู่สักพักหนึ่งหลิงอวี๋ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงแต่รู้สึกแปลก ๆ หลู่ชิ่งกับชิวเฮ่าไปเจอเรื่องอันใดมา?เหตุใดหลู่ชิ่งจึงได้รับบาดเจ็บสาหัสปางตาย แต่ชิวเฮ่ายังคงพูดอย่างเต็มไปด้วยพลัง!มิใช่ว่านางมีเจตนาชั่วร้าย หวังจะให้ชิวเฮ่าตายหรอกนะแต่เดิมทีนางก็สงสัยชิวเฮ่าอยู่แล้ว แล้วชิวเฮ่าก็พาหลู่ชิ่งที่กำลังจะตายกลับมาเช่นนี้จะมิให้นางสงสัยชิวเฮ่ามากขึ้นคงมิได้!เซียวหลินเทียนคิดเยี่ยงไรกัน? หรือว่าเขามิสงสัยเลยหรือ?หลิงอวี๋พันผ้าพันแผลเสร็จ ก็ตรวจชีพจรกับกา
ลูกตาของหลู่ชิ่งเคลื่อนที่ตามนิ้วของหลิงอวี๋ แต่ดวงตาของเขาก็ยังคงว่างเปล่าคราวนี้ แม้แต่จ้าวซวนก็สังเกตเห็นความผิดปกติแล้ว“หลู่ชิ่ง จำข้าได้หรือไม่?”จ้าวซวนตะโกนอย่างกังวลหลู่ชิ่งส่งเสียงอืออา มองจ้าวซวนแต่พูดมิออก สีหน้าก็ยังคงว่างเปล่าอยู่“หลู่ชิ่ง ข้าเป็นลูกพี่ลูกน้องของเจ้าไง!”จ้าวซวนร้อนใจ กำลังจะเอื้อมมือไปเขย่าหลู่ชิ่ง แต่ก็ถูกหลิงอวี๋ห้ามเอาไว้ก่อน“อย่าแตะต้องเขา! เขาเพิ่งผ่าตัดมา ยังจำเป็นต้องพักฟื้น!”“พระชายา นี่มันเกิดกระไรขึ้น? หลู่ชิ่งดูเหมือนจะจำข้ามิได้เลย… เขามิพูดมิจาด้วย!”จ้าวซวนเอ่ยอย่างร้อนใจ “เป็นเช่นนี้ไปได้เยี่ยงไร?”หลิงอวี๋ดึงตัวจ้าวซวนออก หยิบก้านสำลีออกมา “พวกเจ้าไปยืนข้าง ๆ อย่าบังแสง! ข้าจะตรวจดูหน่อย!”จ้าวซวนรีบไปยืนข้าง ๆ พลางมองหลิงอวี๋อย่างเคร่งเครียดหลิงอวี๋ดันลิ้นเปิดปากของหลู่ชิ่งออก นางตรวจดูคอของหลู่ชิ่ง แต่ที่คอก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใด ๆนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?หลิงอวี๋ก็ไม่เข้าใจเช่นกัน หลู่ชิ่งได้รับบาดเจ็บภายนอก มิได้บาดเจ็บที่คอเลย เหตุใดจึงพูดไม่ได้?“ตอนที่เขาได้รับบาดเจ็บเขาถูกตีหัวหรือไม่?”หลิงอวี๋เอ่ยถามชิวเฮ่า
เซียวหลินเทียนกับลู่หนานถูกหลิงซินตะคอกใส่เช่นนี้ ต่างก็มองไปทางหลิงอวี๋โดยไม่รู้ตัวแล้วก็เห็นรอยเลือดซึมออกมาตรงเสื้อผ้าตรงหลังของหลิงอวี๋จริง ๆเซียวหลินเทียนใจสั่น หลิงอวี๋ได้รับบาดเจ็บตั้งแต่เมื่อใดกัน?ไฉนเขาจึงมิรู้?หรือว่าวันนั้นที่ช่วยครอบครัวของท่านกวนเอ้อร์ ถึงได้รับบาดเจ็บ?จูเผิงก็เห็นเลือดซึมเสื้อผ้าของหลิงอวี๋ในหลายจุดเช่นกัน เขาพูดไม่ออกไปทันที“หลิงซิน ไยเจ้าต้องพูดเรื่องพวกนี้!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างเย็นชา “องครักษ์จ้าว ค่าตรวจกับค่ายารวมทั้งหมดห้าสิบตำลึง ค่าผ่าตัดสองร้อยตำลึง เจ้าให้หลิงซวนเอากลับมาแล้วกัน!”“หากเจ้ามีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องเก็บเงินของข้า หลิงซวนจักอธิบายให้เจ้าฟังเอง!”พูดจบ หลิงอวี๋ก็ลากหลิงซินหันหลังจากไปใบหน้าของจ้าวซวนกระตุก ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋ให้ยาพวกเขา มิเคยเอ่ยถึงเงิน!ครั้งนี้ทำให้หลิงอวี๋โกรธจริง ๆ เข้าแล้ว นี่เป็นขีดเส้นกำหนดขอบเขตกับพวกเขาอย่างชัดเจนแล้ว!แต่จ้าวซวนก็ไม่มีหน้าไปโต้เถียงกับหลิงอวี๋ เพราะถึงอย่างไรหลิงอวี๋ก็ช่วยชีวิตหลู่ชิ่งไว้เขาหยิบตั๋วเงินสองร้อยห้าสิบตำลึงส่งให้หลิงซวนอย่างว่าง่ายหลิงซวนรับตั๋วเงินไป พลา
“ชิวเฮ่า วันนี้เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?”หลังจากที่เซียวหลินเทียนทำให้จูเผิงสงบลง ก็เอ่ยถามแม้ว่าชิวเฮ่าจะพาตัวหลู่ชิ่งกลับมาอย่างตั้งใจเต็มที่ แต่เซียวหลินเทียนกลับมิสามารถขจัดความสงสัยที่มีต่อสองคนพี่น้องเพราะสิ่งนี้ได้!หากนี่เป็นกลยุทธ์ทุกข์กายเล่า?บัดนี้หลู่ชิ่งดูเหมือนว่าจะไม่สามารถพูดหรือเขียนได้เลย ทำให้เซียวหลินเทียนต้องคิดไปเช่นนั้น!“ขอตอบท่านอ๋อง กระหม่อมเจอหลู่ชิ่งอยู่บนถนนพ่ะย่ะค่ะ ยามนั้นเขาถูกคนที่ดูลับ ๆ ล่อ ๆ สองคนตามอยู่!”ชิวเฮ่าตอบอย่างเป็นธรรมชาติ “ยามนั้นกระหม่อมอยากรู้มากว่าหลู่ชิ่งไปทำให้ผู้ใดขุ่นเคืองเข้า จึงได้ตามพวกเขาไปอย่างเงียบ ๆ!”“ไหนเลยจะคิดว่าหลู่ชิ่งเห็นพวกมันแล้ว ถึงได้จงใจล่อพวกเขาเข้าไปที่ซอยเล็ก ๆ ไกล ๆ! กระทั่งตอนกระหม่อมตามไปทัน ก็พบว่าพวกเขากำลังต่อสู้กันอยู่พ่ะย่ะค่ะ!”“กระหม่อมรีบเข้าไปช่วย แต่ฝีมือของคู่ต่อสู้นั้นดีมาก กระหม่อมกับหลู่ชิ่งสู้มิได้ จึงถูกแทงพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว “พวกมันเป็นคนของผู้ใด?”ชิวเฮ่าคิดคำพูดเอาไว้อยู่ก่อนแล้ว จึงแสร้งทำเป็นเอ่ยไปอย่างโกรธ ๆ“อาจเป็นคนขององค์ชายเว่ยพ่ะย่ะค่ะ...!”“กระหม่อ
เซียวหลินเทียนคิด ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าเขาสงสัยชิวเฮ่า ก็เพราะฟังคำพูดของหลิงอวี๋แต่หลิงอวี๋นั้นเต็มไปด้วยคำพูดโกหก เรื่องของหลิงเยวี่ยก็สามารถแต่งเรื่องขึ้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ คำพูดของนางจะเชื่อได้หรือ?แต่แม้ว่าสตรีผู้นี้จะโกหกตนเรื่องหลิงเยวี่ย แต่ในเรื่องอื่น ๆ ก็ไม่ถือว่าแย่จนเกินไปนักอีกอย่างก่อนหน้านี้คนที่จ้าวซวนส่งไปติดตามชิวเหวินซวง ก็ถูกชิวเหวินซวงสลัดทิ้งไป!หากพี่น้องชิวไม่ทำเรื่องที่ให้ใครรู้ไม่ได้ เช่นนั้นเหตุใดต้องสลัดคนที่ติดตามทิ้งไปด้วยเล่า?เซียวหลินเทียนแอบระวังตัว เรื่องนี้มิสามารถมองข้ามได้!หากนี่เป็นกลยุทธ์ทุกข์กายที่ชิวเฮ่าแสดงอยู่ เช่นนั้นเขาจะแสร้งทำเป็นเชื่อชิวเฮ่า และดูว่าพี่น้องชิวจะทำอะไรหรือไม่ก็ใช้แผนซ้อนแผน บังคับพี่น้องชิวให้เปิดเผยตัวเองออกมาก็ได้!......ยามราตรีหลิงอวี๋เพิ่งอาบน้ำเสร็จเตรียมตัวจะเข้านอน ก็มีคนเคาะประตูเสียก่อน“คุณหนู!”มันคือเสียงของเถาจื่อ หลิงอวี๋จึงเดินไปเปิดประตู“คุณหนู มีข่าวจากทางท่านเกิ่ง บอกว่าพบที่อยู่ของหลิงผิงแล้ว ให้คุณหนูรีบไปที่นั่นโดยเร็วเจ้าค่ะ!”ทันทีที่หลิงอวี๋ได้ยินก็รีบผลัดผ้า แล้วพาหลิงซว
หลิงผิงตอบอย่างตรงไปตรงมา เพื่อจะเอาตัวรอด“หลิงหลานบอกว่า หวางซือสัญญากับนางว่าขอเพียงคุณหนูตาย ก็จะมอบเงินจำนวนมากให้นาง และจะคืนสัญญาที่ขายตัวของนางให้!”“หลังจากที่ข้ารู้เข้า หลิงหลานบอกข้าว่าอย่าไปบอกผู้ใด บอกว่าหลังจากนั้นนางจะแบ่งเงินให้ข้าครึ่งหนึ่ง!”หลิงอวี๋ยิ้มเยาะ “ทรัพย์สินของข้าถูกเฝิงโปพรรคพวกของเจ้าโกงไป เรื่องนี้หลิงหลานมิได้มีส่วนร่วมหรือ?”หลิงผิงรีบเอ่ย “จักไม่มีส่วนร่วมได้เยี่ยงไร! กลโกงบางอย่าง หลิงหลานช่วยคิดขึ้นมาด้วยซ้ำ!”“คุณหนู เงินที่ข้าโกงไป มีการแบ่งให้หลิงหลานทุกครั้งเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋เอ่ยถาม “เช่นนั้นสินเดิมที่หวางซือให้ข้าในตอนแรก รายการสินเดิมพวกนั้นพวกเจ้าขโมยไปใช่หรือไม่?”หลิงผิงส่ายหัว “ข้ามิเห็นรายการสินสอด คาดว่าหลิงหลานจะขโมยไปแล้ว! หวางซือวางใจนางมากกว่าข้า คิดว่าหวางซือต้องให้นางขโมยไปแน่!”“คุณหนู สิ่งที่ข้าบอกเป็นเรื่องจริงทั้งหมด คุณหนูปล่อยข้าไปเถิด! ยามนี้ข้าสิ้นเนื้อประดาตัวแล้ว คุณหนูเห็นแก่ที่เป็นนายบ่าวกัน ปล่อยข้าไปเถิด!”หลิงอวี๋ยิ้มเย็นชา “หลิงผิง เอาเงินข้าไปมากถึงเพียงนั้น แม้ว่าเจ้าจะใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายเพียงใด ก็ยังใช้ไ
ต่งเฉิงมองหลิงอวี๋พลางพยักหน้ารัว ๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มพร้อมกับลูบเคราของตัวเองว่า “สาวน้อยนางนี้รู้จักเครื่องยาสมุนไพรมากมายเช่นนี้นับว่าหายาก!”เครื่องยาสมุนไพรเหล่านี้มิใช่สมุนไพรธรรมดาทั้งหมด นอกจากเครื่องยาสมุนไพรที่ใช้ในการกลั่นโอสถระดับต้นแล้ว ยังมีระดับกลางและระดับสูงจำนวนเล็กน้อยอีกด้วยโดยทั่วไป ผู้เข้าสอบที่ตอบได้เจ็ดสิบถึงแปดสิบชนิดก็ถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว ทว่าหลิงอวี๋สามารถตอบได้มากกว่าหนึ่งร้อยชนิด ถือว่าเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์สูงเลยทีเดียวเพิ่งเข้ามาก็ทำคะแนนได้ดีถึงเพียงนี้ หากนางได้เรียนอย่างเป็นระบบก็คงแซงหน้าบัณฑิตคนอื่นได้ในมิช้า“ตึง ตึง ตึง!”เมื่อเสียงกลองดังขึ้นสามครั้ง การสอบแข่งขันของกลุ่มนี้ก็สิ้นสุดลง“หนึ่งร้อยยี่สิบเจ็ดคะแนน!”กลองหยุดลงแล้ว และบนใบหน้าของศิษย์พี่หญิงก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นเป็นครั้งแรก นางหยิบป้ายส่งให้หลิงอวี๋พร้อมรอยยิ้ม“การสอบแข่งขันรอบต่อไปจะจัดขึ้นในช่วงบ่าย! ความสามารถในการจำแนกเครื่องยาสมุนไพรของเจ้าดีที่สุดในรอบนี้ ทำให้ดีล่ะ!”“ขอบคุณศิษย์พี่หญิง!”หลิงอวี๋รับป้ายมาด้วยความตื่นเต้น พลางหันไปดูผู้เข้าสอบคนอื่น ๆ ที่กำลังมองนางด้
เป็นไปตามคาด หลิงอวี๋เห็นใบหน้าที่งดงามทว่าโหดร้ายนั้น และนั่นก็คือศัตรูที่นางมิอาจลืมเลือน...จ้าวหรุ่ยหรุ่ย!ชั่วขณะนั้นดวงตาของหลิงอวี๋เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว พลางนึกอยากจะรุดเข้าไปฉีกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเป็นชิ้น ๆ เพียงหลับตา นางก็มิอาจควบคุมตนมิให้นึกถึงฉากที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเตะต่อยตนความเจ็บปวดและเลือดสด ๆ อีกทั้งความทุกข์ทรมานจากการสูญเสียลูกไปทำให้หลิงอวี๋มิอาจลืมความเกลียดชังที่ตนมีต่อจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้เลย!คาดมิถึงว่าศัตรูจะปรากฏตัวต่อหน้าตนเช่นนี้!หลิงอวี๋ตื่นตัวมากจนร่างกายสั่นเทา แต่นางก็ยังสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ได้นางมิใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย การวู่วามลงมือมีแต่จะเป็นการรนหาที่ตายเท่านั้นหลิงอวี๋สูดหายใจเข้าลึกพลางมองเด็กสาวที่ประกาศสงครามกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเด็กสาวคนนี้ดูอายุราว ๆ สิบหกสิบเจ็ดปี มีรูปร่างสูง ใบหน้ารูปไข่ คิ้วโค้งเหมือนพระจันทร์เสี้ยว และดวงตาแวววาวสดใสผมสีดำสนิทของนางถูกแสกกลางและถักเป็นเปียยาวสองข้างพันไว้รอบมวยผม ข้าง ๆ มวยผมนั้นมีปิ่นมุกปักประดับอยู่สองอันเด็กสาวสวมชุดกระโปรงสีม่วงควันธูป และเมื่อดูจากเนื้อผ้าแล้ว นางน่าจะเป็นค
ข่าวที่สือหรงนำมาให้เซียวหลินเทียนมิใช่ข่าวดี จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยังคงอยู่ในตำหนักเทียนจีและมิได้มาลงทะเบียนด้วยตนเองหากอยากพบกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ย ก็ทำได้แค่ต้องรอจนถึงวันคัดเลือกรอบแรกเท่านั้นแต่เซียวหลินเทียนก็มิย่อท้อ ถึงอย่างไรขอเพียงจ้าวหรุ่ยหรุ่ยปรากฏตัว เขาก็จะไม่มีทางปล่อยนางหนีไปอีกแน่ ให้นางเป็นอิสระอีกสักสองสามวันก็คงมิเป็นไร!ในช่วงวันเวลาที่เหลือ หลายคนเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านเช่นเดียวกับหลิงอวี๋ พวกเขาอ่านตำราอย่างหนักและเพิ่มพูนความรู้ที่ขาดไป เพื่อที่จะผ่านการคัดเลือกและได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาชิงหลงทว่าหลิงอวี๋มิรู้เลยว่าศัตรูของตนมาถึงเมืองหลวงแดนเทพแล้ว หลังจากเอาแต่ปิดห้องอ่านตำราเป็นเวลาหลายวันนางก็มาที่สำนักศึกษาชิงหลงที่อยู่นอกเมืองในวันแห่งการคัดเลือก โดยมีผู้รอบรู้เรื่องร่วมเดินทางด้วยหน้าทางเข้าสำนักศึกษาชิงหลงเต็มไปด้วยผู้คนทั้งบุรุษและสตรี ทั้งเด็กและผู้ใหญ่รวมกันนับพันคนผู้รอบรู้เห็นเช่นนั้นก็ทึ่งจนพูดมิออก และอ้ำอึ้งพูดออกไปว่า “รู้เช่นนี้ข้าน่าจะมาลงทะเบียนเข้าเรียนที่สำนักศึกษาชิงหลงกับเจ้าด้วย เฮ้อ ตอนนี้มันสายไปเสียแล้ว!”หลิงอวี๋ยิ้ม นางรู้ว่าผู้รอบร
“เถาจื่อ หานอวี้ วันพรุ่งพวกเจ้าไปลงทะเบียนเสีย!”เซียวหลินเทียนทำการตัดสินใจและกำชับว่า “ลงทะเบียนในชื่อของน้องสาวข้า!”“เผยอวี้ ฉินซาน พวกเจ้าสองคนก็ไปลงทะเบียนสาขาที่ตนเองชื่นชอบด้วย พวกเจ้าทั้งคู่บอกแค่ว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้าก็พอ!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น พวกเขาทุกคนก็หัวเราะอย่างมีความสุข พลางพยักหน้าและจัดลำดับอาวุโสกันให้เซียวหลินเทียนเป็นพี่ใหญ่ของทุกคน เถาจื่อเป็นพี่หญิงใหญ่ หานเหมยเป็นพี่น้องคนที่สาม และหานอวี้เป็นคนที่สี่เซียวหลินเทียนได้บอกจุดประสงค์ของภารกิจให้พวกเขาทราบแล้ว เถาจื่อกับหานอวี้ต้องให้ความสำคัญกับฝั่งของสตรีวันรุ่งขึ้น เถาจื่อและหานอวี้ไปลงทะเบียน และทั้งคู่ก็เลือกวิชาปรุงโอสถเนื่องจากก่อนหน้านี้พวกนางเคยตามหลิงอวี๋ไปจำแนกเครื่องยาสมุนไพรหลายชนิด ในความคิดของพวกนาง การกลั่นโอสถเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการผ่านการประเมินมีชั้นเรียนที่สอนการกลั่นโอสถเพียงสองแห่งเท่านั้น ดังนั้นเถาจื่อและหานอวี้จึงต้องลงทะเบียนเรียนคนละชั้นเรียนและเถาจื่อก็ได้ลงทะเบียนเรียนชั้นเรียนของหอโอสถซ่างกู่เซียวหลินเทียน เผยอวี้และคนอื่น ๆ ก็ไปลงทะเบียนด้วยเซียวหลินเทียนลงทะ
เผยอวี้เหลียวซ้ายแลขวาไปรอบ ๆ เมืองหลวงแดนเทพที่เจริญรุ่งเรืองราวกับคนบ้านนอก ทำเอาเขาอดมิได้ที่จะถอนหายใจ“มิแปลกใจที่ทุกคนล้วนพูดว่าเมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรือง เพราะที่นี่เจริญจริง ๆ ดังคำกล่าว นายท่านอู่ เมืองหลวงแดนเทพแห่งนี้ใหญ่กว่าเมืองหลวงในฉินตะวันตกของพวกเราหลายเท่านัก!”เซียวหลินเทียนวางแผนใช้คำในชื่อจักรพรรดิเซิ่งอู่ของตนเป็นแซ่ ดังนั้น เผยอวี้และคนอื่น ๆ จึงได้เปลี่ยนมาเรียกเซียวหลินเทียนว่านายท่านอู่หานอวี้กับเถาจื่อและคนอื่น ๆ ที่ได้รีบมารวมตัวกับกลุ่มของเซียวหลินเทียนต่างพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเงียบ ๆทว่าเซียวหลินเทียนกลับรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมา เมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรืองแล้วอย่างไร?หากไม่มีหลิงอวี๋อยู่เคียงข้าง มิว่าทิวทัศน์จะสวยงามเพียงใดมันก็ไร้ประโยชน์ยิ่งเมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรืองและมีขนาดใหญ่มากเท่าไร การตามหาหลิงอวี๋ก็จะยิ่งยากมากเท่านั้นท่ามกลางฝูงชนมหาศาลนี้เขาจะหาตัวหลิงอวี๋ของเขาพบได้อย่างไร?ฉินซาน หานเหมยและสือหรงล่วงหน้ากันไปก่อน ในช่วงที่ยังสร้างตำหนักปีกเงินแห่งใหม่มิเสร็จนี้ ทั้งสามคนได้ซื้อที่ดินใหญ่ที่มีหกส่วนเพื่อให้ทุกคนใช้เป็นที่อย
หลิงอวี๋เห็นด้วยกับผู้รอบรู้ เพื่อป้องกันมิให้คนอื่นสงสัยว่านางกับผู้รอบรู้มิใช่พี่น้องกันแท้ ๆ นางจึงเปลี่ยนแซ่ของตนเป็นแซ่เดียวผู้รอบรู้และใช้นามว่า สิงอวี๋วันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋ไปที่ห้องโถงหลักของหอโอสถซ่างกู่เพื่อลงทะเบียน ที่ทางเข้าหอโอสถซ่างกู่นั้นมีทั้งบุรุษและสตรีต่อแถวยาวเป็นหางว่าวหลิงอวี๋รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาเมื่อเห็นแถวยาวถึงเพียงนี้ ต้องต่อแถวไปถึงเมื่อไรกว่าตนจะได้ลงทะเบียนเล่านี่!แต่เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ เพื่ออนาคตของตนในวันข้างหน้า นางก็ทำได้เพียงต่อแถวต่อไปอย่างว่าง่ายเท่านั้นคุณหนูและนายน้อยบางส่วนมิได้มาด้วยตนเอง แต่ส่งสาวใช้และคนรับใช้ไปต่อแถวให้เด็กสาวท่าทางเหมือนคุณหนูที่อยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เห็นเช่นนั้นก็ยิ้มเยาะขึ้นมา“แม้แต่มาต่อแถวก็ยังไม่มีความจริงใจ แต่กลับอยากเป็นศิษย์ของอาจารย์เย่น่ะหรือ คนเช่นนี้สมควรถูกปัดตกไปเสีย!”สาวใช้ด้านหน้าหลิงอวี๋ที่มาต่อแถวแทนเจ้านายได้ยินเช่นนั้นก็พูดอย่างดูถูกว่า “ไม่มีใครตั้งกฎว่าห้ามสาวใช้มาต่อแถวให้นี่! ตระกูลเหลยของท่านขัดสนมากจนไม่มีเงินจ้างสาวใช้หรืออย่างไร?”เหลยเหวินโกรธจัดและตะโ
หลิงอวี๋มิได้ถือโทษผู้รอบรู้และกล่าวว่า “พี่ใหญ่มิต้องกังวลไป กินข้าวกันก่อนเถิด ท่านซื้อตำรับกลั่นโอสถมิได้ก็ช่างมัน ข้ามีที่เรียนแล้ว!”ในขณะที่กำลังกินข้าวหลิงอวี๋ก็เล่าให้ผู้รอบรู้ฟังว่าสำนักศึกษาชิงหลงกำลังรับสมัครบัณฑิตวิชาปรุงโอสถ“วันพรุ่งข้าจะไปลงทะเบียน หากข้าได้ที่หนึ่ง ข้าก็จะได้เรียนวิชาปรุงโอสถโดยมิต้องเสียเงินแม้แต่แดงเดียว!”แต่แม้จะมิได้ที่หนึ่งหลิงอวี๋ก็คิดว่าตนสามารถหาเงินห้าหมื่นอีแปะจากการขายตำรับยาเพียงมิกี่เล่ม นางจึงมิได้เก็บมาใส่ใจ“พี่ใหญ่ ตอนที่ลงทะเบียนมีปรมาจารย์ให้เลือกเรียนด้วยสองคน ข้ามิรู้ว่าควรจะเลือกปรมาจารย์คนไหน วันพรุ่งท่านช่วยไปสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับนิสัยของแต่ละคนให้ข้าหน่อยนะ!”เมื่อผู้รอบรู้ได้ยินว่า นักปรุงโอสถแห่งหอโอสถไป๋เป่าและซ่างกู่จะรับหน้าที่เป็นครู เขาก็พูดโดยมิลังเลว่า “มิจำเป็นต้องไปสอบถามหรอก เลือกครูของหอโอสถซ่างกู่สิ!”“เพราะเหตุใดหรือ?” หลิงอวี๋ถามด้วยความอยากรู้ผู้รอบรู้ยิ้มหยัน “คนของหอโอสถไป๋เป่าเหล่านั้นเป็นพวกยโสชอบดูถูกคนอื่น! เพราะคนที่อยู่เบื้องหลังหอโอสถของพวกเขาคือฮูหยินของเจ้าแห่งทะเลของตระกูลหลงอย่างไรเล่า!”“
เมื่อเห็นบรรยากาศที่แสนจะคึกคัก หลิงอวี๋ก็เข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้นนางเห็นประกาศว่า สำนักศึกษาชิงหลงกำลังรับสมัครบัณฑิตในหลายสาย เช่น สายนักปรุงโอสถ สายนักสร้างอาวุธ สายนักทำนายดวงดาว สายนักอัญเชิญ และสายจอมยุทธ์ ขณะที่หลิงอวี๋กำลังอ่านประกาศ นางก็ได้ยินผู้คนรอบ ๆ พูดคุยกันจากบทสนทนาของพวกเขา ทำให้หลิงอวี๋ได้รู้ว่า สำนักศึกษาชิงหลงนั้นอยู่ในการดำเนินงานของราชสำนักซึ่งให้การศึกษาด้านการฝึกฝนในระดับสูงผู้ที่ดำรงตำแหน่งเป็นครูคือปรมาจารย์ที่โดดเด่นในด้านต่าง ๆ หากมีบัณฑิตที่มีความเป็นเลิศประจักษ์แก่สายตาของอาจารย์เหล่านี้ พวกเขาก็สามารถรับเป็นศิษย์และเข้าร่วมกับกองทัพของราชสำนัก หรือสำนักใหญ่ ๆ ได้แดนเทพเปิดกว้างมากเรื่องความแตกต่างระหว่างบุรุษและสตรี สตรีนั้นสามารถเข้ามาร่ำเรียนในสำนักศึกษาและได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับบัณฑิตชายหลิงอวี๋รู้สึกถูกใจในสิ่งที่ได้เห็น การที่ได้ไปร่ำเรียนในสำนักศึกษาเช่นนี้ จะทำให้ตนเข้าใจการปรุงโอสถได้ง่ายขึ้น ดีกว่าลองผิดลองถูกมิใช่หรือ?นางตั้งใจอ่านอีกครั้ง ข้อกำหนดในการลงทะเบียนมิได้เข้มงวดเกินไป และใช้เงินเพียงห้าตำลึงเงินเท่านั้นในการลงทะเบี
หลิงอวี๋และผู้รอบรู้ได้มาถึงเมืองหลวงแดนเทพ เหมือนกับที่ผู้รอบรู้บอก เมืองหลวงแดนเทพเต็มไปด้วยโอกาสเพราะที่นี่มีผู้บำเพ็ญตนมากมายและเต็มไปด้วยกลุ่มคนน้อยใหญ่อยู่ทั่วทุกหนแห่งหลิงอวี๋เองก็รู้สึกทึ่งกับความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหลวงแดนเทพ มีร้านค้าอยู่ทั่วทุกมุมและสินค้าที่ขายก็มีความหลากหลายแปลกตาและสวยงามเช่นเดียวกัน ราคาที่อยู่อาศัยในเมืองหลวงแดนเทพก็มีราคาแพงสองวันแรกทั้งสองคนพักที่โรงเตี๊ยมเล็ก ๆ บริเวณชานเมือง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายคืนละห้าสิบตำลึงเงินหลังจากใช้ความพยายามอย่างมาก ในที่สุดผู้รอบรู้ก็ได้ซื้อเรือนเล็ก ๆ ของตรอกเล็กในเมืองที่อยู่ไกลออกไปโดยใช้เงินไปเกือบสามหมื่นนี่เทียบเท่ากับการใช้สมบัติของหลิงอวี๋ไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง ซึ่งทำให้ผู้รอบรู้รู้สึกปวดใจอยู่นานแต่หลิงอวี๋พอใจแล้ว การซื้อเรือนเล็ก ๆ แห่งนี้ได้ในราคาต่ำเช่นนี้ ถือว่าผู้รอบรู้ก็มีความสามารถ มิเช่นนั้น หากดูตามราคาตลาด เรือนแห่งนี้อาจมีราคาสูงถึงห้าหมื่นด้วยซ้ำ“พี่ใหญ่ เงินหมดก็หาใหม่ได้ มิต้องเสียใจไปหรอก พวกเรามีบ้านแล้วก็สามารถหาอาชีพทำมาหากินได้”หลิงอวี๋พูดปลอบอีกฝ่ายด้วยความมั่นใจเรือนเล็กนี้รวมห