ลูกตาของหลู่ชิ่งเคลื่อนที่ตามนิ้วของหลิงอวี๋ แต่ดวงตาของเขาก็ยังคงว่างเปล่าคราวนี้ แม้แต่จ้าวซวนก็สังเกตเห็นความผิดปกติแล้ว“หลู่ชิ่ง จำข้าได้หรือไม่?”จ้าวซวนตะโกนอย่างกังวลหลู่ชิ่งส่งเสียงอืออา มองจ้าวซวนแต่พูดมิออก สีหน้าก็ยังคงว่างเปล่าอยู่“หลู่ชิ่ง ข้าเป็นลูกพี่ลูกน้องของเจ้าไง!”จ้าวซวนร้อนใจ กำลังจะเอื้อมมือไปเขย่าหลู่ชิ่ง แต่ก็ถูกหลิงอวี๋ห้ามเอาไว้ก่อน“อย่าแตะต้องเขา! เขาเพิ่งผ่าตัดมา ยังจำเป็นต้องพักฟื้น!”“พระชายา นี่มันเกิดกระไรขึ้น? หลู่ชิ่งดูเหมือนจะจำข้ามิได้เลย… เขามิพูดมิจาด้วย!”จ้าวซวนเอ่ยอย่างร้อนใจ “เป็นเช่นนี้ไปได้เยี่ยงไร?”หลิงอวี๋ดึงตัวจ้าวซวนออก หยิบก้านสำลีออกมา “พวกเจ้าไปยืนข้าง ๆ อย่าบังแสง! ข้าจะตรวจดูหน่อย!”จ้าวซวนรีบไปยืนข้าง ๆ พลางมองหลิงอวี๋อย่างเคร่งเครียดหลิงอวี๋ดันลิ้นเปิดปากของหลู่ชิ่งออก นางตรวจดูคอของหลู่ชิ่ง แต่ที่คอก็ไม่พบสิ่งผิดปกติใด ๆนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?หลิงอวี๋ก็ไม่เข้าใจเช่นกัน หลู่ชิ่งได้รับบาดเจ็บภายนอก มิได้บาดเจ็บที่คอเลย เหตุใดจึงพูดไม่ได้?“ตอนที่เขาได้รับบาดเจ็บเขาถูกตีหัวหรือไม่?”หลิงอวี๋เอ่ยถามชิวเฮ่า
เซียวหลินเทียนกับลู่หนานถูกหลิงซินตะคอกใส่เช่นนี้ ต่างก็มองไปทางหลิงอวี๋โดยไม่รู้ตัวแล้วก็เห็นรอยเลือดซึมออกมาตรงเสื้อผ้าตรงหลังของหลิงอวี๋จริง ๆเซียวหลินเทียนใจสั่น หลิงอวี๋ได้รับบาดเจ็บตั้งแต่เมื่อใดกัน?ไฉนเขาจึงมิรู้?หรือว่าวันนั้นที่ช่วยครอบครัวของท่านกวนเอ้อร์ ถึงได้รับบาดเจ็บ?จูเผิงก็เห็นเลือดซึมเสื้อผ้าของหลิงอวี๋ในหลายจุดเช่นกัน เขาพูดไม่ออกไปทันที“หลิงซิน ไยเจ้าต้องพูดเรื่องพวกนี้!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างเย็นชา “องครักษ์จ้าว ค่าตรวจกับค่ายารวมทั้งหมดห้าสิบตำลึง ค่าผ่าตัดสองร้อยตำลึง เจ้าให้หลิงซวนเอากลับมาแล้วกัน!”“หากเจ้ามีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องเก็บเงินของข้า หลิงซวนจักอธิบายให้เจ้าฟังเอง!”พูดจบ หลิงอวี๋ก็ลากหลิงซินหันหลังจากไปใบหน้าของจ้าวซวนกระตุก ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋ให้ยาพวกเขา มิเคยเอ่ยถึงเงิน!ครั้งนี้ทำให้หลิงอวี๋โกรธจริง ๆ เข้าแล้ว นี่เป็นขีดเส้นกำหนดขอบเขตกับพวกเขาอย่างชัดเจนแล้ว!แต่จ้าวซวนก็ไม่มีหน้าไปโต้เถียงกับหลิงอวี๋ เพราะถึงอย่างไรหลิงอวี๋ก็ช่วยชีวิตหลู่ชิ่งไว้เขาหยิบตั๋วเงินสองร้อยห้าสิบตำลึงส่งให้หลิงซวนอย่างว่าง่ายหลิงซวนรับตั๋วเงินไป พลา
“ชิวเฮ่า วันนี้เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?”หลังจากที่เซียวหลินเทียนทำให้จูเผิงสงบลง ก็เอ่ยถามแม้ว่าชิวเฮ่าจะพาตัวหลู่ชิ่งกลับมาอย่างตั้งใจเต็มที่ แต่เซียวหลินเทียนกลับมิสามารถขจัดความสงสัยที่มีต่อสองคนพี่น้องเพราะสิ่งนี้ได้!หากนี่เป็นกลยุทธ์ทุกข์กายเล่า?บัดนี้หลู่ชิ่งดูเหมือนว่าจะไม่สามารถพูดหรือเขียนได้เลย ทำให้เซียวหลินเทียนต้องคิดไปเช่นนั้น!“ขอตอบท่านอ๋อง กระหม่อมเจอหลู่ชิ่งอยู่บนถนนพ่ะย่ะค่ะ ยามนั้นเขาถูกคนที่ดูลับ ๆ ล่อ ๆ สองคนตามอยู่!”ชิวเฮ่าตอบอย่างเป็นธรรมชาติ “ยามนั้นกระหม่อมอยากรู้มากว่าหลู่ชิ่งไปทำให้ผู้ใดขุ่นเคืองเข้า จึงได้ตามพวกเขาไปอย่างเงียบ ๆ!”“ไหนเลยจะคิดว่าหลู่ชิ่งเห็นพวกมันแล้ว ถึงได้จงใจล่อพวกเขาเข้าไปที่ซอยเล็ก ๆ ไกล ๆ! กระทั่งตอนกระหม่อมตามไปทัน ก็พบว่าพวกเขากำลังต่อสู้กันอยู่พ่ะย่ะค่ะ!”“กระหม่อมรีบเข้าไปช่วย แต่ฝีมือของคู่ต่อสู้นั้นดีมาก กระหม่อมกับหลู่ชิ่งสู้มิได้ จึงถูกแทงพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว “พวกมันเป็นคนของผู้ใด?”ชิวเฮ่าคิดคำพูดเอาไว้อยู่ก่อนแล้ว จึงแสร้งทำเป็นเอ่ยไปอย่างโกรธ ๆ“อาจเป็นคนขององค์ชายเว่ยพ่ะย่ะค่ะ...!”“กระหม่อ
เซียวหลินเทียนคิด ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าเขาสงสัยชิวเฮ่า ก็เพราะฟังคำพูดของหลิงอวี๋แต่หลิงอวี๋นั้นเต็มไปด้วยคำพูดโกหก เรื่องของหลิงเยวี่ยก็สามารถแต่งเรื่องขึ้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ คำพูดของนางจะเชื่อได้หรือ?แต่แม้ว่าสตรีผู้นี้จะโกหกตนเรื่องหลิงเยวี่ย แต่ในเรื่องอื่น ๆ ก็ไม่ถือว่าแย่จนเกินไปนักอีกอย่างก่อนหน้านี้คนที่จ้าวซวนส่งไปติดตามชิวเหวินซวง ก็ถูกชิวเหวินซวงสลัดทิ้งไป!หากพี่น้องชิวไม่ทำเรื่องที่ให้ใครรู้ไม่ได้ เช่นนั้นเหตุใดต้องสลัดคนที่ติดตามทิ้งไปด้วยเล่า?เซียวหลินเทียนแอบระวังตัว เรื่องนี้มิสามารถมองข้ามได้!หากนี่เป็นกลยุทธ์ทุกข์กายที่ชิวเฮ่าแสดงอยู่ เช่นนั้นเขาจะแสร้งทำเป็นเชื่อชิวเฮ่า และดูว่าพี่น้องชิวจะทำอะไรหรือไม่ก็ใช้แผนซ้อนแผน บังคับพี่น้องชิวให้เปิดเผยตัวเองออกมาก็ได้!......ยามราตรีหลิงอวี๋เพิ่งอาบน้ำเสร็จเตรียมตัวจะเข้านอน ก็มีคนเคาะประตูเสียก่อน“คุณหนู!”มันคือเสียงของเถาจื่อ หลิงอวี๋จึงเดินไปเปิดประตู“คุณหนู มีข่าวจากทางท่านเกิ่ง บอกว่าพบที่อยู่ของหลิงผิงแล้ว ให้คุณหนูรีบไปที่นั่นโดยเร็วเจ้าค่ะ!”ทันทีที่หลิงอวี๋ได้ยินก็รีบผลัดผ้า แล้วพาหลิงซว
หลิงผิงตอบอย่างตรงไปตรงมา เพื่อจะเอาตัวรอด“หลิงหลานบอกว่า หวางซือสัญญากับนางว่าขอเพียงคุณหนูตาย ก็จะมอบเงินจำนวนมากให้นาง และจะคืนสัญญาที่ขายตัวของนางให้!”“หลังจากที่ข้ารู้เข้า หลิงหลานบอกข้าว่าอย่าไปบอกผู้ใด บอกว่าหลังจากนั้นนางจะแบ่งเงินให้ข้าครึ่งหนึ่ง!”หลิงอวี๋ยิ้มเยาะ “ทรัพย์สินของข้าถูกเฝิงโปพรรคพวกของเจ้าโกงไป เรื่องนี้หลิงหลานมิได้มีส่วนร่วมหรือ?”หลิงผิงรีบเอ่ย “จักไม่มีส่วนร่วมได้เยี่ยงไร! กลโกงบางอย่าง หลิงหลานช่วยคิดขึ้นมาด้วยซ้ำ!”“คุณหนู เงินที่ข้าโกงไป มีการแบ่งให้หลิงหลานทุกครั้งเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋เอ่ยถาม “เช่นนั้นสินเดิมที่หวางซือให้ข้าในตอนแรก รายการสินเดิมพวกนั้นพวกเจ้าขโมยไปใช่หรือไม่?”หลิงผิงส่ายหัว “ข้ามิเห็นรายการสินสอด คาดว่าหลิงหลานจะขโมยไปแล้ว! หวางซือวางใจนางมากกว่าข้า คิดว่าหวางซือต้องให้นางขโมยไปแน่!”“คุณหนู สิ่งที่ข้าบอกเป็นเรื่องจริงทั้งหมด คุณหนูปล่อยข้าไปเถิด! ยามนี้ข้าสิ้นเนื้อประดาตัวแล้ว คุณหนูเห็นแก่ที่เป็นนายบ่าวกัน ปล่อยข้าไปเถิด!”หลิงอวี๋ยิ้มเย็นชา “หลิงผิง เอาเงินข้าไปมากถึงเพียงนั้น แม้ว่าเจ้าจะใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายเพียงใด ก็ยังใช้ไ
หลิงผิงตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ยามนั้นนางรีบร้อนจะหนี มิได้ดูให้แน่ว่าเฝิงโปตายจริงหรือไม่!เฝิงโปยังมิตายจริงหรือ?“เจ้าคิดที่จะขู่หวางซือเพื่อจะเอาเงินก้อนใหญ่!”หลิงอวี๋นึกถึงสิ่งที่เฝิงโปเคยพูดไว้หลิงผิงพูดแล้วว่าหากวันหนึ่งนางต้องการจะไปจากเมืองหลวง จะให้หวางซือให้เงินก้อนกับนางเหตุใดหวางซือจึงจะให้เงินก้อนกับหลิงผิงโดยไม่มีเหตุผลกันเล่า?เว้นเสียแต่ว่าหลิงผิงจะรู้ความลับที่ใหญ่มากพอของหวางซือ และความลับนี้สามารถคุกคามความปลอดภัยของหวางซือได้ หวางซือถึงจะเอาเงินให้“ไม่… ไม่มีความลับใด ๆ หรอก ข้า… ข้าแค่คิดว่าหวางซือให้พวกเราวางยาคุณหนู ก็เลยอยากจะใช้สิ่งนี้ทำให้นางให้เงินข้า!”หลิงผิงพูดตะกุกตะกัก“เถาจื่อ ข้าคิดว่านางไม่น่าจะรู้อะไรแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะเก็บนางไว้ ฆ่านางเสีย!”หลิงอวี๋เห็นว่าจนถึงตอนนี้หลิงผิงก็ยังคงดื้อรั้นอยู่ จึงเอ่ยอย่างเย็นชาเถาจื่อเอ่ยอย่างเฉียบขาด “เจ้าค่ะ คุณหนู!”นางวางมีดไปที่คอของหลิงผิง หลิงผิงตกใจเสียจนขวัญหนีดีฝ่อไปหมด“คุณหนู อย่าฆ่าข้าเลย… ข้าจะบอกทั้งหมดแล้ว!”“ข้า… ข้ารู้ว่าแม่ของคุณหนูตายเยี่ยงไร! นางถูกหวางซื
“แม่นมเหมาบอกข้าว่า นั่นหวางซือเป็นคนทำ… นางอยากให้ท่านเอ้อร์หย่ากับฮูหยินหลาน แต่ไม่มีหลักฐานท่านอดีตเสนาบดีก็ไม่ตกลง!”“ดังนั้นหวางซือจึงฉวยโอกาสตอนที่ฮูหยินหลานไปถวายเครื่องหอมที่วัด ไปหาคนสองสามคนมาทำให้ฮูหยินหลานมีมลทิน!”“ฮูหยินหลานจึงตั้งท้องเพราะเหตุนั้นเจ้าค่ะ!”หลิงผิงยิ้มอย่างดูถูก “หลังจากเกิดเรื่องฮูหยินหลานจึงคิดแขวนคอตาย แต่พอนางเห็นคุณหนูกับคุณชายก็ทำใจมิได้ที่จะต้องตายไป!”“นางไปซื้อยาให้แท้งมาให้ตัวเอง เพราะอยากจะเลี่ยงการตั้งครรภ์! แต่หวางซือให้แม่นมเหมาเปลี่ยนยาของนางเป็นยาบำรุงครรภ์!”“เช่นนี้ เด็กโตได้สามเดือนแล้ว ฮูหยินหลานถึงเพิ่งจะรู้!”หลิงอวี๋นึกได้ว่าตนเองไม่มีน้อง จึงถามอย่างสงสัย “แล้วเด็กเล่า?”หลิงผิงหลุบตาลง พลางเอ่ยอย่างยินดีในความโชคร้ายของผู้อื่น“พอหวางซือรู้ว่าฮูหยินหลานกำลังท้องก็เริ่มโวยวายขึ้นมา… ตอนนั้นย่าของคุณหนูยังมีชีวิตอยู่ นางโกรธมากจนให้ยาทำแท้งกับหลานฮุ่ยจวน เพื่อบังคับให้เด็กหลุดออกมา!”“แต่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่า ครั้งนี้ฮูหยินหลานจะตั้งท้องลูกสองคน จึงหลุดออกมามิได้ ความเจ็บปวดทำให้ฮูหยินหลานต้องทนทุกข์ทรมานทั้งคืน และมีเลือ
หลิงอวี๋คิด แล้วก็นึกประเด็นสำคัญหนึ่งได้ “แม่นมเหมาบอกเรื่องพวกนี้กับเจ้า มีหลักฐานที่ชัดเจนหรือไม่?”หากไม่มีหลักฐานชัดเจน แม้ว่าหลิงอวี๋จะจับตัวหลิงผิงกับเผชิญหน้ากับหวางซือ หวางซือก็เถียงข้าง ๆ คู ๆ ไปได้!“คุณหนู ข้าบอกคุณหนูไปหมดแล้ว คุณหนูปล่อยข้าไปเถิดเจ้าค่ะ!”หลิงผิงเอ่ยอย่างร้อนใจ “แม่นมเหมาตายไปแล้ว! ข้าจมีหลักฐานได้เยี่ยงไรกัน! ทั้งหมดนี้นางเป็นคนบอกข้า! ข้าบอกไปหมดแล้วจริง ๆ เจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋เห็นท่าทางกังวลของหลิงผิง ก็ยิ้มเย็นชา“หลิงผิง เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? เจ้ากล้าเอาแค่คำพูดของคนตายเช่นนี้ไปข่มขู่ให้หวางซือให้เงินเจ้าอย่างนั้นหรือ?”“เจ้าไม่มีหลักฐาน หวางซือจักยอมให้เงินเจ้ารึ?”“อย่ามาแกล้งเฉไฉอีก มิเช่นนั้นข้าจักมิเกรงใจแล้ว!”หลิงผิงทั้งโกรธทั้งเกลียด นางคิดว่าจะเหลือหนทางไว้สักหน่อย ขอเพียงหลิงอวี๋ปล่อยตนเองไป ก็จะเอาหลักฐานไปข่มขู่เอาเงินจากหวางซือ!ไหนเลยจะคิดว่าหลิงอวี๋จะรู้ทัน!“คุณหนู ข้าจักรู้ได้เยี่ยงไรว่าหากข้าให้หลักฐานคุณหนู แล้วคุณหนูจักปล่อยข้าไป!”หลิงผิงเอ่ยอย่างใจร้าย “ข้าเก็บหลักฐานไว้ในที่ที่ปลอดภัยมาก เว้นแต่คุณหนูจักรับปากว่าจะจ่ายเง
“ตกลง ข้าจะเข้าร่วมการประลอง!”หลิงอวี๋เอ่ยออกมาอย่างแน่วแน่เย่ซื่อฝานและท่านผู้เฒ่าเย่ต่างสบตากัน พวกเขารู้ดีว่าเสี่ยวชีหนีมิพ้นการประลองในครั้งนี้ ทว่าเสี่ยวชีจะชนะได้จริงหรือ?หลายปีมานี้ตระกูลเย่กับหอโอสถไป๋เป่าต่อสู้กันอย่างเปิดเผย และพวกเขาก็รู้จักคนของไป่หลี่ไห่ดีที่สุดการประลองที่ดูเปิดเผยนี้ ลับหลังอาจจะซ่อนเจตนาฆ่ามิรู้จบเอาไว้ก็ได้!ไป่หลี่ไห่ได้สูญเสียคนไปแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นหากมิได้เตรียมตัวมาอย่างดีเขาไม่มีทางเสนอการประลองเช่นนี้เป็นอันขาด!หลงเพ่ยเพ่ยออกไปก่อน แต่พ่อลูกตระกูลเย่ยังอยู่ ทั้งสองต่างก็มองหลิงอวี๋ด้วยความกังวลหลังจากผ่านไปสักพัก ท่านผู้เฒ่าเย่ก็เอ่ยขึ้นก่อน “เสี่ยวชี เจ้าต้องเตรียมใจเอาไว้ด้วย นี่มิใช่การประลองที่ยุติธรรมเป็นแน่!”“ไป่หลี่ไห่มีกลอุบายมากมาย หากเขามิมั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะเจ้าได้เขาไม่มีทางเสนอการประลองหรอก!”หลิงอวี๋คิดเอาไว้แล้ว นางจึงเอ่ยออกไปเรียบ ๆ “ท่านผู้อาวุโส ข้ารู้ แต่ข้าไม่มีทางให้ถอยแล้วเจ้าค่ะ!”หากมิเข้าร่วมก็จะมิได้เห็ดหยก ทั้งยังต้องชดใช้เหมียวหยางด้วยชีวิตอีกนางสามารถต่อสู้กับเหมียวหยางได้ และสามารถต่อสู้กับไ
หลิงอวี๋จึงบอกการคาดเดาของตนให้พ่อลูกตระกูลเย่ฟังทั้งหมดท่านผู้เฒ่าเย่หมดคำพูดไปเลยทีเดียว ทรัพย์สินของตระกูลเหมียวไป่หลี่ไห่ก็จับจ้องอยู่เช่นกัน คนผู้นี้ช่างไม่มีขอบเขตของความเป็นคนเอาเสียเลย!“ท่านผู้อาวุโส ท่านอาจารย์ ข้าคาดว่าการประลองครั้งนี้คงมิอาจหลีกเลี่ยงได้ เพราะเหมียวหยางเหลือเวลาอีกเพียงสามวันเท่านั้นเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋เอ่ยด้วยเสียงทุ้ม “ไป่หลี่ไห่กล้าเสนอข้อเรียกร้องที่ไร้เหตุผลเช่นนี้ เขามั่นใจว่าจะบีบข้าลงได้แน่นอน! เพียงแต่ข้ามิรู้ว่าเขาจะใช้วิธีใด!”ท่านผู้เฒ่าเย่หัวเราะเยาะออกมา “เขาจะใช้วิธีใดได้อีกเล่า… อำนาจของเจ้าแห่งทะเลและความโปรดปรานของมหาเทพหลงก็เพียงพอที่จะทำให้เขาทำทุกอย่างที่ต้องการได้แล้ว!”“เขาสามารถทำได้แม้กระทั่งขอพระราชโองการบีบให้เจ้ามอบยาแก้พิษให้ แต่นี่จะเป็นการทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่จนเกินไป หากเขายังคิดที่จะอยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เขาก็น่าจะมิทำเช่นนั้น!”หลงเพ่ยเพ่ยเพิ่งเข้าประตูมาก็ได้ยินประโยคนี้เข้า นางจึงอดมิได้ที่จะเอ่ยขัดจังหวะขึ้นมา“ท่านผู้เฒ่าเย่ ท่านคิดผิดไปแล้ว… ไป่หลี่ไห่จะทำเช่นนั้นจริง ๆ เจ้าค่ะ!”“ว่ากระไรนะ?”ท่านผู้เ
หลังจากที่หลงอิงไปแล้ว เรือนเล็กก็เงียบสงบลง แต่หลิงอวี๋รู้ว่านี่เป็นเพียงความสงบภายนอกเท่านั้นในเมื่อไป่หลี่ไห่มีความคิดเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นเขาจะต้องหาวิธีมาบีบให้ตนประลองกับเขาอย่างแน่นอนเหมียวหยางเหลือเวลาอีกเพียงแค่สามวัน ก่อนที่ร่างกายของเขาจะเน่าเปื่อยและตายไป ดังนั้นไป่หลี่ไห่จึงเหลือเวลาอยู่มิมากแล้วหลิงอวี๋ทำอาหารกลางวันแล้วกินพร้อมกับมู่ตงและไป๋อวี้นางต้มโจ๊กที่มีคุณค่าทางโภชนาแยกให้กับผู้รอบรู้ และเมื่อป้อนโจ๊กให้ผู้รอบรู้เสร็จแล้วเย่ซื่อฝานกับท่านผู้เฒ่าตระกูลเย่ก็มาเยี่ยมผู้รอบรู้ถึงที่เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าเย่ซื่อฝานกับท่านผู้เฒ่าเย่มา ในใจของนางก็พลันรู้สึกซาบซึ้งขึ้นมา พวกเขามาเยี่ยมผู้รอบรู้ถึงที่ ก็นับว่าเป็นการมาสนับสนุนตนเช่นกัน!“เสี่ยวชี พี่ชายเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”ท่านผู้เฒ่าเย่เดินเข้าประตูมาก็เอ่ยถามอย่างเป็นห่วงหลิงอวี๋ยิ้มขมขื่น “ยังดีที่ช่วยเหลือกลับมาได้ทันเวลา มิเช่นนั้นก็คงสิ้นชีพไปแล้วเจ้าค่ะ!”ท่านผู้เฒ่าเย่สีหน้ามืดมนลง แล้วเดินเข้าไปในห้องของผู้รอบรู้พร้อมกับหลิงอวี๋ด้วยผู้รอบรู้นอนอยู่บนเตียง ยังมิสามารถขยับตัวได้ จมูกช้ำและใบหน้าบวม ร
หลิงอวี๋เห็นว่าสีหน้าหลงอิงดูจริงใจ จึงจะเชื่อนางไปก่อน“เจ้ารู้เรื่องที่พี่ชายของข้าถูกตระกูลเหมียวแก้แค้นแล้ว เช่นนั้นอาจารย์ของเจ้าก็ต้องรู้แล้วเช่นกัน แล้วเขามีท่าทีอย่างไร?”หลิงอวี๋เอ่ยถามออกไปหลงอิงรู้สึกปวดหัวขึ้นมา จากนั้นเอ่ยออกไปด้วยใจแน่วแน่ “เสี่ยวอวี๋ ข้าจะพูดกับเจ้าตามความจริงก็แล้วกัน ท่านอาจารย์ของข้ามิอยากรับเงื่อนไขการขับไล่เหมียวหยางออกจากสำนักอีกต่อไปแล้ว เขาบอกว่าเดิมทีแล้วนี่เป็นการประลองระหว่างคนรุ่นหลัง มิได้หมายความว่าเขาไร้ความสามารถ!”“เขาต้องการประลองกับเจ้าดูสักครั้ง เป็นการประลองปรุงยาพิษต่อหน้าธารกำนัล หากว่าเขาแพ้ เขาจะตอบตกลงในเงื่อนไขทั้งหมดของเจ้า!”“แต่หากว่าเจ้าแพ้ เจ้าจะต้องมอบยาแก้พิษให้เหมียวหยาง!”หลิงอวี๋อดมิได้ที่จะหัวเราะออกมา “มิได้หมายความว่าเขาไร้ความสามารถงั้นหรือ? ปรมาจารย์ไป่หลี่ก็สามารถพูดคำเช่นนี้ออกมาได้ ข้านับถือเขาเสียจนอยากจะโขกหัวคารวะให้เสียจริง ๆ!”“ข้าให้เวลาเขาสิบวัน เขาปรุงยาแก้พิษมิได้ แล้วยังมิยอมรับว่าเขาไร้ความสามารถอีกหรือ? ในเมื่อนี่เป็นการประลองของคนรุ่นหลัง ในฐานะที่เขาเป็นผู้อาวุโสจะมาประลองกับข้า เช่นนี้จะ
เย่หรงได้ยินคำถามของหลิงอวี๋ก็เอ่ยตอบไป “เรื่องนี้ข้ารู้ดีทีเดียว ตระกูลเหมียวมีฐานะขึ้นมาจากการพึ่งพาเครื่องยาสมุนไพร เนื่องจัดหาสมุนไพรให้หอโอสถไป๋เป่าอยู่บ่อยครั้ง กอปรกับที่เหมียวหยางค่อนข้างมีพรสวรรค์ในการแยกแยะเครื่องยาสมุนไพรด้วย ไป่หลี่ไห่จึงรับไปเป็นศิษย์!”“หลายปีมานี้ด้วยอำนาจของไป่หลี่ไห่ ตระกูลเหมียวจึงมีสถานะที่สูงขึ้นตามไปด้วย แล้วก็ค่อย ๆ ขึ้นไปเป็นตระกูลที่มีฐานะร่ำรวย!”มิน่า!หลิงอวี๋นึกถึงเงื่อนไขที่ตนเสนอให้หลงอิงก่อนหน้านี้ว่า ให้ไป่หลี่ไห่ขับไล่เขาออกจากสำนักเวลานั้นหลิงอวี๋มิรู้ถึงความแข็งแกร่งของตระกูลเหมียว คิดว่านี่เป็นการกระทำที่จะรักษาชื่อเสียงของไป่หลี่ไห่เอาไว้ตอนนี้เมื่อได้รู้ฐานะของตระกูลเหมียวแล้ว หลิงอวี๋จึงได้รู้ว่าเหตุใดตระกูลเหมียวจึงใช้ผู้รอบรู้แก้แค้นตนฐานะระดับตระกูลเหมียวนี้เรื่องเงินเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย แต่เรื่องเกียรติต่างหากที่เป็นเรื่องใหญ่หากเหมียวหยางถูกไป่หลี่ไห่ขับไล่ออกจากสำนัก ตระกูลเหมียวจะต้องเสียทั้งเกียรติทั้งศักดิ์ศรี อีกทั้งยังหมายความว่า นับจากนี้จะไม่มีไป่หลี่ไห่คอยสนับสนุนพวกเขาอีกต่อไปด้วยเช่นกันสำหรับตระก
นี่คือสิ่งที่หลิงอวี๋กำลังคิดอยู่ในใจ แต่ผู้รอบรู้กลับมองออกหลิงอวี๋อ้าปากค้างอย่างงุนงง มิรู้ว่าควรจะไปต่ออย่างไร“น้องหญิง วันนั้นพี่ใหญ่เห็นเจ้าตากฝนตัวเปียกโชก แล้วก็เห็นบ้านของเราถูกทำลายพังยับเยิน!”“ตอนนั้นข้าก็รู้สึกเช่นเดียวกับเจ้า… หากข้ามีความสามารถ ข้าก็จะไปทุบบ้านของเหมียวหยางเช่นกัน!”“หากข้าวางยาพิษเป็น ก็คงมิต้องให้เจ้าลงมือหรอก ข้าจะวางยาพิษเขาด้วยตัวข้าเอง!”ผู้รอบรู้เอ่ยออกมาอย่างแน่วแน่ “ดังนั้น ข้ามิได้รับเคราะห์แทนเจ้า และมิได้ถูกเจ้าทำให้เดือดร้อนด้วย เจ้ามิต้องรู้สึกผิด!”“พี่ใหญ่!”ดวงตาของหลิงอวี๋มีน้ำตาคลอขึ้นอย่างอธิบายมิถูก“ข้าเป็นเด็กกำพร้ามาตั้งแต่เด็ก หลังจากแยกอาจารย์ข้าก็เตร็ดเตร่อยู่ในยุทธภพเพียงลำพัง ไม่มีครอบครัว และไม่มีเป้าหมายใด!”ผู้รอบรู้เอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “หลังจากที่ได้รู้จักเจ้า ข้าจึงได้มีบ้านและครอบครัว! ข้าออกไปไหนก็มิต้องกังวลแล้วว่าจะไม่มีบ้านให้กลับ และเมื่อกลับมาก็ยังมีเจ้ารอข้ากินข้าวอยู่!”“น้องหญิง ข้าชอบครอบครัวที่พวกเราสร้างขึ้นมา มันทำให้ข้ารู้สึกว่าข้าก็มีความห่วงใยและมีเป้าหมายอยู่เช่นกัน ข้าหวังว่าจะหาเงินได้ม
“พี่ใหญ่มู่ เห็ดหยกนี้มีอยู่ที่ภูเขาใดหรือ?”หลิงอวี๋หันไปเอ่ยถามเขาหากซื้อมิได้นางก็จะไปเก็บด้วยตนเอง มิว่าจะยากลำบากแค่ไหน นางจะต้องหาเห็ดหยกมารักษาสิงจั๋วให้จงได้“ภูเขาศักดิ์สิทธิ์!”มู่ตงมองหลิงอวี๋ “เจ้าคงมิคิดจะไปเก็บที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์กระมัง! เป็นไปมิได้หรอก!”“มีหลายสาเหตุทีเดียว ประการแรก ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เป็นของราชวงศ์ มิอนุญาตให้ผู้ใดเข้าไปเก็บสมุนไพรได้ง่าย ๆ!”“ประการที่สอง แม้ว่าท่านหญิงของข้าจะสามารถพูดให้เจ้าและให้เจ้าเข้าไปในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่เจ้ารู้หรือว่าจะต้องไปเก็บที่ใด?”“ภูเขาศักดิ์สิทธิ์มีอยู่สิบแปดยอดเขา ซึ่งแต่ละยอดเขาก็จะมีความสูงชันและอันตรายมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่พวกตระกูลอู่ที่คอยเฝ้าภูเขาศักดิ์สิทธิ์อยู่ ก็ยังมิสามารถสำรวจยอดเขาครบทั้งสิบแปดยอดเขาได้ เจ้าไม่มีทางที่จะหาเห็ดหยกเจอท่ามกลางยอดเขามากมายถึงเพียงนั้นหรอก!”ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ มิได้มีเพียงแค่มู่ตงผู้เดียวที่เอ่ยถึงความลึกลับของภูเขาศักดิ์สิทธิ์นี้กับตนวันนั้นเย่หรงก็บอกกับตนว่า จ้าวหรุ่ยหรุ่ยต้องการพานางไปที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เพื่อหาเครื่องยาสมุนไพรมาสลายเลือดเนื้อของนางและก่อน
หลังจากที่พวกเขารับคำสั่งแล้วก็ออกไป แล้วจู่ ๆ เซียวหลินเทียนก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ จึงตะโกนขึ้นมา “หานเหมย เจ้ารอก่อน!”หานเหมยหยุดชะงัก หานอวี้ก็หยุดเช่นกัน จากนั้นทั้งสองคนก็มองไปทางเซียวหลินเทียนอย่างสงสัย“ตอนที่ข้าจับตัวจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้ที่ภูเขาหมางหลิ่ง นางเผลอหลุดปากออกมาเรื่องหนึ่ง… นางบอกว่านางโกหกหลิงอวี๋ว่าน้องสาวนางถูกจับตัวมาขายที่เมืองหลวงแดนเทพ!”แล้วเซียวหลินเทียนก็เอ่ยด้วยเสียงหนักแน่น “หลิงอวี๋สูญเสียความทรงจำไป และคิดมาตลอดว่าเจ้าคือเสี่ยวอวี้ น้องสาวของนาง! นางมาที่เมืองหลวงแดนเทพก็เพื่อมาตามหาเจ้า!”หานเหมยตะลึง จากนั้นดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมา “ฝ่าบาททรงหมายความว่าจะให้หม่อมฉันไปเข้าใกล้ฮองเฮาหรือเพคะ?”“อืม ตอนนี้หลิงอวี๋มีความคลางแคลงใจต่อพวกเรา ทว่ากับเจ้านั้นแตกต่างออกไป หลังจากที่นางสูญเสียความทรงจำไปเจ้าก็อยู่กับนางตลอด! จ้าวหรุ่ยหรุ่ยพูดเช่นนี้แล้ว นางจะต้องเชื่อว่าเป็นจริงแน่ ๆ!”เซียวหลินเทียนมองไปทางหานเหมย “สิ่งที่ข้ามิแน่ใจตอนนี้ก็คือ หลิงอวี๋จำเรื่องอะไรได้บ้าง และนางสงสัยหรือไม่ว่าเจ้ามิใช่น้องสาวของนาง!”“หากเจ้าบุ่มบ่ามไปเข้าใกล้นางเช่นนี้
และหลังจากที่เซียวหลินเทียนรู้เรื่อง สายตาของเขาก็มองไปทางเผยอวี้ ฉินซาน เถาจื่อและคนอื่น ๆ อย่างเย็นชาเมื่อเผยอวี้ถูกมองเช่นนั้นก็รู้สึกหนาวไปทั้งตัว ฉินซานเองก็เหงื่อแตกพลั่กเช่นกันแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะมิได้ก่นด่าออกมา แต่พวกเขาต่างก็รู้สึกกระวนกระวายกันไปหมดในที่สุด เซียวหลินเทียนก็เอ่ยขึ้นมา เขาเอ่ยด้วยเสียงเคร่งขรึง “วันนี้คนที่ถูกจับตัวไปคือสิงจั๋ว พวกเจ้ารู้สึกว่าโชคดีใช่หรือไม่… เพราะคนที่ถูกจับตัวไปมิใช่ฮองเฮาของพวกเจ้า!”ไม่มีใครกล้าพูดอะไรทั้งนั้น ทุกคนต่างก็ยืนก้มหน้าอยู่เช่นนั้นพวกเขาเพิ่งจะรู้ข่าวว่าสิงจั๋วถูกหลงเพ่ยเพ่ยส่งกลับไปที่เรือนเล็กหากคนที่ถูกจับตัวไปเป็นหลิงอวี๋ ศัตรูจะรอจนพวกเขารู้ข่าวก่อนแล้วให้ไปช่วยเหลือหรือ?เช่นนั้นจะยังทันหรือ?“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าติดตามข้าออกมาหลายเดือนแล้ว พวกเจ้าคิดถึงครอบครัวและชีวิตก่อนหน้านี้!”เซียวหลินเทียนเปลี่ยนเป็นตะคอกเสียงแข็ง “หากพวกเจ้ารู้สึกว่ามิคุ้นเคยกับการอยู่แดนเทพ เช่นนั้นใครอยากจะกลับไป ข้าก็จะมิห้าม!”เผยอวี้เหงื่อตก จากนั้นก็คุกเข่าลงข้างหนึ่ง“ฝ่าบาท พวกกระหม่อมประมาทละเลย สมควรได้รับโทษพ่ะย่ะค่ะ!”