หลิงอวี๋กลับไปนอนได้สองสามชั่วโมง ฟ้าก็สว่างแล้วนางลุกขึ้นอาบน้ำ ขณะที่กำลังผลัดผ้าอยู่นั้น จู่ ๆ เถาจื่อก็วิ่งเข้ามา“คุณหนูเจ้าคะ ท่านเกิ่งส่งคนมารายงานว่าหลิงผิงหนีไปแล้ว! ทั้งยังปลิดชีพคนของเขาสองคนด้วย!”หลิงอวี๋ตะลึงไปทันที พลางเอ่ยอย่างกังวล “หลิงผิงจะสู้กับคนของเสี่ยวหาวได้เยี่ยงไรกันเล่า! นางจักฆ่าคนได้เยี่ยงไรกัน?”“ท่านเกิ่งส่งคนไปตามหาหลิงผิงจนทั่วแล้วเจ้าค่ะ! เขาก็สงสัยเช่นกันว่าหลิงผิงมิใช่คนฆ่า หลิงผิงจักต้องมีผู้ช่วยแน่ ๆ!”“ไปดูกัน!”หลิงอวี๋รีบผลัดผ้า แล้วรีบพาหลิงซวนกับเถาจื่อออกไปเกิ่งเสี่ยวหาวยืนอยู่ในเรือนอย่างโกรธเกรี้ยว โดยมีศพสองศพนอนอยู่ที่พื้น“ท่านพี่ ท่านพี่มาแล้ว ดูนี่สิ!”เกิ่งเสี่ยวหาวหยิบเข็มเงินส่งให้หลิงอวี๋“ยาพิษ! พิษจากต้นยางน่อง!”เกิ่งเสี่ยวหาวเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “นี่มิใช่การฆ่าแบบธรรมดา หลิงผิงจักต้องรู้จักพวกยอดฝีมือพเนจรเป็นแน่!”หลิงอวี๋รับเข็มเงินมาอย่างระมัดระวัง ตรงปลายเข็มมีจุดสีดำนิด น่าจะอาบยาพิษมา!นางเก็บเข็มเงินไปอย่างระมัดระวัง เดี๋ยวกลับไปจะตรวจดูว่ามันเป็นพิษชนิดใด!ตนมีคู่ต่อสู้เช่นนี้ ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนเข้าไว้จะ
เซียวหลินเทียนเองก็จำมีดผ่าตัดที่หาได้ยากยิ่งในเมืองหลวงนี้ได้ว่าเป็นของหลิงอวี๋ดวงตาอันเฉียบคมของเขาจ้องมองไปที่หลิงอวี๋ทันที!ความรังเกียจที่มิได้มีมานานหวนพลันเกิดขึ้นในใจของเซียวหลินเทียนอีกครั้ง!เขาคิดว่าหลิงอวี๋เปลี่ยนเป็นคนใหม่แล้ว ที่แท้นางมิเคยเปลี่ยนไปเลย!นางยังคงเป็นหลิงอวี๋คนนั้นที่เห็นแก่ตัวและมีนิสัยเอาแต่ใจ!แต่เซียวหลินเทียนก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติอีก ยามนี้หลิงอวี๋มิได้โง่เหมือนแต่ก่อนแล้วหากนางฆ่าจริง ๆ นางจะโง่ทิ้งอาวุธสังหารไว้ในที่เกิดเหตุได้เยี่ยงไรกัน!หรือว่าจะมีเงื่อนงำซ่อนอยู่?“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เหตุใดคนถึงมารวมตัวกันมากมายถึงเพียงนี้?”เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นด้านนอกประตู แล้วก็มีคนสองคนวิ่งเข้ามาหลิงอวี๋เห็นแล้วก็ตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง หลิงหลานกับชิวเหวินซวง“กรี๊ด...”ทันทีที่หลิงหลานเห็นสภาพการตายของหลิงผิง ก็กรีดร้องด้วยความตกใจ ถอยหลังไปสองสามก้าว ตกใจจนข้าวของในมือหล่นลงกับพื้นชิวเหวินซวงก็ตกใจจนก้าวถอยหลังไปเช่นกัน พลางเอ่ยตะกุกตะกัก“ท่าน… ท่านอ๋อง หม่อม… หม่อมฉันมิได้มองผิดไปใช่หรือไม่? นั่นคือหลิงผิงใช่หรือไม่?”“ทะ… ท่านอ๋อง…
แม่ทัพเฉินมองเซียวหลินเทียนจากไปอย่างขุ่นเคือง พลางสับสนเล็กน้อยพระชายาอ๋องอี้ไม่เจอกับท่านอ๋องอี้แค่ไม่กี่วัน ไฉนกลายเป็นคนแปลกหน้ากันเสียแล้วเล่า?“แม่ทัพดฉิน เราค่อยคุยเหตุการณ์ภายในกันทีหลัง ข้าขอตรวจศพหลิงผิงอีกสักหน่อยได้หรือไม่?”หลิงอวี๋ถามหยั่งเชิงโชคดีที่แม่ทัพเฉินเข้าใจหลิงอวี๋อย่างเที่ยงแท้ จึงมิสงสัยหลิงอวี๋เพียงเพราะคำพูดของหลิงหลานเขาผงกศีรษะหลิงอวี๋หยิบถุงมือมาสวม พลางก้มตัวนั่งยองตรวจสอบศพหลิงผิงบนร่างศพมีแผลจากมีดดกดื่นอยู่จริง ๆ ดูคล้ายว่าหลิงผิงรับความทรมานมากก่อนตายหลิงอวี๋ตรวจมือของนางอีกรอบ นิ้วหลิงผิงถูกคนหักหลายนิ้วอย่างสยด!เพราะมีประสงค์บีบถามข้อมูลภายในจากปากหลิงผิงหรือไม่ จึงลงโทษทารุณเช่นนี้?หลิงอวี๋ขบคิดพลาง ตรวจสอบต่อพลาง นางนึกถึงนิสัยหลิงผิงเรื่องที่ชอบซ่อนตั๋วเงินในซอกเสื้อก็พลันคลำเสื้อของนางนางคลำทุกซอกทุกมุมหนึ่งรอบ แล้วหลิงอวี๋ก็คลำเจอตั๋วเงินใบหนึ่งในรอยปะปากกระบอกแขนเสื้อของหลิงผิงเมื่อแม่ทัพเฉินเดินมาแล้วพบว่าคือตั๋วเงินห้าร้อยตำลึงก็ตื่นตระหนก เขาพลันส่ายศีรษะ“นางหนูคนนี้ค่อนข้างมีเงินทีเดียว มีเงินห้าร้อยตำลึงแต่กลับจน!
นิสัยหลิงซวนค่อนข้างตรงไปตรงมา เมื่อได้ยินวาจานี้ก็เอ่ยอย่างประหลาดใจ“อาจารย์ แม่ทัพเฉินมิเชื่อว่าท่านฆ่าหลิงผิง พวกนางยังกล้าใส่ไคล้ท่านเชียวหรือ!”“ประเดี๋ยวเจ้าก็รู้แล้ว!”หลิงอวี๋ส่ายหน้าพลางนึกถึงสายตาสงสัยของเซียวหลินเทียนที่มีต่อตน และแววตาตกตะลึงของลู่หนานกับจูเผิงอีก หลิงอวี๋มิได้มองในแง่ดีเช่นหลิงซวนครั้นรอกลับถึงตำหนักอ๋องอี้ พวกหลิงอวี๋กับหลิงซวนเพิ่งจะเข้าประตู กระทั่งน้ำยังไม่ทันได้เข้าปากสักอึกหลิงหลานก็ร้องไห้คร่ำครวญอยู่ข้างนอกเสียแล้ว“พระชายา… ไฉนท่านอำมหิตถึงเพียงนี้!”“หลิงผิงถูกท่านขับออกตำหนักอ๋องอี้แล้ว ไยท่านยังมิยอมปล่อยนางไปเจ้าคะ?”“หลิงผิง เจ้าต้องมาตายอย่างอนาถ! เพียงเพราะเจ้าเกิดมาต่ำต้อย คนอื่นฆ่าเจ้าเหมือนฆ่ามดตัวหนึ่ง!”“บนใต้หล้าผืนนี้ไร้ซึ่งความยุติธรรมนัก!”ครั้นหลิงซวนได้ยินความโกรธก็พลุ่งพล่าน บัดนี้นางเข้าใจความหมายของหลิงอวี๋หมดแล้วแม้แม่ทัพเฉินจะมิขังหลิวอวี๋เข้าคุก แต่ก็ไม่มีทางอุดปากหลิงหลานได้!คำพูดของคนนั้นน่ากลัว การโดนหลิงหลานแพร่ข่าว แม้ไร้ความผิด แต่ก็จะถูกคนรับใช้ของตำหนักอ๋องอี้วิจารณ์!“ข้าจักไปฉีกปากนาง นางจักได้หย
หลิงหลานรู้ทันแผนชั่วของหลิงอวี๋ แต่คิดว่าหลิงอวี๋ไม่มีหลักฐานจริง ๆ หรอก จึงเอ่ยขึ้นอย่างผึ่งผาย“พระชายาโปรดอย่าใส่ร้ายบ่าว หากท่านมีหลักฐานก็เอาออกมาเลย!”“ไม่อย่างนั้น… ทุกคนดูสิ พระชายาแค้นที่ข้าพูดเพื่อหลิงผิงถึงได้ใส่สีตีไข่ข้า!”หลิงอวี๋เผลอหัวเราะ เพิ่งคิดจะพูดบางอย่างก็พลันเห็นจ้าวซวนพาจูเผิงและคนอื่น ๆ เดินมาแล้ว คาดคงได้ยินว่าตำหนักอ๋องเกิดเรื่องจึงมาตรวจดู“องครักษ์จ้าว เจ้ามาได้พอดี นางรับใช้ของตำหนักอ๋องอี้ของพวกเจ้าแอบเข้าเรือนบุหงาและขโมยของของข้าแล้วมิยอมรับ แถมยังใส่ร้ายข้าด้วย!”“องครักษ์จ้าว เจ้ามารักษาความยุติธรรมเสีย!”เมื่อหลิงหลานได้ยินก็ร้องว่า “พี่ใหญ่จ้าว พระชายาแค้นที่ข้าพูดเพื่อหลิงผิงจึงอยากใส่สีตีไข่ข้าเจ้าค่ะ ขอร้องพี่ใหญ่จ้าวโปรดช่วยข้าด้วยเจ้าค่ะ!”จ้าวซวนมองทั้งคู่พลางกล่าวเสียงทุ้ม “พระชายา หลิงหลานขโมยสิ่งใด? ท่านมีหลักฐานหรือไม่?”หลิงอวี๋ยิ้มน้อย ๆ เอ่ยว่า “องครักษ์จ้าว รบกวนเจ้าไปห้องหลิงหลาน และนำของที่นางทาหน้ามาที่นี่ แล้วข้าจักให้หลักฐานเจ้า!”เมื่อหลิงหลานได้ยินก็ตะลึงไปชั่วขณะ แต่ก็คิดว่าของนั่นถูกตนจัดการไปแล้ว หลิงอวี๋จะมีหลักฐา
เมื่อหลิงหลานได้ยินใจก็เต้นรัว พลันเอ่ยอย่างร้อนใจ“นี่เพิ่งออกใหม่ เจ้ามิเคยดมก็ช่างปกตินัก!”“องครักษ์จ้าว พระชายาพึ่งแค่หลักฐานแป้งหอมกล่องเดียวว่าข้าขโมยมาจากเรือนบุหงามิได้หนาเจ้าคะ!”“แป้งชนิดนี้มีขายทั้งถนนหลักและตรอกเล็กซอยน้อย บางทีข้ากับน้องสาวผู้นี้อาจมิได้ซื้อจากร้านเดียวกัน!”เมื่อหลิงอวี๋เห็นหลิงหลานยังดื้อดึงยิ่งนัก จึงยิ้มเย็นชาพลางกล่าว“ข้าขอบอกเจ้าตรง ๆ! มิว่าผู้ใดในเมืองหลวงก็ขายแป้งหอมชนิดนี้ให้เจ้ามิได้ทั้งนั้น…”“เพราะ… นี่คือสิ่งที่อาจารย์ข้าทำขึ้นมาเอง!”ในที่สุดหลิงซวนก็สบโอกาสพูดแล้ว นางยิ้มเอ่ยอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง“อาจารย์ข้ามิชอบแป้งหอมเหล่านั้นที่ขายในเมืองหลวง เพราะกลิ่นฉุนและหยาบ ทาบนหน้าแล้วคล้ายผีกองกอย พวกเราเลยทำแป้งหอมกันเอง!”หลิงหลานผงะไปฉับพลัน ทว่ายังเถียงว่า “พวกเจ้าเป็นพวกเดียวกัน ต้องช่วยนางพูดเป็นธรรมดา!”หลิงซวนมิพูดเหลวไหลต่อ เอ่ยตรงไปตรงมาว่า “หลิงซวน เอาจานมาหลาย ๆ ใบ!”หลิงซวนรุดเข้าไปเอาจานออกมาหลายใบหลิงอวี๋ให้จ้าวซวนเทแป้งหอมลงจานสามชนิด นางหยิบขวดเล็ก ๆ มาหยดลงในแป้งหอมสองสามหยดผ่านไปครู่เดียว แป้งหอมที่นางรับใช้น้อย
หลิงหลานลงมือหลายครั้งอย่างเด็ดเดี่ยว ตบหน้าตัวเองจนบวมเป่งในทันตาฝูงชนที่ดูฉากนี้ต่างอ้าปากตาค้างคนรับใช้บางคนพูดทั้งหัวเราะเยาะ “เดิมทีเมื่อตะกี้หลิงหลานเสแสร้ง ตัวเองขโมยมีดผ่าตัดของพระชายามาฆ่าหลิงผิง แล้วยังคิดใส่ร้ายพระชายาอีก!”“ใช่ พวกเราเกือบหลงกลแล้วเชียว! ที่แท้พระชายาโดนกล่าวหาจริง ๆ!”หลิงอวี๋ยิ้มเย็นชาพลางเอ่ยต่อจ้าวซวนโดยตรง“เริ่มแรกตัวข้าคิดว่าแค่แป้งหอมกล่องเดียวหายไป เลยมิอยากไต่ถาม!”“ไหนเลยจักคิดว่ามีคนประสงค์ร้ายแบบนี้ ขโมยของตัวข้าหวังมาใส่ไคล้ข้า!”“องครักษ์จ้าว นี่คือคนของตำหนักอ๋องอี้ พวกเจ้าควรจัดการเช่นไรก็ไปจัดการเสีย!”“ตัวข้ามีเพียงประโยคเดียวจักกล่าว…. คนของตำหนักอ๋องอี้ทำตัวให้ดี ๆ เถอะ ข้าจักมิยั่วยุพวกเจ้า พวกเจ้าก็อย่ามายั่วยุข้า!”“หากกล้าหาเรื่องใส่เรือนบุหงาอีก จักได้ตาต่อตา ฟันต่อฟันกับตัวข้าแน่!”ครั้นพูดจบ หลิงอวี๋ก็พาหลิงซวนและคนอื่นกลับไปแม่นมถ่มน้ำลายใส่หลิงหลานด้วยความโกรธพลางเดินตามเข้าไป ปิดประตูเสียงดังปังจ้าวซวนจ้องหลิงหลานอย่างขุ่นเคือง และสั่งให้องครักษ์ลากนางไปรายงานเซียวหลินเทียนที้เรือนริมวารี“พี่ใหญ่จ้าว…”ชิวเห
“จักเป็นกระไรได้เล่า ก็เพราะอยากทำลายชื่อเสียงท่านน่ะสิ!”แม่นมลี่เอ่ยเดือดดาล“คุณหนู… บ่าวคิดว่าหลิงหลานถูกชิวเหวินซวงบงการใช่หรือไม่เจ้าคะ?”“คราก่อนที่คุณหนูเป็นแม่บ้าน คนรับใช้หลายคนต่างบอกว่าท่านบริหารได้ดีนัก! ทำให้พวกนางกินดี ทำงานก็ไม่เหนื่อย!”หลิงซินคิดพลาง พูดพลาง “คาดว่าชิวเหวินซวงคงมิชอบให้คนรับใช้เข้าข้างท่านจึงบงการหลิงหลานทำลายชื่อเสียงของท่านเจ้าค่ะ!”“เมื่อครู่คนรับใช้ข้างนอกดกดื่นต่างด่าว่าท่านอำมหิต!”หลิงอวี๋หัวเราะขึ้น “หลิงซินนับวันเจ้ายิ่งฉลาดนัก! มิผิด หลิงหลานมีเจตนาร้ายเช่นนี้แล!”“คนรับใช้ในตำหนักต่างลืมเรื่องที่ข้าตัดเอ็นร้อยหวายของหลิงผิงแล้ว เมื่อครู่หลิงหลานเจาะจงเอ่ยถึง นั่นมิใช่เพราะอยากให้พวกเขาจำความโหดร้ายสุดโต่งที่ข้าเคยทำไว้หรือไร?”“พวกนางพบความขัดแย้งระหว่างเซียวหลินเทียนกับข้า จึงคิดฉวยโอกาสนี้ทำให้เซียวหลินเทียนรังเกียจข้ามากขึ้น!”“ฉะนั้น ข้าจักมิปล่อยพวกเขาว่าข้าอำมหิตได้อีก! การส่งหลิงหลานให้ตำหนักอ๋องอี้จัดการคือทางเลือกที่ถูกต้อง!”เมื่อแม่นมลี่ได้ฟังก็เข้าใจโดยพลัน พยักหน้ากล่าวว่า “เป็นบ่าวไตร่ตรองบกพร่องเจ้าค่ะ! คุณหนูทำเช่น