เซียวหลินเทียนเองก็จำมีดผ่าตัดที่หาได้ยากยิ่งในเมืองหลวงนี้ได้ว่าเป็นของหลิงอวี๋ดวงตาอันเฉียบคมของเขาจ้องมองไปที่หลิงอวี๋ทันที!ความรังเกียจที่มิได้มีมานานหวนพลันเกิดขึ้นในใจของเซียวหลินเทียนอีกครั้ง!เขาคิดว่าหลิงอวี๋เปลี่ยนเป็นคนใหม่แล้ว ที่แท้นางมิเคยเปลี่ยนไปเลย!นางยังคงเป็นหลิงอวี๋คนนั้นที่เห็นแก่ตัวและมีนิสัยเอาแต่ใจ!แต่เซียวหลินเทียนก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติอีก ยามนี้หลิงอวี๋มิได้โง่เหมือนแต่ก่อนแล้วหากนางฆ่าจริง ๆ นางจะโง่ทิ้งอาวุธสังหารไว้ในที่เกิดเหตุได้เยี่ยงไรกัน!หรือว่าจะมีเงื่อนงำซ่อนอยู่?“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เหตุใดคนถึงมารวมตัวกันมากมายถึงเพียงนี้?”เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นด้านนอกประตู แล้วก็มีคนสองคนวิ่งเข้ามาหลิงอวี๋เห็นแล้วก็ตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง หลิงหลานกับชิวเหวินซวง“กรี๊ด...”ทันทีที่หลิงหลานเห็นสภาพการตายของหลิงผิง ก็กรีดร้องด้วยความตกใจ ถอยหลังไปสองสามก้าว ตกใจจนข้าวของในมือหล่นลงกับพื้นชิวเหวินซวงก็ตกใจจนก้าวถอยหลังไปเช่นกัน พลางเอ่ยตะกุกตะกัก“ท่าน… ท่านอ๋อง หม่อม… หม่อมฉันมิได้มองผิดไปใช่หรือไม่? นั่นคือหลิงผิงใช่หรือไม่?”“ทะ… ท่านอ๋อง…
แม่ทัพเฉินมองเซียวหลินเทียนจากไปอย่างขุ่นเคือง พลางสับสนเล็กน้อยพระชายาอ๋องอี้ไม่เจอกับท่านอ๋องอี้แค่ไม่กี่วัน ไฉนกลายเป็นคนแปลกหน้ากันเสียแล้วเล่า?“แม่ทัพดฉิน เราค่อยคุยเหตุการณ์ภายในกันทีหลัง ข้าขอตรวจศพหลิงผิงอีกสักหน่อยได้หรือไม่?”หลิงอวี๋ถามหยั่งเชิงโชคดีที่แม่ทัพเฉินเข้าใจหลิงอวี๋อย่างเที่ยงแท้ จึงมิสงสัยหลิงอวี๋เพียงเพราะคำพูดของหลิงหลานเขาผงกศีรษะหลิงอวี๋หยิบถุงมือมาสวม พลางก้มตัวนั่งยองตรวจสอบศพหลิงผิงบนร่างศพมีแผลจากมีดดกดื่นอยู่จริง ๆ ดูคล้ายว่าหลิงผิงรับความทรมานมากก่อนตายหลิงอวี๋ตรวจมือของนางอีกรอบ นิ้วหลิงผิงถูกคนหักหลายนิ้วอย่างสยด!เพราะมีประสงค์บีบถามข้อมูลภายในจากปากหลิงผิงหรือไม่ จึงลงโทษทารุณเช่นนี้?หลิงอวี๋ขบคิดพลาง ตรวจสอบต่อพลาง นางนึกถึงนิสัยหลิงผิงเรื่องที่ชอบซ่อนตั๋วเงินในซอกเสื้อก็พลันคลำเสื้อของนางนางคลำทุกซอกทุกมุมหนึ่งรอบ แล้วหลิงอวี๋ก็คลำเจอตั๋วเงินใบหนึ่งในรอยปะปากกระบอกแขนเสื้อของหลิงผิงเมื่อแม่ทัพเฉินเดินมาแล้วพบว่าคือตั๋วเงินห้าร้อยตำลึงก็ตื่นตระหนก เขาพลันส่ายศีรษะ“นางหนูคนนี้ค่อนข้างมีเงินทีเดียว มีเงินห้าร้อยตำลึงแต่กลับจน!
นิสัยหลิงซวนค่อนข้างตรงไปตรงมา เมื่อได้ยินวาจานี้ก็เอ่ยอย่างประหลาดใจ“อาจารย์ แม่ทัพเฉินมิเชื่อว่าท่านฆ่าหลิงผิง พวกนางยังกล้าใส่ไคล้ท่านเชียวหรือ!”“ประเดี๋ยวเจ้าก็รู้แล้ว!”หลิงอวี๋ส่ายหน้าพลางนึกถึงสายตาสงสัยของเซียวหลินเทียนที่มีต่อตน และแววตาตกตะลึงของลู่หนานกับจูเผิงอีก หลิงอวี๋มิได้มองในแง่ดีเช่นหลิงซวนครั้นรอกลับถึงตำหนักอ๋องอี้ พวกหลิงอวี๋กับหลิงซวนเพิ่งจะเข้าประตู กระทั่งน้ำยังไม่ทันได้เข้าปากสักอึกหลิงหลานก็ร้องไห้คร่ำครวญอยู่ข้างนอกเสียแล้ว“พระชายา… ไฉนท่านอำมหิตถึงเพียงนี้!”“หลิงผิงถูกท่านขับออกตำหนักอ๋องอี้แล้ว ไยท่านยังมิยอมปล่อยนางไปเจ้าคะ?”“หลิงผิง เจ้าต้องมาตายอย่างอนาถ! เพียงเพราะเจ้าเกิดมาต่ำต้อย คนอื่นฆ่าเจ้าเหมือนฆ่ามดตัวหนึ่ง!”“บนใต้หล้าผืนนี้ไร้ซึ่งความยุติธรรมนัก!”ครั้นหลิงซวนได้ยินความโกรธก็พลุ่งพล่าน บัดนี้นางเข้าใจความหมายของหลิงอวี๋หมดแล้วแม้แม่ทัพเฉินจะมิขังหลิวอวี๋เข้าคุก แต่ก็ไม่มีทางอุดปากหลิงหลานได้!คำพูดของคนนั้นน่ากลัว การโดนหลิงหลานแพร่ข่าว แม้ไร้ความผิด แต่ก็จะถูกคนรับใช้ของตำหนักอ๋องอี้วิจารณ์!“ข้าจักไปฉีกปากนาง นางจักได้หย
หลิงหลานรู้ทันแผนชั่วของหลิงอวี๋ แต่คิดว่าหลิงอวี๋ไม่มีหลักฐานจริง ๆ หรอก จึงเอ่ยขึ้นอย่างผึ่งผาย“พระชายาโปรดอย่าใส่ร้ายบ่าว หากท่านมีหลักฐานก็เอาออกมาเลย!”“ไม่อย่างนั้น… ทุกคนดูสิ พระชายาแค้นที่ข้าพูดเพื่อหลิงผิงถึงได้ใส่สีตีไข่ข้า!”หลิงอวี๋เผลอหัวเราะ เพิ่งคิดจะพูดบางอย่างก็พลันเห็นจ้าวซวนพาจูเผิงและคนอื่น ๆ เดินมาแล้ว คาดคงได้ยินว่าตำหนักอ๋องเกิดเรื่องจึงมาตรวจดู“องครักษ์จ้าว เจ้ามาได้พอดี นางรับใช้ของตำหนักอ๋องอี้ของพวกเจ้าแอบเข้าเรือนบุหงาและขโมยของของข้าแล้วมิยอมรับ แถมยังใส่ร้ายข้าด้วย!”“องครักษ์จ้าว เจ้ามารักษาความยุติธรรมเสีย!”เมื่อหลิงหลานได้ยินก็ร้องว่า “พี่ใหญ่จ้าว พระชายาแค้นที่ข้าพูดเพื่อหลิงผิงจึงอยากใส่สีตีไข่ข้าเจ้าค่ะ ขอร้องพี่ใหญ่จ้าวโปรดช่วยข้าด้วยเจ้าค่ะ!”จ้าวซวนมองทั้งคู่พลางกล่าวเสียงทุ้ม “พระชายา หลิงหลานขโมยสิ่งใด? ท่านมีหลักฐานหรือไม่?”หลิงอวี๋ยิ้มน้อย ๆ เอ่ยว่า “องครักษ์จ้าว รบกวนเจ้าไปห้องหลิงหลาน และนำของที่นางทาหน้ามาที่นี่ แล้วข้าจักให้หลักฐานเจ้า!”เมื่อหลิงหลานได้ยินก็ตะลึงไปชั่วขณะ แต่ก็คิดว่าของนั่นถูกตนจัดการไปแล้ว หลิงอวี๋จะมีหลักฐา
เมื่อหลิงหลานได้ยินใจก็เต้นรัว พลันเอ่ยอย่างร้อนใจ“นี่เพิ่งออกใหม่ เจ้ามิเคยดมก็ช่างปกตินัก!”“องครักษ์จ้าว พระชายาพึ่งแค่หลักฐานแป้งหอมกล่องเดียวว่าข้าขโมยมาจากเรือนบุหงามิได้หนาเจ้าคะ!”“แป้งชนิดนี้มีขายทั้งถนนหลักและตรอกเล็กซอยน้อย บางทีข้ากับน้องสาวผู้นี้อาจมิได้ซื้อจากร้านเดียวกัน!”เมื่อหลิงอวี๋เห็นหลิงหลานยังดื้อดึงยิ่งนัก จึงยิ้มเย็นชาพลางกล่าว“ข้าขอบอกเจ้าตรง ๆ! มิว่าผู้ใดในเมืองหลวงก็ขายแป้งหอมชนิดนี้ให้เจ้ามิได้ทั้งนั้น…”“เพราะ… นี่คือสิ่งที่อาจารย์ข้าทำขึ้นมาเอง!”ในที่สุดหลิงซวนก็สบโอกาสพูดแล้ว นางยิ้มเอ่ยอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง“อาจารย์ข้ามิชอบแป้งหอมเหล่านั้นที่ขายในเมืองหลวง เพราะกลิ่นฉุนและหยาบ ทาบนหน้าแล้วคล้ายผีกองกอย พวกเราเลยทำแป้งหอมกันเอง!”หลิงหลานผงะไปฉับพลัน ทว่ายังเถียงว่า “พวกเจ้าเป็นพวกเดียวกัน ต้องช่วยนางพูดเป็นธรรมดา!”หลิงซวนมิพูดเหลวไหลต่อ เอ่ยตรงไปตรงมาว่า “หลิงซวน เอาจานมาหลาย ๆ ใบ!”หลิงซวนรุดเข้าไปเอาจานออกมาหลายใบหลิงอวี๋ให้จ้าวซวนเทแป้งหอมลงจานสามชนิด นางหยิบขวดเล็ก ๆ มาหยดลงในแป้งหอมสองสามหยดผ่านไปครู่เดียว แป้งหอมที่นางรับใช้น้อย
หลิงหลานลงมือหลายครั้งอย่างเด็ดเดี่ยว ตบหน้าตัวเองจนบวมเป่งในทันตาฝูงชนที่ดูฉากนี้ต่างอ้าปากตาค้างคนรับใช้บางคนพูดทั้งหัวเราะเยาะ “เดิมทีเมื่อตะกี้หลิงหลานเสแสร้ง ตัวเองขโมยมีดผ่าตัดของพระชายามาฆ่าหลิงผิง แล้วยังคิดใส่ร้ายพระชายาอีก!”“ใช่ พวกเราเกือบหลงกลแล้วเชียว! ที่แท้พระชายาโดนกล่าวหาจริง ๆ!”หลิงอวี๋ยิ้มเย็นชาพลางเอ่ยต่อจ้าวซวนโดยตรง“เริ่มแรกตัวข้าคิดว่าแค่แป้งหอมกล่องเดียวหายไป เลยมิอยากไต่ถาม!”“ไหนเลยจักคิดว่ามีคนประสงค์ร้ายแบบนี้ ขโมยของตัวข้าหวังมาใส่ไคล้ข้า!”“องครักษ์จ้าว นี่คือคนของตำหนักอ๋องอี้ พวกเจ้าควรจัดการเช่นไรก็ไปจัดการเสีย!”“ตัวข้ามีเพียงประโยคเดียวจักกล่าว…. คนของตำหนักอ๋องอี้ทำตัวให้ดี ๆ เถอะ ข้าจักมิยั่วยุพวกเจ้า พวกเจ้าก็อย่ามายั่วยุข้า!”“หากกล้าหาเรื่องใส่เรือนบุหงาอีก จักได้ตาต่อตา ฟันต่อฟันกับตัวข้าแน่!”ครั้นพูดจบ หลิงอวี๋ก็พาหลิงซวนและคนอื่นกลับไปแม่นมถ่มน้ำลายใส่หลิงหลานด้วยความโกรธพลางเดินตามเข้าไป ปิดประตูเสียงดังปังจ้าวซวนจ้องหลิงหลานอย่างขุ่นเคือง และสั่งให้องครักษ์ลากนางไปรายงานเซียวหลินเทียนที้เรือนริมวารี“พี่ใหญ่จ้าว…”ชิวเห
“จักเป็นกระไรได้เล่า ก็เพราะอยากทำลายชื่อเสียงท่านน่ะสิ!”แม่นมลี่เอ่ยเดือดดาล“คุณหนู… บ่าวคิดว่าหลิงหลานถูกชิวเหวินซวงบงการใช่หรือไม่เจ้าคะ?”“คราก่อนที่คุณหนูเป็นแม่บ้าน คนรับใช้หลายคนต่างบอกว่าท่านบริหารได้ดีนัก! ทำให้พวกนางกินดี ทำงานก็ไม่เหนื่อย!”หลิงซินคิดพลาง พูดพลาง “คาดว่าชิวเหวินซวงคงมิชอบให้คนรับใช้เข้าข้างท่านจึงบงการหลิงหลานทำลายชื่อเสียงของท่านเจ้าค่ะ!”“เมื่อครู่คนรับใช้ข้างนอกดกดื่นต่างด่าว่าท่านอำมหิต!”หลิงอวี๋หัวเราะขึ้น “หลิงซินนับวันเจ้ายิ่งฉลาดนัก! มิผิด หลิงหลานมีเจตนาร้ายเช่นนี้แล!”“คนรับใช้ในตำหนักต่างลืมเรื่องที่ข้าตัดเอ็นร้อยหวายของหลิงผิงแล้ว เมื่อครู่หลิงหลานเจาะจงเอ่ยถึง นั่นมิใช่เพราะอยากให้พวกเขาจำความโหดร้ายสุดโต่งที่ข้าเคยทำไว้หรือไร?”“พวกนางพบความขัดแย้งระหว่างเซียวหลินเทียนกับข้า จึงคิดฉวยโอกาสนี้ทำให้เซียวหลินเทียนรังเกียจข้ามากขึ้น!”“ฉะนั้น ข้าจักมิปล่อยพวกเขาว่าข้าอำมหิตได้อีก! การส่งหลิงหลานให้ตำหนักอ๋องอี้จัดการคือทางเลือกที่ถูกต้อง!”เมื่อแม่นมลี่ได้ฟังก็เข้าใจโดยพลัน พยักหน้ากล่าวว่า “เป็นบ่าวไตร่ตรองบกพร่องเจ้าค่ะ! คุณหนูทำเช่น
รถม้าของตำหนักองค์ชายคังกำลังเคลื่อนตัวบนถนนนอกเมืองข้างหลังรถม้ามีขบวนองครักษ์ขี่ม้าสูงใหญ่กำยำจ้าวเจินเจินภายในรถม้าเอียงตัวบนตั่งเตียงประดับงามประณีต โดยมีนางรับใช้สองคนนั่งพัดอยู่ข้าง ๆ นางจ้าวเจินเจินหลับตาคิดเรื่องในใจพลางนิ่วหน้าเล็กน้อยองค์ชายคังให้กวนอิ่งอยู่เรือนที่พ่อแม่นางยกเป็นสินสมรสให้นางทว่ากวนอิ่งใช้เวลาเพียงไม่นานขับไล่ชาวนากว่าครึ่งของตนออกหมู่บ้านเสียแล้ว เลยเถิดกว่านั้นคือนางทุบตีเหอจวงโถวผู้ที่ดูแลทุ่งนาแทนตน โยนเขาทิ้งออกมาจนเจียนตายแถมรายได้ครึ่งปีนี้ของทุ่งนาล้วนถูกกวนอิ่งใช้สุรุ่ยสุร่ายจนหมดในไม่กี่วัน!จ้าวเจินเจินมิได้กังวลเงินเล็กน้อยนั้นหรอก ตระกูลจ้าวของนางก็มีเงินตราเช่นกัน นางจึงมิสนใจการสิ้นเปลืองเงินนับหมื่นทว่าที่นางโมโหคือท่าทีหยิ่งผยองของกวนอิ่ง ยังมิทันเป็นพระชายารองเข้าประตูตำหนักองค์ชายคังด้วยซ้ำ แต่กลับวางมาดสูงส่งกว่าพระชายาเอกเช่นตนเสียอีก!หากนางแต่งเข้าตำหนักองค์ชายคังจริง กวนอิ่งจะไม่ยิ่งจองหองรึ?ครั้นกลุ่มคนมาถึงหรงจวง จ้าวเจินเจินมิได้ไปเรือนของตน แต่ไปเรือนของเหอจวงโถวก่อนภรรยาของเหอจวงโถวกำลังตากผ้าปูเตียงอยู่ในลา
สิ่งที่เถาจื่อคิดได้ จงเจิ้งเฟยก็คิดได้เช่นกัน นางห้ามมิให้เถาจื่อพูดต่อก็เพราะกังวลว่าหลิงอวี๋จะกลัวหากเป็นเช่นนี้ยังมิทันได้เริ่มการประลอง ขวัญกำลังใจของหลิงอวี๋คงได้ตกต่ำลงไปก่อนแล้วถึงอย่างไรการประลองครั้งนี้ก็มิสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เช่นนั้นก็พูดให้น้อยลงหลิงอวี๋จะได้กังวลน้อยลงกลุ่มพวกนางจึงล้อมรอบหลิงอวี๋ไว้แล้วเดินไปทางหอปรุงโอสถหอปรุงโอสถมีคนเบียดเสียดกันจนเต็มพื้นที่ มิเพียงแต่คนของหอปรุงโอสถเท่านั้นที่มาชม แต่คนของหออื่น ๆ ก็มากันทั้งหมดเป็นดังที่เย่หรงคาดเอาไว้ พ่อแม่ของเหมียวหยางก็มาเช่นกัน ทั้งยังใช้เกี้ยวแบกเหมียวหยางเข้ามาด้วยเมื่อเห็นว่าหลิงอวี๋มาแล้วเหล่าบัณฑิตของหอโอสถไป๋เป่าก็ด่าทอขึ้นมา“สิงอวี๋ เหตุใดเจ้าจึงโหดร้ายเช่นนี้ เจ้าดูเสีย เจ้าทำให้ศิษย์พี่ของข้าทรมานจนเป็นอย่างไรไปแล้ว?”“ร่างกายของเขาเน่าเปื่อยไปหมด มีไข้สูงอยู่ตลอด ชีวิตของเขาแขวนอยู่บนเส้นด้ายแล้วเจ้าก็ยังมิยอมให้ยาแก้พิษแก่เขา จิตใจช่างชั่วร้ายนัก!”เกี้ยวที่เหมียวหยางนั่งอยู่เปิดม่านขึ้น เขาเอนตัวนั่งพิง ตุ่มน้ำที่เต็มใบหน้านั้นก็เน่าเปื่อยจนมองมิเห็นถึงสภาพในอดีตแล้วฮูหยินเหมียวอยู
เช้าวันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋ตื่นขึ้นมาและกำลังคิดว่าจะไปทำอาหารเช้า แต่ไป๋อวี้ดันวิ่งออกมาพร้อมรอยยิ้มแล้วก็เอ่ยขึ้นมา “แม่นางสิง มิต้องทำอาหารเช้าแล้ว ท่านหญิงบอกว่านางจะส่งอาหารเช้ามาให้!”เป็นดังที่คาด ไป๋อวี้ยังพูดมิทันจบก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นแล้วไป๋อวี้จึงวิ่งไปเปิดประตู และเมื่อหลิงอวี๋เห็นคนที่ยืนอยู่หน้าประตูก็ตกตะลึงไปมิเพียงแต่หลงเพ่ยเพ่ยเท่านั้นที่มา เหลยเหวิน จงเจิ้งเฟย อู่เถาและคนอื่น ๆ ล้วนมากันทั้งหมด“ศิษย์พี่หญิง พวกเรามากินอาหารเช้ากับเจ้า กินเสร็จแล้วเราก็ไปสำนักศึกษาชิงหลงด้วยกันเลยเถิด!”พวกเหลยเหวินพากันเดินเข้าไปพร้อมกับกล่องอาหารเรื่องการประลองพวกนางมิสามารถช่วยหลิงอวี๋ได้ พวกนางจึงใช้วิธีนี้เพื่อบอกกับหลิงอวี๋ว่านางมิได้ตัวคนเดียวหลิงอวี๋เผยยิ้มเล็กน้อย นางรู้สึกซาบซึ้งยิ่งนักนางมิได้ตัวคนเดียว นางยังมีสหาย!“สิงอวี๋ ข้าซื้ออาหารเช้าจากภัตตาคารที่ดังที่สุดในเมืองหลวงแดนเทพมาให้เจ้าทั้งหมดเลย รับน้ำใจไว้เถิด กินให้มาก ๆ นะ!”หลงเพ่ยเพ่ยเองก็จัดเตรียมอาหารเช้าออกมาอย่างกระตือรือร้นไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องการประลอง แล้วก็แย่งกันส่งชามและตะเกียบให้หลิง
หา!เย่ซื่อฝานตกตะลึง ตกใจกับคำพูดของท่านผู้เฒ่าเย่จนพูดมิออกหลิงอวี๋ชะงักไปครู่หนึ่ง แต่หัวใจกลับสงบลงทันทีเจ้าวังเทียนจีก็คืออาจารย์ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย หลงอิงและแม้กระทั่งเฉียวเค่อ จุดประสงค์ในการลงจากภูเขาของพวกเขามิแน่ว่าจะมาเพื่อช่วยไป่หลี่ไห่!พวกเขามาเพื่อหลิงอวี๋ต่างหาก!แต่หลิงอวี๋ก็คือตนเอง!สิ่งนี้ไป ๆ มา ๆ ก็ล้วนมาเพื่อจัดการกับตนกันทั้งนั้น ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือตอนนี้พวกเขายังมิรู้ว่าเป้าหมายที่พวกเขาต้องการจัดการนั้นคือคนคนเดียวกัน!ส่วนทางท่านผู้เฒ่าเย่ เนื่องจากความสัมพันธ์ของหลงอิงและจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเขาจึงเข้าใจผิดคิดว่าคนของวังเทียนจีมาเพื่อช่วยเหลือไป่หลี่ไห่“ใต้หล้านี้เปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ เหตุใดจึงเต็มไปด้วยคนที่ไร้ยางอายมากถึงเพียงนี้!”ท่านผู้เฒ่าเย่ทั้งกังวลทั้งโกรธ ต่อหน้าหลิงอวี๋มิอาจพูดออกไปได้ ทว่าก็แอบบ่นอยู่ในใจนี่สวรรค์ต้องการทำลายตระกูลเย่หรือไร?“ท่านพ่อ ท่านบอกว่าเชิญคนมาเพื่อดูแลเรื่องความยุติธรรมมิใช่หรือ?”เย่ซื่อฝานเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความหวัง“ข้าไปเชิญแล้วแต่เขามิอยู่ ข้าจึงทิ้งข้อความไว้ หากเขาได้รับข้อความ วันพรุ่งเขาก็คงจะมา!
มิรู้ว่าเพราะเหตุใด เมื่อคิดได้ว่าหลิงอวี๋อาจจะเข้าร่วมในเรื่องนี้ เผยอวี้กับฉินซานก็ล้วนมิรู้สึกว่าจะมีอะไรผิดปกติแม้ว่าหลิงอวี๋จะสูญเสียความทรงจำไป แต่นางก็มิได้สูญเสียความมีเหตุผล ความฉลาดและความใจดีไปด้วย ในเมื่อนางสนับสนุนเย่หรง เช่นนั้นพวกเขาก็จะเห็นแก่นางและช่วยเย่หรงเช่นกันเซียวหลินเทียนก็มีความคิดเช่นเดียวกัน เรื่องที่หลิงอวี๋ทำล้วนมีเหตุผลของนาง หากนางเข้าร่วมแผนการแหกคุกของเย่หรง เช่นนั้นเขาก็ต้องปกป้องคนเหล่านี้ให้ปลอดภัย“ให้สือหรงไปทำความเข้าใจการจัดการคุกน้ำที่สระเก้ามังกรมาให้ละเอียด การประลองของหลิงอวี๋กับไป่หลี่ไห่ในวันมะรืนนี้จะต้องก่อให้เกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่อย่างแน่นอน… ข้ารู้สึกว่าหลิงอวี๋จะมิอยู่ในเมืองหลวงแดนเทพอีกต่อไปแล้ว!”“ก่อนที่นางจะไป นางจะต้องคิดวิธีช่วยเย่หรงช่วยท่านแม่ของเขาออกมาเป็นแน่ พวกเราจะปล่อยให้นางตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากมิได้!”“พ่ะย่ะค่ะ!”เผยอวี้และฉินซานต่างรู้สึกได้ว่าพายุใกล้เข้ามาแล้ว การประลองครั้งนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนหนึ่งที่จะตัดสินว่า พวกเขาจะไปหรือจะอยู่ จะรอดหรือจะตายหลังจากที่ทั้งสองคนไปแล้ว เซียวหลินเทียนก็ตกสู่ห้ว
ฉินซานรู้สึกสนใจขึ้นมา “หืม มีผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้ด้วยหรือ หลังจากนี้หากมีโอกาสก็แนะนำให้ข้ารู้สึกหน่อยสิ!”เซียวหลินเทียนต้องการคนที่มีความสามารถในเมืองหลวงแดนเทพจำนวนมาก หากมีผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้ แล้วแนะนำให้เขา เขาจะต้องดีใจมากแน่ ๆ“วันหลังเจ้าก็จะได้พบกับนาง!”เย่หรงยังคงต้องการความช่วยเหลือจากฉินซานเรื่องช่วยท่านแม่ ถึงเวลานั้นค่อยแนะนำเสี่ยวชีให้เขารู้จักทั้งสองคนคุยเรื่องรายละเอียดกันอีกครั้ง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีข้อผิดพลาดใด ๆ แล้วพวกเขาก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปดำเนินการฉินซานกลับไปที่คฤหาสน์อู่ และบอกเรื่องความคิดของเย่หรงให้เซียวหลินเทียนกับเผยอวี้ฟังเผยอวี้กำหมัดชกมืออีกข้างหนึ่งของตนอย่างตื่นเต้น แล้วตะโกนขึ้นมา “สวรรค์… หากเย่หรงผู้นี้มิไปเป็นโจรก็ช่างน่าเสียดายจริง ๆ!”“มีความกล้าหาญมีกลอุบาย ทั้งยังคิดแผนการได้เหนือความคาดหมายเช่นนี้ หากทำมิสำเร็จก็คงจะรู้สึกผิดต่อเขาแล้ว!”ความสนใจของเซียวหลินเทียนอยู่ที่ประโยคสุดท้ายที่ฉินซานกับเย่หรงคุยกัน“เย่หรงบอกว่า เขาได้รับแรงบันดาลใจจากคนผู้หนึ่งมาหรือ?”ฉินซานพยักหน้าอย่างมิรู้ตัว “เขาบอกเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ!”มุมปากของเ
เย่หรงยิ่งคิดก็ยิ่งสนใจ ฉินซานสามารถบอกความลับเรื่องการปล้นให้ตนฟังได้ หากว่าตนช่วยให้พวกเขาบรรลุเป้าหมาย เช่นนั้นก็จะเป็นการสร้างพันธมิตรโดยปริยาย“ข้าต้องการแค่สองส่วนเท่านั้น!”เย่หรงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยออกมาด้วยเสียงเรียบนิ่ง “ส่วนอีกสองส่วน ก็ถือเสียว่าเป็นค่าตอบแทนที่ข้าให้พวกท่านล่วงหน้า!”“พี่อู่ ข้าก็มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ต้องการให้พวกท่านช่วยเช่นกัน จัดการเรื่องนี้ให้สำเร็จก่อนแล้วข้าค่อยบอกท่านก็แล้วกัน!”เมื่อฉินซานเห็นว่าเย่หรงตกลง เขาก็เอ่ยออกไปทันที "พี่หรงเต็มใจที่จะช่วยพวกเรา หากท่านมีความยากลำบากใด พวกเราก็จะช่วยโดยมิลังเลเช่นกัน!”“เช่นนั้นก็ตกลงกันตามนี้ จัดการเรื่องนี้ก่อนค่อยว่ากัน!”“วันมะรืนคือวันที่เสี่ยวชีกับไป่หลี่ไห่จะประลองกัน พี่หรง ตระกูลเหมียวกำลังเตรียมเงินที่จะมอบให้ไป่หลี่ไห่ พวกเราต้องลงมือชิงมาก่อนที่ตระกูลเหมียวจะส่งเงินให้ไป่หลี่ไห่!”“มิเช่นนั้นหากเงินไปที่บ้านของไป่หลี่ไห่แล้วจะยุ่งยากเอาได้!”สมองของเย่หรงก็ครุ่นคิดเช่นกันฉินซานพูดถูก ตระกูลเหมียวบรรจุเงินลงกล่องแล้วแต่ยังมิได้ขนย้ายไป เวลานี้คือโอกาสในการปล้นที่ดีที่สุดหากส่งไปถึ
ก่อนการประลองจะสิ้นสุดลง?ฉินซานกับเผยอวี้ได้ยินคำพูดของเซียวหลินเทียนแล้วก็มองหน้ากันไปมาเผยอวี้อยากจะร้องไห้มิใช่เพราะเซียวหลินเทียนให้เวลาพวกเขาน้อยเกินไปหรอก!แต่ว่า ในฐานะที่เขาเป็นแม่ทัพใหญ่ของแคว้น เขาจะต้องตกต่ำจนกลายเป็นโจรปล้นทรัพย์หรือ?ฝ่าบาท นี่คือการลงโทษที่พวกเราประมาทจนทำให้สิงจั๋วถูกแก้แค้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?ฉินซานมิได้ “อ่อนไหว” ดังเช่นเผยอวี้ เมื่อเขาได้รับบัญชาจากเซียวหลินเทียนมา สมองของเขาก็ครุ่นคิดในทันทีมีเวลาเพียงแค่หนึ่งวันกว่าเท่านั้น จะไปชิงทรัพย์สินของตระกูลเหมียวมาโดยที่มิถูกจับได้ได้อย่างไร?ฉินซานมิได้รู้สึกว่าเซียวหลินเทียนกำลังลงโทษพวกเขา เขาเข้าใจว่าคำสั่งของเซียวหลินเทียนเป็นการระบายความโกรธแทนหลิงอวี๋และสิงจั๋วแต่ฉินซานและเผยอวี้ต่างก็เป็นแม่ทัพของราชสำนัก พวกเขามิเคยทำเรื่องการปล้นมาก่อน พวกเขาจึงมิรู้ว่าจะเริ่มลงมือจากที่ใดทั้งสองคนอับจนหนทาง คิดแผนไว้สองสามแผนแต่ก็รู้สึกว่ามิเหมาะสมสักแผนแล้วจู่ ๆ ฉินซานก็นึกถึงเย่หรงขึ้นมา ช่วงนี้เย่หรงกำลังคิดวิธีหาเงินอยู่ ฉินซานมีสัญชาตญาณบางอย่างว่าเย่หรงจะต้องกำลังวางแผนอะไรบางอย่างอยู่เป็นแน่
วันนี้ทั้งวันที่สำนักศึกษาชิงหลงต่างก็พูดกันว่า สิงอวี๋จากหอปรุงโอสถจะประลองวิชาพิษกับไป่หลี่ไห่สำหรับการประลองนี้ มีข่าวลือต่าง ๆ นานาที่เล่าต่อกันไปทั่วมีข่าวลือบางส่วนบอกว่า สิงอวี๋มิรู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ อาศัยว่ามีความสามารถในการแยกแยะเครื่องยาสมุนไพรที่แข็งแกร่งแล้วไปท้าทายอำนาจของไป่หลี่ไห่เมื่อบัณฑิตจากหอโอสถไป๋เป่าและหอโอสถซ่างกู่ทั้งสองชั้นเรียนได้ยินข่าวนี้ พวกเขาก็ตั้งตนเป็นฝ่ายตรงข้ามกันทันที แล้วก็เริ่มด่าทอกันขึ้นมาในสำนักย่อยบัณฑิตของหอโอสถซ่างกู่ด่าทอไป่หลี่ไห่ว่าไร้ยางอาย เป็นผู้ใหญ่มารังแกเด็กถึงอย่างไรสิงอวี๋ก็เป็นบัณฑิตใหม่ที่เพิ่งเข้าเรียนได้มิถึงเดือน ส่วนไป่หลี่ไห่เป็นปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงมานานแล้ว การที่ปรมาจารย์ท้าประลองกับศิษย์น้อยนั้น ต่อให้ชนะก็ดูมิสง่างามหรอกเหลยเหวินและจงเจิ้งเฟยก็โกรธมากเช่นกัน ทั้งสองคนรู้เรื่องที่สิงจั๋วพี่ชายของสิงอวี๋ถูกตระกูลเหมียวแก้แค้นแล้วเหลยเหวินจึงเปิดเผยเรื่องนี้ต่อหน้าธารกำนัล แล้วนางก็ตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธ “ปรมาจารย์ไป่หลี่มิรู้หรือว่าศิษย์ของตนมีนิสัยอย่างไร? หากมิใช่เพราะเหมียวหยางไปทำลายบ้านของศิษย์พี่ห
“ตกลง ข้าจะเข้าร่วมการประลอง!”หลิงอวี๋เอ่ยออกมาอย่างแน่วแน่เย่ซื่อฝานและท่านผู้เฒ่าเย่ต่างสบตากัน พวกเขารู้ดีว่าเสี่ยวชีหนีมิพ้นการประลองในครั้งนี้ ทว่าเสี่ยวชีจะชนะได้จริงหรือ?หลายปีมานี้ตระกูลเย่กับหอโอสถไป๋เป่าต่อสู้กันอย่างเปิดเผย และพวกเขาก็รู้จักคนของไป่หลี่ไห่ดีที่สุดการประลองที่ดูเปิดเผยนี้ ลับหลังอาจจะซ่อนเจตนาฆ่ามิรู้จบเอาไว้ก็ได้!ไป่หลี่ไห่ได้สูญเสียคนไปแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นหากมิได้เตรียมตัวมาอย่างดีเขาไม่มีทางเสนอการประลองเช่นนี้เป็นอันขาด!หลงเพ่ยเพ่ยออกไปก่อน แต่พ่อลูกตระกูลเย่ยังอยู่ ทั้งสองต่างก็มองหลิงอวี๋ด้วยความกังวลหลังจากผ่านไปสักพัก ท่านผู้เฒ่าเย่ก็เอ่ยขึ้นก่อน “เสี่ยวชี เจ้าต้องเตรียมใจเอาไว้ด้วย นี่มิใช่การประลองที่ยุติธรรมเป็นแน่!”“ไป่หลี่ไห่มีกลอุบายมากมาย หากเขามิมั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะเจ้าได้เขาไม่มีทางเสนอการประลองหรอก!”หลิงอวี๋คิดเอาไว้แล้ว นางจึงเอ่ยออกไปเรียบ ๆ “ท่านผู้อาวุโส ข้ารู้ แต่ข้าไม่มีทางให้ถอยแล้วเจ้าค่ะ!”หากมิเข้าร่วมก็จะมิได้เห็ดหยก ทั้งยังต้องชดใช้เหมียวหยางด้วยชีวิตอีกนางสามารถต่อสู้กับเหมียวหยางได้ และสามารถต่อสู้กับไ