รถม้าของตำหนักองค์ชายคังกำลังเคลื่อนตัวบนถนนนอกเมืองข้างหลังรถม้ามีขบวนองครักษ์ขี่ม้าสูงใหญ่กำยำจ้าวเจินเจินภายในรถม้าเอียงตัวบนตั่งเตียงประดับงามประณีต โดยมีนางรับใช้สองคนนั่งพัดอยู่ข้าง ๆ นางจ้าวเจินเจินหลับตาคิดเรื่องในใจพลางนิ่วหน้าเล็กน้อยองค์ชายคังให้กวนอิ่งอยู่เรือนที่พ่อแม่นางยกเป็นสินสมรสให้นางทว่ากวนอิ่งใช้เวลาเพียงไม่นานขับไล่ชาวนากว่าครึ่งของตนออกหมู่บ้านเสียแล้ว เลยเถิดกว่านั้นคือนางทุบตีเหอจวงโถวผู้ที่ดูแลทุ่งนาแทนตน โยนเขาทิ้งออกมาจนเจียนตายแถมรายได้ครึ่งปีนี้ของทุ่งนาล้วนถูกกวนอิ่งใช้สุรุ่ยสุร่ายจนหมดในไม่กี่วัน!จ้าวเจินเจินมิได้กังวลเงินเล็กน้อยนั้นหรอก ตระกูลจ้าวของนางก็มีเงินตราเช่นกัน นางจึงมิสนใจการสิ้นเปลืองเงินนับหมื่นทว่าที่นางโมโหคือท่าทีหยิ่งผยองของกวนอิ่ง ยังมิทันเป็นพระชายารองเข้าประตูตำหนักองค์ชายคังด้วยซ้ำ แต่กลับวางมาดสูงส่งกว่าพระชายาเอกเช่นตนเสียอีก!หากนางแต่งเข้าตำหนักองค์ชายคังจริง กวนอิ่งจะไม่ยิ่งจองหองรึ?ครั้นกลุ่มคนมาถึงหรงจวง จ้าวเจินเจินมิได้ไปเรือนของตน แต่ไปเรือนของเหอจวงโถวก่อนภรรยาของเหอจวงโถวกำลังตากผ้าปูเตียงอยู่ในลา
เมื่อจ้าวเจินเจินได้ฟังพลันโมโหทันทีไป๋ฮุ่ยนางรับใช้ของนางครั้นได้ยินวาจานี้ก็โกรธเช่นกัน “ตระกูลพระชายาก็ร่ำรวย ทว่ามิได้จองหองเช่นนาง!”“หญิงชั่วนั่นมีสิทธิ์กระไรมาบอกให้องค์ชายหย่ากับพระชายา! ช่างอวดดีนัก!”“พระชายา คนเยี่ยงนี้จักคู่ควรเป็นพระชายารองขององค์ชายได้เยี่ยงไร! ยังมิทันเข้าประตูก็มิเห็นท่านในสายตาเสียแล้ว อนาคตก็มิรู้โอหังขนาดไหนเจ้าค่ะ!”“หยุด! อย่าพูด!”ต่อหน้าคนนอกจ้าวเจินเจินไม่อยากพูดมาก จึงเอ่ยปลอบ“เหอจวงโถว เจ้าพักผ่อนดี ๆ ข้าจักไปดูเสียหน่อย… วางใจเถอะ ข้าจักตัดสินเพื่อเจ้า!”จ้าวเจินเจินให้ไป๋ฮุ่ยมอบเงินสองร้อยตำลึงแก่เหอจวงโถว พลันพาคนติดตามมุ่งหน้าไปเรือนของตนทันทีเมื่อมาถึงเรือน จ้าวเจินเจินเพิ่งลงรถม้าก็ได้ยินความวุ่นวายในลาน คนรับใช้หลายคนกำลังวุ่นขนย้ายของออกข้างนอก“เตียงพัง ๆ นั่น ตัวข้านอนแล้วปวดเอวปวดหลังนัก ยกออกไปทิ้งซะ!”“เรือนนี้ก็ซอมซ่อยิ่ง อยากจะทุบสร้างใหม่จริง ๆ!”เมื่อจ้าวเจินเจินได้ยินเสียงลำพองจากด้านในก็ขมวดหัวคิ้วทันใด สตรีหยาบคายเยี่ยงนี้มิน่านับถือโดยสิ้นเชิง!นางนึกถึงข่าวที่ไป๋ฮุ่ยไปสอบถามมา กวนอิ่งผู้นี้ได้ถูกองค์ชายใหญ่
องครักษ์ที่ติดตามมาหลายคนพลันทะยานเข้ามาแต่กวนอิ่งก็มิใช่พวกจัดการได้ง่าย ๆ ก่อนจะตะโกนว่า “ผู้ใดกล้าลงมือ? ข้ากวนอิ่งจักมิปล่อยมันไปเด็ดขาด!”“หากข้าบาดเจ็บ องค์ชายคังก็มิปล่อยพวกเจ้าไปเช่นกัน!”ผู้คุ้มกันสิบกว่าคนนำโดยกวนอิ่งต่างชักดาบล้อมเอาไว้เมื่อจ้าวเจินเจินเห็นสถานการณ์ก็ยิ่งโกรธตัวสั่นทั้งร่างกวนอิ่งผู้นี้หมายสังหารนางรึ?ก่อนหน้าจ้าวเจินเจินยังฟังหูไว้หูต่อคำพูดของเหอจวงโถว โดยคิดว่าถึงกวนอิ่งจะจองหอง แต่ก็คงมิกล้าให้องค์ชายหย่ากับตนหรอก!ทว่าบัดนี้เห็นมาดของกวนอิ่งกับตาแล้ว จ้าวเจินเจินเชื่อคำพูดของเหอจวงโถวทุกอย่าง!หญิงชั่วนางนี้ คิดเสี้ยมองค์ชายหย่ากับตนมิพอ ยังมีเจตนาฆ่าตนด้วย!เมื่อหัวหน้าองครักษ์เห็นสถานการณ์พลันรู้สึกกังวลใจ พวกเขามากันทั้งหมดแค่แปดคนเท่านั้นจำนวนผู้คุ้มกันของกวนอิ่งมากกว่าพวกเขาสองเท่า หากสู้กันจริงจะครองความได้เปรียบได้งั้นรึ?“พระชายา… วันข้างหน้าท่านจักได้เป็นครอบครัวเดียวกันกับคุณหนูกวน คุยกันดี ๆ เถิดขอรับ ทุกคนอย่าบาดหมางกันเลย!”หัวหน้าองครักษ์รู้ว่ากวนอิ่งมีประโยชน์ต่อองค์ชายคังอย่างยิ่ง หากวันนี้ทำร้ายกวนอิ่ง กลับไปหาได้โดนองค
รถม้าขององค์ชายคังเซียวหลินอี้เพิ่งถึงได้ครึ่งทางก็พบกับรถม้าของจ้าวเจินเจินเข้าเมื่อจ้าวเจินเจินได้ยินองครักษ์เอ่ยว่าองค์ชายคังมาแล้วก็รีบลงรถม้าทันที พลางบอกว่ามีอะไรจะพูดกับองค์ชายคัง“เจินเจิน รอข้ากลับไปค่อยคุยเถอะ!”องค์ชายคังเปิดม่านรถออกกล่าวอย่างเหลืออดเล็กน้อยเบ้าตาจ้าวเจินเจินแดงก่ำ พูดทั้งน้ำตาไหลนอง“องค์ชายยุ่งเพียงนั้นเลยหรือเพคะ? กระทั่งเวลาคุยกับเจินเจินไม่กี่ประโยคก็ไม่มีหรือเพคะ?”เมื่อองค์ชายคังเห็นองครักษ์ต่างกำลังดูอยู่ก็ไม่อยากให้จ้าวเจินเจินเสียหน้าเพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ เอื้อมมือพลางกล่าว “เข้ามาคุยเถอะ!”จ้าวเจินเจินถูกองค์ชายคังดึงขึ้นรถ เมื่อเห็นมีหีบขนาดใหญ่กล่องหนึ่งบนรถ พลันโพล่งถามทันควัน“นี่คือสิ่งของอันใด?”องค์ชายคังพูดอย่างสบาย ๆ “เมื่อครู่ไปวังหลวง เสด็จแม่ได้รับแตงเป็นเครื่องบรรณาการ ข้าจักเอาให้กวนอิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ นางชอบทานสิ่งนี้นัก!”หัวใจจ้าวเจินเจินสั่นสะท้าน นี่ยังไม่ทันเข้าประตู ในใจเซียวหลินอี้ก็มีแต่กวนอิ่งแล้วรึ?มีผลไม้เครื่องบรรณาการ เซียวหลินอี้ไม่คิดจะให้ตน คิดแต่จะให้กวนอิ่ง?“องค์ชาย… เจินเจินขอพูดกับท่านตรง ๆ กวน
เมื่อถึงหอริมธารา ไป๋ผิงก็บอกองครักษ์ให้กลับไป ก่อนจะสั่งกับข้าวที่จ้าวเจินเจินชอบกินมาเต็มโต๊ะจ้าวเจินเจินเคยชินกับการนั่งห้องส่วนตัวบนชั้นสองของหอริมธารา ซึ่งสามารถชมผืนแม่น้ำได้ไป๋ผิงกับไป๋ฮุ่ยติดตามจ้าวเจินเจินมาตั้งแต่เด็ก พวกนางรู้ดีว่าที่นี่คือที่ที่จ้าวเจินเจินนัดพบกับอ๋องอี้เซียวหลินเทียนอยู่บ่อย ๆ ในยามนั้น!และเป็นที่ที่จ้าวเจินเจินกับเซียวหลินเทียนบังเอิญพบกันเป็นครั้งแรกด้วยเช่นกัน!ด้านนอกห้องส่วนตัวมีระเบียงไว้นั่งชมพระอาทิตย์ตกเหนือผืนแม่น้ำจ้าวเจินเจินดื่มสุราหลายจอกตามลำพัง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความทุกข์อัดอั้นภายในใจ หรือเพราะเห็นพระอาทิตย์ตกจึงคิดถึงเรื่องในครานั้นกันแน่“ไป๋ผิง ไปเชิญท่านอ๋องอี้มา!”ถ้อยคำนี้ของจ้าวเจินเจินทำให้ไป๋ผิงหน้าถอดสีฉับพลันท่านอ๋องอี้กับจ้าวเจินเจินต่างก็สมรสกับผู้อื่น หากพบปะเป็นการส่วนตัวอีก เมื่อฉาวออกไปอาจกระทบต่อชื่อเสียงพระชายาเอาได้“จักไปมิไป? หรือแม้แต่คำพูดข้าเจ้าก็มิเชื่อฟังแล้วรึ?”เมื่อจ้าวเจินเจินเห็นไป๋ผิงลำบากใจ ก็พลันตะโกนขุ่นเคืองไป๋ฮุ่ยพบว่าจ้าวเจินเจินเริ่มโมโหจึงกล่าวทันควัน“ไป๋ผิงเจ้าไปเถอะ! องค์ชายเสด
ครั้นหลิงอวี๋เห็นลู่หนานก็ผงะไปเช่นกัน ก่อนจะพยักหน้าทักทายเล็กน้อยเมื่อเร็ว ๆ นี้เกิ่งเสี่ยวหาวเพิ่งซื้อหอริมธารา เขาชวนหลิงอวี๋มาลิ้มลองฝีมือพ่อครัวแห่งหอริมธารา และขอคำแนะนำการปรับปรุงจากหลิงอวี๋ด้วยหลิงอวี๋รู้สึกว่าทิวทัศน์ที่หอริมธาราไม่เลวเลย เพียงแต่การตกแต่งของภัตตาคารดูเก่ามาก เนื่องกาลเวลาอันยาวนานนางเดินเตร่ตามเกิ่งเสี่ยวหาว แล้วให้คำแนะนำเกิ่งเสี่ยวหาวไปด้วยทางด้านลู่หนานเริ่มกระสับกระส่าย เนื่องหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนยังมิได้หย่ากันหากท่านอ๋องของตนอยู่กับสตรีที่ยังไม่ออกเรือน อย่างนั้นถูกหลิงอวี๋พบเข้าก็ไม่เป็นอะไรทว่าถ้าถูกหลิงอวี๋พบว่าท่านอ๋องอยู่กับจ้าวเจินเจินที่เป็นสตรีออกเรือนแล้ว จ้าวเจินเจินกับท่านอ๋องต้องไม่มีหน้าไปเจอคนแน่!ลู่หนานหมายแอบเข้าไปส่งข่าว แต่ก็กลัวจะยิ่งดึงดูดสายตาคน จึงรออยู่ข้างนอกอย่างใจจดจ่อภายในห้องส่วนตัวเซียวหลินเทียนกำลังพันแผลให้จ้าวเจินเจินอยู่ เขากลัวทำจ้าวเจินเจินเจ็บจึงระวังอย่างยิ่งขณะที่จ้าวเจินเจินกำลังมองดวงหน้างดงามของเซียวหลินเทียนอย่างใกล้ชิด จู่ ๆ หัวใจนางพลันเต้นระรัวอย่างไรเสียเซียวหลินเทียนก็คือคนที่นางเคย
“ท่านพี่สี่!”เมื่อเซียวหลินเทียนเห็นจ้าวเจินเจินพุ่งมา สีหน้าพลันมืดลงทันใดเขาเซียวหลินเทียนเป็นคนจิตใจเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ เขาจะฝ่าฝืนหลักการของตนงเพื่อความสุขชั่วครั้งชั่วคราวได้เยี่ยงไร!ครั้งนี้เขาออกแรงผลักจ้าวเจินเจินออกอ้อมแขนตัวเองอย่างไม่เกรงใจตำหนิเสียงเฉียบขาด “พอ จ้าวเจินเจิน เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังทำกระไร?”จ้าวเจินเจินไม่คิดว่าเซียวหลินเทียนจะผลักตัวเองออกไปแรงขนาดนี้เมื่อร่างล้มลงไปข้างหลัง นางไม่ทันระวังตัวแขนเสื้อก็ปัดจานที่ริมโต๊ะตกลงพื้นเพล้ง…จานตกแตกกระจายบนพื้นจ้าวเจินเจินล้มลงกับพื้นอย่างแรงเช่นกันมืออีกข้างที่สภาพดีถูกเศษเล็ก ๆ บนพื้นปาดเป็นแผลก่อนจะเลือดไหลออกมา!ความเจ็บปวดปลุกสติจ้าวเจินเจินในพริบตา!นางมองใบหน้ามืดครึ้มของเซียวหลินเทียนอย่างงงงัน ความอัปยศและความหยิ่งในศักดิ์ศรีทำให้จ้าวเจินเจินอายแทบแทรกพสุธาหนีไปเดี๋ยวนั้นนางลุกขึ้นพรวด ก่อนจะพุ่งไปหน้าประตูอย่างบ้าบิ่นและเปิดประตูเร็วรี่ทว่าทันทีที่เปิดประตูออก จ้าวเจินเจินก็มองอย่างตกตะลึง…หลิงอวี๋กับนางรับใช้ของนาง และยังมีบุรุษแปลกหน้าคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูกำลังมองตนด้วยอารม
จ้าวเจินเจินอดกลัวจนใจเต้นรัวมิได้ ขณะนั่งอยู่บนรถม้ากลับตำหนักแม้ว่าสุดท้ายตนจะย้อนใส่ร้ายเซียวหลินเทียน แต่ว่าหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนจะเอาเรื่องนี้ออกไปพูดหรือไม่?“ทำเช่นไรดี?”เป็นครั้งแรกที่จ้าวเจินเจินสูญเสียความสุขุม หากเรื่องที่ตนยั่วยวนเซียวหลินเทียนแพร่งพราย เช่นนั้นนางจะทำตัวอย่างไรเล่า!หากองค์ชายคังรู้ว่าตนยั่วยวนเซียวหลินเทียนต้องมิปล่อยตนไปแน่ ๆ!จ้าวเจินเจินกลัวตัวสั่นทั้งร่าง เวลานี้ถึงได้ตระหนักว่าตนบุ่มบ่ามเกินไปจนทำผิดใหญ่หลวงเสียแล้ว!องค์ชายคังมิยอมให้นางเอาความอัปยศมาพัวพันถึงเขาจนถูกคนวิจารณ์แน่!ไป๋ผิงสงบลงแล้ว นางดูความเครียดและความกังวลของจ้าวเจินเจินออก จึงเอ่ยปลอบเสียงแผ่ว“พระชายา ท่านมิต้องกังวลไปเจ้าค่ะ!”“พวกเขาไม่พูดหรอก… เรื่องเช่นนี้หากรั่วไปจะเสียหน้าท่านอ๋องอี้เจ้าค่ะ!”“ยิ่งกว่านั้น ท่านอ๋องอี้ยังมีความรู้สึกต่อพระชายาด้วย พระองค์มิยอมให้มีคนมาทำลายชื่อเสียงของท่านแน่เจ้าค่ะ!”จ้าวเจินเจินชะงักไปพักหนึ่ง เป็นเช่นนี้เองหรือ?ไป๋ผิงพูดพลางยิ้มอ่อน ๆ ว่า “พอท่านอ๋องอี้ได้ยินบ่าวบอกว่าท่านได้รับบาดเจ็บก็รุดมาพบท่านทันที นี่ยังพิสูจน์มิไ
สิ่งที่เถาจื่อคิดได้ จงเจิ้งเฟยก็คิดได้เช่นกัน นางห้ามมิให้เถาจื่อพูดต่อก็เพราะกังวลว่าหลิงอวี๋จะกลัวหากเป็นเช่นนี้ยังมิทันได้เริ่มการประลอง ขวัญกำลังใจของหลิงอวี๋คงได้ตกต่ำลงไปก่อนแล้วถึงอย่างไรการประลองครั้งนี้ก็มิสามารถเปลี่ยนแปลงได้ เช่นนั้นก็พูดให้น้อยลงหลิงอวี๋จะได้กังวลน้อยลงกลุ่มพวกนางจึงล้อมรอบหลิงอวี๋ไว้แล้วเดินไปทางหอปรุงโอสถหอปรุงโอสถมีคนเบียดเสียดกันจนเต็มพื้นที่ มิเพียงแต่คนของหอปรุงโอสถเท่านั้นที่มาชม แต่คนของหออื่น ๆ ก็มากันทั้งหมดเป็นดังที่เย่หรงคาดเอาไว้ พ่อแม่ของเหมียวหยางก็มาเช่นกัน ทั้งยังใช้เกี้ยวแบกเหมียวหยางเข้ามาด้วยเมื่อเห็นว่าหลิงอวี๋มาแล้วเหล่าบัณฑิตของหอโอสถไป๋เป่าก็ด่าทอขึ้นมา“สิงอวี๋ เหตุใดเจ้าจึงโหดร้ายเช่นนี้ เจ้าดูเสีย เจ้าทำให้ศิษย์พี่ของข้าทรมานจนเป็นอย่างไรไปแล้ว?”“ร่างกายของเขาเน่าเปื่อยไปหมด มีไข้สูงอยู่ตลอด ชีวิตของเขาแขวนอยู่บนเส้นด้ายแล้วเจ้าก็ยังมิยอมให้ยาแก้พิษแก่เขา จิตใจช่างชั่วร้ายนัก!”เกี้ยวที่เหมียวหยางนั่งอยู่เปิดม่านขึ้น เขาเอนตัวนั่งพิง ตุ่มน้ำที่เต็มใบหน้านั้นก็เน่าเปื่อยจนมองมิเห็นถึงสภาพในอดีตแล้วฮูหยินเหมียวอยู
เช้าวันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋ตื่นขึ้นมาและกำลังคิดว่าจะไปทำอาหารเช้า แต่ไป๋อวี้ดันวิ่งออกมาพร้อมรอยยิ้มแล้วก็เอ่ยขึ้นมา “แม่นางสิง มิต้องทำอาหารเช้าแล้ว ท่านหญิงบอกว่านางจะส่งอาหารเช้ามาให้!”เป็นดังที่คาด ไป๋อวี้ยังพูดมิทันจบก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นแล้วไป๋อวี้จึงวิ่งไปเปิดประตู และเมื่อหลิงอวี๋เห็นคนที่ยืนอยู่หน้าประตูก็ตกตะลึงไปมิเพียงแต่หลงเพ่ยเพ่ยเท่านั้นที่มา เหลยเหวิน จงเจิ้งเฟย อู่เถาและคนอื่น ๆ ล้วนมากันทั้งหมด“ศิษย์พี่หญิง พวกเรามากินอาหารเช้ากับเจ้า กินเสร็จแล้วเราก็ไปสำนักศึกษาชิงหลงด้วยกันเลยเถิด!”พวกเหลยเหวินพากันเดินเข้าไปพร้อมกับกล่องอาหารเรื่องการประลองพวกนางมิสามารถช่วยหลิงอวี๋ได้ พวกนางจึงใช้วิธีนี้เพื่อบอกกับหลิงอวี๋ว่านางมิได้ตัวคนเดียวหลิงอวี๋เผยยิ้มเล็กน้อย นางรู้สึกซาบซึ้งยิ่งนักนางมิได้ตัวคนเดียว นางยังมีสหาย!“สิงอวี๋ ข้าซื้ออาหารเช้าจากภัตตาคารที่ดังที่สุดในเมืองหลวงแดนเทพมาให้เจ้าทั้งหมดเลย รับน้ำใจไว้เถิด กินให้มาก ๆ นะ!”หลงเพ่ยเพ่ยเองก็จัดเตรียมอาหารเช้าออกมาอย่างกระตือรือร้นไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องการประลอง แล้วก็แย่งกันส่งชามและตะเกียบให้หลิง
หา!เย่ซื่อฝานตกตะลึง ตกใจกับคำพูดของท่านผู้เฒ่าเย่จนพูดมิออกหลิงอวี๋ชะงักไปครู่หนึ่ง แต่หัวใจกลับสงบลงทันทีเจ้าวังเทียนจีก็คืออาจารย์ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย หลงอิงและแม้กระทั่งเฉียวเค่อ จุดประสงค์ในการลงจากภูเขาของพวกเขามิแน่ว่าจะมาเพื่อช่วยไป่หลี่ไห่!พวกเขามาเพื่อหลิงอวี๋ต่างหาก!แต่หลิงอวี๋ก็คือตนเอง!สิ่งนี้ไป ๆ มา ๆ ก็ล้วนมาเพื่อจัดการกับตนกันทั้งนั้น ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือตอนนี้พวกเขายังมิรู้ว่าเป้าหมายที่พวกเขาต้องการจัดการนั้นคือคนคนเดียวกัน!ส่วนทางท่านผู้เฒ่าเย่ เนื่องจากความสัมพันธ์ของหลงอิงและจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเขาจึงเข้าใจผิดคิดว่าคนของวังเทียนจีมาเพื่อช่วยเหลือไป่หลี่ไห่“ใต้หล้านี้เปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ เหตุใดจึงเต็มไปด้วยคนที่ไร้ยางอายมากถึงเพียงนี้!”ท่านผู้เฒ่าเย่ทั้งกังวลทั้งโกรธ ต่อหน้าหลิงอวี๋มิอาจพูดออกไปได้ ทว่าก็แอบบ่นอยู่ในใจนี่สวรรค์ต้องการทำลายตระกูลเย่หรือไร?“ท่านพ่อ ท่านบอกว่าเชิญคนมาเพื่อดูแลเรื่องความยุติธรรมมิใช่หรือ?”เย่ซื่อฝานเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความหวัง“ข้าไปเชิญแล้วแต่เขามิอยู่ ข้าจึงทิ้งข้อความไว้ หากเขาได้รับข้อความ วันพรุ่งเขาก็คงจะมา!
มิรู้ว่าเพราะเหตุใด เมื่อคิดได้ว่าหลิงอวี๋อาจจะเข้าร่วมในเรื่องนี้ เผยอวี้กับฉินซานก็ล้วนมิรู้สึกว่าจะมีอะไรผิดปกติแม้ว่าหลิงอวี๋จะสูญเสียความทรงจำไป แต่นางก็มิได้สูญเสียความมีเหตุผล ความฉลาดและความใจดีไปด้วย ในเมื่อนางสนับสนุนเย่หรง เช่นนั้นพวกเขาก็จะเห็นแก่นางและช่วยเย่หรงเช่นกันเซียวหลินเทียนก็มีความคิดเช่นเดียวกัน เรื่องที่หลิงอวี๋ทำล้วนมีเหตุผลของนาง หากนางเข้าร่วมแผนการแหกคุกของเย่หรง เช่นนั้นเขาก็ต้องปกป้องคนเหล่านี้ให้ปลอดภัย“ให้สือหรงไปทำความเข้าใจการจัดการคุกน้ำที่สระเก้ามังกรมาให้ละเอียด การประลองของหลิงอวี๋กับไป่หลี่ไห่ในวันมะรืนนี้จะต้องก่อให้เกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่อย่างแน่นอน… ข้ารู้สึกว่าหลิงอวี๋จะมิอยู่ในเมืองหลวงแดนเทพอีกต่อไปแล้ว!”“ก่อนที่นางจะไป นางจะต้องคิดวิธีช่วยเย่หรงช่วยท่านแม่ของเขาออกมาเป็นแน่ พวกเราจะปล่อยให้นางตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากมิได้!”“พ่ะย่ะค่ะ!”เผยอวี้และฉินซานต่างรู้สึกได้ว่าพายุใกล้เข้ามาแล้ว การประลองครั้งนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนหนึ่งที่จะตัดสินว่า พวกเขาจะไปหรือจะอยู่ จะรอดหรือจะตายหลังจากที่ทั้งสองคนไปแล้ว เซียวหลินเทียนก็ตกสู่ห้ว
ฉินซานรู้สึกสนใจขึ้นมา “หืม มีผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้ด้วยหรือ หลังจากนี้หากมีโอกาสก็แนะนำให้ข้ารู้สึกหน่อยสิ!”เซียวหลินเทียนต้องการคนที่มีความสามารถในเมืองหลวงแดนเทพจำนวนมาก หากมีผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้ แล้วแนะนำให้เขา เขาจะต้องดีใจมากแน่ ๆ“วันหลังเจ้าก็จะได้พบกับนาง!”เย่หรงยังคงต้องการความช่วยเหลือจากฉินซานเรื่องช่วยท่านแม่ ถึงเวลานั้นค่อยแนะนำเสี่ยวชีให้เขารู้จักทั้งสองคนคุยเรื่องรายละเอียดกันอีกครั้ง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีข้อผิดพลาดใด ๆ แล้วพวกเขาก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปดำเนินการฉินซานกลับไปที่คฤหาสน์อู่ และบอกเรื่องความคิดของเย่หรงให้เซียวหลินเทียนกับเผยอวี้ฟังเผยอวี้กำหมัดชกมืออีกข้างหนึ่งของตนอย่างตื่นเต้น แล้วตะโกนขึ้นมา “สวรรค์… หากเย่หรงผู้นี้มิไปเป็นโจรก็ช่างน่าเสียดายจริง ๆ!”“มีความกล้าหาญมีกลอุบาย ทั้งยังคิดแผนการได้เหนือความคาดหมายเช่นนี้ หากทำมิสำเร็จก็คงจะรู้สึกผิดต่อเขาแล้ว!”ความสนใจของเซียวหลินเทียนอยู่ที่ประโยคสุดท้ายที่ฉินซานกับเย่หรงคุยกัน“เย่หรงบอกว่า เขาได้รับแรงบันดาลใจจากคนผู้หนึ่งมาหรือ?”ฉินซานพยักหน้าอย่างมิรู้ตัว “เขาบอกเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ!”มุมปากของเ
เย่หรงยิ่งคิดก็ยิ่งสนใจ ฉินซานสามารถบอกความลับเรื่องการปล้นให้ตนฟังได้ หากว่าตนช่วยให้พวกเขาบรรลุเป้าหมาย เช่นนั้นก็จะเป็นการสร้างพันธมิตรโดยปริยาย“ข้าต้องการแค่สองส่วนเท่านั้น!”เย่หรงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยออกมาด้วยเสียงเรียบนิ่ง “ส่วนอีกสองส่วน ก็ถือเสียว่าเป็นค่าตอบแทนที่ข้าให้พวกท่านล่วงหน้า!”“พี่อู่ ข้าก็มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ต้องการให้พวกท่านช่วยเช่นกัน จัดการเรื่องนี้ให้สำเร็จก่อนแล้วข้าค่อยบอกท่านก็แล้วกัน!”เมื่อฉินซานเห็นว่าเย่หรงตกลง เขาก็เอ่ยออกไปทันที "พี่หรงเต็มใจที่จะช่วยพวกเรา หากท่านมีความยากลำบากใด พวกเราก็จะช่วยโดยมิลังเลเช่นกัน!”“เช่นนั้นก็ตกลงกันตามนี้ จัดการเรื่องนี้ก่อนค่อยว่ากัน!”“วันมะรืนคือวันที่เสี่ยวชีกับไป่หลี่ไห่จะประลองกัน พี่หรง ตระกูลเหมียวกำลังเตรียมเงินที่จะมอบให้ไป่หลี่ไห่ พวกเราต้องลงมือชิงมาก่อนที่ตระกูลเหมียวจะส่งเงินให้ไป่หลี่ไห่!”“มิเช่นนั้นหากเงินไปที่บ้านของไป่หลี่ไห่แล้วจะยุ่งยากเอาได้!”สมองของเย่หรงก็ครุ่นคิดเช่นกันฉินซานพูดถูก ตระกูลเหมียวบรรจุเงินลงกล่องแล้วแต่ยังมิได้ขนย้ายไป เวลานี้คือโอกาสในการปล้นที่ดีที่สุดหากส่งไปถึ
ก่อนการประลองจะสิ้นสุดลง?ฉินซานกับเผยอวี้ได้ยินคำพูดของเซียวหลินเทียนแล้วก็มองหน้ากันไปมาเผยอวี้อยากจะร้องไห้มิใช่เพราะเซียวหลินเทียนให้เวลาพวกเขาน้อยเกินไปหรอก!แต่ว่า ในฐานะที่เขาเป็นแม่ทัพใหญ่ของแคว้น เขาจะต้องตกต่ำจนกลายเป็นโจรปล้นทรัพย์หรือ?ฝ่าบาท นี่คือการลงโทษที่พวกเราประมาทจนทำให้สิงจั๋วถูกแก้แค้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?ฉินซานมิได้ “อ่อนไหว” ดังเช่นเผยอวี้ เมื่อเขาได้รับบัญชาจากเซียวหลินเทียนมา สมองของเขาก็ครุ่นคิดในทันทีมีเวลาเพียงแค่หนึ่งวันกว่าเท่านั้น จะไปชิงทรัพย์สินของตระกูลเหมียวมาโดยที่มิถูกจับได้ได้อย่างไร?ฉินซานมิได้รู้สึกว่าเซียวหลินเทียนกำลังลงโทษพวกเขา เขาเข้าใจว่าคำสั่งของเซียวหลินเทียนเป็นการระบายความโกรธแทนหลิงอวี๋และสิงจั๋วแต่ฉินซานและเผยอวี้ต่างก็เป็นแม่ทัพของราชสำนัก พวกเขามิเคยทำเรื่องการปล้นมาก่อน พวกเขาจึงมิรู้ว่าจะเริ่มลงมือจากที่ใดทั้งสองคนอับจนหนทาง คิดแผนไว้สองสามแผนแต่ก็รู้สึกว่ามิเหมาะสมสักแผนแล้วจู่ ๆ ฉินซานก็นึกถึงเย่หรงขึ้นมา ช่วงนี้เย่หรงกำลังคิดวิธีหาเงินอยู่ ฉินซานมีสัญชาตญาณบางอย่างว่าเย่หรงจะต้องกำลังวางแผนอะไรบางอย่างอยู่เป็นแน่
วันนี้ทั้งวันที่สำนักศึกษาชิงหลงต่างก็พูดกันว่า สิงอวี๋จากหอปรุงโอสถจะประลองวิชาพิษกับไป่หลี่ไห่สำหรับการประลองนี้ มีข่าวลือต่าง ๆ นานาที่เล่าต่อกันไปทั่วมีข่าวลือบางส่วนบอกว่า สิงอวี๋มิรู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ อาศัยว่ามีความสามารถในการแยกแยะเครื่องยาสมุนไพรที่แข็งแกร่งแล้วไปท้าทายอำนาจของไป่หลี่ไห่เมื่อบัณฑิตจากหอโอสถไป๋เป่าและหอโอสถซ่างกู่ทั้งสองชั้นเรียนได้ยินข่าวนี้ พวกเขาก็ตั้งตนเป็นฝ่ายตรงข้ามกันทันที แล้วก็เริ่มด่าทอกันขึ้นมาในสำนักย่อยบัณฑิตของหอโอสถซ่างกู่ด่าทอไป่หลี่ไห่ว่าไร้ยางอาย เป็นผู้ใหญ่มารังแกเด็กถึงอย่างไรสิงอวี๋ก็เป็นบัณฑิตใหม่ที่เพิ่งเข้าเรียนได้มิถึงเดือน ส่วนไป่หลี่ไห่เป็นปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงมานานแล้ว การที่ปรมาจารย์ท้าประลองกับศิษย์น้อยนั้น ต่อให้ชนะก็ดูมิสง่างามหรอกเหลยเหวินและจงเจิ้งเฟยก็โกรธมากเช่นกัน ทั้งสองคนรู้เรื่องที่สิงจั๋วพี่ชายของสิงอวี๋ถูกตระกูลเหมียวแก้แค้นแล้วเหลยเหวินจึงเปิดเผยเรื่องนี้ต่อหน้าธารกำนัล แล้วนางก็ตะโกนขึ้นมาด้วยความโกรธ “ปรมาจารย์ไป่หลี่มิรู้หรือว่าศิษย์ของตนมีนิสัยอย่างไร? หากมิใช่เพราะเหมียวหยางไปทำลายบ้านของศิษย์พี่ห
“ตกลง ข้าจะเข้าร่วมการประลอง!”หลิงอวี๋เอ่ยออกมาอย่างแน่วแน่เย่ซื่อฝานและท่านผู้เฒ่าเย่ต่างสบตากัน พวกเขารู้ดีว่าเสี่ยวชีหนีมิพ้นการประลองในครั้งนี้ ทว่าเสี่ยวชีจะชนะได้จริงหรือ?หลายปีมานี้ตระกูลเย่กับหอโอสถไป๋เป่าต่อสู้กันอย่างเปิดเผย และพวกเขาก็รู้จักคนของไป่หลี่ไห่ดีที่สุดการประลองที่ดูเปิดเผยนี้ ลับหลังอาจจะซ่อนเจตนาฆ่ามิรู้จบเอาไว้ก็ได้!ไป่หลี่ไห่ได้สูญเสียคนไปแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นหากมิได้เตรียมตัวมาอย่างดีเขาไม่มีทางเสนอการประลองเช่นนี้เป็นอันขาด!หลงเพ่ยเพ่ยออกไปก่อน แต่พ่อลูกตระกูลเย่ยังอยู่ ทั้งสองต่างก็มองหลิงอวี๋ด้วยความกังวลหลังจากผ่านไปสักพัก ท่านผู้เฒ่าเย่ก็เอ่ยขึ้นก่อน “เสี่ยวชี เจ้าต้องเตรียมใจเอาไว้ด้วย นี่มิใช่การประลองที่ยุติธรรมเป็นแน่!”“ไป่หลี่ไห่มีกลอุบายมากมาย หากเขามิมั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะเจ้าได้เขาไม่มีทางเสนอการประลองหรอก!”หลิงอวี๋คิดเอาไว้แล้ว นางจึงเอ่ยออกไปเรียบ ๆ “ท่านผู้อาวุโส ข้ารู้ แต่ข้าไม่มีทางให้ถอยแล้วเจ้าค่ะ!”หากมิเข้าร่วมก็จะมิได้เห็ดหยก ทั้งยังต้องชดใช้เหมียวหยางด้วยชีวิตอีกนางสามารถต่อสู้กับเหมียวหยางได้ และสามารถต่อสู้กับไ