รถม้าของตำหนักองค์ชายคังกำลังเคลื่อนตัวบนถนนนอกเมืองข้างหลังรถม้ามีขบวนองครักษ์ขี่ม้าสูงใหญ่กำยำจ้าวเจินเจินภายในรถม้าเอียงตัวบนตั่งเตียงประดับงามประณีต โดยมีนางรับใช้สองคนนั่งพัดอยู่ข้าง ๆ นางจ้าวเจินเจินหลับตาคิดเรื่องในใจพลางนิ่วหน้าเล็กน้อยองค์ชายคังให้กวนอิ่งอยู่เรือนที่พ่อแม่นางยกเป็นสินสมรสให้นางทว่ากวนอิ่งใช้เวลาเพียงไม่นานขับไล่ชาวนากว่าครึ่งของตนออกหมู่บ้านเสียแล้ว เลยเถิดกว่านั้นคือนางทุบตีเหอจวงโถวผู้ที่ดูแลทุ่งนาแทนตน โยนเขาทิ้งออกมาจนเจียนตายแถมรายได้ครึ่งปีนี้ของทุ่งนาล้วนถูกกวนอิ่งใช้สุรุ่ยสุร่ายจนหมดในไม่กี่วัน!จ้าวเจินเจินมิได้กังวลเงินเล็กน้อยนั้นหรอก ตระกูลจ้าวของนางก็มีเงินตราเช่นกัน นางจึงมิสนใจการสิ้นเปลืองเงินนับหมื่นทว่าที่นางโมโหคือท่าทีหยิ่งผยองของกวนอิ่ง ยังมิทันเป็นพระชายารองเข้าประตูตำหนักองค์ชายคังด้วยซ้ำ แต่กลับวางมาดสูงส่งกว่าพระชายาเอกเช่นตนเสียอีก!หากนางแต่งเข้าตำหนักองค์ชายคังจริง กวนอิ่งจะไม่ยิ่งจองหองรึ?ครั้นกลุ่มคนมาถึงหรงจวง จ้าวเจินเจินมิได้ไปเรือนของตน แต่ไปเรือนของเหอจวงโถวก่อนภรรยาของเหอจวงโถวกำลังตากผ้าปูเตียงอยู่ในลา
เมื่อจ้าวเจินเจินได้ฟังพลันโมโหทันทีไป๋ฮุ่ยนางรับใช้ของนางครั้นได้ยินวาจานี้ก็โกรธเช่นกัน “ตระกูลพระชายาก็ร่ำรวย ทว่ามิได้จองหองเช่นนาง!”“หญิงชั่วนั่นมีสิทธิ์กระไรมาบอกให้องค์ชายหย่ากับพระชายา! ช่างอวดดีนัก!”“พระชายา คนเยี่ยงนี้จักคู่ควรเป็นพระชายารองขององค์ชายได้เยี่ยงไร! ยังมิทันเข้าประตูก็มิเห็นท่านในสายตาเสียแล้ว อนาคตก็มิรู้โอหังขนาดไหนเจ้าค่ะ!”“หยุด! อย่าพูด!”ต่อหน้าคนนอกจ้าวเจินเจินไม่อยากพูดมาก จึงเอ่ยปลอบ“เหอจวงโถว เจ้าพักผ่อนดี ๆ ข้าจักไปดูเสียหน่อย… วางใจเถอะ ข้าจักตัดสินเพื่อเจ้า!”จ้าวเจินเจินให้ไป๋ฮุ่ยมอบเงินสองร้อยตำลึงแก่เหอจวงโถว พลันพาคนติดตามมุ่งหน้าไปเรือนของตนทันทีเมื่อมาถึงเรือน จ้าวเจินเจินเพิ่งลงรถม้าก็ได้ยินความวุ่นวายในลาน คนรับใช้หลายคนกำลังวุ่นขนย้ายของออกข้างนอก“เตียงพัง ๆ นั่น ตัวข้านอนแล้วปวดเอวปวดหลังนัก ยกออกไปทิ้งซะ!”“เรือนนี้ก็ซอมซ่อยิ่ง อยากจะทุบสร้างใหม่จริง ๆ!”เมื่อจ้าวเจินเจินได้ยินเสียงลำพองจากด้านในก็ขมวดหัวคิ้วทันใด สตรีหยาบคายเยี่ยงนี้มิน่านับถือโดยสิ้นเชิง!นางนึกถึงข่าวที่ไป๋ฮุ่ยไปสอบถามมา กวนอิ่งผู้นี้ได้ถูกองค์ชายใหญ่
องครักษ์ที่ติดตามมาหลายคนพลันทะยานเข้ามาแต่กวนอิ่งก็มิใช่พวกจัดการได้ง่าย ๆ ก่อนจะตะโกนว่า “ผู้ใดกล้าลงมือ? ข้ากวนอิ่งจักมิปล่อยมันไปเด็ดขาด!”“หากข้าบาดเจ็บ องค์ชายคังก็มิปล่อยพวกเจ้าไปเช่นกัน!”ผู้คุ้มกันสิบกว่าคนนำโดยกวนอิ่งต่างชักดาบล้อมเอาไว้เมื่อจ้าวเจินเจินเห็นสถานการณ์ก็ยิ่งโกรธตัวสั่นทั้งร่างกวนอิ่งผู้นี้หมายสังหารนางรึ?ก่อนหน้าจ้าวเจินเจินยังฟังหูไว้หูต่อคำพูดของเหอจวงโถว โดยคิดว่าถึงกวนอิ่งจะจองหอง แต่ก็คงมิกล้าให้องค์ชายหย่ากับตนหรอก!ทว่าบัดนี้เห็นมาดของกวนอิ่งกับตาแล้ว จ้าวเจินเจินเชื่อคำพูดของเหอจวงโถวทุกอย่าง!หญิงชั่วนางนี้ คิดเสี้ยมองค์ชายหย่ากับตนมิพอ ยังมีเจตนาฆ่าตนด้วย!เมื่อหัวหน้าองครักษ์เห็นสถานการณ์พลันรู้สึกกังวลใจ พวกเขามากันทั้งหมดแค่แปดคนเท่านั้นจำนวนผู้คุ้มกันของกวนอิ่งมากกว่าพวกเขาสองเท่า หากสู้กันจริงจะครองความได้เปรียบได้งั้นรึ?“พระชายา… วันข้างหน้าท่านจักได้เป็นครอบครัวเดียวกันกับคุณหนูกวน คุยกันดี ๆ เถิดขอรับ ทุกคนอย่าบาดหมางกันเลย!”หัวหน้าองครักษ์รู้ว่ากวนอิ่งมีประโยชน์ต่อองค์ชายคังอย่างยิ่ง หากวันนี้ทำร้ายกวนอิ่ง กลับไปหาได้โดนองค
รถม้าขององค์ชายคังเซียวหลินอี้เพิ่งถึงได้ครึ่งทางก็พบกับรถม้าของจ้าวเจินเจินเข้าเมื่อจ้าวเจินเจินได้ยินองครักษ์เอ่ยว่าองค์ชายคังมาแล้วก็รีบลงรถม้าทันที พลางบอกว่ามีอะไรจะพูดกับองค์ชายคัง“เจินเจิน รอข้ากลับไปค่อยคุยเถอะ!”องค์ชายคังเปิดม่านรถออกกล่าวอย่างเหลืออดเล็กน้อยเบ้าตาจ้าวเจินเจินแดงก่ำ พูดทั้งน้ำตาไหลนอง“องค์ชายยุ่งเพียงนั้นเลยหรือเพคะ? กระทั่งเวลาคุยกับเจินเจินไม่กี่ประโยคก็ไม่มีหรือเพคะ?”เมื่อองค์ชายคังเห็นองครักษ์ต่างกำลังดูอยู่ก็ไม่อยากให้จ้าวเจินเจินเสียหน้าเพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ เอื้อมมือพลางกล่าว “เข้ามาคุยเถอะ!”จ้าวเจินเจินถูกองค์ชายคังดึงขึ้นรถ เมื่อเห็นมีหีบขนาดใหญ่กล่องหนึ่งบนรถ พลันโพล่งถามทันควัน“นี่คือสิ่งของอันใด?”องค์ชายคังพูดอย่างสบาย ๆ “เมื่อครู่ไปวังหลวง เสด็จแม่ได้รับแตงเป็นเครื่องบรรณาการ ข้าจักเอาให้กวนอิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ นางชอบทานสิ่งนี้นัก!”หัวใจจ้าวเจินเจินสั่นสะท้าน นี่ยังไม่ทันเข้าประตู ในใจเซียวหลินอี้ก็มีแต่กวนอิ่งแล้วรึ?มีผลไม้เครื่องบรรณาการ เซียวหลินอี้ไม่คิดจะให้ตน คิดแต่จะให้กวนอิ่ง?“องค์ชาย… เจินเจินขอพูดกับท่านตรง ๆ กวน
เมื่อถึงหอริมธารา ไป๋ผิงก็บอกองครักษ์ให้กลับไป ก่อนจะสั่งกับข้าวที่จ้าวเจินเจินชอบกินมาเต็มโต๊ะจ้าวเจินเจินเคยชินกับการนั่งห้องส่วนตัวบนชั้นสองของหอริมธารา ซึ่งสามารถชมผืนแม่น้ำได้ไป๋ผิงกับไป๋ฮุ่ยติดตามจ้าวเจินเจินมาตั้งแต่เด็ก พวกนางรู้ดีว่าที่นี่คือที่ที่จ้าวเจินเจินนัดพบกับอ๋องอี้เซียวหลินเทียนอยู่บ่อย ๆ ในยามนั้น!และเป็นที่ที่จ้าวเจินเจินกับเซียวหลินเทียนบังเอิญพบกันเป็นครั้งแรกด้วยเช่นกัน!ด้านนอกห้องส่วนตัวมีระเบียงไว้นั่งชมพระอาทิตย์ตกเหนือผืนแม่น้ำจ้าวเจินเจินดื่มสุราหลายจอกตามลำพัง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความทุกข์อัดอั้นภายในใจ หรือเพราะเห็นพระอาทิตย์ตกจึงคิดถึงเรื่องในครานั้นกันแน่“ไป๋ผิง ไปเชิญท่านอ๋องอี้มา!”ถ้อยคำนี้ของจ้าวเจินเจินทำให้ไป๋ผิงหน้าถอดสีฉับพลันท่านอ๋องอี้กับจ้าวเจินเจินต่างก็สมรสกับผู้อื่น หากพบปะเป็นการส่วนตัวอีก เมื่อฉาวออกไปอาจกระทบต่อชื่อเสียงพระชายาเอาได้“จักไปมิไป? หรือแม้แต่คำพูดข้าเจ้าก็มิเชื่อฟังแล้วรึ?”เมื่อจ้าวเจินเจินเห็นไป๋ผิงลำบากใจ ก็พลันตะโกนขุ่นเคืองไป๋ฮุ่ยพบว่าจ้าวเจินเจินเริ่มโมโหจึงกล่าวทันควัน“ไป๋ผิงเจ้าไปเถอะ! องค์ชายเสด
ครั้นหลิงอวี๋เห็นลู่หนานก็ผงะไปเช่นกัน ก่อนจะพยักหน้าทักทายเล็กน้อยเมื่อเร็ว ๆ นี้เกิ่งเสี่ยวหาวเพิ่งซื้อหอริมธารา เขาชวนหลิงอวี๋มาลิ้มลองฝีมือพ่อครัวแห่งหอริมธารา และขอคำแนะนำการปรับปรุงจากหลิงอวี๋ด้วยหลิงอวี๋รู้สึกว่าทิวทัศน์ที่หอริมธาราไม่เลวเลย เพียงแต่การตกแต่งของภัตตาคารดูเก่ามาก เนื่องกาลเวลาอันยาวนานนางเดินเตร่ตามเกิ่งเสี่ยวหาว แล้วให้คำแนะนำเกิ่งเสี่ยวหาวไปด้วยทางด้านลู่หนานเริ่มกระสับกระส่าย เนื่องหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนยังมิได้หย่ากันหากท่านอ๋องของตนอยู่กับสตรีที่ยังไม่ออกเรือน อย่างนั้นถูกหลิงอวี๋พบเข้าก็ไม่เป็นอะไรทว่าถ้าถูกหลิงอวี๋พบว่าท่านอ๋องอยู่กับจ้าวเจินเจินที่เป็นสตรีออกเรือนแล้ว จ้าวเจินเจินกับท่านอ๋องต้องไม่มีหน้าไปเจอคนแน่!ลู่หนานหมายแอบเข้าไปส่งข่าว แต่ก็กลัวจะยิ่งดึงดูดสายตาคน จึงรออยู่ข้างนอกอย่างใจจดจ่อภายในห้องส่วนตัวเซียวหลินเทียนกำลังพันแผลให้จ้าวเจินเจินอยู่ เขากลัวทำจ้าวเจินเจินเจ็บจึงระวังอย่างยิ่งขณะที่จ้าวเจินเจินกำลังมองดวงหน้างดงามของเซียวหลินเทียนอย่างใกล้ชิด จู่ ๆ หัวใจนางพลันเต้นระรัวอย่างไรเสียเซียวหลินเทียนก็คือคนที่นางเคย
“ท่านพี่สี่!”เมื่อเซียวหลินเทียนเห็นจ้าวเจินเจินพุ่งมา สีหน้าพลันมืดลงทันใดเขาเซียวหลินเทียนเป็นคนจิตใจเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ เขาจะฝ่าฝืนหลักการของตนงเพื่อความสุขชั่วครั้งชั่วคราวได้เยี่ยงไร!ครั้งนี้เขาออกแรงผลักจ้าวเจินเจินออกอ้อมแขนตัวเองอย่างไม่เกรงใจตำหนิเสียงเฉียบขาด “พอ จ้าวเจินเจิน เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังทำกระไร?”จ้าวเจินเจินไม่คิดว่าเซียวหลินเทียนจะผลักตัวเองออกไปแรงขนาดนี้เมื่อร่างล้มลงไปข้างหลัง นางไม่ทันระวังตัวแขนเสื้อก็ปัดจานที่ริมโต๊ะตกลงพื้นเพล้ง…จานตกแตกกระจายบนพื้นจ้าวเจินเจินล้มลงกับพื้นอย่างแรงเช่นกันมืออีกข้างที่สภาพดีถูกเศษเล็ก ๆ บนพื้นปาดเป็นแผลก่อนจะเลือดไหลออกมา!ความเจ็บปวดปลุกสติจ้าวเจินเจินในพริบตา!นางมองใบหน้ามืดครึ้มของเซียวหลินเทียนอย่างงงงัน ความอัปยศและความหยิ่งในศักดิ์ศรีทำให้จ้าวเจินเจินอายแทบแทรกพสุธาหนีไปเดี๋ยวนั้นนางลุกขึ้นพรวด ก่อนจะพุ่งไปหน้าประตูอย่างบ้าบิ่นและเปิดประตูเร็วรี่ทว่าทันทีที่เปิดประตูออก จ้าวเจินเจินก็มองอย่างตกตะลึง…หลิงอวี๋กับนางรับใช้ของนาง และยังมีบุรุษแปลกหน้าคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูกำลังมองตนด้วยอารม
จ้าวเจินเจินอดกลัวจนใจเต้นรัวมิได้ ขณะนั่งอยู่บนรถม้ากลับตำหนักแม้ว่าสุดท้ายตนจะย้อนใส่ร้ายเซียวหลินเทียน แต่ว่าหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนจะเอาเรื่องนี้ออกไปพูดหรือไม่?“ทำเช่นไรดี?”เป็นครั้งแรกที่จ้าวเจินเจินสูญเสียความสุขุม หากเรื่องที่ตนยั่วยวนเซียวหลินเทียนแพร่งพราย เช่นนั้นนางจะทำตัวอย่างไรเล่า!หากองค์ชายคังรู้ว่าตนยั่วยวนเซียวหลินเทียนต้องมิปล่อยตนไปแน่ ๆ!จ้าวเจินเจินกลัวตัวสั่นทั้งร่าง เวลานี้ถึงได้ตระหนักว่าตนบุ่มบ่ามเกินไปจนทำผิดใหญ่หลวงเสียแล้ว!องค์ชายคังมิยอมให้นางเอาความอัปยศมาพัวพันถึงเขาจนถูกคนวิจารณ์แน่!ไป๋ผิงสงบลงแล้ว นางดูความเครียดและความกังวลของจ้าวเจินเจินออก จึงเอ่ยปลอบเสียงแผ่ว“พระชายา ท่านมิต้องกังวลไปเจ้าค่ะ!”“พวกเขาไม่พูดหรอก… เรื่องเช่นนี้หากรั่วไปจะเสียหน้าท่านอ๋องอี้เจ้าค่ะ!”“ยิ่งกว่านั้น ท่านอ๋องอี้ยังมีความรู้สึกต่อพระชายาด้วย พระองค์มิยอมให้มีคนมาทำลายชื่อเสียงของท่านแน่เจ้าค่ะ!”จ้าวเจินเจินชะงักไปพักหนึ่ง เป็นเช่นนี้เองหรือ?ไป๋ผิงพูดพลางยิ้มอ่อน ๆ ว่า “พอท่านอ๋องอี้ได้ยินบ่าวบอกว่าท่านได้รับบาดเจ็บก็รุดมาพบท่านทันที นี่ยังพิสูจน์มิไ
“ตกลง ข้าจะเข้าร่วมการประลอง!”หลิงอวี๋เอ่ยออกมาอย่างแน่วแน่เย่ซื่อฝานและท่านผู้เฒ่าเย่ต่างสบตากัน พวกเขารู้ดีว่าเสี่ยวชีหนีมิพ้นการประลองในครั้งนี้ ทว่าเสี่ยวชีจะชนะได้จริงหรือ?หลายปีมานี้ตระกูลเย่กับหอโอสถไป๋เป่าต่อสู้กันอย่างเปิดเผย และพวกเขาก็รู้จักคนของไป่หลี่ไห่ดีที่สุดการประลองที่ดูเปิดเผยนี้ ลับหลังอาจจะซ่อนเจตนาฆ่ามิรู้จบเอาไว้ก็ได้!ไป่หลี่ไห่ได้สูญเสียคนไปแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นหากมิได้เตรียมตัวมาอย่างดีเขาไม่มีทางเสนอการประลองเช่นนี้เป็นอันขาด!หลงเพ่ยเพ่ยออกไปก่อน แต่พ่อลูกตระกูลเย่ยังอยู่ ทั้งสองต่างก็มองหลิงอวี๋ด้วยความกังวลหลังจากผ่านไปสักพัก ท่านผู้เฒ่าเย่ก็เอ่ยขึ้นก่อน “เสี่ยวชี เจ้าต้องเตรียมใจเอาไว้ด้วย นี่มิใช่การประลองที่ยุติธรรมเป็นแน่!”“ไป่หลี่ไห่มีกลอุบายมากมาย หากเขามิมั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะเจ้าได้เขาไม่มีทางเสนอการประลองหรอก!”หลิงอวี๋คิดเอาไว้แล้ว นางจึงเอ่ยออกไปเรียบ ๆ “ท่านผู้อาวุโส ข้ารู้ แต่ข้าไม่มีทางให้ถอยแล้วเจ้าค่ะ!”หากมิเข้าร่วมก็จะมิได้เห็ดหยก ทั้งยังต้องชดใช้เหมียวหยางด้วยชีวิตอีกนางสามารถต่อสู้กับเหมียวหยางได้ และสามารถต่อสู้กับไ
หลิงอวี๋จึงบอกการคาดเดาของตนให้พ่อลูกตระกูลเย่ฟังทั้งหมดท่านผู้เฒ่าเย่หมดคำพูดไปเลยทีเดียว ทรัพย์สินของตระกูลเหมียวไป่หลี่ไห่ก็จับจ้องอยู่เช่นกัน คนผู้นี้ช่างไม่มีขอบเขตของความเป็นคนเอาเสียเลย!“ท่านผู้อาวุโส ท่านอาจารย์ ข้าคาดว่าการประลองครั้งนี้คงมิอาจหลีกเลี่ยงได้ เพราะเหมียวหยางเหลือเวลาอีกเพียงสามวันเท่านั้นเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋เอ่ยด้วยเสียงทุ้ม “ไป่หลี่ไห่กล้าเสนอข้อเรียกร้องที่ไร้เหตุผลเช่นนี้ เขามั่นใจว่าจะบีบข้าลงได้แน่นอน! เพียงแต่ข้ามิรู้ว่าเขาจะใช้วิธีใด!”ท่านผู้เฒ่าเย่หัวเราะเยาะออกมา “เขาจะใช้วิธีใดได้อีกเล่า… อำนาจของเจ้าแห่งทะเลและความโปรดปรานของมหาเทพหลงก็เพียงพอที่จะทำให้เขาทำทุกอย่างที่ต้องการได้แล้ว!”“เขาสามารถทำได้แม้กระทั่งขอพระราชโองการบีบให้เจ้ามอบยาแก้พิษให้ แต่นี่จะเป็นการทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่จนเกินไป หากเขายังคิดที่จะอยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เขาก็น่าจะมิทำเช่นนั้น!”หลงเพ่ยเพ่ยเพิ่งเข้าประตูมาก็ได้ยินประโยคนี้เข้า นางจึงอดมิได้ที่จะเอ่ยขัดจังหวะขึ้นมา“ท่านผู้เฒ่าเย่ ท่านคิดผิดไปแล้ว… ไป่หลี่ไห่จะทำเช่นนั้นจริง ๆ เจ้าค่ะ!”“ว่ากระไรนะ?”ท่านผู้เ
หลังจากที่หลงอิงไปแล้ว เรือนเล็กก็เงียบสงบลง แต่หลิงอวี๋รู้ว่านี่เป็นเพียงความสงบภายนอกเท่านั้นในเมื่อไป่หลี่ไห่มีความคิดเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นเขาจะต้องหาวิธีมาบีบให้ตนประลองกับเขาอย่างแน่นอนเหมียวหยางเหลือเวลาอีกเพียงแค่สามวัน ก่อนที่ร่างกายของเขาจะเน่าเปื่อยและตายไป ดังนั้นไป่หลี่ไห่จึงเหลือเวลาอยู่มิมากแล้วหลิงอวี๋ทำอาหารกลางวันแล้วกินพร้อมกับมู่ตงและไป๋อวี้นางต้มโจ๊กที่มีคุณค่าทางโภชนาแยกให้กับผู้รอบรู้ และเมื่อป้อนโจ๊กให้ผู้รอบรู้เสร็จแล้วเย่ซื่อฝานกับท่านผู้เฒ่าตระกูลเย่ก็มาเยี่ยมผู้รอบรู้ถึงที่เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าเย่ซื่อฝานกับท่านผู้เฒ่าเย่มา ในใจของนางก็พลันรู้สึกซาบซึ้งขึ้นมา พวกเขามาเยี่ยมผู้รอบรู้ถึงที่ ก็นับว่าเป็นการมาสนับสนุนตนเช่นกัน!“เสี่ยวชี พี่ชายเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”ท่านผู้เฒ่าเย่เดินเข้าประตูมาก็เอ่ยถามอย่างเป็นห่วงหลิงอวี๋ยิ้มขมขื่น “ยังดีที่ช่วยเหลือกลับมาได้ทันเวลา มิเช่นนั้นก็คงสิ้นชีพไปแล้วเจ้าค่ะ!”ท่านผู้เฒ่าเย่สีหน้ามืดมนลง แล้วเดินเข้าไปในห้องของผู้รอบรู้พร้อมกับหลิงอวี๋ด้วยผู้รอบรู้นอนอยู่บนเตียง ยังมิสามารถขยับตัวได้ จมูกช้ำและใบหน้าบวม ร
หลิงอวี๋เห็นว่าสีหน้าหลงอิงดูจริงใจ จึงจะเชื่อนางไปก่อน“เจ้ารู้เรื่องที่พี่ชายของข้าถูกตระกูลเหมียวแก้แค้นแล้ว เช่นนั้นอาจารย์ของเจ้าก็ต้องรู้แล้วเช่นกัน แล้วเขามีท่าทีอย่างไร?”หลิงอวี๋เอ่ยถามออกไปหลงอิงรู้สึกปวดหัวขึ้นมา จากนั้นเอ่ยออกไปด้วยใจแน่วแน่ “เสี่ยวอวี๋ ข้าจะพูดกับเจ้าตามความจริงก็แล้วกัน ท่านอาจารย์ของข้ามิอยากรับเงื่อนไขการขับไล่เหมียวหยางออกจากสำนักอีกต่อไปแล้ว เขาบอกว่าเดิมทีแล้วนี่เป็นการประลองระหว่างคนรุ่นหลัง มิได้หมายความว่าเขาไร้ความสามารถ!”“เขาต้องการประลองกับเจ้าดูสักครั้ง เป็นการประลองปรุงยาพิษต่อหน้าธารกำนัล หากว่าเขาแพ้ เขาจะตอบตกลงในเงื่อนไขทั้งหมดของเจ้า!”“แต่หากว่าเจ้าแพ้ เจ้าจะต้องมอบยาแก้พิษให้เหมียวหยาง!”หลิงอวี๋อดมิได้ที่จะหัวเราะออกมา “มิได้หมายความว่าเขาไร้ความสามารถงั้นหรือ? ปรมาจารย์ไป่หลี่ก็สามารถพูดคำเช่นนี้ออกมาได้ ข้านับถือเขาเสียจนอยากจะโขกหัวคารวะให้เสียจริง ๆ!”“ข้าให้เวลาเขาสิบวัน เขาปรุงยาแก้พิษมิได้ แล้วยังมิยอมรับว่าเขาไร้ความสามารถอีกหรือ? ในเมื่อนี่เป็นการประลองของคนรุ่นหลัง ในฐานะที่เขาเป็นผู้อาวุโสจะมาประลองกับข้า เช่นนี้จะ
เย่หรงได้ยินคำถามของหลิงอวี๋ก็เอ่ยตอบไป “เรื่องนี้ข้ารู้ดีทีเดียว ตระกูลเหมียวมีฐานะขึ้นมาจากการพึ่งพาเครื่องยาสมุนไพร เนื่องจัดหาสมุนไพรให้หอโอสถไป๋เป่าอยู่บ่อยครั้ง กอปรกับที่เหมียวหยางค่อนข้างมีพรสวรรค์ในการแยกแยะเครื่องยาสมุนไพรด้วย ไป่หลี่ไห่จึงรับไปเป็นศิษย์!”“หลายปีมานี้ด้วยอำนาจของไป่หลี่ไห่ ตระกูลเหมียวจึงมีสถานะที่สูงขึ้นตามไปด้วย แล้วก็ค่อย ๆ ขึ้นไปเป็นตระกูลที่มีฐานะร่ำรวย!”มิน่า!หลิงอวี๋นึกถึงเงื่อนไขที่ตนเสนอให้หลงอิงก่อนหน้านี้ว่า ให้ไป่หลี่ไห่ขับไล่เขาออกจากสำนักเวลานั้นหลิงอวี๋มิรู้ถึงความแข็งแกร่งของตระกูลเหมียว คิดว่านี่เป็นการกระทำที่จะรักษาชื่อเสียงของไป่หลี่ไห่เอาไว้ตอนนี้เมื่อได้รู้ฐานะของตระกูลเหมียวแล้ว หลิงอวี๋จึงได้รู้ว่าเหตุใดตระกูลเหมียวจึงใช้ผู้รอบรู้แก้แค้นตนฐานะระดับตระกูลเหมียวนี้เรื่องเงินเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย แต่เรื่องเกียรติต่างหากที่เป็นเรื่องใหญ่หากเหมียวหยางถูกไป่หลี่ไห่ขับไล่ออกจากสำนัก ตระกูลเหมียวจะต้องเสียทั้งเกียรติทั้งศักดิ์ศรี อีกทั้งยังหมายความว่า นับจากนี้จะไม่มีไป่หลี่ไห่คอยสนับสนุนพวกเขาอีกต่อไปด้วยเช่นกันสำหรับตระก
นี่คือสิ่งที่หลิงอวี๋กำลังคิดอยู่ในใจ แต่ผู้รอบรู้กลับมองออกหลิงอวี๋อ้าปากค้างอย่างงุนงง มิรู้ว่าควรจะไปต่ออย่างไร“น้องหญิง วันนั้นพี่ใหญ่เห็นเจ้าตากฝนตัวเปียกโชก แล้วก็เห็นบ้านของเราถูกทำลายพังยับเยิน!”“ตอนนั้นข้าก็รู้สึกเช่นเดียวกับเจ้า… หากข้ามีความสามารถ ข้าก็จะไปทุบบ้านของเหมียวหยางเช่นกัน!”“หากข้าวางยาพิษเป็น ก็คงมิต้องให้เจ้าลงมือหรอก ข้าจะวางยาพิษเขาด้วยตัวข้าเอง!”ผู้รอบรู้เอ่ยออกมาอย่างแน่วแน่ “ดังนั้น ข้ามิได้รับเคราะห์แทนเจ้า และมิได้ถูกเจ้าทำให้เดือดร้อนด้วย เจ้ามิต้องรู้สึกผิด!”“พี่ใหญ่!”ดวงตาของหลิงอวี๋มีน้ำตาคลอขึ้นอย่างอธิบายมิถูก“ข้าเป็นเด็กกำพร้ามาตั้งแต่เด็ก หลังจากแยกอาจารย์ข้าก็เตร็ดเตร่อยู่ในยุทธภพเพียงลำพัง ไม่มีครอบครัว และไม่มีเป้าหมายใด!”ผู้รอบรู้เอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “หลังจากที่ได้รู้จักเจ้า ข้าจึงได้มีบ้านและครอบครัว! ข้าออกไปไหนก็มิต้องกังวลแล้วว่าจะไม่มีบ้านให้กลับ และเมื่อกลับมาก็ยังมีเจ้ารอข้ากินข้าวอยู่!”“น้องหญิง ข้าชอบครอบครัวที่พวกเราสร้างขึ้นมา มันทำให้ข้ารู้สึกว่าข้าก็มีความห่วงใยและมีเป้าหมายอยู่เช่นกัน ข้าหวังว่าจะหาเงินได้ม
“พี่ใหญ่มู่ เห็ดหยกนี้มีอยู่ที่ภูเขาใดหรือ?”หลิงอวี๋หันไปเอ่ยถามเขาหากซื้อมิได้นางก็จะไปเก็บด้วยตนเอง มิว่าจะยากลำบากแค่ไหน นางจะต้องหาเห็ดหยกมารักษาสิงจั๋วให้จงได้“ภูเขาศักดิ์สิทธิ์!”มู่ตงมองหลิงอวี๋ “เจ้าคงมิคิดจะไปเก็บที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์กระมัง! เป็นไปมิได้หรอก!”“มีหลายสาเหตุทีเดียว ประการแรก ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เป็นของราชวงศ์ มิอนุญาตให้ผู้ใดเข้าไปเก็บสมุนไพรได้ง่าย ๆ!”“ประการที่สอง แม้ว่าท่านหญิงของข้าจะสามารถพูดให้เจ้าและให้เจ้าเข้าไปในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่เจ้ารู้หรือว่าจะต้องไปเก็บที่ใด?”“ภูเขาศักดิ์สิทธิ์มีอยู่สิบแปดยอดเขา ซึ่งแต่ละยอดเขาก็จะมีความสูงชันและอันตรายมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่พวกตระกูลอู่ที่คอยเฝ้าภูเขาศักดิ์สิทธิ์อยู่ ก็ยังมิสามารถสำรวจยอดเขาครบทั้งสิบแปดยอดเขาได้ เจ้าไม่มีทางที่จะหาเห็ดหยกเจอท่ามกลางยอดเขามากมายถึงเพียงนั้นหรอก!”ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ มิได้มีเพียงแค่มู่ตงผู้เดียวที่เอ่ยถึงความลึกลับของภูเขาศักดิ์สิทธิ์นี้กับตนวันนั้นเย่หรงก็บอกกับตนว่า จ้าวหรุ่ยหรุ่ยต้องการพานางไปที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เพื่อหาเครื่องยาสมุนไพรมาสลายเลือดเนื้อของนางและก่อน
หลังจากที่พวกเขารับคำสั่งแล้วก็ออกไป แล้วจู่ ๆ เซียวหลินเทียนก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ จึงตะโกนขึ้นมา “หานเหมย เจ้ารอก่อน!”หานเหมยหยุดชะงัก หานอวี้ก็หยุดเช่นกัน จากนั้นทั้งสองคนก็มองไปทางเซียวหลินเทียนอย่างสงสัย“ตอนที่ข้าจับตัวจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้ที่ภูเขาหมางหลิ่ง นางเผลอหลุดปากออกมาเรื่องหนึ่ง… นางบอกว่านางโกหกหลิงอวี๋ว่าน้องสาวนางถูกจับตัวมาขายที่เมืองหลวงแดนเทพ!”แล้วเซียวหลินเทียนก็เอ่ยด้วยเสียงหนักแน่น “หลิงอวี๋สูญเสียความทรงจำไป และคิดมาตลอดว่าเจ้าคือเสี่ยวอวี้ น้องสาวของนาง! นางมาที่เมืองหลวงแดนเทพก็เพื่อมาตามหาเจ้า!”หานเหมยตะลึง จากนั้นดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมา “ฝ่าบาททรงหมายความว่าจะให้หม่อมฉันไปเข้าใกล้ฮองเฮาหรือเพคะ?”“อืม ตอนนี้หลิงอวี๋มีความคลางแคลงใจต่อพวกเรา ทว่ากับเจ้านั้นแตกต่างออกไป หลังจากที่นางสูญเสียความทรงจำไปเจ้าก็อยู่กับนางตลอด! จ้าวหรุ่ยหรุ่ยพูดเช่นนี้แล้ว นางจะต้องเชื่อว่าเป็นจริงแน่ ๆ!”เซียวหลินเทียนมองไปทางหานเหมย “สิ่งที่ข้ามิแน่ใจตอนนี้ก็คือ หลิงอวี๋จำเรื่องอะไรได้บ้าง และนางสงสัยหรือไม่ว่าเจ้ามิใช่น้องสาวของนาง!”“หากเจ้าบุ่มบ่ามไปเข้าใกล้นางเช่นนี้
และหลังจากที่เซียวหลินเทียนรู้เรื่อง สายตาของเขาก็มองไปทางเผยอวี้ ฉินซาน เถาจื่อและคนอื่น ๆ อย่างเย็นชาเมื่อเผยอวี้ถูกมองเช่นนั้นก็รู้สึกหนาวไปทั้งตัว ฉินซานเองก็เหงื่อแตกพลั่กเช่นกันแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะมิได้ก่นด่าออกมา แต่พวกเขาต่างก็รู้สึกกระวนกระวายกันไปหมดในที่สุด เซียวหลินเทียนก็เอ่ยขึ้นมา เขาเอ่ยด้วยเสียงเคร่งขรึง “วันนี้คนที่ถูกจับตัวไปคือสิงจั๋ว พวกเจ้ารู้สึกว่าโชคดีใช่หรือไม่… เพราะคนที่ถูกจับตัวไปมิใช่ฮองเฮาของพวกเจ้า!”ไม่มีใครกล้าพูดอะไรทั้งนั้น ทุกคนต่างก็ยืนก้มหน้าอยู่เช่นนั้นพวกเขาเพิ่งจะรู้ข่าวว่าสิงจั๋วถูกหลงเพ่ยเพ่ยส่งกลับไปที่เรือนเล็กหากคนที่ถูกจับตัวไปเป็นหลิงอวี๋ ศัตรูจะรอจนพวกเขารู้ข่าวก่อนแล้วให้ไปช่วยเหลือหรือ?เช่นนั้นจะยังทันหรือ?“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าติดตามข้าออกมาหลายเดือนแล้ว พวกเจ้าคิดถึงครอบครัวและชีวิตก่อนหน้านี้!”เซียวหลินเทียนเปลี่ยนเป็นตะคอกเสียงแข็ง “หากพวกเจ้ารู้สึกว่ามิคุ้นเคยกับการอยู่แดนเทพ เช่นนั้นใครอยากจะกลับไป ข้าก็จะมิห้าม!”เผยอวี้เหงื่อตก จากนั้นก็คุกเข่าลงข้างหนึ่ง“ฝ่าบาท พวกกระหม่อมประมาทละเลย สมควรได้รับโทษพ่ะย่ะค่ะ!”