องครักษ์ที่ติดตามมาหลายคนพลันทะยานเข้ามาแต่กวนอิ่งก็มิใช่พวกจัดการได้ง่าย ๆ ก่อนจะตะโกนว่า “ผู้ใดกล้าลงมือ? ข้ากวนอิ่งจักมิปล่อยมันไปเด็ดขาด!”“หากข้าบาดเจ็บ องค์ชายคังก็มิปล่อยพวกเจ้าไปเช่นกัน!”ผู้คุ้มกันสิบกว่าคนนำโดยกวนอิ่งต่างชักดาบล้อมเอาไว้เมื่อจ้าวเจินเจินเห็นสถานการณ์ก็ยิ่งโกรธตัวสั่นทั้งร่างกวนอิ่งผู้นี้หมายสังหารนางรึ?ก่อนหน้าจ้าวเจินเจินยังฟังหูไว้หูต่อคำพูดของเหอจวงโถว โดยคิดว่าถึงกวนอิ่งจะจองหอง แต่ก็คงมิกล้าให้องค์ชายหย่ากับตนหรอก!ทว่าบัดนี้เห็นมาดของกวนอิ่งกับตาแล้ว จ้าวเจินเจินเชื่อคำพูดของเหอจวงโถวทุกอย่าง!หญิงชั่วนางนี้ คิดเสี้ยมองค์ชายหย่ากับตนมิพอ ยังมีเจตนาฆ่าตนด้วย!เมื่อหัวหน้าองครักษ์เห็นสถานการณ์พลันรู้สึกกังวลใจ พวกเขามากันทั้งหมดแค่แปดคนเท่านั้นจำนวนผู้คุ้มกันของกวนอิ่งมากกว่าพวกเขาสองเท่า หากสู้กันจริงจะครองความได้เปรียบได้งั้นรึ?“พระชายา… วันข้างหน้าท่านจักได้เป็นครอบครัวเดียวกันกับคุณหนูกวน คุยกันดี ๆ เถิดขอรับ ทุกคนอย่าบาดหมางกันเลย!”หัวหน้าองครักษ์รู้ว่ากวนอิ่งมีประโยชน์ต่อองค์ชายคังอย่างยิ่ง หากวันนี้ทำร้ายกวนอิ่ง กลับไปหาได้โดนองค
รถม้าขององค์ชายคังเซียวหลินอี้เพิ่งถึงได้ครึ่งทางก็พบกับรถม้าของจ้าวเจินเจินเข้าเมื่อจ้าวเจินเจินได้ยินองครักษ์เอ่ยว่าองค์ชายคังมาแล้วก็รีบลงรถม้าทันที พลางบอกว่ามีอะไรจะพูดกับองค์ชายคัง“เจินเจิน รอข้ากลับไปค่อยคุยเถอะ!”องค์ชายคังเปิดม่านรถออกกล่าวอย่างเหลืออดเล็กน้อยเบ้าตาจ้าวเจินเจินแดงก่ำ พูดทั้งน้ำตาไหลนอง“องค์ชายยุ่งเพียงนั้นเลยหรือเพคะ? กระทั่งเวลาคุยกับเจินเจินไม่กี่ประโยคก็ไม่มีหรือเพคะ?”เมื่อองค์ชายคังเห็นองครักษ์ต่างกำลังดูอยู่ก็ไม่อยากให้จ้าวเจินเจินเสียหน้าเพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ เอื้อมมือพลางกล่าว “เข้ามาคุยเถอะ!”จ้าวเจินเจินถูกองค์ชายคังดึงขึ้นรถ เมื่อเห็นมีหีบขนาดใหญ่กล่องหนึ่งบนรถ พลันโพล่งถามทันควัน“นี่คือสิ่งของอันใด?”องค์ชายคังพูดอย่างสบาย ๆ “เมื่อครู่ไปวังหลวง เสด็จแม่ได้รับแตงเป็นเครื่องบรรณาการ ข้าจักเอาให้กวนอิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ นางชอบทานสิ่งนี้นัก!”หัวใจจ้าวเจินเจินสั่นสะท้าน นี่ยังไม่ทันเข้าประตู ในใจเซียวหลินอี้ก็มีแต่กวนอิ่งแล้วรึ?มีผลไม้เครื่องบรรณาการ เซียวหลินอี้ไม่คิดจะให้ตน คิดแต่จะให้กวนอิ่ง?“องค์ชาย… เจินเจินขอพูดกับท่านตรง ๆ กวน
เมื่อถึงหอริมธารา ไป๋ผิงก็บอกองครักษ์ให้กลับไป ก่อนจะสั่งกับข้าวที่จ้าวเจินเจินชอบกินมาเต็มโต๊ะจ้าวเจินเจินเคยชินกับการนั่งห้องส่วนตัวบนชั้นสองของหอริมธารา ซึ่งสามารถชมผืนแม่น้ำได้ไป๋ผิงกับไป๋ฮุ่ยติดตามจ้าวเจินเจินมาตั้งแต่เด็ก พวกนางรู้ดีว่าที่นี่คือที่ที่จ้าวเจินเจินนัดพบกับอ๋องอี้เซียวหลินเทียนอยู่บ่อย ๆ ในยามนั้น!และเป็นที่ที่จ้าวเจินเจินกับเซียวหลินเทียนบังเอิญพบกันเป็นครั้งแรกด้วยเช่นกัน!ด้านนอกห้องส่วนตัวมีระเบียงไว้นั่งชมพระอาทิตย์ตกเหนือผืนแม่น้ำจ้าวเจินเจินดื่มสุราหลายจอกตามลำพัง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความทุกข์อัดอั้นภายในใจ หรือเพราะเห็นพระอาทิตย์ตกจึงคิดถึงเรื่องในครานั้นกันแน่“ไป๋ผิง ไปเชิญท่านอ๋องอี้มา!”ถ้อยคำนี้ของจ้าวเจินเจินทำให้ไป๋ผิงหน้าถอดสีฉับพลันท่านอ๋องอี้กับจ้าวเจินเจินต่างก็สมรสกับผู้อื่น หากพบปะเป็นการส่วนตัวอีก เมื่อฉาวออกไปอาจกระทบต่อชื่อเสียงพระชายาเอาได้“จักไปมิไป? หรือแม้แต่คำพูดข้าเจ้าก็มิเชื่อฟังแล้วรึ?”เมื่อจ้าวเจินเจินเห็นไป๋ผิงลำบากใจ ก็พลันตะโกนขุ่นเคืองไป๋ฮุ่ยพบว่าจ้าวเจินเจินเริ่มโมโหจึงกล่าวทันควัน“ไป๋ผิงเจ้าไปเถอะ! องค์ชายเสด
ครั้นหลิงอวี๋เห็นลู่หนานก็ผงะไปเช่นกัน ก่อนจะพยักหน้าทักทายเล็กน้อยเมื่อเร็ว ๆ นี้เกิ่งเสี่ยวหาวเพิ่งซื้อหอริมธารา เขาชวนหลิงอวี๋มาลิ้มลองฝีมือพ่อครัวแห่งหอริมธารา และขอคำแนะนำการปรับปรุงจากหลิงอวี๋ด้วยหลิงอวี๋รู้สึกว่าทิวทัศน์ที่หอริมธาราไม่เลวเลย เพียงแต่การตกแต่งของภัตตาคารดูเก่ามาก เนื่องกาลเวลาอันยาวนานนางเดินเตร่ตามเกิ่งเสี่ยวหาว แล้วให้คำแนะนำเกิ่งเสี่ยวหาวไปด้วยทางด้านลู่หนานเริ่มกระสับกระส่าย เนื่องหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนยังมิได้หย่ากันหากท่านอ๋องของตนอยู่กับสตรีที่ยังไม่ออกเรือน อย่างนั้นถูกหลิงอวี๋พบเข้าก็ไม่เป็นอะไรทว่าถ้าถูกหลิงอวี๋พบว่าท่านอ๋องอยู่กับจ้าวเจินเจินที่เป็นสตรีออกเรือนแล้ว จ้าวเจินเจินกับท่านอ๋องต้องไม่มีหน้าไปเจอคนแน่!ลู่หนานหมายแอบเข้าไปส่งข่าว แต่ก็กลัวจะยิ่งดึงดูดสายตาคน จึงรออยู่ข้างนอกอย่างใจจดจ่อภายในห้องส่วนตัวเซียวหลินเทียนกำลังพันแผลให้จ้าวเจินเจินอยู่ เขากลัวทำจ้าวเจินเจินเจ็บจึงระวังอย่างยิ่งขณะที่จ้าวเจินเจินกำลังมองดวงหน้างดงามของเซียวหลินเทียนอย่างใกล้ชิด จู่ ๆ หัวใจนางพลันเต้นระรัวอย่างไรเสียเซียวหลินเทียนก็คือคนที่นางเคย
“ท่านพี่สี่!”เมื่อเซียวหลินเทียนเห็นจ้าวเจินเจินพุ่งมา สีหน้าพลันมืดลงทันใดเขาเซียวหลินเทียนเป็นคนจิตใจเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ เขาจะฝ่าฝืนหลักการของตนงเพื่อความสุขชั่วครั้งชั่วคราวได้เยี่ยงไร!ครั้งนี้เขาออกแรงผลักจ้าวเจินเจินออกอ้อมแขนตัวเองอย่างไม่เกรงใจตำหนิเสียงเฉียบขาด “พอ จ้าวเจินเจิน เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังทำกระไร?”จ้าวเจินเจินไม่คิดว่าเซียวหลินเทียนจะผลักตัวเองออกไปแรงขนาดนี้เมื่อร่างล้มลงไปข้างหลัง นางไม่ทันระวังตัวแขนเสื้อก็ปัดจานที่ริมโต๊ะตกลงพื้นเพล้ง…จานตกแตกกระจายบนพื้นจ้าวเจินเจินล้มลงกับพื้นอย่างแรงเช่นกันมืออีกข้างที่สภาพดีถูกเศษเล็ก ๆ บนพื้นปาดเป็นแผลก่อนจะเลือดไหลออกมา!ความเจ็บปวดปลุกสติจ้าวเจินเจินในพริบตา!นางมองใบหน้ามืดครึ้มของเซียวหลินเทียนอย่างงงงัน ความอัปยศและความหยิ่งในศักดิ์ศรีทำให้จ้าวเจินเจินอายแทบแทรกพสุธาหนีไปเดี๋ยวนั้นนางลุกขึ้นพรวด ก่อนจะพุ่งไปหน้าประตูอย่างบ้าบิ่นและเปิดประตูเร็วรี่ทว่าทันทีที่เปิดประตูออก จ้าวเจินเจินก็มองอย่างตกตะลึง…หลิงอวี๋กับนางรับใช้ของนาง และยังมีบุรุษแปลกหน้าคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูกำลังมองตนด้วยอารม
จ้าวเจินเจินอดกลัวจนใจเต้นรัวมิได้ ขณะนั่งอยู่บนรถม้ากลับตำหนักแม้ว่าสุดท้ายตนจะย้อนใส่ร้ายเซียวหลินเทียน แต่ว่าหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนจะเอาเรื่องนี้ออกไปพูดหรือไม่?“ทำเช่นไรดี?”เป็นครั้งแรกที่จ้าวเจินเจินสูญเสียความสุขุม หากเรื่องที่ตนยั่วยวนเซียวหลินเทียนแพร่งพราย เช่นนั้นนางจะทำตัวอย่างไรเล่า!หากองค์ชายคังรู้ว่าตนยั่วยวนเซียวหลินเทียนต้องมิปล่อยตนไปแน่ ๆ!จ้าวเจินเจินกลัวตัวสั่นทั้งร่าง เวลานี้ถึงได้ตระหนักว่าตนบุ่มบ่ามเกินไปจนทำผิดใหญ่หลวงเสียแล้ว!องค์ชายคังมิยอมให้นางเอาความอัปยศมาพัวพันถึงเขาจนถูกคนวิจารณ์แน่!ไป๋ผิงสงบลงแล้ว นางดูความเครียดและความกังวลของจ้าวเจินเจินออก จึงเอ่ยปลอบเสียงแผ่ว“พระชายา ท่านมิต้องกังวลไปเจ้าค่ะ!”“พวกเขาไม่พูดหรอก… เรื่องเช่นนี้หากรั่วไปจะเสียหน้าท่านอ๋องอี้เจ้าค่ะ!”“ยิ่งกว่านั้น ท่านอ๋องอี้ยังมีความรู้สึกต่อพระชายาด้วย พระองค์มิยอมให้มีคนมาทำลายชื่อเสียงของท่านแน่เจ้าค่ะ!”จ้าวเจินเจินชะงักไปพักหนึ่ง เป็นเช่นนี้เองหรือ?ไป๋ผิงพูดพลางยิ้มอ่อน ๆ ว่า “พอท่านอ๋องอี้ได้ยินบ่าวบอกว่าท่านได้รับบาดเจ็บก็รุดมาพบท่านทันที นี่ยังพิสูจน์มิไ
หลิงอวี๋จิตใจว้าวุ่นเมื่อพบฉากนี้เข้านางลงมาข้างล่างตามเกิ่งเสี่ยวหาวพลางนั่งที่โต๊ะกับข้าว จากนั้นนางก็รู้สึกไม่อยากอาหารอันงามประดับที่พ่อครัวเตรียมไว้ครั้นเกิ่งเสี่ยวหาวเห็นหลิงอวี๋อารมณ์ไม่ดี ก็พลันยิ้มตาหยีล้วงเอาตั๋วเงินปึกหนึ่งยัดให้นาง“ท่านพี่ ดูสิ นี่ปันผลกำไรให้ท่าน ท่านกลายเป็นคุณหนูเศรษฐีแล้วหนา…”“ท่านอ๋องอี้อะไรนั่นท่านอย่าไปสนใจเลย อย่างไรไม่ช้าก็เร็วพวกท่านก็ต้องหย่ากัน! แต่หากท่านพี่มีเงินก็จักเหยียบย่ำเขาได้อย่างไรเล่า!”หลิงอวี๋ถือโอกาสพลิกดู นี่มันตั๋วเงินสองแสนกว่า!หัวใจนางสั่นไหว พลันกล่าวยิ้ม ๆ “โอ้ ดูไม่ออกเลยหนาว่าบุรุษน้อยเช่นเจ้าจักทำธุรกิจเก่งเพียงนี้ ได้กำไรมากปานนี้มานานเท่าใดแล้ว!”เกิ่งเสี่ยวหาวกล่าวอย่างภูมิใจ “ท่านหาได้ดูไม่เล่าว่าน้องชายท่านคือใคร ด้วยเคล็ดลับตำรับโอสถและคำชี้แนะของท่าน! หากยังทำกำไรมิได้ นั่นก็แปลว่าเอ้อระเหยไปวัน ๆ แล้ว!”เพราะเงินทำให้ความอารมณ์เสียของหลิงอวี๋หายวับไปในทันที ก่อนนางจะนึกถึงคำพูดของแม่นมลี่‘คุณหนู ท่านหาเงินมากสักหน่อย รอภายหาคหน้าพวกเราไปจากเมืองหลวง แล้วหาที่ที่ไม่มีผู้ใดรู้จักท่าน! บ่าวจักหาบุรุษดี
หลายวันผ่านไปอย่างราบเรียบก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนยังกังวลว่าหลิงอวี๋กับคนของนางจะออกไปทำลายชื่อเสียงของจ้าวเจินเจินอยู่เลยเขายังเจาะจงให้จ้าวซวนจับตาดูความเคลื่อนไหวของทุกคนในเรือนบุหงาไว้ด้วยแต่ผ่านมาหลายวันแล้ว ภายนอกก็ยังคงเงียบสงบ ไม่มีข่าวลือใดแพร่ออกไป เซียวหลินเทียนถึงได้สบายใจไม่ว่าหลิงอวี๋จะฟังคำเตือนของเขาหรือไม่ หรือว่ามีมโนธรรมว่าจะไม่พูดออกไป เซียวหลินเทียนก็ยอมรับในสิ่งนี้วันนี้เซียวหลินเทียนเพิ่งจะอาบน้ำสมุนไพรเสร็จ ครั้นแต่งตัวออกมา ลู่หนานก็เอาจดหมายฉบับหนึ่งมาให้เขาพอเซียวหลินเทียนเห็นลายมือที่คุ้นเคยนั้น ก็ใจสั่น รีบเปิดมันออกมาจดหมายนี้เขียนโดยจ้าวเจินเจิน เซียวหลินเทียนกังวลว่าจะมีข่าวลือแพร่ออกไปส่งผลกระทบต่อนางหรือไม่แต่พอเปิดจดหมายอ่าน เซียวหลินเทียนก็โล่งใจจ้าวเจินเจินแสดงความขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้นวันนั้น บอกว่าตนเวียนหัวกะทันหัน ถึงได้ทำสิ่งที่น่าละอายเช่นนั้นลงไปวันนี้นางตั้งใจเตรียมสุราอาหารไว้ที่ศาลารงรอง อยากจะขอโทษสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น“ท่านพี่สี่ ท่านต้องมานะ! นี่นับว่าเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจักได้พบกันตามลำพัง…”“จากนี้ไ