หลิงหลานลงมือหลายครั้งอย่างเด็ดเดี่ยว ตบหน้าตัวเองจนบวมเป่งในทันตาฝูงชนที่ดูฉากนี้ต่างอ้าปากตาค้างคนรับใช้บางคนพูดทั้งหัวเราะเยาะ “เดิมทีเมื่อตะกี้หลิงหลานเสแสร้ง ตัวเองขโมยมีดผ่าตัดของพระชายามาฆ่าหลิงผิง แล้วยังคิดใส่ร้ายพระชายาอีก!”“ใช่ พวกเราเกือบหลงกลแล้วเชียว! ที่แท้พระชายาโดนกล่าวหาจริง ๆ!”หลิงอวี๋ยิ้มเย็นชาพลางเอ่ยต่อจ้าวซวนโดยตรง“เริ่มแรกตัวข้าคิดว่าแค่แป้งหอมกล่องเดียวหายไป เลยมิอยากไต่ถาม!”“ไหนเลยจักคิดว่ามีคนประสงค์ร้ายแบบนี้ ขโมยของตัวข้าหวังมาใส่ไคล้ข้า!”“องครักษ์จ้าว นี่คือคนของตำหนักอ๋องอี้ พวกเจ้าควรจัดการเช่นไรก็ไปจัดการเสีย!”“ตัวข้ามีเพียงประโยคเดียวจักกล่าว…. คนของตำหนักอ๋องอี้ทำตัวให้ดี ๆ เถอะ ข้าจักมิยั่วยุพวกเจ้า พวกเจ้าก็อย่ามายั่วยุข้า!”“หากกล้าหาเรื่องใส่เรือนบุหงาอีก จักได้ตาต่อตา ฟันต่อฟันกับตัวข้าแน่!”ครั้นพูดจบ หลิงอวี๋ก็พาหลิงซวนและคนอื่นกลับไปแม่นมถ่มน้ำลายใส่หลิงหลานด้วยความโกรธพลางเดินตามเข้าไป ปิดประตูเสียงดังปังจ้าวซวนจ้องหลิงหลานอย่างขุ่นเคือง และสั่งให้องครักษ์ลากนางไปรายงานเซียวหลินเทียนที้เรือนริมวารี“พี่ใหญ่จ้าว…”ชิวเห
“จักเป็นกระไรได้เล่า ก็เพราะอยากทำลายชื่อเสียงท่านน่ะสิ!”แม่นมลี่เอ่ยเดือดดาล“คุณหนู… บ่าวคิดว่าหลิงหลานถูกชิวเหวินซวงบงการใช่หรือไม่เจ้าคะ?”“คราก่อนที่คุณหนูเป็นแม่บ้าน คนรับใช้หลายคนต่างบอกว่าท่านบริหารได้ดีนัก! ทำให้พวกนางกินดี ทำงานก็ไม่เหนื่อย!”หลิงซินคิดพลาง พูดพลาง “คาดว่าชิวเหวินซวงคงมิชอบให้คนรับใช้เข้าข้างท่านจึงบงการหลิงหลานทำลายชื่อเสียงของท่านเจ้าค่ะ!”“เมื่อครู่คนรับใช้ข้างนอกดกดื่นต่างด่าว่าท่านอำมหิต!”หลิงอวี๋หัวเราะขึ้น “หลิงซินนับวันเจ้ายิ่งฉลาดนัก! มิผิด หลิงหลานมีเจตนาร้ายเช่นนี้แล!”“คนรับใช้ในตำหนักต่างลืมเรื่องที่ข้าตัดเอ็นร้อยหวายของหลิงผิงแล้ว เมื่อครู่หลิงหลานเจาะจงเอ่ยถึง นั่นมิใช่เพราะอยากให้พวกเขาจำความโหดร้ายสุดโต่งที่ข้าเคยทำไว้หรือไร?”“พวกนางพบความขัดแย้งระหว่างเซียวหลินเทียนกับข้า จึงคิดฉวยโอกาสนี้ทำให้เซียวหลินเทียนรังเกียจข้ามากขึ้น!”“ฉะนั้น ข้าจักมิปล่อยพวกเขาว่าข้าอำมหิตได้อีก! การส่งหลิงหลานให้ตำหนักอ๋องอี้จัดการคือทางเลือกที่ถูกต้อง!”เมื่อแม่นมลี่ได้ฟังก็เข้าใจโดยพลัน พยักหน้ากล่าวว่า “เป็นบ่าวไตร่ตรองบกพร่องเจ้าค่ะ! คุณหนูทำเช่น
รถม้าของตำหนักองค์ชายคังกำลังเคลื่อนตัวบนถนนนอกเมืองข้างหลังรถม้ามีขบวนองครักษ์ขี่ม้าสูงใหญ่กำยำจ้าวเจินเจินภายในรถม้าเอียงตัวบนตั่งเตียงประดับงามประณีต โดยมีนางรับใช้สองคนนั่งพัดอยู่ข้าง ๆ นางจ้าวเจินเจินหลับตาคิดเรื่องในใจพลางนิ่วหน้าเล็กน้อยองค์ชายคังให้กวนอิ่งอยู่เรือนที่พ่อแม่นางยกเป็นสินสมรสให้นางทว่ากวนอิ่งใช้เวลาเพียงไม่นานขับไล่ชาวนากว่าครึ่งของตนออกหมู่บ้านเสียแล้ว เลยเถิดกว่านั้นคือนางทุบตีเหอจวงโถวผู้ที่ดูแลทุ่งนาแทนตน โยนเขาทิ้งออกมาจนเจียนตายแถมรายได้ครึ่งปีนี้ของทุ่งนาล้วนถูกกวนอิ่งใช้สุรุ่ยสุร่ายจนหมดในไม่กี่วัน!จ้าวเจินเจินมิได้กังวลเงินเล็กน้อยนั้นหรอก ตระกูลจ้าวของนางก็มีเงินตราเช่นกัน นางจึงมิสนใจการสิ้นเปลืองเงินนับหมื่นทว่าที่นางโมโหคือท่าทีหยิ่งผยองของกวนอิ่ง ยังมิทันเป็นพระชายารองเข้าประตูตำหนักองค์ชายคังด้วยซ้ำ แต่กลับวางมาดสูงส่งกว่าพระชายาเอกเช่นตนเสียอีก!หากนางแต่งเข้าตำหนักองค์ชายคังจริง กวนอิ่งจะไม่ยิ่งจองหองรึ?ครั้นกลุ่มคนมาถึงหรงจวง จ้าวเจินเจินมิได้ไปเรือนของตน แต่ไปเรือนของเหอจวงโถวก่อนภรรยาของเหอจวงโถวกำลังตากผ้าปูเตียงอยู่ในลา
เมื่อจ้าวเจินเจินได้ฟังพลันโมโหทันทีไป๋ฮุ่ยนางรับใช้ของนางครั้นได้ยินวาจานี้ก็โกรธเช่นกัน “ตระกูลพระชายาก็ร่ำรวย ทว่ามิได้จองหองเช่นนาง!”“หญิงชั่วนั่นมีสิทธิ์กระไรมาบอกให้องค์ชายหย่ากับพระชายา! ช่างอวดดีนัก!”“พระชายา คนเยี่ยงนี้จักคู่ควรเป็นพระชายารองขององค์ชายได้เยี่ยงไร! ยังมิทันเข้าประตูก็มิเห็นท่านในสายตาเสียแล้ว อนาคตก็มิรู้โอหังขนาดไหนเจ้าค่ะ!”“หยุด! อย่าพูด!”ต่อหน้าคนนอกจ้าวเจินเจินไม่อยากพูดมาก จึงเอ่ยปลอบ“เหอจวงโถว เจ้าพักผ่อนดี ๆ ข้าจักไปดูเสียหน่อย… วางใจเถอะ ข้าจักตัดสินเพื่อเจ้า!”จ้าวเจินเจินให้ไป๋ฮุ่ยมอบเงินสองร้อยตำลึงแก่เหอจวงโถว พลันพาคนติดตามมุ่งหน้าไปเรือนของตนทันทีเมื่อมาถึงเรือน จ้าวเจินเจินเพิ่งลงรถม้าก็ได้ยินความวุ่นวายในลาน คนรับใช้หลายคนกำลังวุ่นขนย้ายของออกข้างนอก“เตียงพัง ๆ นั่น ตัวข้านอนแล้วปวดเอวปวดหลังนัก ยกออกไปทิ้งซะ!”“เรือนนี้ก็ซอมซ่อยิ่ง อยากจะทุบสร้างใหม่จริง ๆ!”เมื่อจ้าวเจินเจินได้ยินเสียงลำพองจากด้านในก็ขมวดหัวคิ้วทันใด สตรีหยาบคายเยี่ยงนี้มิน่านับถือโดยสิ้นเชิง!นางนึกถึงข่าวที่ไป๋ฮุ่ยไปสอบถามมา กวนอิ่งผู้นี้ได้ถูกองค์ชายใหญ่
องครักษ์ที่ติดตามมาหลายคนพลันทะยานเข้ามาแต่กวนอิ่งก็มิใช่พวกจัดการได้ง่าย ๆ ก่อนจะตะโกนว่า “ผู้ใดกล้าลงมือ? ข้ากวนอิ่งจักมิปล่อยมันไปเด็ดขาด!”“หากข้าบาดเจ็บ องค์ชายคังก็มิปล่อยพวกเจ้าไปเช่นกัน!”ผู้คุ้มกันสิบกว่าคนนำโดยกวนอิ่งต่างชักดาบล้อมเอาไว้เมื่อจ้าวเจินเจินเห็นสถานการณ์ก็ยิ่งโกรธตัวสั่นทั้งร่างกวนอิ่งผู้นี้หมายสังหารนางรึ?ก่อนหน้าจ้าวเจินเจินยังฟังหูไว้หูต่อคำพูดของเหอจวงโถว โดยคิดว่าถึงกวนอิ่งจะจองหอง แต่ก็คงมิกล้าให้องค์ชายหย่ากับตนหรอก!ทว่าบัดนี้เห็นมาดของกวนอิ่งกับตาแล้ว จ้าวเจินเจินเชื่อคำพูดของเหอจวงโถวทุกอย่าง!หญิงชั่วนางนี้ คิดเสี้ยมองค์ชายหย่ากับตนมิพอ ยังมีเจตนาฆ่าตนด้วย!เมื่อหัวหน้าองครักษ์เห็นสถานการณ์พลันรู้สึกกังวลใจ พวกเขามากันทั้งหมดแค่แปดคนเท่านั้นจำนวนผู้คุ้มกันของกวนอิ่งมากกว่าพวกเขาสองเท่า หากสู้กันจริงจะครองความได้เปรียบได้งั้นรึ?“พระชายา… วันข้างหน้าท่านจักได้เป็นครอบครัวเดียวกันกับคุณหนูกวน คุยกันดี ๆ เถิดขอรับ ทุกคนอย่าบาดหมางกันเลย!”หัวหน้าองครักษ์รู้ว่ากวนอิ่งมีประโยชน์ต่อองค์ชายคังอย่างยิ่ง หากวันนี้ทำร้ายกวนอิ่ง กลับไปหาได้โดนองค
รถม้าขององค์ชายคังเซียวหลินอี้เพิ่งถึงได้ครึ่งทางก็พบกับรถม้าของจ้าวเจินเจินเข้าเมื่อจ้าวเจินเจินได้ยินองครักษ์เอ่ยว่าองค์ชายคังมาแล้วก็รีบลงรถม้าทันที พลางบอกว่ามีอะไรจะพูดกับองค์ชายคัง“เจินเจิน รอข้ากลับไปค่อยคุยเถอะ!”องค์ชายคังเปิดม่านรถออกกล่าวอย่างเหลืออดเล็กน้อยเบ้าตาจ้าวเจินเจินแดงก่ำ พูดทั้งน้ำตาไหลนอง“องค์ชายยุ่งเพียงนั้นเลยหรือเพคะ? กระทั่งเวลาคุยกับเจินเจินไม่กี่ประโยคก็ไม่มีหรือเพคะ?”เมื่อองค์ชายคังเห็นองครักษ์ต่างกำลังดูอยู่ก็ไม่อยากให้จ้าวเจินเจินเสียหน้าเพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ เอื้อมมือพลางกล่าว “เข้ามาคุยเถอะ!”จ้าวเจินเจินถูกองค์ชายคังดึงขึ้นรถ เมื่อเห็นมีหีบขนาดใหญ่กล่องหนึ่งบนรถ พลันโพล่งถามทันควัน“นี่คือสิ่งของอันใด?”องค์ชายคังพูดอย่างสบาย ๆ “เมื่อครู่ไปวังหลวง เสด็จแม่ได้รับแตงเป็นเครื่องบรรณาการ ข้าจักเอาให้กวนอิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ นางชอบทานสิ่งนี้นัก!”หัวใจจ้าวเจินเจินสั่นสะท้าน นี่ยังไม่ทันเข้าประตู ในใจเซียวหลินอี้ก็มีแต่กวนอิ่งแล้วรึ?มีผลไม้เครื่องบรรณาการ เซียวหลินอี้ไม่คิดจะให้ตน คิดแต่จะให้กวนอิ่ง?“องค์ชาย… เจินเจินขอพูดกับท่านตรง ๆ กวน
เมื่อถึงหอริมธารา ไป๋ผิงก็บอกองครักษ์ให้กลับไป ก่อนจะสั่งกับข้าวที่จ้าวเจินเจินชอบกินมาเต็มโต๊ะจ้าวเจินเจินเคยชินกับการนั่งห้องส่วนตัวบนชั้นสองของหอริมธารา ซึ่งสามารถชมผืนแม่น้ำได้ไป๋ผิงกับไป๋ฮุ่ยติดตามจ้าวเจินเจินมาตั้งแต่เด็ก พวกนางรู้ดีว่าที่นี่คือที่ที่จ้าวเจินเจินนัดพบกับอ๋องอี้เซียวหลินเทียนอยู่บ่อย ๆ ในยามนั้น!และเป็นที่ที่จ้าวเจินเจินกับเซียวหลินเทียนบังเอิญพบกันเป็นครั้งแรกด้วยเช่นกัน!ด้านนอกห้องส่วนตัวมีระเบียงไว้นั่งชมพระอาทิตย์ตกเหนือผืนแม่น้ำจ้าวเจินเจินดื่มสุราหลายจอกตามลำพัง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความทุกข์อัดอั้นภายในใจ หรือเพราะเห็นพระอาทิตย์ตกจึงคิดถึงเรื่องในครานั้นกันแน่“ไป๋ผิง ไปเชิญท่านอ๋องอี้มา!”ถ้อยคำนี้ของจ้าวเจินเจินทำให้ไป๋ผิงหน้าถอดสีฉับพลันท่านอ๋องอี้กับจ้าวเจินเจินต่างก็สมรสกับผู้อื่น หากพบปะเป็นการส่วนตัวอีก เมื่อฉาวออกไปอาจกระทบต่อชื่อเสียงพระชายาเอาได้“จักไปมิไป? หรือแม้แต่คำพูดข้าเจ้าก็มิเชื่อฟังแล้วรึ?”เมื่อจ้าวเจินเจินเห็นไป๋ผิงลำบากใจ ก็พลันตะโกนขุ่นเคืองไป๋ฮุ่ยพบว่าจ้าวเจินเจินเริ่มโมโหจึงกล่าวทันควัน“ไป๋ผิงเจ้าไปเถอะ! องค์ชายเสด
ครั้นหลิงอวี๋เห็นลู่หนานก็ผงะไปเช่นกัน ก่อนจะพยักหน้าทักทายเล็กน้อยเมื่อเร็ว ๆ นี้เกิ่งเสี่ยวหาวเพิ่งซื้อหอริมธารา เขาชวนหลิงอวี๋มาลิ้มลองฝีมือพ่อครัวแห่งหอริมธารา และขอคำแนะนำการปรับปรุงจากหลิงอวี๋ด้วยหลิงอวี๋รู้สึกว่าทิวทัศน์ที่หอริมธาราไม่เลวเลย เพียงแต่การตกแต่งของภัตตาคารดูเก่ามาก เนื่องกาลเวลาอันยาวนานนางเดินเตร่ตามเกิ่งเสี่ยวหาว แล้วให้คำแนะนำเกิ่งเสี่ยวหาวไปด้วยทางด้านลู่หนานเริ่มกระสับกระส่าย เนื่องหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนยังมิได้หย่ากันหากท่านอ๋องของตนอยู่กับสตรีที่ยังไม่ออกเรือน อย่างนั้นถูกหลิงอวี๋พบเข้าก็ไม่เป็นอะไรทว่าถ้าถูกหลิงอวี๋พบว่าท่านอ๋องอยู่กับจ้าวเจินเจินที่เป็นสตรีออกเรือนแล้ว จ้าวเจินเจินกับท่านอ๋องต้องไม่มีหน้าไปเจอคนแน่!ลู่หนานหมายแอบเข้าไปส่งข่าว แต่ก็กลัวจะยิ่งดึงดูดสายตาคน จึงรออยู่ข้างนอกอย่างใจจดจ่อภายในห้องส่วนตัวเซียวหลินเทียนกำลังพันแผลให้จ้าวเจินเจินอยู่ เขากลัวทำจ้าวเจินเจินเจ็บจึงระวังอย่างยิ่งขณะที่จ้าวเจินเจินกำลังมองดวงหน้างดงามของเซียวหลินเทียนอย่างใกล้ชิด จู่ ๆ หัวใจนางพลันเต้นระรัวอย่างไรเสียเซียวหลินเทียนก็คือคนที่นางเคย