แชร์

บทที่ 389

ผู้เขียน: กานเฟย
“ท่านแม่ ผู้หญิงคนนี้คุณหนูใหญ่สั่งเป็นการส่วนตัวว่าให้ดูแลให้ดี คืนนี้อย่าปล่อยให้นางอยู่เฉย ๆ…”

เสียงหัวเราะลามกของผู้คุ้มกันมาจากประตู

หลิงอวี๋ลืมตาขึ้น เห็นว่าผู้คุ้มกันหันหลังให้ตน นางรีบเข้าไปในมิติ หยิบเข็มยาสลบและยาถอนพิษออกมา

ยาที่ทำให้มึนเมาเช่นนี้ หลิงอวี๋เคยศึกษามาก่อนจึงพยายามเตรียมยาแก้พิษ

นางรีบฉีดยาให้ตน แต่ก่อนที่จะดึงเข็มออก นางก็ได้ยินผู้คุ้มกันอีกคนพูด

“พี่… ให้พวกเรามาสนุกกันก่อนดีกว่า แทนที่จะเสียเปรียบคนอื่น สู้พวกเราได้ก่อนดีกว่า!”

ผู้คุ้มกันตรงหน้าลังเล “หากคุณหนูใหญ่รู้เข้า...”

“เหอะ นางแค่ให้เราดูผู้หญิงคนนี้ไม่ให้หนีไปไหน นางจะรู้หรือว่าเราทำอะไร?”

เมื่อกี้เขาพาหลิงอวี๋มา ร่างกายที่อ่อนนุ่มของหลิงอวี๋ทำให้ผู้คุ้มกันไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ทันทีที่ได้ยินสิ่งที่น้องชายพูด ก็หวั่นไหวทันที!

“ท่านแม่ เช่นนั้นท่านลงไปก่อนเถิด! พวกเราเสร็จแล้วจะเรียก!”

พูดแล้วผู้คุ้มกันทั้งสองก็ปิดประตู แล้วเดินไปหาหลิงอวี๋ด้วยรอยยิ้ม

หลิงอวี๋บีบเข็มยาสลบแน่น แอบดีใจที่ผู้คุ้มกันสองคนนี้กล้าพอที่จะมาพร้อมกัน ไม่เช่นนั้นคงเป็นเรื่องยากสำหรับตนที่จะจัดการกับพวกเขาทีละคน

บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 390

    รถม้ามุ่งกลับไปยังตำหนักอ๋องอี้ระหว่างทาง หลิงอวี๋ผลัดผ้าเปลี่ยนเป็นอาภรณ์ที่หลิงซวนเตรียมไว้ให้นาง ให้ดูแล้วไม่ได้ดูแย่อะไรกระทั่งมาถึงตำหนักอ๋องอี้ หลิงอวี๋ก็พาคนสองสามคนวิ่งไปที่เรือนริมวารีที่ประตูมีองครักษ์ที่ไม่คุ้นเคยสองคนอยู่ หลิงอวี๋ไม่รู้จัก เมื่อเห็นว่าไฟในเรือนยังสว่างอยู่ จึงเอ่ย “ข้าต้องการพบท่านอ๋อง!”องครักษ์คนหนึ่งเอ่ยอย่างเย็นชา “พระชายาอ๋องอี้ ท่านอ๋องบรรทมแล้ว! ท่านรับสั่งมิอนุญาตให้ผู้ใดไปรบกวน!”หลิงอวี๋ขมวดคิ้ว แต่ยังคงเอ่ยอย่างอดทน“รบกวนพวกเจ้าไปรายงานทีว่าข้ามีเรื่องด่วนมากจะพูดกับท่านอ๋อง!”องครักษ์อีกคนหัวเราะอย่างดูถูก“พระชายาล้อเล่นหรือ! ชิวเหวินซวงกลับมาแล้ว ท่านมิต้องดูแลบ้านแล้ว ยังจะมีเรื่องด่วนมากอันใดอีก!”“พระชายา โปรดกลับไปเถิด! อย่าทำให้พวกเราลำบากเลย!”หลิงอวี๋อยากจะพูดอีก แต่ก็เห็นไฟในห้องนอนของเซียวหลินเทียนดับลง!นี่หมายความว่าเซียวหลินเทียนไม่เต็มใจที่จะพบนางใช่หรือไม่?หลิงอวี๋นึกถึงวันที่นางฝังเข็มให้เซียวหลินเทียนได้ เขามิยอมให้ตนสัมผัสเขา!หัวใจของนางเย็นวาบทันที!คิดไม่ถึงว่าเซียวหลินเทียนจะแยกเรื่องอื่นกับเรื่องส่วนตัว

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 391

    “ท่าน… ช่วยข้าด้วย…”ฮูหยินกวนกู่ร้องเศร้าสลด เสียงอันเจ็บปวดดุจมีดกรีดหัวใจท่านกวนเอ้อร์!เขาพยายามดิ้นให้หลุดจากเชือกที่มัดตัวเองไว้ แต่เชือกหนังวัวโชกไปด้วยน้ำ เขายิ่งดิ้นรนก็ยิ่งมัดแน่นขึ้นเรื่อย ๆ!“กวนอิ่ง เจ้าเดรัจฉาน เจ้ามันมิใช่มนุษย์…”ท่านกวนเอ้อร์คำรามเสียงแหบ “เจ้าจะฆ่าจะแทงก็มาลงที่กวนผิง ไยเจ้าไปลงที่สตรี?”“เหอะ… บัดนี้ปวดใจแล้วหรือ? แล้วตั้งนานเจ้ามั่วทำกระไร?”กวนอิ่งยิ้มหยันกล่าว “หากเจ้าเชื่อฟ้าคำพูดข้า ให้หลิงอวี๋ดื่มชาถ้วยนั้น ทุกอย่างคงหาได้เกิดขึ้นไม่?”“เจ้ามันไร้เมตตาธรรม ยังคิดให้ข้าไว้ชีวิตครอบครัวเจ้าอีกรึ?”“ตัวข้าพูดไปแล้ว หากทำให้หลิงอวี๋เจ็บปวดไม่ได้ งั้นก็ให้ฮูหยินของเจ้าเจ็บปวดเถอะ!”ท่านกวนเอ้อร์กู่คำราม “อย่าพูดให้ดูดีนักเลย! กวนอิ่ง แม้ข้าจะเชื่อฟังเจ้า เจ้าก็ไม่ละเว้นครอบครัวข้า!”“ฮิฮิ กวนผิง เจ้าฉลาดนี่! แต่เจ้ามาตอกกลับเอาตอนนี้ ไม่สายไปหน่อยรึ?”กวนอิ่งใช้แส้หวดใบหน้าท่านกวนเอ้อร์ กล่าวเสียงเหี้ยม“เป็นแค่เด็กเก็บมาเลี้ยง บังอาจแย่งทรัพย์สมบัติของพ่อข้า! ในเมื่อนายท่านรักเจ้านัก เจ้าก็ลงไปอยู่กับเขาเถอะ!”หัวใจท่านกวนเอ้อร์หมดหวัง

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 392

    “ฮ่าฮ่า… เจ้าคลานมาให้ข้าดูซิ!”“พวกเจ้าได้ยินรึยัง? กวนผิงยอมรับว่าตัวเองเป็นสุนัขของตระกูลกวนแล้ว! ฮ่าฮ่า!”กวนอิ่งระเบิดหัวร่ออย่างเหิมใจพลางชี้ยังผู้คุ้มกันคนหนึ่ง “ไปเอาสายจูงสุนัขมาคล้องให้เขาเสีย เมื่อเขาคลานจนข้าพอใจแล้ว ข้าจักปล่อยฮูหยินเขาไป!”ผู้คุ้มกันคนนั้นเอาสายจูงสุนัขมาคล้องคอของท่านกวนเอ้อร์จริง ๆผู้คุ้มกันคนหนึ่งปลดเชือก และเท้าข้างหนึ่งก็เตะท่านกวนเอ้อร์หงายพื้น“คลาน… คลานไว ๆ…”ท่านกวนเอ้อร์กระอักเลือดสดเต็มปาก เนื่องจากขบฟันอย่างแรง…ทันทีที่เขาลุกนั่ง แส้ของกวนอิ่งก็ทักทายบนหน้าทันทีเพียะ…การหวดด้วยแส้ทำให้ใบหน้าท่านกวนเอ้อร์เนื้อปริในทันใด“คลานไว ๆ… มิเช่นนั้นข้าจักพิ่มผู้ชายอีกสองคนให้ฮูหยินเจ้าเสีย…”ท่านกวนเอ้อร์จ้องกวนอิ่งเขม็ง สุดท้ายก็คุกเข่าลงอย่างอัปยศ“ท่าน…”ฮูหยินกวนเอ้อร์มองสามีชายชาติเสือของตน ยอมต้อยต่ำเช่นนี้เพื่อชีวิตรอดของนางกับลูก แล้วนางก็รู้สึกดุจมีดกรีดหัวใจขณะนั้นเอง ฮูหยินกวนเอ้อร์ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป ตนถูกคนข่มขืนไปแล้ว นางจะมีหน้าใช้ชีวิตอยู่บนโลกได้อย่างไร!แม้เพื่อช่วยท่านกวนเอ้อร์ นางก็มิอาจมีชีวิตอย่างไร้ความหมายไ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 393

    “คุณหนูใหญ่ขอรับ คนของพวกเขามากเกินไป พวกเรารีบหนีเถอะขอรับ!”เมื่อพ่อบ้านเหอเห็นคนกลุ่มใหญ่ห้อตะบึงมาทางนี้ก็รีบดึงกวนอิ่งจากไปครั้นกวนอิ่งเห็นลิ่วล้อตัวเองล้มลงเป็นแถบในพริบตา และมองพวกหลิงอวี๋เข้ามาอย่างดุดัน นางก็ตกใจกลัวเสียแล้วกวนอิ่งรีบขึ้นม้าพลันหนีไปพร้อมผู้คุ้มกันที่เหลือท่านกวนเอ้อร์หมายไล่ตาม แต่กวนซิงกอดเขาไว้แน่นจึงตามไปมิได้ ทำได้เพียงมองกวนอิ่งหนีไปไกลอย่างเหี้ยมเกรียม!“ท่านเอ้อร์…”หลิงอวี๋วิ่งมาใกล้ก็เห็นสายจูงสุนัขยังห้อยบนคอท่านเอ้อร์อยู่ พลางอุ้มกวนซิงโดยที่เลือดเต็มตัว…ยังมีฮูหยินสวมอาภรณ์กะรุ่งกะริ่งพร้อมดาบเล่มหนึ่งเสียบบนท้อง แต่บนหน้ากลับแขวนรอยยิ้มไว้…หัวใจของหลิงอวี๋จมดิ่งลงหนักหน่วง ไม่ต้องเห็นด้วยตาตัวเอง นางก็เดาออกว่าเกิดอะไรขึ้น…พวกเขามาช้าเกินไป… !“ท่านเอ้อร์…”เป็นครั้งแรกที่หลิงอวี๋มิรู้ว่าควรพูดสิ่งใด ไม่ว่าคำปลอบโยนใด ๆ ก็ไร้ความหมายกับสถานการณ์เช่นนี้!เป็นท่านกวนเอ้อร์ตอบสนองก่อน ด้วยเสียงเย็นชา“พระชายาอ๋องอี้ โปรดช่วยข้าดูแลลูกชั่วคราว… และข้าขอยืมกำลังคนด้วยได้หรือไม่!”เขาก็มีความเจ็บแค้นต่อหลิงอวี๋และเซียวหลินเทียนเช่นก

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 394

    เถาจื่อหน้าขรึมเดินไปด้านข้าง ไม่ให้หลิงซวนเห็นน้ำตาของนางปี้ไห่เฟิงให้สหายผู้หนึ่งไปซื้อโลงศพอย่างเงียบ ๆ หลังหลิงซวนได้ยินก็ถือตั๋วเงินสองร้อยตำลึงส่งให้เขา กล่าวสะอึกสะอื้น“ช่วยซื้ออาภรณ์ดี ๆ สักหน่อยด้วยเถิด!”สหายผู้นั้นจึงถือตั๋วเงินขี่ม้าจากไปหลิงอวี๋เหม่อมองด้านคฤหาสน์ตระกูลกวน มิรู้สถานการณ์ทางนั้นเป็นเช่นไรพวกเขาอยู่ด้านกระท่อมเพิงมาตลอด ครั้นรอจนฟ้าสาง ท่านกวนเอ้อร์ก็พาเจียงเผิงกับคนของตนและพวกเกิ่งเสี่ยวหาวต่างกลับมากันแล้ว“ท่านเอ้อร์ นายท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”หลิงอวี๋ถามอย่างเป็นห่วงสีหน้าท่านกวนเอ้อร์ท้อแท้พลางส่ายหน้า เสียงแหบพร่า “นายท่านไปแล้ว…”หลิงอวี๋ผงะไปฉับพลัน“สมน้ำหน้าเขาชะมัด ไม่สมควรได้รับความเห็นใจ!”ท่านกวนเอ้อร์ด่าอย่างรุนแรง แต่น้ำตากลับไหลลงอย่างควบคุมมิได้เขาหันหลังไปเช็ดน้ำตา กล่าวเยือกเย็น“กวนซินกับกวนอิ่งพาคนส่วนใหญ่กลับไปเอาทรัพย์สมบัติส่วนมากของตระกูลกวน! และได้ยินว่าไปขอพึ่งองค์ชายคัง!”“พระชายาอ๋องอี้ เหตุผลที่กวนอิ่งทำกับเจ้าวันนี้ เป็นเพราะถูกองค์ชายเว่ยวางยาข่มขืน!”“องค์ชายเว่ยตรัสว่าเป็นอุบายของเจ้า นั่นคือสาเหตุที่กว

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 395

    “พระชายาอ๋องอี้…”“เรียกข้าหลิงอวี๋เถิด!”บัดนี้หลิงอวี๋ไม่ชอบชื่อเรียกพระชายาอ๋องอี้นัก เพราะเซียวหลินเทียนรับปากช่วยท่านกวนเอ้อร์ แต่กลับทำมิได้ แม้จะมีสาเหตุก็ตามที!ครั้นมาขอความช่วยเหลือถึงหน้าประตูบ้าน เซียวหลินเทียนจะปฏิเสธได้เยี่ยงไรถ้ามิใช่เพราะพวกเขาล่าช้า มาเร็วกว่านี้หน่อย บางทีฮูหยินกวนเอ้อร์อาจยังมิสิ้นใจ!ท่านกวนเอ้อร์ก็ตระหนักได้ถึงความรู้สึกผิดอันลึกซึ้งของหลิงอวี๋ถึงแม้ความรู้สึกผิดอักโขจะแลกความบริสุทธิ์กับชีวิตของฮูหยินเขาคืนมามิได้แต่หลิงอวี๋… ทำดีต่อเขาที่สุดแล้วจริง ๆ!และพวกเขามีศัตรูร่วมกัน!ท่านกวนเอ้อร์พูดเสียงทุ้ม “หลังพิธีฝังศพนายท่านกับฮูหยิน ข้าอยากพักผ่อนระยะหนึ่ง ให้กวนอิ่งกับกวนซินใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายไปก่อนเถอะ!”“ข้าจักไปหาเจ้าภายหลัง!”หลิงอวี๋ผงกศีรษะ กิจการของตระกูลกวนสลับซับซ้อน นางมิอยากเชื่อว่านายท่านจะหักใจมอบทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้จักรพรรดิจริง ๆบางทีท่านกวนเอ้อร์อาจอยากแอบวางกลยุทธ์ จัดระเบียบตระกูลกวนขึ้นใหม่!และยืมโอกาสล้างแค้นต่อ!เช่นนี้ก็ดีนัก ท่านกวนเอ้อร์จะได้เลี่ยงความสนใจไปก่อนชั่วคราว ให้องค์จักรพรรดิเปลี่ยนไปมุ่งเป

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 396

    หลิงอวี๋ไม่ได้นอนทั้งคืน ทั้งยังเจ็บทั่วกาย แค่อยากกลับไปจัดการบาดแผลและนอนพักบ้างไฉนจะคิดว่าเสิ่นจวนจะขวางประตูไว้เช่นนี้“หลีกไป!”หลิงอวี๋พูดเยือกเย็น“ทำไม จะวางอำนาจเป็นพระชายาอีกรึ?”เสิ่นกวนร้องเสียงแหลม “พี่สะใภ้ เจ้าทำแบบนี้ได้เยี่ยงไร! รนออกเรือนกับท่านพี่ของข้า! แต่ดึกดื่นมิกลับบ้านกลับช่อง…”หลิงอวี๋ตะโกนด้วยสีหน้าเย็นเยียบ “เถาจื่อ!”ครั้นเถาจื่อเห็นเสียงร้องของเสิ่นจวนดึงดูดคนมาล้อมชมมากมาย หน้าก็ขรึมลงทันทีเมื่อได้ยินหลิงอวี๋เรียกตน เถาจื่อก็มุ่งตรงไปข้างหน้าคว้าคอเสิ่นจวนไว้โดยมิเอ่ยคำใดเป็นญาติประสากระไรถึงกล้ามาใส่ไคล้คุณหนูของตนหน้าระรื่น!ช่างกวนบาทาเสียจริง!“ตัวข้าไปตรวจคนไข้มา! เจ้าเอะอะหาปะไร?”หลิงอวี๋พูดอย่างเย็นชา “เจ้าเป็นแค่แขก ถึงก้าวก่ายฟ้าดินได้ แต่ก็ยุ่มย่ามเจ้าบ้านมิได้!”“ผู้ใดให้หน้าเจ้า?”“ไม่ว่าข้าจะรนแบบที่เจ้าว่าหรือไม่ ท่านอ๋องยังมิว่ากระไร แล้วเจ้าเป็นบ้ากระไร?”เมื่อหลิงอวี๋เห็นคนกำลังมุงดูอยู่ก็พลันกล่าวมิปรานีแม้แต่น้อย“คราก่อนไทเฮาทรงตำหนิเจ้าว่าปากคอเราะรายมิใช่หรือ? ไฉนไม่กี่วันก็ลืมเสียแล้วรึ? อยากให้ไทเฮาส่งแม่นมมาอบ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 397

    เสิ่นจวนตาเป็นประกายพลางรีบพยักหน้า“แม่นม ข้าล้วนฟังเจ้า! เจ้าช่วยข้าหาวิธีเร็วเข้า ข้าจักให้ท่านพี่หย่ากับหลิงอวี๋ให้ได้!”แม่นมเฉาพลันดึงเสิ่นจวนมากระซิบกระซาบระหว่างทางกลับ……เซียวหลินเทียนมิอยากเชื่อเลยว่า ตระกูลกวนจะเกิดการแปรผันพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน(1)ขึ้นในชั่วข้ามคืนและเขายิ่งเหนือคาดตอนหลิงอวี๋มาขอความช่วยเหลือเขาเมื่อคืนก่อนเซียวหลินเทียนเพิ่งทราบสถานการณ์หลังจากที่อิ๋นฮู๋มาแจ้งอิ๋นฮู๋ยิ้มขมขื่น “ครั้นพวกเราไปรับครอบครัวท่านกวนเอ้อร์ตามที่อยู่ที่ท่านอ๋องมอบ ถึงรู้ว่าครอบครัวของท่านกวนเอ้อร์ถูกรับไปเสียแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“พอเราตรวจเส้นทางทราบก็ตามไป พระชายาอ๋องอี้ก็พาผู้ติดตามตามถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ทว่าพระชายาช้าไปหนึ่งก้าว ช่วยแค่ท่านกวนเอ้อร์กับเด็กได้ หลังฮูหยินกวนเอ้อร์โดนขืนใจ… ก็ปลิดชีวิตตนพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อจ้าวซวนกับเซียวหลินเทียนได้ยินต่างเบิกตากว้างตะลึงงันเซียวหลินเทียนเสียใจสุดซึ้ง เมื่อคืนเขาน่าจะฟังประสงค์ของหลิงอวี๋!มิใช่แค่เพราะรังเกียจนาง เขาถึงได้ทำพลาดใหญ่หลวงหรอก!ไม่เพียงพลาดโอกาสช่วยครอบครัวท่านกวนเอ้อร์ แต่ตนยังต้องตกสู่สถานการณ์ที่ไร้เมตตาธรร

บทล่าสุด

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1902

    ต่งเฉิงมองหลิงอวี๋พลางพยักหน้ารัว ๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มพร้อมกับลูบเคราของตัวเองว่า “สาวน้อยนางนี้รู้จักเครื่องยาสมุนไพรมากมายเช่นนี้นับว่าหายาก!”เครื่องยาสมุนไพรเหล่านี้มิใช่สมุนไพรธรรมดาทั้งหมด นอกจากเครื่องยาสมุนไพรที่ใช้ในการกลั่นโอสถระดับต้นแล้ว ยังมีระดับกลางและระดับสูงจำนวนเล็กน้อยอีกด้วยโดยทั่วไป ผู้เข้าสอบที่ตอบได้เจ็ดสิบถึงแปดสิบชนิดก็ถือว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว ทว่าหลิงอวี๋สามารถตอบได้มากกว่าหนึ่งร้อยชนิด ถือว่าเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์สูงเลยทีเดียวเพิ่งเข้ามาก็ทำคะแนนได้ดีถึงเพียงนี้ หากนางได้เรียนอย่างเป็นระบบก็คงแซงหน้าบัณฑิตคนอื่นได้ในมิช้า“ตึง ตึง ตึง!”เมื่อเสียงกลองดังขึ้นสามครั้ง การสอบแข่งขันของกลุ่มนี้ก็สิ้นสุดลง“หนึ่งร้อยยี่สิบเจ็ดคะแนน!”กลองหยุดลงแล้ว และบนใบหน้าของศิษย์พี่หญิงก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นเป็นครั้งแรก นางหยิบป้ายส่งให้หลิงอวี๋พร้อมรอยยิ้ม“การสอบแข่งขันรอบต่อไปจะจัดขึ้นในช่วงบ่าย! ความสามารถในการจำแนกเครื่องยาสมุนไพรของเจ้าดีที่สุดในรอบนี้ ทำให้ดีล่ะ!”“ขอบคุณศิษย์พี่หญิง!”หลิงอวี๋รับป้ายมาด้วยความตื่นเต้น พลางหันไปดูผู้เข้าสอบคนอื่น ๆ ที่กำลังมองนางด้

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1901

    เป็นไปตามคาด หลิงอวี๋เห็นใบหน้าที่งดงามทว่าโหดร้ายนั้น และนั่นก็คือศัตรูที่นางมิอาจลืมเลือน...จ้าวหรุ่ยหรุ่ย!ชั่วขณะนั้นดวงตาของหลิงอวี๋เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว พลางนึกอยากจะรุดเข้าไปฉีกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเป็นชิ้น ๆ เพียงหลับตา นางก็มิอาจควบคุมตนมิให้นึกถึงฉากที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเตะต่อยตนความเจ็บปวดและเลือดสด ๆ อีกทั้งความทุกข์ทรมานจากการสูญเสียลูกไปทำให้หลิงอวี๋มิอาจลืมความเกลียดชังที่ตนมีต่อจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้เลย!คาดมิถึงว่าศัตรูจะปรากฏตัวต่อหน้าตนเช่นนี้!หลิงอวี๋ตื่นตัวมากจนร่างกายสั่นเทา แต่นางก็ยังสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ได้นางมิใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย การวู่วามลงมือมีแต่จะเป็นการรนหาที่ตายเท่านั้นหลิงอวี๋สูดหายใจเข้าลึกพลางมองเด็กสาวที่ประกาศสงครามกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเด็กสาวคนนี้ดูอายุราว ๆ สิบหกสิบเจ็ดปี มีรูปร่างสูง ใบหน้ารูปไข่ คิ้วโค้งเหมือนพระจันทร์เสี้ยว และดวงตาแวววาวสดใสผมสีดำสนิทของนางถูกแสกกลางและถักเป็นเปียยาวสองข้างพันไว้รอบมวยผม ข้าง ๆ มวยผมนั้นมีปิ่นมุกปักประดับอยู่สองอันเด็กสาวสวมชุดกระโปรงสีม่วงควันธูป และเมื่อดูจากเนื้อผ้าแล้ว นางน่าจะเป็นค

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1900

    ข่าวที่สือหรงนำมาให้เซียวหลินเทียนมิใช่ข่าวดี จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยังคงอยู่ในตำหนักเทียนจีและมิได้มาลงทะเบียนด้วยตนเองหากอยากพบกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ย ก็ทำได้แค่ต้องรอจนถึงวันคัดเลือกรอบแรกเท่านั้นแต่เซียวหลินเทียนก็มิย่อท้อ ถึงอย่างไรขอเพียงจ้าวหรุ่ยหรุ่ยปรากฏตัว เขาก็จะไม่มีทางปล่อยนางหนีไปอีกแน่ ให้นางเป็นอิสระอีกสักสองสามวันก็คงมิเป็นไร!ในช่วงวันเวลาที่เหลือ หลายคนเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านเช่นเดียวกับหลิงอวี๋ พวกเขาอ่านตำราอย่างหนักและเพิ่มพูนความรู้ที่ขาดไป เพื่อที่จะผ่านการคัดเลือกและได้เข้าเรียนที่สำนักศึกษาชิงหลงทว่าหลิงอวี๋มิรู้เลยว่าศัตรูของตนมาถึงเมืองหลวงแดนเทพแล้ว หลังจากเอาแต่ปิดห้องอ่านตำราเป็นเวลาหลายวันนางก็มาที่สำนักศึกษาชิงหลงที่อยู่นอกเมืองในวันแห่งการคัดเลือก โดยมีผู้รอบรู้เรื่องร่วมเดินทางด้วยหน้าทางเข้าสำนักศึกษาชิงหลงเต็มไปด้วยผู้คนทั้งบุรุษและสตรี ทั้งเด็กและผู้ใหญ่รวมกันนับพันคนผู้รอบรู้เห็นเช่นนั้นก็ทึ่งจนพูดมิออก และอ้ำอึ้งพูดออกไปว่า “รู้เช่นนี้ข้าน่าจะมาลงทะเบียนเข้าเรียนที่สำนักศึกษาชิงหลงกับเจ้าด้วย เฮ้อ ตอนนี้มันสายไปเสียแล้ว!”หลิงอวี๋ยิ้ม นางรู้ว่าผู้รอบร

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1899

    “เถาจื่อ หานอวี้ วันพรุ่งพวกเจ้าไปลงทะเบียนเสีย!”เซียวหลินเทียนทำการตัดสินใจและกำชับว่า “ลงทะเบียนในชื่อของน้องสาวข้า!”“เผยอวี้ ฉินซาน พวกเจ้าสองคนก็ไปลงทะเบียนสาขาที่ตนเองชื่นชอบด้วย พวกเจ้าทั้งคู่บอกแค่ว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของข้าก็พอ!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น พวกเขาทุกคนก็หัวเราะอย่างมีความสุข พลางพยักหน้าและจัดลำดับอาวุโสกันให้เซียวหลินเทียนเป็นพี่ใหญ่ของทุกคน เถาจื่อเป็นพี่หญิงใหญ่ หานเหมยเป็นพี่น้องคนที่สาม และหานอวี้เป็นคนที่สี่เซียวหลินเทียนได้บอกจุดประสงค์ของภารกิจให้พวกเขาทราบแล้ว เถาจื่อกับหานอวี้ต้องให้ความสำคัญกับฝั่งของสตรีวันรุ่งขึ้น เถาจื่อและหานอวี้ไปลงทะเบียน และทั้งคู่ก็เลือกวิชาปรุงโอสถเนื่องจากก่อนหน้านี้พวกนางเคยตามหลิงอวี๋ไปจำแนกเครื่องยาสมุนไพรหลายชนิด ในความคิดของพวกนาง การกลั่นโอสถเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการผ่านการประเมินมีชั้นเรียนที่สอนการกลั่นโอสถเพียงสองแห่งเท่านั้น ดังนั้นเถาจื่อและหานอวี้จึงต้องลงทะเบียนเรียนคนละชั้นเรียนและเถาจื่อก็ได้ลงทะเบียนเรียนชั้นเรียนของหอโอสถซ่างกู่เซียวหลินเทียน เผยอวี้และคนอื่น ๆ ก็ไปลงทะเบียนด้วยเซียวหลินเทียนลงทะ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1898

    เผยอวี้เหลียวซ้ายแลขวาไปรอบ ๆ เมืองหลวงแดนเทพที่เจริญรุ่งเรืองราวกับคนบ้านนอก ทำเอาเขาอดมิได้ที่จะถอนหายใจ“มิแปลกใจที่ทุกคนล้วนพูดว่าเมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรือง เพราะที่นี่เจริญจริง ๆ ดังคำกล่าว นายท่านอู่ เมืองหลวงแดนเทพแห่งนี้ใหญ่กว่าเมืองหลวงในฉินตะวันตกของพวกเราหลายเท่านัก!”เซียวหลินเทียนวางแผนใช้คำในชื่อจักรพรรดิเซิ่งอู่ของตนเป็นแซ่ ดังนั้น เผยอวี้และคนอื่น ๆ จึงได้เปลี่ยนมาเรียกเซียวหลินเทียนว่านายท่านอู่หานอวี้กับเถาจื่อและคนอื่น ๆ ที่ได้รีบมารวมตัวกับกลุ่มของเซียวหลินเทียนต่างพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเงียบ ๆทว่าเซียวหลินเทียนกลับรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมา เมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรืองแล้วอย่างไร?หากไม่มีหลิงอวี๋อยู่เคียงข้าง มิว่าทิวทัศน์จะสวยงามเพียงใดมันก็ไร้ประโยชน์ยิ่งเมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรืองและมีขนาดใหญ่มากเท่าไร การตามหาหลิงอวี๋ก็จะยิ่งยากมากเท่านั้นท่ามกลางฝูงชนมหาศาลนี้เขาจะหาตัวหลิงอวี๋ของเขาพบได้อย่างไร?ฉินซาน หานเหมยและสือหรงล่วงหน้ากันไปก่อน ในช่วงที่ยังสร้างตำหนักปีกเงินแห่งใหม่มิเสร็จนี้ ทั้งสามคนได้ซื้อที่ดินใหญ่ที่มีหกส่วนเพื่อให้ทุกคนใช้เป็นที่อย

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1897

    หลิงอวี๋เห็นด้วยกับผู้รอบรู้ เพื่อป้องกันมิให้คนอื่นสงสัยว่านางกับผู้รอบรู้มิใช่พี่น้องกันแท้ ๆ นางจึงเปลี่ยนแซ่ของตนเป็นแซ่เดียวผู้รอบรู้และใช้นามว่า สิงอวี๋วันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋ไปที่ห้องโถงหลักของหอโอสถซ่างกู่เพื่อลงทะเบียน ที่ทางเข้าหอโอสถซ่างกู่นั้นมีทั้งบุรุษและสตรีต่อแถวยาวเป็นหางว่าวหลิงอวี๋รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาเมื่อเห็นแถวยาวถึงเพียงนี้ ต้องต่อแถวไปถึงเมื่อไรกว่าตนจะได้ลงทะเบียนเล่านี่!แต่เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ เพื่ออนาคตของตนในวันข้างหน้า นางก็ทำได้เพียงต่อแถวต่อไปอย่างว่าง่ายเท่านั้นคุณหนูและนายน้อยบางส่วนมิได้มาด้วยตนเอง แต่ส่งสาวใช้และคนรับใช้ไปต่อแถวให้เด็กสาวท่าทางเหมือนคุณหนูที่อยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เห็นเช่นนั้นก็ยิ้มเยาะขึ้นมา“แม้แต่มาต่อแถวก็ยังไม่มีความจริงใจ แต่กลับอยากเป็นศิษย์ของอาจารย์เย่น่ะหรือ คนเช่นนี้สมควรถูกปัดตกไปเสีย!”สาวใช้ด้านหน้าหลิงอวี๋ที่มาต่อแถวแทนเจ้านายได้ยินเช่นนั้นก็พูดอย่างดูถูกว่า “ไม่มีใครตั้งกฎว่าห้ามสาวใช้มาต่อแถวให้นี่! ตระกูลเหลยของท่านขัดสนมากจนไม่มีเงินจ้างสาวใช้หรืออย่างไร?”เหลยเหวินโกรธจัดและตะโ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1896

    หลิงอวี๋มิได้ถือโทษผู้รอบรู้และกล่าวว่า “พี่ใหญ่มิต้องกังวลไป กินข้าวกันก่อนเถิด ท่านซื้อตำรับกลั่นโอสถมิได้ก็ช่างมัน ข้ามีที่เรียนแล้ว!”ในขณะที่กำลังกินข้าวหลิงอวี๋ก็เล่าให้ผู้รอบรู้ฟังว่าสำนักศึกษาชิงหลงกำลังรับสมัครบัณฑิตวิชาปรุงโอสถ“วันพรุ่งข้าจะไปลงทะเบียน หากข้าได้ที่หนึ่ง ข้าก็จะได้เรียนวิชาปรุงโอสถโดยมิต้องเสียเงินแม้แต่แดงเดียว!”แต่แม้จะมิได้ที่หนึ่งหลิงอวี๋ก็คิดว่าตนสามารถหาเงินห้าหมื่นอีแปะจากการขายตำรับยาเพียงมิกี่เล่ม นางจึงมิได้เก็บมาใส่ใจ“พี่ใหญ่ ตอนที่ลงทะเบียนมีปรมาจารย์ให้เลือกเรียนด้วยสองคน ข้ามิรู้ว่าควรจะเลือกปรมาจารย์คนไหน วันพรุ่งท่านช่วยไปสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับนิสัยของแต่ละคนให้ข้าหน่อยนะ!”เมื่อผู้รอบรู้ได้ยินว่า นักปรุงโอสถแห่งหอโอสถไป๋เป่าและซ่างกู่จะรับหน้าที่เป็นครู เขาก็พูดโดยมิลังเลว่า “มิจำเป็นต้องไปสอบถามหรอก เลือกครูของหอโอสถซ่างกู่สิ!”“เพราะเหตุใดหรือ?” หลิงอวี๋ถามด้วยความอยากรู้ผู้รอบรู้ยิ้มหยัน “คนของหอโอสถไป๋เป่าเหล่านั้นเป็นพวกยโสชอบดูถูกคนอื่น! เพราะคนที่อยู่เบื้องหลังหอโอสถของพวกเขาคือฮูหยินของเจ้าแห่งทะเลของตระกูลหลงอย่างไรเล่า!”“

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1895

    เมื่อเห็นบรรยากาศที่แสนจะคึกคัก หลิงอวี๋ก็เข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้นนางเห็นประกาศว่า สำนักศึกษาชิงหลงกำลังรับสมัครบัณฑิตในหลายสาย เช่น สายนักปรุงโอสถ สายนักสร้างอาวุธ สายนักทำนายดวงดาว สายนักอัญเชิญ และสายจอมยุทธ์ ขณะที่หลิงอวี๋กำลังอ่านประกาศ นางก็ได้ยินผู้คนรอบ ๆ พูดคุยกันจากบทสนทนาของพวกเขา ทำให้หลิงอวี๋ได้รู้ว่า สำนักศึกษาชิงหลงนั้นอยู่ในการดำเนินงานของราชสำนักซึ่งให้การศึกษาด้านการฝึกฝนในระดับสูงผู้ที่ดำรงตำแหน่งเป็นครูคือปรมาจารย์ที่โดดเด่นในด้านต่าง ๆ หากมีบัณฑิตที่มีความเป็นเลิศประจักษ์แก่สายตาของอาจารย์เหล่านี้ พวกเขาก็สามารถรับเป็นศิษย์และเข้าร่วมกับกองทัพของราชสำนัก หรือสำนักใหญ่ ๆ ได้แดนเทพเปิดกว้างมากเรื่องความแตกต่างระหว่างบุรุษและสตรี สตรีนั้นสามารถเข้ามาร่ำเรียนในสำนักศึกษาและได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับบัณฑิตชายหลิงอวี๋รู้สึกถูกใจในสิ่งที่ได้เห็น การที่ได้ไปร่ำเรียนในสำนักศึกษาเช่นนี้ จะทำให้ตนเข้าใจการปรุงโอสถได้ง่ายขึ้น ดีกว่าลองผิดลองถูกมิใช่หรือ?นางตั้งใจอ่านอีกครั้ง ข้อกำหนดในการลงทะเบียนมิได้เข้มงวดเกินไป และใช้เงินเพียงห้าตำลึงเงินเท่านั้นในการลงทะเบี

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1894

    หลิงอวี๋และผู้รอบรู้ได้มาถึงเมืองหลวงแดนเทพ เหมือนกับที่ผู้รอบรู้บอก เมืองหลวงแดนเทพเต็มไปด้วยโอกาสเพราะที่นี่มีผู้บำเพ็ญตนมากมายและเต็มไปด้วยกลุ่มคนน้อยใหญ่อยู่ทั่วทุกหนแห่งหลิงอวี๋เองก็รู้สึกทึ่งกับความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหลวงแดนเทพ มีร้านค้าอยู่ทั่วทุกมุมและสินค้าที่ขายก็มีความหลากหลายแปลกตาและสวยงามเช่นเดียวกัน ราคาที่อยู่อาศัยในเมืองหลวงแดนเทพก็มีราคาแพงสองวันแรกทั้งสองคนพักที่โรงเตี๊ยมเล็ก ๆ บริเวณชานเมือง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายคืนละห้าสิบตำลึงเงินหลังจากใช้ความพยายามอย่างมาก ในที่สุดผู้รอบรู้ก็ได้ซื้อเรือนเล็ก ๆ ของตรอกเล็กในเมืองที่อยู่ไกลออกไปโดยใช้เงินไปเกือบสามหมื่นนี่เทียบเท่ากับการใช้สมบัติของหลิงอวี๋ไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง ซึ่งทำให้ผู้รอบรู้รู้สึกปวดใจอยู่นานแต่หลิงอวี๋พอใจแล้ว การซื้อเรือนเล็ก ๆ แห่งนี้ได้ในราคาต่ำเช่นนี้ ถือว่าผู้รอบรู้ก็มีความสามารถ มิเช่นนั้น หากดูตามราคาตลาด เรือนแห่งนี้อาจมีราคาสูงถึงห้าหมื่นด้วยซ้ำ“พี่ใหญ่ เงินหมดก็หาใหม่ได้ มิต้องเสียใจไปหรอก พวกเรามีบ้านแล้วก็สามารถหาอาชีพทำมาหากินได้”หลิงอวี๋พูดปลอบอีกฝ่ายด้วยความมั่นใจเรือนเล็กนี้รวมห

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status