“เกิดเรื่องกราบทูล สิ้นเรื่องออกราชสำนัก…”ณ ตำหนักกระดิ่งทองขันทีเซี่ยโค้งคารวะตามธรรมเนียมเหล่าขุนนางน้อยใหญ่ทั้งบุ๋นและบู๊ก้มหน้าก้มตา รอขันทีเซี่ยออกราชสำนักเงียบงันพลางคิดจากไปทันใดแต่มีบางคนสัมผัสเฉียบแหลม กลับแอบมองชุดฉลองพระองค์สีม่วงเข้มบนร่างเซียวหลินเทียนที่นั่งตัวตรงอยู่เก้าอี้ล้อหลังจากสองขาท่านอ๋องอี้พิการ ท่านอ๋องอี้ก็ไม่เคยขึ้นราชสำนักเลยวันนี้ลมอะไรพัดเขามาเล่า?หรือว่าฝ่าบาททรงประสงค์ใช้ท่านอ๋องอี้แล้ว?“ฝ่าบาท กระหม่อมมีสาส์นกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ!”หลี่ว์เซียงสูดหายใจลึก ๆ พลางก้าวยาวออกแถว“เสด็จพ่อ กระหม่อมมีสาส์นกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนก็ด่วนออกแถวตามทันใดนั้นเหล่าขุนนางน้อยใหญ่ทั้งบุ๋นและบู๊เกิดความวุ่นวายพลางกระซิบกระซาบ“เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”“เหตุใดหลี่ว์เซียงกับท่านอ๋องอี้ยื่นสาส์นกราบทูลร่วมกัน?”“หรือว่าหลี่ว์เซียงหมายร่วมกับท่านอ๋องอี้?”“ลือว่าพระชายาอ๋องอี้รับปากไปรักษาฮูหยินใหญ่หลี่ว์ ผลสุดท้ายกลับแค่พลั้งปาก! หรือว่าหลี่ว์เซียงใจแค้นเคืองต่อท่านอ๋องอี้เพราะเหตุนี้?”เดิมทีเป็นเพราะท่านอ๋องเฉิงตื่นแต่เช้า ต่อมาสองตาเลยปิดงีบหล
สาส์นกราบทูลของหลี่ว์เซียงทรงพลังกว่าเซียวหลินเทียนมากนักเริ่มแรกจักรพรรดิอู่อันอ่านคราเดียวสิบบรรทัด ทว่าเมื่อเห็นการสร้างอาวุธเถื่อนที่เหมือง สีหน้าจักรพรรดิอู่อันพลันมืดครึ้มสร้างอาวุธเถื่อน?นอกจากเจตนาสุมหัวก่อกบฏ ยังจะมีประโยชน์อันใด?ความเร็วการอ่านของจักรพรรดิอู่อันช้าลง อ่านไปสมองก็ปั่นป่วนเร็วรี่เซียวหลินเยี่ยนองค์ชายเว่ยลอบดูสีหน้าจักรพรรดิอู่อันอย่างอกสั่นขวัญแขวน ขัดแค้นหลี่ว์เซียงกับเซียวหลินเทียนภายในใจ!แต่เขามิกล้าออกอาการ!ที่ปรึกษาของเซียวหลินเยี่ยน หานหลินวิเคราะห์เรื่องทั้งหมดอย่างถี่ถ้วนให้เขาแล้วเซียวหลินเทียน แม่ทัพเฉินกับอันเจ๋อรู้เรื่องราวที่เหมืองหมดแล้ว เห็นชัดว่าเก็บงำเรื่องนี้มิได้อีกต่อไป!เรื่องสำคัญเร่งด่วนมีแต่คน นักรบผู้กล้าตัดข้อมือ(1) เสียเรือเพื่อรักษาขุน!โยนให้แม่ทัพหลูเป็นแพะรับบาป ขัดขวางหลี่ว์เซียงกับเซียวหลินเทียนสืบสวนต่อ!ขุนนางน้อยใหญ่ทั้งบุ๋นและบู๊ข้างล่างก็รู้สึกถึงการผกผันของอารมณ์จักรพรรดิอู่อัน ทุกคนเกิดความประหวั่นคาดเดาในใจว่าครานี้ผู้ใดจะดวงซวย!ภายใต้ความเงียบสงัดในพระที่นั่งได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มหล่นในที่สุดจ
มีจิตใจระแวงแล้ว จักรพรรดิอู่อันมองเหล่าองค์ชายเหมือนคนที่มีเจตนาร้ายอยู่ในใจเขาจะวางใจมอบคดีสำคัญขนาดนี้ให้พวกเขาได้อย่างไร!สีหน้าจักรพรรดิอู่อันมืดครึ้มไม่กล่าวคำ ขุนนางน้อยใหญ่ทั้งบุ๋นและบู๊ข้างล่างก็ยิ่งมิกล้าแทรกเอ่ยเซียวหลินเทียนรู้ว่าพฤติกรรมตนมิเหมาะสม แต่เคยพูดกับอันเจ๋อก่อนหน้าว่าเขาจะไม่เป็นอ๋องไร้ประโยชน์อีกต่อไป!เหตุการณ์คดีนี้ทั้งหลิงอวี๋หายตัวไปกับเหมืองแร่ก็ทำให้เซียวหลินเทียนรู้เหมือนกันว่า หากเขาไม่ปลูกฝังอิทธิพลตัวเอง เขากับพี่น้องของตนยังมีคนของตำหนักอ๋องอี้จะทำได้แค่ปล่อยคนให้โดนกดขี่!ภายใต้การรักษาของหลิงอวี๋สองขาของเซียวหลินเทียนทุเลาแล้ว ไม่ช้าก็เร็วเขาจะทิ้งเก้าอี้ล้อกับไม้เท้าแล้วลุกยืนขึ้นเขาต้องวางแผนกลยุทธ์ในกระโจมค่าย(2)เพื่อตนเองในอนาคตแล้ว!ครั้นเห็นเสด็จพ่อมีใจระแวง เซียวหลินเทียนเลยไม่ก้าวอีกขึ้น ทำเพียงคอยโอกาสที่เหมาะสมค่อยกล่าวอีกหลี่ว์เซียงเข้าใจจักรพรรดิอู่อันอย่างยิ่ง เมื่อเห็นเขากำลังไตร่ตรองไม่กล่าวคำก็กล่าวว่า“ฝ่าบาท บรรดาองค์ชายต่างยินดีแบกรับหน้าที่ใหญ่ยิ่ง ขจัดภยันตรายแบ่งเบาความทุกข์เพื่อพระองค์ นี่คือวาสนาของพระองค์พ่ะย่ะ
เซียวหลินเทียนใจสั่นขึ้นมา เขาเงยหน้าขึ้น ส่งสัญญาณให้ลู่หนานเข็นตนเองเข้าไปขันทีเซี่ยเดินไปที่ศาลาในสวนด้วย เขาเอ่ยยิ้ม ๆ“เมื่อวานกระหม่อมคุยกับไทเฮา ยังเอ่ยถึงเรื่องที่พระชายาอ๋องอี้ช่วยชีวิตนางกำนัลผู้นั้นไว้อยู่เลย มิทราบว่าร่างกายนางกลับมาแข็งแรงแล้วหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”เซียวหลินเทียนก็นึกถึงตอนนั้นที่หลิงซวนได้รับบาดเจ็บ และท่าทีแปลก ๆ ของขันทีเซี่ยเซียวหลินเทียนจึงเอ่ยหยั่งเชิง “เจ้าหมายถึงหลิงซวนผู้นั้น! นางแข็งแรงดีแล้ว แต่ได้รับบาดเจ็บอีกเล็กน้อย”“หืม เกิดกระไรขึ้นอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ขันทีเซี่ยใจบีบแน่น พลางเอ่ยถามอย่างกังวลทันทีที่เซียวหลินเทียนเห็นขันทีเซี่ยห่วงใยหลิงซวนเช่นนี้ ก็ยิ่งรู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนไม่ธรรมดาเขาเล่าเรื่องที่หลิงอวี๋ถูกหลอก และเอ่ยในตอนสุดท้าย“ดีที่หลิงซวนกระโดดลงจากรถม้าได้ทันเวลา แต่มีรอยขีดข่วนที่ผิวหนังเล็กน้อย รักษาสองวันก็ไม่เป็นไรแล้ว!”ได้ฟังเช่นนั้นขันทีเซี่ยก็ถอนหายใจโล่งอก เขาแย้มรอยยิ้มเพื่อปกปิดความกังวลของตนเองเมื่อครู่พลางเอ่ย“เมืองหลวงมีเรื่องที่เป็นการหลอกลวงเช่นนี้ เราจะต้องตรวจสอบกันให้เข้มงวด!”“พระชา
เซียวหลินเทียนเอ่ยไปตรง ๆ อย่างใจร้าย“เสด็จพ่อ กระหม่อมเพิ่งจะเป็นฝ่ายขอเป็นตัวตั้งตัวตีในการสอบสวนคดีเหมืองแร่ กระหม่อมมิอยากไร้ประโยชน์เช่นนี้อีกต่อไปแล้ว!”“เสด็จพ่อคงมิทราบ ไอ้นายทหารเฉาผู้นั้นกล้าเฆี่ยนตีหลิงอวี๋! กระหม่อมทนมิไหวแล้ว!”จักรพรรดิอู่อันค่อย ๆ หันกลับมามองเซียวหลินเทียน“เจ้าอยากจะสอบสวนคดีนี้เพราะหลิงอวี๋ถูกเฆี่ยนตีหรือ?”“พะย่ะค่ะ! เสด็จพ่อรู้จักนิสัยของกระหม่อมดี แม้ว่าขาทั้งสองของกระหม่อมจะพิการไปแล้ว ถึงกระนั้นก็ยังเป็นลูกของเสด็จพ่อ!”“และมีศักดิ์ศรีของความเป็นลูกผู้ชาย!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยว “มีคนมาเฆี่ยนตีพระชายาของตน หากเปลี่ยนเป็นเสด็จพ่อ จะสามารถทนอยู่ได้หรือพ่ะย่ะค่ะ?”“กระหม่อมถูกคนอื่นพูดกันว่าไร้ประโยชน์แล้ว หญิงของตนยังถูกเฆี่ยนตี จะยังอดทนรับอยู่ได้หรือ?”“หากเป็นเช่นนั้นไม่ใช่แค่กระหม่อมที่เสียหน้า เสด็จพ่อก็จะเสียหน้าไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนเอ่ยด้วยความตื่นเต้นดูน่าฟัง“กระหม่อมเพียงแค่อยากจะพิสูจน์ว่า กระหม่อมมิใช่คนไร้ประโยชน์ กระหม่อมยังสามารถช่วยเสด็จพ่อทำงานได้!”“หากท่านแม่ยังมีชีวิตอยู่ นางก็คงมิอยากเห็นกระ
“หลิงอวี๋ หุบปากซะ!”ทันทีที่เซียวหลินเทียนได้ยินว่าหลิงอวี๋คิดการกบฏอีกครั้ง ทั้งยังพูดจาโอหังด้วย จึงเอ่ยห้ามไว้อย่างเด็ดขาด“หึ ทำได้ลงคอ ยังจะกลัวผู้อื่นพูดอีกหรือ?”แม้ว่าหลิงอวี๋จะโกรธ แต่นางก็ยังคงลดเสียงลง พลางเอ่ยถาม“มันเกี่ยวกับผู้ใดกันแน่? องค์จักรพรรดิถึงได้มิให้สอบสวน?”“เสด็จพ่อมิได้บอกว่ามิให้สอบสวน เขาตกลงที่จะสอบสวนแล้ว!”“ทั้งยังส่งหลี่ว์เซียงกับท่านอ๋องเฉิงให้ยกพลไปจับกุมพวกตระกูลอู๋กับแม่ทัพหลูด้วย!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างใจเย็น “ต่อไปเจ้าก็ระวังคำพูดด้วย อย่าได้เอะอะกระไรก็เอ่ยคำพูดคิดการกบฏ!”“หากเจ้าจักรนหาที่ตาย ก็อย่าดึงพวกเราเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย!”ทันทีที่หลิงอวี๋ได้ยินว่าหลี่ว์เซียงกับท่านอ๋องเฉิงยกพลไปแล้วก็พลันโล่งอก ตนเข้าใจผิดแล้ว!ยอมสอบสวนก็ดี!นางวางใจในความประพฤติของหลี่ว์เซียงกับท่านอ๋องเฉิงว่าอย่างน้อยก็สามารถให้ความยุติธรรมแก่พวกจางเหมยได้!“เช่นนั้นเหตุใดท่านถึงไม่สบายพระทัยเล่า?”หลิงอวี๋นึกถึงเรื่องที่ลู่หนานบอกว่าเซียวหลินเทียนอารมณ์ไม่ดี ก็เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง“เสด็จพ่อของท่านตำหนิว่าท่านเข้าไปจุ้นจ้านหรือ?”เซียวหลินเทียนส่าย
เซียวหลินเทียนได้ยินก็รู้ทันทีว่าหลิงอวี๋มองใจความสำคัญในนั้นออกแล้วเขามองหลิงอวี๋อย่างประหลาดใจ ยิ่งนานวันก็ยิ่งรู้สึกว่านางผู้นี้ฉลาดยิ่งเมื่อคืนที่คฤหาสน์ของหลี่ว์เซียง ยามนั้นเซียวหลินเทียนยังคิดอยู่เลยว่าจะโน้มน้าวหลี่ว์เซียงได้เยี่ยงไร ไหนเลยจะรู้ว่าตนไม่จำเป็นต้องออกหน้าด้วยซ้ำวาทศิลป์ที่ฮึกเหิมของหลิงอวี๋พอเอ่ยออกมาก็โน้มน้าวหลี่ว์เซียงได้แล้วครานั้นเซียวหลินเทียนฟังอยู่ข้าง ๆ ก็รู้สึกเลือดพล่านฮึกเหิมขึ้นมาเพราะคำพูดของหลิงอวี๋เช่นกันเขาไม่มีทางจะจินตนาการได้เลยว่า หลิงอวี๋คนเมื่อก่อนที่รู้จักแค่กินดื่มและเล่นสนุกสนานไปวัน ๆ นั้น พอจริงจังขึ้นมาก็เป็นห่วงแคว้นและประชาชนเช่นกัน!ยามนั้นเซียวหลินเทียนเองก็คิดว่า หากหลิงอวี๋เป็นผู้ชาย จะต้องเป็นผู้บัญชาการทหารท่านหนึ่งแน่นอน!วาทศิลป์นี้ ไม่มีผู้ใดเทียบได้เลย!ขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้น ความหดหู่ใจก็ออกมาโดยไม่รู้ตัว“หลังจากนั้นเสด็จพ่อมาพบข้าตามลำพังที่ศาลาในสวน และเห็นด้วยที่ข้าจะเข้าไปทำงานในราชสำนักอีกครั้ง!”“เช่นนั้นก็ดีเลย!” หลิงอวี๋ดีใจแทนเซียวหลินเทียน“ไม่ช้าก็เร็วท่านก็จะยืนได้ เข้าไปทำงานในราชสำนักเร็วส
“จักเข้ามาเหตุใดมิเคาะประตูเล่า!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างโกรธ ๆ เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นชิวเหวินซวงความบูดบึ้งบนใบหน้าของเซียวหลินเทียนยังคงไม่ลดลง พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา“เหวินซวง คราวหลังจะเข้ามาก็อย่าลืมเคาะประตูด้วย!”“ท่านอ๋อง... พระชายาอ๋องอี้ก็อยู่หรือเจ้าคะ!”ชิวเหวินซวงหน้าแดง พลางเอ่ยอย่างรวดเร็ว“หม่อมฉันขอประทานอภัย เหวินซวงเสียมารยาท! ต่อไปหม่อมฉันจะจำไว้ว่าต้องเคาะประตูเพคะ!”“หม่อมฉัน… ประเดี๋ยวหม่อมฉันจะกลับมาใหม่เพคะ!”แม้ว่านางจะบอกเช่นนี้ แต่เท้ากลับไม่ขยับแม้แต่น้อย นางถือสำรับอาหารไม่รู้ว่าควรจะเดินหน้าเข้าไปหรือถอยดีหลิงอวี๋ถูกเซียวหลินเทียนกดลงบนหน้าอกของเขา นางได้กลิ่นอำพันทะเลจาง ๆ บนร่างกายของเซียวหลินเทียนเลยทีเดียวนางได้ยินว่า แม่ดอกบัวขาว(1)ชิวเหวินซวงมา!แม้ว่าจะไม่รู้ว่าเหตุใดเซียวหลินเทียนถึงต้องเล่นละครกับตนก็ตาม!แต่เมื่อนึกถึงที่ชิวเหวินซวงหลงใหลเซียวหลินเทียนมาโดยตลอด หลิงอวี๋ก็อยากจะแกล้งขึ้นมานางจงใจบิดเอว พลางเอ่ยเสียงรำคาญใจ“ท่านอ๋อง ให้นางไปสิเพคะ! ไม่เคยเห็นนางรับใช้ที่ไม่เข้าใจกฎเกณฑ์เช่นนี้มาก่อนเลย มีอย่างที่ไหนเข้ามาในห้อง