หลี่ว์เซียงไม่อยากฟังอีกต่อไปพลางลุกขึ้นยืนตรงกล่าวว่า“พระชายาอ๋องอี้ ท่านอ๋องอี้ ดึกดื่นแล้ว พวกท่านควรกลับไปพักผ่อน!”“ท่านพ่อ อย่ารีบขอรับ! น้องหลิงยังพูดไม่จบเลย!”ความอยากรู้อยากเห็นของหลี่ว์จงเจ๋อปะทุขึ้นพลางกล่าวเร่ง “น้องหลิง ข้าทายถูกหรือไม่?”หลิงอวี๋มองหลี่ว์เซียงหมายถอนตัวกลางคัน ไฉนจะปล่อยเขาสมหวังเล่า!นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของตนคนเดียว!นี่เกี่ยวข้องถึงตำหนักอ๋องอี้และประชาชนมากมายที่ร้องทุกข์ไม่ได้ในหมู่บ้านเยี่ยนเจียง ความเป็นความตายมีค่าเท่ากัน!หลิงอวี๋ไม่ให้โอกาสหลี่ว์เซียงเปิดปากไล่อีก พลันกล่าวในพรวดเดียว“มิใช่ชุดฉลองพระองค์!”“เป็นศพ!”“ทั้งหลุมแร่เต็มไปด้วยศพกระดูกขาวกองแน่นขนัดหลุม!”“ทหารจูพูดว่าตอนที่เขาไปเหมืองก็มีกองกระดูกขาวมหาศาลในบ่อแร่อยู่แล้ว! เขาเพิ่งผ่านไปครึ่งปีร่างเพิ่มขึ้นเจ็ดสิบแปดศพ!”“พี่ใหญ่หลี่ว์ พวกเขาคือราษฎรของฉินตะวันตก แม้ด้านในจะมีนักโทษประหารชีวิต แต่ก็คือคนเป็น ๆ ทั้งนั้นเลย!”หลิงอวี๋นึกถึงฉากน่าสะพรึงนั้นก็เคืองขึ้น“ชายผู้หนึ่งคือเสาหลักครอบครัวหนึ่ง! ซากกระดูกมหาศาลนั่นสื่อว่าครอบครัวกว่าร้อยสูญเสียเสาหลักไป!”“สามีขอ
“เกิดเรื่องกราบทูล สิ้นเรื่องออกราชสำนัก…”ณ ตำหนักกระดิ่งทองขันทีเซี่ยโค้งคารวะตามธรรมเนียมเหล่าขุนนางน้อยใหญ่ทั้งบุ๋นและบู๊ก้มหน้าก้มตา รอขันทีเซี่ยออกราชสำนักเงียบงันพลางคิดจากไปทันใดแต่มีบางคนสัมผัสเฉียบแหลม กลับแอบมองชุดฉลองพระองค์สีม่วงเข้มบนร่างเซียวหลินเทียนที่นั่งตัวตรงอยู่เก้าอี้ล้อหลังจากสองขาท่านอ๋องอี้พิการ ท่านอ๋องอี้ก็ไม่เคยขึ้นราชสำนักเลยวันนี้ลมอะไรพัดเขามาเล่า?หรือว่าฝ่าบาททรงประสงค์ใช้ท่านอ๋องอี้แล้ว?“ฝ่าบาท กระหม่อมมีสาส์นกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ!”หลี่ว์เซียงสูดหายใจลึก ๆ พลางก้าวยาวออกแถว“เสด็จพ่อ กระหม่อมมีสาส์นกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนก็ด่วนออกแถวตามทันใดนั้นเหล่าขุนนางน้อยใหญ่ทั้งบุ๋นและบู๊เกิดความวุ่นวายพลางกระซิบกระซาบ“เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”“เหตุใดหลี่ว์เซียงกับท่านอ๋องอี้ยื่นสาส์นกราบทูลร่วมกัน?”“หรือว่าหลี่ว์เซียงหมายร่วมกับท่านอ๋องอี้?”“ลือว่าพระชายาอ๋องอี้รับปากไปรักษาฮูหยินใหญ่หลี่ว์ ผลสุดท้ายกลับแค่พลั้งปาก! หรือว่าหลี่ว์เซียงใจแค้นเคืองต่อท่านอ๋องอี้เพราะเหตุนี้?”เดิมทีเป็นเพราะท่านอ๋องเฉิงตื่นแต่เช้า ต่อมาสองตาเลยปิดงีบหล
สาส์นกราบทูลของหลี่ว์เซียงทรงพลังกว่าเซียวหลินเทียนมากนักเริ่มแรกจักรพรรดิอู่อันอ่านคราเดียวสิบบรรทัด ทว่าเมื่อเห็นการสร้างอาวุธเถื่อนที่เหมือง สีหน้าจักรพรรดิอู่อันพลันมืดครึ้มสร้างอาวุธเถื่อน?นอกจากเจตนาสุมหัวก่อกบฏ ยังจะมีประโยชน์อันใด?ความเร็วการอ่านของจักรพรรดิอู่อันช้าลง อ่านไปสมองก็ปั่นป่วนเร็วรี่เซียวหลินเยี่ยนองค์ชายเว่ยลอบดูสีหน้าจักรพรรดิอู่อันอย่างอกสั่นขวัญแขวน ขัดแค้นหลี่ว์เซียงกับเซียวหลินเทียนภายในใจ!แต่เขามิกล้าออกอาการ!ที่ปรึกษาของเซียวหลินเยี่ยน หานหลินวิเคราะห์เรื่องทั้งหมดอย่างถี่ถ้วนให้เขาแล้วเซียวหลินเทียน แม่ทัพเฉินกับอันเจ๋อรู้เรื่องราวที่เหมืองหมดแล้ว เห็นชัดว่าเก็บงำเรื่องนี้มิได้อีกต่อไป!เรื่องสำคัญเร่งด่วนมีแต่คน นักรบผู้กล้าตัดข้อมือ(1) เสียเรือเพื่อรักษาขุน!โยนให้แม่ทัพหลูเป็นแพะรับบาป ขัดขวางหลี่ว์เซียงกับเซียวหลินเทียนสืบสวนต่อ!ขุนนางน้อยใหญ่ทั้งบุ๋นและบู๊ข้างล่างก็รู้สึกถึงการผกผันของอารมณ์จักรพรรดิอู่อัน ทุกคนเกิดความประหวั่นคาดเดาในใจว่าครานี้ผู้ใดจะดวงซวย!ภายใต้ความเงียบสงัดในพระที่นั่งได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มหล่นในที่สุดจ
มีจิตใจระแวงแล้ว จักรพรรดิอู่อันมองเหล่าองค์ชายเหมือนคนที่มีเจตนาร้ายอยู่ในใจเขาจะวางใจมอบคดีสำคัญขนาดนี้ให้พวกเขาได้อย่างไร!สีหน้าจักรพรรดิอู่อันมืดครึ้มไม่กล่าวคำ ขุนนางน้อยใหญ่ทั้งบุ๋นและบู๊ข้างล่างก็ยิ่งมิกล้าแทรกเอ่ยเซียวหลินเทียนรู้ว่าพฤติกรรมตนมิเหมาะสม แต่เคยพูดกับอันเจ๋อก่อนหน้าว่าเขาจะไม่เป็นอ๋องไร้ประโยชน์อีกต่อไป!เหตุการณ์คดีนี้ทั้งหลิงอวี๋หายตัวไปกับเหมืองแร่ก็ทำให้เซียวหลินเทียนรู้เหมือนกันว่า หากเขาไม่ปลูกฝังอิทธิพลตัวเอง เขากับพี่น้องของตนยังมีคนของตำหนักอ๋องอี้จะทำได้แค่ปล่อยคนให้โดนกดขี่!ภายใต้การรักษาของหลิงอวี๋สองขาของเซียวหลินเทียนทุเลาแล้ว ไม่ช้าก็เร็วเขาจะทิ้งเก้าอี้ล้อกับไม้เท้าแล้วลุกยืนขึ้นเขาต้องวางแผนกลยุทธ์ในกระโจมค่าย(2)เพื่อตนเองในอนาคตแล้ว!ครั้นเห็นเสด็จพ่อมีใจระแวง เซียวหลินเทียนเลยไม่ก้าวอีกขึ้น ทำเพียงคอยโอกาสที่เหมาะสมค่อยกล่าวอีกหลี่ว์เซียงเข้าใจจักรพรรดิอู่อันอย่างยิ่ง เมื่อเห็นเขากำลังไตร่ตรองไม่กล่าวคำก็กล่าวว่า“ฝ่าบาท บรรดาองค์ชายต่างยินดีแบกรับหน้าที่ใหญ่ยิ่ง ขจัดภยันตรายแบ่งเบาความทุกข์เพื่อพระองค์ นี่คือวาสนาของพระองค์พ่ะย่ะ
เซียวหลินเทียนใจสั่นขึ้นมา เขาเงยหน้าขึ้น ส่งสัญญาณให้ลู่หนานเข็นตนเองเข้าไปขันทีเซี่ยเดินไปที่ศาลาในสวนด้วย เขาเอ่ยยิ้ม ๆ“เมื่อวานกระหม่อมคุยกับไทเฮา ยังเอ่ยถึงเรื่องที่พระชายาอ๋องอี้ช่วยชีวิตนางกำนัลผู้นั้นไว้อยู่เลย มิทราบว่าร่างกายนางกลับมาแข็งแรงแล้วหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”เซียวหลินเทียนก็นึกถึงตอนนั้นที่หลิงซวนได้รับบาดเจ็บ และท่าทีแปลก ๆ ของขันทีเซี่ยเซียวหลินเทียนจึงเอ่ยหยั่งเชิง “เจ้าหมายถึงหลิงซวนผู้นั้น! นางแข็งแรงดีแล้ว แต่ได้รับบาดเจ็บอีกเล็กน้อย”“หืม เกิดกระไรขึ้นอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ขันทีเซี่ยใจบีบแน่น พลางเอ่ยถามอย่างกังวลทันทีที่เซียวหลินเทียนเห็นขันทีเซี่ยห่วงใยหลิงซวนเช่นนี้ ก็ยิ่งรู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนไม่ธรรมดาเขาเล่าเรื่องที่หลิงอวี๋ถูกหลอก และเอ่ยในตอนสุดท้าย“ดีที่หลิงซวนกระโดดลงจากรถม้าได้ทันเวลา แต่มีรอยขีดข่วนที่ผิวหนังเล็กน้อย รักษาสองวันก็ไม่เป็นไรแล้ว!”ได้ฟังเช่นนั้นขันทีเซี่ยก็ถอนหายใจโล่งอก เขาแย้มรอยยิ้มเพื่อปกปิดความกังวลของตนเองเมื่อครู่พลางเอ่ย“เมืองหลวงมีเรื่องที่เป็นการหลอกลวงเช่นนี้ เราจะต้องตรวจสอบกันให้เข้มงวด!”“พระชา
เซียวหลินเทียนเอ่ยไปตรง ๆ อย่างใจร้าย“เสด็จพ่อ กระหม่อมเพิ่งจะเป็นฝ่ายขอเป็นตัวตั้งตัวตีในการสอบสวนคดีเหมืองแร่ กระหม่อมมิอยากไร้ประโยชน์เช่นนี้อีกต่อไปแล้ว!”“เสด็จพ่อคงมิทราบ ไอ้นายทหารเฉาผู้นั้นกล้าเฆี่ยนตีหลิงอวี๋! กระหม่อมทนมิไหวแล้ว!”จักรพรรดิอู่อันค่อย ๆ หันกลับมามองเซียวหลินเทียน“เจ้าอยากจะสอบสวนคดีนี้เพราะหลิงอวี๋ถูกเฆี่ยนตีหรือ?”“พะย่ะค่ะ! เสด็จพ่อรู้จักนิสัยของกระหม่อมดี แม้ว่าขาทั้งสองของกระหม่อมจะพิการไปแล้ว ถึงกระนั้นก็ยังเป็นลูกของเสด็จพ่อ!”“และมีศักดิ์ศรีของความเป็นลูกผู้ชาย!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยว “มีคนมาเฆี่ยนตีพระชายาของตน หากเปลี่ยนเป็นเสด็จพ่อ จะสามารถทนอยู่ได้หรือพ่ะย่ะค่ะ?”“กระหม่อมถูกคนอื่นพูดกันว่าไร้ประโยชน์แล้ว หญิงของตนยังถูกเฆี่ยนตี จะยังอดทนรับอยู่ได้หรือ?”“หากเป็นเช่นนั้นไม่ใช่แค่กระหม่อมที่เสียหน้า เสด็จพ่อก็จะเสียหน้าไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนเอ่ยด้วยความตื่นเต้นดูน่าฟัง“กระหม่อมเพียงแค่อยากจะพิสูจน์ว่า กระหม่อมมิใช่คนไร้ประโยชน์ กระหม่อมยังสามารถช่วยเสด็จพ่อทำงานได้!”“หากท่านแม่ยังมีชีวิตอยู่ นางก็คงมิอยากเห็นกระ
“หลิงอวี๋ หุบปากซะ!”ทันทีที่เซียวหลินเทียนได้ยินว่าหลิงอวี๋คิดการกบฏอีกครั้ง ทั้งยังพูดจาโอหังด้วย จึงเอ่ยห้ามไว้อย่างเด็ดขาด“หึ ทำได้ลงคอ ยังจะกลัวผู้อื่นพูดอีกหรือ?”แม้ว่าหลิงอวี๋จะโกรธ แต่นางก็ยังคงลดเสียงลง พลางเอ่ยถาม“มันเกี่ยวกับผู้ใดกันแน่? องค์จักรพรรดิถึงได้มิให้สอบสวน?”“เสด็จพ่อมิได้บอกว่ามิให้สอบสวน เขาตกลงที่จะสอบสวนแล้ว!”“ทั้งยังส่งหลี่ว์เซียงกับท่านอ๋องเฉิงให้ยกพลไปจับกุมพวกตระกูลอู๋กับแม่ทัพหลูด้วย!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างใจเย็น “ต่อไปเจ้าก็ระวังคำพูดด้วย อย่าได้เอะอะกระไรก็เอ่ยคำพูดคิดการกบฏ!”“หากเจ้าจักรนหาที่ตาย ก็อย่าดึงพวกเราเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย!”ทันทีที่หลิงอวี๋ได้ยินว่าหลี่ว์เซียงกับท่านอ๋องเฉิงยกพลไปแล้วก็พลันโล่งอก ตนเข้าใจผิดแล้ว!ยอมสอบสวนก็ดี!นางวางใจในความประพฤติของหลี่ว์เซียงกับท่านอ๋องเฉิงว่าอย่างน้อยก็สามารถให้ความยุติธรรมแก่พวกจางเหมยได้!“เช่นนั้นเหตุใดท่านถึงไม่สบายพระทัยเล่า?”หลิงอวี๋นึกถึงเรื่องที่ลู่หนานบอกว่าเซียวหลินเทียนอารมณ์ไม่ดี ก็เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง“เสด็จพ่อของท่านตำหนิว่าท่านเข้าไปจุ้นจ้านหรือ?”เซียวหลินเทียนส่าย
เซียวหลินเทียนได้ยินก็รู้ทันทีว่าหลิงอวี๋มองใจความสำคัญในนั้นออกแล้วเขามองหลิงอวี๋อย่างประหลาดใจ ยิ่งนานวันก็ยิ่งรู้สึกว่านางผู้นี้ฉลาดยิ่งเมื่อคืนที่คฤหาสน์ของหลี่ว์เซียง ยามนั้นเซียวหลินเทียนยังคิดอยู่เลยว่าจะโน้มน้าวหลี่ว์เซียงได้เยี่ยงไร ไหนเลยจะรู้ว่าตนไม่จำเป็นต้องออกหน้าด้วยซ้ำวาทศิลป์ที่ฮึกเหิมของหลิงอวี๋พอเอ่ยออกมาก็โน้มน้าวหลี่ว์เซียงได้แล้วครานั้นเซียวหลินเทียนฟังอยู่ข้าง ๆ ก็รู้สึกเลือดพล่านฮึกเหิมขึ้นมาเพราะคำพูดของหลิงอวี๋เช่นกันเขาไม่มีทางจะจินตนาการได้เลยว่า หลิงอวี๋คนเมื่อก่อนที่รู้จักแค่กินดื่มและเล่นสนุกสนานไปวัน ๆ นั้น พอจริงจังขึ้นมาก็เป็นห่วงแคว้นและประชาชนเช่นกัน!ยามนั้นเซียวหลินเทียนเองก็คิดว่า หากหลิงอวี๋เป็นผู้ชาย จะต้องเป็นผู้บัญชาการทหารท่านหนึ่งแน่นอน!วาทศิลป์นี้ ไม่มีผู้ใดเทียบได้เลย!ขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้น ความหดหู่ใจก็ออกมาโดยไม่รู้ตัว“หลังจากนั้นเสด็จพ่อมาพบข้าตามลำพังที่ศาลาในสวน และเห็นด้วยที่ข้าจะเข้าไปทำงานในราชสำนักอีกครั้ง!”“เช่นนั้นก็ดีเลย!” หลิงอวี๋ดีใจแทนเซียวหลินเทียน“ไม่ช้าก็เร็วท่านก็จะยืนได้ เข้าไปทำงานในราชสำนักเร็วส
จ้าวฮุยได้ยินคำสั่งนี้ก็ตะลึงไปทันที ถึงจะเป็นในความฝันเขาก็มิคาดคิดว่าเซียวหลินเทียนจะส่งตนออกไปแคว้นพันและแคว้นเฉิงนี้อยู่ห่างจากเมืองหลวงไปหลายพันลี้ การเดินทางไปกลับนั้นอย่าว่าแต่ห่างไกลและลำบากเลย หากไม่มีตนอยู่คอยช่วยองค์ชายคังอยู่ที่เมืองหลวง กระทั่งตนไปกลับใช้เวลาหลายเดือนนี้ สถานการณ์ในราชสำนักจะเป็นอย่างไรเล่า?“ฝ่าบาท...”จ้าวฮุยรู้สึกสับสนวุ่นวายในทันที หากเขาอ้างว่าป่วยมิไป เซียวหลินเทียนเองก็มิอาจบังคับให้ตนไปได้ทว่าเซียวหลินเทียนอาจจะใช้เรื่องที่ตนอ้างว่าป่วยมาบีบให้ตนพักผ่อนและถือโอกาสผลักตนออกไปได้และเพียงชั่วครู่ จ้าวฮุยก็ได้ทำการตัดสินใจเขาก้าวออกไปเอ่ยเสียงเรียบ “การผลักดันห่วงโซ่อุตสาหกรรมวัวนมเป็นเรื่องดีที่เป็นประโยชน์ต่อแคว้นและราษฎร ฝ่าบาทมอบหมายเรื่องสำคัญเช่นนี้ให้กระหม่อมทำ กระหม่อมก็จะตั้งใจทำงานนี้อย่างดีเพื่อฝ่าบาท ให้สมกับความไว้วางพระทัยของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”“กระหม่อมรับพระบัญชา!”องค์ชายคังได้ยินดังนั้นก็รู้สึกกังวลมาก นี่เซียวหลินเทียนกำลังตัดกำลังของตนให้อ่อนแอลงทีละขั้น!จ้าวฮุยรับปากว่าจะไป เหตุใดจึงได้โง่เช่นนี้!“ฝ่าบาท อัครเสนาบดีจ้าว
องค์ชายคังถูกกดอยู่ก็พยายามใช้ลิ้นดันออกออกมาอย่างหวาดกลัว แต่มินานยาก็ละลายอยู่ในปากของเขาองค์ชายคังค่อนข้างงุนงง เขาเห็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ยโน้มตัวลงมาหาตน แล้วสายตาของนางก็มีแสงที่ดูประหลาด“ข้าเป็นเจ้านายของเจ้า ข้าพูดอะไรเจ้าต้องทำตามนั้น! พูดตาม!”องค์ชายคังมองแสงหลากหลายที่เคลื่อนไหวอยู่ตรงหน้าของตนอย่างหลงใหลแล้วเขาก็เอ่ยราวกับเครื่องกล “ท่านเป็นเจ้านายของข้า ท่านพูดอะไรข้าต้องทำตามนั้น!”“ดีมาก!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยกเท้าออกอย่างพอใจแล้วพยุงเขาขึ้นมา“องครักษ์เหล่านั้นมิเคารพข้า โบยทุกคนคนละสามสิบไม้!”องค์ชายคังหมุนตัวราวกับเครื่องกลเดินไปที่ประตูแล้วตะโกนออกไป “ใครก็ได้ เอาตัวพวกเขาไปที พวกเขามิให้ความเคารพต่อพระชายา ให้โบยคนละสามสิบไม้!”องครักษ์ของตำหนักองค์ชายคังพากันวิ่งเข้ามา แม้ว่าจะแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปขององค์ชายคัง แต่ก็ลากตัวองครักษ์ที่หมดสติเหล่านั้นออกไปโบยหนานฮุ่ยกับสุ่ยเหอผู้เป็นนางรับใช้ข้างกายของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเห็นภาพนั้นก็มิได้ประทับใจแม้แต่น้อย“คุณหนู น่าเสียดายที่ครานี้จับหลิงอวี๋มิได้ มิเช่นนั้นคุณหนูก็คงจะบรรลุฝ่าดินแดนที่เจ็ดไปได้อย่างราบรื่นแล้ว
เซียวหลินเทียนได้เติมเต็มความปรารถนาและได้กอดคนงาม แต่องค์ชายคังแห่งตำหนักองค์ชายคังกลับอยากจะสังหารจ้าวหรุ่ยหรุ่ยใส่ร้ายหลิงอวี๋ครานี้ แต่หลิงอวี๋กลับรอดพ้นไปได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งยังทำให้หลิงเสียงกังรอดออกมาอีกองค์ชายคังตกใจเมื่อได้ยินจากผู้ใต้บังคับบัญชามารายงานว่าการผ่าตัดของหลิงเสียงกังสำเร็จและเขาก็สามารถลุกเดินได้แล้วแม้ว่าเรื่องที่ปล้นเงินเบี้ยหวัดทหารในตอนนั้นจะถูกจักรพรรดิอู่อันกดเอาไว้แล้ว แต่องค์ชายคังรู้ว่าเสด็จพ่อสงสัยตนเพียงแต่เรื่องนี้จบลงไปภายใต้การจัดการของจ้าวฮุยและพระชายาเส้าทว่ายามนี้อำนาจอยู่ในมือเซียวหลินเทียน หากหลิงเสียงกังไปฟ้องร้อง จากความเกลียดที่เซียวหลินเทียนมีต่อตน เช่นนั้นจะมิช่วยเขาพลิกคดีได้หรือ!ครั้นองค์ชายคังรู้ว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจับตัวหลิงเสียงกังไปก็ย้ำแล้วย้ำอีกให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยสังหารหลิงเสียงกังไปเสีย ไหนเลยจะคิดว่าสุดท้ายจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะเสียท่าให้หลิงเสียงกังรอดไปได้“เจ้าทำงานมิสำเร็จทั้งยังทำให้เสียงานอีก… เจ้ารับรองกับข้ามิใช่หรือว่าจะต้องกำจัดหลิงอวี๋กับหลิงเสียงกังได้อย่างแน่นอน?”องค์ชายคังเดือดดาลใส่จ้าวหรุ่ยหรุ่ย “เจ้าดูสถานการ
เซียวหลินเทียนเชื่อฟังราวกับเด็ก เขาดึงหลิงอวี๋ลุกขึ้นแล้วหยิบจอกหนึ่งส่งให้หลิงอวี๋เป็นครั้งแรกที่หลิงอวี๋ได้เห็นพิธีการดื่มสุรามงคลแบบโบราณ ภาชนะที่ใส่สุรามงคลนี้คือน้ำเต้าที่ผ่าครึ่งเป็นสองส่วน แล้วบ่าวสาวจะต้องดื่มเป็นคู่กันคนละจอกน้ำเต้านี้จะมีขนาดเล็กและมีความประณีต ตรงกลางจะมีเชือกสีแดงผูกเอาไว้ หลิงอวี๋กำลังสงสัยอยู่ว่าสุรามงคลเป็นเช่นนี้เองหรือ ก็ถูกเซียวหลินเทียนเกี่ยวแขนดึงกลับมาจากความคิดที่เลื่อนลอยออกไป“ดื่มสุรามงคลแล้ว นับตั้งแต่นี้ไปท่านทั้งสองก็จะเป็นหนึ่งเดียว จากนี้ไปต้องจับมือร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน...”บรรดานางรับใช้พากันส่งเสียงโห่ร้องเซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋อย่างลึกซึ้ง แล้วเกี่ยวมือของหลิงอวี๋ให้ยกสุรามมงคลขึ้นสายตานี้ชนะคำพูดนับพันนับหมื่น หลิงอวี๋มองดวงตาที่งดงามของเขา พลันใจลอยไปเล็กน้อย จากนี้ไป คนผู้นี้จะเป็นของตนโดยสมบูรณ์แล้วหรือ?นางยกน้ำเต้าไปอยู่ที่ริมฝีปากตามสัญชาตญาณแล้วดื่มพร้อมกันกับเซียวหลินเทียน“เสร็จพิธีเพคะ พวกบ่าวมิรบกวนเวลาความรักของท่านมทั้งสองแล้วเพคะ...”พวกนางรับใช้หายไปกันหมดในทันที ทั้งยังปิดประตูให้ทั้งสองคนอย่างเอาใส
หลิงอวี๋กวาดสายตาผ่านผ้าคลุมหน้าไปรอบ ๆ ทั่วทั้งสถานที่ล้วนเป็นญาติสนิทมิตรสหายของพวกเขา พวกเขาเป็นพยานในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของตนกับเซียวหลินเทียนนับตั้งแต่นี้ไป นางมิใช่วิญญาณที่หลงทางจากโลกอื่นอีกแล้ว นางเป็นส่วนหนึ่งของฉินตะวันตกอย่างแท้จริงแล้ว“คารวะบุพการี...”หลิงอวี๋คารวะไปตามเสียงของท่านอ๋องเฉิง“สามีภรรยาคารวะกันและกัน!”หลิงอวี๋จับผ้าสีแดงที่อยู่ในมือแล้วหันไปทางเซียวหลินเทียนร่างสูงใหญ่นั้นเห็นเพียงแค่รูปร่างแต่นางรู้ว่าต่อไปคนผู้นี้จะเป็นที่พึ่งให้ตนได้แม้ว่าในภายภาคหน้าจะมีการทะเลาะเบาะแว้ง หรือมีเรื่องขัดแย้งกัน แต่นางก็เชื่อว่าพวกเขาจะต้องใช้ชีวิตของพวกเขาได้อย่างดี!นางคำนับลงไปเซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋ที่มีผ้าคลุมหน้าอยู่ก็พลันตัวสั่นเล็กน้อยอย่างตื่นเต้นนับแต่นี้ไป หลิงอวี๋ก็คือภรรยาของตน อดีตที่เลวร้ายเหล่านั้นเขาไม่มีหน้าจะเอ่ยถึงอีกแล้วชีวิตนี้เขาจะต้องรักนางให้มากเท่าที่จะทำได้ จะปกป้องนาง จะให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่นาง ทำให้นางเป็นสตรีที่มีความสุขที่สุดในใต้หล้า!เซียวหลินเทียนเองก็คำนับลงไปเช่นกัน“เสร็จสิ้นพิธี!”ท่านอ๋องเฉิงยังคงยืนอยู่ต่อหน้
หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนจัดงานแต่งงานคารวะฟ้าดินกันใหม่ เมื่อพวกหลิงซวนรู้เข้าก็ดีใจเป็นอย่างยิ่งกว่าจะเปลี่ยนจากความโกรธเกลียดมาเป็นสามีภรรยาอย่างแท้จริงได้ หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนข้ามผ่านเส้นทางนี้กันมาอย่างยากลำบากจนนับมิถ้วน!เมื่อเทียบกับงานแต่งที่เหลวไหลเมื่อคราก่อน ครานี้เซียวหลินเทียนขอหลิงอวี๋แต่งงานอย่างจริงใจกำไลหยกเขียวมรกตได้ชดเชยเรื่องสินสอดในคราก่อนไปแล้ว เรื่องพิธีหลิงอวี๋ขอให้เป็นพิธีเรียบง่ายจัดโต๊ะเพียงมิกี่โต๊ะก็พอแล้วมิได้มีการประกาศออกไป และมิได้เชิญแขกคนอื่น ๆ เชิญเพียงแค่ผู้อาวุโสเช่นท่านอดีตเสนาบดี ไทฮองไทเฮาและท่านอ๋องเฉิงสามคนเท่านั้นท่านอดีตเสนาบดีถูกเชิญเข้าวังมาก็ยังคงสับสนมิรู้ว่าด้วยเรื่องใดไทฮองไทเฮาเองก็เช่นกัน ถูกเชิญมาถึงพระตำหนักคุนหนิงก็ยังมิรู้ว่านี่คือพิธีคารวะฟ้าดินที่จัดขึ้นเพื่อทั้งสองคนท่านอ๋องเฉิงคือคนที่เซียวหลินเทียนเพิ่มเข้ามา เขาเป็นราชสำนักฝ่ายใน ทั้งยังเป็นผู้อาวุโสที่เห็นเส้นทางที่พวกเขาผ่านมาอย่างใกล้ชิดที่สุด เมื่อจัดพิธีแต่งงานขึ้นอีกครั้ง จะขาดคนสำคัญผู้นี้ไปได้อย่างไร!แม่นมลี่เปลี่ยนชุดใหม่แล้วดึงเซียวเยวี่ยที่ใ
หลิงอวี๋ตกใจกับการเกี้ยวพาราสีอย่างกะทันหันของเซียวหลินเทียนจึงหน้าแดงขึ้นมาทันทีนี่… นี่คือการขอจะทำเรื่องเช่นนั้นกับตนหรือ?แต่นางยังมิได้คิดให้ดีเลยนะ!“อาอวี๋ ต่อให้คำสาบานใด ๆ จะสวยหรูสักแค่ไหนก็มิสู้การกระทำ! ข้าก็กำลังพยายามเต็มที่แล้ว!”เซียวหลินเทียนคว้ามือของหลิงอวี๋มาแนบที่หน้าอกของตน “ในนี้มีเพียงแค่เจ้า ชั่วชีวิตนี้ก็จะมีเพียงแค่เจ้าเท่านั้น! ไม่มีผู้ใดสามารถมาแทนที่เจ้าในใจของข้าได้!”“อาอวี๋ เรื่องของเมื่อวานก็ปล่อยให้มันผ่านไปแล้วเหลือแต่เรื่องของวันนี้ เรามาเริ่มต้นกันใหม่เถิด!”หลิงอวี๋ปฏิเสธมิออกหลิงซวนเคยบอกกับนางไว้แล้วให้นางลืมอดีต อย่าได้ปิดกั้นเซียวหลินเทียนอีกเลยนางมิใช่เจ้าของร่าง และมิได้เกลียดเรื่องที่เซียวหลินเทียนเฆี่ยนตีตนในตอนแรกแล้ว!และครานี้เมื่อเกิดเรื่องกับตน เซียวหลินเทียนก็ทำงานหนักเพื่อตนอย่างเต็มที่ นางเห็นความทุ่มเทของเขาทั้งหมดแล้วนางยังจะมีเหตุผลอะไรไปปฏิเสธเขาอีกเล่า?“หม่อมฉัน...”หลิงอวี๋พูดมิออก ปฏิเสธมิออกจริง ๆดูเหมือนว่าเซียวหลินเทียนจะมองความลังเลของนางออก มือทั้งสองของเขาจึงโอบนางไว้แล้วดึงเข้ามาในอ้อมแขนเขาก้มหน้
เมื่อเซียวหลินเทียนพูดออกมา หลิงอวี๋ก็นึกขึ้นได้ว่าเขาเคยเอ่ยถึงใต้เท้าเจี่ยงผู้นี้ว่าหอบรรพบุรุษในตระกูลเขาทำด้วยทองคำก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนส่งคนไปตรวจสอบแล้ว เช่นนั้นหลักฐานก็น่าจะสรุปได้แล้ว“อาอวี๋ เจ้าให้ข้าคิดหาวิธีสักหน่อยว่าจะโจมตีร้านตั๋วเงินสี่หลายอย่างไรโดยมิให้ราษฎรเหล่านั้นได้รับความเสียหาย”ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนก็อยากจะจัดการใต้เท้าเจี่ยง แต่ก็คิดวิธีดี ๆ ที่จะทำให้ได้ผลดีทั้งสองฝ่ายมิได้ใต้เท้าเจี่ยงกับร้านตั๋วเงินสี่หลายมีความโยงใยกันไปหมด เซียวหลินเทียนกังวลว่าหากไปแตะใต้เท้าเจี่ยงแล้วจะทำให้ราษฎรเหล่านั้นได้รับความเสียหายไปด้วยก่อนหน้านี้หลิงอวี๋มิได้สนใจเรื่องนี้มากนัก แต่นางเป็นคนยุคปัจจุบัน เคยได้ยินได้เห็นธนาคารล้มเหลวมามากมาย การระดมทุนอย่างผิดกฎหมายสร้างความเสียหายให้ราษฎรอย่างหนักหากราชสำนักปล่อยปละละเลยร้านตั๋วเงินเหล่านี้ เช่นนั้นก็คงจะได้เห็นหายนะครั้งใหญ่การที่เซียวหลินเทียนใส่ใจในจุดนี้เป็นการกระโดดเชิงคุณภาพ เป็นกษัตริย์ผู้ทรงปัญญาที่ล้ำหน้ากว่าแคว้นใด ๆแต่เท่านี้ยังมิพอ ตอนนี้เซียวหลินเทียนตระหนักได้เพียงว่าร้านตั๋วเงินสี่หลายเป็นพวก
เซียวหลินเทียนทอดถอนใจพลางเอ่ย “ตอนนั้นเสด็จพ่อยังต้องพึ่งพาท่านอดีตเสนาบดีให้ช่วยพระองค์เฝ้าระวังที่ชายแดน ท่านอดีตเสนาบดีขอร้องให้หลิงเสียงกัง เสด็จพ่อก็มิอยากทำร้ายจิตใจขุนนางเก่าแก่ จึงไว้ชีวิตหลิงเสียงกัง!”หลิงอวี๋ยิ้มเยาะ มีจักรพรรดิสูงสุดเป็นเกราะป้องกันให้องค์ชายคัง มิน่าหลิงเสียงกังอยากจะพลิกคดีแต่กลับยากเย็นนักเกรงว่าตอนนั้นที่หลิงเสียงกังออกจากเมืองหลวงแล้วบอกจะออกไปตามหาความจริงก็คงเพราะมองจุดนี้ออกแล้ว“คดีกล่าวหาท่านลุงของหม่อมฉันคือเสด็จพ่อที่สร้างขึ้น หากตอนนี้ท่านจะพลิกคดีให้เขาก็จะเป็นการตั้งคำถามเสด็จพ่อของท่าน ไม่มีเหตุผลที่จะทำให้เหล่าขุนนางเชื่อมั่น การดึงคดีนี้ขึ้นมาก็จะเป็นการอกตัญญู!”หลิงอวี๋วิเคราะห์ได้ตรงประเด็นมากเซียวหลินเทียนกังวลว่า หลิงอวี๋จะเข้าใจผิดว่าตนมิยินดีจะล้างมลทินชื่อเสียงให้หลิงเสียงกัง จึงรีบเอ่ย “ข้าแค่จะบอกว่าหากต้องการจะพลิกคดีนี้ในเวลามินานนั้นเป็นไปมิได้! มิได้หมายความว่าข้าจะมิยินดีช่วยหลิงเสียงกังพลิกคดี!”“อาอวี๋ เรายังมีพื้นที่ให้จัดการเรื่องนี้!”เซียวหลินเทียนเอ่ยเสียงเรียบ “จนถึงตอนนี้เงินทหารสองล้านตำลึงนั้นก็ยังมิปราก