Share

บทที่ 254

Author: กานเฟย
สาส์นกราบทูลของหลี่ว์เซียงทรงพลังกว่าเซียวหลินเทียนมากนัก

เริ่มแรกจักรพรรดิอู่อันอ่านคราเดียวสิบบรรทัด ทว่าเมื่อเห็นการสร้างอาวุธเถื่อนที่เหมือง สีหน้าจักรพรรดิอู่อันพลันมืดครึ้ม

สร้างอาวุธเถื่อน?

นอกจากเจตนาสุมหัวก่อกบฏ ยังจะมีประโยชน์อันใด?

ความเร็วการอ่านของจักรพรรดิอู่อันช้าลง อ่านไปสมองก็ปั่นป่วนเร็วรี่

เซียวหลินเยี่ยนองค์ชายเว่ยลอบดูสีหน้าจักรพรรดิอู่อันอย่างอกสั่นขวัญแขวน ขัดแค้นหลี่ว์เซียงกับเซียวหลินเทียนภายในใจ!

แต่เขามิกล้าออกอาการ!

ที่ปรึกษาของเซียวหลินเยี่ยน หานหลินวิเคราะห์เรื่องทั้งหมดอย่างถี่ถ้วนให้เขาแล้ว

เซียวหลินเทียน แม่ทัพเฉินกับอันเจ๋อรู้เรื่องราวที่เหมืองหมดแล้ว เห็นชัดว่าเก็บงำเรื่องนี้มิได้อีกต่อไป!

เรื่องสำคัญเร่งด่วนมีแต่คน นักรบผู้กล้าตัดข้อมือ(1) เสียเรือเพื่อรักษาขุน!

โยนให้แม่ทัพหลูเป็นแพะรับบาป ขัดขวางหลี่ว์เซียงกับเซียวหลินเทียนสืบสวนต่อ!

ขุนนางน้อยใหญ่ทั้งบุ๋นและบู๊ข้างล่างก็รู้สึกถึงการผกผันของอารมณ์จักรพรรดิอู่อัน ทุกคนเกิดความประหวั่นคาดเดาในใจว่าครานี้ผู้ใดจะดวงซวย!

ภายใต้ความเงียบสงัดในพระที่นั่งได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มหล่น

ในที่สุดจ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 255

    มีจิตใจระแวงแล้ว จักรพรรดิอู่อันมองเหล่าองค์ชายเหมือนคนที่มีเจตนาร้ายอยู่ในใจเขาจะวางใจมอบคดีสำคัญขนาดนี้ให้พวกเขาได้อย่างไร!สีหน้าจักรพรรดิอู่อันมืดครึ้มไม่กล่าวคำ ขุนนางน้อยใหญ่ทั้งบุ๋นและบู๊ข้างล่างก็ยิ่งมิกล้าแทรกเอ่ยเซียวหลินเทียนรู้ว่าพฤติกรรมตนมิเหมาะสม แต่เคยพูดกับอันเจ๋อก่อนหน้าว่าเขาจะไม่เป็นอ๋องไร้ประโยชน์อีกต่อไป!เหตุการณ์คดีนี้ทั้งหลิงอวี๋หายตัวไปกับเหมืองแร่ก็ทำให้เซียวหลินเทียนรู้เหมือนกันว่า หากเขาไม่ปลูกฝังอิทธิพลตัวเอง เขากับพี่น้องของตนยังมีคนของตำหนักอ๋องอี้จะทำได้แค่ปล่อยคนให้โดนกดขี่!ภายใต้การรักษาของหลิงอวี๋สองขาของเซียวหลินเทียนทุเลาแล้ว ไม่ช้าก็เร็วเขาจะทิ้งเก้าอี้ล้อกับไม้เท้าแล้วลุกยืนขึ้นเขาต้องวางแผนกลยุทธ์ในกระโจมค่าย(2)เพื่อตนเองในอนาคตแล้ว!ครั้นเห็นเสด็จพ่อมีใจระแวง เซียวหลินเทียนเลยไม่ก้าวอีกขึ้น ทำเพียงคอยโอกาสที่เหมาะสมค่อยกล่าวอีกหลี่ว์เซียงเข้าใจจักรพรรดิอู่อันอย่างยิ่ง เมื่อเห็นเขากำลังไตร่ตรองไม่กล่าวคำก็กล่าวว่า“ฝ่าบาท บรรดาองค์ชายต่างยินดีแบกรับหน้าที่ใหญ่ยิ่ง ขจัดภยันตรายแบ่งเบาความทุกข์เพื่อพระองค์ นี่คือวาสนาของพระองค์พ่ะย่ะ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 256

    เซียวหลินเทียนใจสั่นขึ้นมา เขาเงยหน้าขึ้น ส่งสัญญาณให้ลู่หนานเข็นตนเองเข้าไปขันทีเซี่ยเดินไปที่ศาลาในสวนด้วย เขาเอ่ยยิ้ม ๆ“เมื่อวานกระหม่อมคุยกับไทเฮา ยังเอ่ยถึงเรื่องที่พระชายาอ๋องอี้ช่วยชีวิตนางกำนัลผู้นั้นไว้อยู่เลย มิทราบว่าร่างกายนางกลับมาแข็งแรงแล้วหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”เซียวหลินเทียนก็นึกถึงตอนนั้นที่หลิงซวนได้รับบาดเจ็บ และท่าทีแปลก ๆ ของขันทีเซี่ยเซียวหลินเทียนจึงเอ่ยหยั่งเชิง “เจ้าหมายถึงหลิงซวนผู้นั้น! นางแข็งแรงดีแล้ว แต่ได้รับบาดเจ็บอีกเล็กน้อย”“หืม เกิดกระไรขึ้นอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ขันทีเซี่ยใจบีบแน่น พลางเอ่ยถามอย่างกังวลทันทีที่เซียวหลินเทียนเห็นขันทีเซี่ยห่วงใยหลิงซวนเช่นนี้ ก็ยิ่งรู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนไม่ธรรมดาเขาเล่าเรื่องที่หลิงอวี๋ถูกหลอก และเอ่ยในตอนสุดท้าย“ดีที่หลิงซวนกระโดดลงจากรถม้าได้ทันเวลา แต่มีรอยขีดข่วนที่ผิวหนังเล็กน้อย รักษาสองวันก็ไม่เป็นไรแล้ว!”ได้ฟังเช่นนั้นขันทีเซี่ยก็ถอนหายใจโล่งอก เขาแย้มรอยยิ้มเพื่อปกปิดความกังวลของตนเองเมื่อครู่พลางเอ่ย“เมืองหลวงมีเรื่องที่เป็นการหลอกลวงเช่นนี้ เราจะต้องตรวจสอบกันให้เข้มงวด!”“พระชา

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 257

    เซียวหลินเทียนเอ่ยไปตรง ๆ อย่างใจร้าย“เสด็จพ่อ กระหม่อมเพิ่งจะเป็นฝ่ายขอเป็นตัวตั้งตัวตีในการสอบสวนคดีเหมืองแร่ กระหม่อมมิอยากไร้ประโยชน์เช่นนี้อีกต่อไปแล้ว!”“เสด็จพ่อคงมิทราบ ไอ้นายทหารเฉาผู้นั้นกล้าเฆี่ยนตีหลิงอวี๋! กระหม่อมทนมิไหวแล้ว!”จักรพรรดิอู่อันค่อย ๆ หันกลับมามองเซียวหลินเทียน“เจ้าอยากจะสอบสวนคดีนี้เพราะหลิงอวี๋ถูกเฆี่ยนตีหรือ?”“พะย่ะค่ะ! เสด็จพ่อรู้จักนิสัยของกระหม่อมดี แม้ว่าขาทั้งสองของกระหม่อมจะพิการไปแล้ว ถึงกระนั้นก็ยังเป็นลูกของเสด็จพ่อ!”“และมีศักดิ์ศรีของความเป็นลูกผู้ชาย!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยว “มีคนมาเฆี่ยนตีพระชายาของตน หากเปลี่ยนเป็นเสด็จพ่อ จะสามารถทนอยู่ได้หรือพ่ะย่ะค่ะ?”“กระหม่อมถูกคนอื่นพูดกันว่าไร้ประโยชน์แล้ว หญิงของตนยังถูกเฆี่ยนตี จะยังอดทนรับอยู่ได้หรือ?”“หากเป็นเช่นนั้นไม่ใช่แค่กระหม่อมที่เสียหน้า เสด็จพ่อก็จะเสียหน้าไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนเอ่ยด้วยความตื่นเต้นดูน่าฟัง“กระหม่อมเพียงแค่อยากจะพิสูจน์ว่า กระหม่อมมิใช่คนไร้ประโยชน์ กระหม่อมยังสามารถช่วยเสด็จพ่อทำงานได้!”“หากท่านแม่ยังมีชีวิตอยู่ นางก็คงมิอยากเห็นกระ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 258

    “หลิงอวี๋ หุบปากซะ!”ทันทีที่เซียวหลินเทียนได้ยินว่าหลิงอวี๋คิดการกบฏอีกครั้ง ทั้งยังพูดจาโอหังด้วย จึงเอ่ยห้ามไว้อย่างเด็ดขาด“หึ ทำได้ลงคอ ยังจะกลัวผู้อื่นพูดอีกหรือ?”แม้ว่าหลิงอวี๋จะโกรธ แต่นางก็ยังคงลดเสียงลง พลางเอ่ยถาม“มันเกี่ยวกับผู้ใดกันแน่? องค์จักรพรรดิถึงได้มิให้สอบสวน?”“เสด็จพ่อมิได้บอกว่ามิให้สอบสวน เขาตกลงที่จะสอบสวนแล้ว!”“ทั้งยังส่งหลี่ว์เซียงกับท่านอ๋องเฉิงให้ยกพลไปจับกุมพวกตระกูลอู๋กับแม่ทัพหลูด้วย!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างใจเย็น “ต่อไปเจ้าก็ระวังคำพูดด้วย อย่าได้เอะอะกระไรก็เอ่ยคำพูดคิดการกบฏ!”“หากเจ้าจักรนหาที่ตาย ก็อย่าดึงพวกเราเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย!”ทันทีที่หลิงอวี๋ได้ยินว่าหลี่ว์เซียงกับท่านอ๋องเฉิงยกพลไปแล้วก็พลันโล่งอก ตนเข้าใจผิดแล้ว!ยอมสอบสวนก็ดี!นางวางใจในความประพฤติของหลี่ว์เซียงกับท่านอ๋องเฉิงว่าอย่างน้อยก็สามารถให้ความยุติธรรมแก่พวกจางเหมยได้!“เช่นนั้นเหตุใดท่านถึงไม่สบายพระทัยเล่า?”หลิงอวี๋นึกถึงเรื่องที่ลู่หนานบอกว่าเซียวหลินเทียนอารมณ์ไม่ดี ก็เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง“เสด็จพ่อของท่านตำหนิว่าท่านเข้าไปจุ้นจ้านหรือ?”เซียวหลินเทียนส่าย

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 259

    เซียวหลินเทียนได้ยินก็รู้ทันทีว่าหลิงอวี๋มองใจความสำคัญในนั้นออกแล้วเขามองหลิงอวี๋อย่างประหลาดใจ ยิ่งนานวันก็ยิ่งรู้สึกว่านางผู้นี้ฉลาดยิ่งเมื่อคืนที่คฤหาสน์ของหลี่ว์เซียง ยามนั้นเซียวหลินเทียนยังคิดอยู่เลยว่าจะโน้มน้าวหลี่ว์เซียงได้เยี่ยงไร ไหนเลยจะรู้ว่าตนไม่จำเป็นต้องออกหน้าด้วยซ้ำวาทศิลป์ที่ฮึกเหิมของหลิงอวี๋พอเอ่ยออกมาก็โน้มน้าวหลี่ว์เซียงได้แล้วครานั้นเซียวหลินเทียนฟังอยู่ข้าง ๆ ก็รู้สึกเลือดพล่านฮึกเหิมขึ้นมาเพราะคำพูดของหลิงอวี๋เช่นกันเขาไม่มีทางจะจินตนาการได้เลยว่า หลิงอวี๋คนเมื่อก่อนที่รู้จักแค่กินดื่มและเล่นสนุกสนานไปวัน ๆ นั้น พอจริงจังขึ้นมาก็เป็นห่วงแคว้นและประชาชนเช่นกัน!ยามนั้นเซียวหลินเทียนเองก็คิดว่า หากหลิงอวี๋เป็นผู้ชาย จะต้องเป็นผู้บัญชาการทหารท่านหนึ่งแน่นอน!วาทศิลป์นี้ ไม่มีผู้ใดเทียบได้เลย!ขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้น ความหดหู่ใจก็ออกมาโดยไม่รู้ตัว“หลังจากนั้นเสด็จพ่อมาพบข้าตามลำพังที่ศาลาในสวน และเห็นด้วยที่ข้าจะเข้าไปทำงานในราชสำนักอีกครั้ง!”“เช่นนั้นก็ดีเลย!” หลิงอวี๋ดีใจแทนเซียวหลินเทียน“ไม่ช้าก็เร็วท่านก็จะยืนได้ เข้าไปทำงานในราชสำนักเร็วส

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 260

    “จักเข้ามาเหตุใดมิเคาะประตูเล่า!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างโกรธ ๆ เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นชิวเหวินซวงความบูดบึ้งบนใบหน้าของเซียวหลินเทียนยังคงไม่ลดลง พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา“เหวินซวง คราวหลังจะเข้ามาก็อย่าลืมเคาะประตูด้วย!”“ท่านอ๋อง... พระชายาอ๋องอี้ก็อยู่หรือเจ้าคะ!”ชิวเหวินซวงหน้าแดง พลางเอ่ยอย่างรวดเร็ว“หม่อมฉันขอประทานอภัย เหวินซวงเสียมารยาท! ต่อไปหม่อมฉันจะจำไว้ว่าต้องเคาะประตูเพคะ!”“หม่อมฉัน… ประเดี๋ยวหม่อมฉันจะกลับมาใหม่เพคะ!”แม้ว่านางจะบอกเช่นนี้ แต่เท้ากลับไม่ขยับแม้แต่น้อย นางถือสำรับอาหารไม่รู้ว่าควรจะเดินหน้าเข้าไปหรือถอยดีหลิงอวี๋ถูกเซียวหลินเทียนกดลงบนหน้าอกของเขา นางได้กลิ่นอำพันทะเลจาง ๆ บนร่างกายของเซียวหลินเทียนเลยทีเดียวนางได้ยินว่า แม่ดอกบัวขาว(1)ชิวเหวินซวงมา!แม้ว่าจะไม่รู้ว่าเหตุใดเซียวหลินเทียนถึงต้องเล่นละครกับตนก็ตาม!แต่เมื่อนึกถึงที่ชิวเหวินซวงหลงใหลเซียวหลินเทียนมาโดยตลอด หลิงอวี๋ก็อยากจะแกล้งขึ้นมานางจงใจบิดเอว พลางเอ่ยเสียงรำคาญใจ“ท่านอ๋อง ให้นางไปสิเพคะ! ไม่เคยเห็นนางรับใช้ที่ไม่เข้าใจกฎเกณฑ์เช่นนี้มาก่อนเลย มีอย่างที่ไหนเข้ามาในห้อง

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 261

    จ้าวซวนมองเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนเอ่ยน้ำเสียงทุ้ม “ท่านอดีตเสนาบดีออกไปฝึกทหาร มิรู้ว่าไปทำเยี่ยงไรเข้าม้ามันตกใจ ก็เลยตกหลังม้า หมดสติไปหลายวันแล้ว!”“แม่ทัพหยวนผู้เป็นรองแม่ทัพของเขาส่งเขากลับมาเมืองหลวง เพิ่งกลับมาถึงจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนเอง!”หลิงอวี๋ได้ยินก็กังวล นึกถึงภาพที่ท่านอดีตเสนาบดีคุกเข่าลงต่อหน้าจักรพรรดิอู่อันเพื่อช่วยเหลือตนเองในวันนั้นนางก็หันหลังแล้ววิ่งออกไป “หม่อมฉันต้องไปดู!”“หลิงอวี๋ รอก่อน! ข้าไปกับเจ้าด้วย! ข้ายังมีเรื่องจักบอกเจ้าอีก!”เซียวหลินเทียนรีบหยุดหลิงอวี๋ไว้หลิงอวี๋หยุด พลางเอ่ยกับจ้าวซวน “เจ้าไปที่เรือนบุหงาแล้วเรียกหลิงซวนให้ไปกับข้า!”จ้าวซวนพยักหน้า จากนั้นก็รีบไปเรียก“หลิงอวี๋ เรื่องอาการบาดเจ็บของท่านอดีตเสนาบดีเกิดขึ้นก่อนที่เจ้าจะหายตัวไป… ข้ามีการคาดเดาไว้ แต่ยังมิได้รับการยืนยัน!”เซียวหลินเทียนกลัวว่าหลิงอวี๋จะไม่รู้อะไร ไม่สามารถจัดการได้ จึงกระซิบ“เจ้าเอาแต่ถามว่าใครคิดจะฆ่าเจ้ามิใช่หรือ? หากมิได้เป็นศัตรูคู่แค้นกัน ใครจะส่งมือวสังหารจากหอเหยี่ยวราตรีมาตามล่าเจ้ากันเล่า?”หลิงอวี๋คิดอยู่ครู่หนึ่ง ขมวดคิ้วพลางถาม“ท

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 262

    “ท่านพ่อ ข้าได้ยินว่าท่านปู่ได้รับบาดเจ็บ ข้าเป็นห่วงมากจึงตั้งใจมาเยี่ยมท่านปู่!”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างอดทน“ตระกูลหลิงของเราไม่มีหญิงอกตัญญูเช่นเจ้า!”“ท่านปู่ของเจ้าตัดสัมพันธ์กับเจ้าไปแล้ว ไม่ว่าความเป็นหรือความตายก็ไม่เกี่ยวกระไรกับเจ้า! ไสหัวไปจากที่นี่ซะ!”หลิงเสียงเซิงไม่เคยอยากพบหลิงอวี๋ครั้งที่แล้วในงานฉลองวันพระราชสมภพ ท่านอดีตเสนาบดีทำให้จักรพรรดิมิพอใจอย่างมากเพื่อช่วยนาง!แม้แต่ท่านลุงก็ยังเกลียดชังหลิงอวี๋ที่ทำให้เขาต้องอับอายเรื่องของกำนัล เขาตำหนิหลิงเสียงเชิงเรื่องนี้ด้วยครั้นพบกันอย่าว่าแต่เอ่ยประชดเยาะเย้ยเลย ทั้งยังขู่ว่าจะทำให้หลิงเสียงเซิงสูญเสียตำแหน่งอาลักษณ์ของสำนักฮั่นหลินด้วย!หลายวันมานี้หลิงเสียงเซิงกังวลว่าตำแหน่งของตนจะไม่ปลอดภัยเดิมทีก็วุ่นวายใจมากพอแล้ว ไหนเลยจะรู้ว่าเมื่อครู่จะถูกองค์ชายเว่ยเซียวหลินเยี่ยนส่งคนมาเรียกตัวไปอีกคราที่หลิงเสียงเซิงไปยังคงคิดว่า หรือองค์ชายเว่ยจะต้องการคุยกับตนเรื่องการแต่งงานให้หลิงเยี่ยนเข้าตำหนักองค์ชายเว่ยในฐานะชายารองไหนเลยจะรู้ว่าองค์ชายเว่ยไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้เลย เขาเพียงเอ่ยอย่างเศร้า ๆ“อาลักษณ์หลิง

Latest chapter

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1898

    เผยอวี้เหลียวซ้ายแลขวาไปรอบ ๆ เมืองหลวงแดนเทพที่เจริญรุ่งเรืองราวกับคนบ้านนอก ทำเอาเขาอดมิได้ที่จะถอนหายใจ“มิแปลกใจที่ทุกคนล้วนพูดว่าเมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรือง เพราะที่นี่เจริญจริง ๆ ดังคำกล่าว นายท่านอู่ เมืองหลวงแดนเทพแห่งนี้ใหญ่กว่าเมืองหลวงในฉินตะวันตกของพวกเราหลายเท่านัก!”เซียวหลินเทียนวางแผนใช้คำในชื่อจักรพรรดิเซิ่งอู่ของตนเป็นแซ่ ดังนั้น เผยอวี้และคนอื่น ๆ จึงได้เปลี่ยนมาเรียกเซียวหลินเทียนว่านายท่านอู่หานอวี้กับเถาจื่อและคนอื่น ๆ ที่ได้รีบมารวมตัวกับกลุ่มของเซียวหลินเทียนต่างพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเงียบ ๆทว่าเซียวหลินเทียนกลับรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมา เมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรืองแล้วอย่างไร?หากไม่มีหลิงอวี๋อยู่เคียงข้าง มิว่าทิวทัศน์จะสวยงามเพียงใดมันก็ไร้ประโยชน์ยิ่งเมืองหลวงแดนเทพเจริญรุ่งเรืองและมีขนาดใหญ่มากเท่าไร การตามหาหลิงอวี๋ก็จะยิ่งยากมากเท่านั้นท่ามกลางฝูงชนมหาศาลนี้เขาจะหาตัวหลิงอวี๋ของเขาพบได้อย่างไร?ฉินซาน หานเหมยและสือหรงล่วงหน้ากันไปก่อน ในช่วงที่ยังสร้างตำหนักปีกเงินแห่งใหม่มิเสร็จนี้ ทั้งสามคนได้ซื้อที่ดินใหญ่ที่มีหกส่วนเพื่อให้ทุกคนใช้เป็นที่อย

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1897

    หลิงอวี๋เห็นด้วยกับผู้รอบรู้ เพื่อป้องกันมิให้คนอื่นสงสัยว่านางกับผู้รอบรู้มิใช่พี่น้องกันแท้ ๆ นางจึงเปลี่ยนแซ่ของตนเป็นแซ่เดียวผู้รอบรู้และใช้นามว่า สิงอวี๋วันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋ไปที่ห้องโถงหลักของหอโอสถซ่างกู่เพื่อลงทะเบียน ที่ทางเข้าหอโอสถซ่างกู่นั้นมีทั้งบุรุษและสตรีต่อแถวยาวเป็นหางว่าวหลิงอวี๋รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาเมื่อเห็นแถวยาวถึงเพียงนี้ ต้องต่อแถวไปถึงเมื่อไรกว่าตนจะได้ลงทะเบียนเล่านี่!แต่เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ เพื่ออนาคตของตนในวันข้างหน้า นางก็ทำได้เพียงต่อแถวต่อไปอย่างว่าง่ายเท่านั้นคุณหนูและนายน้อยบางส่วนมิได้มาด้วยตนเอง แต่ส่งสาวใช้และคนรับใช้ไปต่อแถวให้เด็กสาวท่าทางเหมือนคุณหนูที่อยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เห็นเช่นนั้นก็ยิ้มเยาะขึ้นมา“แม้แต่มาต่อแถวก็ยังไม่มีความจริงใจ แต่กลับอยากเป็นศิษย์ของอาจารย์เย่น่ะหรือ คนเช่นนี้สมควรถูกปัดตกไปเสีย!”สาวใช้ด้านหน้าหลิงอวี๋ที่มาต่อแถวแทนเจ้านายได้ยินเช่นนั้นก็พูดอย่างดูถูกว่า “ไม่มีใครตั้งกฎว่าห้ามสาวใช้มาต่อแถวให้นี่! ตระกูลเหลยของท่านขัดสนมากจนไม่มีเงินจ้างสาวใช้หรืออย่างไร?”เหลยเหวินโกรธจัดและตะโ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1896

    หลิงอวี๋มิได้ถือโทษผู้รอบรู้และกล่าวว่า “พี่ใหญ่มิต้องกังวลไป กินข้าวกันก่อนเถิด ท่านซื้อตำรับกลั่นโอสถมิได้ก็ช่างมัน ข้ามีที่เรียนแล้ว!”ในขณะที่กำลังกินข้าวหลิงอวี๋ก็เล่าให้ผู้รอบรู้ฟังว่าสำนักศึกษาชิงหลงกำลังรับสมัครบัณฑิตวิชาปรุงโอสถ“วันพรุ่งข้าจะไปลงทะเบียน หากข้าได้ที่หนึ่ง ข้าก็จะได้เรียนวิชาปรุงโอสถโดยมิต้องเสียเงินแม้แต่แดงเดียว!”แต่แม้จะมิได้ที่หนึ่งหลิงอวี๋ก็คิดว่าตนสามารถหาเงินห้าหมื่นอีแปะจากการขายตำรับยาเพียงมิกี่เล่ม นางจึงมิได้เก็บมาใส่ใจ“พี่ใหญ่ ตอนที่ลงทะเบียนมีปรมาจารย์ให้เลือกเรียนด้วยสองคน ข้ามิรู้ว่าควรจะเลือกปรมาจารย์คนไหน วันพรุ่งท่านช่วยไปสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับนิสัยของแต่ละคนให้ข้าหน่อยนะ!”เมื่อผู้รอบรู้ได้ยินว่า นักปรุงโอสถแห่งหอโอสถไป๋เป่าและซ่างกู่จะรับหน้าที่เป็นครู เขาก็พูดโดยมิลังเลว่า “มิจำเป็นต้องไปสอบถามหรอก เลือกครูของหอโอสถซ่างกู่สิ!”“เพราะเหตุใดหรือ?” หลิงอวี๋ถามด้วยความอยากรู้ผู้รอบรู้ยิ้มหยัน “คนของหอโอสถไป๋เป่าเหล่านั้นเป็นพวกยโสชอบดูถูกคนอื่น! เพราะคนที่อยู่เบื้องหลังหอโอสถของพวกเขาคือฮูหยินของเจ้าแห่งทะเลของตระกูลหลงอย่างไรเล่า!”“

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1895

    เมื่อเห็นบรรยากาศที่แสนจะคึกคัก หลิงอวี๋ก็เข้ามาดูว่าเกิดอะไรขึ้นนางเห็นประกาศว่า สำนักศึกษาชิงหลงกำลังรับสมัครบัณฑิตในหลายสาย เช่น สายนักปรุงโอสถ สายนักสร้างอาวุธ สายนักทำนายดวงดาว สายนักอัญเชิญ และสายจอมยุทธ์ ขณะที่หลิงอวี๋กำลังอ่านประกาศ นางก็ได้ยินผู้คนรอบ ๆ พูดคุยกันจากบทสนทนาของพวกเขา ทำให้หลิงอวี๋ได้รู้ว่า สำนักศึกษาชิงหลงนั้นอยู่ในการดำเนินงานของราชสำนักซึ่งให้การศึกษาด้านการฝึกฝนในระดับสูงผู้ที่ดำรงตำแหน่งเป็นครูคือปรมาจารย์ที่โดดเด่นในด้านต่าง ๆ หากมีบัณฑิตที่มีความเป็นเลิศประจักษ์แก่สายตาของอาจารย์เหล่านี้ พวกเขาก็สามารถรับเป็นศิษย์และเข้าร่วมกับกองทัพของราชสำนัก หรือสำนักใหญ่ ๆ ได้แดนเทพเปิดกว้างมากเรื่องความแตกต่างระหว่างบุรุษและสตรี สตรีนั้นสามารถเข้ามาร่ำเรียนในสำนักศึกษาและได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับบัณฑิตชายหลิงอวี๋รู้สึกถูกใจในสิ่งที่ได้เห็น การที่ได้ไปร่ำเรียนในสำนักศึกษาเช่นนี้ จะทำให้ตนเข้าใจการปรุงโอสถได้ง่ายขึ้น ดีกว่าลองผิดลองถูกมิใช่หรือ?นางตั้งใจอ่านอีกครั้ง ข้อกำหนดในการลงทะเบียนมิได้เข้มงวดเกินไป และใช้เงินเพียงห้าตำลึงเงินเท่านั้นในการลงทะเบี

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1894

    หลิงอวี๋และผู้รอบรู้ได้มาถึงเมืองหลวงแดนเทพ เหมือนกับที่ผู้รอบรู้บอก เมืองหลวงแดนเทพเต็มไปด้วยโอกาสเพราะที่นี่มีผู้บำเพ็ญตนมากมายและเต็มไปด้วยกลุ่มคนน้อยใหญ่อยู่ทั่วทุกหนแห่งหลิงอวี๋เองก็รู้สึกทึ่งกับความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหลวงแดนเทพ มีร้านค้าอยู่ทั่วทุกมุมและสินค้าที่ขายก็มีความหลากหลายแปลกตาและสวยงามเช่นเดียวกัน ราคาที่อยู่อาศัยในเมืองหลวงแดนเทพก็มีราคาแพงสองวันแรกทั้งสองคนพักที่โรงเตี๊ยมเล็ก ๆ บริเวณชานเมือง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายคืนละห้าสิบตำลึงเงินหลังจากใช้ความพยายามอย่างมาก ในที่สุดผู้รอบรู้ก็ได้ซื้อเรือนเล็ก ๆ ของตรอกเล็กในเมืองที่อยู่ไกลออกไปโดยใช้เงินไปเกือบสามหมื่นนี่เทียบเท่ากับการใช้สมบัติของหลิงอวี๋ไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง ซึ่งทำให้ผู้รอบรู้รู้สึกปวดใจอยู่นานแต่หลิงอวี๋พอใจแล้ว การซื้อเรือนเล็ก ๆ แห่งนี้ได้ในราคาต่ำเช่นนี้ ถือว่าผู้รอบรู้ก็มีความสามารถ มิเช่นนั้น หากดูตามราคาตลาด เรือนแห่งนี้อาจมีราคาสูงถึงห้าหมื่นด้วยซ้ำ“พี่ใหญ่ เงินหมดก็หาใหม่ได้ มิต้องเสียใจไปหรอก พวกเรามีบ้านแล้วก็สามารถหาอาชีพทำมาหากินได้”หลิงอวี๋พูดปลอบอีกฝ่ายด้วยความมั่นใจเรือนเล็กนี้รวมห

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1893

    เมื่อครอบครัวของเจี่ยงหัวกลับมาที่เรือ พวกเขาก็พบศพไร้หัวในห้องของเขา มีคราบเลือดยาวบนผนังไม้ของห้องโดยสาร ซึ่งเป็นประโยคที่ถูกสลักด้วยกระบี่อาบเลือด“จุดจบของคนทรยศ!”ครอบครัวของเจี่ยงหัวตกใจกลัวมากจนสละเรือและหนีไปในคืนนั้นพวกเขามิรู้ว่าที่จริงแล้วเซียวหลินเทียนมิคิดจะเอาผิดพวกเขา ทุกคนควรรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง และการสังหารเจี่ยงหัวนั้นก็เพียงพอแล้วเซียวหลินเทียนส่งศีรษะของเจี่ยงหัวให้สือหรง ทันใดนั้นสือหรงก็ร้องไห้เศร้าโศกและนำศีรษะของเจี่ยงหัวไปเซ่นให้กับครอบครัวของตนหลังจากนั้น สือหรงก็กระทำการบางอย่าง เขาเขียนจดหมายเลือดเรื่องที่เจี่ยงหัวสมคบคิดกับมหาปราชญ์สังหารเหล่าศิษย์ของตำหนักปีกเงิน และคัดลอกสำเนาไปหลายสิบฉบับภายในคืนเดียววันรุ่งขึ้น ที่ประตูเมืองในพื้นที่นั้นมีพ่อค้าจำนวนมากกำลังต่อแถวรอเข้าเมือง แล้วก็มีคนพบศีรษะของเจี่ยงหัวที่แขวนอยู่บนกำแพงเมือง และยังมีจดหมายเลือดที่สือหรงเป็นคนเขียน ซึ่งเขียนประณามความผิดของเจี่ยงหัวขณะที่ทุกคนกำลังถกเถียงกันเรื่องนี้ ก็มีจดหมายเลือดมากมายปลิวลงมาจากกำแพงเมืองทันใดนั้นความผิดฐานทรยศอาจารย์และสมคบคิดกับมหาปราชญ์ของเ

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1892

    หลังจากได้ยินคำกล่าวเหล่านั้น หลิงอวี๋ก็คิดว่าเซียวหลินเทียนเป็นปีศาจร้ายที่ก่อกรรมทำชั่วสารพัดและสังหารผู้คนเป็นผักปลาแต่หลิงอวี๋กลับมิรู้เลยว่ามหาปราชญ์เป็นผู้สั่งให้คนบิดเบือนและแพร่กระจายข่าวนี้ออกไปหลังจากที่เขากลับไปถึงเมืองหลวงแดนเทพเซียวหลินเทียนและหวงฝู่หลินนั้นคนหนึ่งทำให้มหาปราชญ์ตาบอด และอีกคนก็ตัดแขนข้างหนึ่งของมหาปราชญ์ มหาปราชญ์จะกล้ำกลืนความอัปยศนี้ได้อย่างไรหากเขามิแก้แค้น!เขาทำให้เซียวหลินเทียนและหวงฝู่หลินเสียชื่อเสียงและทำให้ผู้คนทั่วหล้าลุกขึ้นมาโจมตีพวกเขา ส่วนมหาปราชญ์ใช้โอกาสนี้พักฟื้นและหาโอกาสเหมาะเพื่อช่วงชิงมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ซึ่งคือ กระบี่คุณอู่ของเซียวหลินเทียนอีกครั้งมหาปราชญ์มิได้บอกใครเกี่ยวกับการค้นพบกระบี่อายุนับพันปีเล่มนี้ ด้วยคิดว่ากระบี่เล่มนี้เป็นของตน จึงมิอยากให้ใครมาแย่งชิงมันไปการแพร่กระจายข่าวลือเป็นหนึ่งในอุบายของมหาปราชญ์ที่ต้องการทำลายชื่อเสียงของเซียวหลินเทียนและป้องกันมิให้เขาพบกับเหล่าศิษย์จากตำหนักปีกเงินซึ่งเป็นไปตามคาดว่าข่าวลือนั้นแพร่กระจายไปยังวงกว้างด้วยความรวดเร็วบรรดาศิษย์ตำหนักปีกเงินบางส่วนที่กระจายอยู่ตามสถาน

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1891

    ผู้รอบรู้ซาบซึ้งจนน้ำตาแทบไหล เมื่อไรกันที่เขาได้รับความเชื่อใจจากใครบางคนมากมายถึงเพียงนี้!หลิงอวี๋พูดไปตามตรง “พี่ใหญ่ มีเรื่องบางอย่างที่ตอนนี้ข้ายังบอกท่านมิได้ มิใช่ว่าข้ามิไว้ใจท่าน แต่หากพูดไปแล้วมันอาจสร้างปัญหามากมายให้ท่านได้!”“เชื่อใจข้าเถิด สักวันข้าจะเล่าให้ท่านฟังทุกอย่าง!”ผู้รอบรู้มองตั๋วเงินในมือของตนพลางพูดอย่างใจกว้างว่า “ทุกคนต่างก็มีความลับของตัวเอง หากเจ้ามิอยากพูดก็มิต้องพูดหรอก พี่ใหญ่เชื่อใจเจ้า!”หลิงอวี๋ถึงกับยอมมอบของมีค่าทั้งหมดให้กับตนเช่นนี้ แม้จะมีความลับปิดบังต่อตนผู้รอบรู้ก็ย่อมยอมรับได้ขอแค่เขาเชื่อใจว่าหลิงอวี๋ไม่มีเจตนาร้ายก็พอแล้วสองพี่น้องพักที่โรงเตี๊ยมหนึ่งคืน ต่อมาในวันรุ่งขึ้นที่ฟ้ายังมิสว่าง ผู้รอบรู้ก็รีบรุดไปเช่ารถม้ามาหนึ่งคันโชคดีที่รถม้าเพิ่งส่งผู้โดยสารเพื่อขึ้นเรือไป ผู้รอบรู้จึงได้เช่ารถม้ามาในราคาสิบตำลึงส่วนหลิงอวี๋นั้นเพิ่งตื่น และผู้รอบรู้ก็วิ่งเข้ามาเคาะประตูด้วยความลิงโลด “น้องชาย รีบลุกเถิด พวกเราต้องออกเดินทางแล้ว! รถม้ากำลังรออยู่ข้างนอก”หลิงอวี๋รีบอาบน้ำแต่งตัวและแบกห่อผ้าของตนออกมา ผู้รอบรู้ยัดถุงกระดาษไขใบห

  • ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา   บทที่ 1890

    ผู้รอบรู้พูดมิออกแล้ว หลิงอวี๋มิรู้อะไรเลย แล้วจะจ่ายยาที่ถูกต้องได้อย่างไร!“พี่สิง ข้าอยากรู้มากว่าท่านรู้เรื่องมากมายถึงเพียงนั้นได้อย่างไร?”เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าผู้รอบรู้ลำบากใจ นางจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ก่อนหน้านี้ท่านเคยใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองหลวงแดนเทพหรือ?”ใบหน้าของผู้รอบรู้กระตุก เขาหันมองไปรอบ ๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจพวกเขา จึงเอ่ยขึ้นมา “ข้าจะพูดกับเจ้าตามตรง เมื่อก่อนข้าเป็นคนของตำหนักปีกเงิน ข้าเป็นคนของเจี่ยงฮั๋วผู้พิทักษ์ฝ่ายขวา เมื่อสองปีก่อนข้าทำงานพลาดไป ทำให้เจี่ยงฮั๋วโกรธ เขาจึงไล่ข้าออกจากตำหนักปีกเงิน!”“ก่อนหน้านี้ข้าก็ยังคิดจะหาโอกาสขอพบท่านเจ้าตำหนักเก่า แล้วกลับไปที่ตำหนักปีกเงินอีกครั้ง แต่ตอนนี้ตำหนักปีกเงินเสื่อมโทรมลงไปแล้ว ได้ยินว่าเจ้าตำหนักเก่าป่วยหนักและมิรับงานแล้ว ข้าจึงได้เร่ร่อนอยู่ข้างนอกตลอดเช่นนี้!”“คนที่ออกมาจากตำหนักปีกเงินล้วนเก่งในการสืบหาข้อมูล แม้ว่าข้าจะออกจากตำหนักปีกเงินไปแล้ว แต่ข้าก็เคยชินกับสัญชาตญาณนี้ ดังนั้นข้าจึงใส่ใจกับข้อมูลแต่ละประเภทมาก อยากจะรู้มากแค่ไหนก็มิยาก!”หลิงอวี๋จึงได้รู้ว่าผู้รอบรู้ก็เป็นคนที่มีภูมิหลังเช่นก

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status