“ใต้เท้าเฉิน เป็นเพราะมีอะไรบางอย่างมาดลใจข้า กลัวว่าที่โรงเหยียนหลิงเชิญแม่นางหลิงมาตรวจจะส่งผลกระทบต่อการค้า จึงเกิดเจตนามิดีขึ้น!”หมอหลี่หลับตาลง พลางเอ่ยอย่างฮึดสู้“เป็นข้าเองที่เอาเงินไปซื้อตัวหวงหยาให้ทำเรื่องนี้! เป็นข้าเองที่เอายาพิษให้หวงหยา! ข้ายอมรับผิดและทำตามกฎหมายขอรับ!”แม่ทัพเฉินเหลือบมองจางเจ๋ออย่างเย็นชา แล้วจึงเอ่ย“หมอหลี่ เจ้ารู้หรือไม่ว่า การวางยาพิษผู้อื่น เจ้าจะต้องได้รับโทษ?”หมอหลี่ตัวสั่น พลางเอ่ยเสียงสั่นเทา“ใต้เท้าเฉิน แต่… แต่คุณชายหลี่ยังไม่ตายนะขอรับ!”“หึ… หากพระชายาอ๋องอี้มิได้ใช้ทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมช่วยชีวิตเขาไว้ เขากินยาพิษรุนแรงอย่างบัวกมลนิลเข้าไป เขาจะยังมีชีวิตอยู่ได้หรือ?”แม่ทัพเฉินยิ้มเยาะพลางเอ่ย“หมอหลี่ เจ้าสั่งให้หวงหยาวางยาพิษ จงใจวางยาพิษคุณชายหลี่เพื่อใส่ร้ายพระชายาอ๋องอี้!”“อีกทั้งยังสั่งให้หวงหยาทุบทำลายโรงเหยียนหลิง รังแกข่มเหง นี่คือข้อหาของเจ้า! เพื่อเป็นเยี่ยงอย่างแก่ผู้อื่น ข้าจักตัดสินประหารชีวิตเจ้า!”“หวงหยา เจ้าเห็นแก่เงิน มิแยกแยะอะไรถูกอะไรผิด วางยาพิษคุณชายหลี่ ให้ความช่วยเหลือคนทำชั่ว เจ้ามีความผิด
ตู้ตงหงมีหรือจะคิดว่าคู่หมั้นที่อ่อนโยนต่อนางเมื่อครู่นี้ ทันทีที่หันหน้ามาก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นคนละคนไปเลยการตบครั้งนี้นี้ทำให้นางตาพร่า ที่มุมปากก็มีเลือดไหลออกมาด้วยตู้ตงหงกุมหน้าไว้ ยังไม่เข้าใจว่าตนเองผิดอันใด!หลิงอวี๋ทำให้จางเจ๋ออับอาย ท่านอ๋องอี้ผู้พิการนี้ก็เป็นสามีของนาง!ตู้ตงหงและจางเจ๋อควรร่วมมือกันทำให้อับอายกลับไปบ้างไม่ใช่หรือ?“เจ้า… เจ้าตบข้าหรือ?”ตู้ตงหงร้องไห้ออกมา "ข้าทำทั้งหมดนี้เพื่อผู้ใดกัน?"“พี่จางเจ๋อ… คำพูดที่พวกเขาว่ากล่าวเจ้าเมื่อครู่มันไม่น่าฟังถึงเพียงนั้น นี่ข้าจะล้างแค้นให้เจ้านะ!”เมื่อจางเจ๋อได้ยินว่าจนถึงตอนนี้ตู้ตงหงยังคงสร้างความเกลียดชังให้ตนเอง ก็ยิ่งโกรธ แล้วผลักนางออกไปด้วยความรังเกียจพลางดุด่านาง“ข้ากับท่านอ๋องอี้และพระชายาอ๋องอี้มิได้มีความโกรธแค้นต่อกัน! มันแค่ความเข้าใจผิดเล็กน้อย!”“หากเจ้ายังพูดจาไร้สาระอีก ชีวิตคู่ของเราก็นับว่าจบ!”“ไม่… พี่จางเจ๋อ ข้าจะฟังเจ้าทุกอย่าง เจ้าว่าเยี่ยงไรข้าก็ว่าเยี่ยงนั้น!”“เช่นนั้น ข้าจะไม่พูดเรื่องลงโทษท่านอ๋องอี้อีกแล้ว!”เมื่อตู้ตงหงได้ยินว่าการแต่งงานจะจบลง น้ำตาก็ร่วง คว้าแขนเสื้
“ป้ายคำขวัญนี้สำคัญถึงเพียงนั้นเลยหรือ?”คนข้างล่างได้ยินคำพูดของหลิงอวี๋ ก็เอ่ยวิจารณ์กันขึ้นมา“ปรมาจารย์ผู้มีชื่อเสียงคนใดมอบมันให้หรือ?”“ข้าก็บอกแล้วว่า อักษรบนป้ายคำขวัญนั้นไม่ธรรมดา มองปราดเดียวก็ดูเหมือนว่าไม่ใช่คนธรรมดาเขียน!”"ใช่แล้ว อักษรนั่นเขียนขึ้นอย่างลื่นไหล มีความชดช้อยมาก!"ทุกคนมองป้ายคำขวัญนั้น คำพูดประจบประแจงก็ออกจากปากมาเรื่อย ๆ โดยไม่ได้หวังเงินอะไรนี่เป็นโอกาสที่จะทำให้ท่านอ๋องเฉิงกับท่านอ๋องอี้พอใจ พวกเขาจะปล่อยมันผ่านไปได้เยี่ยงไร!“หึ... ไอ้พวกลิงหลอกเจ้า! พวกประจบสอพลอ!”ท่ามกลางเสียงสรรเสริญ ก็มีเสียงที่ไม่คล้อยตามดังขึ้นทันทีที่ทุกคนหันไปมอง ก็เห็นคุณหนูใหญ่กวนพูดเยาะเย้ยท่านอ๋องเฉิงเหลือบมองนาง พลางเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม“เหตุใดเล่า คุณหนูใหญ่กวนคิดว่าป้ายคำขวัญนี้มิดีหรือ? เพราะว่าอักษรที่เขียนไม่ดี?”"มันไม่ดีทั้งหมดนั่นเลย!"เจ้าหนูใหญ่กวนอาศัยคุณงามความดีและความมั่งคั่งของตระกูลกวน นางคอยจับตาดูอยู่ตลอด และนางก็ไม่ได้สนใจท่านอ๋องเฉิงด้วยท่านกวนเอ้อร์จะดึงนางไว้ก็ดึงไม่อยู่ นางเดินไปข้างหน้าอย่างอวดดีแล้วเมื่อครู่ เซียวหลินเทียนปรากฏต
“กวนอิ่ง เจ้ามานี่!”ท่านกวนเอ้อร์เรียก คิดว่าในเมื่อทำให้ขุ่นเคืองแล้ว เขาก็ทำได้เพียงใช้เงินเพื่อแก้ปัญหาแล้วประเดี๋ยวค่อยให้เงินแก่แม่นางหลิง ตระกูลกวนมีเงินตั้งมากมาย เรื่องที่แก้ปัญหาได้ด้วยเงินล้วนไม่ใช่ปัญหากวนอิ่งขมวดคิ้ว พลางเอ่ยอย่างออดอ้อน "ลุงสอง อย่าดังไป เขาคุยเรื่องจริงจังกันอยู่!"“ท่านอ๋องอี้ โปรดคิดให้ดี หม่อมฉันจะให้โอกาสท่านเพียงครั้งเดียวเท่านั้น!”“ท่านพ่อของหม่อมฉันมีหม่อมฉันเป็นบุตรีเพียงผู้เดียว หากท่านอภิเษกกับหม่อมฉัน ทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูลกวนจะเป็นของท่าน! ท่านแม่ของหม่อมฉันก็เตรียมสินสอดมากมายให้ด้วย มีทั้ง…”ยังไม่ทันที่กวนอิ่งจะอวดความมั่งคั่งของนาง เซียวหลินเทียนก็เอ่ยอย่างตรงไปตรงมา"ข้ามีภรรยาแล้ว และข้าจะไม่หย่ากับนางอีกตลอดชีวิตนี้!"“คุณหนูใหญ่กวนหยุดพูดได้แล้ว ท่านอ๋องเฉิงกำลังสอบสวนคดีอยู่ กรุณาถอยออกไป อย่าทำให้ทุกคนเสียเวลา!”กวนอิ่งถูกปฏิเสธอีกครั้ง จู่ ๆ สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไป นางจ้องมองที่เซียวหลินเทียนอย่างดุร้าย พลางเอ่ยถามเสียงดัง“หม่อมฉันมีตรงไหนไม่ดีหรือ? เซียวหลินเทียน ท่านปฏิเสธข้าครั้งแล้วครั้งเล่า คิดว่าหม่อมฉันกว
“เจ้าต้องการให้ข้าขอโทษเจ้า! มันเป็นไปไม่ได้เลยในชีวิตนี้!”ยังไม่ทันที่หลิงอวี๋จะพูดจบ เซียวหลินเทียนก็พูดต่อ "สิ่งที่พระชายาหมายถึงก็เป็นสิ่งเดียวกับที่ข้าจะบอก!"กวนอิ่งถูกทั้งสองแสดงท่าทีเกลียดชังเหมือนกันนั้นก็โกรธมากจนแบบคลั่ง นางยกแส้ขึ้นโดยสัญชาตญาณและคิดจะฟาดไปแต่มือกลับว่างเปล่า แล้วถึงได้นึกขึ้นได้ว่าแส้ถูกเซียวหลินเทียนปัดออกไปแล้วกวนอิ่งหันกลับมาด้วยความโกรธ เห็นแม่ทัพเฉินยังคงยืนอยู่พอดี นางจึงตะโกนทันที“ใต้เท้าเฉิน จับพวกเขา… เซียวหลินเทียนและภรรยาของเขาปลอมลายพระหัตถ์ของไทเฮา มันเทียบเท่ากับการแอบอ้างคำสั่งปลอม รีบจับพวกเขาเร็วเข้า แล้วบั่นหัวพวกเขาต่อหน้าสาธารณชนเสีย!”แม่ทัพเฉินพูดไม่ออก หญิงผู้นี้สมองมีปัญหาเหมือนกับตู้ตงหงหรือไม่?นั่นคือท่านอ๋องอี้ หลานชายแท้ ๆ ของไทเฮานะ?แม้ว่าจะปลอมแปลงป้ายคำขวัญ แต่ไทเฮาจะฆ่าท่านอ๋องอี้ด้วยเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ได้หรือ?“ท่านเฉิน เมื่อครู่ท่านบอกว่าจะจัดการตัดสินอย่างเป็นกลางไม่ใช่หรือ? เหตุใดกัน ตอนนี้หลักฐานก็วางอยู่ตรงหน้าแล้ว แต่ท่านกลับเข้าข้างหลิงอวี๋หรือ?”เสิ่นจวนไม่พอใจกวนอิ่งดึงลูกพี่ลูกน้องของนางไปเกี่ยวข
“อุดปากนาง แล้วลากนางลงไป!”ท่านกวนเอ้อร์ตะคอกด้วยสีหน้าเย็นชาคนรับใช้หลายคนไม่พูดพร่ำทำเพลงปิดปากกวนอิ่ง แล้วรีบลากนางลงไปหลิงอวี๋รู้สึกเสียใจเล็กน้อย การแสดงยังไม่ทันเริ่ม เหตุใดจึงจบลงแล้วเล่า!นางยังอยากเห็นกวนอิ่งถูกไทเฮาตบหน้าอีกนะ!“ไทเฮา พระชายาอ๋องอี้ ท่านอ๋องอี้ กระหม่อมผิดไปแล้ว!”“หลานสาวของกระหม่อมมีอาการป่วยทางจิต เดิมทีกระหม่อมพานางมาหาหมอ ไม่คิดว่าในช่วงระยะหนึ่งที่ไม่ได้ดูนางให้ดี แล้วนางจะออกมาพูดจาไร้สาระเช่นนี้!”ท่านกวนเอ้อร์คุกเข่าลง ทำการคำนับไทเฮาก่อน จากนั้นยกมือขึ้นประสานให้หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียน พลางยิ้มอย่างจนใจ“หวังว่าไทเฮาจะทรงเมตตานาง อย่าได้สนใจคำพูดบ้า ๆ บอ ๆ ของนางเลยพ่ะย่ะค่ะ!”“ต่อไปตระกูลกวนจะจับตาดูนางอย่างใกล้ชิด จะไม่มีทางให้นางออกมาพูดจาไร้สาระอีกพ่ะย่ะค่ะ!”หลิงอวี๋มีความประทับใจที่ดีต่อท่านกวนเอ้อร์ แม้จะรู้ว่าเขาหาข้ออ้างมาล้างความผิดให้คุณหนูใหญ่กวนก็ตามแต่ในฐานะลุง เพื่อจะไม่ทำให้ไทเฮาและพวกเขาทั้งสองคนขุ่นเคือง ก็สามารถบอกว่าการยั่วยุของหลานสาวตนเองว่าเป็นอาการป่วยทางจิตไปได้!ความกล้าตัดสินใจเด็ดขาดในยามวิกฤติเช่นนี้ทำใ
คุณชายกวนหวั่นฝูงชนกระหน่ำซ้ำเติมสกุลกวน ทั้งยังยั่วยุความไม่พอใจของไทเฮาเขามองขอความช่วยเหลือทางท่านอ๋องเฉิง แค่คิดรีบผ่านเรื่องนี้ไปโดยเร็ว หากการสนทนาดำเนินต่อไป เขาจะรู้สึกละอายใจอย่างยิ่งแทนกวนอิ่งสิท่านอ๋องเฉิงยังมีมิตรภาพกับท่านกวนอยู่ ครั้นเห็นสายตาเขาก็ไม่อยากให้ฝูงชนโจมตีอีก บางทีก็ควรไว้หน้าแซ่กวนสักหน่อยท่านอ๋องเฉิงกล่าวยิ้มตาหยี “ไทเฮาเป็นพยานให้พระชายาอ๋องอี้ด้วยพระองค์เอง เช่นนั้นคดีนี้ยุติลงได้พ่ะย่ะค่ะ!”“เซียวหลินเทียน เพื่อคุ้มครองป้ายระลึกที่ไทเฮาพระราชทานแก่ท่าน ได้พลั้งมือฆ่าอันธพาล ตัวข้าจิตใจซื่อสัตย์ภักดีหาสุดมิได้ต่อท่าน ขอตัดสินท่านไร้ความผิด!”“ทุกท่าน ตัวข้าตัดสินคดีเช่นนี้มินับว่าถือหางคนมีอำนาจใช่หรือไม่? ยังมีผู้ใดมิยอมรับอีกหรือไม่?”“ไทเฮาอยู่ที่นี่ หากมิยอมรับพวกเจ้าสามารถยื่นอุทธรณ์ไทเฮาได้!”ฝูงชนชำเลืองมองหน้ากัน อย่าว่าแต่ท่านอ๋องอี้ฆ่าอันธพาล ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นมีเหตุจริง ๆ!คิดแค่ว่าอ๋องอี้คือหลานทางสายเลือดของไทเฮา แล้วผู้ใดยังกล้ามิยอมรับเล่า!?เสิ่นจวนหดตัวลดการปรากฏของตนสุดกำลัง หมายล่องหนหายไปจากที่นี่บัดเดี๋ยวนั้น ไฉนจะกล้าพูด
เจิงจื่ออวี้พลันรีบหลบในฝูงชนเงียบเชียบ เมื่อสายตาไทเฮาตกสู่ร่างเสิ่นจวนหลังฟังคำพูดไทเฮาจบ เจิงจื่ออวี้มีความคิดแค่ทางเดียวภายหน้าต้องห่าง ๆ กับเสิ่นจวนสักหน่อย นางยังมิได้เป็นแม่สื่อ มิอาจมีสหายอย่างเสิ่นจวนได้เพราะจะพัวพันถึงชื่อเสียงตนหลังไทเฮาเอ่ยจบก็มิได้สนใจอีกกับเสิ่นจวนที่ไร้เรี่ยวแรงดั่งโคลน หน้าหันไปทั่วลานพลางเอ่ยเสียงขรึม“ข้าพูดแนะนำอาอวี๋ก็เพื่อหมอทุกคนในเมืองหลวง!”“ข้าหวังพวกเจ้าทุ่มเทศึกษาวิชาแพทย์ เพื่อรักษาคนป่วยไข้เต็มที่! มีจิตเมตตากรุณาช่วยคนเจียนตายและรักษาผู้บาดเจ็บ!”ทุกคนที่อยู่ลานคุกเข่าลงตาม ๆ กัน หมอเหล่านั้นพูดเป็นเสียงเดียวกันอย่างตื่นเต้น“น้อมรับคำสั่งสอนของไทเฮา พวกเราจะทุ่มเทศึกษาวิชาแพทย์มีจิตเมตตากรุณาช่วยคนเจียนตายและรักษาผู้บาดเจ็บแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”บัดนี้ไทเฮาเหลียงบ่ายทางหลิงอวี๋อย่างพึงพอใจ“อาอวี๋ เดิมทีข้าออกวังหมายดูเจ้ารักษาคนเช่นไร! แต่วันนี้เสียเวลาออกวังนานเกินไปแล้ว ข้าควรกลับวังได้แล้ว! ไว้คราวหน้าเถอะ!”แม่นมเว่ยก้าวไปข้างหน้าพยุงไทเฮา เอ่ยยิ้มตาหยีว่า“พระชายาอ๋องอี้ พิธีเปิดกิจการวันนี้เอิกเกริกนักเจ้าค่ะ! เมื่อครู่ไทเ