“หญิงสารเลว! เจ้ากล้ามายุ่งเรื่องของข้า!”จ่างหนิงรู้สึกหงุดหงิดทันที นางฉลาดมาตั้งแต่เด็ก ทั้งยังเป็นที่รักของพระชายาเว่ยเพราะว่านางเหมือนฮองเฮาเว่ยทุกประการ นางจึงได้รับความโปรดปรานอย่างมากจากฮองเฮาเว่ยอยู่ในวัง พวกนางกำนัล ขันทีและแม่นมที่ไม่กล้าทำให้ฮองเฮาเว่ยขุ่นเคืองเหล่านั้น ใครเห็นนาง ต่างก็ปฏิบัติต่อนางอย่างเคารพกันหมดไม่ใช่หรือ?สถานะของจ่างหนิง อาจกล่าวได้ว่าไม่ใช่องค์หญิง แต่ก็ชนะเหนือกว่าองค์หญิงแล้ว!นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นคนกล้าเข้ามายุ่งเรื่องของตน ศักดิ์ศรีของนางถูกท้าทาย นางจึงโกรธขึ้นมา“พวกเจ้าลากนางออกไป ดึงนางลงแล้วทุบตีนางให้แรง ๆ ซะ!”ในเรือนพระชายาเว่ยลงโทษบ่าวที่ทำผิดเช่นนี้ ตอนนี้จ่างหนิงก็กำลังทำตามแบบเดียวกัน!นางไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าตัวตนของพระชายาอ๋องอี้คืออะไร มีหรือที่นางอยากจะทุบตีก็ทำได้ทุกเมื่อ!แม้ว่าเซียวหลินเทียนจะรู้ว่านางกำนัลในวังไม่กล้าลงมือทำอะไรกับหลิงอวี๋ แต่เขาก็ยังตกใจกับภาพนี้อยู่ดีขาทั้งสองของเขาพิการ หรือว่าพระชายาของเขาเองจะถูกทำให้อับอายเช่นนี้ในวังอย่างนั้นหรือ?เขาจำได้ว่าตอนนั้น หลังจากที่แม่ของเขาเสียชีวิต องค์ชาย
“ใครก็ได้มานี่ที!”หลิงอวี๋เห็นหลิงซวนหมดสติไปแล้ว จึงตะโกนอย่างร้อนใจนางคนเดียวไม่มีทางอุ้มหลิงซวนไปรักษาได้!เซียวหลินเทียนเห็นท่าทางกังวลทำอะไรถูกของหลิงอวี๋ ก็ไม่สามารถมองเฉยอยู่ได้อีกต่อไป จึงแสดงท่าทีให้ลู่หนานไป"ไปช่วยนาง!"“พระชายา! ข้ามาแล้ว!”ลู่หนานดูอยู่อย่างกังวลมานานแล้ว เมื่อได้รับคำสั่งจากเซียวหลินเทียน เขาก็รีบวิ่งเข้าไปทันที"ลู่หนาน เจ้ามาแล้ว ดีจริง ๆ!"ทันทีที่หลิงอวี๋เห็นลู่หนานมา ก็รู้สึกราวกับเห็นผู้ช่วยชีวิต จึงเอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว "อุ้มนางขึ้นช้า ๆ แล้วรีบตามข้ามา!"ลู่หนานอุ้มหลิงซวนขึ้นมาอย่างระมัดระวังตามคำสั่งของนางเลือดของหลิงซวนทำให้เสื้อคลุมของเขาเป็นสีแดงฉานในทันที เขาขมวดคิ้วอย่างกังวล เช่นนี้ยังจะช่วยได้หรือ?"ไป!"หลิงอวี๋หันกลับมาเห็นว่าไป่ซุ่ยตามมาด้วย เซียวหลินเทียนก็เข็นรถล้อของเขาตามมาด้วยเช่นกัน“ไป่ซุ่ย เจ้าช่วยหาห้องที่สะอาดให้ข้าหน่อยได้หรือไม่? ข้าจะช่วยหลิงซวน!”ไป่ซุ่ยหวาดกลัวจนหน้าซีด แต่นางยังคงเอ่ยอย่างสงบ"มีห้องที่สะอาดในตำหนักเหยียนฝู พวกท่านตามข้ามา!"หลิงอวี๋ไม่มีเวลาคิดว่าเหตุใดเซียวหลินเทียนถึงอยู่ที่นี่ นางโ
“มา ๆ เซียวหลินเทียน ท่านมาทำความรู้จักกับเครื่องมือเหล่านี้สักหน่อย อีกประเดี๋ยวหม่อมฉันจะให้ท่านช่วยส่งอะไรท่านจะได้ส่งให้ได้ทันที!”หลิงอวี๋เข็นเซียวหลินเทียนไปที่หน้าโต๊ะ ชี้เครื่องมือผ่าตัดของนางให้เขารู้จักทีละอันเซียวหลินเทียนขมวดคิ้วจ้องเครื่องมือที่ดูแปลกตาเหล่านี้ เขาไม่เข้าใจว่าหลิงอวี๋พยายามจะทำอะไรแต่ความทรงจำของเขานั้นน่าทึ่งมาก หลิงอวี๋พูดไปครั้งเดียวก็จำทุกอย่างได้เลยเดิมทีเรื่องพวกนี้ให้หลิงซินทำก็ได้ แต่หลิงซินยังเด็กนัก หลิงอวี๋กลัวว่านางเห็นเลือดออกแล้วจะสติแตก จึงให้นางออกไปเฝ้าประตูไว้หลิงอวี๋หยิบแอลกอฮอล์ออกมา ฆ่าเชื้อที่มือของเซียวหลินเทียน แล้วสวมถุงมือปลอดเชื้อให้เขา พลางเอ่ยอย่างอดทน“เมื่อสวมถุงมือแล้ว อย่าสัมผัสสิ่งอื่นใดเป็นอันขาด เพื่อหลีกเลี่ยงการปนเปื้อนของเชื้อโรค มันจะทำให้แผลของหลิงซวนติดเชื้อได้!”ลู่หนานเห็นเซียวหลินเทียนถูกหลิงอวี๋ควบคุมไว้เช่นนั้น ก็ทั้งอยากรู้ทั้งอยากหัวเราะเขาเคยเห็นเซียวหลินเทียนมีท่าทีซื่อ ๆ เช่นนี้เมื่อใดกัน!"ข้าสามารถทำสิ่งใดได้บ้างขอรับ?"ลู่หนานถามอย่างกระตือรือร้น“ข้าต้องเจาะเลือดจากเจ้าเพิ่มอีก! ประเดี
หลายปีก่อน ที่บ้านเกิดของหลิงซวนเกิดน้ำท่วมหนัก พ่อแม่ของหลิงซวนเสียชีวิตทั้งคู่จากน้ำท่วมครั้งนั้นหลิงซวนโดดเดี่ยวและทำอะไรไม่ถูก ถูกลักพาตัวมาขายจึงได้เข้ามาในวังครอบครัวของขันทีเซี่ยทั้งหมดเสียชีวิตแล้ว เหลือเพียงหลานสาวคนนี้เท่านั้น!ก่อนหน้านี้ขันทีเซี่ยวางแผนจะรอจนกว่าหลิงซวนอายุครบสิบแปดปี แล้วจะขอให้นางออกจากวังไปแต่งงาน เพื่อที่เขาจะได้สืบทอดสายเลือดของตระกูลเซี่ยต่อไป!ขันทีเซี่ยจัดให้หลิงซวนทำงานทั่วไป เพราะเขาไม่อยากให้นางต้องถูกนางสนมทำให้ลำบาก!ใครจะคิดว่าเหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งปีเท่านั้น หลิงซวนก็จะได้ออกจากวังแล้ว แต่กลับกลายเป็นเช่นนี้!ขันทีเซี่ยกำมือแน่น หายใจเข้าลึก ๆหลิงซวนกำลังจะตาย ตระกูลเซี่ยจะไม่มีความหวังแล้ว!เขาเป็นคนโปรดต่อหน้าจักรพรรดิอู่อัน แต่เขาไม่มีแม้แต่ความสามารถในการปกป้องหลานสาวของตนด้วยซ้ำ!หากเขาตายไป เขาจะมีหน้าอะไรไปพบพ่อแม่พี่น้องของเขาในโลกหลังความตายเล่า!ความโกรธของขันทีเซี่ยปะทุขึ้น!แม้ว่าเขาจะเป็นทาสที่ต่ำต้อยที่สุด แต่เขาไม่ใช่ทาสที่ใคร ๆ ก็มารังแกได้!หากทำให้เขากระวนกระวายใจ เขาจะทำให้คนเหล่านั้นรู้ว่าคนเราเกิดมาต่างก็มี
ลู่หนานมองที่ถุงเลือด เลือดของเขาไหลลงมาตามท่อเข้าสู่ร่างกายของหลิงซวนทีละหยด!สิ่งนี่้ทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ!เขาช่วยชีวิตหลิงซวน เลือดของเขาไหลเวียนอยู่ในร่างกายของนาง...นี่มันก็หมายความว่านอกจากญาติสนิทของเขาแล้ว นางก็ยังถือเป็นญาติของเขาด้วยเช่นกันไม่ใช่หรือ!"พระชายา..."“หลิงอวี๋!”ลู่หนานกับเซียวหลินเทียนเอ่ยปากพูดพร้อมกันลู่หนานเห็นว่าเซียวหลินเทียนมีเรื่องจะพูด จึงทำได้เพียงอดทนไว้ก่อน“พวกเจ้าจะพูดสิ่งใด?” หลิงอวี๋เอ่ยถามอย่างแปลกใจเซียวหลินเทียนไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องคนอื่น แต่เมื่อเห็นหลิงอวี๋ช่วยรักษานางกำนัลในวังอย่างใส่ใจในวันนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากเตือนนาง“เจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่ว่า หลิงซวนไปทำให้จ่างหนิงขุ่นเคือง!”“แม้ว่านางจะรอดพ้นจากความตายมาได้! แต่ขอเพียงนางอยู่ในวังเพียงหนึ่งวัน สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็จะเกิดขึ้นอีก!”หลิงอวี๋ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อครู่นางยุ่งอยู่กับการช่วยชีวิตไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย!ตอนนี้ได้รับการเตือนจากเซียวหลินเทียนจึงนึกเรื่องนี้ขึ้นมาสิ่งนี้มันเป็นปัญหาจริง ๆ!หลิงอวี๋มองหลิงซวนที่ยังคงหลับอยู่ แล้วเริ่มครุ
จู่ ๆ เรือนบุหงาก็มีหลิงซวนเพิ่มเข้ามา เรื่องการขยายเรือนจึงถูกบีบว่าต้องทำทันทีเมื่อหลี่ต้าหนิวพาคนมาในวันรุ่งขึ้น หลิงอวี๋ก็คิดแล้วตรงไปหาเซียวหลินเทียน คิดว่าจะย้ายคนในเรือนบุหงาไปเรือนที่ว่างอยู่ก่อน รอให้การก่อสร้างเสร็จแล้วแล้วค่อยย้ายพวกเขากลับมาทันทีที่จ้าวซวนเห็นหลิงอวี๋มา เขาก็พาเข้าไปในห้องตำราด้วยรอยยิ้ม พลางเอ่ยอย่างกระตือรือร้น "ท่านอ๋องอยู่ขอรับ เชิญพระชายาขอรับ!"หลิงอวี๋ก็ไม่เกรงใจ พอเดินเข้าไปเห็นเซียวหลินเทียนนั่งอยู่ที่โต๊ะหนังสือ นางก็บอกความตั้งใจของนางไปตรง ๆทันทีที่เซียวหลินเทียนได้ยินก็เอ่ยออกมา "เรือนบุหงาไม่เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยจริง ๆ! ตำหนักนี้มีเรือนว่างอยู่มากมาย เจ้าชอบเรือนไหนก็ย้ายไปอยู่ได้เลย! ไม่ต้องย้ายกลับมาอีกหรอก!"หลิงอวี๋ส่ายหน้าพลางเอ่ย "หม่อมฉันชอบเรือนบุหงามาก ปรับปรุงใหม่เสียหน่อยก็จะเป็นเรือนใหม่แล้ว! หม่อมฉันเป็นคนที่เชิญทุกคนมาอยู่ หากท่านไม่ว่าอะไรหม่อมฉันจะเลือกเรือนหอมหมื่นลี้อยู่ใกล้กับเรือนบุหงามากที่สุดแล้วกัน!"“ข้าไม่ว่าอะไรหรอก!” เซียวหลินเทียนพยักหน้าหลิงอวี๋หันหลังจากไปอย่างมีความสุข“หลิงอวี๋… ข้ายังมีเรื่องจะพูด
หลังจากนวดไปสักพัก หลิงอวี๋ก็แทงเข็มเงินที่ตัวเซียวหลินเทียน เข็มเงินหลายเล่มถูกแทงเข้าไปในจุดฝังเข็มบนน่องของเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนรู้สึกเพียงว่า ขาของเขาร้อนผ่าว เขาเอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจ "ข้ารู้สึกได้! มันร้อนผ่าว!"หลิงอวี๋พยักหน้า แทงเข็มไปที่ขาทั้งสองข้างของเขาอีกรอบ จากนั้นก็เก็บเข็มเงินออกไปพลางเอ่ย“หม่อมฉันจะเปลี่ยนตำรับโอสถให้ท่านใหม่! ท่านกินยาไปสามวัน แล้วหม่อมฉันจะฝังเข็มให้ท่านอีก!”"หม่อมฉันไม่อาจสัญญากับท่านได้ว่าจะใช้เวลารักษาท่านนานแค่ไหนถึงจะหายดี!"“หม่อมฉันคิดว่า จากสถานการณ์ในวันนี้ ใช้เวลาหนึ่งเดือนกว่าน่าจะลุกขึ้นเดินได้แล้วกระมัง! หากฟื้นตัวดีก็จะใช้เวลาไม่ถึงเดือน!”หนึ่งเดือนกว่า?ในตอนแรกเซียวหลินเทียนคิดว่า มันจะใช้เวลานานมาก แต่เมื่อเขาได้ยินว่าใช้เวลาหนึ่งเดือนกว่า ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจหนึ่งเดือนกว่า? เขาจะสามารถกลับมาเป็นปกติเหมือนก่อนหน้านี้ได้หรือ?“ขหม่อมฉันขออภัย เส้นประสาทที่ขาของท่านต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะฟื้นตัว หากท่านรอไม่ไหว หม่อมฉันจะพยายามคิดหาวิธีที่จะย่นระยะเวลาให้สั้นลง!”หลิงอวี๋เห็นสีหน้าของเซียวหลินเทียน
บางทีอาจจะเป็นเพราะหลิงอวี๋ช่วยเซียวหลินเทียนไว้อย่างใหญ่หลวงนัก พอเซียวหลินเทียนเห็นว่ามีการก่อสร้างเรือนบุหงา เขาจึงให้จ้าวซวนส่งทหารองครักษ์และบ่าวรับใช้ชายในตำหนักไปช่วยที่เรือนบุหงามีคนช่วยเหลือมากมายถึงเพียงนี้ ภายในวันเดียว หลี่ต้าหนิวจึงได้ประกอบโครงห้องที่สร้างขึ้นใหม่หลายห้องได้เสร็จสิ้นเลยวันรุ่งขึ้นจ้าวซวนก็จ้างช่างมามากหลาย ช่วยกันคนละไม้คนละมือก็วางอิฐเรือนเสร็จเมื่อหลิงอวี๋กลับมาจากโรงเหยียนหลิง นางตกใจก็กับความเร็วของการก่อสร้างเรือนบุหงา เรือนบุหงากว้างขวางขึ้นและเริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว เหลือเพียงรายละเอียดบางส่วนเท่านั้นนางพาหลิงเยวี่ยเดินไปรอบ ๆ อย่างตื่นเต้น ดูว่ายังมีรายละเอียดใดที่จำเป็นต้องเพิ่มอีกหรือไม่สวนดอกไม้ด้านหลังมีขนาดใหญ่มาก เรือนที่สร้างขึ้นใหม่ก็มีขนาดใหญ่เป็นสองเท่าของเรือนบุหงาดั้งเดิมตอนที่หลิงอวี๋ออกแบบก่อนหน้านี้ก็ทำห้องน้ำส่วนรวม และห้องนอนหลายห้องก็มีห้องน้ำส่วนตัวด้วยบริเวณตรงกลางสวน นางเหลือพื้นที่ให้หลิงเยวี่ยได้เล่นและออกกำลังกาย ทั้งยังได้ทำชิงช้าให้หลิงเยวี่ยด้วยทางเรือนบุหงามีการทาสีใหม่ หน้าต่างทั้งหมดล้วนเปลี่ยนเป็นกระ
เมื่อเซียวหลินเทียนได้ยินสิ่งนี้ก็ให้พวกจ้าวซวนเก็บค่ายละออกเดินทางสู่เยวี่ยใต้ในวันนั้นทันทีระหว่างทางเซียวหลินเทียนก็ซักถามขันทีโม่เกี่ยวกับสถานการณ์ของวังเทพ และได้รู้เรื่องมากมายเกี่ยวกับวังเทพจากปากของขันทีโม่“วังเทพถูกสร้างขึ้นบนภูเขาน้ำแข็ง ตระกูลหวงฝู่อาศัยอยู่อย่างสันโดษในวังเทพมาเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว เรื่องนี้วัยรุ่นรุ่นหลังในแดนเทพก็มิรู้ ผู้ที่อายุมากก็ละเรื่องทางโลกเพราะตระกูลหวงฝู่ และไม่มีใครไปยุ่งเกี่ยวพวกเขา!”ขันทีโม่เอ่ย “คาดว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะพาหลิงอวี๋บุกไปที่วังเทพโดยบังเอิญ ตามรูปแบบของตระกูลหวงฝู่แล้ว จะไม่มีทางช่วยคนมิดีกักขังหลิงอวี๋ เว้นแต่ว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะสร้างปัญหา!”เซียวหลินเทียนกังวลมาก หลิงอวี๋หายไประยะหนึ่งแล้ว ตอนนี้นางจะเป็นอย่างไรบ้าง?พวกเขาเข้าสู่เยวี่ยใต้ในวันรุ่งขึ้น ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนให้จ้าวซวนส่งคนไปแจ้งมู่หรงเหยียนซงว่า เขาแค่อาศัยเส้นทางไปภูเขาเทียนซาน มิจำเป็นต้องให้มู่หรงเหยียนซงมาพบตนภูเขาเทียนซานอยู่บริเวณชายแดนเยวี่ยใต้ ยิ่งเข้าไปก็ยิ่งห่างไกลเพื่อที่จะไปถึงภูเขาเทียนซานโดยเร็วที่สุด เซียวหลินเทียนจึงพาแค่เผยอวี้กับ
ในตอนแรกเริ่มของคนเรา มีนิสัยเนื้อแท้ที่ดี!หลิงอวี๋คิดว่าหวงฝู่หมิงจูยังเด็ก ยังสามารถปรับตัวได้อยู่ จึงพูดเหตุผลกับนางอย่างอดทนหวงฝู่หมิงจูถูกเจ้าวังกับนางกำนัลเอ็นดูมาโดยตลอด เพราะเกิดมาแล้วมีโรคประหลาดเช่นนี้ จึงแทบไม่มีใครมิเชื่อฟังนางสิ่งเหล่านี้ที่หลิงอวี๋พูดทำให้นางรู้สึกแปลกใหม่ เป็นครั้งแรกที่นางตั้งใจฟังหลังจากที่หลิงอวี๋ป้อนโจ๊กเสร็จ ก็เห็นว่าเจ้าวังน้อยยังคงมองนางอย่างคาดหวังราวกับว่ายังมิอิ่ม“ท่านกำลังป่วยอยู่ กระเพาะและลำไส้อ่อนแอ กินน้อยลงหน่อย รอท่านหายดี แล้วบ่าวจะทำอาหารอร่อย ๆ ให้ท่านกินหลาย ๆ อย่างเลยเพคะ!”หลิงอวี๋เก็บชามกำลังจะจากไป หวงฝู่หมิงจูก็ดึงนางไว้แล้วเอ่ยอย่างอ่อนแอ “พี่อาอวี๋ ข้านอนมิหลับ เจ้าคุยกับข้าหน่อย!"หลิงอวี๋คิดแล้ววางชามลง จากนั้นก็นอนลงข้างเตียงของนาง “หากนอนมิหลับพี่สาวจะเล่านิทานให้ท่านฟัง!”“กาลครั้งหนึ่ง มีลิงตัวน้อยตัวหนึ่งกำเนิดขึ้นจากธรรมชาติ อยู่มาวันหนึ่งภูเขาถล่มแผ่นดินทลาย และแล้วลิงน้อยจึงถือกำเนิดขึ้น...”เรื่องนี้เข้ามาในหัวของหลิงอวี๋ นางจึงเล่าให้หวงฝู่หมิงจูฟังหวงฝู่หมิงจูมิเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน จึงฟังอย่างเ
วันรุ่งขึ้นเมื่อเสวี่ยอวิ๋นตื่นขึ้นมา หลิงอวี๋ก็ซ่อนเห็ดหลินจือหิมะกับเครื่องยาสมุนไพรที่มิรู้จักที่เหลืออยู่ไว้แล้วมิใช่ว่านางตระหนี่ มิยอมบอกเสวี่ยอวิ๋นว่าตนช่วยหวงฝู่หมิงจูไว้ได้อย่างไรแต่เรื่องที่ปู้ติงหายามาให้ตนนั้นมหัศจรรย์มากเกินไป หลิงอวี๋มิอยากให้ใครรู้ยิ่งไปกว่านั้นคือ หลิงอวี๋กังวลว่าท่านน้าหลินจะกลับคำ มิยอมปล่อยตนลงจากภูเขา ดังนั้นจึงเก็บไว้เมื่อเห็นว่าเลือดของหวงฝู่หมิงจูหยุดไหลแล้ว เสวี่ยอวิ๋นก็ตกใจจนมิอยากจะเชื่อ นางสะอื้นแล้วทำมือซักถามหลิงอวี๋ว่าเกิดอะไรขึ้นหลิงอวี๋แสร้งทำเป็นมิเข้าใจ เสวี่ยอวิ๋นก็กังวลจนหาปากกากับกระดาษมาเขียนถามหลิงอวี๋ ‘เครื่องยาสมุนไพรใดที่ได้ผล?’“ข้ามิรู้ ข้าตื่นมาเจ้าวังน้อยก็เลือดหยุดไหลแล้ว!”หลิงอวี๋มิได้รู้สึกผิดแม้แต่น้อย นางมิใช่ทาสของวังเทพ นางเพียงต้องการลงจากภูเขาไปตามหาน้องสาวของตน นี่เป็นวิธีปกป้องตนเองของนางหากท่านน้าหลินพูดคำไหนคำนั้น ก่อนไปนางก็จะบอกท่านน้าหลินว่าเครื่องยาสมุนไพรอะไรที่ใช้ได้เมื่อวานนี้เสวี่ยอวิ๋นร่วมผสมยาอยู่กับหลิงอวี๋ตลอด นางจำวิธีการผสมเหล่านั้นได้แล้ว เมื่อเห็นว่าหลิงอวี๋มิยอมบอก ก็มิถามอี
หลิงอวี๋มองปู้ติงอย่างกังวล แต่ปู้ติงก็มิได้เป็นอะไรดูเหมือนมันจะมิพอใจที่หลิงอวี๋ง้างปาก ทำให้มันมิสบายตัว มันจึงพยายามดิ้นให้หลุดออกจากมือของหลิงอวี๋แล้วกลิ้งไปบนพื้นอยู่หลายครั้งปู้ติงร้องออกมาแล้ววิ่งออกไปไกล จากนั้นก็หายตัวไปในทันทีหลิงอวี๋รีบจับคาเฟยใส่ในกรงแล้วไล่ตามไปในทิศทางที่ปู้ติงหายไปแต่หลังจากไล่ตามรอบแล้วก็ไม่มีวี่แววของปู้ติงเลยหลิงอวี๋วนดูอีกรอบ แต่ก็ยังมิเจอปู้ติงหลิงอวี๋หาจนเหนื่อยแล้วจึงคิดว่าปู้ติงกังวลว่าจะถูกตนดุก็เลยไปซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่ง รอตอนรุ่งสางแล้วค่อยหาอีกทีแล้วกันนางจึงเดินกลับไปที่โถงใหญ่หวงฝู่หมิงจูยังคงนอนมิได้สติ เสวี่ยอวิ๋นก็ทนมิไหวหลับไปแล้วเช่นกันหลิงอวี๋นั่งอยู่หน้าเตียงของหวงฝู่หมิงจูพลางกังวลใจ หากมิสามารถห้ามเลือดได้ หวงฝู่หมิงจูจะตกอยู่ในอันตราย เช่นนั้นควรทำอย่างไรดี!นางคิดแล้วก็รู้สึกง่วงเล็กน้อย จึงหลับไปอย่างงุนงง มิรู้ว่าหลับไปนานเท่าใด ทันใดนั้นก็ดูเหมือนจะได้ยินเสียงหมาป่าหอนปู้ติงหรือ?หลิงอวี๋ลืมตาขึ้นทันทีแล้วก็เห็นปู้ติงถูไปมาที่ข้างเท้าของตนมิเจอแค่ประเดี๋ยวเดียว ดูเหมือนว่ามันจะโตขึ้นเป็นเท่าตัวแล้วตำ
หลังจากป้อนยาไปแล้ว หลิงอวี๋กับเสวี่ยอวิ๋นก็รอดูผลลัพธ์กันอย่างกระวนกระวายแต่ผ่านไปหนึ่งชั่วยามแล้ว เลือดของหวงฝู่หมิงจูยังคงมิหยุดไหลและยังคงไหลออกมาอย่างช้า ๆ“เหตุใดมิได้ผล?”หลิงอวี๋รู้สึกปวดหัวขึ้นมา นางมองไปทางเสวี่ยอวิ๋นด้วยสีหน้าสับสนดวงตาที่งดงามของเสวี่ยอวิ๋นฉายแววผิดหวัง แต่เมื่อนึกถึงเจ้าวังที่มีทักษะการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมก็ยังหมดหนทางกับอาการป่วยของเจ้าวังน้อย การที่อาอวี๋ผู้นี้จะมิสามารถห้ามเลือดของเจ้าวังน้อยได้ก็เป็นเรื่องปกติ“เจ้าวังเองก็ใช้เครื่องยาสมุนไพรเหล่านี้ด้วยนี่!”เสวี่ยอวิ๋นหยิบปากกากับกระดาษออกมาเขียนยุกยิกแล้วให้หลิงอวี๋อ่านสุดท้ายก็เขียนว่า “เครื่องยาสมุนไพรที่ใช้กับเจ้าวังน้อยคือเห็ดสีม่วงซึ่งหายาก ออกดอกสามสิบปีครั้ง เจ้าวังจึงลงจากภูเขาไปหาเครื่องยาสมุนไพรนี้!”หลิงอวี๋มองเครื่องยาสมุนไพรที่เสวี่ยอวิ๋นเขียนแล้วจมอยู่ในความคิดยาเหล่านี้บางชนิดสามารถห้ามเลือดได้จริง ๆ แต่การรวมกันมิเหมาะสมนัก ดูท่าทางชื่อเสียงการเป็นหมอชั้นเซียนของหวงฝู่หลินนั้นจะเป็นเพียงการโอ้อวด เขามีความรู้เพียงเล็กน้อยในการใช้ยาเหล่านี้หลิงอวี๋มิเคยได้ยินชื่อเห็ดสีม่วง
หลิงอวี๋มิเชื่อข่าวลือเรื่องการถูกสาป แต่คำพูดของปี้เอ๋อร์ให้แนวทางแก่นาง ทำให้นางรู้ว่าที่หวงฝู่หมิงจูเลือดออกมิได้เกิดจากไข้ฝีดาษหลิงอวี๋สงบใจลงพลางครุ่นคิดว่าจะรักษาหวงฝู่หมิงจูอย่างไรดีสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ต้องห้ามเลือดก่อน มิฉะนั้นหวงฝู่หมิงจูจะมิได้ตายด้วยเชื้อไข้ฝีดาษ แต่จะตายเพราะเลือดออกมากเกินไปแต่ต้องใช้อะไรห้ามเลือดเล่า?จู่ ๆ ก็มีเครื่องยาสมุนไพรจำนวนนับมิถ้วนผุดขึ้นมาในหัวของหลิงอวี๋ นางจึงรีบเดินไปที่หน้าต่างแล้วตะโกนออกไปข้างนอก “ใครก็ได้ เชิญพี่เสวี่ยเหมยมาพบข้าที!”ด้านนอกตำหนักรุ่ยจูมีคนเฝ้ายามอยู่ จึงนำคำขอของหลิงอวี๋ส่งต่อไปทันทีมินานเสวี่ยเหมยก็รีบมา ยืนอยู่นอกโถงแล้วตะโกน “อาอวี๋ มีเรื่องอันใดหรือ?”“ข้าต้องการเครื่องยาสมุนไพร เจ้าให้คนส่งมาให้ข้าที!”หลิงอวี๋จึงบอกเครื่องยาสมุนไพรที่ต้องการไปเสวี่ยเหมยสงสัย “อาอวี๋ เจ้ามีทักษะการแพทย์หรือ? เจ้าอย่าได้ให้ยาสุ่มสี่สุ่มห้ากับเจ้าวังน้อย หากเจ้าทำให้เจ้าวังน้อยตาย ข้าช่วยเจ้ามิได้นะ!”“เจ้าวังน้อยติดเชื้อไข้ฝีดาษ ไม่มีเครื่องยาสมุนไพรนางก็ตาย! ข้ามีทักษะการแพทย์เล็กน้อย เจ้าหาเครื่องยาสมุนไพรมาให้ข้า
คืนนั้นหลิงอวี๋กับปี้เอ๋อร์ก็พาปู้ติงกับคาเฟยย้ายไปที่ตำหนักรุ่ยจูหลิงอวี๋มิได้ไปดูสภาพน่าสังเวชที่เสวี่ยหลานถูกโยนเข้าไปในถ้ำหมาป่า ถึงอย่างไรเมื่อเห็นความตื่นเต้นที่ยากจะซ่อนเร้นบนใบหน้าเย็นชาของเสวี่ยเหมยนั้นก็เดาได้เลยว่า เสวี่ยหลานต้องถูกหมาป่ากัดฉีกเป็นชิ้น ๆ เป็นแน่สำหรับเสวี่ยเหมย หลิงอวี๋ก็มิกล้าเข้าใกล้มากเกินไปเช่นกันก่อนหน้านี้เป็นเพราะมีเป้าหมายเดียวกัน ดังนั้นเสวี่ยเหมยจึงมองตนแตกต่างออกไป หากวันหนึ่งตนไปคุกคามถึงตำแหน่งของเสวี่ยเหมย เสวี่ยเหมยไม่มีทางเมตตาต่อตนแน่หวงฝู่หมิงจูถูกทรมานจนลมปราณเสียหายอย่างรุนแรง แม้ว่าชีวิตจะมิได้ตกอยู่ในอันตรายแล้วแต่ก็มีไข้สูงในคืนนั้นเมื่ออาการป่วยแย่ลง ตุ่มน้ำก็เกิดขึ้นเสวี่ยเหมยได้ยินข่าวก็รีบมา เมื่อเห็นตุ่มน้ำบนใบหน้าของหวงฝู่หมิงจูก็ตกใจจนถอยหลังไปหลายก้าว แล้ววิ่งออกไปอย่างตื่นตระหนกไข้ฝีดาษ!นี่เป็นโรคติดต่อที่สามารถทำให้ตายได้!ปีที่แล้วนางกำนัลน้อยติดเชื้อไข้ฝีดาษแล้วแพร่เชื้อให้นางกำนัลหลายคน โรคนี้ไม่มียารักษาให้หายขาดได้ จึงถูกเจ้าวังสังหารแล้วเผาศพไปเสวี่ยเหมยรู้ถึงความร้ายแรงของโรคนี้เสวี่ยเหมยตกใจจนมิรู
สายตาเยือกเย็นของท่านน้าหลินจับจ้องไปที่เสวี่ยหลาน เสวี่ยหลานถูกมองเช่นนั้นก็รู้สึกหนาวไปทั้งตัวแต่นางก็ยังคงยืนกรานแล้วเอ่ย “ท่านน้าหลิน ข้ามิได้ทำจริง ๆ เจ้าค่ะ! ข้ามิรู้…”“มิรู้?”ท่านน้าหลินเค้นคำนี้ลอดไรฟันออกมาทีละคำเสวี่ยหลานผู้นี้อาศัยความงามของตน อยากจะปีนขึ้นเตียงของหวงฝู่หลินก่อนหน้านี้ท่านน้าหลินยอมให้นาง เพราะอาหารที่นางทำได้รับความพึงพอใจจากหวงฝู่หมิงจูมากจริง ๆท่านน้าหลินมิอยากทำให้หวงฝู่หมิงจูมิพอใจ แล้วส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของตนกับหวงฝู่หลิน จึงควบคุมตนเองมาโดยตลอดทว่ายามนี้ เสวี่ยหลานกล้าใช้ข้อห้ามเรื่องอาหารของหวงฝู่หมิงจูมาทำร้ายนาง!ท่านน้าหลินยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกกลัว วันนี้โชคดีที่อาอวี๋ช่วยหวงฝู่หมิงจูไว้ได้ มิฉะนั้นหากเกิดอะไรขึ้นกับหวงฝู่หมิงจู หวงฝู่หลินไม่มีทางปล่อยตนที่เป็นผู้ดูแลวังเทพไปแน่!ท่านน้าหลินก้าวเข้าไปใกล้ทีละก้าว เสวี่ยหลานก็ตกใจจนตัวสั่นนางร้องออกมาอย่างสิ้นหวัง “เจ้าวังน้อย ช่วยด้วยเพคะ บ่าวมิได้จะทำร้ายท่านจริง ๆ โปรดช่วยบ่าวขอความเมตตาด้วยเพคะ!”แม้ว่าหวงฝู่หมิงจูจะพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ก็นอนอยู่อย่างหมดเรี่ยวหมดแรงเมื่
ทุกคนฟังคำพูดของเสวี่ยหลานแล้วก็รู้สึกว่าปกติมาก เมื่อยกอาหารมาก็แทบจะเป็นไปมิได้ที่เสวี่ยหลานจะพลิกดูข้างล่าง แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าหลิงอวี๋ซ่อนอะไรที่เจ้าวังน้อยกินมิได้ไว้ใต้จานนั้นแต่หลิงอวี๋จับช่องโหว่ในคำพูดของเสวี่ยหลานได้ นางจ้องมองเสวี่ยหลานอย่างน่ากลัวโดยมิพูดอะไรเสวี่ยหลานก็จ้องหลิงอวี๋อย่างโมโห “เจ้าทาสชั่ว เถียงมิได้แล้วสิ! เจ้าก็แค่ยอมรับมาว่าเจ้าคิดจะสังหารเจ้าวังน้อย!”หลิงอวี๋ยิ้มเยาะ พลางเอ่ยกับท่านน้าหลิน “ท่านน้าหลิน ท่านได้ยินสิ่งที่นางเอ่ยหรือไม่เจ้าคะ?”ท่านน้าหลินพยักหน้าโดยมิรู้ตัว แต่มิได้สังเกตเห็นความผิดปกติเมื่อเห็นว่าไม่มีใครโต้ตอบ หลิงอวี๋จึงเอ่ยอย่างอดทน “ท่านน้าหลิน ก่อนหน้านี้ข้าบอกหรือไม่ว่าเจ้าวังน้อยกินสิ่งใดแล้วแพ้?”“ไม่!”ท่านน้าหลินนึกย้อนดู หลิงอวี๋แค่บอกว่าหมิงจูแพ้อาหาร แต่มิได้บอกว่ากินอะไรเข้าไป“ท่านน้าหลิน เมื่อครู่เสวี่ยหลานบอกว่า นางรับจานนั้นมาแล้วมิได้พลิกดู ดังนั้นจึงมิรู้ว่าข้าใส่อะไรไว้ด้านล่าง!”หลิงอวี๋เอ่ยเสียงเรียบ “ท่านน้าหลิน ข้าขอถามสักหน่อยเถิดว่า เสวี่ยหลานได้กินอาหารจานนี้ไปแล้วหรือไม่?”“ไม่ นางเป็นแค่ทาส ไห