หลิงซวนมองไปไกล ๆ ด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ พวกไท่เฟยเส้าเดินไปไกลแล้วจากนั้นนางก็พูดอย่างขมขื่นด้วยเสียงต่ำ “ฮองเฮายังมิทรงฟื้นเจ้าค่ะ สิ่งที่พูดเมื่อครู่นั้นหลี่ว์เซียงสอนมาเจ้าค่ะ… รับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าก่อน!”“หากวันพรุ่งฮองเฮายังมิทรงฟื้น มิว่าเราจะแต่งเรื่องโกหกอะไรก็มิสามารถหยุดไท่เฟยเส้ามิให้นำคนเข้าวังได้แล้วเจ้าค่ะ!”เมื่อจูหลานได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง!“เข้าไปก่อนเถิดเจ้าค่ะ! พระชายาเย่ ประเดี๋ยวหมิ่นกูจะมาพบท่าน ท่านช่วยนางจัดการวังหลังไปก่อนนะเจ้าคะ!”หลิงซวนเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ก่อนที่ฮองเฮาจะทรงฟื้นขึ้นมา วังหลังมิสามารถวุ่นวายได้! ขอร้องท่านนะเจ้าคะ!”“ข้า…”จูหลานตกใจ แต่เมื่อนึกถึงสถานการณ์ตอนนี้ หากตนมิช่วยหลิงอวี๋แล้วจะมีผู้ใดสามารถช่วยหลิงอวี๋ได้อีกเล่า!“ข้าจะช่วยฮองเฮาดูแลวังหลังอย่างดี!”จูหลานเอ่ยอย่างหนักแน่น “พวกเจ้ารีบหาวิธีช่วยฮองเฮา ต้องช่วยชีวิตฮองเฮาให้ได้!”หลิงซวนมิกังวลข้างหลังแล้ว จึงรีบกลับพระตำหนักคุนหนิงทันทีเถาจื่อกับหานเหมยตื่นขึ้นมาภายใต้การรักษาของถังถีเตี่ยน ทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บภายในสาหัสแต่ถังถีเตี่ยน
คืนนี้เซียวเยวี่ยพักอยู่ที่พระตำหนักคุนหนิง เขาอ่านตำราอยู่ที่โถงด้านข้างอย่างรู้ความ เมื่อพวกหลิงซวนต้องการเขาจะได้ปรากฏตัวได้ทันท่วงทีหลิงซวนเฝ้าอยู่ข้างเตียงของหลิงอวี๋มิห่าง คอยให้ความสนใจกับการเปลี่ยนแปลงของอาการบาดเจ็บหลิงอวี๋อยู่ตลอดหลิงซวนนำหญ้าวานรที่เก็บมาได้ป้อนให้หลิงอวี๋ทุก ๆ ครึ่งชั่วยามแต่หลิงอวี๋ได้รับบาดเจ็บสาหัสมากจริง ๆ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ทั้งนั้นท่านอ๋องเฉิงเองก็อยู่ในวังกับองค์ชายเย่ด้วยพวกเขาเป็นบุรุษ มิสะดวกจะเข้าไปเยี่ยมหลิงอวี๋ที่วังหลัง จึงล้วนคอยฟังข่าวจากจูหลานจูหลานใช้ความสามารถในการดูแลงานบ้านของตน ให้หมิ่นกูคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของนางกำนัลและขันทีในวังอย่างเคร่งครัด มิอนุญาตให้ผู้ใดส่งข่าวออกไปภายนอกเด็ดขาดเรื่องนี้เกี่ยวข้องถึงช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายของพวกเขา หากข่าวรั่วไหลออกไปอาจนำมาซึ่งผลที่ตามมาที่มิอาจทนรับได้เผยอวี้โชคดีมาก คนของอวี๋เฮ่าค้นหาจนเจอเขาพร้อมกับยังมีลมหายใจแล้วพาออกมา เขาได้รับบาดเจ็บไปทั้งตัวแต่มิได้ร้ายแรงถึงชีวิต จึงรีบทำการพันแผลแล้วประคองตนไปที่วังองค์ชายเย่ยังคิดมิตกว่า การต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวในวัน
บรรยากาศในพระตำหนักคุนหนิงดูหม่นหมองไป เรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ราวกับก้อนหินขนาดใหญ่ที่กดอยู่ในใจของทุกคนจูหลานรู้สึกแย่จนมิกล้ามองอีกต่อไป จึงปิดปากแล้วเดินร้องไห้ออกไปหากหลิงอวี๋โชคร้ายตายจากไป พวกเขาสามีภรรยาก็จะเป็นผู้ทำผิด แล้วพวกเขาควรจะอธิบายให้เซียวหลินเทียนฟังอย่างไร?แม้ว่าจะต้องเสี่ยงชีวิต แต่นางกับองค์ชายเย่ก็จะต้องปกป้องเซียวเยวี่ย จะไม่มีทางให้องค์ชายคังสังหารเซียวเยวี่ยเด็ดขาด!จูหลานได้วางแผนไว้แล้ว หากหลิงอวี๋สิ้นใจ ก็จะพาเซียวเยวี่ยออกจากเมืองหลวงโดยมิสนใจสิ่งใดทั้งนั้น แล้วไปส่งเขาให้กับเซียวหลินเทียนอย่างปลอดภัยเวลาค่อย ๆ ผ่านไปทีละน้อย ที่มุมปากของหลิงอวี๋มีเลือดไหลออกมามิหยุด นางมิได้นอนเงียบ ๆ อีกต่อไป ความเจ็บปวดในอวัยวะภายในของนางทำให้ตัวสั่นไปทั้งตัวเมื่อการเคลื่อนไหวมากขึ้น เลือดที่ไหลออกมาก็ยิ่งมากขึ้น“ฮองเฮา...”หลิงซวนปรี่เข้าไปกดนางไว้ ดวงตาก็อดมิได้ที่จะมองที่ร่างกายของหลิงอวี๋นางมิอาจพูดคำว่าฮองเฮามิไหวแล้วได้ แต่ทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนี้ต่างก็รู้ดีอยู่แก่ใจวาระสุดท้ายของหลิงอวี๋ใกล้เข้ามาแล้ว!“ข้าจะไปสังหารองค์ชายคัง!”เถาจื่
แต่สุดท้ายแล้วแม่นมลี่ก็เข้ามาพร้อมกับสหายของนางหานอวี้ที่ตามหลังขันทีน้อยเซี่ยไปสำรวจความจริงของแม่นมผู้นั้นก็ถูกแม่นมแปลกผู้นั้นหิ้วมาราวกับไก่ตัวน้อย ๆทันทีที่แม่นมเข้ามาก็โยนหานอวี้ลงบนพื้นหานอวี้ลุกขึ้นพลางเอ่ยอย่างละอาย “แม่นมผู้นี้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ มีวรยุทธ์สูงมาก ข้า… ข้ายังมิทันได้ออกกระบวนท่าใดก็ถูกนางจับได้แล้ว!”วรยุทธ์ของหานอวี้ก็มิอ่อนแอเช่นกัน หากถูกแม่นมผู้นี้จับได้ภายในกระบวนท่าเดียว เช่นนั้นนางก็คือยอดฝีมือ!ทุกคนล้วนยืนอยู่หน้าเตียงของหลิงอวี๋อย่างเข้าใจกัน แล้วมองแม่นมผู้นั้นอย่างระมัดระวังแม่นมผู้นั้นสวมเสื้อผ้าของแม่นมลี่แต่ผมหงอกของนางดูเหมือนว่าจะมิได้สระมาหลายปีแล้วจึงเป็นปมพันกันยุ่งเหยิงไปหมดใบหน้าของนางเต็มไปด้วยริ้วรอย ดูแก่กว่าแม่นมลี่ แต่สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือบนใบหน้าของนางเต็มไปด้วยบาดแผลจากรอยมีดมากมายหลิงซวนเห็นแล้วตกใจมาก มิอาจจินตนาการได้เลยว่าผู้ใดจะทำร้ายแม่นมชราผู้นี้จนเป็นเช่นนี้ได้ แล้วแม่นมชราผู้นี้มีชีวิตรอดได้อย่างไร!แต่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยและรอยแผลเป็นนี้มีดวงตาคู่หนึ่งที่เต็มไปด้วยพลัง ซึ่งต่างกับความชราของนางโดยสิ้
ข่าวเรื่องที่มีคนที่สามารถช่วยเหลือหลิงอวี๋ได้มาที่วังหลังแพร่ไปถึงด้านหน้าความกังวลใจของท่านอ๋องเฉิงจึงผ่อนคลายเล็กน้อย แต่ก็ยังมิกล้าประมาทจึงหารือกับหลี่ว์เซียงและฉินซานที่ตามมาถึงวิกฤติที่อาจจะเกิดในเช้าวันรุ่งขึ้นหากในวันพรุ่งหลิงอวี๋มิสามารถพบไท่เฟยเส้าได้ พวกองค์ชายคังจะต้องมิยอมทนอีกต่อไปแน่ท่านอ๋องเฉิงในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์และผู้อาวุโสเพียงผู้เดียวที่เหลืออยู่ของราชวงศ์ฉินตะวันตก ก็มิอยากเห็นฉินตะวันตกต้องตกอยู่ในความขัดแย้งเลยจริง ๆ“มิรู้ว่าสถานการณ์ของทางองค์จักรพรรดิเป็นอย่างไรบ้าง!”ท่านอ๋องเฉิงกังวลเกี่ยวกับหลิงอวี๋ ในขณะเดียวกันก็กังวลเกี่ยวกับเซียวหลินเทียนด้วย“ท่านอ๋องเฉิง ท่านวางพระทัยเถิดพ่ะย่ะค่ะ องค์จักรพรรดิทรงมีวรยุทธ์แก่กล้า ทั้งยังมีการสนับสนุนจากราษฎรอีก พระองค์จะต้องทรงประสบความสำเร็จและทรงเอาชนะเว่ยเหนือได้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินซานเอ่ยปลอบใจท่านอ๋องเฉิงมองฉินซาน แขนที่หายไปของเขาทำให้ท่านอ๋องเฉิงรู้สึกเสียใจ ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของเซียวทงที่ทำร้ายบุรุษที่เดิมทีสามารถเป็นแม่ทัพที่มีชื่อเสียงได้ไปชั่วชีวิตผู้นี้!“ข้าแก่แล้ว มิรู้
จ้าวหรุ่ยหรุ่ยพักฟื้นไปหนึ่งคืนก็มีพลังมากแล้ว แต่อาการบาดเจ็บภายในที่นางได้รับมิสามารถฟื้นตัวได้ในคืนเดียวนางยังฝืนมาเพราะวันนี้สำคัญสำหรับนางกับองค์ชายคังมากอีกอย่างจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเชื่อในความสามารถของตน การโจมตีนั้นนางยังได้รับพลังย้อนกลับจนบาดเจ็บสาหัส หลิงอวี๋ก็อย่าได้คิดว่าจะรอดชีวิตเลยดังนั้นนางจึงมากับไท่เฟยเส้าหากหลิงอวี๋ยังมีชีวิตร่อแร่อยู่ นางก็จะมิรังเกียจที่จะลงมือส่งหลิงอวี๋ไปสู่ความตาย!ส่งป้ายไปแล้ว แต่ผ่านไปสักพักก็ไม่มีผู้ใดมาบอกให้ทั้งสองคนเข้าไปไท่เฟยเส้ายิ้มอย่างเย็นชา มั่นใจเช่นเดียวกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยว่าหลิงอวี๋ตายแล้วตอนนี้ภายในวังคงยุ่งอยู่กับการคิดว่าจะอธิบายให้เหล่าขุนนางฟังอย่างไรและจะจัดการกับผลที่ตามมาอย่างไร!“ได้ส่งป้ายของข้าเข้าไปหรือไม่?”ไท่เฟยเส้าแสร้งทำเป็นโวยวายอย่างมิอดทน “ข้ามาเข้าเฝ้าและกล่าวคำอำลา! เมื่อวานฮองเฮาก็ทรงรับปากกับข้าไว้แล้ว เหตุใดเล่า คิดจะเปลี่ยนใจรึ!”“หลี่เจิ้น เจ้าไสหัวออกมาเสีย เจ้าสังหารฮองเฮาไปแล้วใช่หรือไม่ ที่จงใจกันพวกเราไว้ข้างนอกก็เพราะกลัวว่าความผิดของตนจะถูกเปิดเผยใช่หรือไม่?”“ข้าเรียกไปหลายสิบครั้ง มิเป
จ้าวหรุ่ยหรุ่ยใช้ขุนนางที่อยู่ที่นี่เหล่านี้เป็นโล่ในการเข้าไปเข้าเฝ้าหลิงอวี๋ หากพวกเขาปฏิเสธก็จะยืนยันว่าตนมีความผิดท่านอ๋องเฉิงยังมิเคยได้ข่าวเรื่องอาการของหลิงอวี๋ จึงมิรู้ว่าควรปล่อยให้เข้าไปหรือไม่“ท่านอ๋องเฉิง...”ขณะที่ท่านอ๋องเฉิงกำลังปวดหัวอยู่นั้น สุ่ยหลิงก็วิ่งเข้ามา “ให้พวกนางเข้ามาเถิดเพคะ ฮองเฮาฟื้นแล้ว!”ในที่สุดหินก้อนใหญ่ในใจของท่านอ๋องเฉิงและหลี่ว์เซียงก็วางลงได้เสียที“ท่านอ๋องเฉิง ท่านรับพวกนางเข้าวัง และหากถ่วงเวลาไว้ได้ก็ถ่วงไว้สักหน่อยเถิดเพคะ ฮองเฮายังต้องการเวลาสักหน่อยเพคะ!”สุ่ยหลิงอธิบายอีกครั้งฟื้นขึ้นมาก็ดีแล้ว เรื่องอื่นเป็นเรื่องเล็ก จัดการง่าย!ท่านอ๋องเฉิงหันไปด้านล่างแล้วเอ่ย “ไท่เฟยเส้า พระชายาคัง รอสักครู่ อีกประเดี๋ยวฮองเฮาจะพบพวกเจ้า เกี้ยวที่จะมารับพวกเจ้าจะมาถึงแล้ว!”ไท่เฟยเส้ากับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยสามารถเข้าไปเยี่ยมได้ แต่ทั้งสองต่างก็มิเชื่อว่าหลิงอวี๋ยังมีชีวิตอยู่ท่านอ๋องเฉิงปล่อยให้พวกนางเข้าไปเช่นนี้ หรือว่าจะวางกับดักไว้ข้างใน?ทั้งสองคนมิกล้าเข้าไปง่าย ๆ!หากมิสามารถนำทัพเข้าไปได้ เช่นนั้นหากเข้าวังไป จะมิเป็นปลาให้ผู้อื่นเช
กระทั่งมาถึงพระตำหนักคุนหนิง นางรับใช้ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็ถูกขวางเอาไว้ จ้าวหรุ่ยกับไท่เฟยเส้าสบตากันแล้วเดินเข้าไปอย่างสงบภายในโถงหลักว่างเปล่า หลิงอวี๋มิได้อยู่“ไท่เฟยเส้า พระชายาคัง โปรดรอสักครู่เพคะ ฮองเฮาเปลี่ยนพระฉลองแล้วจะเสด็จมาเพคะ!”หานอวี้ให้พวกนางรับใช้ช่วยยกที่นั่งและโต๊ะชาให้อย่างเย็นชาไท่เฟยเส้าเอ่ยโดยมิแสดงสีหน้าใด “ฮองเฮาทรงได้รับบาดเจ็บมิใช่หรือ? พวกเราล้วนเป็นสตรี มิจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงใด ๆ เข้าไปพบพระนางในห้องได้!”ว่าแล้วไท่เฟยเส้าก็จะเดินเข้าไปหานอวี้กับพวกนางรับใช้มาขวางหน้าไว้ แล้วหานอวี้ก็เอ่ยเสียงเรียบ “ไท่เฟยเส้า ฮองเฮาตรัสว่าจะพบพวกท่านที่โถงหลักเพคะ ขอท่านโปรดกลับไปนั่งรอเถิดเพคะ!”“บังอาจ เจ้านับว่าเป็นอะไรกัน! กล้ามาขวางข้า วันนี้ข้าจะไปพบพระนางที่ห้องบรรทม หลีกไป...”ไท่เฟยเส้าเห็นว่าบ่าวเช่นหานอวี้กล้ามาขวางตนก็โกรธมาก“ไท่เฟยเส้า ช่างวางอำนาจเสียจริงนะ!”เสียงตำหนิด้วยความโกรธของหลิงอวี๋ดังมาจากด้านหลัง“นี่คือพระตำหนักคุนหนิงของข้า ท่านมีสิทธิ์มาแสดงท่าทีดุร้ายเยี่ยงนี้เมื่อใดกัน?”หลังจากเสียงนั้น หลิงอวี๋ก็เดินออกไปพร้อมกับหานเหมยกับเ
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร
หลิงอวี๋ฟังแล้วก็อดอมยิ้มมิได้ เซียวหลินเทียนใช้คนตระกูลเก๋อมาจัดการชายาเจ้าแห่งทะเล กลอุบายนี้ช่างเด็ดขาดนักรถม้ามาถึงจวนเจ้าแห่งทะเล เมื่อหลิงอวี๋ลงจากรถก็มองไปยังคฤหาสน์หลังใหม่ที่กำลังก่อสร้างอีกครั้ง กำแพงล้อมรอบสร้างเสร็จแล้ว ดูจากขนาดแล้วใหญ่โตมากจริง ๆนางอดสงสัยมิได้ ข้างในมีเรือนบุหงาแบบเดียวกับตำหนักอ๋องอี้ของตนอย่างที่เถาจื่อบอกจริงหรือ?นางอยากเข้าไปดู อยากเห็นเหลือเกินว่าบ้านในอดีตของตนเป็นอย่างไร!“คุณหนูสิง เชิญ!”พ่อบ้านเว่ยเห็นหลิงอวี๋มองคฤหาสน์ฝั่งตรงข้ามก็ร้องเรียกอย่างมิอดทนหลิงอวี๋หันกลับมา เห็นประตูใหญ่หนาทึบของจวนเจ้าแห่งทะเลเปิดอ้าอยู่ ข้างในลานเรือนซับซ้อนลึกล้ำ มองสุดตามิเห็นปลายทางนี่คือที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายโดยแท้!หลิงอวี๋ลอบสูดหายใจลึก ๆ แล้วเดินเข้าไป“ปัง!”ประตูใหญ่หนาทึบปิดลงด้านหลังนางหลิงอวี๋มิได้หันกลับไปมอง เพราะนั่นจะดูมิสง่างามนางรอให้พ่อบ้านเว่ยนำทางอยู่ข้างหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินผิดทางแล้วถูกพ่อบ้านเว่ยหาเรื่องผิดพลาดมาตำหนิขณะเดียวกัน หลงเพ่ยเพ่ยก็ได้พาเย่หรงมุ่งหน้าไปยังวังหลวงแล้ว“อุบายนี้ของชายาเจ้าแห่งทะเลช่างร้า
จวนเจ้าแห่งทะเลตั้งอยู่ในย่านคหบดีและสูงศักดิ์ของเมืองหลวงแดนเทพ อันที่จริงอยู่ห่างจากคฤหาสน์อู่เพียงมิกี่ช่วงถนนเท่านั้นรถม้าวิ่งไปตามทางเรื่อย ๆ เถาจื่อพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงกระซิบข้างหูหลิงอวี๋เบา ๆ“คุณหนู อีกประเดี๋ยวท่านจะเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่กำลังสร้างอยู่ตรงข้ามจวนเจ้าแห่งทะเล ที่นั่นฝ่าบาททรงสร้างให้ท่านเจ้าค่ะ!”“คราแรกที่พวกเรามาตามหาท่านในเมืองหลวงแดนเทพนั้นมิรู้ว่าจะต้องเสียเวลานานเท่าใด ฝ่าบาทจึงทรงให้สือหรงซื้อคฤหาสน์แถวนี้ไว้ล่วงหน้าแล้วรื้อสร้างใหม่ทั้งหมด!”“ฝ่าบาทตรัสว่า เจ้าแห่งทะเลคือบิดาของท่าน ในเมื่อเขามิยอมรับท่าน ฝ่าบาทก็จะทำให้เขาเห็นว่า ใช่ว่าท่านไม่มีบ้านเสียหน่อย แม้จวนเจ้าแห่งทะเลไม่มีที่ให้ท่าน ฝ่าบาทก็จะสร้างจวนหลังที่ใหญ่กว่าจวนเจ้าแห่งทะเลให้!”“คุณหนู ข้างในมีเรือนหลังหนึ่ง สร้างตามแบบเรือนบุหงาที่ตำหนักอ๋องอี้ในฉินตะวันตกของท่านไม่มีผิดเพี้ยน หากท่านได้เห็นจะต้องชอบอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยได้ยินเผยอวี้พูดถึงคฤหาสน์หลังใหม่ที่พวกเขาสร้างแล้ว ตอนนั้นยังรู้สึกแปลกใจว่าเซียวหลินเทียนคิดจะอยู่เมืองหลวงแดนเทพเป็นการถาวรหรืออย่
วิธีนี้ของหลิงอวี๋เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยนางได้ในยามนี้ ด้วยเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ ก็ยังคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้มิออกเย่หรงกล่าวขึ้นทันที “ข้าจะไปหาหลงเพ่ยเพ่ย บอกนางมิต้องมาแล้ว ให้เข้าวังไปทูลขอเข้าเฝ้าฮองเฮาได้เลย!”“พี่หญิงหลิงหลิง ท่านต้องยื้อจนกว่าพวกเราจะมาช่วยท่านให้ได้นะ!”พูดจบ เย่หรงก็รีบร้อนออกไปเก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาซับซ้อน นางหวังให้หลิงอวี๋เข้าจวนเจ้าแห่งทะเลไปแล้วออกมามิได้แต่เรื่องนี้ก็พัวพันถึงความเป็นความตายของเซียวหลินเทียน นางมิอยากให้เซียวหลินเทียนต้องเกิดเรื่อง!ช่างขัดแย้งในใจเสียจริง!“อาอวี๋ เจ้าไปก่อนเถอะ... วางใจได้ ต่อให้ต้องก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ในเมืองหลวงแดนเทพ ข้าก็จะพาเจ้ากลับบ้านให้ได้!”เซียวหลินเทียนกล่าวอย่างหนักแน่นเขายังมีแผ่นป้ายไม้ที่ขันทีโม่ให้มา สามารถใช้ขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพฝ่ายซ้ายได้ เซียวหลินเทียนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะใช้แผ่นป้ายไม้นี้ช่วยหลิงอวี๋ขันทีโม่เคยบอกว่า เพียงอาศัยแผ่นป้ายไม้นี้ ก็สามารถทำให้แม่ทัพฝ่ายซ้ายช่วยตนทำเรื่องหนึ่งเรื่องได้หากแม่ทัพฝ่ายซ้ายสามารถช่วยคนได้เพียงคนเดียว เช่นนั้นเขาก็ยอมตายเ
เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างจนปัญญา นึกว่ามหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลกลับไปแล้วพวกตนจะรอดพ้นจากครั้งนี้ไปได้ คาดมิถึงว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะใช้ไม้นี้อีกภายนอกดูเหมือนเป็นการเชิญ แต่จริง ๆ แล้วจะปฏิเสธมิไปได้หรือ?เซียวหลินเทียนสามารถแสร้งป่วยได้ แต่หลิงอวี๋เพิ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลไปเมื่อครู่ ตอนนี้ย่อมมิอาจใช้การแสร้งป่วยมาหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว“บอกไปว่าคุณหนูสิงกำลังรักษาอาการป่วยให้ข้าอยู่ เดี๋ยวค่อยไป!”ในสถานการณ์กะทันหันเช่นนี้เซียวหลินเทียนทำได้เพียงถ่วงเวลาไปก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี“เผยอวี้ เจ้าส่งคนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยกับเจ้าแห่งทิศใต้ ให้หลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นเพื่อนอาอวี๋!”เป็นเรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เผยอวี้รีบให้คนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยทันทีหลิงอวี๋นิ่งเงียบ นั่งคิดอยู่ข้าง ๆเพื่อชิงหยกหล้าสุขาวดีกลับคืนมา ในเวลานั้นชายาเจ้าแห่งทะเลสามารถลงมืออำมหิตกับหลานฮุ่ยจวนที่กำลังตั้งครรภ์ได้ครั้งนี้นางส่งพ่อบ้านมาเชิญตนไปจวนเจ้าแห่งทะเล พูดไปพูดมาก็เพื่อหยกหล้าสุขาวดีบนตัวนางนั่นเองส่วนการที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาได้นั้นต้องใช้วิธีสลายโลหิตละลายกระดูก หรือว่าช
หลิงอวี๋เดินกลับเข้ามา และบังเอิญได้ยินคำพูดของเย่ซงเฉิงเข้าพอดี“พวกเราต้องเตรียมรับมือสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หากหวงฝู่หลินกลับไปแล้ว มิสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ถึงกาลนั้นใครจะมารับมือการแก้แค้นของฝูไห่ต่อตระกูลหลงและตระกูลอื่น ๆ อีกหลายตระกูลเล่า?”เจ้าแห่งทิศใต้มองไปยังเย่หรง และกล่าวเสียงเข้ม “เลี่ยวหงเสีย มารดาของเย่หรงอาจจะรู้วิธี!”“ปรมาจารย์เย่ ก่อนหน้านี้ข้าอยากจะพบเลี่ยวหงเสียเพื่อสอบถามสถานการณ์จึงไปที่คุกน้ำมา แต่ข้ากลับมิสามารถพบนางได้!”“คำกล่าวของท่านมีน้ำหนักเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อ บางทีท่านอาจจะสามารถทูลขอเสด็จพ่อให้ทรงอนุญาตท่านเข้าพบเลี่ยวหงเสียได้!”เย่ซงเฉิงขมวดคิ้ว “เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เช่นกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้พยักหน้า “แม่ทัพหลี่ผู้เฝ้าประตูบอกว่า นอกเสียจากจะมีพระราชโองการของมหาเทพ มิฉะนั้นก็มิอนุญาตให้ข้าพบเลี่ยวหงเสีย!”เย่ซงเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องนี้ข้าน้อยเคยทูลต่อเสด็จพ่อของท่านแล้ว เสด็จพ่อของท่านมิทรงยินยอม ความนับหน้าถือตาของตาเฒ่าผู้นี้ใช้มิได้ผลต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อของท่านแล้ว!”ทุกคนต่
หวงฝู่หลินมิรู้จักคนทั้งสองนี้เลย คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ตอนนั้นนอกจากพวกท่านกับตระกูลเฉียวแล้ว ก็มีคนของตระกูลจงเจิ้งที่เข้าไปในภูเขาหิมะ ข้ามิเห็นคนทั้งสองที่ท่านพูดถึงในภูเขาหิมะ!”“บางทีปี้ซงอาจจะเคยเห็น เดี๋ยวลองเรียกเขามาถามดู!”เผยอวี้จึงไปเรียกปี้ซงมาอีกครั้งปี้ซงอุ้มหวงฝู่หมิงจูเข้ามา หลิงอวี๋ก็รับนางมาอุ้มไว้เซียวหลินเทียนมองหวงฝู่หมิงจูกอดคอหลิงอวี๋ด้วยท่าทางสนิทสนม ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกมิถูกหวงฝู่หลินเล่าคำถามให้ปี้ซงฟังอีกครั้งปี้ซงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ชายชราผู้นั้นข้าพอจำได้ราง ๆ ตอนนั้นเขาเดินวนเวียนอยู่ในภูเขาหิมะอยู่หลายวัน ต่อมาก็จากไป ข้าคิดว่าเขาไม่มีอันตรายอะไรจึงมิได้ใส่ใจ!”“ส่วนแม่นมอู ข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางเลย มิเคยเห็นนางในภูเขาหิมะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ตลอด ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “อันที่จริงตอนนั้นที่ภูเขาหิมะ นอกจากพวกเราแล้ว น่าจะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง”“ข้าก็มาพบพวกนางหลังจากลงจากเขาแล้ว ตอนนั้นยังคิดว่าพวกนางแค่ผ่านทางมา แต่พอลองคิดดูตอนนี้ พวกนางต้องเคยไปภูเขาหิมะแน่นอน แม่นมอูน่าจะถูกพวกนางพาตัวไป!”“พวกเข
เมื่อฟังคำพูดของเย่ซงเฉิงจบ หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและเผยอวี้ก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน“เจ้าสำนักซิงหลัวเป็นสตรี! หรือว่านางคือตงกู่อวี้ที่กลับชาติมาเกิด?”หวงฝู่หลินก็นึกขึ้นได้ ตอนที่ทุกคนรุมล้อมโจมตีเจ้าสำนักซิงหลัว เผยอวี้ใช้กระบี่เดียวตัดเชือกรัดผมที่มัดผมของเจ้าสำนักซิงหลัวขาดตอนนั้นผมสลวยของนางสยายลงมาบดบังดวงตาของนางทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการรับมือ จึงมิทันได้คิดให้ลึกซึ้งเมื่อเย่ซงเฉิงพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงได้นึกถึงสภาพการณ์ในยามนั้นขึ้นมา“ตงกู่อวี้กลับชาติมาเกิดจริง ๆ หรือ?”ในฐานะลูกหลานตระกูลหลง เจ้าแห่งทิศใต้จะมิรู้ได้อย่างไรว่าในใต้หล้านี้มีวิชาลับเช่นนี้อยู่จริง ทันใดนั้นก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลซึมหลงจิ้งและหลงเพ่ยเพ่ยก็ตกใจเช่นกัน วรยุทธ์ของสตรีนางนั้นสูงส่งกว่ามหาปราชญ์เสียอีก แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามิเคยรู้มาก่อนเลยว่าสำนักซิงหลัวยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่“ท่านพ่อ ยามนั้นเจ้าวังหวงฝู่พร้อมด้วยท่านเซียวและพวกเราช่วยกันรุมล้อมโจมตีนางก็ยังมิสามารถสังหารนางได้ ลูกดูจากวรยุทธ์ของนางแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงท่านอาเจ้าแห่งทะเลเท่านั้นที่พอจะต่อกรกับนางได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวด้วย
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต