ข่าวเรื่องที่มีคนที่สามารถช่วยเหลือหลิงอวี๋ได้มาที่วังหลังแพร่ไปถึงด้านหน้าความกังวลใจของท่านอ๋องเฉิงจึงผ่อนคลายเล็กน้อย แต่ก็ยังมิกล้าประมาทจึงหารือกับหลี่ว์เซียงและฉินซานที่ตามมาถึงวิกฤติที่อาจจะเกิดในเช้าวันรุ่งขึ้นหากในวันพรุ่งหลิงอวี๋มิสามารถพบไท่เฟยเส้าได้ พวกองค์ชายคังจะต้องมิยอมทนอีกต่อไปแน่ท่านอ๋องเฉิงในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์และผู้อาวุโสเพียงผู้เดียวที่เหลืออยู่ของราชวงศ์ฉินตะวันตก ก็มิอยากเห็นฉินตะวันตกต้องตกอยู่ในความขัดแย้งเลยจริง ๆ“มิรู้ว่าสถานการณ์ของทางองค์จักรพรรดิเป็นอย่างไรบ้าง!”ท่านอ๋องเฉิงกังวลเกี่ยวกับหลิงอวี๋ ในขณะเดียวกันก็กังวลเกี่ยวกับเซียวหลินเทียนด้วย“ท่านอ๋องเฉิง ท่านวางพระทัยเถิดพ่ะย่ะค่ะ องค์จักรพรรดิทรงมีวรยุทธ์แก่กล้า ทั้งยังมีการสนับสนุนจากราษฎรอีก พระองค์จะต้องทรงประสบความสำเร็จและทรงเอาชนะเว่ยเหนือได้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินซานเอ่ยปลอบใจท่านอ๋องเฉิงมองฉินซาน แขนที่หายไปของเขาทำให้ท่านอ๋องเฉิงรู้สึกเสียใจ ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของเซียวทงที่ทำร้ายบุรุษที่เดิมทีสามารถเป็นแม่ทัพที่มีชื่อเสียงได้ไปชั่วชีวิตผู้นี้!“ข้าแก่แล้ว มิรู้
จ้าวหรุ่ยหรุ่ยพักฟื้นไปหนึ่งคืนก็มีพลังมากแล้ว แต่อาการบาดเจ็บภายในที่นางได้รับมิสามารถฟื้นตัวได้ในคืนเดียวนางยังฝืนมาเพราะวันนี้สำคัญสำหรับนางกับองค์ชายคังมากอีกอย่างจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเชื่อในความสามารถของตน การโจมตีนั้นนางยังได้รับพลังย้อนกลับจนบาดเจ็บสาหัส หลิงอวี๋ก็อย่าได้คิดว่าจะรอดชีวิตเลยดังนั้นนางจึงมากับไท่เฟยเส้าหากหลิงอวี๋ยังมีชีวิตร่อแร่อยู่ นางก็จะมิรังเกียจที่จะลงมือส่งหลิงอวี๋ไปสู่ความตาย!ส่งป้ายไปแล้ว แต่ผ่านไปสักพักก็ไม่มีผู้ใดมาบอกให้ทั้งสองคนเข้าไปไท่เฟยเส้ายิ้มอย่างเย็นชา มั่นใจเช่นเดียวกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยว่าหลิงอวี๋ตายแล้วตอนนี้ภายในวังคงยุ่งอยู่กับการคิดว่าจะอธิบายให้เหล่าขุนนางฟังอย่างไรและจะจัดการกับผลที่ตามมาอย่างไร!“ได้ส่งป้ายของข้าเข้าไปหรือไม่?”ไท่เฟยเส้าแสร้งทำเป็นโวยวายอย่างมิอดทน “ข้ามาเข้าเฝ้าและกล่าวคำอำลา! เมื่อวานฮองเฮาก็ทรงรับปากกับข้าไว้แล้ว เหตุใดเล่า คิดจะเปลี่ยนใจรึ!”“หลี่เจิ้น เจ้าไสหัวออกมาเสีย เจ้าสังหารฮองเฮาไปแล้วใช่หรือไม่ ที่จงใจกันพวกเราไว้ข้างนอกก็เพราะกลัวว่าความผิดของตนจะถูกเปิดเผยใช่หรือไม่?”“ข้าเรียกไปหลายสิบครั้ง มิเป
จ้าวหรุ่ยหรุ่ยใช้ขุนนางที่อยู่ที่นี่เหล่านี้เป็นโล่ในการเข้าไปเข้าเฝ้าหลิงอวี๋ หากพวกเขาปฏิเสธก็จะยืนยันว่าตนมีความผิดท่านอ๋องเฉิงยังมิเคยได้ข่าวเรื่องอาการของหลิงอวี๋ จึงมิรู้ว่าควรปล่อยให้เข้าไปหรือไม่“ท่านอ๋องเฉิง...”ขณะที่ท่านอ๋องเฉิงกำลังปวดหัวอยู่นั้น สุ่ยหลิงก็วิ่งเข้ามา “ให้พวกนางเข้ามาเถิดเพคะ ฮองเฮาฟื้นแล้ว!”ในที่สุดหินก้อนใหญ่ในใจของท่านอ๋องเฉิงและหลี่ว์เซียงก็วางลงได้เสียที“ท่านอ๋องเฉิง ท่านรับพวกนางเข้าวัง และหากถ่วงเวลาไว้ได้ก็ถ่วงไว้สักหน่อยเถิดเพคะ ฮองเฮายังต้องการเวลาสักหน่อยเพคะ!”สุ่ยหลิงอธิบายอีกครั้งฟื้นขึ้นมาก็ดีแล้ว เรื่องอื่นเป็นเรื่องเล็ก จัดการง่าย!ท่านอ๋องเฉิงหันไปด้านล่างแล้วเอ่ย “ไท่เฟยเส้า พระชายาคัง รอสักครู่ อีกประเดี๋ยวฮองเฮาจะพบพวกเจ้า เกี้ยวที่จะมารับพวกเจ้าจะมาถึงแล้ว!”ไท่เฟยเส้ากับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยสามารถเข้าไปเยี่ยมได้ แต่ทั้งสองต่างก็มิเชื่อว่าหลิงอวี๋ยังมีชีวิตอยู่ท่านอ๋องเฉิงปล่อยให้พวกนางเข้าไปเช่นนี้ หรือว่าจะวางกับดักไว้ข้างใน?ทั้งสองคนมิกล้าเข้าไปง่าย ๆ!หากมิสามารถนำทัพเข้าไปได้ เช่นนั้นหากเข้าวังไป จะมิเป็นปลาให้ผู้อื่นเช
กระทั่งมาถึงพระตำหนักคุนหนิง นางรับใช้ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็ถูกขวางเอาไว้ จ้าวหรุ่ยกับไท่เฟยเส้าสบตากันแล้วเดินเข้าไปอย่างสงบภายในโถงหลักว่างเปล่า หลิงอวี๋มิได้อยู่“ไท่เฟยเส้า พระชายาคัง โปรดรอสักครู่เพคะ ฮองเฮาเปลี่ยนพระฉลองแล้วจะเสด็จมาเพคะ!”หานอวี้ให้พวกนางรับใช้ช่วยยกที่นั่งและโต๊ะชาให้อย่างเย็นชาไท่เฟยเส้าเอ่ยโดยมิแสดงสีหน้าใด “ฮองเฮาทรงได้รับบาดเจ็บมิใช่หรือ? พวกเราล้วนเป็นสตรี มิจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงใด ๆ เข้าไปพบพระนางในห้องได้!”ว่าแล้วไท่เฟยเส้าก็จะเดินเข้าไปหานอวี้กับพวกนางรับใช้มาขวางหน้าไว้ แล้วหานอวี้ก็เอ่ยเสียงเรียบ “ไท่เฟยเส้า ฮองเฮาตรัสว่าจะพบพวกท่านที่โถงหลักเพคะ ขอท่านโปรดกลับไปนั่งรอเถิดเพคะ!”“บังอาจ เจ้านับว่าเป็นอะไรกัน! กล้ามาขวางข้า วันนี้ข้าจะไปพบพระนางที่ห้องบรรทม หลีกไป...”ไท่เฟยเส้าเห็นว่าบ่าวเช่นหานอวี้กล้ามาขวางตนก็โกรธมาก“ไท่เฟยเส้า ช่างวางอำนาจเสียจริงนะ!”เสียงตำหนิด้วยความโกรธของหลิงอวี๋ดังมาจากด้านหลัง“นี่คือพระตำหนักคุนหนิงของข้า ท่านมีสิทธิ์มาแสดงท่าทีดุร้ายเยี่ยงนี้เมื่อใดกัน?”หลังจากเสียงนั้น หลิงอวี๋ก็เดินออกไปพร้อมกับหานเหมยกับเ
“พระชายาคัง!”หลิงอวี๋หยุดอยู่ตรงหน้าทั้งสองคน และมิรีบร้อนที่จะบอกให้ทั้งสองลุกขึ้นนางมองลงไปที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยคนที่ทำร้ายตนคือจ้าวหรุ่ยหรุ่ย หลิงอวี๋มั่นใจมากแต่ก็เพราะตอนนั้นนางสวมหน้ากากของแม่นมหนานอยู่ หลิงอวี๋จึงมิสามารถกล่าวหานางได้ดังนั้นแม้ว่าหลิงอวี๋จะรู้ว่าคนที่คุกเข่าต่อหน้าตนเป็นงูพิษ และอยากจะถลกหนังนางออกมา แต่หลิงอวี๋ก็ทำอะไรมิได้แต่มิสามารถทุบตีหรือดุด่าได้ ก็มิได้หมายความว่าหลิงอวี๋จะมิสามารถใช้สถานะของตนกดขี่นางได้คนที่หยิ่งยโสเช่นจ้าวหรุ่ยหรุ่ย ให้นางคุกเข่าต่อหน้าตนนั้นถือเป็นการตบหน้านางอย่างมิต้องสงสัยจ้าวหรุ่ยหรุ่ยมีหรือจะเดามิออกถึงความคิดของหลิงอวี๋ นางรู้สึกอับอายและอยากจะสังหารหลิงอวี๋เช่นเดียวกับที่หลิงอวี๋อยากสังหารนางนางก้มหน้าลงแล้วจิกเล็บไปบนฝ่ามือนางรู้สึกถึงความหงุดหงิดใจอีกครั้งแล้ว!ครานี้ตนมิได้ทำผิดพลาดอะไร แล้วเหตุใดยังสังหารหลิงอวี๋มิได้เล่า?หลิงอวี๋เป็นปีศาจแบบใดกันแน่ เหตุใดจึงสังหารได้ยากเช่นนี้!“พระชายาคัง ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินมาว่า เจ้ารู้หนังสือและมารยาทดี ทั้งยังมีคุณธรรมมากกว่าพี่หญิงของเจ้าด้วย! แต่สิ่งที่เจ้าทำทำใ
จ้าวหรุ่ยหรุ่ยตกใจจนเหงื่อตก!ใช่แล้ว เหตุใดนางจึงลืมไปว่าด้านหลังมีผู้ฝึกยุทธ์ซุ่มอยู่ข้างหลังนาง!หลิงอวี๋กับนางรับใช้ของนางทำให้ตนอับอายเช่นนี้ นี่อาจเป็นแผนการร้ายของหลิงอวี๋ก็เป็นได้!คิดจะกระตุ้นความโกรธให้ตนลงมือแล้วเปิดเผยว่าตนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ พวกนางจะได้สังหารตนกับไท่เฟยเส้าอย่างสมเหตุสมผล!จ้าวหรุ่ยหรุ่ยระงับความโกรธของตนไว้ แล้วเอ่ยอย่างยอมจำนน “สิ่งที่ฮองเฮาทรงสอน หม่อมฉันรู้แล้วว่าหม่อมฉันผิดเพคะ!”“กลับไปหม่อมฉันจะทบทวนตนเองและแก้ไขข้อผิดพลาดของตนเพคะ!”หลิงอวี๋มองเห็นได้ชัดเจนถึงการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดในสีหน้าของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเดิมคิดว่าการกระทำของตนกับหลิงซวนจะทำให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยโกรธได้ แต่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็ยังอดทนได้อยู่หลิงอวี๋รู้ดีอยู่แล้วว่านางกำลังกังวลเรื่องอะไร เพราะนี่ก็คือสิ่งที่หลิงอวี๋เตรียมไว้นางหวังให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยระงับความโกรธมิไหวแล้วลงมือ เช่นนี้ก็จะได้ถือโอกาสที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้รับบาดเจ็บเช่นกันจัดการกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเสียจ้าวหรุ่ยหรุ่ยอดทนไว้ได้ หลิงอวี๋ก็มิได้ผิดหวังมากนักเพราะนางรู้ถึงร่างกายของตนกับความแข็งแกร่งของแม่นมอูแม่นมอูใช้พ
“ฮองเฮา น่าเสียดายจริง ๆ เพคะ จ้าวหรุ่ยหรุ่ยผู้นั้นมิหลงกล!”เมื่อเห็นพวกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจากไปด้วยท่าทางหม่นหมองเช่นนี้ หลิงซวนก็เอ่ยอย่างเสียดายแต่หลิงอวี๋ทรุดตัวลงบนที่นั่งเสียงดังลั่นแม้ว่านางจะฟื้นแล้ว แต่ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อครู่พยายามอดทนฝืนอยู่ตลอด มิได้แสดงความอ่อนแอต่อหน้าจ้าวหรุ่ยหรุ่ย“ฮองเฮา... แม่นมอูมาเร็วเข้า!”พวกหลิงซวนต่างก็ตกใจแล้วเข้ามารวมตัวกันแม่นมอูที่อยู่โถงด้านหลังเดินออกมาอย่างมิรีบมิร้อน พลางเอ่ยอย่างเย็นชา “แตกตื่นกันหาปะไร พระนางมิได้เป็นอะไร!”“ข้าช่วยชีวิตพระนางไว้แล้ว การพักฟื้นที่เหลือก็มิเกี่ยวกับข้าแล้ว! ข้าจะไปแล้ว!”หลิงอวี๋หายใจแล้วรีบเอ่ย “แม่นมอยู่ต่ออีกสองสามวันได้หรือไม่! หลิงอวี๋ยังมีเรื่องอยากจะขอคำแนะนำจากแม่นมอีก!”“แม่นมรู้จักท่านแม่ของหลิงอวี๋ก็เห็นแก่ท่านแม่กับขันทีโม่อยู่ต่ออีกสองสามวันเถิด!”แม่นมอูมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาเย็นชาและซับซ้อน หลังจากนั้นสักพักก็ส่ายหัวแล้วเอ่ย “หยกหล้าสุขาวดีอยู่ในมือของท่าน แต่ท่านกลับอ่อนแอถึงเพียงนี้ ช่างน่าอายเสียจริง ๆ!”“ได้ เห็นแก่พระมารดาของท่าน บ่าวจะอยู่ต่ออีกสองสามวันและให้คำแนะนำแก
จ้าวหรุ่ยหรุ่ยขโมยตำราลับนี้มาจากศิษย์พี่ของตนศิษย์พี่ผู้นี้ชื่อเฉียวเค่อ อายุพอ ๆ กับจ้าวหรุ่ยหรุ่ย หน้าตาหล่อเหลา เพียงแต่เจ้าชู้เกินไปเขาชื่นชมจ้าวหรุ่ยหรุ่ยมาก แต่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยดูถูกเขากอปรกับที่เขาไร้พรสวรรค์ทางด้านปัญญา แม้ว่าเขาจะเข้าสำนักเร็วกว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ย แต่การบำเพ็ญของเขาก็มิสูงเท่ากับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยแต่เฉียวเค่อมีเงินและมีสหายที่มิดีมากหลายนักปกติแล้วเมื่อได้รับของดี ๆ ก็เอามาประจบจ้าวหรุ่ยหรุ่ยแต่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยมิเคยรับอะไรไว้เลยสิ่งเดียวที่ทำให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยสนใจได้ก็คือตำราลับเล่มนี้แต่เฉียวเค่อกลับมิได้มอบมันให้กับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเหมือนกับของเล็กน้อยเหล่านั้นที่ได้รับมา แต่หลังจากที่ได้รับมาก็ทำลับ ๆ ล่อ ๆ ต่อหน้าจ้าวหรุ่ยหรุ่ย แล้วก็ซ่อนมันไว้เขาบอกว่าตำราลับนี้มิเหมาะกับการฝึกของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย มันค่อนข้างเป็นวิชาที่มิดียิ่งเขามิให้จ้าวหรุ่ยหรุ่ย จ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็ยิ่งสนใจลงเขาครั้งนี้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยจึงถือโอกาสที่เฉียวเค่อมิอยู่ขโมยตำราลับมาตำราลับนี้เป็นวิชานอกรีตดังที่เฉียวเค่อบอกไว้จริง ๆ มิเพียงแต่จะมีวิชาทางเพศเท่านั้น แต่ยังมีวิธีการฝึกฝนร่วมก
นี่เย่หรงไปยั่วยุสตรีที่บ้าคลั่งในเรื่องความรักเข้าแล้วสิ!หลิงอวี๋หันกลับไป ก็เห็นเย่หรงยังคงเดินต่อไปอย่างไร้หัวใจ นางจึงเตือนเขาอย่างเป็นห่วง “เย่หรง สิ่งที่นางพูดนั้นมิใช่คำพูดบ้า ๆ! ท่านต้องระวังตัวไว้ด้วย!”“มิใช่คำพูดบ้า ๆ แล้วคืออะไรเล่า? หรือว่านางจะถือมีดมาบังคับให้ข้าแต่งงานกับนาง?”เย่หรงยังคงมิได้ใส่ใจแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แม้แต่ราษฎรที่ไม่มีการศึกษาก็ยังรู้ว่าแตงที่ถูกบังคับให้โตจะมิหวาน นางเรียนหนังสือมาตั้งหลายปีโดยเปล่าประโยชน์หรือไร? นางมิเข้าใจเหตุผลนี้หรือ?”“การบังคับให้ข้าแต่งงานกับนางจะมีประโยชน์อะไรต่อนาง ข้าไม่มีทางทำเรื่องเช่นนั้นกับนางหรอก!”หลิงอวี๋มิได้รู้สึกว่าหยางหงหนิงกำลังล้อเล่น นางจึงเอ่ยอย่างอดทน “เย่หรง ท่านจริงจังสักหน่อยเถิด! นี่มิใช่เรื่องล้อเล่น!”“ท่านมิรู้หรอกว่าหากสตรีบ้าคลั่งขึ้นมา มิว่าเรื่องใดนางก็ทำได้ทั้งนั้น! ตอนนี้นางกำลังโกรธ และถึงขนาดเกลียดเพราะรักแล้ว...”“การบังคับให้ท่านแต่งงานกับนาง มิแน่ว่าจะเป็นการทำให้ท่านกับนางกลายเป็นคู่สามีภรรยากันอย่างแท้จริง แต่เป็นการบังคับให้ท่านก้มหัวให้!”หลิงอวี๋มองว่าเย่หรงเป็นสหายของ
คำพูดที่หนักแน่นของหลิงอวี๋ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็มีความคิดแตกต่างกันไป คนที่ดูถูกหลิงอวี๋และช่วยหยางหงหนิงใส่ร้ายหลิงอวี๋เมื่อครู่ ก็มิกล้าพูดอะไรอีกแม้ว่าคำพูดนี้ของสิงอวี๋จะเป็นการพูดกับหยางหงหนิง แต่ก็เป็นการพูดกับคนที่ใส่ร้ายนางด้วยสิงอวี๋ใช้ความแข็งแกร่งของนางบอกทุกคนว่า อย่ายั่วยุยอดฝีมือที่เชี่ยวชาญวิชาพิษ มิเช่นนั้นอาจจะตายมิรู้ตัว!การต่อสู้จนถึงที่สุด หากมิตายก็จะมิหยุดนั้นเป็นความตั้งใจของนาง!คนชั่วในใต้หล้านี้หาได้น่ากลัวไม่ ทว่าสิ่งที่น่ากลัวจริง ๆ คือคนที่มิกลัวตายและทำสิ่งใดมิคิดชีวิตการประกาศที่มิกลัวตายนี้ของหลิงอวี๋ เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาหวาดกลัวได้แล้วทุกคนล้วนมองหลิงอวี๋อย่างประหลาด แต่หลิงอวี๋กลับเดินไปตรงหน้าหลงอิงราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น“คุณหนูหลง ข้าขออภัยด้วย ที่ทำให้งานเลี้ยงชมบุปผาของเจ้าในวันนี้ต้องวุ่นวาย เช่นนั้นข้าขอตัวลาก่อน!”ยังมิทันที่หลงอิงจะพูดอะไร เย่หรงก้าวไปข้างหน้า แล้วเอ่ยออกมา “เสี่ยวชี รอข้าด้วย ข้าคุยกับนางสักเล็กน้อยแล้วจะไปพร้อมกับเจ้า!”เย่หรงมองไปทางหยางหงหนิง แล้วเอ่ยเสียงเรียบ “ต่อหน้าคนจำนวนมากถึงเพียงนี้ หยา
“ปวดยิ่งนัก!”หยางหงหนิงเอื้อมมือไปกดที่ท้อง พยายามจะยืนขึ้นปรุงยาแก้พิษต่อไป แต่นางไม่มีแม้แต่แรงที่จะลุกยืนขึ้นเลยนางลองอยู่สองครั้ง แต่เมื่อฝืนลุกขึ้นมา ขากลับอ่อนแรงและล้มลงบนพื้นอีกครั้ง“เป็นไปมิได้!”หยางหงหนิงตะโกนขึ้นมาอย่างร้อนใจ “ยาที่ข้าเตรียมไว้ก็เป็นยาแก้พิษ เหตุใดุมิได้ผลเล่า! หรือเป็นเพราะปริมาณยาแก้พิษมิเพียงพอ?”หลิงอวี๋จ้องมองนางอย่างเย็นชา ที่มุมปากของนางมีความเยาะเย้ยเล็กน้อย "คุณหนูหยาง เจ้าเป็นคนบอกว่าการทำสงครามย่อมมิกลัวอุบาย ดังนั้น ข้าเองก็เล่นลูกไม้กับเจ้าไปอย่างหนึ่งเช่นกัน!”“หากเจ้ารู้จักลักษณะของเครื่องยาสมุนไพรอย่างลึกซึ้งจริง ๆ เจ้าก็ควรจะรู้ว่าเครื่องยาสมุนไพรบางชนิดมีประโยชน์หลายอย่าง และเครื่องยาสมุนไพรเหล่านี้มีความสัมพันธ์กันแบบกษัตริย์กับขุนนาง เมื่อนำมาทำเป็นยาพิษ ก็จะมีฤทธิ์เป็นพิษ!”“แต่หากใช้เป็นยาแก้พิษ ก็มีฤทธิ์เป็นยาแก้พิษได้!”“ตามหลักการนี้แล้ว หากยาแก้พิษที่เจ้าเตรียมไว้ไปกดยาพิษของข้า เช่นนั้นก็แสดงว่าเป็นยาแก้พิษ แต่หากกดไว้มิได้ เช่นนั้นก็แสดงว่าเป็นยาพิษที่เติมเข้าไปในยาพิษอีกที!”หยางหงหนิงรู้สึกเจ็บปวดจนขดตัวเป็นก้อนแล้ว
หยางหงหนิงมิได้รู้สึกเลยสักนิดว่าตนได้ทำผิดพลาดครั้งใหญ่ไปเสียแล้ว เวลานี้เมื่อถูกหลิงอวี๋เปิดเผยทุกอย่างออกมา นางก็ยิ้มอย่างมิรู้สึกละอายแล้วเอ่ยออกมา“เจ้าแสดงความสามารถเกินตัวไปกระมัง! หากเจ้ามิยอมแพ้ คนที่ต้องอับอายก็คือเจ้า!”“การทำสงครามนั้นย่อมมิกลัวกลอุบาย ข้าก็มิได้ขัดขวางมิให้เจ้านำเครื่องยาสมุนไพรออกมา เป็นเจ้าเองต่างหากที่มิฉลาดพอ!”คำพูดนี้ของหยางหงหนิงมีคนที่อยู่ในเหตุการณ์เห็นด้วยอยู่กึ่งหนึ่ง และรู้สึกว่าหยางหงหนิงพูดถูกเดิมทีมันก็คือการแข่งขัน ใครกำหนดเล่าว่ามิสามารถนำเครื่องยาสมุนไพรที่แก้พิษออกมาได้ เป็นหลิงอวี๋เองเท่านั้นที่โง่เขลาส่วนคนอีกกึ่งหนึ่งรู้สึกดูถูกการกระทำของหยางหงหนิง ในมุมมองของพวกเขา การแข่งขันคือการเทียบความสามารถของกันและกัน และการแย่งชิงเครื่องยาสมุนไพรแก้พิษของอีกฝ่ายไปเช่นนี้ ช่างเป็นการกระทำที่ต่ำช้าจริง ๆเย่หรงมองเหงื่อเย็นไหลลงมาตามหน้าผากของหลิงอวี๋มากขึ้นอย่างกังวล เหงื่อนั้นไหลหยดลงมา จนเปียกเส้นผมบริเวณข้างหูของนางจนหมดแต่หยางหงหนิงกลับยังคงเอ่ยอย่างยินดี “สิงอวี๋ ฝืนทนไปก็หาได้มีประโยชน์ไม่ หากทนแล้วทนไหว เช่นนั้นก็เห็นได้ชัดแล
บัณฑิตของหอโอสถไป๋เป่าและหอโอสถซ่างกู่ รวมถึงคนที่มาเฝ้าดูจำนวนมากนั้นต่างก็เข้าใจพื้นฐานของเครื่องยาสมุนไพร หลิงอวี๋จึงยิ้มเยาะแล้วเอ่ยออกมา“คุณหนูหยางของพวกเราน่าจะชอบยาระบายและยาที่ทำให้เกิดอาการคันเป็นพิเศษนะ นางจึงใส่ยาเหล่านี้ลงไปในยาพิษของนางด้วย!”หา!เมื่อเหลยเหวินและคนอื่น ๆ ได้ยินเรื่องนี้ต่างก็ตกตะลึงกันไปคุณหนูบางคนถอยหลังไปสองสามก้าวโดยมิรู้ตัว นี่ก็หมายความว่าหากพิษที่หลิงอวี๋ออกฤทธิ์ มันจะต้องไหลพรวดออกมาแน่ ๆเย่หรงมองหยางหงหนิงอย่างรังเกียจ และกำหมัดแน่นเสี่ยวชีพูดถูกจริง ๆ นิสัยในการปรุงยาพิษของหยางหงหนิงนั้นมิสามารถเปิดเผยต่อหน้าทุกคนได้จริง ๆฉินซานยืนอยู่ข้างเย่หรง เมื่อครู่เย่หรงเพิ่งจะเล่าเรื่องของเขากับหยางหงหนิงให้ฟังอยู่คร่าว ๆเมื่อฉินซานได้ยินหลิงอวี๋บอกว่า หยางหงหนิงใส่สิ่งเหล่านี้ลงไปในยาพิษ เขาก็มองไปทางเย่หรงด้วยสีหน้าเห็นใจ จากนั้นก็ส่ายหัวแล้วเอ่ยออกมา “ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าเหตุใดเจ้าจึงมิชอบนาง!”“สตรีประเภทนี้ หากเปลี่ยนเป็นข้า ข้าก็มิชอบเช่นกัน!”“นี่คือการแข่งขัน มิใช่การต่อสู้เอาเป็นเอาตายกันจริง ๆ เหตุใดต้องทำเรื่องน่ารังเกียจเช่นนี้ด
หลิงอวี๋มองปราดเดียวก็อ่านความคิดของหยางหงหนิงออกแล้ว นางจึงยิ้มมุมปาก “วิธีการเล่นเช่นนี้ก็สดใหม่ดี เช่นนั้นก็ทำตามที่เจ้าบอกเถิด!”ทั้งสองจึงแลกเปลี่ยนยาพิษกันหยางหงหนิงหยิบผงยาใส่ปากอย่างมิใส่ใจ แล้วชิมส่วนผสมที่อยู่ในนั้น จากนั้นก็มองไปทางหลิงอวี๋และยิ้มอย่างดูถูก“ยาพิษง่าย ๆ เช่นนี้ เจ้าก็กล้านำมาใช้ในการแข่งขันหรือ สิงอวี๋ เจ้ารอไสหัวไปจากเมืองหลวงแดนเทพได้เลย!”หลิงอวี๋ก็ยิ้มบาง ๆ “พูดประโยคนี้ในตอนนี้มันยังเร็วเกินไป อีกสักครึ่งชั่วยามค่อยพูดเถิด!”“การเอาชนะเจ้า ข้ามิใช้เวลาถึงครึ่งชั่วยามหรอก แค่สิบห้านาทีก็พอแล้ว!”หยางหงหนิงเอ่ยขึ้นมาอย่างเย่อหยิ่งทุกคนต่างมองผงยาพิษในมือของทั้งสองคน และอยากรู้ว่าทั้งสองคนปรุงยาพิษชนิดใดเอาไว้“เข้าไปเลือกเครื่องยาสมุนไพร!”หยางหงหนิงรีบชิงเข้าไปก่อน เมื่อเห็นขวดยาก็นำมาใส่ลงในตะกร้าทันทีหลิงอวี๋มองดูก็รู้ทันทีว่าผงยาที่นางใส่นั้นคือเครื่องยาสมุนไพรของยาแก้พิษที่นางทำไว้หยางหงหนิงต้องการจะแย่งชิงเครื่องยาสมุนไพรที่หลิงอวี๋ต้องนำไปปรุงยาแก้พิษ เพื่อทำให้หลิงอวี๋มิสามารถปรุงยาแก้พิษได้หลิงอวี๋ส่ายหัวอย่างหมดคำพูด แล้วหิ้วตะก
คำถามนี้ของหลิงอวี๋ทำเอาจงเจิ้งเฟยพูดมิออกไปทันทีทั้งสองเส้นทางล้วนเป็นทางตันทั้งสิ้น!หลิงอวี๋ใช้คำเปรียบเทียบนี้เพื่อบอกจงเจิ้งเฟยว่า มิว่านางจะยั่วยุหยางหงหนิงหรือไม่ หยางหงหนิงก็มิยอมปล่อยนางไปอยู่ดีในเมื่อล้วนเป็นทางตันทั้งหมด แล้วไฉนมิหยิบไม้ขึ้นมาสู้สักครั้งเล่า?หากวิชาพิษของหลิงอวี๋สามารถเอาชนะหยางหงหนิงได้ เช่นนั้นจะทำให้หยางหงหนิงรวมถึงเหมียวหยางที่คอยรังแกหลิงอวี๋อยู่เสมอนั้นรู้สึกหวาดกลัวได้!จะเป็นอำนาจที่ยิ่งใหญ่แค่ไหน เมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่แข็งแกร่งกว่าตนอย่างไรก็ล้วนต้องก้มหัวให้!หากทักษะด้อยกว่าผู้อื่น เช่นนั้นตายไปก็ยังดีกว่าตายเพราะถูกข่มเหงรังแก เป็นการตายอย่างกล้าหาญ!จงเจิ้งเฟยเข้าใจสิ่งที่หลิงอวี๋บอกแล้วและนางก็มองหลิงอวี๋ด้วยความชื่นชมความเด็ดเดี่ยวและความแข็งแกร่งของศิษย์พี่หญิงนั้นดูเป็นบุรุษยิ่งกว่าบุรุษเสียอีก!จงเจิ้งเฟยรู้สึกว่า นี่ต่างหากคือจุดเด่นภายใต้รูปลักษณ์ธรรมดาของศิษย์พี่หญิง นางเป็นสตรีก็ยังเคารพหลิงอวี๋ เช่นนั้นขอเพียงมิใช่บุรุษที่หยาบคายเช่นเหมียวหยาง จะมีใครบ้างที่มิชอบสตรีเช่นหลิงอวี๋?“หงหนิงออกมาแล้ว! สิงอวี๋ ถึงตาเจ้าแล้ว หาก
“ได้ ตกลงตามนี้!”หลิงอวี๋จ้องหยางหงหนิงอย่างกดดัน “ต้องยอมรับผลแพ้ชนะ ถึงเวลานั้นหากแพ้ เจ้าก็อย่าได้พูดอะไรที่มิเหมาะสมออกมา!”หยางหงหนิงเอ่ยอย่างแน่วแน่ “ต้องยอมรับผลแพ้ชนะ! หลงอิง พวกเราขอยืมห้องปรุงโอสถของเจ้าสักหน่อยนะ!"หลงอิงเป็นเจ้าภาพในวันนี้ นางมิชอบมาก ๆ ที่มีคนมาสร้างปัญหาขึ้นในงานเลี้ยงชมบุปผาของตน ทำให้รายการที่ตนเตรียมไว้มิได้นำออกมาแต่หยางหงหนิงพูดไปแล้ว ดังนั้นต่อให้นางมิชอบก็มิอาจปฏิเสธได้“เสี่ยวอวี๋ มิต้องพนันแล้วได้หรือไม่ เจ้ามิใช่คู่ต่อสู้ของหงหนิงหรอก! เจ้ายอมแพ้ แล้วขอโทษหงหนิงเสียเถิด!”หลงอิงดูท่าทางเป็นห่วงหลิงอวี๋“คุณหนูหลง ข้ามิสามารถขอโทษคนที่ใส่ร้ายข้าในเรื่องที่ข้ามิได้ทำได้หรอก!”หลิงอวี๋รู้ว่าฮูหยินทั้งสองของตระกูลเฉียวอยู่ด้วย และตามหลักแล้วตนมิควรทำตัวโดดเด่นให้เป็นจุดสนใจแต่นางอดกลั้นความโกรธไว้มากแล้ว นางต้องระบายออกมาเหมียวหยางอาศัยอำนาจมาทำลายบ้านของตน และตอนนี้หยางหงหนิงก็อาศัยอำนาจกล้ามาใส่ร้ายตนโดยไม่มีหลักฐานอีก หากวันนี้ตนทนเงียบมิพูดอะไร เช่นนั้นต่อไปก็จะมีข่าวลือที่ยิ่งกว่านี้แพร่กระจายออกไปแม้ว่าหลิงอวี๋จะอยากเก็บตัวอยู่
บรรดาศิษย์น้องของเหมียวหยางจะกล้าปล่อยเหมียวหยางไปได้อย่างไร แม้ว่าเย่หรงจะเป็นศิษย์ที่มิประสบความสำเร็จของตระกูลเย่ แต่เขาก็นับว่าเป็นผู้มีอำนาจที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงแดนเทพ และความโหดร้ายของเขาก็ราวกับหมาป่าหากเขาประกาศชัดเจนว่าจะยั่วยุใคร เช่นนั้นแล้วขอเพียงยังมีลมหายใจอยู่ ต่อให้ต้องสู้จนถึงที่สุดก็จะมิยอมรามือถึงแม้ว่าเหมียวหยางจะเกลียดเย่หรงที่ทำให้จมูกของตนหัก แต่ท่าทีที่จะสู้กับเย่หรงอย่างสุดชีวิตนั้น ก็เป็นเพียงการแกล้งทำไปเท่านั้นเนื่องจากด้วยพลังของเขาแล้ว เขามิใช่คู่ต่อสู้ของเย่หรงอย่างแน่นอน มิฉะนั้นก็คงมิถึงกับถูกเย่หรงต่อยสองหมัด แล้วไม่มีแรงตอบโต้หรอก“พวกเจ้าปล่อยข้า ให้ข้าไปสู้กับเขา… เย่หรง เจ้ารู้สึกผิดแล้วกระมัง จึงได้ใส่ร้ายข้า!”เหมียวหยางตะโกนออกไปอย่างโอ้อวด “ข้ามิได้ทำลายบ้านของสิงอวี๋ มิใช่ว่าเจ้าจงใจไปทำลายบ้านของนาง เพื่อให้นางยอมขึ้นเตียงกับเจ้า และใช้โอกาสนี้สนับสนุนนางเองรึ?”น้ำโคลนสาดเข้ามาหาเย่หรงในทันทีคนจำนวนมากที่อยู่ตรงนั้น ต่างก็รู้สึกว่าคำพูดของเหมียวหยางอาจจะเป็นเรื่องจริงได้ เพราะเรื่องนี้ดูเป็นเรื่องที่เย่หรงสามารถทำได้!หลิงอวี