ไท่เฟยเส้าเอ่ยอย่างจริงจังและจริงใจจนท่านอ๋องเฉิงมิรู้ว่าจะตอบอย่างไรจูหลานกังวลว่าท่านอ๋องเฉิงจะมิสามารถทนต่อการโจมตีของไท่เฟยเส้าได้ แล้วจะประนีประนอมตอบตกลงไป จึงดึงองค์ชายเย่อยู่ก่อนยามนี้เมื่อเห็นว่าท่านอ๋องเฉิงกำลังลำบาก จูหลานจึงผลักองค์ชายเย่แล้วขยิบตาให้เขาจูหลานรู้ดีถึงบุญคุณความแค้นของไท่เฟยเส้ากับหลิงอวี๋ยามนี้หลิงอวี๋ควบคุมวังหลังอยู่ หากไท่เฟยเส้าฉวยโอกาสที่หลิงอวี๋บาดเจ็บมายึดอำนาจการจัดการของวังหลังไป สถานการณ์ของหลิงอวี๋จะยิ่งแย่ลงไปอีกพวกเถาจื่อไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของไท่เฟยเส้าได้ ไท่เฟยเส้าจะต้องกำจัดพวกนางแน่!องค์ชายเย่นึกถึงคำสั่งที่หลิงอวี๋บอกกับตนก่อนหน้านี้ จึงเปิดม่านรถม้าแล้วเอ่ยอย่างเย็นชา“ไท่เฟยเส้า กระหม่อมขอบคุณในความห่วงใยต่อราษฎรและแคว้นแทนฮองเฮาด้วย!”“แต่การที่ให้ท่านไปอยู่ที่ศาลบูรพกษัตริย์เป็นพระราชโองการขององค์จักรพรรดิ ฮองเฮาเองก็มิสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ท่านรีบกลับไปที่ศาลบูรพกษัตริย์จะดีกว่า!”“อย่าได้กังวล อาการบาดเจ็บที่ฮองเฮาได้รับนั้นน้อยนิด พักฟื้นสองวันก็มิเป็นอะไรแล้ว! มีพระชายาของกระหม่อมอยู่ดูแลพระนางแล้ว มิรบกวนท่านแล้วพ่
หลิงซวนมองไปไกล ๆ ด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ พวกไท่เฟยเส้าเดินไปไกลแล้วจากนั้นนางก็พูดอย่างขมขื่นด้วยเสียงต่ำ “ฮองเฮายังมิทรงฟื้นเจ้าค่ะ สิ่งที่พูดเมื่อครู่นั้นหลี่ว์เซียงสอนมาเจ้าค่ะ… รับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าก่อน!”“หากวันพรุ่งฮองเฮายังมิทรงฟื้น มิว่าเราจะแต่งเรื่องโกหกอะไรก็มิสามารถหยุดไท่เฟยเส้ามิให้นำคนเข้าวังได้แล้วเจ้าค่ะ!”เมื่อจูหลานได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง!“เข้าไปก่อนเถิดเจ้าค่ะ! พระชายาเย่ ประเดี๋ยวหมิ่นกูจะมาพบท่าน ท่านช่วยนางจัดการวังหลังไปก่อนนะเจ้าคะ!”หลิงซวนเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ก่อนที่ฮองเฮาจะทรงฟื้นขึ้นมา วังหลังมิสามารถวุ่นวายได้! ขอร้องท่านนะเจ้าคะ!”“ข้า…”จูหลานตกใจ แต่เมื่อนึกถึงสถานการณ์ตอนนี้ หากตนมิช่วยหลิงอวี๋แล้วจะมีผู้ใดสามารถช่วยหลิงอวี๋ได้อีกเล่า!“ข้าจะช่วยฮองเฮาดูแลวังหลังอย่างดี!”จูหลานเอ่ยอย่างหนักแน่น “พวกเจ้ารีบหาวิธีช่วยฮองเฮา ต้องช่วยชีวิตฮองเฮาให้ได้!”หลิงซวนมิกังวลข้างหลังแล้ว จึงรีบกลับพระตำหนักคุนหนิงทันทีเถาจื่อกับหานเหมยตื่นขึ้นมาภายใต้การรักษาของถังถีเตี่ยน ทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บภายในสาหัสแต่ถังถีเตี่ยน
คืนนี้เซียวเยวี่ยพักอยู่ที่พระตำหนักคุนหนิง เขาอ่านตำราอยู่ที่โถงด้านข้างอย่างรู้ความ เมื่อพวกหลิงซวนต้องการเขาจะได้ปรากฏตัวได้ทันท่วงทีหลิงซวนเฝ้าอยู่ข้างเตียงของหลิงอวี๋มิห่าง คอยให้ความสนใจกับการเปลี่ยนแปลงของอาการบาดเจ็บหลิงอวี๋อยู่ตลอดหลิงซวนนำหญ้าวานรที่เก็บมาได้ป้อนให้หลิงอวี๋ทุก ๆ ครึ่งชั่วยามแต่หลิงอวี๋ได้รับบาดเจ็บสาหัสมากจริง ๆ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ทั้งนั้นท่านอ๋องเฉิงเองก็อยู่ในวังกับองค์ชายเย่ด้วยพวกเขาเป็นบุรุษ มิสะดวกจะเข้าไปเยี่ยมหลิงอวี๋ที่วังหลัง จึงล้วนคอยฟังข่าวจากจูหลานจูหลานใช้ความสามารถในการดูแลงานบ้านของตน ให้หมิ่นกูคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของนางกำนัลและขันทีในวังอย่างเคร่งครัด มิอนุญาตให้ผู้ใดส่งข่าวออกไปภายนอกเด็ดขาดเรื่องนี้เกี่ยวข้องถึงช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายของพวกเขา หากข่าวรั่วไหลออกไปอาจนำมาซึ่งผลที่ตามมาที่มิอาจทนรับได้เผยอวี้โชคดีมาก คนของอวี๋เฮ่าค้นหาจนเจอเขาพร้อมกับยังมีลมหายใจแล้วพาออกมา เขาได้รับบาดเจ็บไปทั้งตัวแต่มิได้ร้ายแรงถึงชีวิต จึงรีบทำการพันแผลแล้วประคองตนไปที่วังองค์ชายเย่ยังคิดมิตกว่า การต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวในวัน
บรรยากาศในพระตำหนักคุนหนิงดูหม่นหมองไป เรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ราวกับก้อนหินขนาดใหญ่ที่กดอยู่ในใจของทุกคนจูหลานรู้สึกแย่จนมิกล้ามองอีกต่อไป จึงปิดปากแล้วเดินร้องไห้ออกไปหากหลิงอวี๋โชคร้ายตายจากไป พวกเขาสามีภรรยาก็จะเป็นผู้ทำผิด แล้วพวกเขาควรจะอธิบายให้เซียวหลินเทียนฟังอย่างไร?แม้ว่าจะต้องเสี่ยงชีวิต แต่นางกับองค์ชายเย่ก็จะต้องปกป้องเซียวเยวี่ย จะไม่มีทางให้องค์ชายคังสังหารเซียวเยวี่ยเด็ดขาด!จูหลานได้วางแผนไว้แล้ว หากหลิงอวี๋สิ้นใจ ก็จะพาเซียวเยวี่ยออกจากเมืองหลวงโดยมิสนใจสิ่งใดทั้งนั้น แล้วไปส่งเขาให้กับเซียวหลินเทียนอย่างปลอดภัยเวลาค่อย ๆ ผ่านไปทีละน้อย ที่มุมปากของหลิงอวี๋มีเลือดไหลออกมามิหยุด นางมิได้นอนเงียบ ๆ อีกต่อไป ความเจ็บปวดในอวัยวะภายในของนางทำให้ตัวสั่นไปทั้งตัวเมื่อการเคลื่อนไหวมากขึ้น เลือดที่ไหลออกมาก็ยิ่งมากขึ้น“ฮองเฮา...”หลิงซวนปรี่เข้าไปกดนางไว้ ดวงตาก็อดมิได้ที่จะมองที่ร่างกายของหลิงอวี๋นางมิอาจพูดคำว่าฮองเฮามิไหวแล้วได้ แต่ทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนี้ต่างก็รู้ดีอยู่แก่ใจวาระสุดท้ายของหลิงอวี๋ใกล้เข้ามาแล้ว!“ข้าจะไปสังหารองค์ชายคัง!”เถาจื่
แต่สุดท้ายแล้วแม่นมลี่ก็เข้ามาพร้อมกับสหายของนางหานอวี้ที่ตามหลังขันทีน้อยเซี่ยไปสำรวจความจริงของแม่นมผู้นั้นก็ถูกแม่นมแปลกผู้นั้นหิ้วมาราวกับไก่ตัวน้อย ๆทันทีที่แม่นมเข้ามาก็โยนหานอวี้ลงบนพื้นหานอวี้ลุกขึ้นพลางเอ่ยอย่างละอาย “แม่นมผู้นี้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ มีวรยุทธ์สูงมาก ข้า… ข้ายังมิทันได้ออกกระบวนท่าใดก็ถูกนางจับได้แล้ว!”วรยุทธ์ของหานอวี้ก็มิอ่อนแอเช่นกัน หากถูกแม่นมผู้นี้จับได้ภายในกระบวนท่าเดียว เช่นนั้นนางก็คือยอดฝีมือ!ทุกคนล้วนยืนอยู่หน้าเตียงของหลิงอวี๋อย่างเข้าใจกัน แล้วมองแม่นมผู้นั้นอย่างระมัดระวังแม่นมผู้นั้นสวมเสื้อผ้าของแม่นมลี่แต่ผมหงอกของนางดูเหมือนว่าจะมิได้สระมาหลายปีแล้วจึงเป็นปมพันกันยุ่งเหยิงไปหมดใบหน้าของนางเต็มไปด้วยริ้วรอย ดูแก่กว่าแม่นมลี่ แต่สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือบนใบหน้าของนางเต็มไปด้วยบาดแผลจากรอยมีดมากมายหลิงซวนเห็นแล้วตกใจมาก มิอาจจินตนาการได้เลยว่าผู้ใดจะทำร้ายแม่นมชราผู้นี้จนเป็นเช่นนี้ได้ แล้วแม่นมชราผู้นี้มีชีวิตรอดได้อย่างไร!แต่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยและรอยแผลเป็นนี้มีดวงตาคู่หนึ่งที่เต็มไปด้วยพลัง ซึ่งต่างกับความชราของนางโดยสิ้
ข่าวเรื่องที่มีคนที่สามารถช่วยเหลือหลิงอวี๋ได้มาที่วังหลังแพร่ไปถึงด้านหน้าความกังวลใจของท่านอ๋องเฉิงจึงผ่อนคลายเล็กน้อย แต่ก็ยังมิกล้าประมาทจึงหารือกับหลี่ว์เซียงและฉินซานที่ตามมาถึงวิกฤติที่อาจจะเกิดในเช้าวันรุ่งขึ้นหากในวันพรุ่งหลิงอวี๋มิสามารถพบไท่เฟยเส้าได้ พวกองค์ชายคังจะต้องมิยอมทนอีกต่อไปแน่ท่านอ๋องเฉิงในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์และผู้อาวุโสเพียงผู้เดียวที่เหลืออยู่ของราชวงศ์ฉินตะวันตก ก็มิอยากเห็นฉินตะวันตกต้องตกอยู่ในความขัดแย้งเลยจริง ๆ“มิรู้ว่าสถานการณ์ของทางองค์จักรพรรดิเป็นอย่างไรบ้าง!”ท่านอ๋องเฉิงกังวลเกี่ยวกับหลิงอวี๋ ในขณะเดียวกันก็กังวลเกี่ยวกับเซียวหลินเทียนด้วย“ท่านอ๋องเฉิง ท่านวางพระทัยเถิดพ่ะย่ะค่ะ องค์จักรพรรดิทรงมีวรยุทธ์แก่กล้า ทั้งยังมีการสนับสนุนจากราษฎรอีก พระองค์จะต้องทรงประสบความสำเร็จและทรงเอาชนะเว่ยเหนือได้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินซานเอ่ยปลอบใจท่านอ๋องเฉิงมองฉินซาน แขนที่หายไปของเขาทำให้ท่านอ๋องเฉิงรู้สึกเสียใจ ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของเซียวทงที่ทำร้ายบุรุษที่เดิมทีสามารถเป็นแม่ทัพที่มีชื่อเสียงได้ไปชั่วชีวิตผู้นี้!“ข้าแก่แล้ว มิรู้
จ้าวหรุ่ยหรุ่ยพักฟื้นไปหนึ่งคืนก็มีพลังมากแล้ว แต่อาการบาดเจ็บภายในที่นางได้รับมิสามารถฟื้นตัวได้ในคืนเดียวนางยังฝืนมาเพราะวันนี้สำคัญสำหรับนางกับองค์ชายคังมากอีกอย่างจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเชื่อในความสามารถของตน การโจมตีนั้นนางยังได้รับพลังย้อนกลับจนบาดเจ็บสาหัส หลิงอวี๋ก็อย่าได้คิดว่าจะรอดชีวิตเลยดังนั้นนางจึงมากับไท่เฟยเส้าหากหลิงอวี๋ยังมีชีวิตร่อแร่อยู่ นางก็จะมิรังเกียจที่จะลงมือส่งหลิงอวี๋ไปสู่ความตาย!ส่งป้ายไปแล้ว แต่ผ่านไปสักพักก็ไม่มีผู้ใดมาบอกให้ทั้งสองคนเข้าไปไท่เฟยเส้ายิ้มอย่างเย็นชา มั่นใจเช่นเดียวกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยว่าหลิงอวี๋ตายแล้วตอนนี้ภายในวังคงยุ่งอยู่กับการคิดว่าจะอธิบายให้เหล่าขุนนางฟังอย่างไรและจะจัดการกับผลที่ตามมาอย่างไร!“ได้ส่งป้ายของข้าเข้าไปหรือไม่?”ไท่เฟยเส้าแสร้งทำเป็นโวยวายอย่างมิอดทน “ข้ามาเข้าเฝ้าและกล่าวคำอำลา! เมื่อวานฮองเฮาก็ทรงรับปากกับข้าไว้แล้ว เหตุใดเล่า คิดจะเปลี่ยนใจรึ!”“หลี่เจิ้น เจ้าไสหัวออกมาเสีย เจ้าสังหารฮองเฮาไปแล้วใช่หรือไม่ ที่จงใจกันพวกเราไว้ข้างนอกก็เพราะกลัวว่าความผิดของตนจะถูกเปิดเผยใช่หรือไม่?”“ข้าเรียกไปหลายสิบครั้ง มิเป
จ้าวหรุ่ยหรุ่ยใช้ขุนนางที่อยู่ที่นี่เหล่านี้เป็นโล่ในการเข้าไปเข้าเฝ้าหลิงอวี๋ หากพวกเขาปฏิเสธก็จะยืนยันว่าตนมีความผิดท่านอ๋องเฉิงยังมิเคยได้ข่าวเรื่องอาการของหลิงอวี๋ จึงมิรู้ว่าควรปล่อยให้เข้าไปหรือไม่“ท่านอ๋องเฉิง...”ขณะที่ท่านอ๋องเฉิงกำลังปวดหัวอยู่นั้น สุ่ยหลิงก็วิ่งเข้ามา “ให้พวกนางเข้ามาเถิดเพคะ ฮองเฮาฟื้นแล้ว!”ในที่สุดหินก้อนใหญ่ในใจของท่านอ๋องเฉิงและหลี่ว์เซียงก็วางลงได้เสียที“ท่านอ๋องเฉิง ท่านรับพวกนางเข้าวัง และหากถ่วงเวลาไว้ได้ก็ถ่วงไว้สักหน่อยเถิดเพคะ ฮองเฮายังต้องการเวลาสักหน่อยเพคะ!”สุ่ยหลิงอธิบายอีกครั้งฟื้นขึ้นมาก็ดีแล้ว เรื่องอื่นเป็นเรื่องเล็ก จัดการง่าย!ท่านอ๋องเฉิงหันไปด้านล่างแล้วเอ่ย “ไท่เฟยเส้า พระชายาคัง รอสักครู่ อีกประเดี๋ยวฮองเฮาจะพบพวกเจ้า เกี้ยวที่จะมารับพวกเจ้าจะมาถึงแล้ว!”ไท่เฟยเส้ากับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยสามารถเข้าไปเยี่ยมได้ แต่ทั้งสองต่างก็มิเชื่อว่าหลิงอวี๋ยังมีชีวิตอยู่ท่านอ๋องเฉิงปล่อยให้พวกนางเข้าไปเช่นนี้ หรือว่าจะวางกับดักไว้ข้างใน?ทั้งสองคนมิกล้าเข้าไปง่าย ๆ!หากมิสามารถนำทัพเข้าไปได้ เช่นนั้นหากเข้าวังไป จะมิเป็นปลาให้ผู้อื่นเช
อะไรนะ?ทั้งเฉียวไป๋และลุงเฉียวตางก็ตกใจมากในความของพวกเขา หลิงอวี๋มิใช่คนแดนเทพ แม้ว่านางจะได้รับหยกหล้าสุขาวดีมาก็มิสามารถใช้ประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่จากมันได้ ระดับพลังการบำเพ็ญของนางจะสูงถึงขั้นที่สามารถสังหารเฉียวเค่อได้อย่างไร?แต่เมื่อเห็นสภาพของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยแล้ว พวกเขามิเชื่อก็ต้องเชื่อพลังของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยอยู่เหนือกว่าเฉียวเค่อ นางไปถึงดินแดนที่หกนานแล้ว แต่ตอนนี้เพิ่งอยู่ในดินแดนที่สี่เฉียวไป๋กับลุงสามตระกูลเฉียวต่างก็มิรู้ว่า หลิงอวี๋ทำลายตันเถียนของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยไปแล้ว หลังจากได้ฟังคำพูดของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็คิดไปจริง ๆ ว่าหลิงอวี๋ได้ชิงพลังของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับเฉียวเค่อไป“นางสารเลวผู้นี้ นางอยู่ที่ใด ข้าจะต้องตามหาและสังหารนางให้ได้!”หัวใจของเฉียวไป๋ราวกับมีมีดมากรีด ก่อนหน้านี้คำทำนายของลุงสามตระกูลเฉียวบอกว่า เฉียวเค่อตายไปแล้ว เขาก็เชื่อครึ่งสงสัยครึ่ง หวังว่าคำทำนายของลุงสามจะผิดพลาดแต่ตอนนี้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยืนยันการตายของเฉียวเค่อ ความหวังของเขาพังทลายลงไปแล้ว“ศพพี่ชายข้าอยู่ที่ใด? ข้าจะต้องตามหาเขาแล้วพาเขากลับมาฝังอย่างสงบ...”เฉียวไป๋สะอื้นไห้แม้ว่าเฉียวเค่
ชิงพลังไปหรือ?เช่นนั้นหลิงอวี๋จะมิเป็นดังเช่นเมื่อก่อนที่ไม่มีความสามารถที่จะป้องกันตัวแล้วต้องยอมให้คนอื่นรักแกหรือ?ความกังวลของเซียวหลินเทียนกัมีมากกว่าฉินซานนัก เขาขมวดคิ้วแล้วเอ่ย “ตามที่หานเหมยบอกมา จ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับอาอวี๋ก็แยกจากกันไปแล้ว ศิษย์พี่ที่ช่วยจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับหานเหมยก็คือเฉียวเค่อ!”“แต่เมื่อวานเผยอวี้ไปสืบมา เฉียวเค่อตายแล้ว แล้วใครเป็นคนสังหารเฉียวเค่อเล่า?”“หรือจะเป็นจ้าวหรุ่ยหรุ่ย?”ฉินซานก็วิเคราะห์ตามไปด้วยเช่นกัน แต่รู้สึกว่าความคิดของตนนั้นเหลวไหลเกินไปเฉียวเค่อเป็นศิษย์พี่ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ย จ้าวหรุ่ยหรุ่ยจะสังหารเขาได้อย่างไรกัน!ยิ่งไปกว่านั้น ระดับของเฉียวเค่อก็สูงมาก คนธรรมดาไม่มีทางที่จะสังหารเขาได้อย่างง่ายดาย!“หรือจะเป็นเย่หรง?”เซียวหลินเทียนนึกถึงเย่หรงที่ติดตามจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับเฉียวเค่ออยู่เช่นกัน ดังนั้นจึงพูดชื่อของเขาออกมาโดยมิรู้ตัว“ก็เป็นไปได้!”ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่นั้น ขันทีโม่ก็พาหานเหมยกลับมาหานเหมยดูท่าทางอ่อนแอ เมื่อเห็นเซียวหลินเทียนก็คุกเข่าลง“ฝ่าบาท บ่าวมิได้ปกป้องฮองเฮาให้ดี ฝ่าบาทโปรดลงโทษบ่าวเถิดเพคะ!”“เจ้
เซียวหลินเทียน ฉินซานและขันทีโม่นำเกวียนทาสหญิงกลับมาที่โรงเตี๊ยมทาสคุนหลุนผู้นั้นซื่อสัตย์มาก ฉินซานบอกว่า เซียวหลินเทียนเป็นเจ้านายของเขา จากนั้นเขาก็ติดตามเซียวหลินเทียนมิยอมห่างเซียวหลินเทียนเห็นว่าเขาแข็งแกร่งราวกับหอคอยเหล็ก จึงตั้งชื่อให้เขาว่าเถี่ยจู้กระทั่งกลับมาถึงโรงเตี๊ยม เถ้าแก่จูก็บอกว่า มีสตรีสองคนมาหาพวกเขา แล้วบอกว่าเป็นคนคุ้นเคยของพวกเขาเถ้าแก่จูจัดห้องให้สตรีทั้งสองคนเป็นการชั่วคราวเมื่อเห็นว่าเซียวหลินเทียนกลับมาแล้ว เถ้าแก่จูจึงให้เสี่ยวเอ้อร์ไปแจ้งสตรีทั้งสองคนผลก็คือคนที่มาคือเถาจื่อกับหานอวี้นั่นเอง“หานอวี้ เจอพี่หญิงของเจ้าแล้วนะ!”ฉินซานเอ่ยอย่างตื่นเต้น“อยู่ที่ใด!” หานอวี้ตะโกนขึ้นมาอย่างตื่นเต้น“เจ้ารอสักครู่ ข้าจะไปพานางมา!”ฉินซานรีบเดินออกไป แต่หานอวี้รอมิไหวแล้วจึงรีบตามฉินซานไปที่เรือน แล้วก็เห็นทาสหญิงถูกขังอยู่ในเกวียนหานอวี้มิได้สนใจถามฉินซานว่าทาสหญิงเหล่านี้มาจากที่ใด นางรีบเปิดประตูเกวียนนั้นแล้วดึงพวกนางออกมาทีละคนหานเหมยถูกดึงลงมา แล้วหานอวี้ก็กอดนางอย่างตื่นเต้น “พี่หญิง ในที่สุดข้าก็พบเจ้าแล้ว! เจ้ายังมีชีวิตอยู่ ช่างดี
การกระทำนี้ของเซียวหลินเทียนทำให้เก๋อเฟิ่งฉิงถอนหายใจโล่งอก ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่าจะยอมลดทิฐิลงขอร้องให้เซียวหลินเทียนช่วยเหลือ ไหนเลยจะคิดว่า มิต้องให้ตนเอ่ยปากเซียวหลินเทียนช่วยเหลือแล้วในใจของเก๋อเฟิ่งฉิงเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง มิรู้สึกอยากแข่งขันกับเซียวหลินเทียนอีกต่อไปแล้วนางพยักหน้าให้เซียวหลินเทียนเล็กน้อยเพื่อแสดงความขอบคุณ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาเรียบ ๆ “ในเมื่อคุณชายผู้นี้ซื้อทาสหญิงเหล่านี้ด้วยความจริงใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะมิสู้กับท่านอีก!”หม่าเฉียงเห็นเช่นนี้ก็พอใจแล้ว และแทบจะรอมิไหวที่จะลากฉินซานไปดำเนินการซื้อขายกันป้าวเฉิงมองเซียวหลินเทียนแล้วพาคนของตนเดินออกไปเขามองออกว่า เซียวหลินเทียนมิใช่คนธรรมดา แต่ตราบใดที่รับรองว่าตนจะได้ส่วนแบ่งทางการค้า เขาก็จะมิสนใจว่าเซียวหลินเทียนเป็นใครขันทีโม่ใช้เงินห้าร้อยตำลึงไปซื้อตัวทาสหญิงที่เชี่ยวชาญเรื่องการติดตามและทาสคุนหลุนที่มีพลังมากมาหม่าเฉียงมอบให้ฉินซานแม้กระทั่งเกวียน ฉินซานเห็นว่าคนตระกูลเก๋อยังมิไป จึงมิยอมปล่อยหานเหมยออกมา เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้ดึงดูดความสนใจของคนตระกูลเก๋อเซียวหลินเทียนยังต้องการถามคำถามหม่าเฉีย
หลังจากเสียงนั้น คนที่มุงกันอยู่เหล่านั้นก็หลีกทางให้โดยมิรู้ตัว แล้วกลุ่มคนที่มาก็เผยตัว...เซียวหลินเทียนก็มองไปเช่นกัน แล้วก็เห็นว่าคนที่นำมาเป็นบุรุษอายุประมาณห้าสิบปี รูปร่างสูง แขนทั้งสองข้างที่เผยออกมานั้นเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ บนนั้นมีห่วงทองคำทองรูปสัตว์ประหลาดคล้องอยู่สองห่วงด้วย“ท่านป้าว!”มีคนจากในฝูงชนนั้นตะโกนขึ้นมาเซียวหลินเทียนรู้ทันทีว่า คนผู้นี้คือป้าวเฉิงเจ้าถิ่นตลาดซื้อขายทาสแห่งนี้ป้าวเฉิงเดินเข้ามาโดยที่ลูกน้องของคนล้อมรอบอยู่ เขาสูงกว่าเซียวหลินเทียนไปครึ่งหัว เขามองเซียวหลินเทียนแล้วมองเก๋อเฟิ่งฉิง จากนั้นก็ยิ้มเย็นชา“การประมูลก็มีกฎเกณฑ์ของการประมูล ท่านสองคนรู้หรือไม่ว่า ต่อให้ตะโกนเสนอราคาสูงแค่ไหน หากตอนที่ส่งมอบจริงแล้วจ่ายมิได้จะโดนลงโทษอย่างไร?”ในเมื่อป้าวเฉิงเป็นเจ้าถิ่นลานประมูลแห่งนี้ เขาจึงมิยอมให้ใครมาสร้างปัญหาในถิ่นของตนเมื่อครู่เขาเห็นจากด้านบนว่า คนในลานประมูลมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ก็กังวลว่าสองคนนี้จะมาสร้างปัญหา เขาจึงลงมาดู“หากจ่ายมิได้ ท่านจะต้องอยู่ที่ลานประมูลนี้และต้องนำเงินจำนวนสามเท่าจากที่เสนอราคามาไถ่ตัว!”ผู้ค้ามนุษย์คนห
บุรุษผู้นี้ฉลาดนัก!เก๋อเฟิ่งฉิงกลุ้มอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็มิได้โกรธ สิ่งที่นางต้องการคือบุรุษที่ได้ทั้งบุ๋นและบู๊เช่นนี้ หากเซียวหลินเทียนโง่เกินไป นางก็มิสนใจแล้ว!“พี่หญิง ข้าคิดว่าคุณชายผู้นี้พูดถูกนะ!”เก๋อเฟิ่งเจียวเบียดเข้ามาแล้วเอ่ยยิ้ม ๆ “ทาสหญิงเหล่านี้มิคุ้มราคาจริง ๆ หากท่านใช้เงินมากมายเช่นนี้ซื้อพวกนาง กลับไปจะต้องถูกท่านยายดุเป็นแน่!”“ท่านก็ทำตามที่คุณชายผู้นี้บอก ยอมให้เขาไปเถิด เลือกมาสองคนให้เขามอบให้ท่านเปล่า ๆ เขาจะต้องยอมแน่นอน!”เซียวหลินเทียนเกือบจะหัวเราะออกมา เขามิคาดคิดว่าความขัดแย้งภายในของตระกูลเก๋อจะชัดเจนถึงเพียงนี้ คุณหนูรองตระกูลเก๋อมาช่วยเหลือคนนอกเช่นนี้เก๋อเฟิ่งฉิงสีหน้ามิพอใจ นางคาดมิถึงว่าเก๋อเฟิ่งเจียวจะเผยจุดอ่อนของตนออกไป นี่มิใช่เป็นการบอกเซียวหลินเทียนหรือว่าหากตนเสนอราคาขึ้นอีก กลับไปจะต้องถูกท่านยายดุ?“เฟิ่งเจียว ไปยืนด้านข้างเสีย ข้าทำอะไรอย่างมีเหตุผล ท่านยายมิดุข้าหรอก!”เก๋อเฟิ่งฉิงฝืนพูดต่อไปเก๋อเฟิ่งเจียวยิ้มเยาะ “เช่นนั้นท่านมีเหตุผลอะไรก็พูดมาสิ พูดให้ชัดเจนแล้วข้าจะมิคัดค้านที่ท่านใช้เงินมหาศาลซื้อทาสหญิงเหล่านี้ มิเช่นนั้นข
เซียวหลินเทียนเห็นภาพนี้ไกล ๆ ก็รู้ว่ามีคนทำให้ฉินซานลำบากแล้วเขาเห็นซูจู๋ที่ขัดแย้งอยู่กับฉินซานก็พอจะคาดเดาเจตนาของเก๋อเฟิ่งฉิงได้เซียวหลินเทียนสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น อยากจะแข่งความรวยหรือ?เขามิเชื่อว่ากำลังทรัพย์ของคุณหนูตระกูลเก๋อจะเทียบกับตนที่เป็นจักรพรรดิได้ความเย่อหยิ่งของเซียวหลินเทียนเพิ่มขึ้นในทันที อย่างไรวันนี้เขาก็จะต้องปรามอำนาจของเก๋อเฟิ่งฉิงให้ได้เขาเดินเข้าไปด้วยใบหน้ามิสบอารมณ์เก๋อเฟิ่งฉิงเห็นว่าคนในใจเดินเข้าไปก็ตามเข้าไปด้วย“หกหมื่น!”ซูจู๋ให้ราคาเป็นสองเท่าจากที่หม่าเฉียงเสนอ หม่าเฉียงมีความสุขมาก แต่ยังฝืนมิพยักหน้าแล้วมองไปทางฉินซานฉินซานรู้ว่าเซียวหลินเทียนมิได้ใส่ใจกับเงินจำนวนนี้ เขาสามารถตัดสินใจเสนอราคาตามไปได้แต่เขาก็มองออกเช่นกันว่า วันนี้นางรับใช้ที่อยู่ตรงหน้าตั้งใจจะมีปัญหากับตน จึงกลัวว่าหากตนขึ้นราคา นางรับใช้ผู้นี้ก็จะขึ้นราคาไปด้วยแล้วเมื่อใดจึงจะสิ้นสุดเล่า?เวลานี้ฉินซานก็เห็นเซียวหลินเทียนเดินเข้ามา แล้วพยักหน้าให้เขาอย่างยากที่ใครจะสังเกตเห็นฉินซานจึงเอ่ยขึ้นมาทันที “แปดหมื่น!”เซียวหลินเทียนบอกเป็นนัยแล้วว่าเขาสามารถดันรา
ฉินซานได้รับคำสั่งแล้วไปเจรจาธุรกิจกับผู้ค้ามนุษย์ทันทีสิ่งที่เซียวหลินเทียนมิคาดคิดก็คือ วันนี้เก๋อเฟิ่งฉิงคุณหนูใหญ่ตระกูลเก๋อและเก๋อเฟิ่งเจียวคุณหนูรองตระกูลเก๋อก็มาด้วยเก๋อเฟิ่งฉิงมองปราดเดียวก็เห็นเซียวหลินเทียนที่โดดเด่นอยู่ท่ามกลางผู้คนทันทีเมื่อเห็นเขาสั่งให้คนรับใช้ไปเจรจาการค้ากับผู้ค้ามนุษย์ เก๋อเฟิ่งฉิงก็กลอกตาแล้วกระซิบกับซูจู๋ทันที จากนั้นซูจู๋ก็ตามฉินซานไปเก๋อเฟิ่งเจียวมิเชื่อใจเก๋อเฟิ่งฉิง การเคลื่อนไหวเล็ก ๆ นี้ก็ดึงความสนใจของเก๋อเฟิ่งเจียวเช่นกัน นางจึงให้นางรับใช้ของตนตามไปดูด้วยฉินซานกำลังคุยอยู่กับหม่าเฉียงหัวหน้าผู้ค้ามนุษย์วัยสี่สิบปี“นายของเราบอกว่า เขาสนใจทาสหญิงเกวียนนี้ อยากซื้อตามราคาสูงสุด และขอเพียงให้เจ้าตอบคำถามเขามิกี่ข้อ...เรื่องดีเช่นนี้หากพลาดไปคงไม่มีอีกแล้ว เจ้าต้องคว้าโอกาสไว้!”หม่าเฉียงได้ยินเช่นนี้ก็ใจเต้นแรงทันที คุณภาพของทาสหญิงเกวียนนี้ของตนมิได้นับว่าดีมากนัก เมื่อวานมาแล้ววันหนึ่งก็ขายมิออกสักคน วันนี้มีคนอยากจะซื้อทั้งหมดในคราวเดียว แล้วเขาจะพลาดโอกาสนี้ไปได้อย่างไรเล่า!“นายใหญ่อยากถามอะไรข้า?”หม่าเฉียงเอ่ยอย่างตื่นเต้น
เซียวหลินเทียนกับฉินซานแทบจะหันไปมองพร้อมกันทันทีที่ได้ยินชื่อหานเหมยแล้วก็เห็นว่าบนเกวียนคันนั้นก็มีทาสหญิงอยู่จำนวนมิน้อยสตรีคนที่ขันทีโม่พูดถึงยืนนิ่งอยู่ในมุมหนึ่งด้วยท่าทีเฉยเมย บนตัวและใบหน้าของนางเต็มไปด้วยบาดแผล ชุดก็ขาดรุ่งริ่งจนเผยผิวหนังส่วนใหญ่ออกมา“หานเหมย!”ฉินซานตะโกนขึ้นมาอย่างตื่นเต้นที่เขาเป็นฝ่ายอาสาออกมาตามหาหลิงอวี๋ครั้งนี้ เหตุผลอีกครึ่งหนึ่งก็เพื่อหานเหมยนับตั้งแต่ที่ฉินซานมีความคิดที่จะแต่งงานกับหานเหมย เขาก็ให้ความสนใจหานเหมยอย่างมากหานเหมยทำงานอย่างจริงจัง ทั้งยังขยันเรียนรู้และปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างอ่อนน้อมอย่างยิ่งไป ๆ มา ๆ ฉินซานก็ตกหลุมรักหานเหมยที่ขยันและจิตใจดีผู้นี้ไปเสียแล้วเดิมทีเขาอยากหาโอกาสหยั่งเชิงหานเหมยว่าจะยินดีแต่งงานกับตนหรือไม่ ไหนเลยจะคิดว่ายังมิทันได้โอกาส หานเหมยก็หายตัวไปพร้อมกับหลิงอวี๋เสียก่อนแล้วฉินซานกังวลมาตลอดว่า หานเหมยจะถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยสังหารไปแล้วเพราะไม่มีประโยชน์และมูลค่า คาดมิถึงว่าจะได้เห็นหานเหมยยังมีชีวิตอยู่ฉินซานตื่นเต้นจนอยากจะพุ่งเข้าไปช่วยหานเหมยออกมาขันทีโม่คว้าตัวเขาไว้แล้วกระซิบ “อย่าหุนหัน