ดูเหมือนว่าเสี่ยวเป่าของจูหลานจะมีความรู้สึกคุ้นเคยกับหลิงอวี๋อย่างอธิบายมิถูก เมื่อเห็นหลิงอวี๋ก็ยิ้มจนตาเป็นขีดเดียวและเผยให้เห็นฟันน้ำนมที่เพิ่งขึ้นมาหลิงอวี๋รับเขามา เสี่ยวเป่าก็ซุกตัวเข้าไปในอ้อมแขนของหลิงอวี๋หลิงอวี๋เห็นเสี่ยวเป่าใกล้ชิดกับตนเช่นนี้ก็รู้สึกอบอุ่นใจและเมื่อเห็นเสี่ยวเป่ามีอาการท้องเสียและหัวพาดที่บนบ่าของตนอย่างหมดเรี่ยวแรง หลิงอวี๋ก็กังวลใจนางจับชีพจรเสี่ยวเป่า แล้วหลิงอวี๋ก็ไปเอาน้ำตาลมาป้อนเสี่ยวเป่าไปพร้อมกับยาจูหลานมองอยู่ด้านข้างก็เต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณหลิงอวี๋เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น หลิงอวี๋ก็มิได้คลางแคลงใจกับตน ยังคงพยายามรักษาเสี่ยวเป่าอย่างเต็มที่ คนที่จิตใจดีเช่นนี้เหตุใดไท่เฟยเส้าจึงต้องบีบคั้นให้ตายด้วยเล่าพูดไปพูดมาก็เพื่อตำแหน่งนั้นมิใช่หรือ?“เจ้าเก็บน้ำตาลเหล่านี้ไว้ เสี่ยวเป่าท้องเสียจนขาดน้ำ ในทุกครึ่งชั่วยามให้ป้อนน้ำตาลนี้กับเขา หากยังคงท้องเสียมิหยุดก็ให้คนไปตามข้ามาอีกที!”หลิงอวี๋ยังมีเรื่องที่ต้องทำอีก จึงอธิบายให้จูหลานฟังแล้วออกไปเสี่ยวฮุ่ยนางรับใช้คนสนิทของจูหลานเห็นว่าหลิงอวี๋ไปแล้วก็เอ่ยด้วยเสียงต่ำ “พระชายา ท่านว
ไท่เฟยเส้าถูกลงโทษ ทำให้จิตใจมุ่งร้ายของผู้ที่มิหวังดีล้วนสงบลง การเฝ้าศพในหลายวันที่เหลือจึงเป็นไปอย่างราบรื่นแม้ว่าเมืองหลวงจะระงับงานรื่นเริงและงานมงคลสมรสทั้งหมด แต่การเพาะปลูกในวสันตฤดูก็ดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบนี่คือเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการเก็บเกี่ยวในปีหน้า มิอาจล่าช้าได้เซียวหลินเทียนจึงดำเนินการเรื่องการเพาะปลูกฤดูใบไม้ผลิไปพร้อมกันการเฝ้าศพด้วยกระทั่งส่งโลงศพของไทฮองไทเฮาไปที่สุสานจักรพรรดิแล้ว ไท่เฟยเส้าก็ถูกส่งตัวไปที่ศาลบูรพกษัตริย์เซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋ต่างก็รู้ว่าไท่เฟยเส้ามิได้ไปที่ศาลบูรพกษัตริย์ด้วยใจที่ยินยอม จึงคอยระวังอยู่ตลอดว่าก่อนไปนางจะเล่นลูกไม้อะไรแต่ตลอดเวลาจนถึงตอนไป ไท่เฟยเส้ามิได้มีสร้างเรื่องใด ๆ สิ่งนี้ทำให้หลิงอวี๋ยิ่งรู้สึกว่าผิดปกติไท่เฟยเส้าจะไปเงียบ ๆ ได้อย่างไรกัน?องค์ชายคังเองก็เช่นกัน ไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ ทั้งนั้นแต่สายลับที่จับตาดูองค์ชายคังอยู่ตลอดมารายงานว่า องค์ชายคังราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน เขาแนบแน่นอยู่กับพระชายาคังคนใหม่มาก ทั้งยังออกไปเล่นเที่ยวเล่นกับพระชายาคังอยู่บ่อย ๆ ด้วยหลิงอวี๋ก็ยิ่งระวังกับวิธีการข
เรียกได้ว่าการที่เซียวหลินเทียนลงโทษไท่เฟยเส้าให้ไปสวดภาวนาให้ไทฮองไทเฮาที่ศาลบูรพกษัตริย์ครานี้ ถือเป็นการช่วยเหลือตระกูลจ้าวไปโดยมิรู้ตัวด้วยทว่าหลิงอวี๋กลับได้กลิ่นความผิดปกติจากสิ่งนี้หากองค์ชายคังอยากจะทำการใหญ่ การที่ไท่เฟยเส้าอยู่ในวังก็ต้องมีประโยชน์อย่างแน่นอนแต่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยกลับมิสนใจในจุดนี้!นอกเสียจากว่านางจะมิได้มีความทะเยอทะยานให้องค์ชายคังเป็นจักรพรรดิ มิเช่นนั้นเหตุใดจึงมิสนใจกับสิ่งที่ไท่เฟยเส้าประสบเล่า!มีเพียงความเป็นไปได้เดียว นั่นก็คือจ้าวหรุ่ยหรุ่ยมิชอบวิธีการของไท่เฟยเส้า จึงอยากจะควบคุมพรรคพวกของจ้าวฮุยไว้ในกำมือของตนเมื่อเห็นองค์ชายคังภักดีต่อจ้าวหรุ่ยหรุ่ยถึงเพียงนั้น ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยทำให้ผู้คนเชื่อฟังได้เก่ง!กอปรกับเรื่องที่คราก่อนจ้าวเจินเจินถูกลากไปตายโดยไม่มีความผิด ทำให้หลิงอวี๋คาดเดาได้ว่าตระกูลจ้าวลังเลใจกับองค์ชายคังแล้วเมื่อเทียบกับการพึ่งพาภูเขาที่ล้ม จะมีสิ่งใดที่ดียิ่งไปกว่าการควบคุมชะตากรรมของตนไว้ในกำมือตนอีกเล่า!องค์ชายคังในตอนนี้กับบทบาทของเขาเมื่อก่อนนั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว เขามิใช่ผู้ที่ออกคำสั่งอีกต่อไปแล้ว แ
เซียวหลินเทียนรู้ว่าวิธีการนี้ค่อนข้างเลวทราม แต่ก็พูดออกไปอย่างมิลังเล“ผลก็คือคนของข้าล้มเหลว ฮูเหยียนเสวี่ยหนีไปได้… นางน่าจะคาดเดาความคิดของข้าได้จึงมิกลับกันกู่ แล้วระหว่างทางก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย!“สองวันก่อนข้าได้รายงานลับบอกว่า องค์ชายอิงจากเว่ยเหนือพากำลังพลมุ่งหน้าไปที่กันกู่ บอกว่าต่อไปกันกู่จะได้ความคุ้มครองจากเว่ยเหนือ!”หลิงอวี๋ได้ยินก็ตะลึง นี่หมายความว่าฮูเหยียนเสวี่ยหันไปพึ่งองค์ชายอิงแล้วตอนแรกองค์ชายอิงจะขอแต่งงานกับเซียวทง เพราะรู้สึกว่าเซียวทงเปิดเผยตรงไปตรงมาดี ตรงกับรสนิยมของเขาฮูเหยียนเสวี่ยดุร้ายยิ่งกว่าเซียวทงเสียอีก นี่น่าจะถูกรสนิยมขององค์ชายอิงมากกว่าองค์ชายอิงมาเข้าร่วมการแข่งขันทางทหารของสี่แคว้นที่ฉินตะวันตกเมื่อครั้งที่แล้ว แม้ว่ากองกำลังของเขาจะมิได้ชนะ แต่ความสามารถก็มิได้ด้อยไปกว่าฉินตะวันตกและฉีตะวันออกครานี้เขากล้าเปิดเผยอย่างโจ่งแจ้งว่าจะคุ้มครองกันกู่ เช่นนั้นก็ประกาศสงครามกับฉินตะวันตกอย่างชัดเจนแล้วยามนี้ฉินตะวันตกส่งผู้แทนพระองค์ไปเป็นทูตที่แคว้นเล็ก ๆ โดยรอบ หากคนที่ส่งไปเป็นหลี่ว์เซียง เขาจะต้องพยายามอย่างเต็มที่ในการรักษาคว
การสอบคัดเลือกขุนนางช่วงวสันตฤดูคราวนี้เซียวหลินเทียนเป็นผู้ดูแล หากนับเช่นนี้แล้ว ทุกคนที่ได้รับการคัดเลือกเข้าเป็นขุนนางในครั้งนี้ก็ล้วนเป็นคนที่ได้รับเลือกจากจักรพรรดิทั้งสิ้นสิ่งนี้ยิ่งกระตุ้นความกระตือรือร้นของเหล่าบัณฑิตมากขึ้น พวกเขาแอบสาบานว่าจะต้องสอบให้ได้คะแนนดี พยายามให้ได้รับคำแนะนำจากจักรพรรดิเซิ่งอู่เองให้ได้การสอบคัดเลือกขุนนางช่วงวสันตฤดูสำคัญเช่นนี้ ฉินซานกับเผยอวี้และพวกหลี่ว์เซียงจึงพยายามอย่างเต็มที่ในการจัดการสอบคัดเลือกขุนนางช่วงวสันตฤดูให้สมบูรณ์แบบองค์ชายรุ่ยกับองค์ชายเย่ก็มิอาจว่างได้ เซียวหลินเทียนส่งให้ทั้งสองคนไปทำหน้าที่สำคัญเช่นกัน องค์ชายเย่รับผิดชอบการสอบฝ่ายบู๊ ส่วนองค์ชายรุ่ยรับผิดชอบการสอบฝ่ายบุ๋นองค์ชายคังได้ถอยห่างจากตนไปแล้ว แม้ว่าองค์ชายรุ่ยจะมิได้มีความทะเยอทะยานอย่างเปิดเผย แต่เซียวหลินเทียนก็ยังให้โอกาสเขาได้ใกล้ชิดกับตนหลิงอวี๋เคยบอกไว้ว่า บำเพ็ญร้อยปีจึงจะมีโชคชะตาร่วมกัน ได้เป็นพี่น้องกันในชีวิตนี้จะต้องเป็นโชคชะตาหลายร้อยปีแน่นอนเซียวหลินเทียนมิขอให้พวกเขาซาบซึ้งและมีความรู้สึกลึกซึ้งในความเป็นพี่น้องกับตนเพราะเรื่องนี้ เขารู
อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด!แม้ว่าเซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋จะคาดการณ์ถึงวิกฤติไว้แล้ว แต่ก็ยังคงมิอาจคาดเดาได้ว่าวิกฤติจะรุนแรงเช่นนี้เซียวหลินเทียนอยู่ในห้องทรงพระอักษรแล้วเปิดดูเรื่องด่วน เมื่อกวาดสายตาอ่านสิบบรรทัดแรกเสร็จ ใบหน้าที่หล่อเหลานั้นก็เคร่งเครียดไปทันที“ขันทีเหอ สั่งการไปที่ขุนนางว่าการ หลี่ว์เซียง ท่านอ๋องเฉิง ท่านอดีตเสนาบดี หลิงเสียงกังและพวกองค์ชายคังให้เข้าวัง...”เซียวหลินเทียนสั่งการขันทีเหอเห็นสีหน้าของเซียวหลินเทียนมิปกติ จึงรีบให้คนไปถ่ายทอดพระราชโองการทันที“ขันทีน้อยเซี่ย ไปเชิญฮองเฮามา!”แม้ว่าหลิงอวี๋จะเป็นสตรีมิอาจทำงานเรื่องการเมืองได้ เซียวหลินเทียนก็อยากให้หลิงอวี๋รู้เรื่องนี้ในทันทีหลิงอวี๋ได้ยินหลิงซวนรายงานว่าทางชายแดนส่งข่าวด่วนมาก็กำลังกังวลใจอยู่เมื่อขันทีน้อยเซี่ยมาถ่ายทอดพระราชโองการ นางก็รีบมาโดยมิลังเล“อาอวี๋ ดูนี่สิ...”เซียวหลินเทียนเห็นหลิงอวี๋มาก็ส่งรายงานลับให้หลิงอวี๋ทันทีหลิงอวี๋อ่านจบก็ตกใจ บรรดาแคว้นเล็กที่เข้าร่วมกับฉินตะวันตกก่อนหน้านี้ล้วนไปเข้าร่วมกับองค์ชายอิงแล้วแม้แต่แคว้นพันก็ละทิ้งผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่ไป
คำพูดนี้ขององค์ชายรุ่ยมีความกล้าหาญมากจนได้รับการยกย่องจากเหล่าขุนนางเมื่อเทียบกับองค์ชายคังที่ดูหวาดกลัวปัญหาแล้ว องค์ชายรุ่ยดีกว่ามากนัก!“เรื่องการนำทัพออกรบประเดี๋ยวค่อยว่ากัน ข้ายังพูดมิจบ!”เซียวหลินเทียนเหลือบมององค์ชายคังด้วยความโกรธอย่างเตือน ๆ พลางเอ่ยอย่างเย็นชา “เว่ยเหนือกับฉีตะวันออกร่วมมือกันจะโจมตีเยวี่ยใต้!”“อัครเสนาบดีจ้าวหนีมิทันจึงตกอยู่ในกำมือขององค์ชายอิงแห่งเว่ยเหนือ องค์ชายอิงให้ข้าเอาเมืองสองเมืองไปแลกตัวอัครเสนาบดีจ้าวกลับมา!”ว่ากระไรนะ?คำพูดนี้ทำให้ขุนนางจำนวนมากแตกตื่นขึ้นมาทันทีองค์ชายคังก็ตะลึงไปเช่นกัน เมื่อครู่เขายังกล่าวโทษเซียวหลินเทียนที่ทำให้แคว้นกันกู่ขุ่นเคือง ตอนนี้จ้าวฮุยตกอยู่ในกำมือขององค์ชายอิง เขาจะยังกล้าพูดว่ามิสู้รบและต้องการสันติสุขอยู่ได้อีกหรือ?คราวนี้ขุนนางที่เข้าใจสถานการณ์รู้สึกได้ถึงวิกฤติแล้ว หากเว่ยเหนือกับฉีตะวันออกร่วมมือกันทำสงครามกับเยวี่ยใต้ เยวี่ยใต้ไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาหากเยวี่ยใต้ถูกยึดอำนาจไป แล้วเว่ยเหนือกับฉีตะวันออกร่วมมือกันทำสงครามกับฉินตะวันตกอีก ฉินตะวันตกต่อสู้แบบหนึ่งต่อสองจะมีโอกาสชนะเท่า
เมื่อจัดการตัวเลือกที่จะไปยึดครองแคว้นเล็กแล้ว ทุกคนล้วนมองเซียวหลินเทียนอย่างกังวลเว่ยเหนือกับฉีตะวันออกต่างหากที่เป็นประเด็นหลัก เซียวหลินเทียนจะส่งผู้ใดไปต้านพวกเขากัน?“ฝ่าบาท กระหม่อมยินดีนำทัพไปที่ชายแดนเพื่อต้านการรุกรานของฉีตะวันออกพ่ะย่ะค่ะ!”ท่านอดีตเสนาบดีก้าวออกมาเสนอตัวอย่างมิลังเล เขาได้ยินขันทีเหอส่งคนไปถ่ายทอดคำพูดของเซียวหลินเทียนให้เขาพาหลิงเสียงกังมาด้วย ก็รู้ว่าเซียวหลินเทียนอยากให้โอกาสหลิงเสียงกังทำความดีชดใช้ความผิดตัวตนของหลิงเสียงกังในยามนี้ยังคงเป็นขุนนางต้องโทษอยู่ มิว่าจะด้วยความรู้สึกหรือด้วยเหตุผลเซียวหลินเทียนก็มิสามารถให้เขาเป็นแม่ทัพใหญ่นำทัพออกรบได้ท่านอดีตเสนาบดีจึงทำได้เพียงเสนอตัวรับตำแหน่งแม่ทัพใหญ่เสียเอง เช่นนี้หลิงเสียงกังก็สามารถติดตามตนไปออกรบในฐานะรองแม่ทัพได้แล้วองค์ชายคังเข้าใจเจตนาของท่านอดีตเสนาบดีในทันที ไหนเลยจะให้ท่านอดีตเสนาบดีสมหวัง เขาจึงก้าวออกมาทันทีพลางเอ่ย“กระหม่อมขอคัดค้านเรื่องที่ท่านอดีตเสนาบดีจะนำทัพออกรบพ่ะย่ะค่ะ...”“ฝ่าบาท ท่านอดีตเสนาบดีอายุมากแล้ว คราก่อนตกลงมาจากม้าก็ขาหักไป แม้ว่าจะรักษาจนสามารถเดินได้แล้
“ตกลง ข้าจะเข้าร่วมการประลอง!”หลิงอวี๋เอ่ยออกมาอย่างแน่วแน่เย่ซื่อฝานและท่านผู้เฒ่าเย่ต่างสบตากัน พวกเขารู้ดีว่าเสี่ยวชีหนีมิพ้นการประลองในครั้งนี้ ทว่าเสี่ยวชีจะชนะได้จริงหรือ?หลายปีมานี้ตระกูลเย่กับหอโอสถไป๋เป่าต่อสู้กันอย่างเปิดเผย และพวกเขาก็รู้จักคนของไป่หลี่ไห่ดีที่สุดการประลองที่ดูเปิดเผยนี้ ลับหลังอาจจะซ่อนเจตนาฆ่ามิรู้จบเอาไว้ก็ได้!ไป่หลี่ไห่ได้สูญเสียคนไปแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นหากมิได้เตรียมตัวมาอย่างดีเขาไม่มีทางเสนอการประลองเช่นนี้เป็นอันขาด!หลงเพ่ยเพ่ยออกไปก่อน แต่พ่อลูกตระกูลเย่ยังอยู่ ทั้งสองต่างก็มองหลิงอวี๋ด้วยความกังวลหลังจากผ่านไปสักพัก ท่านผู้เฒ่าเย่ก็เอ่ยขึ้นก่อน “เสี่ยวชี เจ้าต้องเตรียมใจเอาไว้ด้วย นี่มิใช่การประลองที่ยุติธรรมเป็นแน่!”“ไป่หลี่ไห่มีกลอุบายมากมาย หากเขามิมั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะเจ้าได้เขาไม่มีทางเสนอการประลองหรอก!”หลิงอวี๋คิดเอาไว้แล้ว นางจึงเอ่ยออกไปเรียบ ๆ “ท่านผู้อาวุโส ข้ารู้ แต่ข้าไม่มีทางให้ถอยแล้วเจ้าค่ะ!”หากมิเข้าร่วมก็จะมิได้เห็ดหยก ทั้งยังต้องชดใช้เหมียวหยางด้วยชีวิตอีกนางสามารถต่อสู้กับเหมียวหยางได้ และสามารถต่อสู้กับไ
หลิงอวี๋จึงบอกการคาดเดาของตนให้พ่อลูกตระกูลเย่ฟังทั้งหมดท่านผู้เฒ่าเย่หมดคำพูดไปเลยทีเดียว ทรัพย์สินของตระกูลเหมียวไป่หลี่ไห่ก็จับจ้องอยู่เช่นกัน คนผู้นี้ช่างไม่มีขอบเขตของความเป็นคนเอาเสียเลย!“ท่านผู้อาวุโส ท่านอาจารย์ ข้าคาดว่าการประลองครั้งนี้คงมิอาจหลีกเลี่ยงได้ เพราะเหมียวหยางเหลือเวลาอีกเพียงสามวันเท่านั้นเจ้าค่ะ!”หลิงอวี๋เอ่ยด้วยเสียงทุ้ม “ไป่หลี่ไห่กล้าเสนอข้อเรียกร้องที่ไร้เหตุผลเช่นนี้ เขามั่นใจว่าจะบีบข้าลงได้แน่นอน! เพียงแต่ข้ามิรู้ว่าเขาจะใช้วิธีใด!”ท่านผู้เฒ่าเย่หัวเราะเยาะออกมา “เขาจะใช้วิธีใดได้อีกเล่า… อำนาจของเจ้าแห่งทะเลและความโปรดปรานของมหาเทพหลงก็เพียงพอที่จะทำให้เขาทำทุกอย่างที่ต้องการได้แล้ว!”“เขาสามารถทำได้แม้กระทั่งขอพระราชโองการบีบให้เจ้ามอบยาแก้พิษให้ แต่นี่จะเป็นการทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่จนเกินไป หากเขายังคิดที่จะอยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เขาก็น่าจะมิทำเช่นนั้น!”หลงเพ่ยเพ่ยเพิ่งเข้าประตูมาก็ได้ยินประโยคนี้เข้า นางจึงอดมิได้ที่จะเอ่ยขัดจังหวะขึ้นมา“ท่านผู้เฒ่าเย่ ท่านคิดผิดไปแล้ว… ไป่หลี่ไห่จะทำเช่นนั้นจริง ๆ เจ้าค่ะ!”“ว่ากระไรนะ?”ท่านผู้เ
หลังจากที่หลงอิงไปแล้ว เรือนเล็กก็เงียบสงบลง แต่หลิงอวี๋รู้ว่านี่เป็นเพียงความสงบภายนอกเท่านั้นในเมื่อไป่หลี่ไห่มีความคิดเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นเขาจะต้องหาวิธีมาบีบให้ตนประลองกับเขาอย่างแน่นอนเหมียวหยางเหลือเวลาอีกเพียงแค่สามวัน ก่อนที่ร่างกายของเขาจะเน่าเปื่อยและตายไป ดังนั้นไป่หลี่ไห่จึงเหลือเวลาอยู่มิมากแล้วหลิงอวี๋ทำอาหารกลางวันแล้วกินพร้อมกับมู่ตงและไป๋อวี้นางต้มโจ๊กที่มีคุณค่าทางโภชนาแยกให้กับผู้รอบรู้ และเมื่อป้อนโจ๊กให้ผู้รอบรู้เสร็จแล้วเย่ซื่อฝานกับท่านผู้เฒ่าตระกูลเย่ก็มาเยี่ยมผู้รอบรู้ถึงที่เมื่อหลิงอวี๋เห็นว่าเย่ซื่อฝานกับท่านผู้เฒ่าเย่มา ในใจของนางก็พลันรู้สึกซาบซึ้งขึ้นมา พวกเขามาเยี่ยมผู้รอบรู้ถึงที่ ก็นับว่าเป็นการมาสนับสนุนตนเช่นกัน!“เสี่ยวชี พี่ชายเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”ท่านผู้เฒ่าเย่เดินเข้าประตูมาก็เอ่ยถามอย่างเป็นห่วงหลิงอวี๋ยิ้มขมขื่น “ยังดีที่ช่วยเหลือกลับมาได้ทันเวลา มิเช่นนั้นก็คงสิ้นชีพไปแล้วเจ้าค่ะ!”ท่านผู้เฒ่าเย่สีหน้ามืดมนลง แล้วเดินเข้าไปในห้องของผู้รอบรู้พร้อมกับหลิงอวี๋ด้วยผู้รอบรู้นอนอยู่บนเตียง ยังมิสามารถขยับตัวได้ จมูกช้ำและใบหน้าบวม ร
หลิงอวี๋เห็นว่าสีหน้าหลงอิงดูจริงใจ จึงจะเชื่อนางไปก่อน“เจ้ารู้เรื่องที่พี่ชายของข้าถูกตระกูลเหมียวแก้แค้นแล้ว เช่นนั้นอาจารย์ของเจ้าก็ต้องรู้แล้วเช่นกัน แล้วเขามีท่าทีอย่างไร?”หลิงอวี๋เอ่ยถามออกไปหลงอิงรู้สึกปวดหัวขึ้นมา จากนั้นเอ่ยออกไปด้วยใจแน่วแน่ “เสี่ยวอวี๋ ข้าจะพูดกับเจ้าตามความจริงก็แล้วกัน ท่านอาจารย์ของข้ามิอยากรับเงื่อนไขการขับไล่เหมียวหยางออกจากสำนักอีกต่อไปแล้ว เขาบอกว่าเดิมทีแล้วนี่เป็นการประลองระหว่างคนรุ่นหลัง มิได้หมายความว่าเขาไร้ความสามารถ!”“เขาต้องการประลองกับเจ้าดูสักครั้ง เป็นการประลองปรุงยาพิษต่อหน้าธารกำนัล หากว่าเขาแพ้ เขาจะตอบตกลงในเงื่อนไขทั้งหมดของเจ้า!”“แต่หากว่าเจ้าแพ้ เจ้าจะต้องมอบยาแก้พิษให้เหมียวหยาง!”หลิงอวี๋อดมิได้ที่จะหัวเราะออกมา “มิได้หมายความว่าเขาไร้ความสามารถงั้นหรือ? ปรมาจารย์ไป่หลี่ก็สามารถพูดคำเช่นนี้ออกมาได้ ข้านับถือเขาเสียจนอยากจะโขกหัวคารวะให้เสียจริง ๆ!”“ข้าให้เวลาเขาสิบวัน เขาปรุงยาแก้พิษมิได้ แล้วยังมิยอมรับว่าเขาไร้ความสามารถอีกหรือ? ในเมื่อนี่เป็นการประลองของคนรุ่นหลัง ในฐานะที่เขาเป็นผู้อาวุโสจะมาประลองกับข้า เช่นนี้จะ
เย่หรงได้ยินคำถามของหลิงอวี๋ก็เอ่ยตอบไป “เรื่องนี้ข้ารู้ดีทีเดียว ตระกูลเหมียวมีฐานะขึ้นมาจากการพึ่งพาเครื่องยาสมุนไพร เนื่องจัดหาสมุนไพรให้หอโอสถไป๋เป่าอยู่บ่อยครั้ง กอปรกับที่เหมียวหยางค่อนข้างมีพรสวรรค์ในการแยกแยะเครื่องยาสมุนไพรด้วย ไป่หลี่ไห่จึงรับไปเป็นศิษย์!”“หลายปีมานี้ด้วยอำนาจของไป่หลี่ไห่ ตระกูลเหมียวจึงมีสถานะที่สูงขึ้นตามไปด้วย แล้วก็ค่อย ๆ ขึ้นไปเป็นตระกูลที่มีฐานะร่ำรวย!”มิน่า!หลิงอวี๋นึกถึงเงื่อนไขที่ตนเสนอให้หลงอิงก่อนหน้านี้ว่า ให้ไป่หลี่ไห่ขับไล่เขาออกจากสำนักเวลานั้นหลิงอวี๋มิรู้ถึงความแข็งแกร่งของตระกูลเหมียว คิดว่านี่เป็นการกระทำที่จะรักษาชื่อเสียงของไป่หลี่ไห่เอาไว้ตอนนี้เมื่อได้รู้ฐานะของตระกูลเหมียวแล้ว หลิงอวี๋จึงได้รู้ว่าเหตุใดตระกูลเหมียวจึงใช้ผู้รอบรู้แก้แค้นตนฐานะระดับตระกูลเหมียวนี้เรื่องเงินเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย แต่เรื่องเกียรติต่างหากที่เป็นเรื่องใหญ่หากเหมียวหยางถูกไป่หลี่ไห่ขับไล่ออกจากสำนัก ตระกูลเหมียวจะต้องเสียทั้งเกียรติทั้งศักดิ์ศรี อีกทั้งยังหมายความว่า นับจากนี้จะไม่มีไป่หลี่ไห่คอยสนับสนุนพวกเขาอีกต่อไปด้วยเช่นกันสำหรับตระก
นี่คือสิ่งที่หลิงอวี๋กำลังคิดอยู่ในใจ แต่ผู้รอบรู้กลับมองออกหลิงอวี๋อ้าปากค้างอย่างงุนงง มิรู้ว่าควรจะไปต่ออย่างไร“น้องหญิง วันนั้นพี่ใหญ่เห็นเจ้าตากฝนตัวเปียกโชก แล้วก็เห็นบ้านของเราถูกทำลายพังยับเยิน!”“ตอนนั้นข้าก็รู้สึกเช่นเดียวกับเจ้า… หากข้ามีความสามารถ ข้าก็จะไปทุบบ้านของเหมียวหยางเช่นกัน!”“หากข้าวางยาพิษเป็น ก็คงมิต้องให้เจ้าลงมือหรอก ข้าจะวางยาพิษเขาด้วยตัวข้าเอง!”ผู้รอบรู้เอ่ยออกมาอย่างแน่วแน่ “ดังนั้น ข้ามิได้รับเคราะห์แทนเจ้า และมิได้ถูกเจ้าทำให้เดือดร้อนด้วย เจ้ามิต้องรู้สึกผิด!”“พี่ใหญ่!”ดวงตาของหลิงอวี๋มีน้ำตาคลอขึ้นอย่างอธิบายมิถูก“ข้าเป็นเด็กกำพร้ามาตั้งแต่เด็ก หลังจากแยกอาจารย์ข้าก็เตร็ดเตร่อยู่ในยุทธภพเพียงลำพัง ไม่มีครอบครัว และไม่มีเป้าหมายใด!”ผู้รอบรู้เอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “หลังจากที่ได้รู้จักเจ้า ข้าจึงได้มีบ้านและครอบครัว! ข้าออกไปไหนก็มิต้องกังวลแล้วว่าจะไม่มีบ้านให้กลับ และเมื่อกลับมาก็ยังมีเจ้ารอข้ากินข้าวอยู่!”“น้องหญิง ข้าชอบครอบครัวที่พวกเราสร้างขึ้นมา มันทำให้ข้ารู้สึกว่าข้าก็มีความห่วงใยและมีเป้าหมายอยู่เช่นกัน ข้าหวังว่าจะหาเงินได้ม
“พี่ใหญ่มู่ เห็ดหยกนี้มีอยู่ที่ภูเขาใดหรือ?”หลิงอวี๋หันไปเอ่ยถามเขาหากซื้อมิได้นางก็จะไปเก็บด้วยตนเอง มิว่าจะยากลำบากแค่ไหน นางจะต้องหาเห็ดหยกมารักษาสิงจั๋วให้จงได้“ภูเขาศักดิ์สิทธิ์!”มู่ตงมองหลิงอวี๋ “เจ้าคงมิคิดจะไปเก็บที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์กระมัง! เป็นไปมิได้หรอก!”“มีหลายสาเหตุทีเดียว ประการแรก ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เป็นของราชวงศ์ มิอนุญาตให้ผู้ใดเข้าไปเก็บสมุนไพรได้ง่าย ๆ!”“ประการที่สอง แม้ว่าท่านหญิงของข้าจะสามารถพูดให้เจ้าและให้เจ้าเข้าไปในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่เจ้ารู้หรือว่าจะต้องไปเก็บที่ใด?”“ภูเขาศักดิ์สิทธิ์มีอยู่สิบแปดยอดเขา ซึ่งแต่ละยอดเขาก็จะมีความสูงชันและอันตรายมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่พวกตระกูลอู่ที่คอยเฝ้าภูเขาศักดิ์สิทธิ์อยู่ ก็ยังมิสามารถสำรวจยอดเขาครบทั้งสิบแปดยอดเขาได้ เจ้าไม่มีทางที่จะหาเห็ดหยกเจอท่ามกลางยอดเขามากมายถึงเพียงนั้นหรอก!”ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ มิได้มีเพียงแค่มู่ตงผู้เดียวที่เอ่ยถึงความลึกลับของภูเขาศักดิ์สิทธิ์นี้กับตนวันนั้นเย่หรงก็บอกกับตนว่า จ้าวหรุ่ยหรุ่ยต้องการพานางไปที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ เพื่อหาเครื่องยาสมุนไพรมาสลายเลือดเนื้อของนางและก่อน
หลังจากที่พวกเขารับคำสั่งแล้วก็ออกไป แล้วจู่ ๆ เซียวหลินเทียนก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ จึงตะโกนขึ้นมา “หานเหมย เจ้ารอก่อน!”หานเหมยหยุดชะงัก หานอวี้ก็หยุดเช่นกัน จากนั้นทั้งสองคนก็มองไปทางเซียวหลินเทียนอย่างสงสัย“ตอนที่ข้าจับตัวจ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้ที่ภูเขาหมางหลิ่ง นางเผลอหลุดปากออกมาเรื่องหนึ่ง… นางบอกว่านางโกหกหลิงอวี๋ว่าน้องสาวนางถูกจับตัวมาขายที่เมืองหลวงแดนเทพ!”แล้วเซียวหลินเทียนก็เอ่ยด้วยเสียงหนักแน่น “หลิงอวี๋สูญเสียความทรงจำไป และคิดมาตลอดว่าเจ้าคือเสี่ยวอวี้ น้องสาวของนาง! นางมาที่เมืองหลวงแดนเทพก็เพื่อมาตามหาเจ้า!”หานเหมยตะลึง จากนั้นดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมา “ฝ่าบาททรงหมายความว่าจะให้หม่อมฉันไปเข้าใกล้ฮองเฮาหรือเพคะ?”“อืม ตอนนี้หลิงอวี๋มีความคลางแคลงใจต่อพวกเรา ทว่ากับเจ้านั้นแตกต่างออกไป หลังจากที่นางสูญเสียความทรงจำไปเจ้าก็อยู่กับนางตลอด! จ้าวหรุ่ยหรุ่ยพูดเช่นนี้แล้ว นางจะต้องเชื่อว่าเป็นจริงแน่ ๆ!”เซียวหลินเทียนมองไปทางหานเหมย “สิ่งที่ข้ามิแน่ใจตอนนี้ก็คือ หลิงอวี๋จำเรื่องอะไรได้บ้าง และนางสงสัยหรือไม่ว่าเจ้ามิใช่น้องสาวของนาง!”“หากเจ้าบุ่มบ่ามไปเข้าใกล้นางเช่นนี้
และหลังจากที่เซียวหลินเทียนรู้เรื่อง สายตาของเขาก็มองไปทางเผยอวี้ ฉินซาน เถาจื่อและคนอื่น ๆ อย่างเย็นชาเมื่อเผยอวี้ถูกมองเช่นนั้นก็รู้สึกหนาวไปทั้งตัว ฉินซานเองก็เหงื่อแตกพลั่กเช่นกันแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะมิได้ก่นด่าออกมา แต่พวกเขาต่างก็รู้สึกกระวนกระวายกันไปหมดในที่สุด เซียวหลินเทียนก็เอ่ยขึ้นมา เขาเอ่ยด้วยเสียงเคร่งขรึง “วันนี้คนที่ถูกจับตัวไปคือสิงจั๋ว พวกเจ้ารู้สึกว่าโชคดีใช่หรือไม่… เพราะคนที่ถูกจับตัวไปมิใช่ฮองเฮาของพวกเจ้า!”ไม่มีใครกล้าพูดอะไรทั้งนั้น ทุกคนต่างก็ยืนก้มหน้าอยู่เช่นนั้นพวกเขาเพิ่งจะรู้ข่าวว่าสิงจั๋วถูกหลงเพ่ยเพ่ยส่งกลับไปที่เรือนเล็กหากคนที่ถูกจับตัวไปเป็นหลิงอวี๋ ศัตรูจะรอจนพวกเขารู้ข่าวก่อนแล้วให้ไปช่วยเหลือหรือ?เช่นนั้นจะยังทันหรือ?“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าติดตามข้าออกมาหลายเดือนแล้ว พวกเจ้าคิดถึงครอบครัวและชีวิตก่อนหน้านี้!”เซียวหลินเทียนเปลี่ยนเป็นตะคอกเสียงแข็ง “หากพวกเจ้ารู้สึกว่ามิคุ้นเคยกับการอยู่แดนเทพ เช่นนั้นใครอยากจะกลับไป ข้าก็จะมิห้าม!”เผยอวี้เหงื่อตก จากนั้นก็คุกเข่าลงข้างหนึ่ง“ฝ่าบาท พวกกระหม่อมประมาทละเลย สมควรได้รับโทษพ่ะย่ะค่ะ!”