ไท่เฟยเส้าถูกลงโทษ ทำให้จิตใจมุ่งร้ายของผู้ที่มิหวังดีล้วนสงบลง การเฝ้าศพในหลายวันที่เหลือจึงเป็นไปอย่างราบรื่นแม้ว่าเมืองหลวงจะระงับงานรื่นเริงและงานมงคลสมรสทั้งหมด แต่การเพาะปลูกในวสันตฤดูก็ดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบนี่คือเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการเก็บเกี่ยวในปีหน้า มิอาจล่าช้าได้เซียวหลินเทียนจึงดำเนินการเรื่องการเพาะปลูกฤดูใบไม้ผลิไปพร้อมกันการเฝ้าศพด้วยกระทั่งส่งโลงศพของไทฮองไทเฮาไปที่สุสานจักรพรรดิแล้ว ไท่เฟยเส้าก็ถูกส่งตัวไปที่ศาลบูรพกษัตริย์เซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋ต่างก็รู้ว่าไท่เฟยเส้ามิได้ไปที่ศาลบูรพกษัตริย์ด้วยใจที่ยินยอม จึงคอยระวังอยู่ตลอดว่าก่อนไปนางจะเล่นลูกไม้อะไรแต่ตลอดเวลาจนถึงตอนไป ไท่เฟยเส้ามิได้มีสร้างเรื่องใด ๆ สิ่งนี้ทำให้หลิงอวี๋ยิ่งรู้สึกว่าผิดปกติไท่เฟยเส้าจะไปเงียบ ๆ ได้อย่างไรกัน?องค์ชายคังเองก็เช่นกัน ไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ ทั้งนั้นแต่สายลับที่จับตาดูองค์ชายคังอยู่ตลอดมารายงานว่า องค์ชายคังราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน เขาแนบแน่นอยู่กับพระชายาคังคนใหม่มาก ทั้งยังออกไปเล่นเที่ยวเล่นกับพระชายาคังอยู่บ่อย ๆ ด้วยหลิงอวี๋ก็ยิ่งระวังกับวิธีการข
เรียกได้ว่าการที่เซียวหลินเทียนลงโทษไท่เฟยเส้าให้ไปสวดภาวนาให้ไทฮองไทเฮาที่ศาลบูรพกษัตริย์ครานี้ ถือเป็นการช่วยเหลือตระกูลจ้าวไปโดยมิรู้ตัวด้วยทว่าหลิงอวี๋กลับได้กลิ่นความผิดปกติจากสิ่งนี้หากองค์ชายคังอยากจะทำการใหญ่ การที่ไท่เฟยเส้าอยู่ในวังก็ต้องมีประโยชน์อย่างแน่นอนแต่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยกลับมิสนใจในจุดนี้!นอกเสียจากว่านางจะมิได้มีความทะเยอทะยานให้องค์ชายคังเป็นจักรพรรดิ มิเช่นนั้นเหตุใดจึงมิสนใจกับสิ่งที่ไท่เฟยเส้าประสบเล่า!มีเพียงความเป็นไปได้เดียว นั่นก็คือจ้าวหรุ่ยหรุ่ยมิชอบวิธีการของไท่เฟยเส้า จึงอยากจะควบคุมพรรคพวกของจ้าวฮุยไว้ในกำมือของตนเมื่อเห็นองค์ชายคังภักดีต่อจ้าวหรุ่ยหรุ่ยถึงเพียงนั้น ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยทำให้ผู้คนเชื่อฟังได้เก่ง!กอปรกับเรื่องที่คราก่อนจ้าวเจินเจินถูกลากไปตายโดยไม่มีความผิด ทำให้หลิงอวี๋คาดเดาได้ว่าตระกูลจ้าวลังเลใจกับองค์ชายคังแล้วเมื่อเทียบกับการพึ่งพาภูเขาที่ล้ม จะมีสิ่งใดที่ดียิ่งไปกว่าการควบคุมชะตากรรมของตนไว้ในกำมือตนอีกเล่า!องค์ชายคังในตอนนี้กับบทบาทของเขาเมื่อก่อนนั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว เขามิใช่ผู้ที่ออกคำสั่งอีกต่อไปแล้ว แ
เซียวหลินเทียนรู้ว่าวิธีการนี้ค่อนข้างเลวทราม แต่ก็พูดออกไปอย่างมิลังเล“ผลก็คือคนของข้าล้มเหลว ฮูเหยียนเสวี่ยหนีไปได้… นางน่าจะคาดเดาความคิดของข้าได้จึงมิกลับกันกู่ แล้วระหว่างทางก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย!“สองวันก่อนข้าได้รายงานลับบอกว่า องค์ชายอิงจากเว่ยเหนือพากำลังพลมุ่งหน้าไปที่กันกู่ บอกว่าต่อไปกันกู่จะได้ความคุ้มครองจากเว่ยเหนือ!”หลิงอวี๋ได้ยินก็ตะลึง นี่หมายความว่าฮูเหยียนเสวี่ยหันไปพึ่งองค์ชายอิงแล้วตอนแรกองค์ชายอิงจะขอแต่งงานกับเซียวทง เพราะรู้สึกว่าเซียวทงเปิดเผยตรงไปตรงมาดี ตรงกับรสนิยมของเขาฮูเหยียนเสวี่ยดุร้ายยิ่งกว่าเซียวทงเสียอีก นี่น่าจะถูกรสนิยมขององค์ชายอิงมากกว่าองค์ชายอิงมาเข้าร่วมการแข่งขันทางทหารของสี่แคว้นที่ฉินตะวันตกเมื่อครั้งที่แล้ว แม้ว่ากองกำลังของเขาจะมิได้ชนะ แต่ความสามารถก็มิได้ด้อยไปกว่าฉินตะวันตกและฉีตะวันออกครานี้เขากล้าเปิดเผยอย่างโจ่งแจ้งว่าจะคุ้มครองกันกู่ เช่นนั้นก็ประกาศสงครามกับฉินตะวันตกอย่างชัดเจนแล้วยามนี้ฉินตะวันตกส่งผู้แทนพระองค์ไปเป็นทูตที่แคว้นเล็ก ๆ โดยรอบ หากคนที่ส่งไปเป็นหลี่ว์เซียง เขาจะต้องพยายามอย่างเต็มที่ในการรักษาคว
การสอบคัดเลือกขุนนางช่วงวสันตฤดูคราวนี้เซียวหลินเทียนเป็นผู้ดูแล หากนับเช่นนี้แล้ว ทุกคนที่ได้รับการคัดเลือกเข้าเป็นขุนนางในครั้งนี้ก็ล้วนเป็นคนที่ได้รับเลือกจากจักรพรรดิทั้งสิ้นสิ่งนี้ยิ่งกระตุ้นความกระตือรือร้นของเหล่าบัณฑิตมากขึ้น พวกเขาแอบสาบานว่าจะต้องสอบให้ได้คะแนนดี พยายามให้ได้รับคำแนะนำจากจักรพรรดิเซิ่งอู่เองให้ได้การสอบคัดเลือกขุนนางช่วงวสันตฤดูสำคัญเช่นนี้ ฉินซานกับเผยอวี้และพวกหลี่ว์เซียงจึงพยายามอย่างเต็มที่ในการจัดการสอบคัดเลือกขุนนางช่วงวสันตฤดูให้สมบูรณ์แบบองค์ชายรุ่ยกับองค์ชายเย่ก็มิอาจว่างได้ เซียวหลินเทียนส่งให้ทั้งสองคนไปทำหน้าที่สำคัญเช่นกัน องค์ชายเย่รับผิดชอบการสอบฝ่ายบู๊ ส่วนองค์ชายรุ่ยรับผิดชอบการสอบฝ่ายบุ๋นองค์ชายคังได้ถอยห่างจากตนไปแล้ว แม้ว่าองค์ชายรุ่ยจะมิได้มีความทะเยอทะยานอย่างเปิดเผย แต่เซียวหลินเทียนก็ยังให้โอกาสเขาได้ใกล้ชิดกับตนหลิงอวี๋เคยบอกไว้ว่า บำเพ็ญร้อยปีจึงจะมีโชคชะตาร่วมกัน ได้เป็นพี่น้องกันในชีวิตนี้จะต้องเป็นโชคชะตาหลายร้อยปีแน่นอนเซียวหลินเทียนมิขอให้พวกเขาซาบซึ้งและมีความรู้สึกลึกซึ้งในความเป็นพี่น้องกับตนเพราะเรื่องนี้ เขารู
อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด!แม้ว่าเซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋จะคาดการณ์ถึงวิกฤติไว้แล้ว แต่ก็ยังคงมิอาจคาดเดาได้ว่าวิกฤติจะรุนแรงเช่นนี้เซียวหลินเทียนอยู่ในห้องทรงพระอักษรแล้วเปิดดูเรื่องด่วน เมื่อกวาดสายตาอ่านสิบบรรทัดแรกเสร็จ ใบหน้าที่หล่อเหลานั้นก็เคร่งเครียดไปทันที“ขันทีเหอ สั่งการไปที่ขุนนางว่าการ หลี่ว์เซียง ท่านอ๋องเฉิง ท่านอดีตเสนาบดี หลิงเสียงกังและพวกองค์ชายคังให้เข้าวัง...”เซียวหลินเทียนสั่งการขันทีเหอเห็นสีหน้าของเซียวหลินเทียนมิปกติ จึงรีบให้คนไปถ่ายทอดพระราชโองการทันที“ขันทีน้อยเซี่ย ไปเชิญฮองเฮามา!”แม้ว่าหลิงอวี๋จะเป็นสตรีมิอาจทำงานเรื่องการเมืองได้ เซียวหลินเทียนก็อยากให้หลิงอวี๋รู้เรื่องนี้ในทันทีหลิงอวี๋ได้ยินหลิงซวนรายงานว่าทางชายแดนส่งข่าวด่วนมาก็กำลังกังวลใจอยู่เมื่อขันทีน้อยเซี่ยมาถ่ายทอดพระราชโองการ นางก็รีบมาโดยมิลังเล“อาอวี๋ ดูนี่สิ...”เซียวหลินเทียนเห็นหลิงอวี๋มาก็ส่งรายงานลับให้หลิงอวี๋ทันทีหลิงอวี๋อ่านจบก็ตกใจ บรรดาแคว้นเล็กที่เข้าร่วมกับฉินตะวันตกก่อนหน้านี้ล้วนไปเข้าร่วมกับองค์ชายอิงแล้วแม้แต่แคว้นพันก็ละทิ้งผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่ไป
คำพูดนี้ขององค์ชายรุ่ยมีความกล้าหาญมากจนได้รับการยกย่องจากเหล่าขุนนางเมื่อเทียบกับองค์ชายคังที่ดูหวาดกลัวปัญหาแล้ว องค์ชายรุ่ยดีกว่ามากนัก!“เรื่องการนำทัพออกรบประเดี๋ยวค่อยว่ากัน ข้ายังพูดมิจบ!”เซียวหลินเทียนเหลือบมององค์ชายคังด้วยความโกรธอย่างเตือน ๆ พลางเอ่ยอย่างเย็นชา “เว่ยเหนือกับฉีตะวันออกร่วมมือกันจะโจมตีเยวี่ยใต้!”“อัครเสนาบดีจ้าวหนีมิทันจึงตกอยู่ในกำมือขององค์ชายอิงแห่งเว่ยเหนือ องค์ชายอิงให้ข้าเอาเมืองสองเมืองไปแลกตัวอัครเสนาบดีจ้าวกลับมา!”ว่ากระไรนะ?คำพูดนี้ทำให้ขุนนางจำนวนมากแตกตื่นขึ้นมาทันทีองค์ชายคังก็ตะลึงไปเช่นกัน เมื่อครู่เขายังกล่าวโทษเซียวหลินเทียนที่ทำให้แคว้นกันกู่ขุ่นเคือง ตอนนี้จ้าวฮุยตกอยู่ในกำมือขององค์ชายอิง เขาจะยังกล้าพูดว่ามิสู้รบและต้องการสันติสุขอยู่ได้อีกหรือ?คราวนี้ขุนนางที่เข้าใจสถานการณ์รู้สึกได้ถึงวิกฤติแล้ว หากเว่ยเหนือกับฉีตะวันออกร่วมมือกันทำสงครามกับเยวี่ยใต้ เยวี่ยใต้ไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาหากเยวี่ยใต้ถูกยึดอำนาจไป แล้วเว่ยเหนือกับฉีตะวันออกร่วมมือกันทำสงครามกับฉินตะวันตกอีก ฉินตะวันตกต่อสู้แบบหนึ่งต่อสองจะมีโอกาสชนะเท่า
เมื่อจัดการตัวเลือกที่จะไปยึดครองแคว้นเล็กแล้ว ทุกคนล้วนมองเซียวหลินเทียนอย่างกังวลเว่ยเหนือกับฉีตะวันออกต่างหากที่เป็นประเด็นหลัก เซียวหลินเทียนจะส่งผู้ใดไปต้านพวกเขากัน?“ฝ่าบาท กระหม่อมยินดีนำทัพไปที่ชายแดนเพื่อต้านการรุกรานของฉีตะวันออกพ่ะย่ะค่ะ!”ท่านอดีตเสนาบดีก้าวออกมาเสนอตัวอย่างมิลังเล เขาได้ยินขันทีเหอส่งคนไปถ่ายทอดคำพูดของเซียวหลินเทียนให้เขาพาหลิงเสียงกังมาด้วย ก็รู้ว่าเซียวหลินเทียนอยากให้โอกาสหลิงเสียงกังทำความดีชดใช้ความผิดตัวตนของหลิงเสียงกังในยามนี้ยังคงเป็นขุนนางต้องโทษอยู่ มิว่าจะด้วยความรู้สึกหรือด้วยเหตุผลเซียวหลินเทียนก็มิสามารถให้เขาเป็นแม่ทัพใหญ่นำทัพออกรบได้ท่านอดีตเสนาบดีจึงทำได้เพียงเสนอตัวรับตำแหน่งแม่ทัพใหญ่เสียเอง เช่นนี้หลิงเสียงกังก็สามารถติดตามตนไปออกรบในฐานะรองแม่ทัพได้แล้วองค์ชายคังเข้าใจเจตนาของท่านอดีตเสนาบดีในทันที ไหนเลยจะให้ท่านอดีตเสนาบดีสมหวัง เขาจึงก้าวออกมาทันทีพลางเอ่ย“กระหม่อมขอคัดค้านเรื่องที่ท่านอดีตเสนาบดีจะนำทัพออกรบพ่ะย่ะค่ะ...”“ฝ่าบาท ท่านอดีตเสนาบดีอายุมากแล้ว คราก่อนตกลงมาจากม้าก็ขาหักไป แม้ว่าจะรักษาจนสามารถเดินได้แล้
เมื่อท่านอ๋องเฉิงพูดขึ้นมาเองว่าจะไปสู้กับเว่ยเหนือ องค์ชายเย่ก็หน้าแดงขึ้นมาท่านอ๋องเฉิงอายุมากแล้ว จะทนต่อการต้องเคลื่อนพลไปเช่นนี้ได้อย่างไร!ตนยังหนุ่มยังแน่นมีกำลัง หากยามนี้มิเสนอตัว จะให้ขุนนางเหล่านี้กับองค์จักรพรรดิคิดว่าตนรักตัวกลัวตายหรือ?“ฝ่าบาท กระหม่อมยินดีนำทัพไปหยุดยั้งเว่ยเหนือพ่ะย่ะค่ะ!”องค์ชายเย่ก้าวออกไปขอออกรบอย่างเด็ดเดี่ยวแม้ว่าหลี่ว์เซียงจะเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋น แต่ก็คุ้นเคยกับแคว้นต่าง ๆ เหล่านี้เป็นอย่างดี เขาจึงเอ่ยอย่างกังวล “ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าองค์ชายเย่มิเหมาะที่จะเป็นผู้นำทัพไปหยุดยั้งเว่ยเหนือพ่ะย่ะค่ะ!”“องค์ชายเย่ขาดประสบการณ์การรบ ส่วนองค์ชายอิงฉลาดและเจ้าเล่ห์ กระหม่อมกังวลว่าองค์ชายเย่ไปแล้วจะมิใช่คู่ต่อสู้ขององค์ชายอิงพ่ะย่ะค่ะ!”องค์ชายเย่เองก็รู้ตัวดี วันที่แข่งขันทางทหารสี่แคว้น กำลังพลที่เขานำไปมิสามารถเอาชนะองค์ชายอิงได้ ครานี้มิใช่การแข่งขัน แต่เป็นการรบที่มีการใช้อาวุธกันจริง ๆหากทำมิดี ตนมิเพียงแต่ต้องสละชีวิตแต่ยังจะทำให้เกิดความผิดพลาดครั้งใหญ่ด้วยองค์ชายคังกวาดสายตามองทุกคนอย่างเงียบ ๆ แม่ทัพเหล่านี้ส่วนมากมิออกเสียง มิรู้ว่
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร
หลิงอวี๋ฟังแล้วก็อดอมยิ้มมิได้ เซียวหลินเทียนใช้คนตระกูลเก๋อมาจัดการชายาเจ้าแห่งทะเล กลอุบายนี้ช่างเด็ดขาดนักรถม้ามาถึงจวนเจ้าแห่งทะเล เมื่อหลิงอวี๋ลงจากรถก็มองไปยังคฤหาสน์หลังใหม่ที่กำลังก่อสร้างอีกครั้ง กำแพงล้อมรอบสร้างเสร็จแล้ว ดูจากขนาดแล้วใหญ่โตมากจริง ๆนางอดสงสัยมิได้ ข้างในมีเรือนบุหงาแบบเดียวกับตำหนักอ๋องอี้ของตนอย่างที่เถาจื่อบอกจริงหรือ?นางอยากเข้าไปดู อยากเห็นเหลือเกินว่าบ้านในอดีตของตนเป็นอย่างไร!“คุณหนูสิง เชิญ!”พ่อบ้านเว่ยเห็นหลิงอวี๋มองคฤหาสน์ฝั่งตรงข้ามก็ร้องเรียกอย่างมิอดทนหลิงอวี๋หันกลับมา เห็นประตูใหญ่หนาทึบของจวนเจ้าแห่งทะเลเปิดอ้าอยู่ ข้างในลานเรือนซับซ้อนลึกล้ำ มองสุดตามิเห็นปลายทางนี่คือที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายโดยแท้!หลิงอวี๋ลอบสูดหายใจลึก ๆ แล้วเดินเข้าไป“ปัง!”ประตูใหญ่หนาทึบปิดลงด้านหลังนางหลิงอวี๋มิได้หันกลับไปมอง เพราะนั่นจะดูมิสง่างามนางรอให้พ่อบ้านเว่ยนำทางอยู่ข้างหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินผิดทางแล้วถูกพ่อบ้านเว่ยหาเรื่องผิดพลาดมาตำหนิขณะเดียวกัน หลงเพ่ยเพ่ยก็ได้พาเย่หรงมุ่งหน้าไปยังวังหลวงแล้ว“อุบายนี้ของชายาเจ้าแห่งทะเลช่างร้า
จวนเจ้าแห่งทะเลตั้งอยู่ในย่านคหบดีและสูงศักดิ์ของเมืองหลวงแดนเทพ อันที่จริงอยู่ห่างจากคฤหาสน์อู่เพียงมิกี่ช่วงถนนเท่านั้นรถม้าวิ่งไปตามทางเรื่อย ๆ เถาจื่อพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงกระซิบข้างหูหลิงอวี๋เบา ๆ“คุณหนู อีกประเดี๋ยวท่านจะเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่กำลังสร้างอยู่ตรงข้ามจวนเจ้าแห่งทะเล ที่นั่นฝ่าบาททรงสร้างให้ท่านเจ้าค่ะ!”“คราแรกที่พวกเรามาตามหาท่านในเมืองหลวงแดนเทพนั้นมิรู้ว่าจะต้องเสียเวลานานเท่าใด ฝ่าบาทจึงทรงให้สือหรงซื้อคฤหาสน์แถวนี้ไว้ล่วงหน้าแล้วรื้อสร้างใหม่ทั้งหมด!”“ฝ่าบาทตรัสว่า เจ้าแห่งทะเลคือบิดาของท่าน ในเมื่อเขามิยอมรับท่าน ฝ่าบาทก็จะทำให้เขาเห็นว่า ใช่ว่าท่านไม่มีบ้านเสียหน่อย แม้จวนเจ้าแห่งทะเลไม่มีที่ให้ท่าน ฝ่าบาทก็จะสร้างจวนหลังที่ใหญ่กว่าจวนเจ้าแห่งทะเลให้!”“คุณหนู ข้างในมีเรือนหลังหนึ่ง สร้างตามแบบเรือนบุหงาที่ตำหนักอ๋องอี้ในฉินตะวันตกของท่านไม่มีผิดเพี้ยน หากท่านได้เห็นจะต้องชอบอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยได้ยินเผยอวี้พูดถึงคฤหาสน์หลังใหม่ที่พวกเขาสร้างแล้ว ตอนนั้นยังรู้สึกแปลกใจว่าเซียวหลินเทียนคิดจะอยู่เมืองหลวงแดนเทพเป็นการถาวรหรืออย่
วิธีนี้ของหลิงอวี๋เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยนางได้ในยามนี้ ด้วยเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ ก็ยังคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้มิออกเย่หรงกล่าวขึ้นทันที “ข้าจะไปหาหลงเพ่ยเพ่ย บอกนางมิต้องมาแล้ว ให้เข้าวังไปทูลขอเข้าเฝ้าฮองเฮาได้เลย!”“พี่หญิงหลิงหลิง ท่านต้องยื้อจนกว่าพวกเราจะมาช่วยท่านให้ได้นะ!”พูดจบ เย่หรงก็รีบร้อนออกไปเก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาซับซ้อน นางหวังให้หลิงอวี๋เข้าจวนเจ้าแห่งทะเลไปแล้วออกมามิได้แต่เรื่องนี้ก็พัวพันถึงความเป็นความตายของเซียวหลินเทียน นางมิอยากให้เซียวหลินเทียนต้องเกิดเรื่อง!ช่างขัดแย้งในใจเสียจริง!“อาอวี๋ เจ้าไปก่อนเถอะ... วางใจได้ ต่อให้ต้องก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ในเมืองหลวงแดนเทพ ข้าก็จะพาเจ้ากลับบ้านให้ได้!”เซียวหลินเทียนกล่าวอย่างหนักแน่นเขายังมีแผ่นป้ายไม้ที่ขันทีโม่ให้มา สามารถใช้ขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพฝ่ายซ้ายได้ เซียวหลินเทียนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะใช้แผ่นป้ายไม้นี้ช่วยหลิงอวี๋ขันทีโม่เคยบอกว่า เพียงอาศัยแผ่นป้ายไม้นี้ ก็สามารถทำให้แม่ทัพฝ่ายซ้ายช่วยตนทำเรื่องหนึ่งเรื่องได้หากแม่ทัพฝ่ายซ้ายสามารถช่วยคนได้เพียงคนเดียว เช่นนั้นเขาก็ยอมตายเ
เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างจนปัญญา นึกว่ามหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลกลับไปแล้วพวกตนจะรอดพ้นจากครั้งนี้ไปได้ คาดมิถึงว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะใช้ไม้นี้อีกภายนอกดูเหมือนเป็นการเชิญ แต่จริง ๆ แล้วจะปฏิเสธมิไปได้หรือ?เซียวหลินเทียนสามารถแสร้งป่วยได้ แต่หลิงอวี๋เพิ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลไปเมื่อครู่ ตอนนี้ย่อมมิอาจใช้การแสร้งป่วยมาหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว“บอกไปว่าคุณหนูสิงกำลังรักษาอาการป่วยให้ข้าอยู่ เดี๋ยวค่อยไป!”ในสถานการณ์กะทันหันเช่นนี้เซียวหลินเทียนทำได้เพียงถ่วงเวลาไปก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี“เผยอวี้ เจ้าส่งคนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยกับเจ้าแห่งทิศใต้ ให้หลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นเพื่อนอาอวี๋!”เป็นเรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เผยอวี้รีบให้คนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยทันทีหลิงอวี๋นิ่งเงียบ นั่งคิดอยู่ข้าง ๆเพื่อชิงหยกหล้าสุขาวดีกลับคืนมา ในเวลานั้นชายาเจ้าแห่งทะเลสามารถลงมืออำมหิตกับหลานฮุ่ยจวนที่กำลังตั้งครรภ์ได้ครั้งนี้นางส่งพ่อบ้านมาเชิญตนไปจวนเจ้าแห่งทะเล พูดไปพูดมาก็เพื่อหยกหล้าสุขาวดีบนตัวนางนั่นเองส่วนการที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาได้นั้นต้องใช้วิธีสลายโลหิตละลายกระดูก หรือว่าช
หลิงอวี๋เดินกลับเข้ามา และบังเอิญได้ยินคำพูดของเย่ซงเฉิงเข้าพอดี“พวกเราต้องเตรียมรับมือสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หากหวงฝู่หลินกลับไปแล้ว มิสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ถึงกาลนั้นใครจะมารับมือการแก้แค้นของฝูไห่ต่อตระกูลหลงและตระกูลอื่น ๆ อีกหลายตระกูลเล่า?”เจ้าแห่งทิศใต้มองไปยังเย่หรง และกล่าวเสียงเข้ม “เลี่ยวหงเสีย มารดาของเย่หรงอาจจะรู้วิธี!”“ปรมาจารย์เย่ ก่อนหน้านี้ข้าอยากจะพบเลี่ยวหงเสียเพื่อสอบถามสถานการณ์จึงไปที่คุกน้ำมา แต่ข้ากลับมิสามารถพบนางได้!”“คำกล่าวของท่านมีน้ำหนักเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อ บางทีท่านอาจจะสามารถทูลขอเสด็จพ่อให้ทรงอนุญาตท่านเข้าพบเลี่ยวหงเสียได้!”เย่ซงเฉิงขมวดคิ้ว “เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เช่นกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้พยักหน้า “แม่ทัพหลี่ผู้เฝ้าประตูบอกว่า นอกเสียจากจะมีพระราชโองการของมหาเทพ มิฉะนั้นก็มิอนุญาตให้ข้าพบเลี่ยวหงเสีย!”เย่ซงเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องนี้ข้าน้อยเคยทูลต่อเสด็จพ่อของท่านแล้ว เสด็จพ่อของท่านมิทรงยินยอม ความนับหน้าถือตาของตาเฒ่าผู้นี้ใช้มิได้ผลต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อของท่านแล้ว!”ทุกคนต่
หวงฝู่หลินมิรู้จักคนทั้งสองนี้เลย คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ตอนนั้นนอกจากพวกท่านกับตระกูลเฉียวแล้ว ก็มีคนของตระกูลจงเจิ้งที่เข้าไปในภูเขาหิมะ ข้ามิเห็นคนทั้งสองที่ท่านพูดถึงในภูเขาหิมะ!”“บางทีปี้ซงอาจจะเคยเห็น เดี๋ยวลองเรียกเขามาถามดู!”เผยอวี้จึงไปเรียกปี้ซงมาอีกครั้งปี้ซงอุ้มหวงฝู่หมิงจูเข้ามา หลิงอวี๋ก็รับนางมาอุ้มไว้เซียวหลินเทียนมองหวงฝู่หมิงจูกอดคอหลิงอวี๋ด้วยท่าทางสนิทสนม ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกมิถูกหวงฝู่หลินเล่าคำถามให้ปี้ซงฟังอีกครั้งปี้ซงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ชายชราผู้นั้นข้าพอจำได้ราง ๆ ตอนนั้นเขาเดินวนเวียนอยู่ในภูเขาหิมะอยู่หลายวัน ต่อมาก็จากไป ข้าคิดว่าเขาไม่มีอันตรายอะไรจึงมิได้ใส่ใจ!”“ส่วนแม่นมอู ข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางเลย มิเคยเห็นนางในภูเขาหิมะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ตลอด ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “อันที่จริงตอนนั้นที่ภูเขาหิมะ นอกจากพวกเราแล้ว น่าจะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง”“ข้าก็มาพบพวกนางหลังจากลงจากเขาแล้ว ตอนนั้นยังคิดว่าพวกนางแค่ผ่านทางมา แต่พอลองคิดดูตอนนี้ พวกนางต้องเคยไปภูเขาหิมะแน่นอน แม่นมอูน่าจะถูกพวกนางพาตัวไป!”“พวกเข
เมื่อฟังคำพูดของเย่ซงเฉิงจบ หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและเผยอวี้ก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน“เจ้าสำนักซิงหลัวเป็นสตรี! หรือว่านางคือตงกู่อวี้ที่กลับชาติมาเกิด?”หวงฝู่หลินก็นึกขึ้นได้ ตอนที่ทุกคนรุมล้อมโจมตีเจ้าสำนักซิงหลัว เผยอวี้ใช้กระบี่เดียวตัดเชือกรัดผมที่มัดผมของเจ้าสำนักซิงหลัวขาดตอนนั้นผมสลวยของนางสยายลงมาบดบังดวงตาของนางทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการรับมือ จึงมิทันได้คิดให้ลึกซึ้งเมื่อเย่ซงเฉิงพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงได้นึกถึงสภาพการณ์ในยามนั้นขึ้นมา“ตงกู่อวี้กลับชาติมาเกิดจริง ๆ หรือ?”ในฐานะลูกหลานตระกูลหลง เจ้าแห่งทิศใต้จะมิรู้ได้อย่างไรว่าในใต้หล้านี้มีวิชาลับเช่นนี้อยู่จริง ทันใดนั้นก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลซึมหลงจิ้งและหลงเพ่ยเพ่ยก็ตกใจเช่นกัน วรยุทธ์ของสตรีนางนั้นสูงส่งกว่ามหาปราชญ์เสียอีก แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามิเคยรู้มาก่อนเลยว่าสำนักซิงหลัวยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่“ท่านพ่อ ยามนั้นเจ้าวังหวงฝู่พร้อมด้วยท่านเซียวและพวกเราช่วยกันรุมล้อมโจมตีนางก็ยังมิสามารถสังหารนางได้ ลูกดูจากวรยุทธ์ของนางแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงท่านอาเจ้าแห่งทะเลเท่านั้นที่พอจะต่อกรกับนางได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวด้วย
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต