คำพูดนี้ขององค์ชายรุ่ยมีความกล้าหาญมากจนได้รับการยกย่องจากเหล่าขุนนางเมื่อเทียบกับองค์ชายคังที่ดูหวาดกลัวปัญหาแล้ว องค์ชายรุ่ยดีกว่ามากนัก!“เรื่องการนำทัพออกรบประเดี๋ยวค่อยว่ากัน ข้ายังพูดมิจบ!”เซียวหลินเทียนเหลือบมององค์ชายคังด้วยความโกรธอย่างเตือน ๆ พลางเอ่ยอย่างเย็นชา “เว่ยเหนือกับฉีตะวันออกร่วมมือกันจะโจมตีเยวี่ยใต้!”“อัครเสนาบดีจ้าวหนีมิทันจึงตกอยู่ในกำมือขององค์ชายอิงแห่งเว่ยเหนือ องค์ชายอิงให้ข้าเอาเมืองสองเมืองไปแลกตัวอัครเสนาบดีจ้าวกลับมา!”ว่ากระไรนะ?คำพูดนี้ทำให้ขุนนางจำนวนมากแตกตื่นขึ้นมาทันทีองค์ชายคังก็ตะลึงไปเช่นกัน เมื่อครู่เขายังกล่าวโทษเซียวหลินเทียนที่ทำให้แคว้นกันกู่ขุ่นเคือง ตอนนี้จ้าวฮุยตกอยู่ในกำมือขององค์ชายอิง เขาจะยังกล้าพูดว่ามิสู้รบและต้องการสันติสุขอยู่ได้อีกหรือ?คราวนี้ขุนนางที่เข้าใจสถานการณ์รู้สึกได้ถึงวิกฤติแล้ว หากเว่ยเหนือกับฉีตะวันออกร่วมมือกันทำสงครามกับเยวี่ยใต้ เยวี่ยใต้ไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาหากเยวี่ยใต้ถูกยึดอำนาจไป แล้วเว่ยเหนือกับฉีตะวันออกร่วมมือกันทำสงครามกับฉินตะวันตกอีก ฉินตะวันตกต่อสู้แบบหนึ่งต่อสองจะมีโอกาสชนะเท่า
เมื่อจัดการตัวเลือกที่จะไปยึดครองแคว้นเล็กแล้ว ทุกคนล้วนมองเซียวหลินเทียนอย่างกังวลเว่ยเหนือกับฉีตะวันออกต่างหากที่เป็นประเด็นหลัก เซียวหลินเทียนจะส่งผู้ใดไปต้านพวกเขากัน?“ฝ่าบาท กระหม่อมยินดีนำทัพไปที่ชายแดนเพื่อต้านการรุกรานของฉีตะวันออกพ่ะย่ะค่ะ!”ท่านอดีตเสนาบดีก้าวออกมาเสนอตัวอย่างมิลังเล เขาได้ยินขันทีเหอส่งคนไปถ่ายทอดคำพูดของเซียวหลินเทียนให้เขาพาหลิงเสียงกังมาด้วย ก็รู้ว่าเซียวหลินเทียนอยากให้โอกาสหลิงเสียงกังทำความดีชดใช้ความผิดตัวตนของหลิงเสียงกังในยามนี้ยังคงเป็นขุนนางต้องโทษอยู่ มิว่าจะด้วยความรู้สึกหรือด้วยเหตุผลเซียวหลินเทียนก็มิสามารถให้เขาเป็นแม่ทัพใหญ่นำทัพออกรบได้ท่านอดีตเสนาบดีจึงทำได้เพียงเสนอตัวรับตำแหน่งแม่ทัพใหญ่เสียเอง เช่นนี้หลิงเสียงกังก็สามารถติดตามตนไปออกรบในฐานะรองแม่ทัพได้แล้วองค์ชายคังเข้าใจเจตนาของท่านอดีตเสนาบดีในทันที ไหนเลยจะให้ท่านอดีตเสนาบดีสมหวัง เขาจึงก้าวออกมาทันทีพลางเอ่ย“กระหม่อมขอคัดค้านเรื่องที่ท่านอดีตเสนาบดีจะนำทัพออกรบพ่ะย่ะค่ะ...”“ฝ่าบาท ท่านอดีตเสนาบดีอายุมากแล้ว คราก่อนตกลงมาจากม้าก็ขาหักไป แม้ว่าจะรักษาจนสามารถเดินได้แล้
เมื่อท่านอ๋องเฉิงพูดขึ้นมาเองว่าจะไปสู้กับเว่ยเหนือ องค์ชายเย่ก็หน้าแดงขึ้นมาท่านอ๋องเฉิงอายุมากแล้ว จะทนต่อการต้องเคลื่อนพลไปเช่นนี้ได้อย่างไร!ตนยังหนุ่มยังแน่นมีกำลัง หากยามนี้มิเสนอตัว จะให้ขุนนางเหล่านี้กับองค์จักรพรรดิคิดว่าตนรักตัวกลัวตายหรือ?“ฝ่าบาท กระหม่อมยินดีนำทัพไปหยุดยั้งเว่ยเหนือพ่ะย่ะค่ะ!”องค์ชายเย่ก้าวออกไปขอออกรบอย่างเด็ดเดี่ยวแม้ว่าหลี่ว์เซียงจะเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋น แต่ก็คุ้นเคยกับแคว้นต่าง ๆ เหล่านี้เป็นอย่างดี เขาจึงเอ่ยอย่างกังวล “ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าองค์ชายเย่มิเหมาะที่จะเป็นผู้นำทัพไปหยุดยั้งเว่ยเหนือพ่ะย่ะค่ะ!”“องค์ชายเย่ขาดประสบการณ์การรบ ส่วนองค์ชายอิงฉลาดและเจ้าเล่ห์ กระหม่อมกังวลว่าองค์ชายเย่ไปแล้วจะมิใช่คู่ต่อสู้ขององค์ชายอิงพ่ะย่ะค่ะ!”องค์ชายเย่เองก็รู้ตัวดี วันที่แข่งขันทางทหารสี่แคว้น กำลังพลที่เขานำไปมิสามารถเอาชนะองค์ชายอิงได้ ครานี้มิใช่การแข่งขัน แต่เป็นการรบที่มีการใช้อาวุธกันจริง ๆหากทำมิดี ตนมิเพียงแต่ต้องสละชีวิตแต่ยังจะทำให้เกิดความผิดพลาดครั้งใหญ่ด้วยองค์ชายคังกวาดสายตามองทุกคนอย่างเงียบ ๆ แม่ทัพเหล่านี้ส่วนมากมิออกเสียง มิรู้ว่
“ฝ่าบาท หากท่านนำทัพด้วยพระองค์เอง เช่นนั้นเรื่องบ้านเมืองจะทำอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”ขุนนางพวกของจ้าวฮุยคนหนึ่งรู้สึกว่าสบโอกาสแล้ว แคว้นมิอาจขาดจักรพรรดิไปได้แม้วันเดียว เซียวหลินเทียนจะนำทัพไปด้วยตนเอง จะให้แคว้นขาดคนจัดการเรื่องบ้านเมืองมิได้!เซียวหลินเทียนกวาดสายตามองขุนนางผู้นั้นอย่างเฉยเมย พลางเอ่ยเสียงเรียบ “ข้ากำลังคิดจะประกาศในเรื่องนี้พอดี… ท่านอ๋องเฉิง หลี่ว์เซียงออกมา!”ท่านอ๋องเฉิงกับหลี่ว์เซียงจึงก้าวออกมาแล้วเอ่ยพร้อมกัน “พ่ะย่ะค่ะ!”“ข้าขอสั่งการให้ท่านอ๋องเฉิงเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ หลี่ว์เซียงก็ทำงานร่วมกับท่านอ๋องเฉิง ในระหว่างที่ข้านำทัพไปรบ ให้พยายามร่วมแรงร่วมใจกันช่วยฮองเฮาจัดการเรื่องบ้านเมือง!”อะไรนะ?ให้หลิงอวี๋จัดการเรื่องบ้านเมืองแทนหรือ?นอกจากหลี่ว์เซียง ท่านอ๋องเฉิงและท่านอดีตเสนาบดีแล้ว ขุนนางคนอื่น ๆ ก็ต่างตกตะลึงกันหมด“ฝ่าบาท มิได้พ่ะย่ะค่ะ มีที่ไหนกันที่สตรีขึ้นว่าราชกิจจัดการเรื่องบ้านเมือง!”“ฝ่าบาท เรื่องที่ท่านอ๋องเฉิงเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์นั้น พวกกระหม่อมน้อมรับ แต่ฮองเฮามีสิทธิ์อะไรจึงสามารถจัดการเรื่องบ้านเมืองแทนได้พ่ะย่ะค
กระทั่งห้องทรงพระอักษรเหลืออยู่เพียงหลี่ว์เซียงกับท่านอ๋องเฉิง เซียวหลินเทียนจึงเรียก “อาอวี๋ ออกมาเถิด!”หลิงอวี๋จึงเดินออกมา หลี่ว์เซียงกับท่านอ๋องเฉิงเห็นนางก็มิได้มีท่าทีตกใจใด ๆเซียวหลินเทียนเชื่อใจหลิงอวี๋เช่นนี้ ถึงกับมอบอำนาจในการดูแลบ้านเมืองเป็นการชั่วคราวให้นาง การจะให้นางฟังอยู่ในห้องทรงพระอักษรก็เป็นเรื่องปกติล้วนเป็นคนกันเองทั้งนั้น ท่านอ๋องเฉิงกับหลี่ว์เซียงมีอะไรในใจก็พูดออกไปตามตรง“ฝ่าบาท ครานี้ท่านจะนำทัพด้วยพระองค์เอง เตรียมจะพารองแม่ทัพคนใดไปพ่ะย่ะค่ะ?”ท่านอ๋องเฉิงเอ่ยถามอย่างกังวลเซียวหลินเทียนนำทัพด้วยตนเองมิใช่เรื่องเล็ก เบื้องหน้าต้องเผชิญกับการจับจ้องของเว่ยเหนือกับฉีตะวันออก เบื้องหลังก็ยังต้องกังวลว่าคนของตนจะทำเรื่องอะไรอีกความเป็นความตายของเซียวหลินเทียนก็สำคัญมาก จักรพรรดิของแคว้นมิว่าจะตายที่สนามรบ หรือว่าตายเพราะถูกคนลอบวางแผนร้าย ก็จะทำให้ฉินตะวันตกพังทลายได้ทั้งนั้น“หลี่ว์จงเจ๋อ ลั่วฮั่น จี้จื่อ จอหงวนเฉินซินและทั่นฮวาโจวฮ่าวขุนนางฝ่ายบู๊คนใหม่!”เซียวหลินเทียนอยากใช้คนใหม่เพราะพวกเขายังมิถูกผู้ใดดึงตัวไป ตนมอบหมายให้พวกเขาทำหน้าที่สำคั
“รวมกันเราอยู่ แยกกันเราตาย ขอเพียงเรามีศัตรูร่วมกันและสามัคคีกันให้แคว้นผ่านความยากลำบากไปได้ การจะฟื้นฟูแผ่นดินของเราย่อมมีความหวัง!”เซียวหลินเทียนตะโกนออกไปอย่างกระตือรือร้น “ครานี้ตัวข้าจะนำทัพด้วยตัวข้าเอง เอาหัวของข้าเป็นประกันต่อชีวิตของเหล่าทหารของข้า หากมิสามารถตีพ่ายพวกศัตรูได้ ข้าจะมิกลับเมืองหลวง!”“ในภายภาคหน้า ตัวข้าจะนำพาให้พวกเจ้าได้พัฒนาเศรษฐกิจ สร้างยุครุ่งเรืองที่แคว้นมั่งคั่งและราษฎรเข้มแข็ง...”“ต้นไม้ต้นเดียวยากที่จะเป็นป่า ธนูสิบดอกยากที่จะหัก แต่เมื่อทุกคนช่วยกันเติมเชื้อเพลิงไฟก็จะลุกโชน...”“ตอนนี้พวกเจ้าบอกข้ามาว่า ครอบครัวฉินตะวันตกสามารถร่วมแรงร่วมใจกันได้หรือไม่?”ราษฎรและบัณฑิตที่ยังคงอยู่ในเมืองหลวงได้ยินคำพูดปลุกใจของเซียวหลินเทียนต่างก็ตื่นตัวด้วยความกระตือรือร้นเมื่อก่อนเมื่อเจอสงคราม ราชสำนักไม่มีทางมาอธิบายกับราษฎรแต่จักรพรรดิเซิ่งอู่มิเพียงแต่ออกจากวังมาอธิบายด้วยตนเอง แต่ยังรีบไปที่แนวหน้าเพื่อนำทัพด้วยตนเองทันทีด้วย มีจักรพรรดิเช่นนี้ช่างเป็นความโชคดีของพวกเขาจริง ๆ!“ได้!”มิรู้ว่าใครเป็นผู้นำตะโกนคนแรก แล้วราษฎรเหล่านั้นก็ตะโกนตาม ๆ
การกระทำของเซียวหลินเทียนค่อนข้างจะดูโง่เขลา แต่กลับซื่อตรงจนทำให้หลิงอวี๋รู้สึกอบอุ่นจักรพรรดิที่น่าเกรงขามในตำหนักกระดิ่งทอง กลับมาทำท่าทางน่ารักเช่นนี้เพื่อปลอบตน แล้วนางจะพูดอะไรได้อีก!เซียวหลินเทียนทำท่าทีเช่นนี้ก็เพื่อลดความกังวลของนาง นางจึงทำได้เพียงก้าวไปข้างหน้าเท่านั้น!“เซียวหลินเทียน!”หลิงอวี๋คว้าชายเสื้อของเขาเอาไว้แล้วช้อนตามองเขา จากนั้นก็เอ่ยอย่างตั้งใจ “รับปากหม่อมฉันว่าจะต้องดูแลตนเองให้ดี อย่าไปเสี่ยงง่าย ๆ!”“มิเพียงแต่ราษฎรที่ต้องการท่าน หม่อมฉันกับเยวี่ยเยวี่ยเองก็ต้องการท่านเช่นกัน!”เมื่อชาติก่อนหลิงอวี๋มิได้แต่งงาน นี่เป็นครั้งแรกที่นางมีประสบการณ์ในการส่งสามีของตนไปออกรบด้านหน้ามีหมาป่าด้านหลังก็มีเสือ นางรู้ว่าเซียวหลินเทียนไปครั้งนี้จะมีอันตรายมาก แล้วจะวางใจได้อย่างไร!“อาอวี๋ วางใจเถิด ข้าจะต้องดูแลตัวข้าเองให้ดีเพื่อพวกเจ้า!”เซียวหลินเทียนโอบหลิงอวี๋ไว้ในอ้อมแขน ใบหน้าของเขาก็เทินไปที่บนไหล่ของนางเมื่อก่อนเมื่อไปออกรบ ไม่มีคนที่ใกล้ชิดส่งตนไป และไม่มีผู้ใดห่วงเรื่องความปลอดภัยของเขาจากใจจริงตอนนี้ เขามีภรรยาและลูกชาย พวกเขาคือความห่วงใย
“ปู๊น… ปู๊น...”เสียงแตรออกเดินทางของกองทัพใหญ่ดังขึ้น เหล่าแม่ทัพของแต่ละกองทัพที่รวมตัวกันอยู่ที่จัตุรัสวังหลวงก็พากองทัพของตนออกเดินทางเซียวหลินเทียนนำทัพอยู่ด้านหน้า เขาสวมสุดเกราะสีดำเงางาม ตรงบ่ามีหัวมังกรสีเงินอยู่สองหัว ดูมีอำนาจน่าเกรงขามมากเขาขี่ม้ากีบขาวที่ชนะมาจากองค์ชายคังนำอยู่หน้ากองทัพท่าทียิ่งใหญ่น่าเกรงขามนั้นทำให้ราษฎรที่มาส่งอยู่ตลอดข้างทางเห็นแล้วรู้สึกตื่นตัว“ขอให้องค์จักรพรรดิจงสำเร็จลุล่วง ได้ชัยชนะตั้งแต่เริ่มและนำชัยชนะกลับมา...”มิรู้ว่าใครเป็นผู้นำตะโกนในหมู่ฝูงชน จากนั้นราษฎรเหล่านั้นก็พากันตะโกนโหวกเหวกกันขึ้นมา“ขอให้องค์จักรพรรดิก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ ไม่มีสิ่งใดต้านทานได้...”“ขอองค์จักรพรรดิทรงดูแลพระวรกายให้ดี พวกเราจะรอพระองค์เสด็จกลับมา...”“องค์จักรพรรดิสู้ ๆ ฉินตะวันตกสู้ ๆ!”เสียงคำอวยพรวุ่นวายเหล่านั้นมิได้เป็นระเบียบใด ๆ แต่เซียวหลินเทียนกับทหารเหล่านั้นล้วนได้ยินเสียงในใจของพวกเขา สิ่งนี้ล้วนเป็นคำอวยพรที่ตั้งตารอให้พวกเขาชนะ!“องค์จักรพรรดิสู้ ๆ… ฉินตะวันตกสู้ ๆ!”คำอวยพรสุดท้ายเหล่านี้รวมกันเป็นประโยคเหล่านี้ที่ติดตามพวกเ
พวกเซียวหลินเทียนรีบดึงเถาวัลย์ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และเมื่อพวกเขาเห็นข้อความของหลิงอวี๋ ก็รู้สึกโล่งใจแต่เซียวหลินเทียนสังเกตเห็นจากหางตาว่ามีคำสองคำเขียนด้วยอักษรแบบย่อนี่คือความเคยชินเล็ก ๆ ของหลิงอวี๋ ตอนนั้นเซียวหลินเทียนเคยล้อเลียนหลิงอวี๋ว่าขี้เกียจ มิเขียนตัวอักษรให้สมบูรณ์แต่หลิงอวี๋กลับเอ่ยออกมาอย่างมิเห็นด้วย ‘ท่านมิคิดหรือเพคะว่าการเขียนเช่นนี้สะดวกกว่า? ราษฎรจำนวนมากมิรู้หนังสือ ก็เพราะอักษรหลายตัวมีขีดเยอะและเรียนรู้ได้ยากเพคะ!’‘หากทำให้กระชับลงเช่นนี้ เด็ก ๆ ก็จะเรียนรู้ได้ง่าย และราษฎรที่มิรู้หนังสือก็จะจำได้ง่ายด้วยเพคะ!’‘เซียวหลินเทียน เมื่อสถานการณ์ราชสำนักมั่นคงแล้ว ท่านควรส่งเสริมให้บรรดาครูปฏิวัติการเขียนตัวอักษรเพคะ เขียนตัวอักษรให้กระชับ ทำให้ราษฎรอ่านออกเขียนได้มากขึ้นด้วย!’เหอะ ๆ!เซียวหลินเทียนมองอักษรที่กระชับสองตัวนั้น พลางคิดถึงคำพูดของหลิงอวี๋ แล้วก็อดมิได้ที่จะหัวเราะออกมา“นายท่านอู่ ท่านหัวเราะอะไรหรือ?”เผยอวี้เอ่ยถามอย่างแปลกใจ“พวกเจ้าดูเถิด นี่คือหลักฐานที่ดีที่สุด! สิงอวี๋ก็คือหลิงอวี๋!”เซียวหลินเทียนยื่นข้อความให้กับเผยอวี้ พร้อมก
เมื่อทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน เวลาหนึ่งชั่วยามก็ผูกบันไดให้ยาวเพียงพอได้แล้ว เซียวหลินเทียนจึงช่วยหลิงอวี๋วางบันไดลงไปบันไดเหล่านั้นจมเข้าไปในหมอกหนา และมิรู้ด้วยว่าเพียงพอไปถึงด้านล่างหน้าผาหรือไม่“ข้าจะลงไปดู!”เซียวหลินเทียนจับบันไดให้มั่นคงแล้วเอ่ยออกมา“ไม่ ข้าจะลงไป!”หลิงอวี๋หยุดเขาไว้แล้วเอ่ยออกมา “ข้าน้ำหนักเบากว่าท่าน บันไดสามารถรับน้ำหนักข้าได้!”“อีกอย่าง ในหมอกหนาทึบเหล่านั้นมิรู้ว่ามีพิษอยู่หรือไม่ ข้ามีความรู้เรื่องทักษะการแพทย์ ข้าสามารถปรับตามสถานการณ์ได้!”เมื่อหลิงอวี๋เอ่ยเช่นนี้ พวกเผยอวี้ก็คิดว่าสมเหตุสมผลดี“ศิษย์พี่หญิง เช่นนั้นเจ้าระวังตัวด้วย พวกเราจะรออยู่ข้างบน หากเจ้าเจอพี่ชายของเจ้า ก็ส่งสัญญาณมา พวกเราจะดึงพวกเจ้าขึ้นมาเอง!”เถาจื่อกำชับ“อืม เช่นนั้นข้าลงไปแล้ว!”แล้วหลิงอวี๋ก็ไต่บันไดลงไปทีละขั้น ๆเซียวหลินเทียนมองอยู่ด้านข้างอย่างกังวล มิรู้ว่าบันไดนี้ปลอดภัยหรือไม่ คงจะมิพังลงกลางคันกระมัง!“พวกเจ้านำเถาวัลย์เหล่านั้นมาต่อเข้าด้วยกันเสีย หากบันไดยาวมิพอ จะได้สามารถใช้ได้!”เซียวหลินเทียนเอ่ยออกมา แล้วเผยอวี้กับเถาจื่อก็รีบต่อเถาวัลย์แรก
ในบรรดาคนเหล่านี้ นอกจากหลิงอวี๋ที่มีพลังต่ำแล้ว คนอื่น ๆ ล้วนเป็นยอดฝีมือทั้งสิ้น บางคนก็ใช้กระบี่ บางคนก็ใช้มีด ในเวลามินานที่ขอบหน้าผาก็มีกองเถาวัลย์อยู่กองหนึ่ง“พวกเจ้าตัดไป ข้าจะทำบันไดเอง!”หลิงอวี๋ถอดเสื้อคลุมออก จากนั้นก็ฉีกจนเป็นผ้าเส้น ๆ แล้วนำมามัดกับเถาวัลย์ไว้เมื่อเถาจื่อเห็นว่าเถาวัลย์กองอยู่มาก จึงมาผูกเถาวัลย์กับหลิงอวี๋ด้วย“ศิษย์พี่หญิง เจ้าต้องการเท่าใดก็บอกมาได้ พวกพี่ชายของข้ามีกำลังเหลือเฟือ! จัดการให้เจ้าได้สบาย!”เถาจื่อเริ่มต้นพูดคุยกับหลิงอวี๋“ขอบคุณ!”ในใจของหลิงอวี๋มีความระแวงคนพวกนี้อยู่แล้ว จึงมิได้พูดอะไรมากแล้วก้มหน้ามัดต่อไปแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะกังวลมาก เพราะเขาต้องการลงจากภูเขาไปตามหาหลิงอวี๋ที่จัตุรัสเมืองหลวงแดนเทพแต่เส้นทางลงจากภูเขาล้วนถูกตระกูลเฉียวหรือแม้แต่คนของมหาปราชญ์ปิดกั้นไว้หมดแล้ว หากเขาลงจากภูเขาไปในเวลานี้ จะต้องถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดแน่นอน เขาจึงทำได้เพียงเลื่อนออกไปก่อนก่อนหน้านี้ตอนที่ฉินซานมาที่เมืองหลวงแดนเทพ เขาได้ทำแขนเทียมครึ่งหนึ่งมาใส่แขนข้างที่ขาดไว้ เพื่อหลีกเลี่ยงการเปิดเผยตัวตน หลังจากที่สับเถาวัลย์ด้วยแขน
“ศิษย์พี่หญิง ทางลงเขาถูกปิดกั้นไปแล้ว ตอนนี้พวกเราออกไปมิได้ แกล้งทำเป็นช่วยพวกเขาจับตัวคนกันไปก่อนเถิด!”เมื่อเถาจื่อเห็นพวกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเดินไปข้างหน้า นางจึงดึงหลิงอวี๋เดินไปส่วนหลิงอวี๋ที่ล้มเลิกการแก้แค้น เพราะกังวลเรื่องความเป็นความตายของเถาจื่อและคนอื่น ๆ ก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย จึงสะบัดมือของเถาจื่อออกแล้วเอ่ยออกไปอย่างเย็นชา“เรื่องที่เจ้าให้ข้าทำข้าก็ทำให้แล้ว ข้าจะไปตามหาพี่ชายของข้า! เจ้าอย่าได้ตามข้ามา และอย่าได้คิดที่จะขู่ข้าอีก มิเช่นนั้นก็อย่ามาโทษว่าข้าไร้ความปรานี!”หลังจากพูดจบแล้ว หลิงอวี๋ก็เดินตรงไปอีกทางหนึ่ง“ศิษย์พี่หญิง!”เถาจื่อรู้สึกกระอักกระอ่วนเป็นอย่างมาก นางรู้ว่าคำพูดที่ตนขู่สิงอวี๋ไปเมื่อครู่นั้นทำให้นางโกรธเสียแล้วที่สิงอวี๋ช่วยก็เพียงเพราะนางมิอาจทนเห็นคนมากมายต้องตายไปก็เท่านั้น“ข้าจะไปตามหาด้วยกันกับเจ้า! ข้าสาบานว่าข้าจะไม่มีทางทำร้ายเจ้าเด็ดขาด!”เถาจื่อพูดแล้วก็รีบหยิบตั๋วเงินออกมายัดให้หลิงอวี๋อย่างรวดเร็ว “ศิษย์พี่หญิง ข้าขอโทษ เมื่อครู่ข้าร้อนใจจึงขู่เจ้าไป แต่ข้ามิได้คิดจะสังหารเจ้าจริง ๆ นะ!”“นายหญิงของข้าเป็นคนจิตใจดี นางสอนพว
หลิงอวี๋ตะลึงกับคำพูดของเถาจื่อไปครู่หนึ่ง ตอนนี้นางจึงได้รู้ว่าเรื่องที่เถาจื่อขอให้ตนทำนั้นสำคัญมากเพียงใดนางสามารถวางยาพิษสังหารเซียวหลินเทียนได้ แต่ในขณะเดียวกัน ตัวตนของเซียวหลินเทียนก็มิอาจปกปิดได้เช่นกันเช่นนั้นเถาจื่อและคนที่อยู่ในคฤหาสน์อู่ทุกคนก็จะหนีมิทัน และจะต้องถูกมหาปราชญ์สังหารจนหมดสิ้นอย่างแน่นอน!เซียวหลินเทียนสังหารลูกชายของตน แต่ชีวิตของคนจำนวนมากมายเหล่านั้นล้วนเป็นผู้บริสุทธิ์ หากนางวางยาพิษสังหารเซียวหลินเทียน ก็จะเป็นการสังหารคนเหล่านั้นทางอ้อมไม่มีเวลาให้หลิงอวี๋ได้คิดแล้ว เซียวหลินเทียนพี่ใหญ่ของเถาจื่อมุดตัวออกมาจากพุ่มไม้แล้วเซียวหลินเทียนพบว่าตนตกหลุมพรางแผนการร้ายของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยและเช่นเดียวกับที่เถาจื่อพูดไปเมื่อครู่ เขาสามารถอาศัยวรยุทธ์ของตนหนีไปจากภูเขาหมางหลิ่งเพียงลำพังได้แต่เผยอวี้ ฉินซานและผู้คุ้มกันของคฤหาสน์อู่ที่พามาด้วย ก็จะถูกเปิดเผยตัวตนเพราะเหตุนี้ และจะต้องถูกมหาปราชญ์ล้อมโจมตีเป็นแน่เซียวหลินเทียนจะปล่อยให้เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต้องลำบากเพราะตนเพียงผู้เดียวได้อย่างไร ดังนั้นในความเร่งรีบเขาจึงนึกถึงสิงอวี๋ขึ้นมาสิงอวี๋มีความ
เมื่อหลิงอวี๋ได้ยินคำพูดของเถาจื่อ ก็ราวกับถูกฟ้าผ่าในทันทีคนที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยนำคนเหล่านั้นไปจับตัวคือเซียวหลินเทียน!แต่เถาจื่อกลับบอกว่าจ้าวหรุ่ยหรุ่ยวางแผนทำร้ายพี่ใหญ่ของนาง!หากเป็นเช่นนี้ พี่ใหญ่ของเถาจื่อก็คือเซียวหลินเทียนหรือ?เซียวหลินเทียนคือศัตรูของตน!แต่เถาจื่อจะให้ตนไปช่วยพี่ใหญ่ของนาง?“พี่ใหญ่ของเจ้า… คือเซียวหลินเทียนหรือ? คนที่มหาปราชญ์เสนอรางวัลค่าหัวอย่างหนักนั่นหรือ?”หลิงอวี๋ตื่นเต้นจนตัวสั่น นี่นับว่าเป็นการย่ำจนรองเท้าเหล็กสึกมิพบพาน แต่ยามได้มากลับมิเสียเวลาเลยใช่หรือไม่?นางทุ่มเททุกอย่างในการตามหาเซียวหลินเทียน เพราะอยากจะแก้แค้นให้กับลูกชายของตน แต่เซียวหลินเทียนกลับเดินมาหาตนเสียเอง?“ศิษย์พี่หญิง เจ้าคงมิได้ต้องการเงินรางวัลสิบล้านเช่นกันหรอกใช่หรือไม่?”เมื่อเถาจื่อเห็นความตื่นเต้นของหลิงอวี๋ สายตาของนางก็เปลี่ยนไปเป็นเย็นชา แล้วจ้องมองหลิงอวี๋“ศิษย์พี่หญิง ข้าเคารพเจ้า ยอมมาขอให้เจ้าช่วยเหลือ เพราะข้าคิดว่าเจ้ามิได้เห็นแก่อำนาจและผลประโยชน์ดังเช่นคนพวกนั้น!”“ใช่แล้ว พี่ใหญ่ของข้าคือเซียวหลินเทียน และเขาก็เป็นจักรพรรดิของฉินตะวันตกด้วย! แต
“เซียวหลินเทียนอยู่ที่ภูเขาหมางหลิ่ง หลิงอวี๋ก็ด้วย รางวัลค่าหัวของพวกเขารวมกันเป็นสิบห้าล้าน ทุกคนรีบมาเร็วเข้า รีบมาจับพวกเขาเร็ว!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยค่อย ๆ หายใจดีขึ้นแล้ว จึงใช้กำลังภายในตะโกนออกไปอย่างบ้าคลั่งเมื่อครู่ตอนที่เซียวหลินเทียนบีบคอของนาง จ้าวหรุ่ยหรุ่ยได้ถือโอกาสนั้นทำบางอย่างกับอาภรณ์ของเขา จ้าวหรุ่ยหรุ่ยอยากใช้สิ่งนี้จับตัวเซียวหลินเทียน และกำจัดอันตรายที่คุกคามตนไปให้หมดสิ้นเสียผู้บำเพ็ญตนเหล่านั้นล้วนมีความสามารถในการได้ยินที่พิเศษกว่าคนทั่วไป และเมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดนี้ ก็พากันไปทางจ้าวหรุ่ยหรุ่ยจากทุกทิศทุกทางในทันทีแน่นอนว่าเซียวหลินเทียนเองก็ย่อมได้ยินคำพูดของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเช่นกัน แล้วเขาก็ยิ้มอย่างเย็นชา เขารู้อยู่แล้วว่าสตรีผู้นี้เจ้าเล่ห์ แล้วก็เป็นดังที่คาดไว้มิมีผิด!เซียวหลินเทียนมิได้รีบร้อนที่จะออกไป หากเขาพุ่งออกไปเช่นนี้ในเวลานี้ ก็จะเป็นการบอกคนเหล่านั้น ว่าตนก็คือคนที่พวกเขาต้องการจับกุมมิใช่หรือ?เซียวหลินเทียนซ่อนตัวอยู่ด้านหลังต้นไม้ต้นหนึ่ง แล้วสวมหน้ากากผิวหนังมนุษย์อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ถอดเสื้อคลุมออก แล้วพุ่งขึ้นไปซ่อนตัวอยู่บนกิ่งไม้ส
คำพูดนี้ของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เซียวหลินเทียนจึงเชื่อ“ป้าวซวนอยู่ที่ใด? หลิงอวี๋อยู่ที่ใด?”เซียวหลินเทียนซักถามออกไปจ้าวหรุ่ยหรุ่ยมองเซียวหลินเทียนอย่างเย็นชา “ท่านคิดว่าหม่อมฉันจะบอกหรือ? ถึงอย่างไรก็ต้องตายอยู่แล้ว เช่นนั้นหากหม่อมฉันจะตายก็จะลากหลิงอวี๋ไปรับเคราะห์ด้วย!”“เซียวหลินเทียน หากท่านอยากให้หม่อมฉันบอกที่อยู่ของป้าวซวนกับหลิงอวี๋ ท่านก็ต้องรับปากว่าจะปล่อยหม่อมฉันไปเท่านั้น!”เซียวหลินเทียนจึงเอ่ยออกไปอย่างไร้ความปรานี “จ้าวหรุ่ยหรุ่ย เจ้าไม่มีพื้นที่ให้มาต่อรองกับข้าหรอกนะ!”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยจึงเอ่ยอย่างหนักแน่น “เพคะ ท่านสามารถทรมานหม่อมฉันได้ แต่หม่อมฉันจ้าวหรุ่ยหรุ่ยยังคงมีศักดิ์ศรี แม้ว่าท่านจะสังหารหม่อมฉัน ก็อย่าได้คิดว่าจะได้รับข่าวของพวกนางจากปากของหม่อมฉัน!”“เซียวหลินเทียน ทุกเวลาที่ท่านล่าช้าไป ก็หมายความว่าหลิงอวี๋จะยิ่งตกอยู่ในอันตราย!”“หลิงอวี๋สังหารเฉียวเค่อ ตระกูลเฉียวเกลียดนางถึงเพียงนั้น หากหลิงอวี๋ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของตระกูลเฉียวขึ้นมา พวกเขาจะต้องใช้วิธีที่โหดร้ายกว่าท่านหลายสิบเท่ามาจัดการนางอย่างแน่นอน!”“
ราวกับเป็นการพิสูจน์ว่าตนมิได้โกหก เซียวหลินเทียนยกมือขึ้น จ้าวหรุ่ยหรุ่ยเห็นเพียงแสงสะท้อนจากคมกริชเย็นเยียบวาบผ่านตรงหน้า แล้วใบหน้าก็รู้สึกเย็นขึ้นมาในทันที...กระทั่งเซียวหลินเทียนถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างเยาะเย้ย จ้าวหรุ่ยหรุ่ยจึงได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดบนใบหน้าขึ้นมา แล้วหยดเลือดนับมิถ้วนไหลลงมาตามแก้ม“เซียวหลินเทียน ท่านทำอะไรกับหม่อมฉัน?”จ้าวหรุ่ยหรุ่ยตะโกนออกมาอย่างตื่นตระหนกใบหน้าของนาง?หรือว่าตนจะถูกเซียวหลินเทียนกรีดหน้านับครั้งมิถ้วน เช่นเดียวกับที่ตนทำกับหลิงอวี๋?“ก็ดังที่เจ้าทำกับอาอวี๋… หากเจ้ามิยอมบอกความจริง ก็อย่ามาหาว่าข้าไร้ความปรานี!”เซียวหลินเทียนเอ่ยอย่างดุร้าย “นี่เพิ่งเริ่มต้น หากเจ้ายังมิบอกความจริงอีก ข้าก็จะตัดเนื้อเจ้าเป็นชิ้น ๆ แล้วป้อนให้เจ้ากินไปเสีย!”เมื่อจ้าวหรุ่ยหรุ่ยเห็นความเกลียดชังเต็มเปี่ยมอยู่ในดวงตาของเซียวหลินเทียน ก็รู้ว่าวันนี้ตนมิสามารถหนีจากการทรมานของเขาไปได้แล้ว!หรือว่าวันนี้ตนจะต้องตายอยู่บนภูเขารกร้างแห่งนี้จริง ๆ?ไม่!นางมิยอม!“หม่อม… หม่อมทำอะไรผิด?”จู่ ๆ จ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็ตะโกนขึ้นมา “เซียวหลินเทียน พวกท่านกำลังร