หลิงอวี๋กับหลิงหว่านอยู่ด้วยกัน รอคอยให้หลิงเสียงกังส่งสัญญาณว่าช่วยท่านอ๋องผิงหนานออกมาแล้วแม้ว่าหลิงหว่านจะมีใบหน้าเย็นชา แต่ในใจนั้นกำลังเป็นห่วงหลิงเสียงกังนางออกไปดูอยู่เป็นระยะ กังวลว่าท่านพ่อบุกเข้าถ้ำเสือไปเพียงลำพังแล้วจะประสบเหตุร้ายเข้า“พี่หญิงหลิงหลิง ข้าเข้าใจแล้ว เมื่อเทียบกับความปลอดภัยของเขา ขอเพียงเขามีชีวิตอยู่ เขาจะแต่งงานกับเฝิงฉินนั่นก็ช่างเถิด!”หลิงหว่านเข้ามาพูดคุยกับหลิงอวี๋ราวกับเป็นการคลายความกังวลของตน“ท่านแม่ของข้าก็คงจะคิดเช่นเดียวกันกับข้า!”หลิงอวี๋ทำอะไรมิถูก ความต้องการในชีวิตเช่นนี้น้อยเกินไปแล้วกระมัง!การได้คืบจะเอาศอกเป็นข้อบกพร่องทั่วไปของมนุษย์ตอนนี้หลิงเสียงกังกำลังอยู่ในอันตราย ข้อเรียกร้องของหลิงหว่านที่มีต่อเขาจึงลดลง ขอเพียงเขากลับมาอย่างปลอดภัยก็พอแล้วแต่เมื่อทุกอย่างหคลี่คลาย หลิงหว่านจะยังคิดเช่นนี้หรือไม่?หลิงอวี๋เองก็มิอยากทำลายความคิดเพ้อฝันของนางจึงเอ่ยปลอบใจ “ท่านลุงใหญ่มีวรยุทธ์แก่กล้า เขาจะต้องกลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน!”ในขณะที่อันเจ๋อก็รอคอยอยู่อย่างร้อนอกร้อนใจเช่นกันนั้น หอระฆังในเมืองผิงเนี่ยก็เกิดเพลิงไหม้ขึ้
รายงานความสำเร็จแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว เมื่อเซียวหลินเทียนเห็นว่าหลิงอวี๋มาถึงอย่างปลอดภัย ความกังวลที่มีมาตลอดก็คลายลงส่วนการที่พวกอันเจ๋อปราบปรามการจลาจลได้ก็ทำให้เซียวหลินเทียนโล่งใจเป็นอย่างมาก เขาได้รู้เรื่องที่เจอตัวหลิงเสียงกังจากสาส์นกราบทูลของท่านอ๋องผิงหนานแล้ว และได้รู้ว่าคนที่เรียกกันว่าอาจารย์หลินก็คือหลิงเสียงกังนั่นเองเซียวหลินเทียนสงสัยว่า หลิงเสียงกังสูญเสียความทรงจำได้อย่างไร พลางหาเอกสารการสืบสวนที่หลิงเสียงกังถูกถอดออกจากตำแหน่งตอนนั้นมาอีกครั้งก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เชื่อมาโดยตลอดว่า เรื่องของหลิงเสียงกังตอนนั้นเป็นการถูกกล่าวหาโดยมิยุติธรรม นางอยากตามหาหลิงเสียงกังเพื่อตรวจสอบในเรื่องนี้เมื่อเซียวหลินเทียนสามารถช่วยได้ก็ย่อมมิปฏิเสธเซียวหลินเทียนเห็นสาส์นกราบทูลที่อันเจ๋อเสนอให้เฉาเฉียงเป็นผู้ว่าการสิงหยาง เขาก็เงียบไปสักพักหนึ่งแม้ว่าคราวนี้เฉาเฉียงผู้นี้จะเป็นผู้นำการจลาจล แต่ก็เป็นการถูกผู้ว่าการหวางบีบบังคับแต่จากในสาส์นกราบทูลของอันเจ๋อจะเห็นได้ว่า แม้เฉาเฉียงจะมิได้มีความรู้มากนัก แต่ก็จัดการสิงหยางได้อย่างมิกดดันแม้แต่น้อยอีกทั้งเ
เฝิงฉินยังมิทันได้เข้าไปก็เพ้อฝันแล้วว่าจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนที่หลิงเสียงกังอาศัยอยู่ที่เมืองหลวงจะเป็นอย่างไร นั่นคือสัญลักษณ์ของอำนาจและตำแหน่งเชียวนะ!แต่เมื่อหลิงเสียงกังพูดขึ้นมาว่า ที่จวนเสนาบดีมีภรรยาคนแรกของเขาอยู่ด้วย เฝิงฉินก็ตะลึงไปทันทีหลิงเสียงกังมีภรรยา แล้วตนนับว่าเป็นสิ่งใดเล่า?เฝิงฉินกับหลิงเสียงกังทะเลาะกันอยู่สองวันว่าตนจะไม่มีทางเป็นอนุนางเองก็เป็นภรรยาที่แต่งงานกับหลิงเสียงกังอย่างเป็นทางการเช่นกัน แม้ว่าหลิงเสียงกังจะมิรับรู้เรื่องราวในอดีตแต่จะลบล้างความจริงข้อนี้ไปมิได้ยิ่งไปกว่านั้น ในท้องของนางก็มีเลือดเนื้อเชื้อขัยของหลิงเสียงกังอยู่ นางไม่มีทางให้ลูกเกิดมาเป็นลูกอนุเด็ดขาดภายใต้หยดน้ำตาและการข่มขู่ว่าจะเอาลูกออก หลิงเสียงกังจึงถูกบีบให้ตอบตกลงกับนางแล้วกลับไปรายงานท่านอดีตเสนาบดีว่าจะรับนางเป็นภรรยาแต่งเข้ามาอยู่ในบ้านแม้ว่าหลิงเสียงกังจะสูญเสียความทรงจำไป แต่ก็มีนิสัยซื่อตรง เมื่อเผชิญหน้ากับลูกสาวแท้ ๆ ที่มาตามหาตน หลิงเสียงกังก็พูดมิออกว่าจะรับเฝิงฉินเข้ามาอยู่ในฐานะภรรยาแต่งดังนั้นเรื่องนี้จึงต้องปกปิดเอาไว้เช่นนี้เฝิงฉินเห็นหลิงอวี๋กับหล
มาถึงติ้งโจว หากมิไปเจดีย์วัดไคหยวนที่เลื่องชื่อก็คงมิได้ ยังอยู่อีกไกล แต่พวกหลิงอวี๋ก็เห็นเจดีย์วัดไคหยวนที่สูงตระหง่านดูมีพลังอยู่ตรงกลางแล้ว“ต้นไข่มุกตั้งตระหง่านอยู่ยอดรับแดดยามเช้า กระดิ่งทองเคียงเคล้าลมยามเย็น ยามขึ้นไปถึงบนยอดในทุกครา ราวกับว่ากายาต้องฟ้าคราม”หลิงอวี๋เห็นเจดีย์วัดไคหยวนอันงดงามกำลังอาบแสงยามเย็นอยู่จึงนึกถึงกวีของข้าหลวงติ้งโจวขึ้นมาว่ากันว่าเจดีย์วัดไคหยวนนี้ยังเก็บรักษาพระบรมสารีริกธาตุและพระคัมภีร์อันล้ำค่าของปรมาจารย์สายพุทธเต๋าไว้จำนวนนับมิถ้วนภายในช่องของฐานเจดีย์รวมถึงบนผนังตามทางเดินแต่ละชั้นก็มีการฝังพระพุทธรูปไว้เป็นจำนวนมาก ว่ากันว่าพระพุทธรูปที่แกะสลักล้วนทำอย่างประณีตและเหมือนจริงมากหลิงอวี๋เป็นผู้ที่มิเชื่อในพระเจ้า แต่การข้ามเวลาของตนรวมถึงการฝึกฝนพลังวิญญาณทำให้ความเชื่อของนางสั่นคลอนพระพุทธรูปเหล่านั้นบางทีอาจจะมิใช่พระจริง ๆ แต่อาจจะเป็นผู้มีความสามารถของแดนวิญญาณ!นางมาเที่ยวชม จึงพาพวกหลิงหว่านไปชมเมื่อมาใกล้ ๆ หลิงอวี๋ก็รู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างที่ผิดปกติขันทีโม่ที่สอนตนพัฒนาการฝึกฝนพลังวิญญาณเคยบอกไว้ว่า สถานที่บางแห่งที
ยังมิทันที่หลิงอวี๋จะลุกยืน เถาจื่อกับหานอวี้ที่อยู่ด้านนอกได้ยินเสียงก็พุ่งเข้ามาแล้วหลิงอวี๋ยังมิทันได้บอกพวกนางว่าอย่าเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง กระแสพลังที่มือของเก๋อเทียนซือก็วนรอบตัวของทั้งสองคนแล้วทำให้ทั้งสองกระเด็นถอยออกไปกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างแรงเถาจื่อกับหานอวี้กระอักเลือดออกมา จากนั้นก็สลบไปทันที“เห็นหรือไม่ ต่อให้เจ้าจะฝึกถึงดินแดนที่สี่แล้ว เจ้าก็มิใช่คู่ต่อสู้ของข้า! ยังมิยอมมอบหยกหล้าสุขาวดีออกมาแต่โดยดีอีก!”ครานี้เก๋อเทียนซือมิได้เอาตำราแพทย์ของซือคงชวิ่นมาลองหยั่งเชิงหลิงอวี๋แล้ว เขาเอ่ยไปตรง ๆ หลิงอวี๋ยิ้มเยาะ “ข้ามิได้มีหยกหล้าสุขาวดีอะไรนั่น มิรู้ว่าเจ้าพูดเรื่องอะไร!”นางรับมือกับเก๋อเทียนซือ พลางหาโอกาสไปด้วยว่าจะเอาชนะเก๋อเทียนซืออย่างไรดี!“หลิงอวี๋ เจ้าจะต่อต้านข้าไปจนถึงที่สุดหรือ? หยกหล้าสุขาวดีในมือเจ้ามิสามารถใช้ได้ มิฉะนั้น...”เก๋อเทียนซือกลัวว่าจะเผยความลับของหยกหล้าสุขาวดีออกมาจึงพูดแล้วหยุดไปกลางคัน จากนั้นก็ยิ้มเยาะพลางเอ่ย“เจ้ามอบหยกหล้าสุขาวดีมาให้ข้า ข้าจะเห็นแก่ที่เจ้าฝึกฝนมาอย่างหนัก และจะไว้ชีวิตเจ้า!”“มิเช่นนั้น ครานี้จะต้องทำให้เจ
เถาจื่อกับหานอวี้ถูกพลังของทั้งสองปลุกให้ตื่นขึ้นมา แต่ทั้งสองก็ถูกเก๋อเทียนซือโจมตีได้รับบาดเจ็บหนัก เมื่อฝืนลุกขึ้นมาจะเข้าไปช่วยหลิงอวี๋ ทั้งสองคนกลับถูกม่านพลังที่ไร้รูปร่างที่หลิงอวี๋กับเก๋อเทียนซือสร้างขึ้นกั้นเอาไว้ที่ด้านนอกพวกนางมองเห็นด้านในแต่มิสามารถเข้าไปได้มวยผมของหลิงอวี๋คลายออกแล้ว ทำให้ผมปลิวไปตามกระแสพลัง นางดูเหมือนปล่อยพลังหยินหยางไปอย่างสบาย ๆแต่หลิงอวี๋รู้ว่าตนมิได้ดูสบายเช่นนั้น เก๋อเทียนซือเหนือชั้นกว่าตนไปหนึ่งขั้น กระแสพลังของเขาก็กำลังกดนางเอาไว้อย่างแข็งแกร่งหลิงอวี๋รู้สึกว่าแขนของตนหนักอึ้งขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อขยับแล้วต้องใช้แรงอย่างมากนางจึงกัดฟันพยายามยืนหยัดไว้!นางมิกล้าผ่อนปรน ขอเพียงนางผ่อนปรน พลังวิญญาณทั่วทั้งร่างของนางก็จะถูกเก๋อเทียนซือดูดไปจนหมด และนางก็จะรับแรงกดดันมิไหวจนแหลกสลายไปเถาจื่อกับหานอวี้มองอยู่อย่างทำอะไรมิถูก พวกนางคิดจะเข้าไปต่อสู้อยู่หลายครั้ง แต่ก็ถูกกั้นให้อยู่ด้านนอกตลอดหลิงหว่านกับพวกนางรับใช้ที่อยู่ด้านล่างเห็นว่าใบไม้ปลิวทั่วไปหมดก็รู้ว่าเกิดเรื่องจึงรีบวิ่งขึ้นมา แล้วก็เห็นภาพนี้เข้า หลิงหว่านตกใจจนหน้าซีดไปนา
“ฮองเฮา...”“พี่หญิงหลิงหลิง!”เถาจื่อกับหลิงหว่านตะโกนขึ้นมา พวกนางมิสามารถทนมองหลิงอวี๋ตายไปต่อหน้าของพวกนางเช่นนี้ได้จริง ๆ“รีบคิดหาทางเร็วเข้า!”หลิงหว่านจับแขนเถาจื่ออย่างร้อนใจเถาจื่ออยากร้องไห้แต่ก็ไม่มีน้ำตา หากมีกระบี่พุ่งเข้าหาหลิงอวี๋ นางสามารถพุ่งตัวเข้าไปขวางให้หลิงอวี๋ได้โดยมิรีรอแต่ม่านพลังนี้ทำให้นางหมดปัญญา!“พี่หญิงหลิงหลิง อดทนไว้ ท่านต้องอดทนไว้...”หลิงหว่านร้องไห้ออกมาอย่างหนัก “เยวี่ยเยวี่ยรอท่านอยู่! พวกเราต้องการท่าน ท่านจะไปจากพวกเราเช่นนี้มิได้!”หลิงอวี๋มิได้ยินเสียงร้องไห้ของนางแม้แต่น้อยนางรู้สึกว่าตนจนตรอกแล้ว กระดูกทั้งหมดในร่างกายถูกเก๋อเทียนซือบีบจนผิดรูปแล้ว หน้าอกก็เจ็บอย่างรุนแรงจนถึงจุดวิกฤติที่นางจะสามารถทนรับได้แล้วนางคิดว่าคราวนี้ตนคงจะจบสิ้นแล้วเป็นแน่!นางหลับตาลงแต่แล้วก็ลืมตาขึ้นอีกครั้งตนกับเก๋อเทียนซือต่างกันแค่เพียงดินแดนเดียวเท่านั้น ถ่วงเวลามานานเช่นนี้เก๋อเทียนซือยังมิสามารถสังหารตนได้ เช่นนั้นก็พิสูจน์ได้แล้วว่าเก๋อเทียนซือกับตนก็พอ ๆ กัน...อดทนอีกสักหน่อย!นิสัยมิยอมแพ้ของหลิงอวี๋ทำให้นางกัดฟันปล่อยพลังหยินหยางต
“ฮองเฮา!”“พี่หญิงหลิงหลิง!”หลิงอวี๋ได้ยินว่ามีคนเรียกตนแว่ว ๆ แต่หนังตาของนางหนักมากลืมมิขึ้นนางมิรู้สักนิดว่าตนหมดสติไปสามวันแล้วในสามวันนี้ ท่านอ๋องผิงหนานกังวลเป็นอย่างมาก เขากับหลิงเสียงกังได้เชิญหมอที่มีชื่อเสียงของติ้งโจวมาตรวจนางอยู่จำนวนมิน้อยหมอผู้มีชื่อเสียงบางคนบอกว่าหลิงอวี๋ชีพจรกระจาย นางจะมีชีวิตอยู่ได้มินานบางคนก็บอกว่าหลิงอวี๋ปะทะกับพระพุทธรูปของวัดไคหยวนและถูกพระพุทธเจ้าลงโทษ นางจะเป็นเช่นนี้ไปชั่วชีวิตหลิงหว่านกับพวกเถาจื่อมิได้รับบาดเจ็บในระดับที่เท่ากันจึงถูกหลิงเสียงกังพากลับไปที่พักฟื้นที่ศาลาว่าการแต่พวกนางจะมาเฝ้าหลิงอวี๋ทุกวัน เมื่อเห็นหลิงอวี๋เป็นเช่นนี้ก็รู้สึกหนักอึ้งหลิงเสียงกังได้รับรู้เรื่องของเก๋อเทียนซือจากปากของหลิงหว่านกับเถาจื่อ แต่วันนั้นเขาสนใจแค่การช่วยเหลือหลิงอวี๋ จึงมิได้สนใจว่ามีเก๋อเทียนซืออยู่ในที่เกิดเหตุด้วยพอมาคิดดูหลังจบเรื่อง เก๋อเทียนซือคงจะฟื้นขึ้นมาแล้วพบว่ามีเจ้าหน้าที่ทหารมาจึงหลบซ่อนอยู่ที่เจดีย์วัดไคหยวน รอให้พวกเขาไปกันหมดแล้วจึงหนีไปกระมัง!การที่ฮองเฮาถูกลอบสังหารที่ติ้งโจวทำให้ข้าหลวงติ้งโจวรู้สึกกดดันมาก