เถาจื่อกับหานอวี้ถูกพลังของทั้งสองปลุกให้ตื่นขึ้นมา แต่ทั้งสองก็ถูกเก๋อเทียนซือโจมตีได้รับบาดเจ็บหนัก เมื่อฝืนลุกขึ้นมาจะเข้าไปช่วยหลิงอวี๋ ทั้งสองคนกลับถูกม่านพลังที่ไร้รูปร่างที่หลิงอวี๋กับเก๋อเทียนซือสร้างขึ้นกั้นเอาไว้ที่ด้านนอกพวกนางมองเห็นด้านในแต่มิสามารถเข้าไปได้มวยผมของหลิงอวี๋คลายออกแล้ว ทำให้ผมปลิวไปตามกระแสพลัง นางดูเหมือนปล่อยพลังหยินหยางไปอย่างสบาย ๆแต่หลิงอวี๋รู้ว่าตนมิได้ดูสบายเช่นนั้น เก๋อเทียนซือเหนือชั้นกว่าตนไปหนึ่งขั้น กระแสพลังของเขาก็กำลังกดนางเอาไว้อย่างแข็งแกร่งหลิงอวี๋รู้สึกว่าแขนของตนหนักอึ้งขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อขยับแล้วต้องใช้แรงอย่างมากนางจึงกัดฟันพยายามยืนหยัดไว้!นางมิกล้าผ่อนปรน ขอเพียงนางผ่อนปรน พลังวิญญาณทั่วทั้งร่างของนางก็จะถูกเก๋อเทียนซือดูดไปจนหมด และนางก็จะรับแรงกดดันมิไหวจนแหลกสลายไปเถาจื่อกับหานอวี้มองอยู่อย่างทำอะไรมิถูก พวกนางคิดจะเข้าไปต่อสู้อยู่หลายครั้ง แต่ก็ถูกกั้นให้อยู่ด้านนอกตลอดหลิงหว่านกับพวกนางรับใช้ที่อยู่ด้านล่างเห็นว่าใบไม้ปลิวทั่วไปหมดก็รู้ว่าเกิดเรื่องจึงรีบวิ่งขึ้นมา แล้วก็เห็นภาพนี้เข้า หลิงหว่านตกใจจนหน้าซีดไปนา
“ฮองเฮา...”“พี่หญิงหลิงหลิง!”เถาจื่อกับหลิงหว่านตะโกนขึ้นมา พวกนางมิสามารถทนมองหลิงอวี๋ตายไปต่อหน้าของพวกนางเช่นนี้ได้จริง ๆ“รีบคิดหาทางเร็วเข้า!”หลิงหว่านจับแขนเถาจื่ออย่างร้อนใจเถาจื่ออยากร้องไห้แต่ก็ไม่มีน้ำตา หากมีกระบี่พุ่งเข้าหาหลิงอวี๋ นางสามารถพุ่งตัวเข้าไปขวางให้หลิงอวี๋ได้โดยมิรีรอแต่ม่านพลังนี้ทำให้นางหมดปัญญา!“พี่หญิงหลิงหลิง อดทนไว้ ท่านต้องอดทนไว้...”หลิงหว่านร้องไห้ออกมาอย่างหนัก “เยวี่ยเยวี่ยรอท่านอยู่! พวกเราต้องการท่าน ท่านจะไปจากพวกเราเช่นนี้มิได้!”หลิงอวี๋มิได้ยินเสียงร้องไห้ของนางแม้แต่น้อยนางรู้สึกว่าตนจนตรอกแล้ว กระดูกทั้งหมดในร่างกายถูกเก๋อเทียนซือบีบจนผิดรูปแล้ว หน้าอกก็เจ็บอย่างรุนแรงจนถึงจุดวิกฤติที่นางจะสามารถทนรับได้แล้วนางคิดว่าคราวนี้ตนคงจะจบสิ้นแล้วเป็นแน่!นางหลับตาลงแต่แล้วก็ลืมตาขึ้นอีกครั้งตนกับเก๋อเทียนซือต่างกันแค่เพียงดินแดนเดียวเท่านั้น ถ่วงเวลามานานเช่นนี้เก๋อเทียนซือยังมิสามารถสังหารตนได้ เช่นนั้นก็พิสูจน์ได้แล้วว่าเก๋อเทียนซือกับตนก็พอ ๆ กัน...อดทนอีกสักหน่อย!นิสัยมิยอมแพ้ของหลิงอวี๋ทำให้นางกัดฟันปล่อยพลังหยินหยางต
“ฮองเฮา!”“พี่หญิงหลิงหลิง!”หลิงอวี๋ได้ยินว่ามีคนเรียกตนแว่ว ๆ แต่หนังตาของนางหนักมากลืมมิขึ้นนางมิรู้สักนิดว่าตนหมดสติไปสามวันแล้วในสามวันนี้ ท่านอ๋องผิงหนานกังวลเป็นอย่างมาก เขากับหลิงเสียงกังได้เชิญหมอที่มีชื่อเสียงของติ้งโจวมาตรวจนางอยู่จำนวนมิน้อยหมอผู้มีชื่อเสียงบางคนบอกว่าหลิงอวี๋ชีพจรกระจาย นางจะมีชีวิตอยู่ได้มินานบางคนก็บอกว่าหลิงอวี๋ปะทะกับพระพุทธรูปของวัดไคหยวนและถูกพระพุทธเจ้าลงโทษ นางจะเป็นเช่นนี้ไปชั่วชีวิตหลิงหว่านกับพวกเถาจื่อมิได้รับบาดเจ็บในระดับที่เท่ากันจึงถูกหลิงเสียงกังพากลับไปที่พักฟื้นที่ศาลาว่าการแต่พวกนางจะมาเฝ้าหลิงอวี๋ทุกวัน เมื่อเห็นหลิงอวี๋เป็นเช่นนี้ก็รู้สึกหนักอึ้งหลิงเสียงกังได้รับรู้เรื่องของเก๋อเทียนซือจากปากของหลิงหว่านกับเถาจื่อ แต่วันนั้นเขาสนใจแค่การช่วยเหลือหลิงอวี๋ จึงมิได้สนใจว่ามีเก๋อเทียนซืออยู่ในที่เกิดเหตุด้วยพอมาคิดดูหลังจบเรื่อง เก๋อเทียนซือคงจะฟื้นขึ้นมาแล้วพบว่ามีเจ้าหน้าที่ทหารมาจึงหลบซ่อนอยู่ที่เจดีย์วัดไคหยวน รอให้พวกเขาไปกันหมดแล้วจึงหนีไปกระมัง!การที่ฮองเฮาถูกลอบสังหารที่ติ้งโจวทำให้ข้าหลวงติ้งโจวรู้สึกกดดันมาก
เซียวหลินเทียนล่าช้ามิได้ จึงไปหาข้าหลวงติ้งโจวเพื่อทำความเข้าใจกับสถานการณ์ของติ้งโจวในคืนนั้นเลย จากนั้นก็ได้พักมิถึงสองชั่วยาม เมื่อฟ้าสางก็เดินทางต่อแล้วเดิมทีเขาอยากจะพาหลิงอวี๋ไปด้วย แต่อาการของหลิงอวี๋มิอาจให้นางขี่ม้าไปกับตนได้ด้วยการเกลี้ยกล่อมของท่านอ๋องผิงหนาน เซียวหลินเทียนจึงทำได้เพียงให้ถังถีเตี่ยนกับจ้าวซวนอยู่ดูแลหลิงอวี๋ ส่วนตนกับพวกลู่หนานนั้นก็รีบขี่ม้ากลับไปในขณะเดียวกัน เซียวหลินเทียนก็กลัวว่าเก๋อเทียนซือจะกลับมาอีก จึงให้องครักษ์เงาของตนอยู่กับหลิงอวี๋ทั้งหมดจ้าวฮุยรู้เรื่องที่หลิงอวี๋ถูกลอบสังหารแล้วเก๋อเทียนซือถูกคนของจ้าวฮุยช่วยเหลือออกมา พลังวิญญาณเขาถูกหลิงอวี๋ขโมยไปเป็นจำนวนมาก พลังวิญญาณของเขาในตอนนี้มิเพียงให้ปกป้องตนเองด้วยซ้ำเก๋อเทียนซือเหลือชีวิตอยู่เพียงครึ่งหนึ่ง พักฟื้นสองวันก็ยังมิสามารถกลับเมืองหลวงได้ เขาจึงเอ่ยกับคนของจ้าวฮุย“ข้าไม่มีทางยอมแพ้เช่นนี้ พวกเจ้ากลับไปบอกจ้าวฮุยว่าข้าจะย้ายกำลังเสริมไป!”หลิงอวี๋กล้าขโมยการฝึกฝนพลังวิญญาณที่เขาฝึกมาครึ่งชีวิตไป หากแค้นนี้มิได้ชำระ เก๋อเทียนซือไม่มีทางยอมแพ้ตอนที่จ้าวฮุยได้ฟังการถ่ายทอ
ยังมิทันที่หลิงอวี๋จะถึงเมืองหลวง ขุนนางจำนวนมากก็พากันมากราบทูลกล่าวโทษว่าฮองเฮาเดินทางออกจากวังมิอยู่ติดที่ มิรักษาจรรยาบรรณสตรี ไร้ซึ่งศีลธรรม มิควรค่าจะเป็นมารดาแห่งใต้หล้า และยังมีพวกผู้ตรวจการเก่าแก่ที่รับคำสั่งของจ้าวฮุยมาและเอาเรื่องที่หลิงอวี๋เปิดโรงเหยียนหลิงมาโจมตีว่าหลิงอวี๋มุ่งหวังแต่ผลประโยชน์ ชอบลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคม เป็นตัวอย่างที่มิดีแก่สตรีอีกด้วยพวกคนเก่าแก่เหล่านี้มิพอใจที่เห็นว่าขุนนางสตรีสามารถเลื่อนขั้นได้ถึงขั้นที่สี่ กอปรกับที่สตรีในเมืองหลวงเริ่มยืนหยัดกันขึ้นมาเพราะเหตุนี้ นางรับใช้และแม่นมบางคนที่มีความกล้าหาญล้วนเสนอกับเจ้านายให้จ่ายค่าตอบแทนให้เท่าเทียมกับตำแหน่ง และจะรับเงินเท่ากันกับคนรับใช้ชายหลิงอวี๋ออกจากวังหลวงไปครานี้จึงกลายเป็นจุดอ่อนของพวกเขา แล้วพวกเขาจะอดมินำเรื่องนี้มาโจมตีหลิงอวี๋ได้อย่างไร!เซียวหลินเทียนโกรธกับการกล่าวโทษเหล่านี้มาก เรื่องที่ได้รับค่าตอบแทนตามตำแหน่งที่เท่าเทียมนี้ถูกตัดสินไปแล้ว และวันนั้นก็ได้รับการยอมรับจากขุนนางบุรุษระดับสี่แล้วด้วยตอนนี้พวกคนหัวโบราณดื้อรั้นเหล่านี้ยังจะนำเรื่องนี้มาวิจารณ์หลิงอวี๋อีก สิ่งนี้
ยังมิทันที่เซียวหลินเทียนจะได้ต่อว่าใต้เท้าหวาง พวกผู้ตรวจการเก่าแก่ก็พากันคุกเข่าลงทีละคน“ฝ่าบาท บัดนี้ในวังมีเพียงฮองเฮาผู้เดียว และมีองค์ชายน้อยเป็นทายาทผู้เดียว ทายาทน้อยนักพ่ะย่ะค่ะ ควรจะคัดเลือกนางในและรับสนมเข้ามาเติมเต็มวังหลังเพื่อปรนนิบัติฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!”หลังจากที่ใต้เท้าหวางเป็นผู้นำ ผู้ตรวจการเก่าแก่เหล่านี้ก็พากันเกลี้ยกล่อมให้เซียวหลินเทียนคัดเลือกนางในเข้ามาในวังหลังเซียวหลินเทียนตะลึงไปครู่หนึ่ง เขายุ่งจนไม่มีเวลาคิดเรื่องนี้ยิ่งไปกว่านั้น เขาคิดว่ามีหลิงอวี๋ก็เพียงพอแล้ว สตรีคนอื่น ๆ มิอาจเทียบได้กับหลิงอวี๋“ฝ่าบาท ฮองเฮามีคุณธรรมทั้งยังทรงปราดเปรี่องเหนือผู้ใด เรื่องนี้ให้ฮองเฮาจัดการเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”“ทุกคนล้วนหวังดีกับฝ่าบาท หวังให้ฝ่าบาทมทรงทรงพระเกษมสำราญ ในวังนี้ยิ่งมีสตรีคอยปรนนิบัติฝ่าบาทมากก็ยิ่งมีทายาทให้ฝ่าบาทได้มากพ่ะย่ะค่ะ!”จ้าวฮุยก้าวออกมาช่วยพูดด้วยเจตนาที่มิดีไม่มีสตรีที่มิอิจฉาริษยา หากหลิงอวี๋ต้องรับผิดชอบในการคัดเลือกสนมจะต้องมีความขัดแย้งกับเซียวหลินเทียนอย่างแน่นอนความสัมพันธ์ของสองคนนี้ในตอนนี้แข็งแรงราวกับเหล็ก ในเมื่อตอนนี้ยังกำจ
เรื่องการคัดเลือกสนมจึงถูกเซียวหลินเทียนปัดตกไปโดยวิธีนี้แต่ขุนนางเหล่านั้นกลับมิเห็นด้วยในเรื่องนี้ บุรุษผู้ใดบ้างมิเจ้าชู้ เซียวหลินเทียนแค่หาข้ออ้างชั่วคราวเท่านั้นรอกระทั่งเขานั่งบนบัลลังก์อย่างมั่นคงก่อนเถิด จะต้องเฟ้นหาสนมมาเติมเต็มวังหลังอย่างแน่นอนหลิงอวี๋ติดตามท่านอ๋องผิงหนานกลับมาที่เมืองหลวงในวันนี้เมื่อเซียวหลินเทียนได้รับจดหมายรายงานก็พาเหล่าขุนนางมาที่เนินสิบลี้ด้วยตนเองเขาอ้างว่า เป็นการมาต้อนรับท่านอ๋องผิงหนานผู้แทนพระองค์ที่กลับมาพร้อมชัยชนะ แม้ว่าพวกของจ้าวฮุยจะมีข้อคิดเห็นแต่ก็มิอาจคัดค้านได้หลิงอวี๋ได้รับรู้เรื่องที่ตนถูกผู้ตรวจการกล่าวโทษที่ออกจากวังหลวงมาจากปากของหลิงซวนที่ออกมารับล่วงหน้าแล้ว และย่อมมิเติมเชื้อเพลิงลงในกองไฟอีก นางจึงลาท่านอ๋องผิงหนานและกลับวังก่อนเซียวหลินเทียนเห็นว่าในขบวนนั้นไม่มีหลิงอวี๋ ก็เข้าใจว่าหลิงอวี๋กลัวว่าตนจะลำบากใจจึงได้ไปก่อนแล้วเขารู้สึกมิค่อยดีเท่าไร เห็น ๆ กันอยู่ว่าหลิงอวี๋ไปในคราวนี้ก็เป็นการไปช่วยงานราชสำนัก เหตุใดนางจึงมิได้รับการต้อนรับดังเช่นท่านอ๋องผิงหนานเล่า!การโจมตีด้วยวาจาของพวกหัวโบราณดื้อดึงเหล่านี
หลิงเสียงกังสูญเสียความทรงจำในอดีตไปแล้วจึงมิได้สนใจเรื่องตำแหน่งและรางวัลใด ๆแต่เฝิงฉินนั้นสนใจ ตลอดการเดินทางมา นางได้เห็นเมืองที่อยู่โดยรอบเมืองหลวงต่างเจริญรุ่งเรืองกว่าสิงหยาง นางจึงยิ่งเพ้อฝันถึงเมืองหลวงหากหลิงเสียงกังได้กลับคืนสู่ตำแหน่งการงาน เช่นนั้นตนก็จะเป็นฮูหยินแม่ทัพแม้ว่าจะเป็นภรรยาที่แต่งเข้ามา แต่นั่นก็เป็นฮูหยินเช่นกัน!ยิ่งไปกว่านั้น เฝิงฉินมิได้รู้สึกว่านางซุนภรรยาคนเดิมของหลิงเสียงกังจะเป็นคู่ต่อสู้ของตนได้นางเยาว์วัยกว่านางซุน งดงามกว่านางซุน ทั้งยังรู้วิธีเอาอกเอาใจบุรุษยิ่งกว่านางซุนด้วยนางมิเชื่อว่าหลิงเสียงกังจะหนีไปจากเงื้อมมือของตนได้หลิงหว่านมิอยากพบคนท่าทางเย้ายวนเช่นเฝิงฉิน ดังนั้นเมื่อแยกตัวจากกลุ่มใหญ่จึงลากหลิงเสียงกังเดินไปด้านข้างพลางเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา“ข้าให้แม่ทัพเผยส่งจดหมายไปที่บ้านแล้ว ท่านปู่กับท่านแม่รู้แล้วว่าท่านยังมีชีวิตอยู่!”“แต่มิรู้ว่าท่านมีภรรยาใหม่แล้ว!”“คำแนะนำของข้าก็คือ เมื่อท่านเข้าเมืองแล้วก็พานางกับลูกไปอยู่ที่โรงเตี๊ยมก่อนชั่วคราว รอให้กลับไปคุยกับท่านแม่ข้าที่จวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนให้ชัดเจนก่อนแล้วค่อยมารับนา
“ท่านเจ้าวัง บ่าวเป็นอะไรหรือเพคะ? เหตุใดท่านจึงมองบ่าวเช่นนี้?”หลิงอวี๋ค่อนข้างกังวล จึงซักถามออกไปโดยมิรู้ตัวหวงฝู่หลินเอ่ยอย่างเย็นชา “เจ้าตั้งครรภ์ เกือบจะสองเดือนแล้ว เจ้ามิรู้หรือ?”ตั้งครรภ์?ราวกับฟ้าผ่าลงที่หัวของหลิงอวี๋ตอนกลางวันแสก ๆ นางตกใจจนตะลึงไป นางตั้งครรภ์หรือ?เช่นนั้นพ่อของลูกคือใคร?บุรุษที่ใส่ชุดจักรพรรดิสีเหลืองสดใสผู้นั้นแวบเข้ามาในหัวทันทีจะเป็นเขาหรือไม่?สีหน้าของหลิงอวี๋เปลี่ยนแล้วก็เปลี่ยนอีก มิรู้ว่าควรจะพูดอะไรหวงฝู่หลินมองท่าทีงุนงงของนางแล้วเอ่ยอย่างเย็นชา “คาดว่าคนที่ปิดผนึกเจ้าก็มิรู้เช่นกันว่าเจ้าตั้งครรภ์ เข็มเงินที่ปักมาที่เจ้าเหล่านี้จะจำกัดการเจริญเติบโตของเด็ก!”“เด็กผู้นี้เจ้าเก็บไว้มิได้แล้ว แม้ว่าจะโชคดีสามารถเจริญเติบโตได้ แต่เกิดมาแล้วก็อาจจะมีผลกระทบทางด้านสติปัญญาหรือไม่ก็ทางร่างกาย!”คำพูดนี้ของหวงฝู่หลินเป็นการโจมตีที่ยิ่งใหญ่เท่ากับที่เขาบอกหลิงอวี๋ว่าตั้งครรภ์นางยังมิทันได้รู้สึกดีใจกับเรื่องที่ตนตั้งครรภ์ก็ถูกการประกาศว่าเด็กอาจจะพิการตีเข้าที่หัวอย่างจังหลิงอวี๋มิรู้ว่าตนรู้สึกอย่างไร นี่เหมือนกับเพิ่งจะมอบภูเข
ประโยคเดียวของหลิงอวี๋ทำเอาหวงฝู่หลินชะงักจนพูดมิออกไปเลยเขามองหลิงอวี๋อย่างแปลกใจเมื่อพิจารณาคำพูดของหลิงอวี๋โดยละเอียดแล้ว มันเต็มไปด้วยปรัชญาและความหมายที่ลึกซึ้ง!คำพูดนี้ของหลิงอวี๋มิเพียงแต่ชี้ให้เห็นว่านางถูกขังอยู่ในวังเทพนี้ แม้ว่าจะนั่งอยู่ทองกองเท่าภูเขาแต่ก็มิได้มีความสุขทั้งยังอาศัยเรื่องนี้บอกกับหวงฝู่หลินเป็นนัย ๆ ด้วยว่า… นี่คือเครื่องรางปกป้องชีวิตของนาง!นอกเสียจากว่า หวงฝู่หลินจะรับปากว่าจะปล่อยนางลงจากภูเขาไป มิเช่นนั้นให้ตายนางก็ไม่มีทางส่งตำรับยาให้!ตอนนี้หวงฝู่หลินเชื่อแล้วว่าหลิงอวี๋มิได้หวั่นไหวกับของล้ำค่าจริง ๆ!สตรีผู้นี้ฉลาดเกินไป นางมองเห็นข้อเสียเปรียบของนางได้อย่างชัดเจน และตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วว่าควรจะทำอย่างไรจึงจะเป็นประโยชน์ต่อตนแม้ว่าหวงฝู่หลินจะเติบโตอยู่ในวังเทพมาตั้งแต่เด็ก แต่เพราะว่ามิสบายจึงต้องลงเขาไปหายาหาหมออยู่บ่อย ๆใต้หล้านี้เขาจึงเคยได้ติดต่อกับสตรีอยู่มาก ส่วนใหญ่จะเป็นคนธรรมดามิได้โดดเด่น และดูเรียบ ๆ มิได้มีอะไรแปลกใหม่ เป็นครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสกับสตรีที่ฉลาดเช่นหลิงอวี๋หวงฝู่หลินเก็บความดูถูกที่มีต่อหลิงอวี๋ไป แล
เกี๊ยววางอยู่นานจนเย็นแล้ว หลิงอวี๋จึงยกกลับไปอุ่นร้อนแล้วยกออกมาใหม่หวงฝู่หมิงจูตักสองสามชิ้นให้หวงฝู่หลินด้วยตนเอง หวงฝู่หลินที่เลือกกินเมื่อชิมแล้วก็รู้สึกว่ารสชาติดีความเป็นศัตรูที่เขามีต่อหลิงอวี๋ลดน้อยลง กระทั่งกินเสร็จแล้วพาหวงฝู่หมิงจูออกไปเดินเล่นกลับมา หวงฝู่หลินก็ให้หลิงอวี๋อยู่ก่อนตามลำพัง ในใจของหลิงอวี๋คิดไปมากมาย เจ้าวังผู้นี้วางแผนจะเอาคืนในภายหลังหรืออย่างไร?นางมองหวงฝู่หลินแล้วยื่นมือไปถอดสร้อยข้อมือโมราออกส่งคืนไปพลางเอ่ย“ท่านเจ้าวัง บ่าวรู้ว่าท่านรับบ่าวเป็นน้องสาวบุญธรรมนั้นเป็นการพูดให้เจ้าวังน้อยฟังเฉย ๆ อาอวี๋มิกล้าหวังสูง มิได้ถือเป็นจริงเพคะ!”“สร้อยข้อมือนี้ขอคืนให้ท่าน อาอวี๋มีเพียงเรื่องเดียวที่อยากขอร้อง หากวันใดที่เจ้าวังน้อยทำใจยอมรับได้ที่อาอวี๋จะต้องจากไป ก็ขอให้ท่านเจ้าวังปล่อยให้อาอวี๋ลงจากภูเขาไปด้วยเถิดเพคะ!”สตรีผู้นี้รู้ว่าสิ่งใดควรมิควร!เมื่อหวงฝู่หลินได้ยินคำพูดนี้ก็ลดความระวังที่มีต่อหลิงอวี๋ลงเล็กน้อยเขามองสร้อยข้อมือแล้วเอ่ยอย่างเย็นชา “ของที่ข้ามอบให้แล้วข้ามิรับคืน!”“คำขอของเจ้าข้าตกลง ส่วนสร้อยข้อมือนี้ถือว่าเป็นการขอบคุ
หลิงอวี๋รู้ว่าเรื่องที่หวงฝู่หลินบอกจะรับตนเป็นนางสาวบุญธรรมนั้นถือเป็นจริงมิได้ นี่เป็นเพียงข้ออ้างที่หวงฝู่หลินทำเพื่อปลอบใจหวงฝู่หมิงจูเท่านั้นหลิงอวี๋ชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสีย จากนั้นก็พยักหน้าแบบฝืน ๆหากมิรับปากก็ตาย!นางรู้ว่าวันนี้คงจะไปมิได้แล้ว เช่นนั้นก็รับปากไปก่อนก็แล้วกัน!หวงฝู่หมิงจูหยุดร้องไห้แล้วยิ้ม ดิ้นลงมาจากอ้อมแขนของหวงฝู่หลินแล้วจูงมือของหลิงอวี๋พลางเอ่ยอย่างเป็นมิตร “พี่อาอวี๋ เช่นนั้นต่อไปข้าต้องเรียกเจ้าว่าท่านอาอาอวี๋ใช่หรือไม่?”“ท่านพ่อ ท่านรับน้องสาวมาแล้ว มิให้ของกำนัลท่านอาหรือเพคะ?”หวงฝู่หมิงจูเอียงหัวช่วยหลิงอวี๋ขอของกำนัลจากหวงฝู่หลิน“มิต้องเพคะ ๆ...”หลิงอวี๋รีบพูดด้วยความลนลาน นางหรือจะกล้าเอาของกำนัลจากเจ้าวังผู้ดุร้ายราวกับปีศาจที่แค่สายตาก็สามารถสังหารคนได้ผู้นี้!แต่หวงฝู่หลินกลับมองมาด้วยสายตาที่มีความหมายลึกซึ้ง เขาควักเอาสร้อยข้อมือหินโมราสีแดงออกมาสองเส้นสร้อยข้อมือเส้นใหญ่หนึ่งเส้นและเล็กหนึ่งเส้น โมรานั้นมีสีแดงสดมาก มองแล้วดูมูลค่าสูงทีเดียวท่านน้าหลินเห็นเช่นนั้นแล้วก็ตะลึง เมื่อเห็นว่าหวงฝู่หลินส่งสร้อยข้อมือเส้นใหญ่ให
“พี่อาอวี๋ เจ้าไปแล้วใครจะเล่นกับข้า? ใครจะดูแลข้า?”“พี่อาอวี๋ เจ้ายังเล่านิทานมิจบเลย! ข้ายังอยากฟังเจ้าเล่านิทานอีก!”คำเรียกพี่อาอวี๋ก็ออกมาอย่างต่อเนื่องทำให้หลิงอวี๋รู้สึกแสบจมูก ทำอะไรมิถูกนางเองก็ทำใจจากหวงฝู่หมิงจูมิได้เช่นกัน แต่วังเทพแห่งนี้มิใช่ที่ที่นางควรอยู่ นางยังต้องไปตามหาน้องสาวของตน!“พี่… อาอวี๋… อย่าไป!”หวงฝู่หมิงจูร้องไห้อย่างใจสลาย น้ำเสียงก็ขาด ๆ หาย ๆ กอดขาหลิงอวี๋ไว้แน่นมิยอมปล่อยมือหวงฝู่หลินทั้งปวดใจทั้งอิจฉา ตนเลี้ยงดูหวงฝู่หมิงจูเติบโตมา หวงฝู่หมิงจูล้วนไม่มีใจที่จะสนใจผู้ใด เมื่อใดกันที่สนใจคนคนหนึ่งถึงเพียงนี้!ท่านน้าหลินเองก็สีหน้ามิสู้ดีเช่นกัน นางก้าวไปข้างหน้าและพยายามดึงหวงฝู่หมิงจูออกพลางเตือนอย่างแสร้งทำดี“หมิงจู เจ้าได้ยินที่อาอวี๋บอกว่านางต้องไปตามหาน้องสาวแล้วหรือไม่? น้องสาวของนางเป็นญาติของนาง เจ้าให้นางไปตามหาน้องสาวนางเถิด!”“ท่านออกไป!”หวงฝู่หมิงจูหันหน้าไปมองท่านน้าหลินด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว แล้วตะโกนอย่างมิพอใจอย่างมาก “สตรีสารเลว เป็นเพราะท่านจะตีพี่อาอวี๋จึงบีบให้นางต้องไป!”“ท่านออกไปเสีย ที่นี่มิใช่บ้านของท่าน ข้ามิต้
“ผู้ใดกล้าตีพี่อาอวี๋”“ก็ต้องตีข้าด้วย!”หวงฝู่หมิงจูตะคอกใส่ท่านน้าหลินอย่างโมโห “ข้ายินดีให้พี่อาอวี๋ดูแลข้า… ข้าแค่มิต้อนรับแขกเช่นท่าน!”“ท่านไปเสียเถิด! ข้ามิอยากให้ท่านมาเป็นแขกของตำหนักรุ่ยจู! ข้ามิยินดีให้ท่านกินเกี๊ยวที่พี่อาอวี๋ทำ!”“พวกเจ้าหากผู้ใดกล้ารังแกพี่อาอวี๋ก็คือการรังแกข้า!”“ท่านพ่อ หากท่านกล้าให้พวกนางตีพี่อาอวี๋ ข้าเองก็มิต้องการท่านแล้ว ท่านออกไปพร้อมกับพวกนางเลย!”“ฮือ ๆ ถึงอย่างไรท่านก็มิค่อนอยู่บ้านอยู่แล้ว ข้าถูกรังแกท่านก็มิสนใจ ข้ามีพี่อาอวี๋ก็เพียงพอแล้ว!”หวงฝู่หมิงจูพูดแล้วก็หันไปกอดขาของหลิงอวี๋ไว้แล้วร้องไห้ออกมายกใหญ่ท่าทีเช่นนี้ของหวงฝู่หมิงจูทำเอาท่านน้าหลินไปมิเป็น สีหน้าของนางก็ดูแย่ลงอย่างกระอักกระอ่วนหวงฝู่หลินจึงรีบเอ่ยอย่างปวดใจ “หมิงจูอย่าร้องนะ พ่อมิได้บอกว่าจะตีอาอวี๋ เจ้าอย่าได้โกรธเลย! ระวังโกรธแล้วจะเสียสุขภาพเอาได้!”เขาเดินเข้าไปจะปลอบใจหวงฝู่หมิงจู แต่หวงฝู่หมิงจูมิไว้หน้าเขา ซุกหัวอยู่กับขาของหลิงอวี๋แล้วร้องไห้ต่อหลิงอวี๋หมดคำพูด แม้ว่าหวงฝู่หมิงจูจะกำลังร้องได้ แต่อาอวี๋รู้จักนางดี เด็กน้อยผู้นี้ร้องไห้จริงเสียที่ไห
“พี่อาอวี๋ นี่มานี่สิ!”หวงฝู่หมิงจูเห็นหลิงอวี๋ยืนอยู่ด้านข้างจึงวิ่งไปดึงนางมา“ท่านพ่อ เกี๊ยวที่พี่อาอวี๋ทำอร่อยนะเพคะ เป็นเกี๊ยวที่อร่อยที่สุดที่ข้าเคยกินมาเลย!”“แล้วนางก็ทำอาหารอร่อย ๆ ได้หลากหลายด้วยเพคะ...”“อีกทั้งพี่อาอวี๋ก็เล่านิทานได้ นางเล่าเรื่องผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าได้สุดยอดไปเลย!”หวงฝู่หมิงจูพูดชื่นชมหลิงอวี๋ให้หวงฝู่หลินฟังอย่างตื่นเต้นหวงฝู่หลินยังมิได้มีท่าทีใด ๆ สำหรับเขาแล้วการที่ทาสทำดีกับหวงฝู่หมิงจูก็เป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้วแต่สีหน้าของท่านน้าหลินดูแย่อย่างถึงที่สุด หวงฝู่หมิงจูเอาแต่พูดว่าหลิงอวี๋ดีอย่างนั้นอย่างนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นหวงฝู่หมิงจูชมใครเช่นนี้ปกติแล้วตนดูแลหวงฝู่หมิงจูเป็นอย่างดี ซื้ออาหารซื้ออาภรณ์ให้นาง แต่ก็มิเห็นหวงฝู่หมิงจูจะชมตนเช่นนี้เลยดังนั้น แม้ว่าหลิงอวี๋จะมีรอยแผลอยู่เต็มหน้า ท่านน้าหลินก็ระวังตัวขึ้นมาในทันทีหวงฝู่หลินเป็นหมอชั้นเซียน รอยแผลบนในหน้าของหลิงอวี๋นั้น ขอเพียงหวงฝู่หลินอยากจะรักษาก็สามารถสกัดยาออกมาให้หลิงอวี๋ฟื้นคืนใบหน้าได้สตรีผู้นี้เก็บไว้มิได้แล้ว!“หมิงจู พ่อรู้แล้ว พ่อจะขอบคุณอาอวี๋อย่างดี!”
ตำหนักรุ่ยจูของหวงฝู่หมิงจูยังคงปิดอยู่ แต่เห็นได้ชัดว่าหวงฝู่หมิงจูดีขึ้นแล้วนางมิได้มีไข้แล้ว และตุ่มน้ำก็ตกสะเก็ดแล้วด้วยหลิงอวี๋มิยอมให้นางใช้มือเกาแล้วบอกว่ามันจะทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้ หวงฝู่หมิงจูจึงเชื่อฟังเป็นอย่างดีนางรู้ว่าหลิงอวี๋ทำเพราะหวังดีกับตน อีกทั้งนางเองก็มิอยากให้ใบหน้าเล็ก ๆ ที่ขาวสะอาดมีรอยแผลเป็นด้วยในทุกวันเมื่อหลิงอวี๋มีเวลาก็จะมาเล่านิทานให้นางฟัง ทั้งยังเปลี่ยนอาหารประเภทต่าง ๆ ให้นางกินด้วยหวงฝู่หมิงจูรู้สึกว่านอกจากพ่อของตนแล้ว คนที่นางชอบที่สุดก็คือหลิงอวี๋ในวันนี้ หลิงอวี๋ก็ห่อเกี๊ยวให้หวงฝู่หมิงจูอีก หวงฝู่หมิงจูก็ยืนมองตาปริบ ๆ อยู่ในครัวแล้วจู่ ๆ ปี้เอ๋อร์ก็วิ่งเข้ามาตะโกนอย่างดีใจและลุกลน “เจ้าวังน้อยเพคะ เจ้าวังกลับมาแล้ว มาถึงหน้าประตูแล้วเพคะ!”“ท่านพ่อข้ากลับมาแล้ว!”หวงฝู่หมิงจูตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นทันที เกี๊ยวก็มิอยากกินแล้ว นางหันหลังแล้ววิ่งออกไปข้างนอกหลิงอวี๋ยังมิเคยเห็นเจ้าวังผู้ลึกลับคนนี้มาก่อน จึงรีบล้างมือแล้วเดินตามออกไปเมื่อมาถึงที่โถงใหญ่ก็เห็นท่านน้าหลินเดินเข้ามาพร้อมกับบุรุษรูปงามที่ดูมีอำนาจมากผู้หนึ่งบุ
อะไรนะ?ทั้งเฉียวไป๋และลุงเฉียวตางก็ตกใจมากในความของพวกเขา หลิงอวี๋มิใช่คนแดนเทพ แม้ว่านางจะได้รับหยกหล้าสุขาวดีมาก็มิสามารถใช้ประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่จากมันได้ ระดับพลังการบำเพ็ญของนางจะสูงถึงขั้นที่สามารถสังหารเฉียวเค่อได้อย่างไร?แต่เมื่อเห็นสภาพของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยแล้ว พวกเขามิเชื่อก็ต้องเชื่อพลังของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยอยู่เหนือกว่าเฉียวเค่อ นางไปถึงดินแดนที่หกนานแล้ว แต่ตอนนี้เพิ่งอยู่ในดินแดนที่สี่เฉียวไป๋กับลุงสามตระกูลเฉียวต่างก็มิรู้ว่า หลิงอวี๋ทำลายตันเถียนของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยไปแล้ว หลังจากได้ฟังคำพูดของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยก็คิดไปจริง ๆ ว่าหลิงอวี๋ได้ชิงพลังของจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกับเฉียวเค่อไป“นางสารเลวผู้นี้ นางอยู่ที่ใด ข้าจะต้องตามหาและสังหารนางให้ได้!”หัวใจของเฉียวไป๋ราวกับมีมีดมากรีด ก่อนหน้านี้คำทำนายของลุงสามตระกูลเฉียวบอกว่า เฉียวเค่อตายไปแล้ว เขาก็เชื่อครึ่งสงสัยครึ่ง หวังว่าคำทำนายของลุงสามจะผิดพลาดแต่ตอนนี้จ้าวหรุ่ยหรุ่ยยืนยันการตายของเฉียวเค่อ ความหวังของเขาพังทลายลงไปแล้ว“ศพพี่ชายข้าอยู่ที่ใด? ข้าจะต้องตามหาเขาแล้วพาเขากลับมาฝังอย่างสงบ...”เฉียวไป๋สะอื้นไห้แม้ว่าเฉียวเค่