มาถึงติ้งโจว หากมิไปเจดีย์วัดไคหยวนที่เลื่องชื่อก็คงมิได้ ยังอยู่อีกไกล แต่พวกหลิงอวี๋ก็เห็นเจดีย์วัดไคหยวนที่สูงตระหง่านดูมีพลังอยู่ตรงกลางแล้ว“ต้นไข่มุกตั้งตระหง่านอยู่ยอดรับแดดยามเช้า กระดิ่งทองเคียงเคล้าลมยามเย็น ยามขึ้นไปถึงบนยอดในทุกครา ราวกับว่ากายาต้องฟ้าคราม”หลิงอวี๋เห็นเจดีย์วัดไคหยวนอันงดงามกำลังอาบแสงยามเย็นอยู่จึงนึกถึงกวีของข้าหลวงติ้งโจวขึ้นมาว่ากันว่าเจดีย์วัดไคหยวนนี้ยังเก็บรักษาพระบรมสารีริกธาตุและพระคัมภีร์อันล้ำค่าของปรมาจารย์สายพุทธเต๋าไว้จำนวนนับมิถ้วนภายในช่องของฐานเจดีย์รวมถึงบนผนังตามทางเดินแต่ละชั้นก็มีการฝังพระพุทธรูปไว้เป็นจำนวนมาก ว่ากันว่าพระพุทธรูปที่แกะสลักล้วนทำอย่างประณีตและเหมือนจริงมากหลิงอวี๋เป็นผู้ที่มิเชื่อในพระเจ้า แต่การข้ามเวลาของตนรวมถึงการฝึกฝนพลังวิญญาณทำให้ความเชื่อของนางสั่นคลอนพระพุทธรูปเหล่านั้นบางทีอาจจะมิใช่พระจริง ๆ แต่อาจจะเป็นผู้มีความสามารถของแดนวิญญาณ!นางมาเที่ยวชม จึงพาพวกหลิงหว่านไปชมเมื่อมาใกล้ ๆ หลิงอวี๋ก็รู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างที่ผิดปกติขันทีโม่ที่สอนตนพัฒนาการฝึกฝนพลังวิญญาณเคยบอกไว้ว่า สถานที่บางแห่งที
ยังมิทันที่หลิงอวี๋จะลุกยืน เถาจื่อกับหานอวี้ที่อยู่ด้านนอกได้ยินเสียงก็พุ่งเข้ามาแล้วหลิงอวี๋ยังมิทันได้บอกพวกนางว่าอย่าเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง กระแสพลังที่มือของเก๋อเทียนซือก็วนรอบตัวของทั้งสองคนแล้วทำให้ทั้งสองกระเด็นถอยออกไปกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างแรงเถาจื่อกับหานอวี้กระอักเลือดออกมา จากนั้นก็สลบไปทันที“เห็นหรือไม่ ต่อให้เจ้าจะฝึกถึงดินแดนที่สี่แล้ว เจ้าก็มิใช่คู่ต่อสู้ของข้า! ยังมิยอมมอบหยกหล้าสุขาวดีออกมาแต่โดยดีอีก!”ครานี้เก๋อเทียนซือมิได้เอาตำราแพทย์ของซือคงชวิ่นมาลองหยั่งเชิงหลิงอวี๋แล้ว เขาเอ่ยไปตรง ๆ หลิงอวี๋ยิ้มเยาะ “ข้ามิได้มีหยกหล้าสุขาวดีอะไรนั่น มิรู้ว่าเจ้าพูดเรื่องอะไร!”นางรับมือกับเก๋อเทียนซือ พลางหาโอกาสไปด้วยว่าจะเอาชนะเก๋อเทียนซืออย่างไรดี!“หลิงอวี๋ เจ้าจะต่อต้านข้าไปจนถึงที่สุดหรือ? หยกหล้าสุขาวดีในมือเจ้ามิสามารถใช้ได้ มิฉะนั้น...”เก๋อเทียนซือกลัวว่าจะเผยความลับของหยกหล้าสุขาวดีออกมาจึงพูดแล้วหยุดไปกลางคัน จากนั้นก็ยิ้มเยาะพลางเอ่ย“เจ้ามอบหยกหล้าสุขาวดีมาให้ข้า ข้าจะเห็นแก่ที่เจ้าฝึกฝนมาอย่างหนัก และจะไว้ชีวิตเจ้า!”“มิเช่นนั้น ครานี้จะต้องทำให้เจ
เถาจื่อกับหานอวี้ถูกพลังของทั้งสองปลุกให้ตื่นขึ้นมา แต่ทั้งสองก็ถูกเก๋อเทียนซือโจมตีได้รับบาดเจ็บหนัก เมื่อฝืนลุกขึ้นมาจะเข้าไปช่วยหลิงอวี๋ ทั้งสองคนกลับถูกม่านพลังที่ไร้รูปร่างที่หลิงอวี๋กับเก๋อเทียนซือสร้างขึ้นกั้นเอาไว้ที่ด้านนอกพวกนางมองเห็นด้านในแต่มิสามารถเข้าไปได้มวยผมของหลิงอวี๋คลายออกแล้ว ทำให้ผมปลิวไปตามกระแสพลัง นางดูเหมือนปล่อยพลังหยินหยางไปอย่างสบาย ๆแต่หลิงอวี๋รู้ว่าตนมิได้ดูสบายเช่นนั้น เก๋อเทียนซือเหนือชั้นกว่าตนไปหนึ่งขั้น กระแสพลังของเขาก็กำลังกดนางเอาไว้อย่างแข็งแกร่งหลิงอวี๋รู้สึกว่าแขนของตนหนักอึ้งขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อขยับแล้วต้องใช้แรงอย่างมากนางจึงกัดฟันพยายามยืนหยัดไว้!นางมิกล้าผ่อนปรน ขอเพียงนางผ่อนปรน พลังวิญญาณทั่วทั้งร่างของนางก็จะถูกเก๋อเทียนซือดูดไปจนหมด และนางก็จะรับแรงกดดันมิไหวจนแหลกสลายไปเถาจื่อกับหานอวี้มองอยู่อย่างทำอะไรมิถูก พวกนางคิดจะเข้าไปต่อสู้อยู่หลายครั้ง แต่ก็ถูกกั้นให้อยู่ด้านนอกตลอดหลิงหว่านกับพวกนางรับใช้ที่อยู่ด้านล่างเห็นว่าใบไม้ปลิวทั่วไปหมดก็รู้ว่าเกิดเรื่องจึงรีบวิ่งขึ้นมา แล้วก็เห็นภาพนี้เข้า หลิงหว่านตกใจจนหน้าซีดไปนา
“ฮองเฮา...”“พี่หญิงหลิงหลิง!”เถาจื่อกับหลิงหว่านตะโกนขึ้นมา พวกนางมิสามารถทนมองหลิงอวี๋ตายไปต่อหน้าของพวกนางเช่นนี้ได้จริง ๆ“รีบคิดหาทางเร็วเข้า!”หลิงหว่านจับแขนเถาจื่ออย่างร้อนใจเถาจื่ออยากร้องไห้แต่ก็ไม่มีน้ำตา หากมีกระบี่พุ่งเข้าหาหลิงอวี๋ นางสามารถพุ่งตัวเข้าไปขวางให้หลิงอวี๋ได้โดยมิรีรอแต่ม่านพลังนี้ทำให้นางหมดปัญญา!“พี่หญิงหลิงหลิง อดทนไว้ ท่านต้องอดทนไว้...”หลิงหว่านร้องไห้ออกมาอย่างหนัก “เยวี่ยเยวี่ยรอท่านอยู่! พวกเราต้องการท่าน ท่านจะไปจากพวกเราเช่นนี้มิได้!”หลิงอวี๋มิได้ยินเสียงร้องไห้ของนางแม้แต่น้อยนางรู้สึกว่าตนจนตรอกแล้ว กระดูกทั้งหมดในร่างกายถูกเก๋อเทียนซือบีบจนผิดรูปแล้ว หน้าอกก็เจ็บอย่างรุนแรงจนถึงจุดวิกฤติที่นางจะสามารถทนรับได้แล้วนางคิดว่าคราวนี้ตนคงจะจบสิ้นแล้วเป็นแน่!นางหลับตาลงแต่แล้วก็ลืมตาขึ้นอีกครั้งตนกับเก๋อเทียนซือต่างกันแค่เพียงดินแดนเดียวเท่านั้น ถ่วงเวลามานานเช่นนี้เก๋อเทียนซือยังมิสามารถสังหารตนได้ เช่นนั้นก็พิสูจน์ได้แล้วว่าเก๋อเทียนซือกับตนก็พอ ๆ กัน...อดทนอีกสักหน่อย!นิสัยมิยอมแพ้ของหลิงอวี๋ทำให้นางกัดฟันปล่อยพลังหยินหยางต
“ฮองเฮา!”“พี่หญิงหลิงหลิง!”หลิงอวี๋ได้ยินว่ามีคนเรียกตนแว่ว ๆ แต่หนังตาของนางหนักมากลืมมิขึ้นนางมิรู้สักนิดว่าตนหมดสติไปสามวันแล้วในสามวันนี้ ท่านอ๋องผิงหนานกังวลเป็นอย่างมาก เขากับหลิงเสียงกังได้เชิญหมอที่มีชื่อเสียงของติ้งโจวมาตรวจนางอยู่จำนวนมิน้อยหมอผู้มีชื่อเสียงบางคนบอกว่าหลิงอวี๋ชีพจรกระจาย นางจะมีชีวิตอยู่ได้มินานบางคนก็บอกว่าหลิงอวี๋ปะทะกับพระพุทธรูปของวัดไคหยวนและถูกพระพุทธเจ้าลงโทษ นางจะเป็นเช่นนี้ไปชั่วชีวิตหลิงหว่านกับพวกเถาจื่อมิได้รับบาดเจ็บในระดับที่เท่ากันจึงถูกหลิงเสียงกังพากลับไปที่พักฟื้นที่ศาลาว่าการแต่พวกนางจะมาเฝ้าหลิงอวี๋ทุกวัน เมื่อเห็นหลิงอวี๋เป็นเช่นนี้ก็รู้สึกหนักอึ้งหลิงเสียงกังได้รับรู้เรื่องของเก๋อเทียนซือจากปากของหลิงหว่านกับเถาจื่อ แต่วันนั้นเขาสนใจแค่การช่วยเหลือหลิงอวี๋ จึงมิได้สนใจว่ามีเก๋อเทียนซืออยู่ในที่เกิดเหตุด้วยพอมาคิดดูหลังจบเรื่อง เก๋อเทียนซือคงจะฟื้นขึ้นมาแล้วพบว่ามีเจ้าหน้าที่ทหารมาจึงหลบซ่อนอยู่ที่เจดีย์วัดไคหยวน รอให้พวกเขาไปกันหมดแล้วจึงหนีไปกระมัง!การที่ฮองเฮาถูกลอบสังหารที่ติ้งโจวทำให้ข้าหลวงติ้งโจวรู้สึกกดดันมาก
เซียวหลินเทียนล่าช้ามิได้ จึงไปหาข้าหลวงติ้งโจวเพื่อทำความเข้าใจกับสถานการณ์ของติ้งโจวในคืนนั้นเลย จากนั้นก็ได้พักมิถึงสองชั่วยาม เมื่อฟ้าสางก็เดินทางต่อแล้วเดิมทีเขาอยากจะพาหลิงอวี๋ไปด้วย แต่อาการของหลิงอวี๋มิอาจให้นางขี่ม้าไปกับตนได้ด้วยการเกลี้ยกล่อมของท่านอ๋องผิงหนาน เซียวหลินเทียนจึงทำได้เพียงให้ถังถีเตี่ยนกับจ้าวซวนอยู่ดูแลหลิงอวี๋ ส่วนตนกับพวกลู่หนานนั้นก็รีบขี่ม้ากลับไปในขณะเดียวกัน เซียวหลินเทียนก็กลัวว่าเก๋อเทียนซือจะกลับมาอีก จึงให้องครักษ์เงาของตนอยู่กับหลิงอวี๋ทั้งหมดจ้าวฮุยรู้เรื่องที่หลิงอวี๋ถูกลอบสังหารแล้วเก๋อเทียนซือถูกคนของจ้าวฮุยช่วยเหลือออกมา พลังวิญญาณเขาถูกหลิงอวี๋ขโมยไปเป็นจำนวนมาก พลังวิญญาณของเขาในตอนนี้มิเพียงให้ปกป้องตนเองด้วยซ้ำเก๋อเทียนซือเหลือชีวิตอยู่เพียงครึ่งหนึ่ง พักฟื้นสองวันก็ยังมิสามารถกลับเมืองหลวงได้ เขาจึงเอ่ยกับคนของจ้าวฮุย“ข้าไม่มีทางยอมแพ้เช่นนี้ พวกเจ้ากลับไปบอกจ้าวฮุยว่าข้าจะย้ายกำลังเสริมไป!”หลิงอวี๋กล้าขโมยการฝึกฝนพลังวิญญาณที่เขาฝึกมาครึ่งชีวิตไป หากแค้นนี้มิได้ชำระ เก๋อเทียนซือไม่มีทางยอมแพ้ตอนที่จ้าวฮุยได้ฟังการถ่ายทอ
ยังมิทันที่หลิงอวี๋จะถึงเมืองหลวง ขุนนางจำนวนมากก็พากันมากราบทูลกล่าวโทษว่าฮองเฮาเดินทางออกจากวังมิอยู่ติดที่ มิรักษาจรรยาบรรณสตรี ไร้ซึ่งศีลธรรม มิควรค่าจะเป็นมารดาแห่งใต้หล้า และยังมีพวกผู้ตรวจการเก่าแก่ที่รับคำสั่งของจ้าวฮุยมาและเอาเรื่องที่หลิงอวี๋เปิดโรงเหยียนหลิงมาโจมตีว่าหลิงอวี๋มุ่งหวังแต่ผลประโยชน์ ชอบลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคม เป็นตัวอย่างที่มิดีแก่สตรีอีกด้วยพวกคนเก่าแก่เหล่านี้มิพอใจที่เห็นว่าขุนนางสตรีสามารถเลื่อนขั้นได้ถึงขั้นที่สี่ กอปรกับที่สตรีในเมืองหลวงเริ่มยืนหยัดกันขึ้นมาเพราะเหตุนี้ นางรับใช้และแม่นมบางคนที่มีความกล้าหาญล้วนเสนอกับเจ้านายให้จ่ายค่าตอบแทนให้เท่าเทียมกับตำแหน่ง และจะรับเงินเท่ากันกับคนรับใช้ชายหลิงอวี๋ออกจากวังหลวงไปครานี้จึงกลายเป็นจุดอ่อนของพวกเขา แล้วพวกเขาจะอดมินำเรื่องนี้มาโจมตีหลิงอวี๋ได้อย่างไร!เซียวหลินเทียนโกรธกับการกล่าวโทษเหล่านี้มาก เรื่องที่ได้รับค่าตอบแทนตามตำแหน่งที่เท่าเทียมนี้ถูกตัดสินไปแล้ว และวันนั้นก็ได้รับการยอมรับจากขุนนางบุรุษระดับสี่แล้วด้วยตอนนี้พวกคนหัวโบราณดื้อรั้นเหล่านี้ยังจะนำเรื่องนี้มาวิจารณ์หลิงอวี๋อีก สิ่งนี้
ยังมิทันที่เซียวหลินเทียนจะได้ต่อว่าใต้เท้าหวาง พวกผู้ตรวจการเก่าแก่ก็พากันคุกเข่าลงทีละคน“ฝ่าบาท บัดนี้ในวังมีเพียงฮองเฮาผู้เดียว และมีองค์ชายน้อยเป็นทายาทผู้เดียว ทายาทน้อยนักพ่ะย่ะค่ะ ควรจะคัดเลือกนางในและรับสนมเข้ามาเติมเต็มวังหลังเพื่อปรนนิบัติฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!”หลังจากที่ใต้เท้าหวางเป็นผู้นำ ผู้ตรวจการเก่าแก่เหล่านี้ก็พากันเกลี้ยกล่อมให้เซียวหลินเทียนคัดเลือกนางในเข้ามาในวังหลังเซียวหลินเทียนตะลึงไปครู่หนึ่ง เขายุ่งจนไม่มีเวลาคิดเรื่องนี้ยิ่งไปกว่านั้น เขาคิดว่ามีหลิงอวี๋ก็เพียงพอแล้ว สตรีคนอื่น ๆ มิอาจเทียบได้กับหลิงอวี๋“ฝ่าบาท ฮองเฮามีคุณธรรมทั้งยังทรงปราดเปรี่องเหนือผู้ใด เรื่องนี้ให้ฮองเฮาจัดการเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”“ทุกคนล้วนหวังดีกับฝ่าบาท หวังให้ฝ่าบาทมทรงทรงพระเกษมสำราญ ในวังนี้ยิ่งมีสตรีคอยปรนนิบัติฝ่าบาทมากก็ยิ่งมีทายาทให้ฝ่าบาทได้มากพ่ะย่ะค่ะ!”จ้าวฮุยก้าวออกมาช่วยพูดด้วยเจตนาที่มิดีไม่มีสตรีที่มิอิจฉาริษยา หากหลิงอวี๋ต้องรับผิดชอบในการคัดเลือกสนมจะต้องมีความขัดแย้งกับเซียวหลินเทียนอย่างแน่นอนความสัมพันธ์ของสองคนนี้ในตอนนี้แข็งแรงราวกับเหล็ก ในเมื่อตอนนี้ยังกำจ