อันเจ๋อคิดที่จะโต้แย้งออกไปแต่สิ่งที่ต้อนรับเขาก็คือลูกธนูอย่างหนาแน่นอาจารย์หลินลากอันเจ๋อกลับมาพลางเอ่ยเสียงเรียบ “ไม่มีประโยชน์ พวกเขาตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะสังหารพวกเราทั้งหมด การวินิจฉัยของเจ้าล้วนผิดเพี้ยนไปแล้ว!”อันเจ๋อก็มองความโหดร้ายของหยางเจี้ยนออกเช่นกันจึงกังวลเป็นอย่างมาก “อาจารย์หลิน กองกำลังของพวกเราจะต้านการบุกของพวกเขาไหวหรือไม่?”อาจารย์หลินยิ้มอย่างเย็นชา “สิงหยางของเรามีกองกำลังของราษฎรอยู่เพียงสามพันคนเท่านั้น จะเป็นคู่ต่อสู้ของทหารอาชีพเหล่านี้ได้อย่างไร!”“หยางเจี้ยนมาในคราวนี้นำทหารมาเกือบหกพันคน! ทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันมากถึงเพียงนี้ เป็นไปมิได้เลยที่จะป้องกันประตูเมืองไว้ได้!”อันเจ๋อได้ยินดังนั้นก็รู้สึกกังวลมากแต่อาจารย์หลินก็หัวเราะอย่างดูถูกออกมาอีกครั้ง “แต่หากคิดจะต่อสู้ให้พวกเขาพ่ายแพ้ไปก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปมิได้!”อันเจ๋อมองอาจารย์หลินอย่างงุนงง เขาเอาความมั่นใจมาจากที่ใดกัน!“มิสามารถต้านทานได้ แต่สามารถใช้สติปัญญาชิงไหวชิงพริบได้!”อาจารย์หลินเอ่ยอย่างมั่นใจเต็มเปี่ยม “ข้าจะสั่งให้คนเอาจดหมายของเจ้าออกไปส่งก่อน!”อันเจ๋อมองอาจารย์
กลุ่มขุนนางทำได้เพียงเดินตามเซียวหลินเทียนต่อ เมื่อออกจากเมืองไปสิบกว่าลี้ ก็เริ่มเห็นที่ดินรกร้างว่างเปล่าเซียวหลินเทียนแสร้งทำเป็นมิรู้ว่าเป็นที่ดินของตระกูลใด พลางเอ่ยอย่างเสียดาย “ที่ดินดีเช่นนี้ หากมิปลูกพืชพรรณใดก็น่าเสียดายแย่!”“ใต้เท้าเจี่ยง ให้ผู้คนในเขตนี้บอกต่อกันออกไปว่า ทางราชสำนักสนับสนุนให้มีการบุกเบิกฟื้นฟูที่ดินรกร้าง ให้ชาวบ้านแถวนี้มาทำการฟื้นฟูที่ดินและเพาะปลูกในช่วงวสันตฤดู!”ใบหน้าของใต้เท้าเจี่ยงกระตุก มิรู้ว่าเซียวหลินเทียนจงใจหรือว่ามิรู้จริง ๆ ว่าที่ดินแห่งนี้เป็นของตระกูลใต้เท้าหลี่ใต้เท้าหลี่เองก็ลำบากใจพูดมิออก ตนเป็นผู้เสนอให้มีการสนับสนุนบุกเบิกที่ดินรกร้าง และตนก็ได้เลื่อนขั้นเพราะเรื่องนี้ด้วยแล้วตอนนี้เขาจะกล้าบอกกับองค์จักรพรรดิหรือว่าที่ดินรกร้างว่างเปล่าแห่งนี้เป็นของตระกูลตน?ผู้ตรวจการซุนเป็นคนซื่อตรงและมีนิสัยตรงไปตรงมา เขามิเกรงกลัวอำนาจของใต้เท้าหลี่ เมื่อเห็นว่าใต้เท้าหลี่มิพูดจา เขาจึงเอ่ยออกไปตามตรง “ฝ่าบาท นี่มิใช่ที่ดินรกร้างพ่ะย่ะค่ะ เป็นที่ดินที่มีเจ้าของ!”“หา? ในเมื่อเป็นที่ดินที่อุดมสมบูรณ์ แล้วเหตุใดจึงมีวัชพืชขึ้นรกเช่นนี
เซียวหลินเทียนพูดออกมาพร้อมทำหน้านิ่วคิ้วขมวด จากนั้นก็มองที่ดินรกร้างว่างเปล่าเหล่านั้นด้วยท่าทีที่ดูเสียใจเป็นอย่างมาก“ใต้เท้าหลี่มิสามารถจัดการที่ดินเพาะปลูกได้ แต่ที่ดินที่ดีเหล่านี้จะปล่อยรกร้างไปก็น่าเสียดาย!”ใต้เท้าเฉินหนึ่งในกรมพระคลังได้รับคำสั่งจากหลี่ว์เซียงมาก่อนหน้านี้ ในยามนี้จึงออกมาพลางเอ่ย“ฝ่าบาท กระหม่อมก็รู้สึกว่าที่ดินที่ดีเช่นนี้หากปล่อยรกร้างไปช่างน่าเสียนักพ่ะย่ะค่ะ ในเมื่อใต้เท้าหลี่มิถนัดในการจัดการที่ดิน เช่นนั้นเหตุใดจึงมิให้ใต้เท้าหลี่ขายที่ดินเหล่านี้กลับคืนให้ราชสำนักแล้วให้จวนขุนนางส่งคนมาจัดการอย่างเท่าเทียมหรือพ่ะย่ะค่ะ!”“หากทำเช่นนี้ก็มิต้องปล่อยที่ดินให้รกร้างแล้วและยังทำให้ใต้เท้าหลี่มิต้องมายุ่งวุ่นวายเพราะเหตุนี้อีกด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”“ใต้เท้าหลี่ การปล่อยที่ดินรกร้างตามกฎแล้วจะต้องถูกลงโทษตามความร้ายแรงของสถานการณ์! ที่ดินรกร้างของเจ้ามีขนาดหลายร้อยหมู่ ต้องมีการชดเชยภาษีและถูกลงโทษด้วย มันจะได้มิคุ้มเสีย!”ใต้เท้าเฉินยังพูดมิทันจบ ใต้เท้าหลี่ก็ตกใจคุกเข่าลงกับพื้นแล้ว“ฝ่าบาท กระหม่อมมิรู้จริง ๆ พ่ะย่ะค่ะว่าที่ดินเหล่านี้ถูกปล่อยให้รกร้าง
หลังจากหลิงอวี๋ได้รู้วิธีการนี้ก็ชื่นชมเซียวหลินเทียนอย่างจริงใจนางรู้สึกว่านับวันเซียวหลินเทียนก็ยิ่งเก่งขึ้นเรื่อย ๆ การใช้วิธีการนำคำพูดของฝ่ายตรงข้ามมาตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามเองนั้นดีมาก!กระทั่งเหตุการณ์วุ่นวายที่เจิ้งโจวสิ้นสุดลง เซียวหลินเทียนก็คงจะทำให้สถานการณ์มั่นคงและสามารถเข้าสู่ช่วงเพาะปลูกในวสันตฤดูได้อย่างราบรื่นแล้วในขณะที่หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนกำลังให้ความสนใจกับเรื่องที่เจิ้งโจว ป้าสะใภ้ใหญ่ก็นำป้ายของท่านอดีตเสนาบดีเข้าวังมาขอพบหลิงอวี๋หลิงอวี๋ค่อนข้างสงสัย ป้าสะใภ้ใหญ่มีเรื่องด่วนอันใดกัน?นางจึงรีบให้หลิงซวนไปพาป้าสะใภ้ใหญ่เข้าวังทันทีเมื่อป้าสะใภ้ใหญ่เห็นหลิงอวี๋ ยังมิทันได้พูดอะไรก็ตาแดงแล้วหลิงอวี๋จึงเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ “ป้าสะใภ้ใหญ่เป็นอะไรไป? เกิดเรื่องอะไรขึ้น? หรือว่าเป็นท่านปู่?”“ไม่ ๆ… มิใช่ท่านปู่ของท่านแต่เป็นหว่านเอ๋อร์เพคะ!”ป้าสะใภ้ใหญ่ควักจดหมายฉบับหนึ่งมาส่งให้หลิงอวี๋พลางเอ่ย“ก่อนหน้านี้แม่ทัพเผยบอกว่าจะช่วยพวกเราตามหาท่านลุงใหญ่ของท่าน แต่เขาไปหลายวันแล้วก็มิได้มีจดหมายมา หว่านเอ๋อร์จึงร้อนใจแล้วทิ้งจดหมายนี้ไว้เมื่อวานว่านางออกไปต
เซียวหลินเทียนได้ฟังที่หลิงอวี๋พูดก็หวั่นไหว หลิงอวี๋จึงฉวยโอกาสนี้กอดแขนเขาอย่างสนิทสนมพลางเอ่ย“เซียวหลินเทียน ท่านให้หม่อมฉันไปเถิด! หม่อมฉันหวังว่าเราจะเคารพซึ่งกันและกันนะเพคะ หม่อมฉันมิอยากถูกกักขังอยู่ในวังหลวงไปตลอดชีวิต หม่อมฉันเองก็หวังว่า หม่อมฉันจะสามารถทำในสิ่งที่หม่อมฉันอยากทำได้เช่นกันเพคะ!”“ครอบครัวท่านลุงท่านป้ามีบุญคุณท่วมหัวเราสองพี่น้อง หากเกิดอะไรขึ้นกับหลิงหว่าน หม่อมฉันจะต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตเป็นแน่เพคะ!”นางใช้ไม้อ่อนมาพูดจาหว่านล้อมจนในที่สุดเซียวหลินเทียนก็ถูกหลิงอวี๋โน้มน้าวสำเร็จเขาจึงเอ่ยอย่างจนใจ “ข้าให้เจ้าไป แต่เจ้าต้องรับปากข้าว่าจะต้องดูแลตนเองให้ดี ๆ!”“เพคะ!”หลิงอวี๋ขอเซียวหลินเทียนได้แล้วก็โล่งอกโล่งใจการที่นางยืนกรานจะไปตามหาหลิงหว่านที่เจิ้งโจวคราวนี้ นอกจากจะกังวลเรื่องความปลอดภัยของหลิงหว่านแล้ว ก็ยังเป็นการลองใจเซียวหลินเทียนที่อยู่ข้างในนี้ด้วยหลิงอวี๋กังวลว่า เซียวหลินเทียนเป็นจักรพรรดิแล้วจะเผด็จการดังเช่นเมื่อก่อน ยึดติดกับความคิดชายเป็นใหญ่แล้วกักขังตนให้อยู่ที่วังหลังให้เป็นแม่บ้านแม่เรือนการใช้ชีวิตเช่นนั้นแค่คิดก็ทำให้
ทหารผู้นั้นส่ายหน้า “ใต้เท้าอันน่าจะเดินทางไปที่ผิงเนี่ยแล้ว พวกกบฏหลิวจวินอยู่ทางนั้นได้ยินว่าจับตัวท่านอ๋องผิงหนานไว้ ใต้เท้าอันน่าจะไปช่วยท่านอ๋องผิงหนานแล้ว!”หลิงอวี๋ตะลึงไปครู่หนึ่ง หลังจากนางออกมาจากวังก็มิรู้เรื่องความคืบหน้าในการจัดการความมิสงบของอันเจ๋ออีกเลย ไหนเลยจะคิดว่าท่านอ๋องผิงหนานจะถูกจับตัวไปแล้ว“แม่ทัพลั่วกับแม่ทัพจี้เล่า?”หลิงอวี๋นึกถึงสองแม่ทัพที่มาช่วยอันเจ๋อจึงถามไปอีกทหารผู้นั้นมองหลิงอวี๋อย่างสงสัย คงจะคิดมิถึงว่าพ่อค้าหนุ่มผู้นี้จะรู้เรื่องแม่ทัพของราชสำนักถึงเพียงนี้แต่เมื่อเผชิญหน้ากับพวกเถาจื่อที่ทำท่าทางดุร้าย ทหารผู้นั้นก็เอ่ยออกมาอย่างช้า ๆ “แม่ทัพลั่วถูกผู้แทนพระองค์คนใหม่ส่งไปจัดการความมิสงบที่กว่างอู่แล้ว ส่วนแม่ทัพจี้ก็ถูกส่งไปจัดการกับเส้าหมิงเจี๋ย!”หลิงอวี๋ได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้ว แม่ทัพฟางที่รับหน้าที่คนใหม่นี้เป็นคนของจ้าวฮุย ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนเคยบอกกับนางแล้วตอนนี้อันเจ๋อเป็นบุคคลสำคัญที่เก็บหลักฐานการกระทำผิดของพวกใต้เท้าจางเอาไว้ ท่านอ๋องผิงหนานถูกหลิวจวินจับตัวไป แม่ทัพฟางกลับมิคิดที่จะไปช่วยท่านอ๋องผิงหนาน ทั้งยังทำการแยก
“มิต้องตะโกนแล้ว คาดว่าอาจารย์หลินเองก็ไปช่วยใต้เท้าอันที่ผิงเนี่ยเช่นกัน เฉาเฉียงคงกังวลว่าพวกเราจะเป็นสายลับที่มาสืบที่อยู่ของอาจารย์หลินจึงเลี่ยงมิให้พบ!”หลิงอวี๋นึกถึงอาจารย์หลินที่อันเจ๋อเอ่ยถึงก่อนหน้านี้ว่าเป็นบุคคลสำคัญของเฉาเฉียง และเป็นคนที่เก่งกาจมากจากที่หลี่ข่ายบอก ผู้นำที่เอาชนะแม่ทัพหยางได้ก็น่าจะเป็นอาจารย์หลินผู้นี้เฉาเฉียงคงกังวลว่า หากเปิดเผยไปว่าอาจารย์หลินมิได้อยู่สิงหยางแล้วจะถูกโจมตีจึงเลี่ยงที่จะมิพบเมื่อเห็นว่าสิงหยางมีการป้องกันที่แน่นหนาเช่นนี้ หลิงหว่านก็คงมิสามารถเข้าไปได้เช่นกัน เช่นนั้นจึงทำได้เพียงไปรวมตัวกับอันเจ๋อที่ผิงเนี่ยก่อนแล้วค่อยไปตามหาหลิงหว่านหลิงอวี๋จึงพาพวกเถาจื่อมุ่งหน้าไปผิงเนี่ย......เวลานี้ ไท่เฟยเส้ากับจ้าวฮุยได้รู้เรื่องที่หลิงอวี๋ออกไปจากวังหลวงแล้วกฎหมายที่ดินของเมืองหลวงก็ถูกประกาศออกไปอย่างรวดเร็วภายใต้ฝีมือและการเร่งเร้าของเซียวหลินเทียนขุนนางพวกของจ้าวฮุยทัดทานแรงกดดันของเซียวหลินเทียนมิไหว บางส่วนกลัวว่าจะถูกลงโทษเช่นใต้เท้าหลี่จึงยอมมอบที่ดินแต่โดยดีเดิมทีขุนนางบางส่วนยังคงดูท่าทีอยู่ แต่เมื่อเห็นว่าจ้าวฮุยกับอ
“ยกมือขึ้นแล้ววางอาวุธลงเสีย!”หัวหน้าที่นำมาตะคอกใส่พวกนางทีแรกหลิงอวี๋ก็ตกใจคิดว่าเจอใต้เท้าจางซุ่มโจมตี แต่เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยก็หันไปมอง หัวหน้าผู้นี้คือฮุยจื่อคนรับใช้ของอันเจ๋อนั่นเองหลิงอวี๋จึงเรียกเขาทันที “เสี่ยวฮุยจื่อ ข้าคือแม่นางหลิง!”หลิงอวี๋เช็ดหน้าแล้วถอดหน้ากากออกเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของตนเสี่ยวฮุยจื่อเป็นคนฉลาด เมื่อตั้งใจมองดี ๆ ว่าเป็นใบหน้าของหลิงอวี๋ก็ตะลึง แต่มิกล้าเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของหลิงอวี๋จึงเรียกด้วยความเคารพในทันที “แม่นางหลิง ที่แท้ก็เป็นท่านเอง! คนกันเอง วางหน้าไม้เสียลง...”เสี่ยวฮุยจื่อเข้ามาต้อนรับ หลิงอวี๋จึงรีบเอ่ยถาม “ใต้เท้าอันสบายดีหรือไม่?”“ก่อนหน้านี้ใต้เท้าของข้าได้รับบาดเจ็บที่สิงหยาง อาการบาดเจ็บแย่ลงแล้ว พวกท่านมาพอดี จะได้ไปตรวจให้เขา!”เสี่ยวฮุยจื่อขยิบตาให้หลิงอวี๋ หลิงอวี๋มิแน่ใจว่าอาการบาดเจ็บของอันเจ๋อแย่ลงจริง ๆ หรือว่าเป็นแผนการ จึงตามเสี่ยวฮุยจื่อเข้าไปที่ที่พักชั่วคราว“แม่ทัพเผยก็มาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”เสี่ยวฮุยจื่อเห็นว่าแถวนี้มิได้มีคนนอกจึงบอกกับหลิงอวี๋หลิงอวี๋โล่งอก เผยอวี้อยู่ที่นี่ เช่นนั้นหลิงห