หลิงอวี๋หันหลังบังสายตาของทุกคนเอาไว้ มือของนางแตะไปที่ชีพจรของเผยอวี้ ก็เห็นว่าเผยอวี้ลืมตาขึ้นมาขยิบตาให้นางอย่างรวดเร็วแล้วหลับตาลงไปหลิงอวี๋จึงแอบโล่งใจ เผยอวี้มิได้เป็นอะไร เช่นนั้นการบาดเจ็บนี้ก็เป็นของปลอมสมองของหลิงอวี๋ประมวลผลอย่างรวดเร็ว มือของนางก็มิได้หยุด นางดึงเสื้อของเผยอวี้ออก เมื่อเห็นก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นเผยอวี้แทงตรงหน้าอกตนเองบริเวณภายนอก แต่มิได้บาดเจ็บถึงภายใน หากมองจากภายนอกเช่นนี้จะดูอันตรายมาก แต่ในความเป็นจริงแล้วมิได้อันตรายใด ๆหลิงอวี๋ยังคงทำเป็นพันแผลให้เผยอวี้อย่างรวดเร็ว พลางเอ่ยอย่างดีใจ “แม่ทัพเผยโชคดีเพคะ มิได้บาดเจ็บถึงหัวใจ หากเข้าไปอีกเพียงเล็กน้อย หม่อมฉันก็มิสามารถช่วยเหลือเขาได้แล้ว!”เซียวหลินเทียนกังวลเรื่องอาการบาดเจ็บของเผยอวี้จึงยืนอยู่ข้าง ๆ ตลอด เขาก็เห็นเช่นกันว่าเผยอวี้มิได้บาดเจ็บจนถึงแก่ชีวิตจึงได้โล่งใจไปแต่ภายนอกเขากลับแสร้งต่อว่าออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว “มือสังหารผู้นี้กำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว กล้าที่จะทำเช่นนี้ในวัง ข้ามิปล่อยไปแน่นอน!”“จ้าวซวน ให้แม่ทัพสือค้นหาในวังทันที จับตัวมือสังหารมาให้จงได้!”องค์ชายคังร้อนใจขึ้
คำพูดนี้ของเซียวหลินเทียนทำเอาใต้เท้าวางกับองค์ชายคังต่างก็มิกล้าพูดอะไรตามใจอีกเซียวหลินเทียนในตอนนี้เป็นจักรพรรดิ คำพูดของเขาก็คือพระราชโองการ“ผู้ที่มิเกี่ยวข้องออกไปรอข้างนอกกันให้หมด!”สตรีบรรดาศักดิ์เหล่านั้นถูกท่านอ๋องเฉิงเชิญไปพักผ่อนที่ห้องข้างนอกก่อนแล้ว เซียวหลินเทียนก็ให้หมิ่นกูเอาอาหารมาส่งให้ที่ศาลาเหยาฮั๋วและให้กินที่นี่แต่สตรีบรรดาศักดิ์เหล่านี้มีหรือจะมีแก่ใจกินอาหาร ในวังเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ งานเลี้ยงส่งท้ายปีก็พังไปหมดแล้วก่อนหน้านี้ยังวางแผนอยู่ว่า หลังจบงานเลี้ยงก็จะสามารถกลับไปอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัวและฉลองปีใหม่ด้วยกันได้ เกรงว่าความปรารถนานี้จะล้มเหลวไปเสียแล้วอารมณ์ของไทฮองไทเฮาก็ยิ่งแย่ลงไปอีก การสวรรคตของจักรพรรดิอู่อันเพิ่งจะจบลงไป ตอนนี้เซียวทงก็มาถูกคนสังหารตายในวังอีกนี่แต่ละคนจะมิให้ตนเองได้หมดห่วงเลยหรือ!จ้าวฮุยกับองค์ชายคังและพวกขุนนางล้วนรออยู่ในสวน พวกเขาอยากจะดูว่าท่านอ๋องเฉิงจะไต่สวนอย่างไรท่านอ๋องเฉิงมิได้สนใจพวกเขา เริ่มแรกเขาสั่งการกองทัพหลวงให้พาตัวฟางเอ๋อร์กับหลิวเจินไปไว้ที่ห้องหนึ่งเพื่อควบคุมตัวไว้ก่อนหลิงอวี๋มิได้รี
ฮูหยินวางกับฮูหยินหลินมองหน้ากันในทันที สิ่งเหล่านั้นที่พวกนางพูดกันเป็นคำพูดที่ปลุกปั่นและกระตุ้นความรู้สึกของเหล่าสตรีบรรดาศักดิ์ มีหรือจะกล้าพูดอีกครั้งต่อหน้าเซียวหลินเทียน“พูดมา!”เซียวหลินเทียนตะคอกออกมาอย่างน่าเกรงขาม “หากมิพูดจะถือว่าฝ่าฝืนราชโองการ!”ตุ้บ… ตุ้บ...ฮูหยินวางกับฮูหยินหลินตกใจจนคุกเข่าลงไปทั้งคู่“หม่อมฉันมิกล้าฝ่าฝืนพระราชโองการเพคะ หม่อมฉันพูดแล้วเพคะ...”ฮูหยินวางจึงกัดฟันพูดในสิ่งที่ตนพูดไปอีกครั้งฮูหยินหลินเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้จึงทำได้เพียงพูดสิ่งที่ตนพูดไปเช่นกัน“หึ เมื่อครู่ข้าพูดว่าอย่างไร? เจ้าสองคนพูดมาอีกรอบ!”วันนี้เซียวหลินเทียนตั้งใจว่าจะจัดการกับสตรีขี้นินทาเหล่านี้ พวกนางเห็นว่าคำพูดของตนไม่มีน้ำหนักคล้ายกับเมื่อก่อนตอนที่เป็นอ๋องอี้จริง ๆ อย่างนั้นหรือ?ฮูหยินวางแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว นางเสียใจอย่างยิ่ง เหตุใดตนจึงพูดมากเช่นนี้ ก่อนหน้านี้เซียวหลินเทียนบอกว่า ‘หากคดีนี้ยังไต่สวนมิชัดเจนแล้วผู้ใดกล้าใส่ร้ายผู้อื่นตามอำเภอใจอีก ก็ลงโทษเสียให้หมดข้อหาหมิ่นประมาท!’ตอนนี้คดียังมิชัดเจน นางก็ชี้เป้าไปที่พระชายาองค์รัชทายาทกับแม่ทัพเผ
ทันทีที่อันซินได้ยินก็ลากคุณหนูอีกสามสองคนที่มาด้วยกันก้าวออกมาพลางเอ่ย “ท่านอ๋องเฉิง พระชายาองค์รัชทายาทให้หลิวเจินไปเชิญองค์หญิงหกจริง ๆ เพคะ แต่นางมิกลับมา หม่อมฉันยังบอกว่าจะช่วยไปเชิญองค์หญิงหกให้พระชายาองค์รัชทายาทเลยเพคะ!”“พระชายาองค์รัชทายาทกับพวกเราอยู่ด้วยกันตลอด ได้มาศาลาเหยาฮั๋วกับหลิวเจินที่ไหนกัน ชัดเจนเลยว่าหลิวเจินกำลังโกหกเพคะ!”คุณหนูอีกสองสามคนล้วนช่วยเป็นพยานให้หลิงอวี๋หลิวเจินร้อนใจแล้วเอ่ยขึ้นมา “พวกท่านเป็นลูกสาวตระกูลร่ำรวย แต่บ่าวเป็นเพียงบ่าว พวกท่านย่อมช่วยเพียงพระชายาองค์รัชทายาทอยู่แล้ว!”“ท่านอ๋องเฉิงเพคะ บ่าวกล้าสาบานต่อสวรรค์ พระชายาองค์รัชทายาทพาบ่าวมาที่ศาลาเหยาฮั๋วจริง ๆ เพคะ! พระนางคงเห็นว่าเรื่องแดงขึ้นมาแล้วจึงแอบหนีออกไปทางด้านหลัง!”ไท่เฟยเส้าฟังอยู่ด้านข้างก็รู้สึกกังวลขึ้นมา หรือว่าหลิงอวี๋จะหนีรอดจากเหตุการณ์นี้ได้อีกแล้ว?นางเห็นอยู่แท้ ๆ ว่าแผนการราบรื่นดีและทำทั้งสองอย่างด้วยกันแล้วเพื่อที่ต่อให้หลิงอวี๋รอดพ้นจากเรื่องที่หนึ่งก็จะมิอาจรอดพ้นเรื่องที่สองได้ ไหนเลยจะคิดว่าเรื่องราวจะไปไกลเกินการควบคุมของตนนางมีหรือจะยอมแพ้ให้หลิงอ
หลิงอวี๋เหลือบมองไท่เฟยเส้าอย่างดูถูกแล้วยิ้มเยาะพลางเอ่ย “คนที่ร้อนตัวมิใช่หม่อมฉันหรอก แต่เป็นไท่เฟยเส้าเองกระมัง!”“องค์จักรพรรดิให้สิทธิ์ในการไต่สวนกับท่านอ๋องเฉิงแล้ว ท่านอ๋องเฉิงยังมิทันได้ตัดสิน ไท่เฟยเส้าก็วิ่งออกมาพูดเช่นนี้ ผู้ใดร้อนตัวมองปราดเดียวก็เข้าใจแล้ว!”หลิงอวี๋หันไปทางเซียวหลินเทียน พลางเอ่ยด้วยเหตุผล“ฝ่าบาทเพคะ ก่อนหน้านี้องค์ชายคังก็เคยใส่ร้ายหม่อมฉันมาแล้วครั้งหนึ่ง การใส่ร้ายหม่อมฉันซ้ำ ๆ เช่นนี้ช่างยากที่จะรู้เจตนาที่แท้จริง หม่อมฉันขอเพียงให้ฝ่าบาททรงรอให้คดีนี้ได้รับการไต่สวนจนเสร็จสิ้นแล้วให้คำอธิบายหนึ่งแก่หม่อมฉันด้วยเถิดเพคะ”“มิเช่นนั้น วันนี้หม่อมฉันคงต้องตายอยู่ที่นี่เพื่อให้สมความปรารถนาขององค์ชายคังกับไท่เฟยเส้าที่อยากจะบีบหม่อมฉันให้ตายไป!”นี่...ไท่เฟยเส้ากับองค์ชายคังต่างมิกล้าพูดสิ่งใดอีก หากพูดต่อไป พวกเขาจะกลายเป็นผู้ร้ายที่บีบให้พระชายาองค์รัชทายาทต้องตาย แล้วพวกเขาก็คงจะถูกประณามจนต้องจมน้ำลายตาย“พระชายาองค์รัชทายาทอย่าได้หุนหันพลันแล่น อดทนรอฟังข้าไต่สวนคดีก่อน!”ท่านอ๋องเฉิงรู้ว่าหลิงอวี๋มิแสวงหาความตายหรอก จึงได้ปลอบใจออกไป ทั้ง
เผยอวี้ยื่นมือออกไปชี้หลิวเจินพลางเอ่ยอย่างโมโห “พวกเขาประคองสตรีผู้หนึ่งอยู่ แต่เพราะว่ากระหม่อมยังเบลออยู่จึงมองมิชัด แต่สัญชาตญาณของกระหม่อมรู้สึกได้ว่าอันตรายจึงพยายามจะพุ่งไปหาพวกเขา...”“ไหนเลยจะคิดว่าในมือของชายผู้นั้นจะมีกริชอยู่ เขาจึงแทงมาทางกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ!”“ฤทธิ์ยาในตัวกระหม่อมยังมิหมดจึงทำให้การเคลื่อนไหวช้าและหลบมิทันจึงถูกแทงพ่ะย่ะค่ะ!”“ก่อนที่กระหม่อมจะหมดสติไปยังได้ยินหลิวเจินพูดกับชายผู้นั้นด้วยว่า ในเมื่อก่อเรื่องจนถึงแก่ชีวิตแล้ว ในเมื่อลงมือทำไปแล้วก็ต้องทำต่อ นางจึงล่อลวงพระชายาองค์รัชทายาทมาสร้างสถานการณ์...”“ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นกระหม่อมก็มิรู้แล้วพ่ะย่ะค่ะ!”หลิงอวี๋ได้ฟังคำพูดของเผยอวี้แล้วก็แอบยิ้ม เผยอวี้กับตนห็นตรงกันโดยปริยาย ต่างโยนความผิดเรื่องการสังหารเซียวทงไปให้หลิวเจิน เมื่อเป็นเช่นนี้ หลิวเจินจะยังพูดอะไรได้อีกเล่า!ต้องจัดการหลิวเจินก่อนแล้วจึงจะตรวจสอบในขั้นต่อ ๆ ไปได้“ไปเรียกตัวขันทีที่คอยดูแลพู่กันและหมึกในวันนี้มาให้แม่ทัพเผยชี้ตัว!”ท่านอ๋องเฉิงออกคำสั่ง องครักษ์กองทัพหลวงจึงไปพาตัวขันทีมาในขณะเดียวกัน ท่านอ๋องเฉิงก็
หลิวเจินลืมตาขึ้นแล้วกวาดมองไปที่ขุนนางเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็มองท่านอ๋องเฉิงอย่างตัดสินใจมิหันหลังกลับ แล้วหัวเราะออกมา“ใช่แล้ว พวกท่านคาดเดาได้ถูกต้อง หม่อมฉันสังหารองค์หญิงหกเอง”“ก่อนหน้านี้บ่าวมิได้คิดจะสังหารแม่ทัพเผย แต่ใครบอกให้เขามิฟื้นขึ้นมาเสียทีแล้วดันมาพุ่งใส่บ่าวเลยตกใจพลั้งมือแทงเขาไป!”“เมื่อทำเรื่องที่ถึงแก่ชีวิต บ่าวก็กังวลว่าจะถูกประหารชีวิต จึงสังหารองค์หญิงหกไปเสีย บ่าวคิดจะโยนความผิดให้แม่ทัพเผยเพคะ!”“การใส่ร้ายพระชายาองค์รัชทายาทก็เป็นเพียงเพราะอยากจะย้ายเป้าหมาย ให้พวกท่านคิดมิถึงตัวบ่าว ไหนเลยจะคิดว่าพระชายาองค์รัชทายาทจะโชคดีถึงเพียงนี้ที่มีคุณหนูจำนวนเช่นนี้ช่วยเป็นพยานให้นาง!”“หม่อมฉันยอมรับความผิดเพคะ!”หลิวเจินกัดฟันพิษที่ซ่อนอยู่ในปากจนแตก และพยายามพูดต่อเพื่อที่จะมิให้ผู้ใดเห็นความผิดปกติ“องค์หญิงหกมีสิทธิ์อะไรที่เกิดมาในราชวงศ์ อยากได้อะไรก็ได้ ส่วนพวกเรา… ต้องตกอยู่ในสถานะที่ถูกกดขี่บังคับโดยปัดป้องมิได้เลย...”“แม่ทัพเผย ท่านควรจะขอบคุณข้า มิเช่นนั้นท่านจะต้องถูกบังคับให้แต่งงานแล้ว...”เลือดสีดำจำนวนมากพุ่งออกมาจากปากของหลิวเจิน
หลิงอวี๋เอ่ยอย่างแค้นเคืองต่อความมิเป็นธรรม “พวกของไท่เฟยเส้า ใส่ร้ายหม่อมฉันกับแม่ทัพเผยตามอำเภอใจโดยมิได้มีหลักฐาน ๆ เพคะ”“หม่อมฉันเป็นถึงพระชายาองค์รัชทายาท แต่พวกเขาก็ใส่ร้ายและบีบบังคับหม่อมฉันให้แขวนคอเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ได้ตามใจ หากเป็นคุณหนูตระกูลร่ำรวยคนอื่น ๆ จะมิถูกต่อว่าต่อขานจนจมน้ำลายตายไปเลยหรือ!”“แม่ทัพเผยเป็นเสาหลักของแคว้น วันนี้เขาโชคดีที่สามารถรอดมาปกป้องตนเองได้! แต่หากว่าเขาตายไปโดยที่มีเรื่องใส่ร้ายติดตัวเช่นนี้ เช่นนั้นชื่อเสียงอันดีงามที่เขาสั่งสมมาโดยตลอดจะมิเสียหายไปหรือเพคะ?”เผยอวี้ฟังถึงตรงนี้ก็คุกเข่าตามลงไปพลางเอ่ยอย่างโกรธเคือง “กระหม่อมจงรักภักดีมาตลอดชีวิต ไม่มีทางทำเรื่องเช่นการลักลอบสมสู่กันเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ!”“ใต้เท้าวาง ใต้เท้าหลิน หากมุมมองทางการเมืองของเรามิตรงกันก็สื่อสารและเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ พวกท่านมาใส่ร้ายในเรื่องส่วนตัวของข้าตามแต่ใจเช่นนี้ ในภายภาคหน้าจะให้ข้านำทัพได้อย่างไร?”“ฝ่าบาท พระชายาองค์รัชทายาทตรัสได้ถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ เรื่องเช่นนี้มิสามารถปล่อยไว้ได้ มิเช่นนั้นในภายหน้าจะกลายเป็นความนิยมของสังคม มิว่าผู้ใดก็ใส่