หลิวเจินลืมตาขึ้นแล้วกวาดมองไปที่ขุนนางเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็มองท่านอ๋องเฉิงอย่างตัดสินใจมิหันหลังกลับ แล้วหัวเราะออกมา“ใช่แล้ว พวกท่านคาดเดาได้ถูกต้อง หม่อมฉันสังหารองค์หญิงหกเอง”“ก่อนหน้านี้บ่าวมิได้คิดจะสังหารแม่ทัพเผย แต่ใครบอกให้เขามิฟื้นขึ้นมาเสียทีแล้วดันมาพุ่งใส่บ่าวเลยตกใจพลั้งมือแทงเขาไป!”“เมื่อทำเรื่องที่ถึงแก่ชีวิต บ่าวก็กังวลว่าจะถูกประหารชีวิต จึงสังหารองค์หญิงหกไปเสีย บ่าวคิดจะโยนความผิดให้แม่ทัพเผยเพคะ!”“การใส่ร้ายพระชายาองค์รัชทายาทก็เป็นเพียงเพราะอยากจะย้ายเป้าหมาย ให้พวกท่านคิดมิถึงตัวบ่าว ไหนเลยจะคิดว่าพระชายาองค์รัชทายาทจะโชคดีถึงเพียงนี้ที่มีคุณหนูจำนวนเช่นนี้ช่วยเป็นพยานให้นาง!”“หม่อมฉันยอมรับความผิดเพคะ!”หลิวเจินกัดฟันพิษที่ซ่อนอยู่ในปากจนแตก และพยายามพูดต่อเพื่อที่จะมิให้ผู้ใดเห็นความผิดปกติ“องค์หญิงหกมีสิทธิ์อะไรที่เกิดมาในราชวงศ์ อยากได้อะไรก็ได้ ส่วนพวกเรา… ต้องตกอยู่ในสถานะที่ถูกกดขี่บังคับโดยปัดป้องมิได้เลย...”“แม่ทัพเผย ท่านควรจะขอบคุณข้า มิเช่นนั้นท่านจะต้องถูกบังคับให้แต่งงานแล้ว...”เลือดสีดำจำนวนมากพุ่งออกมาจากปากของหลิวเจิน
หลิงอวี๋เอ่ยอย่างแค้นเคืองต่อความมิเป็นธรรม “พวกของไท่เฟยเส้า ใส่ร้ายหม่อมฉันกับแม่ทัพเผยตามอำเภอใจโดยมิได้มีหลักฐาน ๆ เพคะ”“หม่อมฉันเป็นถึงพระชายาองค์รัชทายาท แต่พวกเขาก็ใส่ร้ายและบีบบังคับหม่อมฉันให้แขวนคอเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ได้ตามใจ หากเป็นคุณหนูตระกูลร่ำรวยคนอื่น ๆ จะมิถูกต่อว่าต่อขานจนจมน้ำลายตายไปเลยหรือ!”“แม่ทัพเผยเป็นเสาหลักของแคว้น วันนี้เขาโชคดีที่สามารถรอดมาปกป้องตนเองได้! แต่หากว่าเขาตายไปโดยที่มีเรื่องใส่ร้ายติดตัวเช่นนี้ เช่นนั้นชื่อเสียงอันดีงามที่เขาสั่งสมมาโดยตลอดจะมิเสียหายไปหรือเพคะ?”เผยอวี้ฟังถึงตรงนี้ก็คุกเข่าตามลงไปพลางเอ่ยอย่างโกรธเคือง “กระหม่อมจงรักภักดีมาตลอดชีวิต ไม่มีทางทำเรื่องเช่นการลักลอบสมสู่กันเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ!”“ใต้เท้าวาง ใต้เท้าหลิน หากมุมมองทางการเมืองของเรามิตรงกันก็สื่อสารและเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ พวกท่านมาใส่ร้ายในเรื่องส่วนตัวของข้าตามแต่ใจเช่นนี้ ในภายภาคหน้าจะให้ข้านำทัพได้อย่างไร?”“ฝ่าบาท พระชายาองค์รัชทายาทตรัสได้ถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ เรื่องเช่นนี้มิสามารถปล่อยไว้ได้ มิเช่นนั้นในภายหน้าจะกลายเป็นความนิยมของสังคม มิว่าผู้ใดก็ใส่
“พวกท่านทำเช่นนี้มิกลัวว่าจะทำร้ายใจของพวกขุนนางและเหล่าทหารหรือ?”การบีบให้ตอบคำถามแบบที่แทบจะทรมานวิญญาณออกไปเหล่านี้ทำให้สีหน้าของไท่เฟยเส้าดูแย่ลงและองค์ชายคังกับใต้เท้าวางก็พูดมิออกหลิงอวี๋กับเผยอวี้ล้วนอยู่บนหลักของเหตุผล แต่สิ่งที่พวกของตนทำนั้นมิอาจนำออกมาแสดงให้เห็นได้เลยจริง ๆ แล้วจะโต้แย้งได้อย่างไร?เซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋เช็ดน้ำตาเช่นนั้นก็ปวดใจเป็นอย่างมากหลิงอวี๋ต้องทนทุกข์และเหนื่อยยากไปกับตนเพื่อให้ตนได้นั่งอยู่ในตำแหน่งมังกรอย่างมั่นคงพวกของไท่เฟยเส้าใส่ร้ายนางกับเผยอวี้เช่นนี้เพื่อที่จะตัดแขนตัดขาตน นี่ถือเป็นการยั่วยุและมิสนใจตนสีหน้าของเซียวหลินเทียนอึมครึมและมองไปทางท่านอ๋องเฉิงท่านอ๋องเฉิงปวดหัวกับเรื่องนี้ ตนสามารถจัดการกับองค์ชายคัง ใต้เท้าวางและใต้เท้าหลินได้โดยที่เขามิต้องพูดอะไรแต่กับไท่เฟยเส้า นางเป็นสตรีของจักรพรรดิสูงสุด หากตนไปจัดการนาง… เช่นนั้นคงมิดีกระมัง!“ท่านอ๋องเฉิง เมื่อครู่ตัวข้าบอกไว้เช่นไร? การใส่ร้ายพระชายาองค์รัชทายาทและแม่ทัพเผย หากได้รับการตรวจสอบจนรู้ความจริงว่ามิเป็นตามนั้นจะต้องรับโทษโบยสามสิบไม้!”เซียวหลินเทียนเห็นว่
ไทฮองไทเฮากับหลิงอวี๋ได้ยินว่า เซียวหลินเทียนจัดการไท่เฟยเส้าเช่นนี้ก็แอบขำอยู่ในใจองค์ชายคังที่ถูกโบยสามสิบไม้กลายเป็นห้าสิบไม้ การถูกโบยไปเช่นนี้ ชีวิตก็หายไปครึ่งหนึ่งแล้ว!ความเจ็บปวดในครั้งนี้มากพอที่จะทำให้เขามิสามารถออกมาก่อเรื่องไปได้อีกสักพักเลยทีเดียวฮูหยินวางกับฮูหยินหลินตกใจจนตัวสั่นอยู่นานแล้ว พวกนางต่างก็คุกเข่าอย่างหวาดกลัวอยู่กับที่มิกล้าขยับไปไหนไท่เฟยเส้า องค์ชายคังและสามีของตนล้วนถูกลงโทษกันหมด พวกนางหนีมิพ้นแล้วเป็นดังที่คาดไว้ หลังจากที่เซียวหลินเทียนจัดการกับไท่เฟยเส้าและองค์ชายคังแล้ว ก็หันกลับมาที่ทั้งสองคนพลางเอ่ยอย่างรังเกียจ “ตระกูลวางกับตระกูลหลินล้วนทำความผิดเดียวกันกับใต้เท้าวางและใต้เท้าหลิน ฉะนั้นก็รับการโบยสามสิบไม้! ลากตัวไปลงโทษ!”พวกแม่นมในวังต่างก้าวไปลากตัวของทั้งสองคน“ฝ่าบาททรงตัดสินอย่างปรีชาชาญ!”หลิงอวี๋กับเผยอวี้ได้ระบายความโกรธแล้วจึงคุกเข่าขอบคุณเซียวหลินเทียนทำตัวมิถูก เขารู้สึกว่าตนเป็นจักรพรรดิแล้วสิ่งนี้มิดี แค่ทำเรื่องเล็กน้อยให้พวกเขาก็ต้องได้รับคำขอบคุณที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้แล้วสิ่งนี้เป็นการแบ่งแยกอย่างเห็นได้ชัด!“พระช
ท่านอ๋องเฉิงขมวดคิ้วพลางเอ่ย “อาภรณ์ของเซียวทงยุ่งเหยิงไปหมด อิงจากที่เผยอวี้บอกมาคือ นางถูกสังหารมาก่อนแล้วจึงโยนเข้าไปในห้องของเผยอวี้ ข้าเองก็มิแน่ใจว่า อาภรณ์ของนางยุ่งเหยิงไปตอนที่นางต่อสู้ หรือว่ายุ่งเหยิงในตอนที่ถูกย้ายตัวมา!”หลิงอวี๋คิดแล้วก็ยิ้มเยาะพลางเอ่ย “ดูจากนิสัยของเซียวทงแล้ว หากถูกคนบีบคอเอาไว้ไม่มีทางที่จะมิต่อสู้ดิ้นรน!”“หากเป็นหม่อมฉัน ถ้าเกิดหม่อมฉันสู้มิไหวก็จะต้องทำร้ายเขาที่ใบหน้าทำให้เขามิอาจซ่อนได้!”เผยอวี้ได้ยินดังนั้นก็เอ่ย “ท่านอ๋องเฉิง พระชายาองค์รัชทายาทเอ่ยเรื่องนี้ก็ถูกพ่ะย่ะค่ะ ท่านไปตรวจดูที่มือของเซียวทงดูดี ๆ อีกทีเถิดพ่ะย่ะค่ะ โดยเฉพาะในเล็บว่ามีเบาะแสอะไรหลงเหลืออยู่หรือไม่!”ท่านอ๋องเฉิงมองหลิงอวี๋อย่างชื่นชม จากนั้นก็กลอกตาให้เผยอวี้ไปแล้วเอ่ย“ยามที่ข้าตรวจสอบคดีจะละเลยในเรื่องเหล่านี้ได้อย่างไรเล่า! เจ้าเด็กนี่ ลืมไปแล้วหรือว่าข้าเป็นใคร!”เผยอวี้จึงแย้มรอยยิ้มออกมา “พ่ะย่ะค่ะ ๆ… กระหม่อมลืมไปว่าท่านอ๋องเฉิงทรงเติบโตมากับกระทรวงยุติธรรมจะละเลยไปได้อย่างไรกัน!”ท่านอ๋องเฉิงจึงเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ข้าได้ตรวจสอบเล็บของเซียวทงไปแล้ว เล็บข
มีหมิ่นกูคอยดูแลอยู่ อาหารที่เย็นแล้วก็ถูกเอามาอุ่นร้อนและจัดใส่จานอย่างรวดเร็ว งานเลี้ยงจึงดำเนินไปได้อย่างราบรื่นไท่เฟยเส้าถูกลงโทษทั้งยังปวดใจที่ลูกชายตนถูกโบยห้าสิบไม้อีก นางจึงเดินทางกลับตำหนักของตนไปอย่างอารมณ์เสียเซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋ก็มิได้สนใจนางและมิได้ส่งคนไปเชิญนางด้วยถึงอย่างไรก็เสียหน้าทั้งขึ้นทั้งล่อง ไท่เฟยเส้ายังจะคิดอาศัยสถานะความเป็นผู้อาวุโสมาบีบตนได้อย่างไรอีก!หลิงอวี๋จึงเพียงแค่ให้ครัวหลวงนำอาหารไปให้ไท่เฟยเส้าที่ตำหนัก ส่วนนางจะกินหรือไม่นั้น หลิงอวี๋ขอเพียงมิตกเป็นขี้ปากผู้ใดก็พอแล้วหลังจากผ่านการแข่งขันในวันนี้ไป คำพูดที่ว่า ‘มารดาเมตตา บุตรจึงกตัญญู’ ของหลิงอวี๋ก็คงเพียงพอที่จะทำให้ไท่เฟยเส้าอยู่อย่างสงบไปสักระยะหนึ่งหากกล้าก่อเรื่องอีก หลิงอวี๋จะไม่มีทางเกรงใจนางอีกแน่นอนแค่เพียงเอ่ยประโยคเดียวให้ไท่เฟยเส้าไปกินเจสวดมนต์ให้จักรพรรดิสูงสุดที่ศาลบูรพกษัตริย์นางก็สามารถบังคับให้ส่งไท่เฟยเส้าไปได้พวกสตรีบรรดาศักดิ์และขุนนางที่ตามไปดูละครนั้นต่างก็เห็นภาพที่เซียวหลินเทียนปกป้องหลิงอวี๋อย่างแข็งกร้าวนั้นในใจของพวกเขาก็กังวลขึ้นมาทันที พระชายาอ
ก่อนจะไป หลิงอวี๋ให้หานเหมยเอาซองแดงมาปึกหนึ่งแล้วแจกเงินปีใหม่ให้ทุกคนผู้ดูแลและหัวหน้าทุกคนทั้งในครัวหลวงและในวังล้วนได้รับเงินปีใหม่กันทั้งหมด ทุกคนล้วนดีใจจนหุบยิ้มมิได้ มิคาดคิดเลยว่าเข้าวังมาตั้งหลายปีเช่นนี้จะได้รับเงินปีใหม่มิว่าเงินจะเป็นจำนวนเท่าใดก็เป็นน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ของพระชายาองค์รัชทายาท!กระทั่งหลิงอวี๋จัดการเรียบร้อยแล้วก็รีบไปที่พระตำหนักฝั่งตะวันออกที่เซียวเยวี่ยอาศัยอยู่ ยังมิทันได้เข้าไปก็เห็นว่าขันทีเหอกับขันทีน้อยเซี่ยยืนอยู่หน้าประตูครั้งที่แล้วตอนที่เกิดเหตุก่อกบฏในวังขันทีเซี่ยได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้เขาอยู่ในสถานะที่กึ่งเกษียณ จะรับหน้าที่ช่วยเซียวหลินเทียนอยู่ในห้องทรงพระอักษรเท่านั้นในเวลาปกติหน้าที่ดูแลจึงตกเป็นของขันทีเหอกับขันทีน้อยเซี่ยไป“พระชายาองค์รัชทายาท องค์จักรพรรดิอยู่ด้านในกับองค์รัชทายาทน้อยพ่ะย่ะค่ะ!”ขันทีน้อยเซี่ยเห็นว่าหลิงอวี๋มาแล้วก็เข้าไปทำความเคารพพลางเอ่ยรายงาน“ขันทีทั้งสองทำงานหนักทีเดียว!”หลิงอวี๋ยิ้มแล้วมอบซองแดงให้คนละหนึ่งซองแล้วจึงเดินเข้าไปภายในโถงใหญ่ เซียวหลินเทียนกับเซียวเยวี่ยกำลังนั่งหัวจุ่มกันอยู่ที่พร
วันแรกของปีใหม่ดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าพร้อมด้วยแสงอาทิตย์ที่สาดส่อง ทั่วทั้งวังหลวงล้วนอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์สีทองระยิบระยับนั้นช่างดูน่าเกรงขามและสง่างามอย่างยิ่งหลิงอวี๋ถูกนางกำนัลนับสิบคนเข้ามาดูแลตั้งแต่ฟ้ายังมิสว่าง นางอาบน้ำและเปลี่ยนเป็นชุดเครื่องแบบราชสำนักของฮองเฮาเสื้อคลุมสีแดงสดปักไหมแปดกลุ่ม เป็นงานปักที่มีความประณีตและเรียบร้อยมาก อีกทั้งลวดลายก็งดงามมาก ๆ ด้วยสร้อยคอราชสำนักลูกปัดสีแดงที่มีขนาดเท่ากันมงกุฎหงส์สีทองอร่ามที่เป็นรูปหงส์บินขึ้นฟ้าเก้าตัว ตรงกลางเป็นหงส์สีทองที่ตกแต่งด้วยทับทิม และด้านซ้ายและขวาก็ตกแต่งด้วยอัญมณีสีแดงและสีเขียวส่วนตรงมวยผมทั้งสองด้านจะสอดแทรกไปด้วยเส้นไหมสีทองด้านละหกเส้น และใส่ต่างหูที่ช่วยให้ทุกอย่างราบรื่นหนึ่งคู่ และในทุก ๆ ย่างก้าวก็จะเป็นก้าวที่มีความเปล่งประกายเป็นครั้งแรกที่หลิงอวี๋ได้แต่งตัวเช่นนี้ ใบหน้าที่สูงส่งงดงามนั้นได้แสดงให้เห็นถึงความน่าเกรงขามและสง่างามราวกับหงส์ของฮองเฮาออกมาเดิมทีนางก็งดงามอยู่แล้ว แต่เมื่อสวมใส่เครื่องแบบราชสำนักเช่นนี้ก็ทำให้พวกหลิงซวนรู้สึกว่าความงดงามมิได้อยู่ที่รูปลักษณ์แต่อยู่ที่บุคลิกต
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร
หลิงอวี๋ฟังแล้วก็อดอมยิ้มมิได้ เซียวหลินเทียนใช้คนตระกูลเก๋อมาจัดการชายาเจ้าแห่งทะเล กลอุบายนี้ช่างเด็ดขาดนักรถม้ามาถึงจวนเจ้าแห่งทะเล เมื่อหลิงอวี๋ลงจากรถก็มองไปยังคฤหาสน์หลังใหม่ที่กำลังก่อสร้างอีกครั้ง กำแพงล้อมรอบสร้างเสร็จแล้ว ดูจากขนาดแล้วใหญ่โตมากจริง ๆนางอดสงสัยมิได้ ข้างในมีเรือนบุหงาแบบเดียวกับตำหนักอ๋องอี้ของตนอย่างที่เถาจื่อบอกจริงหรือ?นางอยากเข้าไปดู อยากเห็นเหลือเกินว่าบ้านในอดีตของตนเป็นอย่างไร!“คุณหนูสิง เชิญ!”พ่อบ้านเว่ยเห็นหลิงอวี๋มองคฤหาสน์ฝั่งตรงข้ามก็ร้องเรียกอย่างมิอดทนหลิงอวี๋หันกลับมา เห็นประตูใหญ่หนาทึบของจวนเจ้าแห่งทะเลเปิดอ้าอยู่ ข้างในลานเรือนซับซ้อนลึกล้ำ มองสุดตามิเห็นปลายทางนี่คือที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายโดยแท้!หลิงอวี๋ลอบสูดหายใจลึก ๆ แล้วเดินเข้าไป“ปัง!”ประตูใหญ่หนาทึบปิดลงด้านหลังนางหลิงอวี๋มิได้หันกลับไปมอง เพราะนั่นจะดูมิสง่างามนางรอให้พ่อบ้านเว่ยนำทางอยู่ข้างหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินผิดทางแล้วถูกพ่อบ้านเว่ยหาเรื่องผิดพลาดมาตำหนิขณะเดียวกัน หลงเพ่ยเพ่ยก็ได้พาเย่หรงมุ่งหน้าไปยังวังหลวงแล้ว“อุบายนี้ของชายาเจ้าแห่งทะเลช่างร้า
จวนเจ้าแห่งทะเลตั้งอยู่ในย่านคหบดีและสูงศักดิ์ของเมืองหลวงแดนเทพ อันที่จริงอยู่ห่างจากคฤหาสน์อู่เพียงมิกี่ช่วงถนนเท่านั้นรถม้าวิ่งไปตามทางเรื่อย ๆ เถาจื่อพลันนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงกระซิบข้างหูหลิงอวี๋เบา ๆ“คุณหนู อีกประเดี๋ยวท่านจะเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่กำลังสร้างอยู่ตรงข้ามจวนเจ้าแห่งทะเล ที่นั่นฝ่าบาททรงสร้างให้ท่านเจ้าค่ะ!”“คราแรกที่พวกเรามาตามหาท่านในเมืองหลวงแดนเทพนั้นมิรู้ว่าจะต้องเสียเวลานานเท่าใด ฝ่าบาทจึงทรงให้สือหรงซื้อคฤหาสน์แถวนี้ไว้ล่วงหน้าแล้วรื้อสร้างใหม่ทั้งหมด!”“ฝ่าบาทตรัสว่า เจ้าแห่งทะเลคือบิดาของท่าน ในเมื่อเขามิยอมรับท่าน ฝ่าบาทก็จะทำให้เขาเห็นว่า ใช่ว่าท่านไม่มีบ้านเสียหน่อย แม้จวนเจ้าแห่งทะเลไม่มีที่ให้ท่าน ฝ่าบาทก็จะสร้างจวนหลังที่ใหญ่กว่าจวนเจ้าแห่งทะเลให้!”“คุณหนู ข้างในมีเรือนหลังหนึ่ง สร้างตามแบบเรือนบุหงาที่ตำหนักอ๋องอี้ในฉินตะวันตกของท่านไม่มีผิดเพี้ยน หากท่านได้เห็นจะต้องชอบอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยได้ยินเผยอวี้พูดถึงคฤหาสน์หลังใหม่ที่พวกเขาสร้างแล้ว ตอนนั้นยังรู้สึกแปลกใจว่าเซียวหลินเทียนคิดจะอยู่เมืองหลวงแดนเทพเป็นการถาวรหรืออย่
วิธีนี้ของหลิงอวี๋เป็นวิธีเดียวที่จะช่วยนางได้ในยามนี้ ด้วยเซียวหลินเทียนและคนอื่น ๆ ก็ยังคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้มิออกเย่หรงกล่าวขึ้นทันที “ข้าจะไปหาหลงเพ่ยเพ่ย บอกนางมิต้องมาแล้ว ให้เข้าวังไปทูลขอเข้าเฝ้าฮองเฮาได้เลย!”“พี่หญิงหลิงหลิง ท่านต้องยื้อจนกว่าพวกเราจะมาช่วยท่านให้ได้นะ!”พูดจบ เย่หรงก็รีบร้อนออกไปเก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋ด้วยสายตาซับซ้อน นางหวังให้หลิงอวี๋เข้าจวนเจ้าแห่งทะเลไปแล้วออกมามิได้แต่เรื่องนี้ก็พัวพันถึงความเป็นความตายของเซียวหลินเทียน นางมิอยากให้เซียวหลินเทียนต้องเกิดเรื่อง!ช่างขัดแย้งในใจเสียจริง!“อาอวี๋ เจ้าไปก่อนเถอะ... วางใจได้ ต่อให้ต้องก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ในเมืองหลวงแดนเทพ ข้าก็จะพาเจ้ากลับบ้านให้ได้!”เซียวหลินเทียนกล่าวอย่างหนักแน่นเขายังมีแผ่นป้ายไม้ที่ขันทีโม่ให้มา สามารถใช้ขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพฝ่ายซ้ายได้ เซียวหลินเทียนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะใช้แผ่นป้ายไม้นี้ช่วยหลิงอวี๋ขันทีโม่เคยบอกว่า เพียงอาศัยแผ่นป้ายไม้นี้ ก็สามารถทำให้แม่ทัพฝ่ายซ้ายช่วยตนทำเรื่องหนึ่งเรื่องได้หากแม่ทัพฝ่ายซ้ายสามารถช่วยคนได้เพียงคนเดียว เช่นนั้นเขาก็ยอมตายเ
เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างจนปัญญา นึกว่ามหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลกลับไปแล้วพวกตนจะรอดพ้นจากครั้งนี้ไปได้ คาดมิถึงว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะใช้ไม้นี้อีกภายนอกดูเหมือนเป็นการเชิญ แต่จริง ๆ แล้วจะปฏิเสธมิไปได้หรือ?เซียวหลินเทียนสามารถแสร้งป่วยได้ แต่หลิงอวี๋เพิ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลไปเมื่อครู่ ตอนนี้ย่อมมิอาจใช้การแสร้งป่วยมาหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว“บอกไปว่าคุณหนูสิงกำลังรักษาอาการป่วยให้ข้าอยู่ เดี๋ยวค่อยไป!”ในสถานการณ์กะทันหันเช่นนี้เซียวหลินเทียนทำได้เพียงถ่วงเวลาไปก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี“เผยอวี้ เจ้าส่งคนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยกับเจ้าแห่งทิศใต้ ให้หลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นเพื่อนอาอวี๋!”เป็นเรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เผยอวี้รีบให้คนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยทันทีหลิงอวี๋นิ่งเงียบ นั่งคิดอยู่ข้าง ๆเพื่อชิงหยกหล้าสุขาวดีกลับคืนมา ในเวลานั้นชายาเจ้าแห่งทะเลสามารถลงมืออำมหิตกับหลานฮุ่ยจวนที่กำลังตั้งครรภ์ได้ครั้งนี้นางส่งพ่อบ้านมาเชิญตนไปจวนเจ้าแห่งทะเล พูดไปพูดมาก็เพื่อหยกหล้าสุขาวดีบนตัวนางนั่นเองส่วนการที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาได้นั้นต้องใช้วิธีสลายโลหิตละลายกระดูก หรือว่าช
หลิงอวี๋เดินกลับเข้ามา และบังเอิญได้ยินคำพูดของเย่ซงเฉิงเข้าพอดี“พวกเราต้องเตรียมรับมือสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หากหวงฝู่หลินกลับไปแล้ว มิสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ถึงกาลนั้นใครจะมารับมือการแก้แค้นของฝูไห่ต่อตระกูลหลงและตระกูลอื่น ๆ อีกหลายตระกูลเล่า?”เจ้าแห่งทิศใต้มองไปยังเย่หรง และกล่าวเสียงเข้ม “เลี่ยวหงเสีย มารดาของเย่หรงอาจจะรู้วิธี!”“ปรมาจารย์เย่ ก่อนหน้านี้ข้าอยากจะพบเลี่ยวหงเสียเพื่อสอบถามสถานการณ์จึงไปที่คุกน้ำมา แต่ข้ากลับมิสามารถพบนางได้!”“คำกล่าวของท่านมีน้ำหนักเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อ บางทีท่านอาจจะสามารถทูลขอเสด็จพ่อให้ทรงอนุญาตท่านเข้าพบเลี่ยวหงเสียได้!”เย่ซงเฉิงขมวดคิ้ว “เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เช่นกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้พยักหน้า “แม่ทัพหลี่ผู้เฝ้าประตูบอกว่า นอกเสียจากจะมีพระราชโองการของมหาเทพ มิฉะนั้นก็มิอนุญาตให้ข้าพบเลี่ยวหงเสีย!”เย่ซงเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องนี้ข้าน้อยเคยทูลต่อเสด็จพ่อของท่านแล้ว เสด็จพ่อของท่านมิทรงยินยอม ความนับหน้าถือตาของตาเฒ่าผู้นี้ใช้มิได้ผลต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อของท่านแล้ว!”ทุกคนต่
หวงฝู่หลินมิรู้จักคนทั้งสองนี้เลย คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ตอนนั้นนอกจากพวกท่านกับตระกูลเฉียวแล้ว ก็มีคนของตระกูลจงเจิ้งที่เข้าไปในภูเขาหิมะ ข้ามิเห็นคนทั้งสองที่ท่านพูดถึงในภูเขาหิมะ!”“บางทีปี้ซงอาจจะเคยเห็น เดี๋ยวลองเรียกเขามาถามดู!”เผยอวี้จึงไปเรียกปี้ซงมาอีกครั้งปี้ซงอุ้มหวงฝู่หมิงจูเข้ามา หลิงอวี๋ก็รับนางมาอุ้มไว้เซียวหลินเทียนมองหวงฝู่หมิงจูกอดคอหลิงอวี๋ด้วยท่าทางสนิทสนม ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกมิถูกหวงฝู่หลินเล่าคำถามให้ปี้ซงฟังอีกครั้งปี้ซงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ชายชราผู้นั้นข้าพอจำได้ราง ๆ ตอนนั้นเขาเดินวนเวียนอยู่ในภูเขาหิมะอยู่หลายวัน ต่อมาก็จากไป ข้าคิดว่าเขาไม่มีอันตรายอะไรจึงมิได้ใส่ใจ!”“ส่วนแม่นมอู ข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางเลย มิเคยเห็นนางในภูเขาหิมะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ตลอด ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “อันที่จริงตอนนั้นที่ภูเขาหิมะ นอกจากพวกเราแล้ว น่าจะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง”“ข้าก็มาพบพวกนางหลังจากลงจากเขาแล้ว ตอนนั้นยังคิดว่าพวกนางแค่ผ่านทางมา แต่พอลองคิดดูตอนนี้ พวกนางต้องเคยไปภูเขาหิมะแน่นอน แม่นมอูน่าจะถูกพวกนางพาตัวไป!”“พวกเข
เมื่อฟังคำพูดของเย่ซงเฉิงจบ หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและเผยอวี้ก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน“เจ้าสำนักซิงหลัวเป็นสตรี! หรือว่านางคือตงกู่อวี้ที่กลับชาติมาเกิด?”หวงฝู่หลินก็นึกขึ้นได้ ตอนที่ทุกคนรุมล้อมโจมตีเจ้าสำนักซิงหลัว เผยอวี้ใช้กระบี่เดียวตัดเชือกรัดผมที่มัดผมของเจ้าสำนักซิงหลัวขาดตอนนั้นผมสลวยของนางสยายลงมาบดบังดวงตาของนางทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการรับมือ จึงมิทันได้คิดให้ลึกซึ้งเมื่อเย่ซงเฉิงพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงได้นึกถึงสภาพการณ์ในยามนั้นขึ้นมา“ตงกู่อวี้กลับชาติมาเกิดจริง ๆ หรือ?”ในฐานะลูกหลานตระกูลหลง เจ้าแห่งทิศใต้จะมิรู้ได้อย่างไรว่าในใต้หล้านี้มีวิชาลับเช่นนี้อยู่จริง ทันใดนั้นก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลซึมหลงจิ้งและหลงเพ่ยเพ่ยก็ตกใจเช่นกัน วรยุทธ์ของสตรีนางนั้นสูงส่งกว่ามหาปราชญ์เสียอีก แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามิเคยรู้มาก่อนเลยว่าสำนักซิงหลัวยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่“ท่านพ่อ ยามนั้นเจ้าวังหวงฝู่พร้อมด้วยท่านเซียวและพวกเราช่วยกันรุมล้อมโจมตีนางก็ยังมิสามารถสังหารนางได้ ลูกดูจากวรยุทธ์ของนางแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงท่านอาเจ้าแห่งทะเลเท่านั้นที่พอจะต่อกรกับนางได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวด้วย
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต