เดิมทีองค์ชายเว่ยควรที่จะสวมชุดเกราะนี้ไปต่อสู้สังหารกับศัตรู แต่คิดมิถึงเลยว่า เขาจะใส่ชุดเกราะนี้มาเพื่อชิงบัลลังก์!“เซียวหลินเยี่ยน นี่เจ้าคิดที่จะทำสิ่งใด?”น้ำเสียงของจักรพรรดิอู่อันมีความโกรธเกรี้ยว ชี้ไปที่องค์ชายเว่ยที่บุกเข้ามาพลางตวาด“ข้าปฏิบัติต่อเจ้าเป็นอย่างดี เจ้ายังกล้าที่จะทำเรื่องที่เป็นความผิดร้ายแรงเช่นนี้อีกรึ?”องค์ชายเว่ยมิพูดพร่ำทำเพลง เขาโบกมือแล้วองครักษ์หลายคนก็บุกเข้ามา พร้อมทั้งจ่อมีดไปที่คอของจักรพรรดิอู่อัน พระชายาเส้าและขันทีเซี่ย“เสด็จพ่อ ที่ลูกทำเช่นนี้ก็เพราะท่านบีบให้ลูกต้องทำ!”องค์ชายเว่ยมิเรียกอย่างสุภาพอีกแล้ว เขายกดาบขึ้นมาชี้หน้าจักรพรรดิอู่อันพลางตะคอก “ข้าเป็นลูกชายคนโตของท่าน แต่ท่านกลับรีรอมิแต่งตั้งข้าเป็นองค์รัชทายาทเสียที!”“เรื่องนี้มิเท่าไร แต่ท่านยังยอมให้คนสารเลวนี่บีบแม่ของข้าให้ไปอยู่ในตำหนักเย็นอีก!”“เช่นนั้นต่อไปจะเป็นผู้ใดเล่า? เป็นข้าไง!”“ทั้งเงินและอำนาจของข้าล้วนถูกท่านกีดกันไว้หมดแล้ว หากยังมิทำสิ่งใดอีก หรือจะต้องให้ผู้อื่นมาฆ่าแกงไปจริง ๆ?”องค์ชายยิ่งตะโกนก็ยิ่งน้อยใจ เขายิ้มร้ายพลางเดินเข้ามา “เสด็จพ่อ ข้าจ
แน่นอนว่าองค์ชายเว่ยมิใช่คนที่พ่ายแพ้แล้วจะผลุนผลันหนีไป!เขาถอยออกจากห้องทรงพระอักษรแล้วก็ตะโกนขึ้นมา “พลธนูเตรียมตัว...”ทันใดนั้น พลธนูกลุ่มหนึ่งก็ยกธนูเล็งที่ประตูและหน้าต่างของห้องทรงพระอักษรเซียวหลินเทียนเตะร่างขององครักษ์ที่ตายแล้วออกไป และทันใดนั้นเองก็มีลูกธนูนับมิถ้วนปักมาที่ร่างนั้นนับว่าปฏิกิริยาของพลธนูเหล่านั้นมีความรวดเร็วมาก!แต่นี่ก็หมายความว่ามิสามารถบุกออกไปทางประตูได้เลย!องค์ชายเว่ยตะโกนใส่องค์ชายหนิงอย่างโกรธเกรี้ยว “เจ้าบอกว่าควบคุมเซียวหลินเทียนไว้แล้วมิใช่รึ? แล้วเขามาอยู่ที่นี่ได้เยี่ยงไร?”เดิมทีองค์ชายเว่ยมิได้อยากกระทำการใหญ่โตถึงเพียงนี้ แต่ตอนนี้ถูกบีบจนต้องมีการสังหารในวังแล้ว!“จะต้องเกิดเหตุมิคาดคิดแน่นอน!”องค์ชายหนิงเอ่ยอย่างสงบ “แต่เรื่องนี้ก็มิถือว่าเสียเรื่อง เซียวหลินเทียนยังจะสามารถหนีพ้นไปจากเงื้อมมือของพวกเราได้อีกรึ?”“ฆ่าพวกเขาเสีย แล้วโยนความผิดฐานปิตุฆาตให้เซียวหลินเทียน ก็ได้แล้วกระมัง!”แม้ว่าองค์ชายหนิงจะบอกเช่นนี้ แต่ในใจก็ค่อนข้างมิสบายใจเซียวหลินเทียนมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้ก็พิสูจน์แล้วว่า เขาแก้พิษกู่ได้แล้ว อีกทั้งยัง
แม้ว่าเซียวหลินเทียนจะพูดมิมาก แต่ข้อความที่สื่อออกมาทำให้จักรพรรดิอู่อันรู้สึกอบอุ่นใจนี่เซียวหลินเทียนเป็นห่วงว่า หากตนเดินนำหน้าแล้วองค์หญิงใหญ่รู้ว่ามีทางลับนี้ ตนจะประสบอันตรายเป็นคนแรกหรือ!“ไป!”จักรพรรดิอู่อันกึ่งอุ้มกึ่งพยุงพระชายาเส้าเดินตามลงไป องครักษ์เองก็ตามเข้าไปด้วยเช่นกันจักรพรรดิอู่อันหันหลังไปแล้วเอ่ย “ขันทีเซี่ย ปากทางทางลับมีปุ่มกดอยู่ เจ้าปิดประตูเสีย! หากเราปิดประตูจากทางด้านใน พวกเขาจะเปิดจากด้านนอกมิได้!”“พ่ะย่ะค่ะ!”ขันทีเซี่ยรีบตามลงไปแล้วปิดประตูไปเลยเซียวหลินเทียนเดินนำหน้าไป เขาก้าวเร็วราวกับจะบิน คิดแค่จะรีบไปรวมตัวกับหลิงอวี๋ภายในเส้นทางใต้ดินมีการเปิดใช้งานกลไกขึ้น ตะเกียงที่สว่างทั้งกลางวันกลางคืนส่องสว่างขึ้นมาอีกอย่าง อากาศในทางใต้ดินนี้นอกจากกลิ่นแปลก ๆ เล็กน้อยแล้วก็มิอับชื้น!ผู้ที่สร้างเส้นทางลับนี้ให้จักรพรรดิสูงสุดในตอนนั้นจะต้องเป็นปรมาจารย์แน่นอนหลังจากเดินไปได้ประมาณสองร้อยกว่าเมตรก็ยังมิเจอปลายทาง เซียวหลินเทียนจึงค่อนข้างประหลาดใจ ทางใต้ดินนี้สร้างไปจนถึงสถานที่ใดกันแน่?“เสด็จพ่อ เราจะเดินไปถึงสถานที่ใดพ่ะย่ะค่ะ?”เซีย
ที่ตำหนักเหยียนฝูของไทเฮาในเวลานี้องค์หญิงใหญ่ได้พาทหารบุกเข้ามา ในระหว่างทางเหล่านางกำนัลและขันทีที่หลบมิทันต่างก็ถูกคนขององค์หญิงใหญ่สังหารไปอย่างโหดเหี้ยมแล้วองค์หญิงใหญ่มองเลือดที่สาดกระเซ็นเหล่านั้นโดยที่มิแม้แต่จะกะพริบตาด้วยซ้ำแม้ว่านางจะมิได้ใส่ชุดเกราะ แต่ก็ใส่ชุดขี่ม้าสีแดงที่ดูกล้าหาญ และที่เอวก็มีดาบยาวเหน็บอยู่ สวมเสื้อคลุมสีดำขลิบทองแล้วเดินนำหน้ากลุ่มไปอย่างยืดอกเชิดหน้าเมื่อไทเฮารู้ข่าว ก็กำลังจะพาพวกของหลิงอวี๋กับแม่นมเว่ยออกไปจากตำหนักเหยียนฝู แต่กลับเห็นองค์หญิงใหญ่เดินเข้ามาด้วยท่าทีวางอำนาจเช่นนี้แล้ว“หึ ท่าทางกล้าหาญเช่นนี้ของเฉาฮุ่ยคงจะคล้ายกับข้าในตอนนั้นเลยกระมัง!”ไทเฮามิได้ตกใจเลยแม้แต่น้อย นางยิ้มพลางหันไปเอ่ยถามแม่นมเว่ยแม่นมเว่ยดวงตาเปียกชื้น นางเสียใจแทนไทเฮานางเลี้ยงดูลูกสาวมา แต่กลับเอาใจออกห่างแล้วพาคนมาสังหารไทเฮาเช่นนี้นางอยู่ข้างกายไทเฮามายาวนานที่สุด เข้าใจบุญคุณและความแค้นระหว่างพวกนางมากที่สุด นางรู้ว่าภายนอกไทเฮายิ้มแย้ม แต่ในใจกำลังหลั่งเลือดอยู่!“องค์หญิงใหญ่ เหตุใดท่านจึงทำเช่นนี้เพคะ?”แม่นมเว่ยเอ่ยอย่างเศร้าเสียใจ “ไทเฮา
มีคนจำนวนมากถึงเพียงนี้แอบซุ่มอยู่ในตำหนักของไทเฮา แต่ทางด้านเว่ยเฉิงกลับมิรู้ข่าวใด ๆ เลย นี่มันเป็นไปได้หรือ?หรือว่าองค์ชายเว่ยกับเว่ยเฉิงแอบจัดการตน ให้ตนเป็นแพะรับบาปแทน?องค์หญิงใหญ่แอบครุ่นคิด ทว่ามาถึงขั้นนี้แล้ว ในเมื่อตัดสินใจไปแล้วจะถอยกลับคงมิได้ นางทำได้เพียงแค่ต้องเดินหน้าต่อ“สังหาร สังหารให้หมด!”องค์หญิงใหญ่ตะคอกด้วยความโกรธ จากนั้นก็ยกดาบขึ้นมาฟันไปที่นางกำนัลต่ำต้อยที่ตื่นตูมจนวิ่งพล่านไปทั่วเลือดสด ๆ กระเซ็นไปทั่วทุกทาง ทั้งยังกระเซ็นไปที่ใบหน้าขององค์หญิงใหญ่ด้วย ความดุร้ายและกระหายเลือดที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าที่คล้ายไทเฮาของนางทำให้หลิงอวี๋กับไทเฮาต่างก็ส่ายหน้าอย่างทอดถอนใจหลิงอวี๋คุ้มกันไทเฮาให้ถอยหลังไป แล้วก็เห็นกองทัพหลวงที่ราชองครักษ์ผางมาพาไปต่อสู้กับคนขององค์หญิงใหญ่อย่างกล้าหาญทหารกองทัพหลวงผู้หนึ่งถูกมือสังหารใช้ดาบตัดหัวออกไป ไทเฮาเห็นภาพนั้นก็ทั้งโกรธทั้งปวดใจ“เอาดาบของข้ามา ข้าจะสังหารนางด้วยมือของข้าเอง!”ไทเฮาขมวดคิ้วด้วยความโกรธ พลางตะคอกเสียงแข็ง“ไทเฮา ไทเฮามิใช่วัยเยาว์แล้วนะเพคะ… อย่าได้ทุ่มเทกายใจเช่นนี้เลยเพคะ!”แม่นมเว่ยมีหรือจะย
ทางด้านอันเจ๋อกับเผยอวี้ก็ประสบกับความกดดันเช่นกัน จักรพรรดิอู่อันส่งให้พวกเขาไปเฝ้าที่หอมองจันทร์ เพื่อมิให้องค์หญิงใหญ่มาช่วยหงเลี่ยงออกไปได้อย่างราบรื่นที่ตัวของหงเลี่ยงยังมีความลับอีกมากมายที่ยังมิได้ถูกขุดออกมา จักรพรรดิอู่อันมิสามารถปล่อยเสือเข้าป่าไปได้เมื่อเฮ่อหรงกับองค์หญิงใหญ่เข้าวังมาก็แบ่งทหารออกไปเป็นสองทาง เขาพาสายลับของค่ายกองทหารเสือบุกไปช่วยหงเลี่ยงอันเจ๋อกับเผยอวี้ทำตามแผนการก็คือ หากสู้มิไหวก็จงใจให้คนของเฮ่อหรงบุกเข้าไปหงเลี่ยงถูกย้ายตัวไปอย่างลับ ๆ นานแล้ว คนของเฮ่อหรงเพิ่งจะบุกเข้าไปก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติทันที กระทั่งจะถอยออกมาก็มีประตูเหล็กร่วงลงมาจากหลังคาแล้วขังพวกเขาไว้ในหอมองจันทร์“หนีไปไหนมิรอดแล้ว!”อันเจ๋อยิ้มอย่างภาคภูมิใจ แต่ยังมิทันได้ยิ้มอย่างเต็มที่ เฮ่อหรงที่อยู่ข้างนอกก็หันมาแล้วมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมกับใบหน้าที่สวมหน้ากากเขี้ยวทองสำริด“พวกเจ้าตามหาเจ้าของหอเหยี่ยวราตรีมิใช่หรือ? ข้านี่แหละ!”เฮ่อหรงยิ้มชั่วร้ายแล้วยกดาบขึ้นมาแทงอันเจ๋ออันเจ๋อเห็นท่าทางที่โหดร้ายของเฮ่อหรงจึงรีบหลบหนีอย่างรวดเร็วแต่วรยุทธของเฮ่อหรงนั้นเหน
เฮ่อหรงมองสตรีผู้โง่เขลาที่พุ่งเข้ามาหาตนพร้อมกับฟันและกรงเล็บ แล้วในหัวเขาก็มีความคิดในแบบเดียวกับอันเจ๋อเลยสตรีผู้นี้สมองมีปัญหาใช่หรือไม่?เขายกดาบขึ้นมาอย่างมิรีบร้อนรอให้เจียงอวี้พุ่งเข้ามา แล้วจะหั่นนางให้เป็นสองท่อนในดาบเดียว...“ยายโง่...”อันเจ๋อมีหรือจะทนมองเจียงอวี้ตายไปเช่นนี้ได้ เขายันพื้นอย่างแรงแล้วใช้แรงนั้นเหวี่ยงร่างตัวเองกลับไปแต่ก็มิทันเสียแล้ว เขาเห็นเจียงอวี้เข้าปะทะดาบของเฮ่อหรงโดยตรงเลย...ในขณะที่กำลังจะเห็นเลือดโชกเต็มพื้น กลับได้ยินเสียงเฮ่อหรงตะคอกออกมาอย่างโมโห“สารเลว เจ้ากล้าลอบกัดข้า...”เฮ่อหรงยกดาบฟันไปที่เจียงอวี้อย่างดุร้าย แต่เจียงอวี้ก็อาศัยความว่องไวหลบหนีได้แต่เมื่อเฮ่อหรงโบกมืออีกข้างหนึ่ง เจียงอวี้ก็มิสามารถหลบได้แล้วจึงถูกเฮ่อหรงฟาดเข้าที่หลังเต็มฝ่ามือจนกระเด็นออกไปและบังเอิญพุ่งไปชนเข้าที่ตัวของอันเจ๋อพอดีอันเจ๋อถูกน้ำหนักของนางกระแทกกลับลงไปที่พื้น เขาจึงกอดเจียงอวี้ไว้โดยสัญชาตญาณแล้วใบหน้าของทั้งสองก็กระแทกกันเจียงอวี้กระแทกจมูกของอันเจ๋อเจ็บราวกับว่ามันหักไปแล้วยังมิทันที่เขาจะส่งเสียงร้องออกมาก็รู้สึกได้ว่า เลือดในปา
“มิใช่ข้าสังหาร… เจียงอวี้ต่างหาก!”อันเจ๋อไม่มีทางแย่งเอาความดีความชอบที่มิใช่ของตนมาหรอก เขาเอ่ยอย่างร้อนใจ “เจียงอวี้ถูกเฮ่อหรงทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส พวกเรารีบจัดการมือสังหารเหล่านี้แล้วพาเจียงอวี้ไปให้หลิงอวี๋ช่วยรักษากันเถอะ!”ดูจากอาการของเจียงอวี้แล้วมิรู้เลยว่าจะยังทนได้นานเท่าใด!อันเจ๋อรู้เพียงว่า ยิ่งเขาจัดการมือสังหารเหล่านี้ได้เร็ว ก็จะสามารถเพิ่มความหวังที่เจียงอวี้จะมีชีวิตอยู่ต่อได้มากขึ้น!เขาทุ่มสุดตัว การดำเนินการทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการกระทำที่เสี่ยงตายมากการทุ่มสุดตัวอย่างโหดร้ายโดยที่มิสนใจสิ่งใดทำให้เผยอวี้เหลือบมองอย่างค่อนข้างประหลาดใจ ยิ่งมิต้องพูดถึงมือสังหารเหล่านั้นเลย!เมื่อเห็นว่า อันเจ๋อมีตาสีแดงและต่อให้มีร่องรอยดาบอยู่บนตัวก็พุ่งเข้าไปอย่างมิคิดชีวิตเช่นนั้น มือสังหารเหล่านั้นก็ล้วนหวาดกลัวและค่อย ๆ หลบการโจมตีของเขาไปและเมื่อมีการช่วยสกัดกั้นของขันทีโม่ มือสังหารเหล่านี้ก็พ่ายแพ้ไปเรื่อย ๆ จนเตลิดกันไปหมด.........ณ ตำหนักอ๋องอี้ขุนนางเหล่านั้นต่างมิรู้ว่าในวังเกิดเรื่องอะไรขึ้น พวกเขาต่างกำลังชมการไหว้ฟ้าดินของท่านอ๋องอี้กับฉินรั่วซือกันอยู่
เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างจนปัญญา นึกว่ามหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลกลับไปแล้วพวกตนจะรอดพ้นจากครั้งนี้ไปได้ คาดมิถึงว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะใช้ไม้นี้อีกภายนอกดูเหมือนเป็นการเชิญ แต่จริง ๆ แล้วจะปฏิเสธมิไปได้หรือ?เซียวหลินเทียนสามารถแสร้งป่วยได้ แต่หลิงอวี๋เพิ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลไปเมื่อครู่ ตอนนี้ย่อมมิอาจใช้การแสร้งป่วยมาหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว“บอกไปว่าคุณหนูสิงกำลังรักษาอาการป่วยให้ข้าอยู่ เดี๋ยวค่อยไป!”ในสถานการณ์กะทันหันเช่นนี้เซียวหลินเทียนทำได้เพียงถ่วงเวลาไปก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี“เผยอวี้ เจ้าส่งคนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยกับเจ้าแห่งทิศใต้ ให้หลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นเพื่อนอาอวี๋!”เป็นเรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เผยอวี้รีบให้คนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยทันทีหลิงอวี๋นิ่งเงียบ นั่งคิดอยู่ข้าง ๆเพื่อชิงหยกหล้าสุขาวดีกลับคืนมา ในเวลานั้นชายาเจ้าแห่งทะเลสามารถลงมืออำมหิตกับหลานฮุ่ยจวนที่กำลังตั้งครรภ์ได้ครั้งนี้นางส่งพ่อบ้านมาเชิญตนไปจวนเจ้าแห่งทะเล พูดไปพูดมาก็เพื่อหยกหล้าสุขาวดีบนตัวนางนั่นเองส่วนการที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาได้นั้นต้องใช้วิธีสลายโลหิตละลายกระดูก หรือว่าช
หลิงอวี๋เดินกลับเข้ามา และบังเอิญได้ยินคำพูดของเย่ซงเฉิงเข้าพอดี“พวกเราต้องเตรียมรับมือสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หากหวงฝู่หลินกลับไปแล้ว มิสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ถึงกาลนั้นใครจะมารับมือการแก้แค้นของฝูไห่ต่อตระกูลหลงและตระกูลอื่น ๆ อีกหลายตระกูลเล่า?”เจ้าแห่งทิศใต้มองไปยังเย่หรง และกล่าวเสียงเข้ม “เลี่ยวหงเสีย มารดาของเย่หรงอาจจะรู้วิธี!”“ปรมาจารย์เย่ ก่อนหน้านี้ข้าอยากจะพบเลี่ยวหงเสียเพื่อสอบถามสถานการณ์จึงไปที่คุกน้ำมา แต่ข้ากลับมิสามารถพบนางได้!”“คำกล่าวของท่านมีน้ำหนักเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อ บางทีท่านอาจจะสามารถทูลขอเสด็จพ่อให้ทรงอนุญาตท่านเข้าพบเลี่ยวหงเสียได้!”เย่ซงเฉิงขมวดคิ้ว “เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เช่นกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้พยักหน้า “แม่ทัพหลี่ผู้เฝ้าประตูบอกว่า นอกเสียจากจะมีพระราชโองการของมหาเทพ มิฉะนั้นก็มิอนุญาตให้ข้าพบเลี่ยวหงเสีย!”เย่ซงเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องนี้ข้าน้อยเคยทูลต่อเสด็จพ่อของท่านแล้ว เสด็จพ่อของท่านมิทรงยินยอม ความนับหน้าถือตาของตาเฒ่าผู้นี้ใช้มิได้ผลต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อของท่านแล้ว!”ทุกคนต่
หวงฝู่หลินมิรู้จักคนทั้งสองนี้เลย คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ตอนนั้นนอกจากพวกท่านกับตระกูลเฉียวแล้ว ก็มีคนของตระกูลจงเจิ้งที่เข้าไปในภูเขาหิมะ ข้ามิเห็นคนทั้งสองที่ท่านพูดถึงในภูเขาหิมะ!”“บางทีปี้ซงอาจจะเคยเห็น เดี๋ยวลองเรียกเขามาถามดู!”เผยอวี้จึงไปเรียกปี้ซงมาอีกครั้งปี้ซงอุ้มหวงฝู่หมิงจูเข้ามา หลิงอวี๋ก็รับนางมาอุ้มไว้เซียวหลินเทียนมองหวงฝู่หมิงจูกอดคอหลิงอวี๋ด้วยท่าทางสนิทสนม ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกมิถูกหวงฝู่หลินเล่าคำถามให้ปี้ซงฟังอีกครั้งปี้ซงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ชายชราผู้นั้นข้าพอจำได้ราง ๆ ตอนนั้นเขาเดินวนเวียนอยู่ในภูเขาหิมะอยู่หลายวัน ต่อมาก็จากไป ข้าคิดว่าเขาไม่มีอันตรายอะไรจึงมิได้ใส่ใจ!”“ส่วนแม่นมอู ข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางเลย มิเคยเห็นนางในภูเขาหิมะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ตลอด ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “อันที่จริงตอนนั้นที่ภูเขาหิมะ นอกจากพวกเราแล้ว น่าจะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง”“ข้าก็มาพบพวกนางหลังจากลงจากเขาแล้ว ตอนนั้นยังคิดว่าพวกนางแค่ผ่านทางมา แต่พอลองคิดดูตอนนี้ พวกนางต้องเคยไปภูเขาหิมะแน่นอน แม่นมอูน่าจะถูกพวกนางพาตัวไป!”“พวกเข
เมื่อฟังคำพูดของเย่ซงเฉิงจบ หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและเผยอวี้ก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน“เจ้าสำนักซิงหลัวเป็นสตรี! หรือว่านางคือตงกู่อวี้ที่กลับชาติมาเกิด?”หวงฝู่หลินก็นึกขึ้นได้ ตอนที่ทุกคนรุมล้อมโจมตีเจ้าสำนักซิงหลัว เผยอวี้ใช้กระบี่เดียวตัดเชือกรัดผมที่มัดผมของเจ้าสำนักซิงหลัวขาดตอนนั้นผมสลวยของนางสยายลงมาบดบังดวงตาของนางทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการรับมือ จึงมิทันได้คิดให้ลึกซึ้งเมื่อเย่ซงเฉิงพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงได้นึกถึงสภาพการณ์ในยามนั้นขึ้นมา“ตงกู่อวี้กลับชาติมาเกิดจริง ๆ หรือ?”ในฐานะลูกหลานตระกูลหลง เจ้าแห่งทิศใต้จะมิรู้ได้อย่างไรว่าในใต้หล้านี้มีวิชาลับเช่นนี้อยู่จริง ทันใดนั้นก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลซึมหลงจิ้งและหลงเพ่ยเพ่ยก็ตกใจเช่นกัน วรยุทธ์ของสตรีนางนั้นสูงส่งกว่ามหาปราชญ์เสียอีก แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามิเคยรู้มาก่อนเลยว่าสำนักซิงหลัวยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่“ท่านพ่อ ยามนั้นเจ้าวังหวงฝู่พร้อมด้วยท่านเซียวและพวกเราช่วยกันรุมล้อมโจมตีนางก็ยังมิสามารถสังหารนางได้ ลูกดูจากวรยุทธ์ของนางแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงท่านอาเจ้าแห่งทะเลเท่านั้นที่พอจะต่อกรกับนางได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวด้วย
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต
มหาปราชญ์มองไปยังเจ้าแห่งทะเลอย่างมิยินยอม เจ้าแห่งทะเลกล่าวเสียงเข้ม “คนเขามิยอมรับวิธีการรักษาของท่าน ก็ให้พวกเขาไปหาคนที่เก่งกว่านี้เถอะ!”“อย่าให้เป็นเพราะบุตรบุญธรรมคนเดียวต้องมาทำให้ความเป็นพี่น้องของพวกเราต้องบาดหมางกัน!”เจ้าแห่งทะเลพูดจบก็นำหน้าเดินออกไปท่าทีของเจ้าแห่งทิศใต้เช่นนี้ชัดเจนว่า หากพวกเขามิยอมถอยก็จะใช้กำลัง เจ้าแห่งทะเลยังมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในตอนนี้ ทำได้เพียงยอมถอยไปก่อนชั่วคราวเท่านั้นวิธีนี้ใช้มิได้ผล เช่นนั้นก็ค่อยเปลี่ยนวิธีใหม่“มิขอส่ง!”เจ้าแห่งทิศใต้กล่าวด้วยสีหน้าท่าทีฟึดฟัดใส่เจ้าแห่งทะเล เป็นการแสดงออกถึงความมิพอใจของตนเผยอวี้และฉินซานก็มองส่งมหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลอย่างโกรธเคืองเช่นกันเก๋อเฟิ่งฉิงรีบวิ่งไปยังเงาร่างที่ขดตัวอยู่ในความมืดนั้น“พี่ใหญ่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? บาดเจ็บตรงไหน?”“คุณหนูสิง เจ้าก็รู้ดีอยู่แล้วว่าพี่ใหญ่ข้าใช้กำลังภายในมิได้ เหตุใดจึงคิดวิธีการเช่นนี้ออกมา นี่มิเท่ากับทำร้ายพี่ใหญ่ข้าหรอกหรือ?”เก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋อย่างตำหนิหลิงอวี๋เดินเข้ามา พลางร้องเรียก “ลู่หนาน เปิดม่าน!”“หรงเกอเอ๋อร์ เจ้าบ
“อ๊าว อ๊าว...”มหาปราชญ์ได้ยินเสียงกระแทกอย่างบ้าคลั่งดังขึ้นในห้องอีกครั้ง เขาซัดฝ่ามือออกไปยังทิศทางต้นเสียง ทว่าร่างนั้นกลับจู่โจมเข้ามาหาเขาแทนมหาปราชญ์กลัวว่าจะถูกคว้ามือได้อีกจึงรีบถอยหลังไป แต่ในห้องเต็มไปด้วยเครื่องเรือนที่ถูกทำลายเสียหาย เท้าของเขาสะดุดเข้าจนล้มลงกับพื้นเกือบจะพร้อมกันนั้น ดวงตาสีแดงคู่นั้นก็พุ่งเข้าใส่ร่างตน อ้าปากกัดเข้าที่ลำคอของเขาซี๊ด!มหาปราชญ์เจ็บปวดจนใช้มือข้างหนึ่งบีบเข้าที่ลำคอเขา หมายจะบีบกระดูกคอให้แหลกแต่ร่างนั้นกลับดิ้นหลุดพรวดไปเหมือนปลาไหล พุ่งหลบไปไกลหลายเมตรในพริบตา เก็บเศษไม้จากเครื่องเรือนที่แตกหักขว้างปาใส่มหาปราชญ์ดังโครมคราม“มหาปราชญ์ ท่านรีบออกมาเร็ว! ระวังพี่ชายข้าทำร้ายท่าน!”เผยอวี้กังวลมากกว่าว่ามหาปราชญ์จะทำร้ายเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนใช้กำลังภายในมิได้ หากถูกทำให้ลำบากเช่นนี้ เซียวหลินเทียนจะต้องตายแน่เก๋อเฟิ่งฉิงก็รู้สึกเช่นเดียวกัน จึงกล่าวอย่างร้อนรน “ท่านน้าเขย ท่านออกมาเถิดเจ้าค่ะ ท่านอย่าทำร้ายเขาเลย!”“เขามิได้ตั้งใจโจมตีท่าน ตอนนี้เขาสิ้นสติไปแล้ว ท่านอย่าถือสาเขาเลย!”มหาปราชญ์เกิดจิตสังหารขึ้นแล้ว
สุนัขบ้ากัดคน นั่นมิใช่โรคพิษสุนัขบ้าหรอกหรือ?เจ้าแห่งทะเลและมหาปราชญ์ต่างก็รู้จักโรคนี้ ว่ากันว่าเป็นโรคที่รักษามิหาย เมื่อกำเริบก็จะเหมือนสุนัขบ้า สิ้นสติโดยสิ้นเชิง เห็นคนก็จะกัด เมื่อถึงระยะสุดท้ายก็จะเน่าเปื่อยทั้งร่างจนตายหลิงอวี๋หาข้ออ้างนี้ให้เซียวหลินเทียน ครึ่งหนึ่งเป็นเพราะรู้สึกว่าโรคนี้สามารถทำให้เจ้าแห่งทะเลและมหาปราชญ์ตกใจกลัวจนมิกล้าเข้าใกล้เซียวหลินเทียนได้อีกครึ่งหนึ่งก็เป็นความตั้งใจล้วน ๆ เป็นวิธีระบายอารมณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่หลิงอวี๋มิพอใจความสัมพันธ์ในฐานะคู่หมั้นคู่หมายของเก๋อเฟิ่งฉิงและเซียวหลินเทียนหลิงอวี๋พูดพลางสำรวจมองเจ้าแห่งทะเลสิ่งที่ทำให้หลิงอวี๋รู้สึกมิสบายใจอยู่บ้างคือ ตนกลับมีหน้าตาคล้ายคลึงกับเจ้าแห่งทะเลอยู่หลายส่วน เจ้าแห่งทะเลผู้นี้คือบิดาของนางจริง ๆ!ส่วนเจ้าแห่งทะเลก็ตั้งใจมองหลิงอวี๋เป็นพิเศษเช่นกันมหาปราชญ์บอกว่าสิงอวี๋ก็คือหลิงอวี๋ บุตรีของหลานฮุ่ยจวน และก็เป็นบุตรีของตนด้วยเจ้าแห่งทะเลมิได้ขาดแคลนบุตรธิดา เมื่อเห็นใบหน้าที่ธรรมดามิโดดเด่นของหลิงอวี๋ ในใจก็รู้สึกผิดหวังอยู่บ้างเขามิได้มาเพื่อยอมรับบุตรสาว จึงเปลี่ยนความสนใจไปท
เจ้าแห่งทิศใต้กล่าวอย่างเจ็บปวดใจนัก “เจ้าสิบเอ็ด พวกเราพี่น้องล้วนเป็นคนตระกูลหลง แม้ปกติจะมิลงรอยกันบ้าง แต่ก็ล้วนเป็นเรื่องหยุมหยิม สามารถหัวเราะแล้วปล่อยผ่านไปได้!”“ทว่าหากมหาปราชญ์และสำนักซิงหลัวลงมือ นั่นก็คือวันล่มสลายของตระกูลหลง เจ้าสิบเอ็ด เจ้าต้องการให้ลูกหลานตระกูลหลงถูกมหาปราชญ์และสำนักซิงหลัวกำจัดจนสิ้นซากจริง ๆ หรือ?”เมื่อเช้าเจ้าแห่งทะเลไปเข้าร่วมประชุมราชสำนัก เห็นตระกูลเหล่านั้นร่วมกันฟ้องร้องมหาปราชญ์และสำนักซิงหลัว จึงได้รู้ว่ามหาปราชญ์แอบทำอะไรลับหลังตนบ้างเขาแอบนึกเสียใจที่ตนวู่วามไป ฟังคำพูดฝ่ายเดียวของมหาปราชญ์ก็ให้รองแม่ทัพของตนนำทหารไปล้อมคฤหาสน์อู่เสียแล้วแต่เสียใจก็ส่วนเสียใจ เจ้าแห่งทะเลคิดว่า มหาปราชญ์บอกว่าเซียวหลินเทียนมีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์สองชิ้นคือกระบี่คุนอู๋และเสือปีกกาฬ จึงมิได้รู้สึกเสียใจมากนักที่ส่งทหารไปล้อมคฤหาสน์อู่เรื่องที่มหาปราชญ์หลอกใช้ตน บัญชีนี้ค่อยไปสะสางกับเขาทีหลัง เรื่องเร่งด่วนที่สุดในยามนี้คือ การยืนยันว่าเสี่ยวอู่ผู้นี้คือเซียวหลินเทียน และต้องยึดเอามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองชิ้นในมือเขามาให้ได้ส่วนเรื่องขี้ผึ้งหอมเส