เฮ่อหรงมองสตรีผู้โง่เขลาที่พุ่งเข้ามาหาตนพร้อมกับฟันและกรงเล็บ แล้วในหัวเขาก็มีความคิดในแบบเดียวกับอันเจ๋อเลยสตรีผู้นี้สมองมีปัญหาใช่หรือไม่?เขายกดาบขึ้นมาอย่างมิรีบร้อนรอให้เจียงอวี้พุ่งเข้ามา แล้วจะหั่นนางให้เป็นสองท่อนในดาบเดียว...“ยายโง่...”อันเจ๋อมีหรือจะทนมองเจียงอวี้ตายไปเช่นนี้ได้ เขายันพื้นอย่างแรงแล้วใช้แรงนั้นเหวี่ยงร่างตัวเองกลับไปแต่ก็มิทันเสียแล้ว เขาเห็นเจียงอวี้เข้าปะทะดาบของเฮ่อหรงโดยตรงเลย...ในขณะที่กำลังจะเห็นเลือดโชกเต็มพื้น กลับได้ยินเสียงเฮ่อหรงตะคอกออกมาอย่างโมโห“สารเลว เจ้ากล้าลอบกัดข้า...”เฮ่อหรงยกดาบฟันไปที่เจียงอวี้อย่างดุร้าย แต่เจียงอวี้ก็อาศัยความว่องไวหลบหนีได้แต่เมื่อเฮ่อหรงโบกมืออีกข้างหนึ่ง เจียงอวี้ก็มิสามารถหลบได้แล้วจึงถูกเฮ่อหรงฟาดเข้าที่หลังเต็มฝ่ามือจนกระเด็นออกไปและบังเอิญพุ่งไปชนเข้าที่ตัวของอันเจ๋อพอดีอันเจ๋อถูกน้ำหนักของนางกระแทกกลับลงไปที่พื้น เขาจึงกอดเจียงอวี้ไว้โดยสัญชาตญาณแล้วใบหน้าของทั้งสองก็กระแทกกันเจียงอวี้กระแทกจมูกของอันเจ๋อเจ็บราวกับว่ามันหักไปแล้วยังมิทันที่เขาจะส่งเสียงร้องออกมาก็รู้สึกได้ว่า เลือดในปา
“มิใช่ข้าสังหาร… เจียงอวี้ต่างหาก!”อันเจ๋อไม่มีทางแย่งเอาความดีความชอบที่มิใช่ของตนมาหรอก เขาเอ่ยอย่างร้อนใจ “เจียงอวี้ถูกเฮ่อหรงทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส พวกเรารีบจัดการมือสังหารเหล่านี้แล้วพาเจียงอวี้ไปให้หลิงอวี๋ช่วยรักษากันเถอะ!”ดูจากอาการของเจียงอวี้แล้วมิรู้เลยว่าจะยังทนได้นานเท่าใด!อันเจ๋อรู้เพียงว่า ยิ่งเขาจัดการมือสังหารเหล่านี้ได้เร็ว ก็จะสามารถเพิ่มความหวังที่เจียงอวี้จะมีชีวิตอยู่ต่อได้มากขึ้น!เขาทุ่มสุดตัว การดำเนินการทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการกระทำที่เสี่ยงตายมากการทุ่มสุดตัวอย่างโหดร้ายโดยที่มิสนใจสิ่งใดทำให้เผยอวี้เหลือบมองอย่างค่อนข้างประหลาดใจ ยิ่งมิต้องพูดถึงมือสังหารเหล่านั้นเลย!เมื่อเห็นว่า อันเจ๋อมีตาสีแดงและต่อให้มีร่องรอยดาบอยู่บนตัวก็พุ่งเข้าไปอย่างมิคิดชีวิตเช่นนั้น มือสังหารเหล่านั้นก็ล้วนหวาดกลัวและค่อย ๆ หลบการโจมตีของเขาไปและเมื่อมีการช่วยสกัดกั้นของขันทีโม่ มือสังหารเหล่านี้ก็พ่ายแพ้ไปเรื่อย ๆ จนเตลิดกันไปหมด.........ณ ตำหนักอ๋องอี้ขุนนางเหล่านั้นต่างมิรู้ว่าในวังเกิดเรื่องอะไรขึ้น พวกเขาต่างกำลังชมการไหว้ฟ้าดินของท่านอ๋องอี้กับฉินรั่วซือกันอยู่
แต่บุรุษผู้นั้นคว้าเข้าที่คอของนางอย่างรวดเร็ว“อื้อ… อื้อ… ช่วยด้วย...”เซียวทงดิ้นรนและส่งเสียงร้องออกมาอย่างสิ้นหวัง แต่เสียงความวุ่นวายข้างนอกนั้นดังมากจึงไม่มีผู้ใดได้ยินเลยในแววตาของบุรุษผู้นั้นฉายแววดูถูกและรังเกียจออกมา เขาหยิบยาออกมาจากในอ้อมแขนแล้วยัดเข้าปากเซียวทงหลังจากเห็นกับตาแล้วว่าเซียวทงกลืนมันลงไป บุรุษผู้นั้นก็ปล่อยเซียวทงแล้วหันหลังเดินออกไปเซียวทงทรุดลงกับพื้น นางมิสนใจสิ่งใดแล้วยื่นมือไปล้วงคอตนเอง นางมิอยากตายไปเช่นนี้!แต่ล้วงคออยู่สักพัก ก็ไม่มีสิ่งใดเลยนอกจากที่อาเจียนออกมาบุรุษผู้นั้นคือใครกัน?เขาป้อนสิ่งใดให้ตนเองกันแน่?เซียวทงกอดเข่าซุกตัวอยู่ที่มุมกำแพงอย่างสิ้นหวัง“องค์หญิงหก… องค์หญิงหก!”เสียงเถาลี่ตะโกนมาจากด้านนอกเซียวทงได้ยินแล้วแต่มิอยากตอบกลับเถาลี่เป็นคู่หูของตนตั้งแต่เข้าวัง และพยายามอย่างหนักที่จะเอาใจตนมาโดยตลอด!เซียวทงรู้สึกรังเกียจเถาลี่กับตนอายุเท่า ๆ กัน แต่กลับคิดที่จะเป็นนางสนมของเสด็จพ่อ คนที่คอยเอาใจผู้มีอำนาจเช่นนางก็สมควรตายแล้ว!ทางที่ดีที่สุดคือเถาลี่ควรจะถูกมือสังหารสังหารไปเสีย เช่นนี้จะได้มิต้องให้นางลง
ที่ทางลับในวังจักรพรรดิอู่อันเห็นว่าเซียวหลินเทียนหยุดเดินก็รู้สึกกังวลขึ้นมา“เทียนเอ๋อร์ มีการซุ่มโจมตีใช่หรือไม่?”เซียวหลินเทียนพึมพำ เมื่อได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยออกไป “ด้านบนมีเสียงการต่อสู้พ่ะย่ะค่ะ! อยู่ด้านหน้ามิไกลนี้เอง!”จักรพรรดิอู่อันพยักหน้า “ทางออกอยู่แถว ๆ นี้เอง พวกเราระวังกันหน่อย!”“พวกท่านรอก่อน ลูกจะไปดูสักหน่อย!”เซียวหลินเทียนเดินหน้าต่อไป มินานก็เห็นแสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาเขาวิ่งตามแสงอาทิตย์ไป เมื่อมองขึ้นไปก็เห็นว่า ด้านบนมีกระดานระบายอากาศอยู่ แล้วแสงอาทิตย์จำนวนมากก็ส่องผ่านกระดานระบายอากาศลงมาเซียวหลินเทียนยื่นมือไปผลักกระดานระบายอากาศนั้นแล้วก็ปรากฏเป็นปากทางออกเขาดันกระดานระบายอากาศไปด้านข้างอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ดันตัวขึ้นไปบนพื้นดินทางออกของทางลับนี้อยู่ในสวนดอกไม้ด้านนอกพระตำหนักเหยียนฝูของไทเฮา ทางลับจะมีภูเขาเทียมปกปิดเอาไว้ ดูจากด้านนอกมิสามารถคิดได้เลยว่าข้างในเป็นทางลับเซียวหลินเทียนชะโงกหน้ามองด้านนอกแล้วก็เห็นว่าเสียงการต่อสู้นั้นดังมาจากทางพระตำหนักเหยียนฝู“เสด็จพ่อ ขึ้นมาได้เลยพ่ะย่ะค่ะ ปลอดภัย!”เซียวหลินเทียนยื่นมือลงไปดึ
จักรพรรดิอู่อันเหลือบมองพระชายาเส้า พลางเอ่ยอย่างคลุมเครือ“หึ การเปลี่ยนแปลงในวังวันนี้ก็คือกระจกส่องปีศาจ ส่องให้พวกภูตผีปีศาจปรากฏเป็นร่างเดิม...”หลังจากพูดจบ จักรพรรดิอู่อันก็มิสนใจว่าพระชายาเส้าจะเข้าใจคำพูดของตนเองหรือไม่ จึงเอ่ยกับเซียวหลินเทียน “เราร่วมแรงกันฝ่าเข้าไปรวมตัวกับพวกของไทเฮาเถอะ!”“จะให้พวกภูตผีปีศาจประสบความสำเร็จในวันนี้มิได้!”“พ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนสู้ไปยิ้มไปพลางเอ่ย “ลูกคิดว่า ชีวิตนี้จะไม่มีโอกาสได้ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเสด็จพ่ออีกแล้ว ไหนเลยจะคิดว่าฝันจะกลายเป็นจริง! แต่การต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ที่ลูกหวังมันคือการต่อสู้ที่สนามรบที่แท้จริง มิใช่ในบ้านของเราเอง...”จักรพรรดิอู่อันเข้าใจในสิ่งที่เซียวหลินเทียนพูดออกมาเมื่อก่อนเซียวหลินเทียนกับจักรพรรดิอู่อันเคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมา เพียงแต่หลังจากที่เซียวหลินเทียนขาพิการไปก็มิสามารถนำทัพได้อีกตอนนี้ขาหายดีแล้ว แต่ไหนเลยจะคิดว่า พ่อลูกได้ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันอีกครั้งจะเป็นการต่อสู้ภายในกับคนกันเอง!จักรพรรดิอู่อันเกิดความรู้สึกมากมายผสมปนเปกันอยู่ ยามตกทุกข์ได้ยากจึงจะพบเห็นความ
เซี่ยโฮ่วตานรั่วได้ยินดังนั้นก็ยืนนิ่งแล้วมองไปทางหลิงอวี๋อย่างเยาะเย้ย พลางตะโกนออกไป“หลิงอวี๋ เจ้าคุกเข่าขอร้องข้าสิ! แล้วข้าจะช่วยเจ้าขอร้ององค์ชายเว่ยกับองค์หญิงใหญ่ให้!“ต่อไปเจ้าก็มาคอยรินน้ำชาเป็นนางรับใช้ให้ข้าก็พอแล้ว!”“ส่วนเซียวหลินเทียน ก็ให้ละทิ้งวรยุทธไป จากนั้นก็ไปเป็นขันทีคอยรับใช้องค์ชายเว่ยแล้วกัน!”เซี่ยโฮ่วตานรั่วนึกถึงการไร้ความรู้สึกที่เซียวหลินเทียนมีต่อตนก็ไม่มีความรักต่อเขาแล้วแม้แต่น้อย นางจึงคิดเพียงแต่จะจัดการพวกเขาและทำให้พวกเขาอับอายอย่างหนัก! “เซี่ยโฮ่วตานรั่ว เจ้าดูที่ท้องฟ้าเถอะ พระอาทิตย์ยังมิตกดินเลย เหตุใดเจ้าจึงเพ้อฝันเสียแล้วเล่า!”หลิงอวี๋เห็นว่า คนของตนลดลงไปทีละนิด และทหารกองหนุนก็ยังมิมา นางก็ร้อนใจเป็นอย่างมากเผยอวี้กับอันเจ๋อจะต้องถูกถ่วงเวลาไว้เป็นแน่ นางมิอาจฝากความหวังไว้ที่ทหารกองหนุนได้แล้วเช่นนั้นจะทำอย่างไรดีเล่า?หลิงอวี๋เหลือบมององค์หญิงใหญ่แล้วจู่ ๆ ก็ใจเต้นขึ้นมา จึงเอ่ยออกไป“องค์หญิงใหญ่ เจ้าเห็นว่าทางพวกเรามีการซุ่มโจมตีอยู่ เจ้ามิกังวลหรือว่าทางด้านเฮ่อหรงจะเจอซุ่มโจมตีบ้าง?”“ขอบอกเจ้าอย่างมิกลัวเลยแล้วกัน ทางด้
“ไม่… ข้าไม่มีทางยอมแพ้เช่นนี้!”องค์ชายเว่ยตะโกนขึ้นมา แล้วตะคอกใส่องค์หญิงใหญ่อย่างสิ้นหวังทั้งโมโห “องค์หญิงใหญ่ ท่านรู้หรือไม่ว่าผลที่เปลี่ยนเป็นความพ่ายแพ้คืออะไร?”“คือพวกเราล้วนต้องตายด้วยดาบของเสด็จพ่อ!”“หากเราร่วมแรงร่วมใจกันชิงบัลลังก์นี้ ชัยชนะจะต้องเป็นของพวกเรา...”ยังมิทันที่องค์ชายเว่ยจะพูดจบ ดาบของขันทีโม่ก็เหวี่ยงมาทางเขาแล้ว องค์ชายเว่ยจึงตกใจคว้าเอาองครักษ์ผู้หนึ่งมาบังตนเอาไว้องครักษ์ผู้นั้นถูกดาบของขันทีโม่บั่นออกเป็นสองท่อนทันที เลือดสดร้อน ๆ สาดไปที่หัวและใบหน้าขององค์ชายเว่ยเต็ม ๆองค์ชายเว่ยมององครักษ์ที่ตัวขาดออกเป็นสองท่อนต่อหน้าต่อตาด้วยดวงตาที่เบิกโพลง!สถานการณ์ที่นองเลือดและน่าสะพรึงกลัวนี้ทำให้องค์ชายเว่ยตกใจจนเกือบจะปัสสาวะราด มือเท้าของเขาล่าถอยไปข้างหลังทันที และคว้าเอาตัวองครักษ์มาบังหน้าตนไว้มิหยุดองครักษ์กองทัพหลวงที่เหลือองค์ชายเว่ยล้วนตกตะลึงกับความเห็นแก่ตัวที่ไร้ยางอายขององค์ชายเว่ย แล้วก็ต่างพากันหลบไปอยู่ไกล ๆยังมิทันจะทำสำเร็จองค์ชายเว่ยก็ไร้ความปรานีเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นต่อไปจะรองรับพวกเขาได้หรือ?องครักษ์บางส่วนใจหนาวเหน็บขึ้น
เซียวหลินเทียนหันกลับไปมองก็เห็นว่าไทเฮากับหลิงอวี๋พาทหารพุ่งไปถึงตรงหน้าจักรพรรดิอู่อันแล้ว เขาจึงวางใจแล้วถือกระบี่ไล่ตามไปองค์ชายและองค์หญิงจากฉีตะวันออกสองคนนี้ยุยงให้เกิดการกบฏในฉินตะวันตก คราวนี้จะมิให้พวกเขาชดใช้ได้เยี่ยงไร!องค์ชายหนิงกับเซี่ยโฮ่วตานรั่วมิได้เงียบสงบเช่นก่อนหน้านี้แล้ว ตั้งแต่ที่องค์ชายหนิงเห็นเซียวหลินเทียนในวังก็มีลางสังหรณ์มิดีแล้วแต่เขาก็ยังคงโชคดีอยู่บ้างเมื่อนึกถึงว่า องค์ชายเว่ยกับองค์หญิงใหญ่มีเส้นสายยอดฝีมืออยู่มิน้อย อีกทั้งยังมีความร่วมมือกันของค่ายกองทหารเสือกับหอเหยี่ยวราตรีอีก ต่อให้เซียวหลินเทียนอยู่ก็ต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจเยอะมากที่จะยึดวังไว้ไหนเลยจะคิดว่าองค์ชายเว่ยกับองค์หญิงใหญ่จะมิสามารถทำให้สำเร็จได้ กอปรกับที่มีปรมาจารย์เช่นขันทีโม่อีก การชิงบัลลังก์คราวนี้ สุดท้ายแล้วก็ต้องพ่ายแพ้ไปเขาทำได้เพียงเลือกเดินในเส้นทางสุดท้าย รีบออกจากวังหลวงในทันที แล้วรีบพาคนของตนออกไปจากเมืองหลวง หนีกลับฉีตะวันออกไปเสียแต่หนีไปได้มิไกลเท่าใด ก็ได้ยินเสียงเยาะเย้ยของเซียวหลินเทียนมาจากด้านหลัง“องค์ชายหนิง การหนีหัวซุกหัวซุนดูมิคล้ายรูปแบบของเจ้
เผยอวี้และคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันอย่างจนปัญญา นึกว่ามหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลกลับไปแล้วพวกตนจะรอดพ้นจากครั้งนี้ไปได้ คาดมิถึงว่าชายาเจ้าแห่งทะเลจะใช้ไม้นี้อีกภายนอกดูเหมือนเป็นการเชิญ แต่จริง ๆ แล้วจะปฏิเสธมิไปได้หรือ?เซียวหลินเทียนสามารถแสร้งป่วยได้ แต่หลิงอวี๋เพิ่งจะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าแห่งทะเลไปเมื่อครู่ ตอนนี้ย่อมมิอาจใช้การแสร้งป่วยมาหลีกเลี่ยงได้อีกแล้ว“บอกไปว่าคุณหนูสิงกำลังรักษาอาการป่วยให้ข้าอยู่ เดี๋ยวค่อยไป!”ในสถานการณ์กะทันหันเช่นนี้เซียวหลินเทียนทำได้เพียงถ่วงเวลาไปก่อนแล้วค่อยคิดหาวิธี“เผยอวี้ เจ้าส่งคนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยกับเจ้าแห่งทิศใต้ ให้หลงเพ่ยเพ่ยไปเป็นเพื่อนอาอวี๋!”เป็นเรื่องความเป็นความตายของหลิงอวี๋ เผยอวี้รีบให้คนไปแจ้งหลงเพ่ยเพ่ยทันทีหลิงอวี๋นิ่งเงียบ นั่งคิดอยู่ข้าง ๆเพื่อชิงหยกหล้าสุขาวดีกลับคืนมา ในเวลานั้นชายาเจ้าแห่งทะเลสามารถลงมืออำมหิตกับหลานฮุ่ยจวนที่กำลังตั้งครรภ์ได้ครั้งนี้นางส่งพ่อบ้านมาเชิญตนไปจวนเจ้าแห่งทะเล พูดไปพูดมาก็เพื่อหยกหล้าสุขาวดีบนตัวนางนั่นเองส่วนการที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาได้นั้นต้องใช้วิธีสลายโลหิตละลายกระดูก หรือว่าช
หลิงอวี๋เดินกลับเข้ามา และบังเอิญได้ยินคำพูดของเย่ซงเฉิงเข้าพอดี“พวกเราต้องเตรียมรับมือสำหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด หากหวงฝู่หลินกลับไปแล้ว มิสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ถึงกาลนั้นใครจะมารับมือการแก้แค้นของฝูไห่ต่อตระกูลหลงและตระกูลอื่น ๆ อีกหลายตระกูลเล่า?”เจ้าแห่งทิศใต้มองไปยังเย่หรง และกล่าวเสียงเข้ม “เลี่ยวหงเสีย มารดาของเย่หรงอาจจะรู้วิธี!”“ปรมาจารย์เย่ ก่อนหน้านี้ข้าอยากจะพบเลี่ยวหงเสียเพื่อสอบถามสถานการณ์จึงไปที่คุกน้ำมา แต่ข้ากลับมิสามารถพบนางได้!”“คำกล่าวของท่านมีน้ำหนักเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อ บางทีท่านอาจจะสามารถทูลขอเสด็จพ่อให้ทรงอนุญาตท่านเข้าพบเลี่ยวหงเสียได้!”เย่ซงเฉิงขมวดคิ้ว “เจ้าแห่งทิศใต้ก็มิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เช่นกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้พยักหน้า “แม่ทัพหลี่ผู้เฝ้าประตูบอกว่า นอกเสียจากจะมีพระราชโองการของมหาเทพ มิฉะนั้นก็มิอนุญาตให้ข้าพบเลี่ยวหงเสีย!”เย่ซงเฉิงยิ้มอย่างขมขื่น “เรื่องนี้ข้าน้อยเคยทูลต่อเสด็จพ่อของท่านแล้ว เสด็จพ่อของท่านมิทรงยินยอม ความนับหน้าถือตาของตาเฒ่าผู้นี้ใช้มิได้ผลต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อของท่านแล้ว!”ทุกคนต่
หวงฝู่หลินมิรู้จักคนทั้งสองนี้เลย คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ตอนนั้นนอกจากพวกท่านกับตระกูลเฉียวแล้ว ก็มีคนของตระกูลจงเจิ้งที่เข้าไปในภูเขาหิมะ ข้ามิเห็นคนทั้งสองที่ท่านพูดถึงในภูเขาหิมะ!”“บางทีปี้ซงอาจจะเคยเห็น เดี๋ยวลองเรียกเขามาถามดู!”เผยอวี้จึงไปเรียกปี้ซงมาอีกครั้งปี้ซงอุ้มหวงฝู่หมิงจูเข้ามา หลิงอวี๋ก็รับนางมาอุ้มไว้เซียวหลินเทียนมองหวงฝู่หมิงจูกอดคอหลิงอวี๋ด้วยท่าทางสนิทสนม ในใจรู้สึกซับซ้อนอย่างบอกมิถูกหวงฝู่หลินเล่าคำถามให้ปี้ซงฟังอีกครั้งปี้ซงคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ชายชราผู้นั้นข้าพอจำได้ราง ๆ ตอนนั้นเขาเดินวนเวียนอยู่ในภูเขาหิมะอยู่หลายวัน ต่อมาก็จากไป ข้าคิดว่าเขาไม่มีอันตรายอะไรจึงมิได้ใส่ใจ!”“ส่วนแม่นมอู ข้าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางเลย มิเคยเห็นนางในภูเขาหิมะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงยืนฟังอยู่ข้าง ๆ ตลอด ได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “อันที่จริงตอนนั้นที่ภูเขาหิมะ นอกจากพวกเราแล้ว น่าจะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่ง”“ข้าก็มาพบพวกนางหลังจากลงจากเขาแล้ว ตอนนั้นยังคิดว่าพวกนางแค่ผ่านทางมา แต่พอลองคิดดูตอนนี้ พวกนางต้องเคยไปภูเขาหิมะแน่นอน แม่นมอูน่าจะถูกพวกนางพาตัวไป!”“พวกเข
เมื่อฟังคำพูดของเย่ซงเฉิงจบ หลิงอวี๋ หลงเพ่ยเพ่ยและเผยอวี้ก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกัน“เจ้าสำนักซิงหลัวเป็นสตรี! หรือว่านางคือตงกู่อวี้ที่กลับชาติมาเกิด?”หวงฝู่หลินก็นึกขึ้นได้ ตอนที่ทุกคนรุมล้อมโจมตีเจ้าสำนักซิงหลัว เผยอวี้ใช้กระบี่เดียวตัดเชือกรัดผมที่มัดผมของเจ้าสำนักซิงหลัวขาดตอนนั้นผมสลวยของนางสยายลงมาบดบังดวงตาของนางทุกคนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการรับมือ จึงมิทันได้คิดให้ลึกซึ้งเมื่อเย่ซงเฉิงพูดเช่นนี้ ทุกคนจึงได้นึกถึงสภาพการณ์ในยามนั้นขึ้นมา“ตงกู่อวี้กลับชาติมาเกิดจริง ๆ หรือ?”ในฐานะลูกหลานตระกูลหลง เจ้าแห่งทิศใต้จะมิรู้ได้อย่างไรว่าในใต้หล้านี้มีวิชาลับเช่นนี้อยู่จริง ทันใดนั้นก็ตกใจจนเหงื่อเย็นไหลซึมหลงจิ้งและหลงเพ่ยเพ่ยก็ตกใจเช่นกัน วรยุทธ์ของสตรีนางนั้นสูงส่งกว่ามหาปราชญ์เสียอีก แต่ก่อนหน้านี้พวกเขามิเคยรู้มาก่อนเลยว่าสำนักซิงหลัวยังมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่“ท่านพ่อ ยามนั้นเจ้าวังหวงฝู่พร้อมด้วยท่านเซียวและพวกเราช่วยกันรุมล้อมโจมตีนางก็ยังมิสามารถสังหารนางได้ ลูกดูจากวรยุทธ์ของนางแล้ว เกรงว่าจะมีเพียงท่านอาเจ้าแห่งทะเลเท่านั้นที่พอจะต่อกรกับนางได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวด้วย
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต
มหาปราชญ์มองไปยังเจ้าแห่งทะเลอย่างมิยินยอม เจ้าแห่งทะเลกล่าวเสียงเข้ม “คนเขามิยอมรับวิธีการรักษาของท่าน ก็ให้พวกเขาไปหาคนที่เก่งกว่านี้เถอะ!”“อย่าให้เป็นเพราะบุตรบุญธรรมคนเดียวต้องมาทำให้ความเป็นพี่น้องของพวกเราต้องบาดหมางกัน!”เจ้าแห่งทะเลพูดจบก็นำหน้าเดินออกไปท่าทีของเจ้าแห่งทิศใต้เช่นนี้ชัดเจนว่า หากพวกเขามิยอมถอยก็จะใช้กำลัง เจ้าแห่งทะเลยังมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในตอนนี้ ทำได้เพียงยอมถอยไปก่อนชั่วคราวเท่านั้นวิธีนี้ใช้มิได้ผล เช่นนั้นก็ค่อยเปลี่ยนวิธีใหม่“มิขอส่ง!”เจ้าแห่งทิศใต้กล่าวด้วยสีหน้าท่าทีฟึดฟัดใส่เจ้าแห่งทะเล เป็นการแสดงออกถึงความมิพอใจของตนเผยอวี้และฉินซานก็มองส่งมหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลอย่างโกรธเคืองเช่นกันเก๋อเฟิ่งฉิงรีบวิ่งไปยังเงาร่างที่ขดตัวอยู่ในความมืดนั้น“พี่ใหญ่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? บาดเจ็บตรงไหน?”“คุณหนูสิง เจ้าก็รู้ดีอยู่แล้วว่าพี่ใหญ่ข้าใช้กำลังภายในมิได้ เหตุใดจึงคิดวิธีการเช่นนี้ออกมา นี่มิเท่ากับทำร้ายพี่ใหญ่ข้าหรอกหรือ?”เก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋อย่างตำหนิหลิงอวี๋เดินเข้ามา พลางร้องเรียก “ลู่หนาน เปิดม่าน!”“หรงเกอเอ๋อร์ เจ้าบ
“อ๊าว อ๊าว...”มหาปราชญ์ได้ยินเสียงกระแทกอย่างบ้าคลั่งดังขึ้นในห้องอีกครั้ง เขาซัดฝ่ามือออกไปยังทิศทางต้นเสียง ทว่าร่างนั้นกลับจู่โจมเข้ามาหาเขาแทนมหาปราชญ์กลัวว่าจะถูกคว้ามือได้อีกจึงรีบถอยหลังไป แต่ในห้องเต็มไปด้วยเครื่องเรือนที่ถูกทำลายเสียหาย เท้าของเขาสะดุดเข้าจนล้มลงกับพื้นเกือบจะพร้อมกันนั้น ดวงตาสีแดงคู่นั้นก็พุ่งเข้าใส่ร่างตน อ้าปากกัดเข้าที่ลำคอของเขาซี๊ด!มหาปราชญ์เจ็บปวดจนใช้มือข้างหนึ่งบีบเข้าที่ลำคอเขา หมายจะบีบกระดูกคอให้แหลกแต่ร่างนั้นกลับดิ้นหลุดพรวดไปเหมือนปลาไหล พุ่งหลบไปไกลหลายเมตรในพริบตา เก็บเศษไม้จากเครื่องเรือนที่แตกหักขว้างปาใส่มหาปราชญ์ดังโครมคราม“มหาปราชญ์ ท่านรีบออกมาเร็ว! ระวังพี่ชายข้าทำร้ายท่าน!”เผยอวี้กังวลมากกว่าว่ามหาปราชญ์จะทำร้ายเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนใช้กำลังภายในมิได้ หากถูกทำให้ลำบากเช่นนี้ เซียวหลินเทียนจะต้องตายแน่เก๋อเฟิ่งฉิงก็รู้สึกเช่นเดียวกัน จึงกล่าวอย่างร้อนรน “ท่านน้าเขย ท่านออกมาเถิดเจ้าค่ะ ท่านอย่าทำร้ายเขาเลย!”“เขามิได้ตั้งใจโจมตีท่าน ตอนนี้เขาสิ้นสติไปแล้ว ท่านอย่าถือสาเขาเลย!”มหาปราชญ์เกิดจิตสังหารขึ้นแล้ว
สุนัขบ้ากัดคน นั่นมิใช่โรคพิษสุนัขบ้าหรอกหรือ?เจ้าแห่งทะเลและมหาปราชญ์ต่างก็รู้จักโรคนี้ ว่ากันว่าเป็นโรคที่รักษามิหาย เมื่อกำเริบก็จะเหมือนสุนัขบ้า สิ้นสติโดยสิ้นเชิง เห็นคนก็จะกัด เมื่อถึงระยะสุดท้ายก็จะเน่าเปื่อยทั้งร่างจนตายหลิงอวี๋หาข้ออ้างนี้ให้เซียวหลินเทียน ครึ่งหนึ่งเป็นเพราะรู้สึกว่าโรคนี้สามารถทำให้เจ้าแห่งทะเลและมหาปราชญ์ตกใจกลัวจนมิกล้าเข้าใกล้เซียวหลินเทียนได้อีกครึ่งหนึ่งก็เป็นความตั้งใจล้วน ๆ เป็นวิธีระบายอารมณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่หลิงอวี๋มิพอใจความสัมพันธ์ในฐานะคู่หมั้นคู่หมายของเก๋อเฟิ่งฉิงและเซียวหลินเทียนหลิงอวี๋พูดพลางสำรวจมองเจ้าแห่งทะเลสิ่งที่ทำให้หลิงอวี๋รู้สึกมิสบายใจอยู่บ้างคือ ตนกลับมีหน้าตาคล้ายคลึงกับเจ้าแห่งทะเลอยู่หลายส่วน เจ้าแห่งทะเลผู้นี้คือบิดาของนางจริง ๆ!ส่วนเจ้าแห่งทะเลก็ตั้งใจมองหลิงอวี๋เป็นพิเศษเช่นกันมหาปราชญ์บอกว่าสิงอวี๋ก็คือหลิงอวี๋ บุตรีของหลานฮุ่ยจวน และก็เป็นบุตรีของตนด้วยเจ้าแห่งทะเลมิได้ขาดแคลนบุตรธิดา เมื่อเห็นใบหน้าที่ธรรมดามิโดดเด่นของหลิงอวี๋ ในใจก็รู้สึกผิดหวังอยู่บ้างเขามิได้มาเพื่อยอมรับบุตรสาว จึงเปลี่ยนความสนใจไปท
เจ้าแห่งทิศใต้กล่าวอย่างเจ็บปวดใจนัก “เจ้าสิบเอ็ด พวกเราพี่น้องล้วนเป็นคนตระกูลหลง แม้ปกติจะมิลงรอยกันบ้าง แต่ก็ล้วนเป็นเรื่องหยุมหยิม สามารถหัวเราะแล้วปล่อยผ่านไปได้!”“ทว่าหากมหาปราชญ์และสำนักซิงหลัวลงมือ นั่นก็คือวันล่มสลายของตระกูลหลง เจ้าสิบเอ็ด เจ้าต้องการให้ลูกหลานตระกูลหลงถูกมหาปราชญ์และสำนักซิงหลัวกำจัดจนสิ้นซากจริง ๆ หรือ?”เมื่อเช้าเจ้าแห่งทะเลไปเข้าร่วมประชุมราชสำนัก เห็นตระกูลเหล่านั้นร่วมกันฟ้องร้องมหาปราชญ์และสำนักซิงหลัว จึงได้รู้ว่ามหาปราชญ์แอบทำอะไรลับหลังตนบ้างเขาแอบนึกเสียใจที่ตนวู่วามไป ฟังคำพูดฝ่ายเดียวของมหาปราชญ์ก็ให้รองแม่ทัพของตนนำทหารไปล้อมคฤหาสน์อู่เสียแล้วแต่เสียใจก็ส่วนเสียใจ เจ้าแห่งทะเลคิดว่า มหาปราชญ์บอกว่าเซียวหลินเทียนมีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์สองชิ้นคือกระบี่คุนอู๋และเสือปีกกาฬ จึงมิได้รู้สึกเสียใจมากนักที่ส่งทหารไปล้อมคฤหาสน์อู่เรื่องที่มหาปราชญ์หลอกใช้ตน บัญชีนี้ค่อยไปสะสางกับเขาทีหลัง เรื่องเร่งด่วนที่สุดในยามนี้คือ การยืนยันว่าเสี่ยวอู่ผู้นี้คือเซียวหลินเทียน และต้องยึดเอามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองชิ้นในมือเขามาให้ได้ส่วนเรื่องขี้ผึ้งหอมเส