เฮ่อหรงมองสตรีผู้โง่เขลาที่พุ่งเข้ามาหาตนพร้อมกับฟันและกรงเล็บ แล้วในหัวเขาก็มีความคิดในแบบเดียวกับอันเจ๋อเลยสตรีผู้นี้สมองมีปัญหาใช่หรือไม่?เขายกดาบขึ้นมาอย่างมิรีบร้อนรอให้เจียงอวี้พุ่งเข้ามา แล้วจะหั่นนางให้เป็นสองท่อนในดาบเดียว...“ยายโง่...”อันเจ๋อมีหรือจะทนมองเจียงอวี้ตายไปเช่นนี้ได้ เขายันพื้นอย่างแรงแล้วใช้แรงนั้นเหวี่ยงร่างตัวเองกลับไปแต่ก็มิทันเสียแล้ว เขาเห็นเจียงอวี้เข้าปะทะดาบของเฮ่อหรงโดยตรงเลย...ในขณะที่กำลังจะเห็นเลือดโชกเต็มพื้น กลับได้ยินเสียงเฮ่อหรงตะคอกออกมาอย่างโมโห“สารเลว เจ้ากล้าลอบกัดข้า...”เฮ่อหรงยกดาบฟันไปที่เจียงอวี้อย่างดุร้าย แต่เจียงอวี้ก็อาศัยความว่องไวหลบหนีได้แต่เมื่อเฮ่อหรงโบกมืออีกข้างหนึ่ง เจียงอวี้ก็มิสามารถหลบได้แล้วจึงถูกเฮ่อหรงฟาดเข้าที่หลังเต็มฝ่ามือจนกระเด็นออกไปและบังเอิญพุ่งไปชนเข้าที่ตัวของอันเจ๋อพอดีอันเจ๋อถูกน้ำหนักของนางกระแทกกลับลงไปที่พื้น เขาจึงกอดเจียงอวี้ไว้โดยสัญชาตญาณแล้วใบหน้าของทั้งสองก็กระแทกกันเจียงอวี้กระแทกจมูกของอันเจ๋อเจ็บราวกับว่ามันหักไปแล้วยังมิทันที่เขาจะส่งเสียงร้องออกมาก็รู้สึกได้ว่า เลือดในปา
“มิใช่ข้าสังหาร… เจียงอวี้ต่างหาก!”อันเจ๋อไม่มีทางแย่งเอาความดีความชอบที่มิใช่ของตนมาหรอก เขาเอ่ยอย่างร้อนใจ “เจียงอวี้ถูกเฮ่อหรงทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส พวกเรารีบจัดการมือสังหารเหล่านี้แล้วพาเจียงอวี้ไปให้หลิงอวี๋ช่วยรักษากันเถอะ!”ดูจากอาการของเจียงอวี้แล้วมิรู้เลยว่าจะยังทนได้นานเท่าใด!อันเจ๋อรู้เพียงว่า ยิ่งเขาจัดการมือสังหารเหล่านี้ได้เร็ว ก็จะสามารถเพิ่มความหวังที่เจียงอวี้จะมีชีวิตอยู่ต่อได้มากขึ้น!เขาทุ่มสุดตัว การดำเนินการทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการกระทำที่เสี่ยงตายมากการทุ่มสุดตัวอย่างโหดร้ายโดยที่มิสนใจสิ่งใดทำให้เผยอวี้เหลือบมองอย่างค่อนข้างประหลาดใจ ยิ่งมิต้องพูดถึงมือสังหารเหล่านั้นเลย!เมื่อเห็นว่า อันเจ๋อมีตาสีแดงและต่อให้มีร่องรอยดาบอยู่บนตัวก็พุ่งเข้าไปอย่างมิคิดชีวิตเช่นนั้น มือสังหารเหล่านั้นก็ล้วนหวาดกลัวและค่อย ๆ หลบการโจมตีของเขาไปและเมื่อมีการช่วยสกัดกั้นของขันทีโม่ มือสังหารเหล่านี้ก็พ่ายแพ้ไปเรื่อย ๆ จนเตลิดกันไปหมด.........ณ ตำหนักอ๋องอี้ขุนนางเหล่านั้นต่างมิรู้ว่าในวังเกิดเรื่องอะไรขึ้น พวกเขาต่างกำลังชมการไหว้ฟ้าดินของท่านอ๋องอี้กับฉินรั่วซือกันอยู่
แต่บุรุษผู้นั้นคว้าเข้าที่คอของนางอย่างรวดเร็ว“อื้อ… อื้อ… ช่วยด้วย...”เซียวทงดิ้นรนและส่งเสียงร้องออกมาอย่างสิ้นหวัง แต่เสียงความวุ่นวายข้างนอกนั้นดังมากจึงไม่มีผู้ใดได้ยินเลยในแววตาของบุรุษผู้นั้นฉายแววดูถูกและรังเกียจออกมา เขาหยิบยาออกมาจากในอ้อมแขนแล้วยัดเข้าปากเซียวทงหลังจากเห็นกับตาแล้วว่าเซียวทงกลืนมันลงไป บุรุษผู้นั้นก็ปล่อยเซียวทงแล้วหันหลังเดินออกไปเซียวทงทรุดลงกับพื้น นางมิสนใจสิ่งใดแล้วยื่นมือไปล้วงคอตนเอง นางมิอยากตายไปเช่นนี้!แต่ล้วงคออยู่สักพัก ก็ไม่มีสิ่งใดเลยนอกจากที่อาเจียนออกมาบุรุษผู้นั้นคือใครกัน?เขาป้อนสิ่งใดให้ตนเองกันแน่?เซียวทงกอดเข่าซุกตัวอยู่ที่มุมกำแพงอย่างสิ้นหวัง“องค์หญิงหก… องค์หญิงหก!”เสียงเถาลี่ตะโกนมาจากด้านนอกเซียวทงได้ยินแล้วแต่มิอยากตอบกลับเถาลี่เป็นคู่หูของตนตั้งแต่เข้าวัง และพยายามอย่างหนักที่จะเอาใจตนมาโดยตลอด!เซียวทงรู้สึกรังเกียจเถาลี่กับตนอายุเท่า ๆ กัน แต่กลับคิดที่จะเป็นนางสนมของเสด็จพ่อ คนที่คอยเอาใจผู้มีอำนาจเช่นนางก็สมควรตายแล้ว!ทางที่ดีที่สุดคือเถาลี่ควรจะถูกมือสังหารสังหารไปเสีย เช่นนี้จะได้มิต้องให้นางลง
ที่ทางลับในวังจักรพรรดิอู่อันเห็นว่าเซียวหลินเทียนหยุดเดินก็รู้สึกกังวลขึ้นมา“เทียนเอ๋อร์ มีการซุ่มโจมตีใช่หรือไม่?”เซียวหลินเทียนพึมพำ เมื่อได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยออกไป “ด้านบนมีเสียงการต่อสู้พ่ะย่ะค่ะ! อยู่ด้านหน้ามิไกลนี้เอง!”จักรพรรดิอู่อันพยักหน้า “ทางออกอยู่แถว ๆ นี้เอง พวกเราระวังกันหน่อย!”“พวกท่านรอก่อน ลูกจะไปดูสักหน่อย!”เซียวหลินเทียนเดินหน้าต่อไป มินานก็เห็นแสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาเขาวิ่งตามแสงอาทิตย์ไป เมื่อมองขึ้นไปก็เห็นว่า ด้านบนมีกระดานระบายอากาศอยู่ แล้วแสงอาทิตย์จำนวนมากก็ส่องผ่านกระดานระบายอากาศลงมาเซียวหลินเทียนยื่นมือไปผลักกระดานระบายอากาศนั้นแล้วก็ปรากฏเป็นปากทางออกเขาดันกระดานระบายอากาศไปด้านข้างอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ดันตัวขึ้นไปบนพื้นดินทางออกของทางลับนี้อยู่ในสวนดอกไม้ด้านนอกพระตำหนักเหยียนฝูของไทเฮา ทางลับจะมีภูเขาเทียมปกปิดเอาไว้ ดูจากด้านนอกมิสามารถคิดได้เลยว่าข้างในเป็นทางลับเซียวหลินเทียนชะโงกหน้ามองด้านนอกแล้วก็เห็นว่าเสียงการต่อสู้นั้นดังมาจากทางพระตำหนักเหยียนฝู“เสด็จพ่อ ขึ้นมาได้เลยพ่ะย่ะค่ะ ปลอดภัย!”เซียวหลินเทียนยื่นมือลงไปดึ
จักรพรรดิอู่อันเหลือบมองพระชายาเส้า พลางเอ่ยอย่างคลุมเครือ“หึ การเปลี่ยนแปลงในวังวันนี้ก็คือกระจกส่องปีศาจ ส่องให้พวกภูตผีปีศาจปรากฏเป็นร่างเดิม...”หลังจากพูดจบ จักรพรรดิอู่อันก็มิสนใจว่าพระชายาเส้าจะเข้าใจคำพูดของตนเองหรือไม่ จึงเอ่ยกับเซียวหลินเทียน “เราร่วมแรงกันฝ่าเข้าไปรวมตัวกับพวกของไทเฮาเถอะ!”“จะให้พวกภูตผีปีศาจประสบความสำเร็จในวันนี้มิได้!”“พ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนสู้ไปยิ้มไปพลางเอ่ย “ลูกคิดว่า ชีวิตนี้จะไม่มีโอกาสได้ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเสด็จพ่ออีกแล้ว ไหนเลยจะคิดว่าฝันจะกลายเป็นจริง! แต่การต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ที่ลูกหวังมันคือการต่อสู้ที่สนามรบที่แท้จริง มิใช่ในบ้านของเราเอง...”จักรพรรดิอู่อันเข้าใจในสิ่งที่เซียวหลินเทียนพูดออกมาเมื่อก่อนเซียวหลินเทียนกับจักรพรรดิอู่อันเคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมา เพียงแต่หลังจากที่เซียวหลินเทียนขาพิการไปก็มิสามารถนำทัพได้อีกตอนนี้ขาหายดีแล้ว แต่ไหนเลยจะคิดว่า พ่อลูกได้ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันอีกครั้งจะเป็นการต่อสู้ภายในกับคนกันเอง!จักรพรรดิอู่อันเกิดความรู้สึกมากมายผสมปนเปกันอยู่ ยามตกทุกข์ได้ยากจึงจะพบเห็นความ
เซี่ยโฮ่วตานรั่วได้ยินดังนั้นก็ยืนนิ่งแล้วมองไปทางหลิงอวี๋อย่างเยาะเย้ย พลางตะโกนออกไป“หลิงอวี๋ เจ้าคุกเข่าขอร้องข้าสิ! แล้วข้าจะช่วยเจ้าขอร้ององค์ชายเว่ยกับองค์หญิงใหญ่ให้!“ต่อไปเจ้าก็มาคอยรินน้ำชาเป็นนางรับใช้ให้ข้าก็พอแล้ว!”“ส่วนเซียวหลินเทียน ก็ให้ละทิ้งวรยุทธไป จากนั้นก็ไปเป็นขันทีคอยรับใช้องค์ชายเว่ยแล้วกัน!”เซี่ยโฮ่วตานรั่วนึกถึงการไร้ความรู้สึกที่เซียวหลินเทียนมีต่อตนก็ไม่มีความรักต่อเขาแล้วแม้แต่น้อย นางจึงคิดเพียงแต่จะจัดการพวกเขาและทำให้พวกเขาอับอายอย่างหนัก! “เซี่ยโฮ่วตานรั่ว เจ้าดูที่ท้องฟ้าเถอะ พระอาทิตย์ยังมิตกดินเลย เหตุใดเจ้าจึงเพ้อฝันเสียแล้วเล่า!”หลิงอวี๋เห็นว่า คนของตนลดลงไปทีละนิด และทหารกองหนุนก็ยังมิมา นางก็ร้อนใจเป็นอย่างมากเผยอวี้กับอันเจ๋อจะต้องถูกถ่วงเวลาไว้เป็นแน่ นางมิอาจฝากความหวังไว้ที่ทหารกองหนุนได้แล้วเช่นนั้นจะทำอย่างไรดีเล่า?หลิงอวี๋เหลือบมององค์หญิงใหญ่แล้วจู่ ๆ ก็ใจเต้นขึ้นมา จึงเอ่ยออกไป“องค์หญิงใหญ่ เจ้าเห็นว่าทางพวกเรามีการซุ่มโจมตีอยู่ เจ้ามิกังวลหรือว่าทางด้านเฮ่อหรงจะเจอซุ่มโจมตีบ้าง?”“ขอบอกเจ้าอย่างมิกลัวเลยแล้วกัน ทางด้
“ไม่… ข้าไม่มีทางยอมแพ้เช่นนี้!”องค์ชายเว่ยตะโกนขึ้นมา แล้วตะคอกใส่องค์หญิงใหญ่อย่างสิ้นหวังทั้งโมโห “องค์หญิงใหญ่ ท่านรู้หรือไม่ว่าผลที่เปลี่ยนเป็นความพ่ายแพ้คืออะไร?”“คือพวกเราล้วนต้องตายด้วยดาบของเสด็จพ่อ!”“หากเราร่วมแรงร่วมใจกันชิงบัลลังก์นี้ ชัยชนะจะต้องเป็นของพวกเรา...”ยังมิทันที่องค์ชายเว่ยจะพูดจบ ดาบของขันทีโม่ก็เหวี่ยงมาทางเขาแล้ว องค์ชายเว่ยจึงตกใจคว้าเอาองครักษ์ผู้หนึ่งมาบังตนเอาไว้องครักษ์ผู้นั้นถูกดาบของขันทีโม่บั่นออกเป็นสองท่อนทันที เลือดสดร้อน ๆ สาดไปที่หัวและใบหน้าขององค์ชายเว่ยเต็ม ๆองค์ชายเว่ยมององครักษ์ที่ตัวขาดออกเป็นสองท่อนต่อหน้าต่อตาด้วยดวงตาที่เบิกโพลง!สถานการณ์ที่นองเลือดและน่าสะพรึงกลัวนี้ทำให้องค์ชายเว่ยตกใจจนเกือบจะปัสสาวะราด มือเท้าของเขาล่าถอยไปข้างหลังทันที และคว้าเอาตัวองครักษ์มาบังหน้าตนไว้มิหยุดองครักษ์กองทัพหลวงที่เหลือองค์ชายเว่ยล้วนตกตะลึงกับความเห็นแก่ตัวที่ไร้ยางอายขององค์ชายเว่ย แล้วก็ต่างพากันหลบไปอยู่ไกล ๆยังมิทันจะทำสำเร็จองค์ชายเว่ยก็ไร้ความปรานีเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นต่อไปจะรองรับพวกเขาได้หรือ?องครักษ์บางส่วนใจหนาวเหน็บขึ้น
เซียวหลินเทียนหันกลับไปมองก็เห็นว่าไทเฮากับหลิงอวี๋พาทหารพุ่งไปถึงตรงหน้าจักรพรรดิอู่อันแล้ว เขาจึงวางใจแล้วถือกระบี่ไล่ตามไปองค์ชายและองค์หญิงจากฉีตะวันออกสองคนนี้ยุยงให้เกิดการกบฏในฉินตะวันตก คราวนี้จะมิให้พวกเขาชดใช้ได้เยี่ยงไร!องค์ชายหนิงกับเซี่ยโฮ่วตานรั่วมิได้เงียบสงบเช่นก่อนหน้านี้แล้ว ตั้งแต่ที่องค์ชายหนิงเห็นเซียวหลินเทียนในวังก็มีลางสังหรณ์มิดีแล้วแต่เขาก็ยังคงโชคดีอยู่บ้างเมื่อนึกถึงว่า องค์ชายเว่ยกับองค์หญิงใหญ่มีเส้นสายยอดฝีมืออยู่มิน้อย อีกทั้งยังมีความร่วมมือกันของค่ายกองทหารเสือกับหอเหยี่ยวราตรีอีก ต่อให้เซียวหลินเทียนอยู่ก็ต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจเยอะมากที่จะยึดวังไว้ไหนเลยจะคิดว่าองค์ชายเว่ยกับองค์หญิงใหญ่จะมิสามารถทำให้สำเร็จได้ กอปรกับที่มีปรมาจารย์เช่นขันทีโม่อีก การชิงบัลลังก์คราวนี้ สุดท้ายแล้วก็ต้องพ่ายแพ้ไปเขาทำได้เพียงเลือกเดินในเส้นทางสุดท้าย รีบออกจากวังหลวงในทันที แล้วรีบพาคนของตนออกไปจากเมืองหลวง หนีกลับฉีตะวันออกไปเสียแต่หนีไปได้มิไกลเท่าใด ก็ได้ยินเสียงเยาะเย้ยของเซียวหลินเทียนมาจากด้านหลัง“องค์ชายหนิง การหนีหัวซุกหัวซุนดูมิคล้ายรูปแบบของเจ้
เซียวหลินเทียนฟังแล้วก็ทั้งโกรธทั้งโมโห ก่อนหน้านี้ที่หานเหมยบอกมิได้ละเอียดถึงเพียงนี้ และหานเหมยก็มิเคยบอกด้วยว่าใบหน้าของหลิงอวี๋ถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกรีดจนเป็นแผลความทรงจำของหานเหมยสูญหายไปบางส่วน ซึ่งนี่ก็คือผลกระทบที่ได้มาจากการถูกผนึก ดังนั้นจะโทษหานเหมยก็มิได้เมื่อได้ยินว่าหลิงอวี๋สูญเสียวรยุทธ์ไป ทั้งยังถูกเสวี่ยเหมยกลั่นแกล้งอีก เซียวหลินเทียนก็คิดเพียงอยากจะแทงเสวี่ยเหมยและลิ่งหูหลินผู้นั้นให้ตายไปเสียส่วนเรื่องที่หวงฝู่หลินรับหลิงอวี๋เป็นน้องสาวบุญธรรมนั้น เซียวหลินเทียนมิได้คิดเป็นจริงเป็นจังอะไร เขาหรือจะมิรู้ว่าหวงฝู่หลินไม่มีทางรับหลิงอวี๋เป็นน้องสาวบุญธรรมจริง ๆ หรอก“ท่านเจ้าวังของเราให้ป้าวเฉิงไปตามหาหลิงอวี๋ เพราะต้องการจะขอตำรับยาที่นางมีอยู่ในมือ มิใช่เพราะต้องการจะทำให้นางลำบาก!”ปี้ซงอธิบายทุกสิ่งออกมาอย่างชัดเจนแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะรู้สึกว่าเขาไม่มีทางพูดความจริงออกมาทั้งหมด แต่ก็ยังเชื่อไปกว่าครึ่งอยู่ดีหลังจากครุ่นคิดดูแล้ว เซียวหลินเทียนก็รู้สึกว่า ในเมื่อหวงฝู่หมิงจูถูกเสวี่ยเหมยจับตัวไป และเสวี่ยเหมยก็เป็นผู้ร้ายที่ลักพาตัวหลิงอวี๋ไปด้วย เช่นนั้นก
ใบหน้าหล่อเหลาของเซียวหลินเทียนมีความเศร้าอยู่จาง ๆ เขายืนอยู่บนบันได ซากปรักหักพังด้านหลังเหล่านั้น เมื่ออยู่ภายใต้แสงสะท้อนของดวงอาทิตย์ยามเย็นก็ทำให้เห็นความหดหู่และโดดเดี่ยวอย่างชัดเจนแต่แสงของดวงอาทิตย์ยามเย็นที่ส่องลงมาบนตัวของเซียวหลินเทียนนั้น ทำให้เขาดูเหมือนมีแสงสีทองระยิบระยับอยู่ทั้งที่เห็น ๆ กันอยู่ว่าเขาก็ยังเป็นคนเดิม แต่กลับดูราวกับว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ทำให้มิอาจมองเขาตรง ๆ ได้!ทันใดนั้นหวงฝู่หลินก็รู้สึกถึงความรู้สึกกดดันที่มิเคยมีมาก่อนจู่ ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ว่า ในภายภาคหน้าพลังของเซียวหลินเทียนจะประสบความสำเร็จ จะต้องอยู่เหนือไปกว่าของตนมาก และอยู่เหนือกว่าบรรดายอดฝีมือในแดนเทพอย่างแน่นอน!เหนือกว่าแม้กระทั่งหลงอี้ด้วย...เซียวหลินเทียนมองไปไกล ๆ แล้วนึกฉากเมื่อครู่เหวินเหรินจิ้นพาเขาเข้าไป และมิเพียงแต่มอบรายชื่อบรรดาศิษย์ของตำหนักปีกเงินให้ตนเท่านั้น แต่ยังมอบเงินทั้งหมดที่ตำหนักปีกเงินเก็บไว้หลายปีให้ตนด้วยนอกจากนี้แล้ว ก็ยังมีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ที่มหาปราชญ์ต้องการอย่างหม้อมังกรศักดิ์สิทธิ์อีกด้วยสุดท้ายเหวินเหรินจิ้นก็ยังพยายามถ่ายพ
หวงฝู่หลินมองเหวินเหรินจิ้นด้วยความสงสาร จากนั้นก็ประคองเขานั่งขึ้นมา แล้วเอ่ยไปอย่างเรียบ ๆ “เจ้าคงมิอยากจากไปโดยที่มิได้ทิ้งคำพูดอะไรไว้แน่!”“ต่อให้ยานั้นจะล้ำค่ามากเพียงใด ก็มิล้ำค่าเท่ากับเจ้า...พูดมาเถิด ยังมีความปรารถนาใดอีกที่เจ้ายังมิสมหวัง ขอเพียงข้าสามารถทำได้ ข้าก็จะช่วยเจ้าอย่างแน่นอน!”หวงฝู่หลินคิดเช่นนั้นจริง ๆ ดังนั้นเขาจึงป้อนโอสถช่วยชีวิตอันล้ำค่าที่ตนสกัดอย่างพิถีพิถันให้กับเหวินเหรินจิ้น เขามิอยากให้สหายผู้นี้ตายตามิหลับเหวินเหรินจิ้นมองหลานชายที่กำลังร้องไห้อยู่ข้าง ๆ แล้วหวงฝู่หลินก็เข้าใจทันที “ข้าจะให้คนดูแลเขาเอง!”เหวินเหรินจิ้นจึงฝืนยิ้มออกมา “ให้เขาเติบโตอย่างเรียบง่าย ลืมตระกูลนี้ไปเสีย และลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่ประสบไปให้หมด!”“ได้!”หวงฝู่หลินมิได้พูดอะไรมาก แต่เหวินเหรินจิ้นรู้ว่า เขาเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น จึงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ“ข้าขอฝากตำหนักปีกเงินไว้กับเจ้า...ข้าได้คำนวณชะตาไว้แล้วว่าจะมีภัยพิบัติเช่นนี้ ข้าจึงแสร้งป่วยแล้วให้ลูกศิษย์ของตำหนักทั้งหมดกระจายกันออกไป...”“แต่ข้ามิวางใจ ข้ากังวลว่า หากมหาปราชญ์หาหม้อมังกรศักดิ์สิทธิ์มิเจอ แล้วจะ
เผยอวี้เห็นว่าหวงฝู่หลินหน้าซีดเซียว ดูท่าทางเหมือนจะหมดสติไปได้ทุกเมื่อ ดังนั้นเขาจึงมิรีรอแล้วคุกเข่าลงไป จากนั้นก็ยัดลำไส้ของเสือดาวหิมะกลับตามคำชี้แนะของหวงฝู่หลินแล้วหวงฝู่หลินก็นำเครื่องยาสมุนไพรและเข็มกับด้ายออกมาจากแหวนพระสุเมรุ จากนั้นเขาก็ส่งเข็มกับด้ายให้เผยอวี้ “ช่วยเย็บแผลให้มันที!”เผยอวี้ตะลึงไปทันที เขาจับมีดจับกระบี่ได้ แต่เขาใช้เข็มกับด้ายมิเป็น!เมื่อเซียวหลินเทียนเห็นสถานการณ์เช่นนี้ เขาก็นึกขึ้นได้ว่า ตอนที่ตนพิชิตกระบี่คุนอู๋ ก็เคยบาดมือมาก่อน แต่เมื่อฝ่ามือของเขาจับที่กระบี่คุนอู๋ ก็รักษาตัวได้อย่างน่าอัศจรรย์เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าควรจะใช้กระบี่คุนอู๋รักษาเสือดาวหิมะหรือไม่!เขาเข้าใจหลักการที่ว่า ทรัพย์สมบัติมิควรเปิดเผยออกมา หากว่าในวันนี้มิใช่สถานการณ์วิกฤต เขาก็ไม่มีทางนำกระบี่คุนอู๋ออกมาแน่แต่ตอนนี้มหาปราชญ์รู้แล้วว่า กระบี่คุนอู๋อยู่ในมือของตน มันจะต้องนำความยุ่งยากมาหาตนมิจบสิ้น เช่นเดียวกับหยกหล้าสุขาวดีของหลิงอวี๋อย่างแน่นอน!หากเปิดเผยเรื่องที่กระบี่คุนอู๋สามารถรักษาบาดแผลได้ไปอีก เช่นนั้นจะมิยิ่งทำให้คนสนใจมากขึ้นหรือ?แต่เมื่อเซียวหลินเที
“ท่านเจ้าวัง!”ปี้ซงเห็นว่าหวงฝู่หลินไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะสู้กลับแล้ว เขาจึงร้องเรียกออกมาอย่างเจ็บปวดจากนั้นเขาก็เหาะเข้าไปหาโดยมิสนใจภัยคุกคามของมือสังหาร แต่เซียวหลินเทียนที่อยู่ข้างกายเขาเร็วกว่า เหาะพุ่งเข้าไปแล้วในช่วงเวลานี้ เซียวหลินเทียนก็มิกลัวที่จะเปิดเผยสมบัติของตนอีกต่อไปแล้ว เขานำกระบี่คุนอู๋ออกมาจากแหวนพระสุเมรุแล้วฟาดไปในอากาศเป็นวงโค้ง...แสงสีขาวลงมาจากท้องฟ้า มหาปราชญ์หันหลังให้เซียวหลินเทียนอยู่จึงมิเห็นแสงนั้น ทว่าหวงฝู่หลินกลับมองเห็นเห็นแสงสีขาวนั้นพุ่งลงมาใส่แขนของมหาปราชญ์ราวกับสายฟ้า ด้วยพลังที่มิอาจต้านทานได้ในตอนที่มหาปราชญ์รู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นนั้น เขาก็ได้เห็นแขนครึ่งหนึ่งของตนลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างน่าตกใจ หลังจากนั้นเลือดจากบาดแผลที่แขนขาดไปก็ไหลออกมา“กระบี่คุนอู๋… เจ้าเป็นใคร?”มหาปราชญ์เซถอยหลังไป และในแววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจและยากที่จะเชื่อ“คนที่จะเอาชีวิตเจ้า!”นี่เป็นครั้งแรกที่เซียวหลินเทียนใช้กระบี่คุนอู๋ เขามิคาดคิดเลยว่า กระบี่คุนอู๋จะทรงพลังเช่นนี้ ปราณแห่งกระบี่ที่ฟาดออกมาสามารถตัดแขนของมหาปราชญ์ได้ความมั่
ครั้งนี้แม้หวงฝู่หลินอยากจะฝืนก็ฝืนมิอยู่ เลือดสด ๆ พุ่งออกมาจากปากของเขา“หวงฝู่หลิน สวรรค์มีเส้นทางให้เจ้าไปแต่เจ้ามิไป นรกไม่มีประตูแต่เจ้าก็ยังจะบุกเข้ามา!”“ข้ากำลังคิดจะไปยึดวังเทพของเจ้าด้วยตัวข้าเองอยู่แล้วเชียว แต่เจ้าก็มาหาถึงที่ พอดีเสียจริง ข้าก็มิต้องลำบากไปที่นั่น เอาชีวิตเข้ามาเสีย!”มหาปราชญ์เหาะลงมา และยกมือขึ้นโจมตีไปที่หน้าอกของหวงฝู่หลินทางด้านเซียวหลินเทียนก็กำลังต่อสู้กับพวกมือสังหารอยู่ เมื่อเห็นภาพนี้ก็มิอาจแยกตัวออกไปได้ จึงมิสามารถช่วยเหลือได้ทันเวลาส่วนปี้ซงที่ได้รับบาดเจ็บไปแล้วก็ถูกพวกมือสังหารขวางทางอยู่เช่นกันเสือดาวหิมะและหวงฝู่หลินสื่อสารกันด้วยพลังจิต เมื่อมันรู้สึกได้ว่าเจ้านายกำลังเดือดร้อน มันก็คำรามออกมา จากนั้นก็บินเข้าไป และพุ่งเข้าใส่มหาปราชญ์ทันทีเสือดำที่ตามมาติด ๆ ก็ใช้โอกาสนี้กระโจนเข้าใส่หลังของเสือดาวหิมะ แล้วกัดเนื้อของเสือดาวหิมะเข้าไปคำใหญ่เสือดาวหิมะมิสนใจความเจ็บปวดแล้วกระโจมเข้าไป มหาปราชญ์จึงมิทันได้จัดการกับหวงฝู่หลิน แล้วต้องหันไปจัดการกับเสือดาวหิมะแทนแต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว เสือดาวหิมะกระชากเสื้อคลุมของมหาปราชญ์ออก
เซียวหลินเทียน ปี้ซงและเผยอวี้กำลังต่อสู้อยู่กับพวกบุรุษชุดดำ ก็พลันรู้สึกว่ารอบ ๆ ตัวมีลมพัดอย่างแรง และใบไม้เหล่านั้นก็พัดมาทางหัวพวกเขาสนามแม่เหล็กที่มีพลังมหาศาลนั้นสั่นสะเทือนไปจนทั่วบริเวณเซียวหลินเทียนรีบมองไปทันที แล้วก็เห็นว่าพลังลมแห่งการปะทะกันของหวงฝู่หลินกับฝูหยางกลางอากาศนั้น เป็นแสงสีเขียวและสีน้ำเงินเกี่ยวพันกันไปมา แยกมิออกว่าใครเป็นใครเมื่อครู่ฝูหยางเรียกชื่อของหวงฝู่หลินออกมา เมื่อเซียวหลินเทียนได้ยินดังนั้น เขาก็เข้าใจขึ้นมาในทันที ที่แท้บุรุษชุดขาวที่ดูราวกับเซียนผู้นี้ก็คือ เจ้าวังหวงฝู่แห่งวังเทพบนภูเขาหิมะนี่เองก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยถูกเขาขังอยู่ที่วังเทพเซียวหลินเทียนไม่มีเวลาที่จะตำหนิหวงฝู่หลินแล้ว การโจมตีรุนแรงของพวกบุรุษชุดดำทำให้เขามิสามารถรับมือได้เซียวหลินเทียนยังต้องดูแลเผยอวี้ที่มีพลังมิสูงด้วย เขาจึงเหลือบมองไปแล้วพยายามจัดการกับพวกมือสังหารอย่างเต็มที่นับตั้งแต่ที่เซียวหลินเทียนได้กระบี่คุนอู๋มา และได้เรียนรู้วิชากระบี่จากลวดลายบนกระบี่มาระยะหนึ่งแล้ว วรยุทธ์ของเขาก็พัฒนาขึ้นอย่างมากเขายกกระบี่ขึ้นมาพร้อมใช้วิชากระบี่คุนอู๋ เขาได้เปร
เมื่อเซียวหลินเทียนเห็นว่า เด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเซียวเยวี่ยผู้นั้นร้องไห้ออกมาปานจะขาดใจในชั่วขณะนี้เซียวหลินเทียนก็คิดถึงเซียวเยวี่ยมาก เขาออกมานานมากจนแทบจะจำมิได้แล้วว่าเซียวเยวี่ยหน้าตาเป็นอย่างไรเมื่อเขาเห็นเด็กผู้นั้น เซียวหลินเทียนก็เกิดความรู้สึกสงสารขึ้นมาทันที“ท่าน พวกเราเข้าไปช่วยเขาเถิด!”เซียวหลินเทียนพูดยังมิทันขาดคำ ก็ได้ยินเสียงตะโกนขึ้นมา “ใคร?”จากนั้นก็มีบุรุษชุดดำหลายคนวิ่งกรูกันออกมา พร้อมกับเล็งดาบมาที่เซียวหลินเทียนกับหวงฝู่หลิน“พวกเจ้าเป็นใคร?”บุรุษชุดดำที่เป็นผู้นำตะโกนออกมาด้วยความโกรธหวงฝู่หลินจึงยิ้มเยาะ “พวกเจ้าหรือที่ทำลายตำหนักปีกเงินของสหายข้า? ใครเป็นคนวางเพลิง?”“ฮ่าฮ่าฮ่า!”บุรุษชุดดำที่เป็นผู้นำคนนั้นตะลึงไปทันที จากนั้นเขาก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง ราวกับรู้สึกว่า คำถามของหวงฝู่หลินนั้นแปลกมากความตายจะมาเยือนอยู่แล้ว ยังจะเป็นห่วงอีกว่าใครเป็นคนวางเพลิง คนผู้นี้สมองมีปัญหาหรือไร!“อย่าไปคุยกับเขาให้มากความ สังหารไปเสีย!”ฝูหยางที่อยู่ข้างในตะคอกออกมาอย่างรำคาญ “ตาเฒ่าน่ารังเกียจ เจ้าจะนำออกมาให้หรือไม่ หนึ่ง… สอง…”พวกบุร
หวงฝู่หลินก็มิได้ใส่ใจ เขาค่อนข้างมิพอใจที่เซียวหลินเทียนตามติดตนมาราวกับกอเอี๊ยะที่เหนียวแน่นเช่นนี้ เขาจึงเร่งฝีเท้าขึ้นอีก แต่พลังของปี้ซงมิเท่าพลังของเขา ดังนั้นในเวลามินานเซียวหลินเทียนก็ตามมาทันแล้วใบหน้าของหวงฝู่หลินดูหม่นหมองลง และกำลังคิดว่าจะสังหารเซียวหลินเทียนดีหรือไม่ แต่แล้วเขาได้ยินเสียงแปลก ๆ… มันคือเสียงการต่อสู้ด้วยอาวุธนั่นเองดวงตาของหวงฝู่หลินดุร้ายขึ้นมาทันที และรีบขึ้นไปบนภูเขาอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาขึ้นไปถึงครึ่งทางภูเขา เขาก็เห็นควันหนา ๆ พวยพุ่งออกมาจากตำหนักปีกเงินที่อยู่บนยอดเขานั้นเกิดเรื่องขึ้นแล้ว!หวงฝู่หลินก็ยิ่งร้อนใจ เหตุผลหลักที่เขาเลือกที่จะมาขอความช่วยเหลือจากตำหนักปีกเงินนั้น ก็เพราะว่าเหวินเหรินจิ้นเจ้าตำหนักปีกเงิน คือหนึ่งในสหายสนิทที่มีเพียงมิกี่คนของเขาและเช่นเดียวกับหวงฝู่หลิน ตำหนักปีกเงินแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ตระกูลเหวินเหรินอาศัยอยู่มาหลายชั่วอายุคนแล้ว หวงฝู่หลินมิอนุญาตให้ผู้ใดทำลายวังเทพของตน แล้วเหวินเหรินจิ้นจะยอมให้ใครมาทำลายตำหนักปีกเงินของเขาได้อย่างไรกัน!หรือว่าเหวินเหรินจิ้นจะตกอยู่ในอันตราย?หวงฝู่หลินเร่งฝีเท้า แล้วเดิ