เฮ่อหรงมองสตรีผู้โง่เขลาที่พุ่งเข้ามาหาตนพร้อมกับฟันและกรงเล็บ แล้วในหัวเขาก็มีความคิดในแบบเดียวกับอันเจ๋อเลยสตรีผู้นี้สมองมีปัญหาใช่หรือไม่?เขายกดาบขึ้นมาอย่างมิรีบร้อนรอให้เจียงอวี้พุ่งเข้ามา แล้วจะหั่นนางให้เป็นสองท่อนในดาบเดียว...“ยายโง่...”อันเจ๋อมีหรือจะทนมองเจียงอวี้ตายไปเช่นนี้ได้ เขายันพื้นอย่างแรงแล้วใช้แรงนั้นเหวี่ยงร่างตัวเองกลับไปแต่ก็มิทันเสียแล้ว เขาเห็นเจียงอวี้เข้าปะทะดาบของเฮ่อหรงโดยตรงเลย...ในขณะที่กำลังจะเห็นเลือดโชกเต็มพื้น กลับได้ยินเสียงเฮ่อหรงตะคอกออกมาอย่างโมโห“สารเลว เจ้ากล้าลอบกัดข้า...”เฮ่อหรงยกดาบฟันไปที่เจียงอวี้อย่างดุร้าย แต่เจียงอวี้ก็อาศัยความว่องไวหลบหนีได้แต่เมื่อเฮ่อหรงโบกมืออีกข้างหนึ่ง เจียงอวี้ก็มิสามารถหลบได้แล้วจึงถูกเฮ่อหรงฟาดเข้าที่หลังเต็มฝ่ามือจนกระเด็นออกไปและบังเอิญพุ่งไปชนเข้าที่ตัวของอันเจ๋อพอดีอันเจ๋อถูกน้ำหนักของนางกระแทกกลับลงไปที่พื้น เขาจึงกอดเจียงอวี้ไว้โดยสัญชาตญาณแล้วใบหน้าของทั้งสองก็กระแทกกันเจียงอวี้กระแทกจมูกของอันเจ๋อเจ็บราวกับว่ามันหักไปแล้วยังมิทันที่เขาจะส่งเสียงร้องออกมาก็รู้สึกได้ว่า เลือดในปา
“มิใช่ข้าสังหาร… เจียงอวี้ต่างหาก!”อันเจ๋อไม่มีทางแย่งเอาความดีความชอบที่มิใช่ของตนมาหรอก เขาเอ่ยอย่างร้อนใจ “เจียงอวี้ถูกเฮ่อหรงทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส พวกเรารีบจัดการมือสังหารเหล่านี้แล้วพาเจียงอวี้ไปให้หลิงอวี๋ช่วยรักษากันเถอะ!”ดูจากอาการของเจียงอวี้แล้วมิรู้เลยว่าจะยังทนได้นานเท่าใด!อันเจ๋อรู้เพียงว่า ยิ่งเขาจัดการมือสังหารเหล่านี้ได้เร็ว ก็จะสามารถเพิ่มความหวังที่เจียงอวี้จะมีชีวิตอยู่ต่อได้มากขึ้น!เขาทุ่มสุดตัว การดำเนินการทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการกระทำที่เสี่ยงตายมากการทุ่มสุดตัวอย่างโหดร้ายโดยที่มิสนใจสิ่งใดทำให้เผยอวี้เหลือบมองอย่างค่อนข้างประหลาดใจ ยิ่งมิต้องพูดถึงมือสังหารเหล่านั้นเลย!เมื่อเห็นว่า อันเจ๋อมีตาสีแดงและต่อให้มีร่องรอยดาบอยู่บนตัวก็พุ่งเข้าไปอย่างมิคิดชีวิตเช่นนั้น มือสังหารเหล่านั้นก็ล้วนหวาดกลัวและค่อย ๆ หลบการโจมตีของเขาไปและเมื่อมีการช่วยสกัดกั้นของขันทีโม่ มือสังหารเหล่านี้ก็พ่ายแพ้ไปเรื่อย ๆ จนเตลิดกันไปหมด.........ณ ตำหนักอ๋องอี้ขุนนางเหล่านั้นต่างมิรู้ว่าในวังเกิดเรื่องอะไรขึ้น พวกเขาต่างกำลังชมการไหว้ฟ้าดินของท่านอ๋องอี้กับฉินรั่วซือกันอยู่
แต่บุรุษผู้นั้นคว้าเข้าที่คอของนางอย่างรวดเร็ว“อื้อ… อื้อ… ช่วยด้วย...”เซียวทงดิ้นรนและส่งเสียงร้องออกมาอย่างสิ้นหวัง แต่เสียงความวุ่นวายข้างนอกนั้นดังมากจึงไม่มีผู้ใดได้ยินเลยในแววตาของบุรุษผู้นั้นฉายแววดูถูกและรังเกียจออกมา เขาหยิบยาออกมาจากในอ้อมแขนแล้วยัดเข้าปากเซียวทงหลังจากเห็นกับตาแล้วว่าเซียวทงกลืนมันลงไป บุรุษผู้นั้นก็ปล่อยเซียวทงแล้วหันหลังเดินออกไปเซียวทงทรุดลงกับพื้น นางมิสนใจสิ่งใดแล้วยื่นมือไปล้วงคอตนเอง นางมิอยากตายไปเช่นนี้!แต่ล้วงคออยู่สักพัก ก็ไม่มีสิ่งใดเลยนอกจากที่อาเจียนออกมาบุรุษผู้นั้นคือใครกัน?เขาป้อนสิ่งใดให้ตนเองกันแน่?เซียวทงกอดเข่าซุกตัวอยู่ที่มุมกำแพงอย่างสิ้นหวัง“องค์หญิงหก… องค์หญิงหก!”เสียงเถาลี่ตะโกนมาจากด้านนอกเซียวทงได้ยินแล้วแต่มิอยากตอบกลับเถาลี่เป็นคู่หูของตนตั้งแต่เข้าวัง และพยายามอย่างหนักที่จะเอาใจตนมาโดยตลอด!เซียวทงรู้สึกรังเกียจเถาลี่กับตนอายุเท่า ๆ กัน แต่กลับคิดที่จะเป็นนางสนมของเสด็จพ่อ คนที่คอยเอาใจผู้มีอำนาจเช่นนางก็สมควรตายแล้ว!ทางที่ดีที่สุดคือเถาลี่ควรจะถูกมือสังหารสังหารไปเสีย เช่นนี้จะได้มิต้องให้นางลง
ที่ทางลับในวังจักรพรรดิอู่อันเห็นว่าเซียวหลินเทียนหยุดเดินก็รู้สึกกังวลขึ้นมา“เทียนเอ๋อร์ มีการซุ่มโจมตีใช่หรือไม่?”เซียวหลินเทียนพึมพำ เมื่อได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยออกไป “ด้านบนมีเสียงการต่อสู้พ่ะย่ะค่ะ! อยู่ด้านหน้ามิไกลนี้เอง!”จักรพรรดิอู่อันพยักหน้า “ทางออกอยู่แถว ๆ นี้เอง พวกเราระวังกันหน่อย!”“พวกท่านรอก่อน ลูกจะไปดูสักหน่อย!”เซียวหลินเทียนเดินหน้าต่อไป มินานก็เห็นแสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาเขาวิ่งตามแสงอาทิตย์ไป เมื่อมองขึ้นไปก็เห็นว่า ด้านบนมีกระดานระบายอากาศอยู่ แล้วแสงอาทิตย์จำนวนมากก็ส่องผ่านกระดานระบายอากาศลงมาเซียวหลินเทียนยื่นมือไปผลักกระดานระบายอากาศนั้นแล้วก็ปรากฏเป็นปากทางออกเขาดันกระดานระบายอากาศไปด้านข้างอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ดันตัวขึ้นไปบนพื้นดินทางออกของทางลับนี้อยู่ในสวนดอกไม้ด้านนอกพระตำหนักเหยียนฝูของไทเฮา ทางลับจะมีภูเขาเทียมปกปิดเอาไว้ ดูจากด้านนอกมิสามารถคิดได้เลยว่าข้างในเป็นทางลับเซียวหลินเทียนชะโงกหน้ามองด้านนอกแล้วก็เห็นว่าเสียงการต่อสู้นั้นดังมาจากทางพระตำหนักเหยียนฝู“เสด็จพ่อ ขึ้นมาได้เลยพ่ะย่ะค่ะ ปลอดภัย!”เซียวหลินเทียนยื่นมือลงไปดึ
จักรพรรดิอู่อันเหลือบมองพระชายาเส้า พลางเอ่ยอย่างคลุมเครือ“หึ การเปลี่ยนแปลงในวังวันนี้ก็คือกระจกส่องปีศาจ ส่องให้พวกภูตผีปีศาจปรากฏเป็นร่างเดิม...”หลังจากพูดจบ จักรพรรดิอู่อันก็มิสนใจว่าพระชายาเส้าจะเข้าใจคำพูดของตนเองหรือไม่ จึงเอ่ยกับเซียวหลินเทียน “เราร่วมแรงกันฝ่าเข้าไปรวมตัวกับพวกของไทเฮาเถอะ!”“จะให้พวกภูตผีปีศาจประสบความสำเร็จในวันนี้มิได้!”“พ่ะย่ะค่ะ!”เซียวหลินเทียนสู้ไปยิ้มไปพลางเอ่ย “ลูกคิดว่า ชีวิตนี้จะไม่มีโอกาสได้ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเสด็จพ่ออีกแล้ว ไหนเลยจะคิดว่าฝันจะกลายเป็นจริง! แต่การต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ที่ลูกหวังมันคือการต่อสู้ที่สนามรบที่แท้จริง มิใช่ในบ้านของเราเอง...”จักรพรรดิอู่อันเข้าใจในสิ่งที่เซียวหลินเทียนพูดออกมาเมื่อก่อนเซียวหลินเทียนกับจักรพรรดิอู่อันเคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมา เพียงแต่หลังจากที่เซียวหลินเทียนขาพิการไปก็มิสามารถนำทัพได้อีกตอนนี้ขาหายดีแล้ว แต่ไหนเลยจะคิดว่า พ่อลูกได้ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันอีกครั้งจะเป็นการต่อสู้ภายในกับคนกันเอง!จักรพรรดิอู่อันเกิดความรู้สึกมากมายผสมปนเปกันอยู่ ยามตกทุกข์ได้ยากจึงจะพบเห็นความ
เซี่ยโฮ่วตานรั่วได้ยินดังนั้นก็ยืนนิ่งแล้วมองไปทางหลิงอวี๋อย่างเยาะเย้ย พลางตะโกนออกไป“หลิงอวี๋ เจ้าคุกเข่าขอร้องข้าสิ! แล้วข้าจะช่วยเจ้าขอร้ององค์ชายเว่ยกับองค์หญิงใหญ่ให้!“ต่อไปเจ้าก็มาคอยรินน้ำชาเป็นนางรับใช้ให้ข้าก็พอแล้ว!”“ส่วนเซียวหลินเทียน ก็ให้ละทิ้งวรยุทธไป จากนั้นก็ไปเป็นขันทีคอยรับใช้องค์ชายเว่ยแล้วกัน!”เซี่ยโฮ่วตานรั่วนึกถึงการไร้ความรู้สึกที่เซียวหลินเทียนมีต่อตนก็ไม่มีความรักต่อเขาแล้วแม้แต่น้อย นางจึงคิดเพียงแต่จะจัดการพวกเขาและทำให้พวกเขาอับอายอย่างหนัก! “เซี่ยโฮ่วตานรั่ว เจ้าดูที่ท้องฟ้าเถอะ พระอาทิตย์ยังมิตกดินเลย เหตุใดเจ้าจึงเพ้อฝันเสียแล้วเล่า!”หลิงอวี๋เห็นว่า คนของตนลดลงไปทีละนิด และทหารกองหนุนก็ยังมิมา นางก็ร้อนใจเป็นอย่างมากเผยอวี้กับอันเจ๋อจะต้องถูกถ่วงเวลาไว้เป็นแน่ นางมิอาจฝากความหวังไว้ที่ทหารกองหนุนได้แล้วเช่นนั้นจะทำอย่างไรดีเล่า?หลิงอวี๋เหลือบมององค์หญิงใหญ่แล้วจู่ ๆ ก็ใจเต้นขึ้นมา จึงเอ่ยออกไป“องค์หญิงใหญ่ เจ้าเห็นว่าทางพวกเรามีการซุ่มโจมตีอยู่ เจ้ามิกังวลหรือว่าทางด้านเฮ่อหรงจะเจอซุ่มโจมตีบ้าง?”“ขอบอกเจ้าอย่างมิกลัวเลยแล้วกัน ทางด้
“ไม่… ข้าไม่มีทางยอมแพ้เช่นนี้!”องค์ชายเว่ยตะโกนขึ้นมา แล้วตะคอกใส่องค์หญิงใหญ่อย่างสิ้นหวังทั้งโมโห “องค์หญิงใหญ่ ท่านรู้หรือไม่ว่าผลที่เปลี่ยนเป็นความพ่ายแพ้คืออะไร?”“คือพวกเราล้วนต้องตายด้วยดาบของเสด็จพ่อ!”“หากเราร่วมแรงร่วมใจกันชิงบัลลังก์นี้ ชัยชนะจะต้องเป็นของพวกเรา...”ยังมิทันที่องค์ชายเว่ยจะพูดจบ ดาบของขันทีโม่ก็เหวี่ยงมาทางเขาแล้ว องค์ชายเว่ยจึงตกใจคว้าเอาองครักษ์ผู้หนึ่งมาบังตนเอาไว้องครักษ์ผู้นั้นถูกดาบของขันทีโม่บั่นออกเป็นสองท่อนทันที เลือดสดร้อน ๆ สาดไปที่หัวและใบหน้าขององค์ชายเว่ยเต็ม ๆองค์ชายเว่ยมององครักษ์ที่ตัวขาดออกเป็นสองท่อนต่อหน้าต่อตาด้วยดวงตาที่เบิกโพลง!สถานการณ์ที่นองเลือดและน่าสะพรึงกลัวนี้ทำให้องค์ชายเว่ยตกใจจนเกือบจะปัสสาวะราด มือเท้าของเขาล่าถอยไปข้างหลังทันที และคว้าเอาตัวองครักษ์มาบังหน้าตนไว้มิหยุดองครักษ์กองทัพหลวงที่เหลือองค์ชายเว่ยล้วนตกตะลึงกับความเห็นแก่ตัวที่ไร้ยางอายขององค์ชายเว่ย แล้วก็ต่างพากันหลบไปอยู่ไกล ๆยังมิทันจะทำสำเร็จองค์ชายเว่ยก็ไร้ความปรานีเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นต่อไปจะรองรับพวกเขาได้หรือ?องครักษ์บางส่วนใจหนาวเหน็บขึ้น
เซียวหลินเทียนหันกลับไปมองก็เห็นว่าไทเฮากับหลิงอวี๋พาทหารพุ่งไปถึงตรงหน้าจักรพรรดิอู่อันแล้ว เขาจึงวางใจแล้วถือกระบี่ไล่ตามไปองค์ชายและองค์หญิงจากฉีตะวันออกสองคนนี้ยุยงให้เกิดการกบฏในฉินตะวันตก คราวนี้จะมิให้พวกเขาชดใช้ได้เยี่ยงไร!องค์ชายหนิงกับเซี่ยโฮ่วตานรั่วมิได้เงียบสงบเช่นก่อนหน้านี้แล้ว ตั้งแต่ที่องค์ชายหนิงเห็นเซียวหลินเทียนในวังก็มีลางสังหรณ์มิดีแล้วแต่เขาก็ยังคงโชคดีอยู่บ้างเมื่อนึกถึงว่า องค์ชายเว่ยกับองค์หญิงใหญ่มีเส้นสายยอดฝีมืออยู่มิน้อย อีกทั้งยังมีความร่วมมือกันของค่ายกองทหารเสือกับหอเหยี่ยวราตรีอีก ต่อให้เซียวหลินเทียนอยู่ก็ต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจเยอะมากที่จะยึดวังไว้ไหนเลยจะคิดว่าองค์ชายเว่ยกับองค์หญิงใหญ่จะมิสามารถทำให้สำเร็จได้ กอปรกับที่มีปรมาจารย์เช่นขันทีโม่อีก การชิงบัลลังก์คราวนี้ สุดท้ายแล้วก็ต้องพ่ายแพ้ไปเขาทำได้เพียงเลือกเดินในเส้นทางสุดท้าย รีบออกจากวังหลวงในทันที แล้วรีบพาคนของตนออกไปจากเมืองหลวง หนีกลับฉีตะวันออกไปเสียแต่หนีไปได้มิไกลเท่าใด ก็ได้ยินเสียงเยาะเย้ยของเซียวหลินเทียนมาจากด้านหลัง“องค์ชายหนิง การหนีหัวซุกหัวซุนดูมิคล้ายรูปแบบของเจ้