เมื่อกล่าวถึงองค์หญิงใหญ่ หลิงซวนก็ส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มอย่างขมขื่น “อาจารย์ ข้ารู้จักองค์หญิงใหญ่มิมากนัก เพราะในวังแทบไม่มีผู้ใดเอ่ยถึงองค์หญิงใหญ่เลย นี่เป็นเรื่องต้องห้ามเจ้าค่ะ!”“ข้ารู้เพียงว่าตั้งแต่ที่องค์หญิงใหญ่เสด็จไปยังอารามจิ้งซือ ก็มิเคยเสด็จกลับวังหลวงมาเยี่ยมไทเฮาอีกเลยเจ้าค่ะ!!”หลิงอวี๋รู้สึกเหลือเชื่อ ถึงอย่างไรไทเฮาก็เป็นพระมารดาขององค์หญิงใหญ่ มีธิดาองค์ใดที่จากไปหลายปีแล้วมิห่วงใยพระมารดาของตนเองบ้าง“แล้วไทเฮาเคยเสด็จไปเยี่ยมบ้างหรือไม่?”หลิงซวนพยายามนึกอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าวว่า “น่าจะเคยเสด็จไปเยี่ยมครั้งหนึ่ง นั่นคือสามปีหลังจากที่องค์หญิงใหญ่เสด็จไปที่อารามจิ้งซือ ไทเฮาทรงพาฮองเฮาเว่ยไปด้วย เมื่อเสด็จกลับมา ไทเฮาก็ทรงประชวรหนัก!”“ตอนนั้นมีข่าวลือว่า องค์หญิงใหญ่มิกตัญญู ทำให้ไทเฮาเสียพระทัย จึงทรงประชวรเมื่อเสด็จกลับมา!”“ต่อมาไทเฮาออกมาปฏิเสธข่าวลือด้วยพระองค์เอง โดยกล่าวว่า ที่ทรงประชวรนั้นเป็นเพียงเพราะความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง มิเกี่ยวกับองค์หญิงใหญ่ ข่าวลือจึงค่อย ๆ เงียบหายไป!”“ดูเหมือนว่าตั้งแต่นั้นมา ไทเฮาก็มิเคยเสด็จไปเยี่ยมอีกเลย! ฝ่าบา
ไทเฮาและพระราชธิดาที่พลัดพรากจากกันมานานโผเข้ากอดกันพลางร่ำไห้ ฉากเช่นนี้ฟังดูซาบซึ้งใจยิ่งนัก!กระนั้น หลิ่งอวี๋กลับพบบรรยากาศที่แตกต่างออกไปเมื่อมินานมานี้ ฮองเฮาเว่ยเพิ่งถูกไล่ไปอยู่ตำหนักเย็น ตระกูลเว่ยก็รับตัวองค์หญิงใหญ่กลับคืนมาในเวลานี้ ทั้งยังมีเรื่องการพระราชทานสมรสระหว่างเฮ่อหรงกับมู่หรงชิ่งอีกหากพิจารณาเหตุการณ์เหล่านี้แยกกันก็อาจไม่มีอะไร ทว่าหากนำมารวมกันแล้ว กลับมีความแปลกประหลาดซ่อนอยู่ในทุกเรื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหลิงอวี๋คิดว่า ก่อนหน้านี้ฮองเฮาเว่ยวางยาพิษไทเฮา แล้วมู่หรงเหยียนซงก็ยังเอ่ยถึงสาเหตุการสิ้นพระชนม์ของจักรพรรดิสูงสุดที่ผิดปกติอีก...องค์หญิงผู้นี้เป็นพระราชธิดาของไทเฮา หากนางคิดร้ายต่อไทเฮา ก็ยากที่จะรับรองได้ว่าไทเฮาจะมิถูกพิษของนาง!“เซียวหลินเทียน ท่านลองเข้าไปหาทางใกล้ชิดกับมู่หรงเหยียนซงดู ส่วนหม่อมฉันจะเข้าวังไปสืบข่าวในวันพรุ่ง!”หลิงอวี๋มิรู้ว่าเมื่อองค์หญิงใหญ่กลับมา ไทเฮาจะยังคงปฏิบัติต่อตนเช่นเดิมหรือไม่มิว่านางจะสนิทสนมกับไทเฮาเพียงใด ก็เทียบมิได้กับพระราชธิดาแท้ ๆ ของพระองค์!ยิ่งไปกว่านั้น หลิงอวี๋ยังต้องการสืบถามข่าวคราวจากข
เซียวหลินเทียนถูขมับเล็กน้อย เพราะปวดศีรษะจากการนอนหลับมิสนิทตลอดทั้งคืน“เฮ่อหรงอาจจะมีส่วนร่วม แต่ท่านจินต้ายังไม่มีหลักฐาน! เพราะเพิ่งพบเบาะแสจากบัญชีของตระกูลหยางที่รวบรวมไว้ก่อนหน้านี้!”“ตระกูลหยางขายอาวุธ อาหาร และยาให้องค์ชายเว่ย แต่เงินบางส่วนถูกบันทึกเป็นชื่ออ๋องกำมะลอ! แม้จำนวนเงินแต่ละครั้งมิมาก แต่เมื่อรวมกันก็นับว่ามากทีเดียว!”“ท่านจินต้าตรวจสอบรายชื่อเหล่านี้แล้วพบว่าเป็นชื่อปลอมทั้งหมด ไม่มีผู้ใดรู้แน่นอนว่าบุคคลนี้เป็นใคร!”“ไม่มีเหตุผล เหตุใดตระกูลหยางจึงให้เงินมากมายและอำนาจกับคนพวกนั้น?”หลิงอวี่พึมพำ “อ๋องกำมะลอ... อ๋องกำมะลอ... อ๋องกำมะลอ! เฮ่อหรงไม่มีอำนาจ และไม่มีตำแหน่งใด ๆ ดังนั้นเขาจึงถูกเรียกว่าอ๋องกำมะลอ!”“เช่นนั้นมันเป็นชื่อที่เฮ่อหรงตั้งให้ตัวเองจนเกือบถูกเยาะเย้ยหรือ?”เซียวหลินเทียนเหน็บแนม “ก่อนหน้านี้ข้ามิเคยสนใจเขาเลย เพราะคนผู้นี้มักทำตัวมิโดดเด่น! แต่คราวนี้กลับหลุดพิรุธออกมา หากพวกเราตรวจสอบ เขาต้องปกปิดมันมิได้แน่นอน!”“ข้าขอให้ท่านจินต้าและอิ๋นฮู๋รวบรวมข้อมูลของเขาไว้แล้ว ครั้งนี้ข้าจะมิปล่อยให้หางจิ้งจอกของเขาหดกลับเข้าไปได้อีก!”หลิ
“พี่สะใภ้สี่ ท่านกำลังคิดอะไรอยู่หรือ?”เมื่อเห็นหลิงอวี๋จมอยู่ในห้วงความคิด จูหลานจึงถามด้วยความสงสัย “ท่านสงสัยเหมือนกันใช่หรือไม่ว่าเหตุใดองค์หญิงใหญ่จึงเสด็จกลับมา?”หลิงอวี๋ออกจากห้วงความคิดแล้วพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ข้ายังมิเคยเข้าเฝ้าองค์หญิงใหญ่เลยสงสัยว่าพระองค์มีนิสัยอย่างไรน่ะ?”จูหลานตอบด้วยรอยยิ้ม “ข้าก็อยากรู้เช่นกัน! เราจะได้เข้าเฝ้าพระนางเร็ว ๆ นี้แล้ว! ไทเฮาคงทรงพระเกษมสำราญมิน้อยที่ในที่สุดองค์หญิงใหญ่ก็ทรงคิดได้และทรงยินดีที่จะดูแลรับใช้พระนาง!” จูหลานมิรู้เรื่องการเมืองสักเท่าไร ดังนั้นนางจึงเปลี่ยนหัวข้อบทสนทนาด้วยการพูดคุยเรื่องเสี่ยวเป่าให้หลิงอวี๋ฟังว่าเหตุใดเสี่ยวเป่าถึงยังหัวเราะได้ในตอนที่ฟันงอกในฐานะแม่ ลูก ๆ คือทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับนางหลิงอวี๋เห็นความตื่นเต้นของอีกฝ่ายจึงรู้สึกอิจฉาแม้หลิงเยวี่ยจะเป็นลูกของนาง แต่ก็มิเคยมีประสบการณ์ในการคลอดและมิเคยมีประสบการณ์เลี้ยงหลิงเยวี่ย จึงไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับการหัวเราะครั้งแรก หรือเริ่มเดินครั้งแรกน่าเสียดายอย่างยิ่ง!ในภายภาคหน้านางจะต้องมีลูกเป็นของตัวเองเท่านั้นจึงจะได้สัมผัสความสุขเช่นนี้!“ตอนนี
ก่อนที่ไทเฮาและองค์หญิงใหญ่จะนั่งลงประจำที่ พระชายาเส้าและจักรพรรดิอู่อันก็เดินจับมือกันเข้ามา ขณะที่ด้านหลังเป็นองค์หญิงหกเซียวทงวันนี้พระชายาเส้าแต่งตัวอย่างรัดกุมและเต็มยศรูปหกเหลี่ยมสีม่วงบนเสื้อคลุมแสดงถึงความมั่งคั่ง พร้อมด้วยดอกโบตั๋นที่ปักด้วยมือตั้งแต่ช่วงหน้าอกจนถึงไหล่ กลุ่มดอกไม้บนเสื้อช่วยให้ใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มอย่างวิจิตรงดงามเปล่งประกายพระชายาเส้าปักปิ่นลูกปัดไว้ในมวยผม ซึ่งทำจากลูกปัดทองคำหกเม็ดเข้าคู่กับหินโมราสีแดง ส่งเสริมให้นางดูสง่างามและโอ่อ่าในฐานะที่เป็นผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดในวังหลัง ใบหน้าที่เชิดขึ้นแสดงให้เห็นถึงความพึงพอใจของนางหลิงอวี๋หันไปสังเกตสีหน้าขององค์หญิงใหญ่ เพราะเมื่อเห็นปิ่นปักผมของพระชายาเส้า นางก็หันมององค์หญิงใหญ่อย่างมิรู้ตัวอีกครั้งนางเห็นว่าองค์หญิงใหญ่ปักปิ่นลูกปัดบนมวยผมที่เกล้าสูงของนาง ช่างเหมือนกับปิ่นของพระชายาเส้า แต่แตกต่างเพียงขององค์หญิงใหญ่ฝังด้วยลูกปัดทองคำเก้าเม็ด!เลขเก้าคือเลขที่มีเพียงผู้ที่ได้รับความเคารพสูงสุดเท่านั้นที่สามารถใช้ได้!หัวใจของหลิงอวี๋พลันวูบไหว ปิ่นเล่มนี้เป็นของไทเฮา!มันอาจจะเป็นสมบัติที่ไท
เมื่อถึงคราวที่จักรพรรดิอู่อันแนะนำเซียวหลินเทียนและหลิงอวี๋ หลังจากแนะนำทั้งสองคน องค์หญิงใหญ่ก็ยิ้มกว้างและจับมือหลิงอวี๋ด้วยท่าทางดีใจ“เมื่อคืนตัวข้าได้ยินเสด็จแม่พูดถึงเจ้า เสด็จแม่เล่าว่าเจ้าดูแลนางเป็นอย่างดี และยามที่เสด็จแม่ทรงประชวร เจ้าก็ยังอุทิศตนเพื่อดูแลพระนาง!”สิ้นคำ องค์หญิงก็ถอดสร้อยข้อมือหยกมอบให้หลิงอวี๋“นี่คือความต้องการของข้า ขอบใจที่ดูแลไทเฮาเพื่อข้า ไทเฮามอบสิ่งนี้ให้ข้าครั้นเมื่อแต่งงาน ข้าขอส่งต่อมันให้เจ้า!”ขณะที่หลิงอวี๋กำลังจะปฏิเสธ องค์หญิงใหญ่ก็ปรามนางเอาไว้และพูดหยอกล้อ “เจ้ากับข้ามิเจอกันมาก่อน เจ้าเลยมินับว่าข้าเป็นเสด็จป้างั้นหรือ!”ไทเฮากล่าวด้วยรอยยิ้ม “อาอวี๋ รับไปเถิด! ในภายภาคหน้าพวกเราแม่ลูกต้องรบกวนเจ้าอีกมาก!”หลิงอวี๋จึงพูดได้เพียงว่า “หลิงอวี๋ขอบพระทัยเสด็จป้าเพคะ!”เมื่อนางเดินกลับมาพร้อมกับสร้อยข้อมือหยก หลิงอวี๋ก็เห็นจ้าวเจินเจินมองตนด้วยสายตาเหยียดหยามพระชายาเว่ยยังคงมีสีหน้าไร้อารมณ์พระชายาเส้าในองค์จักรพรรดิหันมองหลิงอวี๋อย่างมีนัยก่อนหันหลังกลับหลังจากแนะนำตัวพระชายาเย่แล้ว หลิงอวี๋ก็พบว่า ในบรรดาพระชายาทั้งสี่คน นางเป็
จักรพรรดิอู่อันและไทเฮาดูเหมือนจะมิรู้เรื่องนี้ พวกเขาพูดคุยกันอย่างมีความสุขเกี่ยวกับเรื่องราวในอดีตหลิงอวี๋มิได้ตั้งใจฟังมากนัก นางคอยสังเกตท่าทีองค์หญิงใหญ่อย่างใจเย็นนางพำนักอยู่ที่อารามจิ้งซือนานหลายปีจึงมีท่าทีสงบนิ่ง หากพูดตามหลักเหตุผลแล้ว นางควรถือครองพรหมจรรย์และมีจิตใจบริสุทธิ์ แต่หลิงอวี๋มิได้รู้สึกเช่นนั้นทุกย่างก้าวขององค์หญิงใหญ่ดูสง่างามและสูงส่ง ซึ่งเป็นกลิ่นอายที่ผู้บำเพ็ญเพียรมานานมิอาจมีได้อาหารมื้อนี้จบลงด้วยบรรยากาศแห่งความคิดถึง จักรพรรดิอู่อันและพระชายาเส้านั่งรถม้ากลับวังหลวงเป็นคนแรกหลังจากที่หลิงอวี๋และเซียวหลินเทียนกล่าวลา ทั้งสองคนก็เดินออกจากวังหลวง ทันใดนั้นหลิงอวี๋ก็สังเกตเห็นแม่นมซ่งนางกำนัลส่วนตัวของพระชายาเส้ายืนอยู่ข้างต้นไม้หัวใจของหลิงอวี๋เต้นแรง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ นางจึงเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายแม่นมซ่งถอยไปสองก้าวเพื่อซ่อนตัวอยู่ใต้เงาต้นไม้แล้วกระซิบว่า“พระชายาอ๋องอี้ พระชายาสั่งให้ข้ามาบอกบางอย่างให้ท่าน... การลอบสังหารที่ทะเลสาบไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพระชายาเจ้าค่ะ!”พูดจบ แม่นมซ่งก็เดินจากไปหลิงอวี๋เดินกลับไปหาเซียวหลิน
หอเหยี่ยวราตรีอีกแล้ว!เซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋สบตากัน ตอนที่องค์ชายเว่ยไปที่เว่ยโจวครั้งที่แล้วก็จ่ายเงินในราคาสูงให้นักฆ่าจากหอเหยี่ยวราตรีไปลอบสังหารเซียวหลินเทียนศึกครั้งนั้นทำให้เซียวหลินเทียนถือโอกาสยืนขึ้นมา และในขณะเดียวกันก็ทำร้ายยอดฝีมือของหอเหยี่ยวราตรีไปสิบกว่าคนเลยทีเดียวหอเหยี่ยวราตรีได้รับความเสียหายหนักมาก หลังจากนั้นก็หลบซ่อนมิปรากฏตัวต่อสาธารณะอีกเลยไหนเลยจะคิดว่า ครั้งนี้ตระกูลเว่ยจะใช้นักฆ่าจากหอเหยี่ยวราตรีอีกครั้ง ทั้งยังเป็นยอดฝีมือที่อยู่ในห้าอันดับต้นอีกด้วยครั้งนี้เสียหายไปหนึ่งคน แล้วหอเหยี่ยวราตรีจะยอมวางมือได้เยี่ยงไร!“ท่านอ๋อง นักฆ่าหญิงผู้นี้คนทั่วไปเรียกกันว่าไป๋สั่วมิ่งพ่ะย่ะค่ะ วรยุทธสูงยิ่งกว่าสามีของนางเสียอีก ว่ากันว่าทุกครั้งที่สองคนนี้รับภารกิจ ไป๋สั่วมิ่งจะเป็นคนวางแผนและตัดสินเรื่องการฆ่าพ่ะย่ะค่ะ”“ตั้งแต่ที่สองคนนี้เริ่มทำมาก็มิเคยพลาดเลย ครั้งนี้สูญเสียสามีของนางไป นางต้องไม่มีทางยอมวางมือแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”ปี้ไห่เฟิงเอ่ยอย่างกังวลใจ “พระชายา ช่วงนี้เวลาท่านออกไปข้างนอกต้องระวังนะขอรับ! ว่ากันว่าไป๋สั่วมิ่งผู้นี้ยังมีอีกฉายาว่ากว