คำพูดของหลิงอวี๋ทำให้ดวงตาของเซียวหลินเทียนเป็นประกายขึ้นมาทันที เขาได้รู้เรื่องที่หลิงอวี๋สามารถใช้พลังวิญญาณเก็บและเรียกดาบวิเศษออกมาได้หากสิ่งที่หลิงอวี๋พูดเป็นเรื่องจริง เช่นนั้นหากเจอดาบวิเศษที่ตนหยดเลือดสร้างพันธะด้วยได้ เขาก็จะสามารถใช้พลังวิญญาณคุมดาบไปสังหารคนได้เช่นกันมิใช่หรือ?“อาอวี๋ เช่นนั้นข้าจะต้องตั้งใจฝึกฝนพลังวิญญาณ!”เซียวหลินเทียนยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้น เขาต้องรีบบำเพ็ญเพียรพัฒนาตนเอง เพื่อหลีกเลี่ยงตอนที่ได้รับดาบวิเศษเช่นนั้นจริง ๆ แล้วตนเองกลับมิสามารถควบคุมมันได้หลิงอวี๋เองก็คล้อยตามไปกับความตื่นเต้นของเซียวหลินเทียนเช่นกัน คำพูดของมู่หรงเหยียนซงเป็นการยืนยันแล้วว่า ใต้หล้าผืนนี้ยังมีอีกใต้หล้าที่เหนือชั้นกว่านี้ไปอีกเก๋อเทียนซือสามารถมาที่ฉินตะวันตกได้ ก็อาจจะมีศัตรูอีกมากที่มาได้เช่นกันหากนางมิอยากถูกคนอื่นทำร้ายแล้วมิสามารถตอบโต้ได้ ก็ทำได้เพียงพัฒนาตนเองเท่านั้น “เซียวหลินเทียน ท่านสอนวรยุทธให้หม่อมฉันเถิดเพคะ! หม่อมฉันเองก็ต้องขยันแล้วเช่นกัน!”ในบรรดาคนที่หลิงอวี๋รู้จักในตอนนี้ก็มีเซียวหลินเทียนที่มีวรยุทธสูงที่สุด นางทำได้เพียงให้เซียวหลินเทีย
นี่มันหยิ่งผยองเกินไปจริง ๆ!เซียวหลินเทียนลุกขึ้นอย่างเดือดดาลแล้วรีบแต่งตัวออกไปที่หลุมศพของหลี่ว์กังพร้อมกับหลิงอวี๋อย่างรวดเร็วระหว่างทางก็ได้พบกับหลี่ว์เซียงกับหลี่ว์จงเจ๋อที่ได้ข่าวแล้วรีบมาเช่นกันหลี่ว์เซียงโกรธจนพูดติด ๆ ขัด ๆ เอ่ยขึ้นมา “รังแกกันมากไปแล้ว… รังแกกันมากเกินไปแล้วจริง ๆ! เซี่ยโฮ่วตานรั่วผู้นี้คิดว่าฉินตะวันตกไม่มีใครเลยจริง ๆ หรือไร?”“นางกล้าเฆี่ยนตีศพ! ข้า… ข้าจะต้องกราบทูลต่อองค์จักรพรรดิให้นางชดใช้!”สายตาของหลี่ว์จงเจ๋อมองหลิงอวี๋อย่างซับซ้อน หลิงอวี๋คาดการณ์ถูกอีกแล้ววันนี้ตอนที่เสร็จสิ้นพิธีศพของหลี่ว์กัง ก่อนที่หลิงอวี๋จะกลับไปก็ได้บอกกับหลี่ว์จงเจ๋อเป็นการส่วนตัว“ฮูหยินสามไปอาศัยอยู่ที่ไร่นาของข้า หากเซี่ยโฮ่วตานรั่วมิสามารถลงมือกับพวกนางได้ มิแน่ว่าอาจจะมาระบายความโกรธที่ศพของหลี่ว์กังก็ได้! เจ้าหาคนสักสองสามคนไปเฝ้าที่หลุมศพหลี่ว์กังไว้ในตอนที่พวกเซี่ยโฮ่วตานรั่วยังมิออกจากฉินตะวันตก ป้องกันไว้ก่อน!”ก่อนหน้านี้หลี่ว์จงเจ๋อยังมิเห็นด้วยเท่าไร คิดว่าคนตายไปแล้วเซี่ยโฮ่วตานรั่วคงมิทำอันใดกับคนตายหรอกทว่าด้วยความเชื่อใจที่มีต่อหลิงอวี๋ หลี่ว
“คิดจะไปหรือ? มิง่ายดายเพียงนั้นหรอก!”เซียวหลินเทียนกับหลี่ว์จงเจ๋อตะโกนขึ้นมาพร้อมกันพวกองครักษ์จ้าวซวนกับคนของหลี่ว์จงเจ๋อต่างไปขวางทางเซี่ยโฮ่วตานรั่วเอาไว้เซี่ยโฮ่วตานรั่วมองไปทางเซียวหลินเทียนอย่างเกลียดชัง เซียวหลินเทียนเมินเฉยต่อความรักของตนครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้นางเกลียดชัง นางจึงตะโกนออกไปอย่างเอาแต่ใจ“มิให้ข้าไปรึ? เซียวหลินเทียน หรือว่าท่านจะกล้าฆ่าข้าเล่า?”“หากท่านกล้าแตะต้องข้าแม้แต่ปลายเส้นผม เสด็จพี่ของข้าไม่มีทางปล่อยพวกเจ้าไปแน่!”“ผู้ที่ได้รับความพ่ายแพ้ยังจะกล้าหยิ่งผยองที่นี่อีก! เหตุใดเสด็จพี่ของเจ้าจะมิปล่อยข้าไปเล่า?”เซียวหลินเทียนยิ้มอย่างดูถูก พวกเขาชนะองค์ชายหนิงในการล้อมเมือง และยังเป็นเพียงแค่กลุ่มของตนเท่านั้นด้วย นี่ก็เป็นการพิสูจน์แล้วว่า ความสามารถในการรบของกลุ่มฉินตะวันตกของพวกเขาคว้าชัยห่างจากฉีตะวันออกไปไกลแล้วองค์ชายหนิงหรือจะกล้าแตะต้องเขา?นี่เซี่ยโฮ่วตานรั่วกำลังพูดเรื่องตลกอยู่หรือ?ความเย่อหยิ่งของเซี่ยโฮ่วตานรั่วถูกปรามลงไปทันที พวกเขาแพ้และสูญเสียเมืองไปสองเมืองก็พิสูจน์แล้วว่าสู้มิได้เกรงว่าถึงเสด็จพี่มาก็ไม่มีทางจะสนับสน
องค์ชายหนิงถูกซินจิ้งปลุกขึ้นมาจากความฝัน เมื่อรู้ว่าเซี่ยโฮ่วตานรั่วพาคนไปเฆี่ยนตีศพและทำลายหลุมศพของหลี่ว์กังในชั่วขณะหนึ่งองค์ชายหนิงคิดว่าตนฝันอยู่ยังมิตื่น!กระทั่งตื่นเต็มตาแล้วเขาก็สะบัดข้อมือตบซินจิ้งอย่างแรง พลางตะโกนใส่อย่างร้อนใจ“นางไปทำเรื่องเช่นนี้ เหตุใดเจ้าถึงมิห้ามไว้?”“สารเลว เจ้ารู้หรือไม่ว่านี่หมายความเยี่ยงไร?”ซินจิ้งถูกตบทรุดลงไปกับพื้น นางอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาเหตุใดนางจะมิรู้ความร้ายแรงของเรื่องนี้แต่เซี่ยโฮ่วตานรั่วทำเรื่องเช่นนี้กลัวว่านางจะห้าม จึงแอบวางยาลงในน้ำชาของนางกระทั่งซินจิ้งตื่นขึ้นมาแล้วตามไป เซี่ยโฮ่วตานรั่วก็ถูกแม่ทัพเฉินพาตัวไปที่ศาลาว่าการมณฑลแล้ว“องค์ชาย บ่าวผิดไปแล้วเพคะ!”ซินจิ้งคุกเข่าลง นางมิสนใจที่จะเช็ดเลือดที่ไหลออกมาตรงมุมปากของตน พลางเอ่ยออกไป “องค์หญิงถูกพาตัวไปที่ศาลาว่าการมณฑลแล้วเพคะ องค์ชายได้โปรดคิดหาวิธีไปพาตัวองค์หญิงกลับมาทีเถิดเพคะ!”“พากลับมา?”องค์ชายหนิงโกรธขึ้นมาเลย “เจ้าเห็นว่านี่คือศาลาว่าการของฉีตะวันออกของเราเองหรือไร?”“ทหารที่ข้าพามาที่ฉินตะวันตกมีเท่าใดกัน? เจ้าจะให้ข้าพาคนเหล่านี้ไปชิงตัวเซี
ณ วังหลวงในยามเช้าตรู่ ขันทีฉางปัดแส้พลางเอ่ยออกมา “มีเรื่องก็กราบทูล ไม่มีเรื่องก็ถอยกลับไป!”คำพูดของขันทีฉางเพิ่งจะสิ้นสุด หลี่ว์เซียงก็กอดสาส์นที่จะกราบทูลออกมาแล้วคุกเข่าลง จากนั้นก็เอ่ยเสียงสะอื้น “ฝ่าบาท กระหม่อมต้องการร้องเรียนพ่ะย่ะค่ะ!”จักรพรรดิอู่อันตะลึงแล้วมองไปทางขันทีฉางขันทีฉางเองก็ดูตะลึงเช่นกัน สิ่งนี้ทำให้จักรพรรดิอู่อันมิพอใจมาก เขาจ้องมองขันทีฉางแล้วหันไปทางหลี่ว์เซียง “เจ้ามีเรื่องอันใดก็พูดมาเลย!”ขันทีฉางผู้นี้สู้ขันทีเซี่ยมิได้เลยจริง ๆ อย่างน้อยในยามนี้ขันทีเซี่ยก็เตือนตนได้ว่าหลี่ว์เซียงจะทำสิ่งใดหลี่ว์เซียงมิได้ลุกขึ้น เขาคุกเข่าพลางยกสาส์นกราบทูลสูงขึ้น “กระหม่อมมิได้มีเรื่องกราบทูล แต่กระหม่อมจะร้องเรียนพ่ะย่ะค่ะ! โปรดฝ่าบาทดูสาส์นกราบทูลก่อนแล้วค่อยดำเนินการตัดสินเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”จักรพรรดิอู่อันโบกมือ แล้วขันทีฉางก็วิ่งเหยาะ ๆ ไปรับสาส์นกราบทูลของหลี่ว์เซียงเหล่าขุนนางต่าง ๆ ด้านล่าง มีมิกี่คนที่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน นอกจากนั้นยังมิรู้เรื่องเมื่อเห็นหลี่ว์เซียงร้องเรียน ขุนนางที่มิรู้เรื่องก็ตกใจ หลี่ว์เซียงคงมิได้จะจัดการใครใช่หรือไม
เรื่องนี้ขุนนางบางส่วนยังมิรู้ เมื่อได้ยินดังนี้จึงมองไปทางหลี่ว์เซียงอย่างแปลกใจที่แท้หลี่ว์เซียงออกหน้าให้หลี่ว์กังอย่างร้อนใจเช่นนี้ก็เพราะเป็นการแก้แค้นส่วนตัวนี่เอง!หลี่ว์เซียงกับจ้าวฮุยมิลงรอยกันมาครึ่งชีวิตแล้ว สูสีกันมาตลอด ก่อนหน้านี้เขาก็กังวลอยู่ว่าจ้าวฮุยจะทำให้ตนเสียเรื่องคิดมิถึงว่าจ้าวฮุยจะมิได้ออกหน้า แต่คนออกหน้าเป็นองค์ชายคังลูกเขยของเขาแทนหรือว่าจ้าวฮุยคอยสั่งการองค์ชายคังอยู่เบื้องหลังให้จัดการตน?คำพูดขององค์ชายคังอยากจะให้ตนเสื่อมเสีย มีจังหวะจะโค่น ทำให้องค์จักรพรรดิคิดว่าตงเป็นคนที่แยกแยะเรื่องส่วนตัวกับส่วนรวมมิออกหรือไม่?หลี่ว์เซียงคิดไปก็เอ่ยถามอย่างเย็นชาไป “กระหม่อมมิเข้าใจสิ่งที่องค์ชายตรัส หลี่ว์กังเป็นหลานชายของกระหม่อม กระหม่อมมิเคยปฏิเสธพ่ะย่ะค่ะ!”“การที่หลี่ว์กังถูกทำลายหลุมศพและเฆี่ยนตีศพก็เป็นเรื่องจริงเช่นกัน! กระหม่อมร้องขอความยุติธรรมจากองค์จักรพรรดิ มีทั้งเหตุผลและหลักฐาน เหตุใดจึงเป็นการแก้แค้นส่วนตัวเล่าพ่ะย่ะค่ะ?”องค์ชายคังเอ่ยเรียบ ๆ “หลี่ว์เซียง อย่าได้รีบร้อนโต้เถียงเลย… ให้ข้าถามเจ้าคำถามหนึ่งก่อนก็จะกระจ่างแล้ว!”“หลี่ว์เ
ในครานี้จักรพรรดิอู่อันมิได้แสดงจุดยืนของเขาง่าย ๆ เขาตรึกตรองพลางกวาดสายตาไปทั่วทั้งท้องพระโรงฝ่ายสนับสนุนการทำศึกก็คือเซียวหลินเทียนและหลี่ว์เซียงฝ่ายสนับสนุนการเจรจาสงบศึกก็คือใต้เท้าหลี่และองค์ชายคังถ้อยคำของทั้งสองฝ่ายล้วนมีเหตุผลหากลงโทษเซี่ยโฮ่วตานรั่ว หากองค์ชายหนิงหันไปเข้ากับองค์ชายอิง สองแคว้นร่วมมือกัน ย่อมเป็นภัยคุกคามมิน้อยต่อแคว้นฉินตะวันตกทว่าหากมิลงโทษเซี่ยโฮ่วตานรั่ว เขาเองก็รู้สึกอัดอั้นตันใจ สตรีผู้นี้กล้ากระทำการอุกอาจเช่นนี้ อาศัยสิ่งใดเป็นที่พึ่ง“อัครเสนาบดีจ้าว เจ้าคิดเช่นไร?”จักรพรรดิอู่อันเห็นว่าจ้าวฮุยนิ่งเงียบจึงเอ่ยถามเมื่อครู่จ้าวฮุยเพิ่งตรึกตรองอยู่ว่า เหตุใดองค์ชายคังจึงเสนอความคิดนี้ ทั้งที่โดยปกติแล้วเขาเฉลียวฉลาด แต่คิดใคร่ครวญอยู่นานก็ยังมิอาจหยั่งถึงความคิดขององค์ชายคังก่อนเข้าเฝ้า องค์ชายคังก็มิได้หารือกับตน จ้าวฮุยจึงมิรู้ว่าจะช่วยเหลือเขาอย่างไรเมื่อได้ยินจักรพรรดิอู่อันเอ่ยถาม จ้าวฮุยจึงจำต้องกราบทูลว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมเห็นว่าถ้อยคำของเหล่าเสนาบดีล้วนมีเหตุผล กระหม่อมไร้ความคิดเห็นขัดแย้ง...”“การกระทำของเซี่ยโฮ่วตานรั่วครั้
จ้าวฮุยโกรธเคืองในใจอย่างมาก ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตระกูลจ้าวได้ทุ่มเททั้งกำลังคนและกำลังทรัพย์อย่างมหาศาลเพื่อช่วยให้องค์ชายคังได้ขึ้นสู่ตำแหน่งรัชทายาทองค์ชายคังยังมิได้ขึ้นสู่ตำแหน่งรัชทายาท แต่กลับคิดว่าตนปีกกล้าแข็งแล้วจึงกล้าตัดสินใจเองโดยมิปรึกษาตนจ้าวฮุยคาดการณ์ความคิดในใจขององค์ชายคังได้อย่างแม่นยำ เขามิได้คิดที่จะได้รับการสนับสนุนจากองค์ชายหนิงเพื่อก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งรัชทายาทหรอกหรือ?จ้าวฮุยคาดการณ์ไว้ไม่มีผิด ก่อนเข้าเฝ้า องค์ชายคังลอบพบกับองค์ชายหนิงองค์ชายหนิงเปิดเผยจุดประสงค์โดยตรง “องค์ชายคัง เจ้ามิได้เก่งกล้าทางด้านวรรณกรรมเท่าเซียวหลินเทียน มิได้เก่งกล้าทางด้านการศึกเท่าเซียวหลินเทียน การจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งรัชทายาทนั้นยากยิ่ง”“ทว่าหากผูกสัมพันธไมตรีกับแคว้นฉีตะวันออกของเรา ข้าสามารถช่วยให้เจ้าก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนี้ได้ เราจะร่วมมือกันกำจัดเซียวหลินเทียน”องค์ชายคังตกใจกับถ้อยคำที่ตรงไปตรงมาขององค์ชายหนิง ก่อนที่เขาจะกล่าวสิ่งใด องค์ชายหนิงก็หย่อนเหยื่อล่ออีก“เจ้าก็ทราบดีว่าเมืองโม่เหอเป็นเมืองแห่งสมบัติ หากกำจัดเซียวหลินเทียนได้เมืองโม่เหอก็จะตกเป็นของเจ้า เมื