นี่มันหยิ่งผยองเกินไปจริง ๆ!เซียวหลินเทียนลุกขึ้นอย่างเดือดดาลแล้วรีบแต่งตัวออกไปที่หลุมศพของหลี่ว์กังพร้อมกับหลิงอวี๋อย่างรวดเร็วระหว่างทางก็ได้พบกับหลี่ว์เซียงกับหลี่ว์จงเจ๋อที่ได้ข่าวแล้วรีบมาเช่นกันหลี่ว์เซียงโกรธจนพูดติด ๆ ขัด ๆ เอ่ยขึ้นมา “รังแกกันมากไปแล้ว… รังแกกันมากเกินไปแล้วจริง ๆ! เซี่ยโฮ่วตานรั่วผู้นี้คิดว่าฉินตะวันตกไม่มีใครเลยจริง ๆ หรือไร?”“นางกล้าเฆี่ยนตีศพ! ข้า… ข้าจะต้องกราบทูลต่อองค์จักรพรรดิให้นางชดใช้!”สายตาของหลี่ว์จงเจ๋อมองหลิงอวี๋อย่างซับซ้อน หลิงอวี๋คาดการณ์ถูกอีกแล้ววันนี้ตอนที่เสร็จสิ้นพิธีศพของหลี่ว์กัง ก่อนที่หลิงอวี๋จะกลับไปก็ได้บอกกับหลี่ว์จงเจ๋อเป็นการส่วนตัว“ฮูหยินสามไปอาศัยอยู่ที่ไร่นาของข้า หากเซี่ยโฮ่วตานรั่วมิสามารถลงมือกับพวกนางได้ มิแน่ว่าอาจจะมาระบายความโกรธที่ศพของหลี่ว์กังก็ได้! เจ้าหาคนสักสองสามคนไปเฝ้าที่หลุมศพหลี่ว์กังไว้ในตอนที่พวกเซี่ยโฮ่วตานรั่วยังมิออกจากฉินตะวันตก ป้องกันไว้ก่อน!”ก่อนหน้านี้หลี่ว์จงเจ๋อยังมิเห็นด้วยเท่าไร คิดว่าคนตายไปแล้วเซี่ยโฮ่วตานรั่วคงมิทำอันใดกับคนตายหรอกทว่าด้วยความเชื่อใจที่มีต่อหลิงอวี๋ หลี่ว
“คิดจะไปหรือ? มิง่ายดายเพียงนั้นหรอก!”เซียวหลินเทียนกับหลี่ว์จงเจ๋อตะโกนขึ้นมาพร้อมกันพวกองครักษ์จ้าวซวนกับคนของหลี่ว์จงเจ๋อต่างไปขวางทางเซี่ยโฮ่วตานรั่วเอาไว้เซี่ยโฮ่วตานรั่วมองไปทางเซียวหลินเทียนอย่างเกลียดชัง เซียวหลินเทียนเมินเฉยต่อความรักของตนครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้นางเกลียดชัง นางจึงตะโกนออกไปอย่างเอาแต่ใจ“มิให้ข้าไปรึ? เซียวหลินเทียน หรือว่าท่านจะกล้าฆ่าข้าเล่า?”“หากท่านกล้าแตะต้องข้าแม้แต่ปลายเส้นผม เสด็จพี่ของข้าไม่มีทางปล่อยพวกเจ้าไปแน่!”“ผู้ที่ได้รับความพ่ายแพ้ยังจะกล้าหยิ่งผยองที่นี่อีก! เหตุใดเสด็จพี่ของเจ้าจะมิปล่อยข้าไปเล่า?”เซียวหลินเทียนยิ้มอย่างดูถูก พวกเขาชนะองค์ชายหนิงในการล้อมเมือง และยังเป็นเพียงแค่กลุ่มของตนเท่านั้นด้วย นี่ก็เป็นการพิสูจน์แล้วว่า ความสามารถในการรบของกลุ่มฉินตะวันตกของพวกเขาคว้าชัยห่างจากฉีตะวันออกไปไกลแล้วองค์ชายหนิงหรือจะกล้าแตะต้องเขา?นี่เซี่ยโฮ่วตานรั่วกำลังพูดเรื่องตลกอยู่หรือ?ความเย่อหยิ่งของเซี่ยโฮ่วตานรั่วถูกปรามลงไปทันที พวกเขาแพ้และสูญเสียเมืองไปสองเมืองก็พิสูจน์แล้วว่าสู้มิได้เกรงว่าถึงเสด็จพี่มาก็ไม่มีทางจะสนับสน
องค์ชายหนิงถูกซินจิ้งปลุกขึ้นมาจากความฝัน เมื่อรู้ว่าเซี่ยโฮ่วตานรั่วพาคนไปเฆี่ยนตีศพและทำลายหลุมศพของหลี่ว์กังในชั่วขณะหนึ่งองค์ชายหนิงคิดว่าตนฝันอยู่ยังมิตื่น!กระทั่งตื่นเต็มตาแล้วเขาก็สะบัดข้อมือตบซินจิ้งอย่างแรง พลางตะโกนใส่อย่างร้อนใจ“นางไปทำเรื่องเช่นนี้ เหตุใดเจ้าถึงมิห้ามไว้?”“สารเลว เจ้ารู้หรือไม่ว่านี่หมายความเยี่ยงไร?”ซินจิ้งถูกตบทรุดลงไปกับพื้น นางอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาเหตุใดนางจะมิรู้ความร้ายแรงของเรื่องนี้แต่เซี่ยโฮ่วตานรั่วทำเรื่องเช่นนี้กลัวว่านางจะห้าม จึงแอบวางยาลงในน้ำชาของนางกระทั่งซินจิ้งตื่นขึ้นมาแล้วตามไป เซี่ยโฮ่วตานรั่วก็ถูกแม่ทัพเฉินพาตัวไปที่ศาลาว่าการมณฑลแล้ว“องค์ชาย บ่าวผิดไปแล้วเพคะ!”ซินจิ้งคุกเข่าลง นางมิสนใจที่จะเช็ดเลือดที่ไหลออกมาตรงมุมปากของตน พลางเอ่ยออกไป “องค์หญิงถูกพาตัวไปที่ศาลาว่าการมณฑลแล้วเพคะ องค์ชายได้โปรดคิดหาวิธีไปพาตัวองค์หญิงกลับมาทีเถิดเพคะ!”“พากลับมา?”องค์ชายหนิงโกรธขึ้นมาเลย “เจ้าเห็นว่านี่คือศาลาว่าการของฉีตะวันออกของเราเองหรือไร?”“ทหารที่ข้าพามาที่ฉินตะวันตกมีเท่าใดกัน? เจ้าจะให้ข้าพาคนเหล่านี้ไปชิงตัวเซี
ณ วังหลวงในยามเช้าตรู่ ขันทีฉางปัดแส้พลางเอ่ยออกมา “มีเรื่องก็กราบทูล ไม่มีเรื่องก็ถอยกลับไป!”คำพูดของขันทีฉางเพิ่งจะสิ้นสุด หลี่ว์เซียงก็กอดสาส์นที่จะกราบทูลออกมาแล้วคุกเข่าลง จากนั้นก็เอ่ยเสียงสะอื้น “ฝ่าบาท กระหม่อมต้องการร้องเรียนพ่ะย่ะค่ะ!”จักรพรรดิอู่อันตะลึงแล้วมองไปทางขันทีฉางขันทีฉางเองก็ดูตะลึงเช่นกัน สิ่งนี้ทำให้จักรพรรดิอู่อันมิพอใจมาก เขาจ้องมองขันทีฉางแล้วหันไปทางหลี่ว์เซียง “เจ้ามีเรื่องอันใดก็พูดมาเลย!”ขันทีฉางผู้นี้สู้ขันทีเซี่ยมิได้เลยจริง ๆ อย่างน้อยในยามนี้ขันทีเซี่ยก็เตือนตนได้ว่าหลี่ว์เซียงจะทำสิ่งใดหลี่ว์เซียงมิได้ลุกขึ้น เขาคุกเข่าพลางยกสาส์นกราบทูลสูงขึ้น “กระหม่อมมิได้มีเรื่องกราบทูล แต่กระหม่อมจะร้องเรียนพ่ะย่ะค่ะ! โปรดฝ่าบาทดูสาส์นกราบทูลก่อนแล้วค่อยดำเนินการตัดสินเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”จักรพรรดิอู่อันโบกมือ แล้วขันทีฉางก็วิ่งเหยาะ ๆ ไปรับสาส์นกราบทูลของหลี่ว์เซียงเหล่าขุนนางต่าง ๆ ด้านล่าง มีมิกี่คนที่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน นอกจากนั้นยังมิรู้เรื่องเมื่อเห็นหลี่ว์เซียงร้องเรียน ขุนนางที่มิรู้เรื่องก็ตกใจ หลี่ว์เซียงคงมิได้จะจัดการใครใช่หรือไม
เรื่องนี้ขุนนางบางส่วนยังมิรู้ เมื่อได้ยินดังนี้จึงมองไปทางหลี่ว์เซียงอย่างแปลกใจที่แท้หลี่ว์เซียงออกหน้าให้หลี่ว์กังอย่างร้อนใจเช่นนี้ก็เพราะเป็นการแก้แค้นส่วนตัวนี่เอง!หลี่ว์เซียงกับจ้าวฮุยมิลงรอยกันมาครึ่งชีวิตแล้ว สูสีกันมาตลอด ก่อนหน้านี้เขาก็กังวลอยู่ว่าจ้าวฮุยจะทำให้ตนเสียเรื่องคิดมิถึงว่าจ้าวฮุยจะมิได้ออกหน้า แต่คนออกหน้าเป็นองค์ชายคังลูกเขยของเขาแทนหรือว่าจ้าวฮุยคอยสั่งการองค์ชายคังอยู่เบื้องหลังให้จัดการตน?คำพูดขององค์ชายคังอยากจะให้ตนเสื่อมเสีย มีจังหวะจะโค่น ทำให้องค์จักรพรรดิคิดว่าตงเป็นคนที่แยกแยะเรื่องส่วนตัวกับส่วนรวมมิออกหรือไม่?หลี่ว์เซียงคิดไปก็เอ่ยถามอย่างเย็นชาไป “กระหม่อมมิเข้าใจสิ่งที่องค์ชายตรัส หลี่ว์กังเป็นหลานชายของกระหม่อม กระหม่อมมิเคยปฏิเสธพ่ะย่ะค่ะ!”“การที่หลี่ว์กังถูกทำลายหลุมศพและเฆี่ยนตีศพก็เป็นเรื่องจริงเช่นกัน! กระหม่อมร้องขอความยุติธรรมจากองค์จักรพรรดิ มีทั้งเหตุผลและหลักฐาน เหตุใดจึงเป็นการแก้แค้นส่วนตัวเล่าพ่ะย่ะค่ะ?”องค์ชายคังเอ่ยเรียบ ๆ “หลี่ว์เซียง อย่าได้รีบร้อนโต้เถียงเลย… ให้ข้าถามเจ้าคำถามหนึ่งก่อนก็จะกระจ่างแล้ว!”“หลี่ว์เ
ในครานี้จักรพรรดิอู่อันมิได้แสดงจุดยืนของเขาง่าย ๆ เขาตรึกตรองพลางกวาดสายตาไปทั่วทั้งท้องพระโรงฝ่ายสนับสนุนการทำศึกก็คือเซียวหลินเทียนและหลี่ว์เซียงฝ่ายสนับสนุนการเจรจาสงบศึกก็คือใต้เท้าหลี่และองค์ชายคังถ้อยคำของทั้งสองฝ่ายล้วนมีเหตุผลหากลงโทษเซี่ยโฮ่วตานรั่ว หากองค์ชายหนิงหันไปเข้ากับองค์ชายอิง สองแคว้นร่วมมือกัน ย่อมเป็นภัยคุกคามมิน้อยต่อแคว้นฉินตะวันตกทว่าหากมิลงโทษเซี่ยโฮ่วตานรั่ว เขาเองก็รู้สึกอัดอั้นตันใจ สตรีผู้นี้กล้ากระทำการอุกอาจเช่นนี้ อาศัยสิ่งใดเป็นที่พึ่ง“อัครเสนาบดีจ้าว เจ้าคิดเช่นไร?”จักรพรรดิอู่อันเห็นว่าจ้าวฮุยนิ่งเงียบจึงเอ่ยถามเมื่อครู่จ้าวฮุยเพิ่งตรึกตรองอยู่ว่า เหตุใดองค์ชายคังจึงเสนอความคิดนี้ ทั้งที่โดยปกติแล้วเขาเฉลียวฉลาด แต่คิดใคร่ครวญอยู่นานก็ยังมิอาจหยั่งถึงความคิดขององค์ชายคังก่อนเข้าเฝ้า องค์ชายคังก็มิได้หารือกับตน จ้าวฮุยจึงมิรู้ว่าจะช่วยเหลือเขาอย่างไรเมื่อได้ยินจักรพรรดิอู่อันเอ่ยถาม จ้าวฮุยจึงจำต้องกราบทูลว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมเห็นว่าถ้อยคำของเหล่าเสนาบดีล้วนมีเหตุผล กระหม่อมไร้ความคิดเห็นขัดแย้ง...”“การกระทำของเซี่ยโฮ่วตานรั่วครั้
จ้าวฮุยโกรธเคืองในใจอย่างมาก ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตระกูลจ้าวได้ทุ่มเททั้งกำลังคนและกำลังทรัพย์อย่างมหาศาลเพื่อช่วยให้องค์ชายคังได้ขึ้นสู่ตำแหน่งรัชทายาทองค์ชายคังยังมิได้ขึ้นสู่ตำแหน่งรัชทายาท แต่กลับคิดว่าตนปีกกล้าแข็งแล้วจึงกล้าตัดสินใจเองโดยมิปรึกษาตนจ้าวฮุยคาดการณ์ความคิดในใจขององค์ชายคังได้อย่างแม่นยำ เขามิได้คิดที่จะได้รับการสนับสนุนจากองค์ชายหนิงเพื่อก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งรัชทายาทหรอกหรือ?จ้าวฮุยคาดการณ์ไว้ไม่มีผิด ก่อนเข้าเฝ้า องค์ชายคังลอบพบกับองค์ชายหนิงองค์ชายหนิงเปิดเผยจุดประสงค์โดยตรง “องค์ชายคัง เจ้ามิได้เก่งกล้าทางด้านวรรณกรรมเท่าเซียวหลินเทียน มิได้เก่งกล้าทางด้านการศึกเท่าเซียวหลินเทียน การจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งรัชทายาทนั้นยากยิ่ง”“ทว่าหากผูกสัมพันธไมตรีกับแคว้นฉีตะวันออกของเรา ข้าสามารถช่วยให้เจ้าก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนี้ได้ เราจะร่วมมือกันกำจัดเซียวหลินเทียน”องค์ชายคังตกใจกับถ้อยคำที่ตรงไปตรงมาขององค์ชายหนิง ก่อนที่เขาจะกล่าวสิ่งใด องค์ชายหนิงก็หย่อนเหยื่อล่ออีก“เจ้าก็ทราบดีว่าเมืองโม่เหอเป็นเมืองแห่งสมบัติ หากกำจัดเซียวหลินเทียนได้เมืองโม่เหอก็จะตกเป็นของเจ้า เมื
องค์ชายคังมิได้รู้ว่าการกระทำของตนได้ทำให้จ้าวฮุยโกรธแล้ว องค์ชายคังยังแสร้งทำเป็นพูดเพื่อความชอบธรรมต่อหน้าจักรพรรดิอู่และเซียวหลินเทียน“เสด็จพ่อ การที่เซี่ยโฮ่วตานรั่วดื้อรั้นเช่นนี้ ลูกเองก็มิพอใจเช่นเดียวกัน แต่เพื่อผลประโยชน์ของฉินตะวันตก ลูกก็จะอดทนอภิเษกกับเซี่ยโฮ่วตานรั่วโดยยกย่องให้เป็นชายาเอกพ่ะย่ะค่ะ!”“หากนางกลับตัวกลับใจก็นับว่าดีไป ทว่าหากนางยังกล้ากระทำทำผิดอีก ลูกจะลงโทษอย่างรุนแรง มิปล่อยโอกาสให้นางทำชั่วอีกพ่ะย่ะค่ะ!”“ฮ่าฮ่า องค์ชายคังยังคงคำนึงถึงแคว้นบ้านเมืองและเสด็จพ่ออยู่เสมอ”คราวนี้ แม้แต่องค์ชายเย่ที่เฝ้าดูอยู่ตลอดก็ทนฟังมิไหวแล้วผู้ใดในที่นี้ที่มิใช่คนโง่ก็คงจะมองออกว่า องค์ชายคังต้องได้รับผลประโยชน์จากองค์ชายหนิง จึงพยายามช่วยเซี่ยโฮ่วตานรั่วให้พ้นผิดอย่างสุดฤทธิ์องค์ชายเย่รู้สึกดูถูก คิดว่าเพื่อผลประโยชน์แล้ว องค์ชายคังก็มิสนใจแม้แต่หลักการพื้นฐานของความเป็นมนุษย์เว่ยเฉิงก็เข้าใจจุดประสงค์ขององค์ชายคังที่มุ่งเป้าไปยังหลี่ว์เซียง เขาจะยอมให้องค์ชายคังได้รับความช่วยเหลือจากองค์ชายหนิงโดยง่ายได้อย่างไร จึงก้าวขึ้นมาแล้วกล่าวว่า“ฝ่าบาท เมื่อครู่กร
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต
มหาปราชญ์มองไปยังเจ้าแห่งทะเลอย่างมิยินยอม เจ้าแห่งทะเลกล่าวเสียงเข้ม “คนเขามิยอมรับวิธีการรักษาของท่าน ก็ให้พวกเขาไปหาคนที่เก่งกว่านี้เถอะ!”“อย่าให้เป็นเพราะบุตรบุญธรรมคนเดียวต้องมาทำให้ความเป็นพี่น้องของพวกเราต้องบาดหมางกัน!”เจ้าแห่งทะเลพูดจบก็นำหน้าเดินออกไปท่าทีของเจ้าแห่งทิศใต้เช่นนี้ชัดเจนว่า หากพวกเขามิยอมถอยก็จะใช้กำลัง เจ้าแห่งทะเลยังมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในตอนนี้ ทำได้เพียงยอมถอยไปก่อนชั่วคราวเท่านั้นวิธีนี้ใช้มิได้ผล เช่นนั้นก็ค่อยเปลี่ยนวิธีใหม่“มิขอส่ง!”เจ้าแห่งทิศใต้กล่าวด้วยสีหน้าท่าทีฟึดฟัดใส่เจ้าแห่งทะเล เป็นการแสดงออกถึงความมิพอใจของตนเผยอวี้และฉินซานก็มองส่งมหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลอย่างโกรธเคืองเช่นกันเก๋อเฟิ่งฉิงรีบวิ่งไปยังเงาร่างที่ขดตัวอยู่ในความมืดนั้น“พี่ใหญ่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? บาดเจ็บตรงไหน?”“คุณหนูสิง เจ้าก็รู้ดีอยู่แล้วว่าพี่ใหญ่ข้าใช้กำลังภายในมิได้ เหตุใดจึงคิดวิธีการเช่นนี้ออกมา นี่มิเท่ากับทำร้ายพี่ใหญ่ข้าหรอกหรือ?”เก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋อย่างตำหนิหลิงอวี๋เดินเข้ามา พลางร้องเรียก “ลู่หนาน เปิดม่าน!”“หรงเกอเอ๋อร์ เจ้าบ
“อ๊าว อ๊าว...”มหาปราชญ์ได้ยินเสียงกระแทกอย่างบ้าคลั่งดังขึ้นในห้องอีกครั้ง เขาซัดฝ่ามือออกไปยังทิศทางต้นเสียง ทว่าร่างนั้นกลับจู่โจมเข้ามาหาเขาแทนมหาปราชญ์กลัวว่าจะถูกคว้ามือได้อีกจึงรีบถอยหลังไป แต่ในห้องเต็มไปด้วยเครื่องเรือนที่ถูกทำลายเสียหาย เท้าของเขาสะดุดเข้าจนล้มลงกับพื้นเกือบจะพร้อมกันนั้น ดวงตาสีแดงคู่นั้นก็พุ่งเข้าใส่ร่างตน อ้าปากกัดเข้าที่ลำคอของเขาซี๊ด!มหาปราชญ์เจ็บปวดจนใช้มือข้างหนึ่งบีบเข้าที่ลำคอเขา หมายจะบีบกระดูกคอให้แหลกแต่ร่างนั้นกลับดิ้นหลุดพรวดไปเหมือนปลาไหล พุ่งหลบไปไกลหลายเมตรในพริบตา เก็บเศษไม้จากเครื่องเรือนที่แตกหักขว้างปาใส่มหาปราชญ์ดังโครมคราม“มหาปราชญ์ ท่านรีบออกมาเร็ว! ระวังพี่ชายข้าทำร้ายท่าน!”เผยอวี้กังวลมากกว่าว่ามหาปราชญ์จะทำร้ายเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนใช้กำลังภายในมิได้ หากถูกทำให้ลำบากเช่นนี้ เซียวหลินเทียนจะต้องตายแน่เก๋อเฟิ่งฉิงก็รู้สึกเช่นเดียวกัน จึงกล่าวอย่างร้อนรน “ท่านน้าเขย ท่านออกมาเถิดเจ้าค่ะ ท่านอย่าทำร้ายเขาเลย!”“เขามิได้ตั้งใจโจมตีท่าน ตอนนี้เขาสิ้นสติไปแล้ว ท่านอย่าถือสาเขาเลย!”มหาปราชญ์เกิดจิตสังหารขึ้นแล้ว
สุนัขบ้ากัดคน นั่นมิใช่โรคพิษสุนัขบ้าหรอกหรือ?เจ้าแห่งทะเลและมหาปราชญ์ต่างก็รู้จักโรคนี้ ว่ากันว่าเป็นโรคที่รักษามิหาย เมื่อกำเริบก็จะเหมือนสุนัขบ้า สิ้นสติโดยสิ้นเชิง เห็นคนก็จะกัด เมื่อถึงระยะสุดท้ายก็จะเน่าเปื่อยทั้งร่างจนตายหลิงอวี๋หาข้ออ้างนี้ให้เซียวหลินเทียน ครึ่งหนึ่งเป็นเพราะรู้สึกว่าโรคนี้สามารถทำให้เจ้าแห่งทะเลและมหาปราชญ์ตกใจกลัวจนมิกล้าเข้าใกล้เซียวหลินเทียนได้อีกครึ่งหนึ่งก็เป็นความตั้งใจล้วน ๆ เป็นวิธีระบายอารมณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่หลิงอวี๋มิพอใจความสัมพันธ์ในฐานะคู่หมั้นคู่หมายของเก๋อเฟิ่งฉิงและเซียวหลินเทียนหลิงอวี๋พูดพลางสำรวจมองเจ้าแห่งทะเลสิ่งที่ทำให้หลิงอวี๋รู้สึกมิสบายใจอยู่บ้างคือ ตนกลับมีหน้าตาคล้ายคลึงกับเจ้าแห่งทะเลอยู่หลายส่วน เจ้าแห่งทะเลผู้นี้คือบิดาของนางจริง ๆ!ส่วนเจ้าแห่งทะเลก็ตั้งใจมองหลิงอวี๋เป็นพิเศษเช่นกันมหาปราชญ์บอกว่าสิงอวี๋ก็คือหลิงอวี๋ บุตรีของหลานฮุ่ยจวน และก็เป็นบุตรีของตนด้วยเจ้าแห่งทะเลมิได้ขาดแคลนบุตรธิดา เมื่อเห็นใบหน้าที่ธรรมดามิโดดเด่นของหลิงอวี๋ ในใจก็รู้สึกผิดหวังอยู่บ้างเขามิได้มาเพื่อยอมรับบุตรสาว จึงเปลี่ยนความสนใจไปท
เจ้าแห่งทิศใต้กล่าวอย่างเจ็บปวดใจนัก “เจ้าสิบเอ็ด พวกเราพี่น้องล้วนเป็นคนตระกูลหลง แม้ปกติจะมิลงรอยกันบ้าง แต่ก็ล้วนเป็นเรื่องหยุมหยิม สามารถหัวเราะแล้วปล่อยผ่านไปได้!”“ทว่าหากมหาปราชญ์และสำนักซิงหลัวลงมือ นั่นก็คือวันล่มสลายของตระกูลหลง เจ้าสิบเอ็ด เจ้าต้องการให้ลูกหลานตระกูลหลงถูกมหาปราชญ์และสำนักซิงหลัวกำจัดจนสิ้นซากจริง ๆ หรือ?”เมื่อเช้าเจ้าแห่งทะเลไปเข้าร่วมประชุมราชสำนัก เห็นตระกูลเหล่านั้นร่วมกันฟ้องร้องมหาปราชญ์และสำนักซิงหลัว จึงได้รู้ว่ามหาปราชญ์แอบทำอะไรลับหลังตนบ้างเขาแอบนึกเสียใจที่ตนวู่วามไป ฟังคำพูดฝ่ายเดียวของมหาปราชญ์ก็ให้รองแม่ทัพของตนนำทหารไปล้อมคฤหาสน์อู่เสียแล้วแต่เสียใจก็ส่วนเสียใจ เจ้าแห่งทะเลคิดว่า มหาปราชญ์บอกว่าเซียวหลินเทียนมีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์สองชิ้นคือกระบี่คุนอู๋และเสือปีกกาฬ จึงมิได้รู้สึกเสียใจมากนักที่ส่งทหารไปล้อมคฤหาสน์อู่เรื่องที่มหาปราชญ์หลอกใช้ตน บัญชีนี้ค่อยไปสะสางกับเขาทีหลัง เรื่องเร่งด่วนที่สุดในยามนี้คือ การยืนยันว่าเสี่ยวอู่ผู้นี้คือเซียวหลินเทียน และต้องยึดเอามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองชิ้นในมือเขามาให้ได้ส่วนเรื่องขี้ผึ้งหอมเส
หลิงอวี๋กดความรู้สึกมิสบายใจของตนไว้ รีบแต่งหน้าให้เซียวหลินเทียนดูป่วยซีดเซียวอย่างรวดเร็วทุกคนในจวนเตี๊ยมกันเรียบร้อยแล้วว่า เซียวหลินเทียนป่วยเป็นโรคประหลาด คนของคฤหาสน์อู่มาที่เมืองหลวงแดนเทพก็เพื่อตามหาหมอและเสาะหายาให้เซียวหลินเทียนช่วงนี้หลิงอวี๋มีชื่อเสียงมากในเมืองหลวงแดนเทพ คฤหาสน์อู่จึงเชิญหลิงอวี๋มาก็เพื่อรักษาอาการป่วยของเซียวหลินเทียนส่วนเก๋อเฟิ่งฉิงที่อยู่ในคฤหาสน์อู่ เพราะเป็นห่วงอาการป่วยของคู่หมั้นของตนจึงตั้งใจมาเยี่ยมเป็นพิเศษและการที่หลงเพ่ยเพ่ยและหลงจิ้งมาเยี่ยมเซียวหลินเทียน ก็เพราะความสัมพันธ์ที่เซียวหลินเทียนเป็นบุตรบุญธรรมของเจ้าแห่งทิศใต้เช่นนี้ทุกคนก็มีข้ออ้างที่ดีพอที่จะใช้กลบเกลื่อนได้แล้วทุกคนเพิ่งจะตกลงแผนรับมือกันเสร็จ เจ้าแห่งทิศใต้และเจ้าแห่งทะเลก็มาถึงหน้าประตูแล้วเผยอวี้และฉินซานในฐานะน้องชายร่วมตระกูลของเซียวหลินเทียนก็ออกไปต้อนรับพร้อมกันหลงจิ้งก็ติดตามออกมาด้วย เขาแสร้งแสดงละครตลอดทาง ครั้นเห็นเจ้าแห่งทะเลและมหาปราชญ์มาด้วยกันก็ทำท่าประหลาดใจ“ท่านอาเจ้าแห่งทะเล เหตุใดจึงมาพร้อมกับท่านพ่อของกระหม่อมได้พ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทะเลยิ้
หลิงอวี๋ได้ยินคำพูดของหลงจิ้งก็ขมวดคิ้ว นางและเย่หรงเคยคาดเดากันไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าเหตุใดเลี่ยวหงเสียถึงถูกขังในคุกน้ำโดยมิผ่านการไต่สวนหรือว่าจะเป็นเพราะนางพัวพันกับเรื่องของหลงอี้ มหาเทพหลงถึงได้ปฏิบัติต่อเลี่ยวหงเสียเช่นนี้“ท่านพ่อของข้าตั้งใจจะไปสอบถามเรื่องราวกับเลี่ยวหงเสีย ทว่าแม้แต่ท่านพ่อของข้าก็ยังมิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เลย!”หลงจิ้งหัวเราะอย่างขมขื่น “นี่ก็ยิ่งพิสูจน์ถึงความสำคัญของเลี่ยวหงเสีย ดังนั้น รอให้ผ่านพ้นอุปสรรคครั้งนี้ไปก่อน พวกเราค่อยคิดหาทางดูว่าจะช่วยเลี่ยวหงเสียออกมาได้หรือไม่!”“ข้าเชื่อว่าเย่หรงก็คงอยากช่วยนางออกมาเช่นกัน!”อย่างไรเสียหลิงอวี๋ก็เพิ่งจะรู้จักกับสองพ่อลูกเจ้าแห่งทิศใต้ มิได้ล่วงรู้พื้นเพพวกเขามากนัก มิสะดวกที่จะบอกว่าตนกับเย่หรงได้วางแผนช่วยเลี่ยวหงเสียไว้ก่อนหน้านี้แล้วขณะที่หลายคนกำลังพูดคุยกันอยู่ หัวหน้าองครักษ์ของหลงจิ้งก็เข้ามาแจ้งว่า “คุณชายสาม ท่านอ๋องออกจากท้องพระโรงแล้ว กำลังมุ่งหน้ามายังคฤหาสน์อู่ ผู้ที่ติดตามมาด้วยยังมีเจ้าแห่งทะเลและมหาปราชญ์ ท่านอ๋องให้พวกท่านเตรียมรับมือ”“เจ้าแห่งทิศใต้ให้ข้าน้อยมารายงานท่านก่อน ต
“พี่หญิง ท่านคงมิได้คิดว่าเพราะเป็นพ่อลูกกัน เจ้าแห่งทะเลจะออมมือให้หรอกใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นสีหน้าของหลิงอวี๋เปลี่ยนไปมา ก็กล่าวอย่างไร้ความปรานี “ต่อให้เขาจะเห็นแก่ความผูกพันทางสายเลือดนี้ ชายาเจ้าแห่งทะเลก็ไม่มีทางออมมือให้ท่านแน่!”“ชายาเจ้าแห่งทะเลมิได้ขาดแคลนบุตรธิดา ชายาเจ้าแห่งทะเลปฏิบัติต่อบุตรที่เกิดจากอนุภรรยาเหล่านั้นอย่างใจเหี้ยมอำมหิต นางไม่มีทางมองท่านเป็นพิเศษหรอก!”หลิงอวี๋ส่ายหน้า “ข้ามิได้คิดจะยอมรับเขา!”สำหรับบุรุษที่สามารถกำจัดสตรีที่รักของตนให้สิ้นซากได้ หลิงอวี๋ย่อมมิอาจคาดหวังอะไรเป็นพิเศษจากเขาได้เมื่อได้ฟังชีวิตอันน่าเวทนาของหลานฮุ่ยจวน หลิงอวี๋จึงไม่มีความรู้สึกผูกพันฉันพ่อลูกต่อเจ้าแห่งทะเลแม้แต่น้อย แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะยอมรับเขาเป็นบิดา?หลงจิ้งมองไปยังหลิงอวี๋ “น้องหญิง ที่พวกเราเปิดอกพูดคุยกับเจ้า ก็เพียงต้องการให้เจ้าเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของท่านอาเจ้าแห่งทะเล ให้เจ้าอย่าได้โง่เขลาไปแก้แค้นด้วยตนเอง!”“หากเจ้าอยากแก้แค้น พวกเราค่อย ๆ วางแผนกันในระยะยาว!”หลิงอวี๋จำหลานฮุ่ยจวนมิได้ด้วยซ้ำ ยิ่งมิรู้อะไรเกี่ยวกับชาติกำเนิดของตนเองเลย
หลงจิ้งกำลังจะกล่าวต่อ หลงเพ่ยเพ่ยเห็นว่าเก๋อเฟิ่งฉิงก็อยู่ที่นี่ด้วย จึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า“คุณหนูใหญ่เก๋อ เจ้ากลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อนสักครู่เถิด พวกเรามีเรื่องต้องปรึกษาหารือกับท่านเซียวตามลำพัง!”เก๋อเฟิ่งฉิงหน้าแดง รู้ว่าหลงเพ่ยเพ่ยกังวลเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตนและมหาปราชญ์ จึงกล่าวขึ้นทันที “เช่นนั้นข้าขอกลับไปพักผ่อนก่อน พี่ใหญ่ หากมีเรื่องอันใดต้องการให้ข้าช่วยก็เรียกข้าได้นะเจ้าคะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงเดินออกไป แต่ซูจู๋กลับกล่าวอย่างมิพอใจว่า“ท่านหญิง พวกท่านระแวงคุณหนูของข้ามากเกินไปแล้ว การกระทำของคุณหนูของข้าเมื่อคืนก็เพียงพอที่จะพิสูจน์จุดยืนของนางแล้ว หากนางคิดจะหักหลังพวกท่าน เหตุใดยังต้องรอจนถึงยามนี้เล่า!”“ท่านเซียว พวกเขามิเข้าใจคุณหนูของข้าก็ช่าง แต่ท่านยังมิเข้าใจคุณหนูของข้าอีกหรือเจ้าคะ?”“ทำกับคุณหนูของข้าเช่นนี้ ช่างเกินไปแล้วจริง ๆ!”เซียวหลินเทียนยิ้มอย่างขมขื่น และโค้งคำนับเล็กน้อย “น้องเก๋อ ทำให้เจ้าต้องลำบากใจเสียแล้ว เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ อีกเดี๋ยวข้าจะไปขอโทษเจ้า!”เก๋อเฟิ่งฉิงคลี่ยิ้มเล็กน้อยอย่างใจกว้าง “พี่ใหญ่เกรงใจเกินไปแล้ว ข้าหาได้เสียใจไม่ เ