เซียวหลินเทียนนึกถึงปิ่นปักผมนั้นขึ้นมาได้จริง ๆ จึงขมวดคิ้วแล้วมองไปทางหลิงอวี๋ตอนนั้นเขาก็สงสัยอยู่ว่า ปิ่นปักผมรูปนกกระเรียนเป็นของจากราชวงศ์เยวี่ยใต้หลิงอวี๋มิรู้ว่าเป็นสิ่งของจากเยวี่ยใต้ แต่นางมิรู้เรื่องภูมิหลังของหลานฮุ่ยจวนเลยจริง ๆ หรือ?นางยังมีอีกกี่เรื่องที่ปิดบังตนอยู่กันแน่ความรู้สึกที่ถูกปิดบังเช่นนี้ทำให้เซียวหลินเทียนค่อนข้างมิสบายใจหลิงอวี๋กัดฟันแล้วเอ่ยกับมู่หรงเหยียนซงอย่างมิเกรงใจ “แม้ว่าสิ่งที่ท่านพูดจะเป็นเรื่องจริง หม่อมฉันก็มิอาจนับญาติกับพวกท่านได้เช่นกันเพคะ!”“องค์ชายจิ้น ท่านคงจะทรงทราบเรื่องของท่านแม่หม่อมฉันแน่นอน เช่นนั้นท่านก็ควรได้ทราบว่านางตายไปอย่างน่าหดหู่มากเพคะ!”“มู่หรงหนานฮั๋วมิสนใจเรื่องความเป็นความตายของนางมาตั้งนานหลายปี ตอนนี้มาพูดเช่นนี้จะมีความหมายอันใดเล่าเพคะ!”มู่หรงเหยียนซงยิ้มขมขื่นพลางเอ่ย “น้องหลิงอวี๋ เรื่องนี้จะโทษเสด็จปู่มิได้หรอก ตอนนั้นท่านแม่ของเจ้าบอกว่า นางแต่งงานแล้วและเสด็จปู่ก็มีตัวตนที่พิเศษ นางมิอยากให้ความสัมพันธ์นี้ทำให้ครอบครัวของสามีเดือดร้อน นางจะขอให้เสด็จปู่คิดเสียว่า ไม่มีลูกสาวเช่นนางแล้วก็อย่าได้ม
เรื่องที่มู่หรงเซียนซงพูดมาเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องที่หลิงอวี๋รู้อยู่แล้ว ข่าวของเขามิใช่ข่าวใหม่สำหรับหลิงอวี๋แต่ประโยคถัดไปของมู่หรงเหยียนซงนั้นเรียกความสนใจของหลิงอวี๋ไปได้เต็ม ๆ“อู่จวิ้นบอกว่า ท่านแม่ของเจ้าเป็นยอดฝีมือพลังวิญญาณคนหนึ่งเลย เพียงแต่นางถูกคนทำร้ายจนทำลายจุดตันเถียนและสูญเสียการบำเพ็ญพลังวิญญาณไป...”คำพูดของมู่หรงเหยียนซงทำให้หลิงอวี๋นึกถึงคำพูดของท่านอดีตเสนาบดีท่านอดีตเสนาบดีบอกว่า ก่อนที่หลานฮุ่ยจวนจะแต่งงานกับหลิงเสียงเซิงนั้น นางได้หายตัวไปหลายปี กระทั่งกลับมาก็ตั้งครรภ์แล้วหลานฮุ่ยจวนยังคงเป็นเด็กสาวอยู่แต่ก็กล้าออกไปข้างนอกคนเดียวจากนิสัยของนางแล้ว มิใช่คนที่จะรับความเป็นไปของโชคชะตาอย่างแน่นอน นางจะแต่งงานกับหลิงเสียงเซิงอย่างสงบเสงี่ยมเพราะตั้งครรภ์ได้เยี่ยงไร!อีกทั้งหลังจากนั้นนางก็ถูกหวางซือวางยาพิษทำร้ายอยู่หลายต่อหลายครั้งแต่กลับมิได้ออกแรงสู้กลับเลย...ที่แท้มิใช่ว่านางมิสามารถตอบโต้ได้ แต่นางสูญเสียงพลังของการตอบโต้ไปแล้ว!“อู่จวิ้นคือใครหรือเพคะ? เขารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?”หลิงอวี๋เอ่ยถามเสียงแข็งรายชื่อของหลานฮุ่ยจวนนั้นนางจดจำได้อย่
“พวกของอู่จวิ้นเคยไปที่ใต้หล้าแห่งนี้มาหรือ?”เซียวหลินเทียนอดมิได้ที่จะเอ่ยถามอย่างอยากรู้ “บนใต้หล้านี้ยังมีอีกใต้หล้าหนึ่งอยู่จริง ๆ หรือ?”มู่หรงเหยียนซงจึงพยักหน้าอย่างจริงจัง “อู่จวิ้นกับอาจารย์ของพวกเราล้วนพูดเช่นนี้ ข้าเชื่อพวกเขา!”“อีกอย่าง ข้ายังมีหลักฐานอื่นที่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีใต้หล้าที่เรียกว่าแดนปีศาจอยู่จริง ๆ!”“หลักฐานอันใด?” เซียวหลินเทียนร้อนใจเอ่ยถามออกไป“นี่ไง!”มู่หรงเหยียนซงหยิบแหวนที่ดูโบราณแปลกตาออกมา หากมองอย่างละเอียดจะเห็นลวดลายที่ซับซ้อนคล้ายกับตัวอักษรอยู่บนแหวนนั้น“อ๋องอี้ เจ้าให้กระบี่เรืองรองกับข้า แหวนพระสุเมรุนี้ ข้าของมอบกลับคืนเป็นของกำนัลให้เจ้าแล้วกัน!”เขาส่งแหวนให้เซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนเห็นว่าแหวนมิได้พิเศษอะไรก็ค่อนข้างผิดหวัง นี่นับว่าเป็นหลักฐานอะไรกัน!แม้ว่าแหวงวงนี้จะดูเก่าแก่ แต่ก็จะว่าเป็นเงินก็มิคล้ายเงิน จะว่าเป็นทองก็มิคล้ายทอง จะมีมูลค่าเท่าใดกัน!แต่เขาก็รับมาตามมารยาทมู่หรงเหยียนซงสังเกตสีหน้าท่าทางเห็นว่าเซียวหลินเทียนมิได้มีท่าทีดีใจมากเป็นพิเศษก็รู้เลยว่าเขามิรู้จักสิ่งนี้“อ๋องอี้ เจ้าดูสิ!”มู่หรงเห
หยกหล้าสุขาวดี?หลิงอวี๋นึกถึงมิติของตนทันที หรือว่ามิติลึกลับของตนจะมาจากแดนปีศาจเหมือนกันกับแหวนพระสุเมรุ?ตอนนั้นหลานฮุ่ยจวนสูญเสียพลังวิญญาณไป มิสามารถเข้าไปในมิติได้อีกดังนั้นจึงเป็นตนเอง?“น้องหลิงอวี๋ ในบรรดาของต่างหน้าของท่านแม่เจ้าไม่มีหยกหล้าสุขาวดีหรือ?”มู่หรงเหยียนซงเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น “จากที่อู่จวิ้นบอกมา คนในแดนปีศาจไล่ล่าพวกเขาก็เพื่อจะเอาหยกหล้าสุขาวดีกลับคืน ในหยกหล้าสุขาวดีนี้น่าจะเป็นสมบัติที่ใช้ฝึกฝนพลังวิญญาณทั้งหมด!”“หากเจ้าได้หยกหล้าสุขาวดีมา ก็จะฝึกพลังวิญญาณได้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดแน่นอน แม้ว่าคนจากแดนปีศาจจะพบเข้า เจ้าก็จะสามารถจัดการกับพวกเขาได้!”หลิงอวี๋ระวังตัวขึ้นมาทันทีจากคำบอกเล่าของอู่จวิ้น หลานฮุ่ยจวนเป็นยอดฝีมือพลังวิญญาณ และนางก็ยังถูกคนไล่ล่าอีกด้วย ตนเพิ่งจะเข้าสู่ศาสตร์นี้ แม้แต่เก๋อเทียนซือยังจัดการมิได้เลยแล้วจะเป็นคู่ต่อสู้กับคนเหล่านั้นได้เยี่ยงไรกัน!นางไม่มีทางยอมรับเด็ดขาดว่าตนมีมิติอยู่!ยิ่งไปกว่านั้น หยกหล้าสุขาวดีที่มู่หรงเหยียนซงพูดถึงก็มิแน่ว่าจะหมายถึงมิติของตนเองด้วยนางยังมิรู้อะไรแน่ชัดทั้งนั้นจะไปชักไฟเข้าหาตัวไ
มู่หรงเหยียนซงเห็นใบหน้ากลัดกลุ้มของทั้งสองคนจึงเอ่ย “อย่าได้กังวลไป! น้องหลิงอวี๋ ข้าบอกแล้วว่าหามาพวกเจ้าด้วยสองเรื่อง เรื่องท่านแม่ของเจ้าพูดไปแล้ว เช่นนั้นตอนนี้ก็จะพูดเรื่องที่สองเลยแล้วกัน!”“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับครอบครัวของพระชายาเว่ย! น้องหลิงอวี๋ ก่อนหน้านี้ไทเฮาถูกวางยาพิษมิใช่หรือ? จากทักษะการแพทย์ของเจ้าคงตรวจมิเจอว่าไทเฮาถูกพิษชนิดใดใช่หรือไม่?”หลิงอวี๋ตะลึงแล้วมองไปทางมู่หรงเหยียนซง นางตรวจสอบมิเจอจริง ๆ ว่าไทเฮาถูกพิษชนิดใด รวมถึงพิษที่ก่อนหน้านี้ตนถูกแม่นมของพระชายาเว่ยวางยาด้วยการแก้พิษทั้งสองครั้งนี้ล้วนพึ่งยาแก้พิษที่อยู่ในกล่องเหล็กของหลานฮุ่ยจวนทั้งสิ้น ตอนนี้นางเหลือเพียงแค่เม็ดสุดท้ายแล้ว หากยังตรวจสอบมิพบแล้วได้รับพิษอีกนางก็คงหมดปัญญาแล้ว“องค์ชายจิ้น ท่านทรงทราบหรือว่านั่นคือพิษชนิดใด?”หลิงอวี๋เอ่ยถามอย่างร้อนใจมู่หรงเหยียนซงส่ายหน้าพลางเอ่ย “เรื่องที่ว่ายาพิษมีส่วนประกอบใดบ้างนั้นเป็นความลับของตระกูลเว่ย เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้แล้วก็ต้องเอ่ยถึงอีกเรื่องหนึ่งด้วย อ๋องอี้ พวกท่านมิเคยสงสัยสาเหตุการสิ้นพระชนม์ของจักรพรรดิสูงสุดเลยหรือ?”เซียวห
เซียวหลินเทียนเห็นจากด้านหลังว่ามู่หรงเหยียนซงถือกระบี่เรืองรองฟันไปที่หน้าอกของมือสังหารอย่างรวดเร็วเลือดสด ๆ สาดกระเซ็นไปทั่ว มือสังหารอีกคนข้างหลังเห็นสถานการณ์แล้วรูม่านตาก็หดเล็กลง จากนั้นก็ส่งเสียงตะคอกออกไปอย่างเศร้าโศกและโกรธแค้นพร้อมถือดาบแทงไปที่มู่หรงเหยียนซงมู่หรงเหยียนซงยังมิทันชักกระบี่กลับ ดาบของอีกฝ่ายก็โจมตีเข้ามาแล้วเมื่อเห็นว่าดาบของฝ่ายตรงข้ามเล็งไปที่หน้าอกของมู่หรงเหยียนซง ในสถานการณ์คับขันนั้น เซียวหลินเทียนก็พุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็วแล้วจ่อดาบไปที่คอของมือสังหารมือสังหารจะป้องกันตัวเองจึงทำได้เพียงชักดาบกลับมาป้องกันไว้ แต่เขาก็ยังมิยอมแพ้ที่จะปล่อยมู่หรงเหยียนซงไปเช่นนี้เขาลังเลอยู่เล็กน้อยแต่ก็พลาดโอกาสที่ดีไปแล้ว หลิงอวี๋เอายาสลบแทงไปที่มือสังหารแล้วส่วนมู่หรงเหยียนซงก็ให้ความร่วมมือไปโดยปริยาย เท้าของเขาลื่นไปกับพื้น แล้วปลายเท้าก็ไปเตะเข้าที่มือสังหารแต่เพราะว่ามือสังหารเป็นยอดฝีมือจึงตัดสินสถานการณ์นี้ได้อย่างรวดเร็วเขารูปร่างค่อนข้างเตี้ย ดาบของเซียวหลินเทียนจึงผ่านหัวเขาไปและเส้นผมก็กระจัดกระจายออกมามือสังหารพุ่งไปข้างหน้าแล้วกระโจนออกจากหน
“หลู่ชิ่ง ช้าก่อน เอาศพของมือสังหารไปส่งให้แม่ทัพเฉินด้วย!”เซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋ หลิงอวี๋ก็เข้าในความหมายของเซียวหลินเทียนทันทีในเมื่อมือสังหารทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน แทนที่จะเสียแรงไปตามจับหญิงสาวที่หนีไป สู้นำศพชายของนางมาใช้ล่อให้นางติดกับดีกว่าแต่หลิงอวี๋กลับมิคิดว่ามือสังหารหญิงจะมาติดกับด้วยตนเองพวกเขารู้เรื่องการเดินทางของตนกับเซียวหลินเทียนเช่นนี้ ก็มิน่าจะมิรู้ว่าโดยนิสัยของเซียวหลินเทียนแล้ว จะไม่มีการทำร้ายศพเป็นอันขาดขอเพียงมือสังหารหญิงรอคอยอย่างอดทน กระทั่งมือสังหารชายถูกนำไปฝังแล้วค่อยขโมยศพไปก็ได้แล้วแม้ว่าหลิงอวี๋จะนึกถึงจุดนี้ แต่ก็มิอยากขัดความกระตือรือร้นของเซียวหลินเทียนจึงมิพูดอะไรออกไปเรื่องที่พบมือสังหาร ทำให้การพูดคุยของพวกเขากับมู่หรงเหยียนซงไปต่อมิได้แล้วหลิงอวี๋ถูกเลือดของมือสังกหารกระเซ็นไปทั่วร่างกาย จึงเอ่ยอย่างรู้สึกขยะแขยง “ท่านพี่มู่หรง วันนี้พอเท่านี้เถิด ท่านกลับไปพักผ่อนก่อน วันพรุ่งข้าจะเชิญพวกท่านมาทานอาหารกันที่ตำหนักอ๋องอี้ แล้วเราค่อยคุยกันต่อเถิด!”“ได้!”มู่หรงเหยียนซงเองก็กลัวว่าจะเจอเรื่องมิคาดคิดขึ้นอีกจึงพยักหน้า“ว
“ใช่แล้ว เป็นเช่นนี้เลย!”หลิงอวี๋ยกมุมปากขึ้นอย่างดูถูก “แม้ว่าฮองเฮาเว่ยจะเข้าตำหนักเย็นไปแล้ว และองค์ชายเว่ยก็ถูกลงโทษให้ไปเฝ้าสุสานจักรพรรดิ แต่ตระกูลเว่ยก็ยังมีคนที่เป็นขุนนางอยู่ในราชสำนักอีกมิน้อย”“ขุนนางผู้มีอำนาจต่อให้ถูกลดทอนอำนาจลงก็ยังคงมิสิ้นอำนาจอยู่ดี นี่คือแผนการที่คิดจะซ้ำเติมตระกูลเว่ยเพคะ!”เซียวหลินเทียนมองออกไปอย่างครุ่นคิดตอนนี้องค์ชายเว่ยกับฮองเฮาเว่ยเสียอำนาจไป ผู้ที่มีความสามารถที่จะมาแย่งชิงตำแหน่งองค์รัชทายาทกับตนได้ มีเพียงแค่องค์ชายคังเท่านั้น และพระชายาเส้าที่อยู่เบื้องหลังองค์ชายคังก็แอบเล็งตำแหน่งฮองเฮาอยู่ด้วยมีเพียงการทุบตระกูลเว่ยจนมิสามารถที่พลิกฟื้นคืนมาได้เท่านั้น พระชายาเส้ากับองค์ชายคังจึงจะมีความเป็นไปได้ที่จะบรรลุความปรารถนาเช่นนั้นนอกจากพระชายาเส้ากับองค์ชายคังแล้ว ใครกันที่จะทำเรื่องที่ฆ่าแกงผู้คนเช่นนี้ได้!“หึ...”เซียวหลินเทียนส่งเสียงอย่างเย็นชา แล้วเอ่ยกับหลิงอวี๋อย่างเจือน้ำเสียงบ่นไปด้วย“ก่อนหน้านี้เรามิควรปล่อยองค์ชายคังไปเลย เจ้าดูพันธมิตรชั่วคราวของเจ้าเถิด นี่ยังมิถึงสองวันก็หันหัวหอกกลับมาหาเจ้าแล้ว!”หลิงอวี๋ยิ้มออ
“ท่านผู้นำตระกูลเย่ อย่านะเจ้าคะ!”หยางหงหนิงได้ยินเช่นนั้นก็ตะโกนขึ้นมาทันที “เย่หรงทำกระไรผิดท่านลงโทษเขาก็พอแล้ว อย่าไล่เขาออกจากตระกูลเย่เลยนะเจ้าคะ!”“พี่หรง ท่านยอมรับผิดต่อหน้าท่านพ่อสิ แล้วก็ขอโทษ…”เย่หรงจ้องมองหยางหงหนิงอย่างรังเกียจ แล้วตะคอกตัดบทนางอย่างโกรธเคือง “ข้ามิได้ผิด อย่าว่าแต่เขาจะตัดชื่อข้าออกจากตระกูลเย่เลย ต่อให้จะสังหารข้า ข้าก็มิขอโทษ… แค่ก…”ทันทีที่เขาโกรธก็กระอักเลือดไหลลงมาตามมุมปากจนย้อมเสื้อตรงอกเป็นสีแดงฉานหลิงอวี๋ด่าทอออกมาด้วยความโกรธ “หุบปากไปเสีย คนอื่นมิสนใจเจ้า แล้วเจ้ายังจะมิสนใจร่างกายของตนเองอีกหรือ?”“ใจเย็น ๆ วันนี้มีเรื่องสำคัญ มิคุ้มที่จะเอาชีวิตตนเองไปเสี่ยงหรอก!”หลิงอวี๋หยิบผ้าออกมาแล้วเช็ดเลือดที่มุมปากให้เย่หรง จากนั้นนางก็เอ่ยออกมาอย่างหนักแน่น “ก็แค่ออกจากตระกูลเย่มิใช่หรือ? มิต้องกังวล แม้ว่าจะไม่มีตระกูลเย่ ก็ยังมีพี่หญิงที่ยังรับเจ้าอยู่!”“ในภายภาคหน้ามิว่าจะไปที่ใด พี่หญิงก็จะอยู่กับเจ้าเสมอ!”พี่หญิงหลิงหลิง!ดวงตาของเย่หรงมีน้ำตาคลอขึ้นมาทันทีนี่ต่างหากที่เป็นครอบครัว!มิว่าเขาจะถูกหรือผิดก็ยืนอยู่เคียงข้างเขาเส
เย่หมิงเห็นดวงตาสีแดงของเย่หรงที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ยังมิทันที่จะได้โต้ตอบออกไป เย่หรงก็กระโจนเข้ามากอดเอวเขาไว้แล้วดันเขาไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว“ลงมือสิ ลงมือเสียตรงนี้ หากวันนี้พวกเจ้ามิสังหารข้า พวกเจ้าก็คือไอ้ลูกหมา!”เย่หรงตะคอกออกมาด้วยความโกรธ จากนั้นก็คว้าสายคาดเอวของเย่หมิงแล้วยกเขาขึ้นมาเนื่องจากเย่หมิงก็คือคนที่เย่ซื่อเจียงสอนมาด้วยตนเอง เขาจึงพลิกตัวกลางอากาศ เมื่อหลุดจากมือของเย่หรงแล้ว เขาก็ฟาดฝ่ามือเข้าที่หน้าอกของเย่หรงกร็อบ!เมื่อเย่หรงได้ยินเสียงซี่โครงหน้าอกของตนหัก เขาก็กัดริมฝีปากล่างแน่น แล้วกลืนเลือดที่จุกอยู่ที่ลำคอกลับไปยังมิทันที่เย่หมิงจะลงสู่พื้น เย่หรงก็ฟาดฝ่ามือโจมตีเข้าที่หน้าอกของเขาอย่างรุนแรงตาต่อตา ฟันต่อฟัน เย่หรงก็แค่อยากใช้วิธีที่เย่หมิงทำกับตนทำกับเขาบ้าง!เพียงแต่ฝ่ามือของเย่หรงยังโจมตีไปมิถึงตัวของเย่หมิง เขาก็ได้ยินเสียงตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยวดังก้องมา “เจ้าเดรัจฉาน เจ้าคิดว่าบ้านตระกูลเย่เป็นสถานที่ที่เจ้าจะอาละวาดได้หรือ? ยังมิหยุดอีก!”เย่ซื่อเจียง!เย่หรงมิสามารถหยุดมือได้ กระแสพลังฝ่ามือจึงนำพาความโกรธโจมตีไปทางเย่หมิงแต
เย่ซื่อเจียงสอนการต่อสู้ให้เย่หมิงและคนอื่น ๆ เย่หรงเองก็อยากเรียนเช่นกัน แต่เย่ซื่อเจียงบอกว่าเขาไร้ซึ่งพรสวรรค์ และไล่เขาออกจากหอฝึกยุทธ์เมื่อลูก ๆ ของตระกูลเย่ไปหออักษรเขาก็ตามไปด้วย แต่ก็ไปได้มิกี่วัน เนื่องจากเขามาสายกลับเร็ว และทะเลาะวิวาทในหออักษรจึงถูกครูไล่ออกใครจะสนใจความจริงในเรื่องนี้เล่า?เขามาสายเพราะถูกคนรับใช้ใส่หมาฝู่ส่านลงในน้ำ จึงหลับเกินเวลาและที่กลับเร็วก็เพราะว่าเย่ซวินใส่ยาระบายลงในอาหารของเขา ทำให้เขาขับถ่ายรดกางเกงส่วนการทะเลาะวิวาทที่ว่าก็เพราะเย่ซวินตัดผมของเขา เขาโกรธมากจึงทะเลาะกับเย่ซวิน!และเพราะไม่มีใครปกป้องท่านแม่ของตน ความอยุติธรรมที่เขาต้องทนทุกข์เหล่านี้จึงไม่มีใครตัดสินให้เขาลูกชายที่มิเอาไหนของตระกูลเย่จึงถูกตัดสินเช่นนี้!เมื่อผู้คนเอ่ยถึงเขา ก็ล้วนเป็นน้ำเสียงดูถูกว่าเขาเป็นลูกชายที่เกเรของตระกูลเย่!ในครอบครัวนี้ นอกจากท่านอาสามที่จริงใจต่อเย่หรงแล้ว คนอื่น ๆ มีใครบ้างที่สนใจเขา?ความโกรธที่สะสมมานานของเย่หรง ก่อนหน้านี้ไม่มีเป้าหมายใดและเพียงแต่ใช้ชีวิตไปวัน ๆทว่ายามนี้เขามีแผนการที่สามารถช่วยท่านแม่ออกมาได้แล้ว อีกทั้งยังได้พ
เย่หรงนำโสมเก้าคดวิ่งรอบไปตลอดทั้งวัน แต่สุดท้ายก็ยังขายมิออกของล้ำค่าหายากเช่นนี้ หากขายในราคาต่ำไปเขาก็ทำใจมิได้ ทว่ายามนี้จะขายในราคาสูงก็หาผู้ซื้อมิได้อีกเย่หรงครุ่นคิดว่าถึงอย่างไรตอนนี้ก็ยังจากไปมิได้อยู่แล้ว เช่นนั้นก็รอดูสถานการณ์ก่อนค่อยว่ากันดีกว่าเขากลับมาที่บ้านตระกูลเย่ เพิ่งจะมาถึงหน้าประตูก็ได้พบเข้ากับเย่ซวินและเย่หมิงซึ่งเป็นลูกชายคนโตและคนเล็กของเย่ซื่อเจียง“พี่ใหญ่ พี่สาม!”เย่หรงหลุบตาลง ทักทายแล้วคิดจะเดินเข้าไปเย่หมิงมองเย่หรงอย่างรังเกียจ ลูกชายของอนุผู้นี้เป็นศิษย์ที่มิเอาไหนของตระกูลเย่ เอาแต่ใช้ชีวิตไปวัน ๆ และผูกมิตรกับคนทุกชนชั้นพวกเขาล้วนมิชอบเย่หรงแต่ท่านผู้เฒ่าเย่มองเขาด้วยสายตาที่แตกต่างออกไป ทำให้เย่หมิงและพี่น้องคนอื่น ๆ ยิ่งรังเกียจเขา“วัน ๆ เอาแต่ออกไปข้างนอก หากมีเวลาเช่นนั้นก็ช่วยงานในบ้านสักหน่อย อย่างน้อยก็ดีกว่าเอาแต่ นอน ๆ มิทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน!”เย่หมิงคือคนที่เย่ซื่อเจียงสอนด้วยตนเอง ปีนี้อายุยี่สิบห้า และแต่งงานไปแล้ว รูปแบบการกระทำของเขาจะค่อนข้างมีลักษณะน่าเกรงขามแบบเย่ซื่อเจียง จึงวางท่าทีแบบพี่ชายคนโตแล้วตำหนิออกมา
“ท่านพ่อ เหตุใดท่านมิบอกเสด็จปู่เรื่องที่มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของเสด็จทวดอี้หลุดออกไปภายนอกเล่าเพคะ?”หลงเพ่ยเพ่ยเอ่ยออกมาด้วยเสียงเรียบนิ่ง “เมื่อก่อนเป็นเพียงตำนานมิได้ถือว่าเป็นจริง ทว่ายามนี้เนื่องด้วยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามชิ้นนี้หลุดออกไปทำให้ข่าวลือกระจายทั่วยุทธภพแล้ว ถึงอยากจะปกปิดก็ปิดมิอยู่หรอกเพคะ!”“แม้ว่าท่านลุงเจ้าแห่งทะเลจะต้องการปกปิดทุกอย่างไว้ เขาก็ปิดมิได้เช่นกัน มิช้าก็เร็วเสด็จปู่ก็จะรู้เรื่อง!”เจ้าแห่งทิศใต้ยิ้มเยาะ “ข่าวลือคืออะไรเล่า? คือเรื่องที่มิได้รับการยืนยันมิใช่หรือ!”“เจ้าบอกว่ามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์สามชิ้นหลุดออกไป เช่นนั้นเจ้าเคยเห็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์สามชิ้นนี้หรือไม่?”“เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว มีข่าวลือว่าหยกหล้าสุขาวดีหลุดออกไป แต่ผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว เจ้าเคยเห็นหยกหล้าสุขาวดีหรือไม่?”“เพ่ยเพ่ย ข่าวลือเหล่านี้เจ้าคิดว่าเสด็จปู่ของเจ้าจะมิรู้หรือ? แต่เนื่องจากไม่มีหลักฐาน ดังนั้นท่านลุงเจ้าแห่งทะเลของเจ้าจึงสามารถปกปิดความจริงหลอกลวงเสด็จปู่ของเจ้าได้!”“หากพวกเราใช้เรื่องที่มิได้รับการยืนยันไปกล่าวหาท่านลุงเจ้าแห่งทะเลของเจ้า เสด็จปู่ของเจ้
ตอนแรกชายาเจ้าแห่งทะเลและเจ้าแห่งทะเลออกตามล่าหลานฮุ่ยจวนโดยมิเสียดายสิ่งใดทั้งนั้น เพราะต้องการจะกดเรื่องนี้เอาไว้เพื่อทำให้แผ่นดินของตระกูลหลงมั่นคงเวลานี้ก็มิยกเว้นเช่นกัน!ชายาเจ้าแห่งทะเลกำลังครุ่นคิดอยู่ และรีบคิดหามาตรการรับมืออย่างรวดเร็วจนกระทั่งถึงตอนนี้ มหาเทพหลงยังมิรู้ว่ามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์สามชิ้นของหลงอี้กระจัดกระจายอยู่ข้างนอก หากเขารู้เข้า นางและเจ้าแห่งทะเลจะเป็นคนแรกที่ถูกมหาเทพหลงลงโทษเรื่องนี้จำเป็นต้องแก้ไขโดยด่วน!“เจ้าบอกว่าตอนนี้สิงอวี๋เป็นศิษย์ของเย่ซื่อฝานหรือ?”ก่อนหน้านี้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิสนใจเรื่องพวกนี้ แล้วนางก็มิเข้าใจสิ่งเหล่านี้ด้วย“ขอรับ!”ไป่หลี่ไห่เอ่ยออกมาเก้อเขิน “ก่อนหน้านี้ข้าคิดว่านางเป็นเพียงเด็กสาวชนบทธรรมดา และมิได้ใส่ใจ ดังนั้นข้าน้อยจึงละเลยไปขอรับ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลจ้องมองไป่หลี่ไห่อย่างดุร้ายเรื่องที่เย่ซงเฉิงกลับมาแล้วชายาเจ้าแห่งทะเลก็รู้แล้วเช่นกัน หากคิดที่จะพาหลิงอวี๋ไปจากมือของเย่ซงเฉิงก็แทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปมิได้เลย!ท่านผู้เฒ่าตระกูลเย่ผู้นั้นก็เป็นคนดื้อรั้นคนหนึ่งเช่นกัน เมื่อก่อนเจ้าแห่งทะเลพยายามที่จะดึงเข
สุดท้ายแล้วพวกของเถ้าแก่เหมียวก็ถูกไป่หลี่ไห่ไล่ออกไปเถ้าแก่เหมียวมีหรือจะทนได้ เขากลับบ้านไปคิดแล้วคิดอีก แล้วก็รู้สึกว่าไป่หลี่ไห่คิดว่าตระกูลของตนไม่มีคุณค่าที่จะใช้ประโยชน์แล้ว จึงคิดจะกำจัดตระกูลเหมียวให้สิ้นซากครั้งนี้ตระกูลของตนช่วยไป่หลี่ไห่จัดการกับสิงอวี๋ จนกระทั่งทำให้หลงเพ่ยเพ่ยขุ่นเคืองไปแล้วไป่หลี่ไห่คิดว่าใช้งานเสร็จแล้วจะถีบหัวส่ง เช่นนั้นครอบครัวของตนจะยังมีหนทางรอดชีวิตหรือ?เถ้าแก่เหมียวตัดสินใจแล้วให้ฮูหยินเหมียวเก็บของมีค่าตลอดทั้งคืน และถือโอกาสก่อนรุ่งสางเช่าเรือลำหนึ่งส่งภรรยากับลูกและครอบครัวทั้งหมดขึ้นเรือไปสุดท้ายเถ้าแก่เหมียวก็พาพ่อบ้านและเหล่าคนรับใช้ที่ไว้ใจได้ให้ทำการคัดลอกสำเนาเรื่องที่มิอาจให้ใครรับรู้ทั้งหมดที่ไป่หลี่ไห่ให้ตนและเหมียวหยางทำมาตลอดหลายปี รวมถึงเรื่องที่ว่าไป่หลี่ไห่ขอทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูลตนไว้หลายชุด จากนั้นก็นำไปติดประกาศตามถนนใหญ่และตรอกซอกซอยก่อนรุ่งสางเถ้าแก่เหมียวถือโอกาสในยามกลางคืนออกจากบ้านแล้วหนีไป แต่การกระทำเช่นนี้ของเขา กลับทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในเมืองหลวงแดนเทพมิน้อยเลยทีเดียวในยามรุ่งสาง ตามท้องถนนและ
หลิงอวี๋ได้ฟังแล้วก็ถอนหายใจโล่งอก แต่ก็ยังมิกล้าชะล่าใจ แม้เย่ซงเฉิงจะดูไม่มีความเป็นศัตรูกับตนแต่ก็ใช่ว่าคนอื่น ๆ ในตระกูลเย่จะไม่มีความคิดอะไรเกี่ยวกับตนเอง“เย่หรง พวกเราต้องรีบกันแล้ว เรื่องที่จ้าวหรุ่ยหรุ่ยและฮูหยินเฉียวสร้างปัญหาไว้เมื่อวานนี้ แม้ว่าจะมิสามารถพิสูจน์ตัวตนของข้าได้ แต่จะต้องทำให้คนอีกมากสงสัยในตัวตนของข้าอย่างแน่นอน!”“พวกเราต้องช่วยเจ้าช่วยเหลือท่านแม่ของเจ้าออกมาให้ได้โดยเร็วที่สุด แล้วไปจากเมืองหลวงแดนเทพเสีย!”เมื่อเย่หรงเห็นว่าในตอนนี้หลิงอวี๋ก็ยังคงคิดที่จะช่วยเหลือท่านแม่ของตน ความรู้สึกเคียดแค้นที่นางปกปิดตัวตนกับเขาก็หายไปแล้วรอบตัวหลิงอวี๋เต็มไปด้วยศัตรู ดังนั้นการที่นางระมัดระวังจึงมิได้ผิดเขาเอ่ยออกมาด้วยเสียงขรึม “หากคิดจะช่วยท่านแม่ของข้าก็จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพเฉิง เจ้ามีวิธีรักษาฮูหยินของเขาหรือไม่?”หลิงอวี๋ยิ้มแล้วเอ่ยออกมา “ปรมาจารย์เย่ช่วยปลดเข็มเงินออกให้ข้าแล้ว ข้าสามารถใช้หยกหล้าสุขาวดีได้แล้ว! เจ้าให้เวลาข้าหนึ่งวัน ข้าจะต้องตรวจได้แน่นอนว่าฮูหยินเฉิงถูกพิษชนิดใด!”“เย่หรง ข้าจะให้โสมเก้าคดแก่เจ้า เจ้านำไปขายเสีย พวก
หลิงอวี๋คิดไปเรื่อยเปื่อยจนผล็อยหลับไปเช้าวันรุ่งขึ้น ยังมิทันที่นางจะตื่น ก็ได้ยินเย่หรงเรียกอยู่ข้างนอกแล้ว “เสี่ยวชี! เสี่ยวชี!”“คุณชายเย่ คุณหนูของข้ายังมิตื่น ขอท่านอย่ารบกวนนางเลยเจ้าค่ะ ให้นางนอนต่ออีกสักหน่อยเถิด!”หานเหมยเปิดประตู แล้วให้เย่หรงเข้ามาหลิงอวี๋ตื่นขึ้นมาแล้วจึงรีบลุกขึ้น เมื่อหานเหมยได้ยินเสียงจึงนำน้ำมาให้นางหลิงอวี๋มองหานเหมยอย่างเงียบ ๆ มิว่าสตรีผู้นี้จะเป็นคนที่เซียวหลินเทียนส่งมาคอยจับตามองนางหรือไม่ ขอเพียงนางมิทำร้ายตน ตนก็จะมิทำให้นางลำบากหากนางอยากจะอยู่ก็ให้นางอยู่ไปเถิด!“บ่าวเปลี่ยนยาให้พี่สิงแล้ว เขาดูดีขึ้นมากทีเดียวเจ้าค่ะ!” หานเหมยเอ่ยขึ้นมาอย่างรู้กาลเทศะ“อืม ขอบคุณ!”หลิงอวี๋รีบล้างหน้าล้างตาแล้วเดินออกไป“เสี่ยวชี เจ้า… เจ้าคือหลิงอวี๋จริง ๆ หรือ?”เย่หรงเห็นหานเหมยเดินออกไปแล้ว เขาจึงจ้องหลิงอวี๋แล้วเอ่ยถามออกมา“หากใช่แล้วอย่างไร หากมิใช่แล้วอย่างไร?”หลิงอวี๋ยิ้มบาง ๆ แล้วเอ่ยออกมาเย่หรงตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเอ่ยออกมาด้วยเสียงแหบ “เจ้าคิดว่าข้าเหมือนกับจ้าวหรุ่ยหรุ่ยและคนอื่น ๆ ที่อยากจะพบเจ้าเพื่อหยกหล้าสุขาวดีของเจ