ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋ปิดบังเซียวหลินเทียนไว้เพราะมิอยากให้เขาคิดฟุ้งซ่านแต่ตอนนี้เมื่อมู่หรงเหยียนซงพูดออกมาเช่นนี้ หลิงอวี๋ก็มิกล้าที่จะนับญาติในทันทีตอนนี้นางเป็นคนฉินตะวันตก ส่วนมู่หรงเหยียนซงเป็นคนเยวี่ยใต้ หากทำสิ่งใดมิดีตนจะมีความผิดเรื่องสมคบคิดกับศัตรูเป็นชนักติดหลังเอาได้นางมองไปทางมู่หรงเหยียนซงพลางเอ่ยเรียบ ๆ “หม่อมฉันมิค่อยรู้เรื่องของคนรุ่นเก่าก่อนสักเท่าใด พวกนางเองก็มิเคยบอกหม่อมฉันเช่นกัน! อย่าเพิ่งนับญาติกันส่งเดชเลยดีกว่าเพคะ!”“ตั้งแต่เล็กหลิงอวี๋ก็รู้เพียงว่า ท่านตาของหม่อมฉันคือท่านอัครเสนาบดีหลาน พวกท่านจะอาศัยแค่ภาพใบเดียวกับคำพูดของคนแก่ที่ป่วยหนักคนหนึ่งมาบอกว่า ท่านแม่ของหม่อมฉันคือลูกสาวของปู่พวกท่านหรือ เช่นนี้จะให้หม่อมฉันเชื่อได้อย่างไรกัน!”มู่หรงเหยียนซงเองก็มิได้หวังว่าหลิงอวี๋จะนับญาติกับตนเช่นนี้อยู่แล้ว เขาจึงพยักหน้าพลางเอ่ย“ข้าจะเล่าเรื่องเสด็จปู่ของข้ากับท่านยายของเจ้าให้ฟังก่อนก็แล้วกัน! ให้เจ้าได้รู้จักพวกเขาเสียก่อน!”“ตอนนั้น เสด็จปู่ของข้าแต่งงานกับฉีเหยาผู้เป็นท่านยายของเจ้าตอนที่เป็นองค์ชายอยู่ ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนดีมาก ตอนเส
เซียวหลินเทียนนึกถึงปิ่นปักผมนั้นขึ้นมาได้จริง ๆ จึงขมวดคิ้วแล้วมองไปทางหลิงอวี๋ตอนนั้นเขาก็สงสัยอยู่ว่า ปิ่นปักผมรูปนกกระเรียนเป็นของจากราชวงศ์เยวี่ยใต้หลิงอวี๋มิรู้ว่าเป็นสิ่งของจากเยวี่ยใต้ แต่นางมิรู้เรื่องภูมิหลังของหลานฮุ่ยจวนเลยจริง ๆ หรือ?นางยังมีอีกกี่เรื่องที่ปิดบังตนอยู่กันแน่ความรู้สึกที่ถูกปิดบังเช่นนี้ทำให้เซียวหลินเทียนค่อนข้างมิสบายใจหลิงอวี๋กัดฟันแล้วเอ่ยกับมู่หรงเหยียนซงอย่างมิเกรงใจ “แม้ว่าสิ่งที่ท่านพูดจะเป็นเรื่องจริง หม่อมฉันก็มิอาจนับญาติกับพวกท่านได้เช่นกันเพคะ!”“องค์ชายจิ้น ท่านคงจะทรงทราบเรื่องของท่านแม่หม่อมฉันแน่นอน เช่นนั้นท่านก็ควรได้ทราบว่านางตายไปอย่างน่าหดหู่มากเพคะ!”“มู่หรงหนานฮั๋วมิสนใจเรื่องความเป็นความตายของนางมาตั้งนานหลายปี ตอนนี้มาพูดเช่นนี้จะมีความหมายอันใดเล่าเพคะ!”มู่หรงเหยียนซงยิ้มขมขื่นพลางเอ่ย “น้องหลิงอวี๋ เรื่องนี้จะโทษเสด็จปู่มิได้หรอก ตอนนั้นท่านแม่ของเจ้าบอกว่า นางแต่งงานแล้วและเสด็จปู่ก็มีตัวตนที่พิเศษ นางมิอยากให้ความสัมพันธ์นี้ทำให้ครอบครัวของสามีเดือดร้อน นางจะขอให้เสด็จปู่คิดเสียว่า ไม่มีลูกสาวเช่นนางแล้วก็อย่าได้ม
เรื่องที่มู่หรงเซียนซงพูดมาเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องที่หลิงอวี๋รู้อยู่แล้ว ข่าวของเขามิใช่ข่าวใหม่สำหรับหลิงอวี๋แต่ประโยคถัดไปของมู่หรงเหยียนซงนั้นเรียกความสนใจของหลิงอวี๋ไปได้เต็ม ๆ“อู่จวิ้นบอกว่า ท่านแม่ของเจ้าเป็นยอดฝีมือพลังวิญญาณคนหนึ่งเลย เพียงแต่นางถูกคนทำร้ายจนทำลายจุดตันเถียนและสูญเสียการบำเพ็ญพลังวิญญาณไป...”คำพูดของมู่หรงเหยียนซงทำให้หลิงอวี๋นึกถึงคำพูดของท่านอดีตเสนาบดีท่านอดีตเสนาบดีบอกว่า ก่อนที่หลานฮุ่ยจวนจะแต่งงานกับหลิงเสียงเซิงนั้น นางได้หายตัวไปหลายปี กระทั่งกลับมาก็ตั้งครรภ์แล้วหลานฮุ่ยจวนยังคงเป็นเด็กสาวอยู่แต่ก็กล้าออกไปข้างนอกคนเดียวจากนิสัยของนางแล้ว มิใช่คนที่จะรับความเป็นไปของโชคชะตาอย่างแน่นอน นางจะแต่งงานกับหลิงเสียงเซิงอย่างสงบเสงี่ยมเพราะตั้งครรภ์ได้เยี่ยงไร!อีกทั้งหลังจากนั้นนางก็ถูกหวางซือวางยาพิษทำร้ายอยู่หลายต่อหลายครั้งแต่กลับมิได้ออกแรงสู้กลับเลย...ที่แท้มิใช่ว่านางมิสามารถตอบโต้ได้ แต่นางสูญเสียงพลังของการตอบโต้ไปแล้ว!“อู่จวิ้นคือใครหรือเพคะ? เขารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?”หลิงอวี๋เอ่ยถามเสียงแข็งรายชื่อของหลานฮุ่ยจวนนั้นนางจดจำได้อย่
“พวกของอู่จวิ้นเคยไปที่ใต้หล้าแห่งนี้มาหรือ?”เซียวหลินเทียนอดมิได้ที่จะเอ่ยถามอย่างอยากรู้ “บนใต้หล้านี้ยังมีอีกใต้หล้าหนึ่งอยู่จริง ๆ หรือ?”มู่หรงเหยียนซงจึงพยักหน้าอย่างจริงจัง “อู่จวิ้นกับอาจารย์ของพวกเราล้วนพูดเช่นนี้ ข้าเชื่อพวกเขา!”“อีกอย่าง ข้ายังมีหลักฐานอื่นที่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีใต้หล้าที่เรียกว่าแดนปีศาจอยู่จริง ๆ!”“หลักฐานอันใด?” เซียวหลินเทียนร้อนใจเอ่ยถามออกไป“นี่ไง!”มู่หรงเหยียนซงหยิบแหวนที่ดูโบราณแปลกตาออกมา หากมองอย่างละเอียดจะเห็นลวดลายที่ซับซ้อนคล้ายกับตัวอักษรอยู่บนแหวนนั้น“อ๋องอี้ เจ้าให้กระบี่เรืองรองกับข้า แหวนพระสุเมรุนี้ ข้าของมอบกลับคืนเป็นของกำนัลให้เจ้าแล้วกัน!”เขาส่งแหวนให้เซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนเห็นว่าแหวนมิได้พิเศษอะไรก็ค่อนข้างผิดหวัง นี่นับว่าเป็นหลักฐานอะไรกัน!แม้ว่าแหวงวงนี้จะดูเก่าแก่ แต่ก็จะว่าเป็นเงินก็มิคล้ายเงิน จะว่าเป็นทองก็มิคล้ายทอง จะมีมูลค่าเท่าใดกัน!แต่เขาก็รับมาตามมารยาทมู่หรงเหยียนซงสังเกตสีหน้าท่าทางเห็นว่าเซียวหลินเทียนมิได้มีท่าทีดีใจมากเป็นพิเศษก็รู้เลยว่าเขามิรู้จักสิ่งนี้“อ๋องอี้ เจ้าดูสิ!”มู่หรงเห
หยกหล้าสุขาวดี?หลิงอวี๋นึกถึงมิติของตนทันที หรือว่ามิติลึกลับของตนจะมาจากแดนปีศาจเหมือนกันกับแหวนพระสุเมรุ?ตอนนั้นหลานฮุ่ยจวนสูญเสียพลังวิญญาณไป มิสามารถเข้าไปในมิติได้อีกดังนั้นจึงเป็นตนเอง?“น้องหลิงอวี๋ ในบรรดาของต่างหน้าของท่านแม่เจ้าไม่มีหยกหล้าสุขาวดีหรือ?”มู่หรงเหยียนซงเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น “จากที่อู่จวิ้นบอกมา คนในแดนปีศาจไล่ล่าพวกเขาก็เพื่อจะเอาหยกหล้าสุขาวดีกลับคืน ในหยกหล้าสุขาวดีนี้น่าจะเป็นสมบัติที่ใช้ฝึกฝนพลังวิญญาณทั้งหมด!”“หากเจ้าได้หยกหล้าสุขาวดีมา ก็จะฝึกพลังวิญญาณได้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดแน่นอน แม้ว่าคนจากแดนปีศาจจะพบเข้า เจ้าก็จะสามารถจัดการกับพวกเขาได้!”หลิงอวี๋ระวังตัวขึ้นมาทันทีจากคำบอกเล่าของอู่จวิ้น หลานฮุ่ยจวนเป็นยอดฝีมือพลังวิญญาณ และนางก็ยังถูกคนไล่ล่าอีกด้วย ตนเพิ่งจะเข้าสู่ศาสตร์นี้ แม้แต่เก๋อเทียนซือยังจัดการมิได้เลยแล้วจะเป็นคู่ต่อสู้กับคนเหล่านั้นได้เยี่ยงไรกัน!นางไม่มีทางยอมรับเด็ดขาดว่าตนมีมิติอยู่!ยิ่งไปกว่านั้น หยกหล้าสุขาวดีที่มู่หรงเหยียนซงพูดถึงก็มิแน่ว่าจะหมายถึงมิติของตนเองด้วยนางยังมิรู้อะไรแน่ชัดทั้งนั้นจะไปชักไฟเข้าหาตัวไ
มู่หรงเหยียนซงเห็นใบหน้ากลัดกลุ้มของทั้งสองคนจึงเอ่ย “อย่าได้กังวลไป! น้องหลิงอวี๋ ข้าบอกแล้วว่าหามาพวกเจ้าด้วยสองเรื่อง เรื่องท่านแม่ของเจ้าพูดไปแล้ว เช่นนั้นตอนนี้ก็จะพูดเรื่องที่สองเลยแล้วกัน!”“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับครอบครัวของพระชายาเว่ย! น้องหลิงอวี๋ ก่อนหน้านี้ไทเฮาถูกวางยาพิษมิใช่หรือ? จากทักษะการแพทย์ของเจ้าคงตรวจมิเจอว่าไทเฮาถูกพิษชนิดใดใช่หรือไม่?”หลิงอวี๋ตะลึงแล้วมองไปทางมู่หรงเหยียนซง นางตรวจสอบมิเจอจริง ๆ ว่าไทเฮาถูกพิษชนิดใด รวมถึงพิษที่ก่อนหน้านี้ตนถูกแม่นมของพระชายาเว่ยวางยาด้วยการแก้พิษทั้งสองครั้งนี้ล้วนพึ่งยาแก้พิษที่อยู่ในกล่องเหล็กของหลานฮุ่ยจวนทั้งสิ้น ตอนนี้นางเหลือเพียงแค่เม็ดสุดท้ายแล้ว หากยังตรวจสอบมิพบแล้วได้รับพิษอีกนางก็คงหมดปัญญาแล้ว“องค์ชายจิ้น ท่านทรงทราบหรือว่านั่นคือพิษชนิดใด?”หลิงอวี๋เอ่ยถามอย่างร้อนใจมู่หรงเหยียนซงส่ายหน้าพลางเอ่ย “เรื่องที่ว่ายาพิษมีส่วนประกอบใดบ้างนั้นเป็นความลับของตระกูลเว่ย เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้แล้วก็ต้องเอ่ยถึงอีกเรื่องหนึ่งด้วย อ๋องอี้ พวกท่านมิเคยสงสัยสาเหตุการสิ้นพระชนม์ของจักรพรรดิสูงสุดเลยหรือ?”เซียวห
เซียวหลินเทียนเห็นจากด้านหลังว่ามู่หรงเหยียนซงถือกระบี่เรืองรองฟันไปที่หน้าอกของมือสังหารอย่างรวดเร็วเลือดสด ๆ สาดกระเซ็นไปทั่ว มือสังหารอีกคนข้างหลังเห็นสถานการณ์แล้วรูม่านตาก็หดเล็กลง จากนั้นก็ส่งเสียงตะคอกออกไปอย่างเศร้าโศกและโกรธแค้นพร้อมถือดาบแทงไปที่มู่หรงเหยียนซงมู่หรงเหยียนซงยังมิทันชักกระบี่กลับ ดาบของอีกฝ่ายก็โจมตีเข้ามาแล้วเมื่อเห็นว่าดาบของฝ่ายตรงข้ามเล็งไปที่หน้าอกของมู่หรงเหยียนซง ในสถานการณ์คับขันนั้น เซียวหลินเทียนก็พุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็วแล้วจ่อดาบไปที่คอของมือสังหารมือสังหารจะป้องกันตัวเองจึงทำได้เพียงชักดาบกลับมาป้องกันไว้ แต่เขาก็ยังมิยอมแพ้ที่จะปล่อยมู่หรงเหยียนซงไปเช่นนี้เขาลังเลอยู่เล็กน้อยแต่ก็พลาดโอกาสที่ดีไปแล้ว หลิงอวี๋เอายาสลบแทงไปที่มือสังหารแล้วส่วนมู่หรงเหยียนซงก็ให้ความร่วมมือไปโดยปริยาย เท้าของเขาลื่นไปกับพื้น แล้วปลายเท้าก็ไปเตะเข้าที่มือสังหารแต่เพราะว่ามือสังหารเป็นยอดฝีมือจึงตัดสินสถานการณ์นี้ได้อย่างรวดเร็วเขารูปร่างค่อนข้างเตี้ย ดาบของเซียวหลินเทียนจึงผ่านหัวเขาไปและเส้นผมก็กระจัดกระจายออกมามือสังหารพุ่งไปข้างหน้าแล้วกระโจนออกจากหน
“หลู่ชิ่ง ช้าก่อน เอาศพของมือสังหารไปส่งให้แม่ทัพเฉินด้วย!”เซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋ หลิงอวี๋ก็เข้าในความหมายของเซียวหลินเทียนทันทีในเมื่อมือสังหารทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน แทนที่จะเสียแรงไปตามจับหญิงสาวที่หนีไป สู้นำศพชายของนางมาใช้ล่อให้นางติดกับดีกว่าแต่หลิงอวี๋กลับมิคิดว่ามือสังหารหญิงจะมาติดกับด้วยตนเองพวกเขารู้เรื่องการเดินทางของตนกับเซียวหลินเทียนเช่นนี้ ก็มิน่าจะมิรู้ว่าโดยนิสัยของเซียวหลินเทียนแล้ว จะไม่มีการทำร้ายศพเป็นอันขาดขอเพียงมือสังหารหญิงรอคอยอย่างอดทน กระทั่งมือสังหารชายถูกนำไปฝังแล้วค่อยขโมยศพไปก็ได้แล้วแม้ว่าหลิงอวี๋จะนึกถึงจุดนี้ แต่ก็มิอยากขัดความกระตือรือร้นของเซียวหลินเทียนจึงมิพูดอะไรออกไปเรื่องที่พบมือสังหาร ทำให้การพูดคุยของพวกเขากับมู่หรงเหยียนซงไปต่อมิได้แล้วหลิงอวี๋ถูกเลือดของมือสังกหารกระเซ็นไปทั่วร่างกาย จึงเอ่ยอย่างรู้สึกขยะแขยง “ท่านพี่มู่หรง วันนี้พอเท่านี้เถิด ท่านกลับไปพักผ่อนก่อน วันพรุ่งข้าจะเชิญพวกท่านมาทานอาหารกันที่ตำหนักอ๋องอี้ แล้วเราค่อยคุยกันต่อเถิด!”“ได้!”มู่หรงเหยียนซงเองก็กลัวว่าจะเจอเรื่องมิคาดคิดขึ้นอีกจึงพยักหน้า“ว
ในขณะที่เซียวหลินเทียนกำลังยุ่งอยู่กับการตามหาหลิงอวี๋ และฟื้นฟูตำหนักปีกเงินขึ้นมาอีกครั้งนั้น ทางด้านหลิงอวี๋ก็เตรียมตัวจะออกเดินทางไปเมืองหลวงแดนเทพพร้อมกับครอบครัวของข้าหลวงเก๋อแล้วเพื่อเป็นการลดความเหนื่อยล้าของฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อจากการเดินทางทั้งทางเรือและทางรถม้า ข้าหลวงเก๋อจึงเลือกที่จะเดินทางไปยังเมืองหลวงแดนเทพทางน้ำแทนตระกูลเก๋อเช่าเรือขนาดใหญ่สองลำ ลำหนึ่งสำหรับบรรทุกสัมภาระ และอีกลำหนึ่งสำหรับโดยสารคนข้าหลวงเก๋อได้รับการเลื่อนตำแหน่งครั้งนี้ คงจะมิกลับไปที่เมืองจงกวนอีกแล้ว ดังนั้นเขาจึงนำข้าวของเครื่องใช้ที่มีค่าและคนรับใช้ทั้งหมดที่เต็มใจจะติดตามเขาไปที่เมืองหลวงแดนเทพไปด้วยเรือใหญ่มีอยู่สามชั้น ชั้นล่างสุดเป็นที่พักอาศัยของคนรับใช้ ข้าหลวงเก๋อกับบุรุษในตระกูลเก๋อพักกันที่ชั้นสาม ส่วนเหล่าญาติฝ่ายสตรีก็พักอยู่ที่ชั้นสองสองพี่น้องหลิงอวี๋กับป้าวซวนก็ได้พักในห้องเดียวกัน แม้ว่าจะเล็กไปสักหน่อย แต่พวกนางทั้งสองก็รู้สึกว่าเพียงพอแล้วเส้นทางน้ำนี้ถือว่าเป็นแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในแดนเทพ แบ่งออกเป็นแม่น้ำในและแม่น้ำนอกเส้นทางที่พวกนางเดินทางกันอยู่นี้คือแม่น้ำนอก ซึ่ง
“เหยี่ยวผู้กล้าควรกางปีกบินให้สูง และลอยตัวให้อยู่เหนือเก้าชั้นฟ้า!”เซียวหลินเทียนพูดสิ่งที่เหวินเหรินจิ้นบอกตนออกไปอย่างใจเย็นนี่คือคำพูดที่เหวินเหรินจิ้นพูดกับสือหรงตอนที่ให้เขาออกมาจริง ๆ ตอนนั้นนอกจากเขากับเหวินเหรินจิ้นก็ไม่มีใครอยู่อีกเมื่อสือหรงเห็นว่าคำตอบของเซียวหลินเทียนถูกต้อง ใบหน้าของเขาก็กลับซีดลงทันที ราวกับว่าเขาถูกโจมตีอย่างหนัก“ท่านเจ้าตำหนัก… ท่านเจ้าตำหนักสิ้นแล้วหรือ?”หากมิได้เป็นเช่นนั้น เซียวหลินเทียนจะมีป้ายผู้นำของตำหนักปีกเงินได้อย่างไร และจะรู้ได้อย่างไรว่าเหวินเหรินจิ้นพูดอะไรกับเขา!“อืม ร่างของเขาจะถูกเก็บไว้ในสุสานใต้ดินของตำหนักปีกเงินเป็นการชั่วคราว แล้วในภายหน้าเมื่อข้าสามารถฟื้นคืนตำหนักปีกเงินมาได้ ก็ค่อยนำไปฝังให้ดี ๆ!”แล้วเซียวหลินเทียนก็เอ่ยออกมาอย่างเศร้าใจ“พรึ่บ…”สือหรงคุกเข่าลง แล้วน้ำตาของเขาก็ไหลลงมาอย่างควบคุมมิได้เดิมทีเขาคิดว่าจะหลบไปสักประมาณปีครึ่ง แล้วเจ้าตำหนักก็คงจะเรียกพวกเขากลับไป เมื่อถึงเวลานั้นตำหนักปีกเงินก็จะรุ่งโรจน์เหมือนในอดีตอีกครั้ง ไหนเลยจะคาดคิดว่า การลาจากของเจ้าตำหนักในครั้งนี้จะเป็นการจากลากันไปตลอด
กระทั่งลงมาจากภูเขาแล้ว เซียวหลินเทียนก็ให้เหยี่ยวดำจิ่วเทียนไปส่งจดหมายให้กับฉินซาน แล้วตนกับเผยอวี้ก็มุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านตงหยวน ซึ่งอยู่ห่างจากตำหนักปีกเงินหลายสิบลี้ เพื่อตามหาสือหรงลูกศิษย์คนสำคัญของเหวินเหรินจิ้น อีกทั้งยังเป็นผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายของตำหนักปีกเงินด้วยเซียวหลินเทียนไม่มีทางจะไปตามหาคนในรายชื่อของเหวินเหรินจิ้นทีละคนได้ หากเขาคิดที่จะรวบรวมลูกศิษย์ทั้งหมดของตำหนักปีกเงินที่เหวินเหรินจิ้นสั่งให้ออกจากตำหนักโดยเร็ว สือหรงผู้นี้ก็คือบุคคลที่เป็นกุญแจสำคัญเหวินเหรินจิ้นเคยบอกไว้ว่า หากตามหาสือหรงพบ พวกเขาก็จะสามารถตามลูกศิษย์ทั้งหมดกลับมาได้ เพราะว่าสือหรงมีช่องทางติดต่อของพวกเขาทุกคนแต่กระทั่งเซียวหลินเทียนกับเผยอวี้มาถึงหมู่บ้านตงหยวน ก็สายเกินไปเสียแล้ว ชาวบ้านส่วนใหญ่ในหมู่บ้านตงหยวนถูกสังหารหมู่ และทางการก็กำลังนำคนมาเคลื่อนย้ายศพแต่ละศพออกไปเซียวหลินเทียนและเผยอวี้สวมหน้ากากผิวหนังมนุษย์แล้ว เผยอวี้จึงแสร้งทำเป็นเข้าไปตามหาญาติเพื่อสอบถามข้อมูลเมื่อถามไปจึงได้รู้ว่าเมื่อคืนหมู่บ้านตงหยวนถูกโจรกลุ่มหนึ่งมาปล้นทรัพย์ ตระกูลที่มีฐานะดีในหมู่บ้านส่วนใหญ่จึงถูก
หวงฝู่หลินก็เหมือนกับเซียวหลินเทียน ในตอนนี้มีคนที่จะต้องเร่งตามหาให้พบ ดังนั้นแม้ว่าจะมีความขัดแย้งต่อกัน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง พวกเขาก็ทำได้เพียงต้องร่วมมือกันจึงจะต่อต้านศัตรูได้หวงฝู่หลินมองตำหนักปีกเงินที่ค่อนข้างหดหู่นี้ แล้วเอ่ยด้วยเสียงทุ้ม “เซียวหลินเทียน วันนี้เจ้าเปิดเผยเรื่องที่เจ้ามีกระบี่คุนอู๋อยู่ในมือไปแล้ว มหาปราชญ์ไม่มีทางปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ แน่!”“พวกเราต้องรีบรวบรวมกลุ่มที่สามารถต่อสู้กับมหาปราชญ์ให้ได้โดยเร็วที่สุด ก่อนที่มหาปราชญ์จะรวมกำลังคนมาจัดการกับเจ้า!”“เจ้าลงจากภูเขาไปรวบรวมบรรดาลูกศิษย์ของตำหนักปีกเงินมา ส่วนข้าจะช่วยหาคนมาสร้างตำหนักปีกเงินขึ้นใหม่เอง!”“หากเจ้าหาลูกสาวของข้าพบก่อน ก็ให้ส่งข้อความมาหาข้า! และหากข้าพบหลิงอวี๋ ข้าก็จะแจ้งเจ้าทันทีเช่นกัน!”เซียวหลินเทียนพยักหน้าโดยมิต้องคิด “ตกลง! เช่นนั้นพวกเราก็แยกกันเป็นสองกลุ่มไปดำเนินการ!”“เผยอวี้ เราลงจากภูเขากันก่อนเถอะ!”หวงฝู่หลินมองเผยอวี้แล้วเอ่ยออกมา “ประเดี๋ยวก่อน…”เขาหยิบยาหนึ่งขวดออกมาจากแหวนพระสุเมรุของตน แล้วโยนไปที่เผยอวี้ “พลังของเจ้าต่ำเกินไป หากเจ้าติดตามเขาก็จ
เซียวหลินเทียนฟังแล้วก็ทั้งโกรธทั้งโมโห ก่อนหน้านี้ที่หานเหมยบอกมิได้ละเอียดถึงเพียงนี้ และหานเหมยก็มิเคยบอกด้วยว่าใบหน้าของหลิงอวี๋ถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกรีดจนเป็นแผลความทรงจำของหานเหมยสูญหายไปบางส่วน ซึ่งนี่ก็คือผลกระทบที่ได้มาจากการถูกผนึก ดังนั้นจะโทษหานเหมยก็มิได้เมื่อได้ยินว่าหลิงอวี๋สูญเสียวรยุทธ์ไป ทั้งยังถูกเสวี่ยเหมยกลั่นแกล้งอีก เซียวหลินเทียนก็คิดเพียงอยากจะแทงเสวี่ยเหมยและลิ่งหูหลินผู้นั้นให้ตายไปเสียส่วนเรื่องที่หวงฝู่หลินรับหลิงอวี๋เป็นน้องสาวบุญธรรมนั้น เซียวหลินเทียนมิได้คิดเป็นจริงเป็นจังอะไร เขาหรือจะมิรู้ว่าหวงฝู่หลินไม่มีทางรับหลิงอวี๋เป็นน้องสาวบุญธรรมจริง ๆ หรอก“ท่านเจ้าวังของเราให้ป้าวเฉิงไปตามหาหลิงอวี๋ เพราะต้องการจะขอตำรับยาที่นางมีอยู่ในมือ มิใช่เพราะต้องการจะทำให้นางลำบาก!”ปี้ซงอธิบายทุกสิ่งออกมาอย่างชัดเจนแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะรู้สึกว่าเขาไม่มีทางพูดความจริงออกมาทั้งหมด แต่ก็ยังเชื่อไปกว่าครึ่งอยู่ดีหลังจากครุ่นคิดดูแล้ว เซียวหลินเทียนก็รู้สึกว่า ในเมื่อหวงฝู่หมิงจูถูกเสวี่ยเหมยจับตัวไป และเสวี่ยเหมยก็เป็นผู้ร้ายที่ลักพาตัวหลิงอวี๋ไปด้วย เช่นนั้นก
ใบหน้าหล่อเหลาของเซียวหลินเทียนมีความเศร้าอยู่จาง ๆ เขายืนอยู่บนบันได ซากปรักหักพังด้านหลังเหล่านั้น เมื่ออยู่ภายใต้แสงสะท้อนของดวงอาทิตย์ยามเย็นก็ทำให้เห็นความหดหู่และโดดเดี่ยวอย่างชัดเจนแต่แสงของดวงอาทิตย์ยามเย็นที่ส่องลงมาบนตัวของเซียวหลินเทียนนั้น ทำให้เขาดูเหมือนมีแสงสีทองระยิบระยับอยู่ทั้งที่เห็น ๆ กันอยู่ว่าเขาก็ยังเป็นคนเดิม แต่กลับดูราวกับว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ทำให้มิอาจมองเขาตรง ๆ ได้!ทันใดนั้นหวงฝู่หลินก็รู้สึกถึงความรู้สึกกดดันที่มิเคยมีมาก่อนจู่ ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ว่า ในภายภาคหน้าพลังของเซียวหลินเทียนจะประสบความสำเร็จ จะต้องอยู่เหนือไปกว่าของตนมาก และอยู่เหนือกว่าบรรดายอดฝีมือในแดนเทพอย่างแน่นอน!เหนือกว่าแม้กระทั่งหลงอี้ด้วย...เซียวหลินเทียนมองไปไกล ๆ แล้วนึกฉากเมื่อครู่เหวินเหรินจิ้นพาเขาเข้าไป และมิเพียงแต่มอบรายชื่อบรรดาศิษย์ของตำหนักปีกเงินให้ตนเท่านั้น แต่ยังมอบเงินทั้งหมดที่ตำหนักปีกเงินเก็บไว้หลายปีให้ตนด้วยนอกจากนี้แล้ว ก็ยังมีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ที่มหาปราชญ์ต้องการอย่างหม้อมังกรศักดิ์สิทธิ์อีกด้วยสุดท้ายเหวินเหรินจิ้นก็ยังพยายามถ่ายพ
หวงฝู่หลินมองเหวินเหรินจิ้นด้วยความสงสาร จากนั้นก็ประคองเขานั่งขึ้นมา แล้วเอ่ยไปอย่างเรียบ ๆ “เจ้าคงมิอยากจากไปโดยที่มิได้ทิ้งคำพูดอะไรไว้แน่!”“ต่อให้ยานั้นจะล้ำค่ามากเพียงใด ก็มิล้ำค่าเท่ากับเจ้า...พูดมาเถิด ยังมีความปรารถนาใดอีกที่เจ้ายังมิสมหวัง ขอเพียงข้าสามารถทำได้ ข้าก็จะช่วยเจ้าอย่างแน่นอน!”หวงฝู่หลินคิดเช่นนั้นจริง ๆ ดังนั้นเขาจึงป้อนโอสถช่วยชีวิตอันล้ำค่าที่ตนสกัดอย่างพิถีพิถันให้กับเหวินเหรินจิ้น เขามิอยากให้สหายผู้นี้ตายตามิหลับเหวินเหรินจิ้นมองหลานชายที่กำลังร้องไห้อยู่ข้าง ๆ แล้วหวงฝู่หลินก็เข้าใจทันที “ข้าจะให้คนดูแลเขาเอง!”เหวินเหรินจิ้นจึงฝืนยิ้มออกมา “ให้เขาเติบโตอย่างเรียบง่าย ลืมตระกูลนี้ไปเสีย และลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่ประสบไปให้หมด!”“ได้!”หวงฝู่หลินมิได้พูดอะไรมาก แต่เหวินเหรินจิ้นรู้ว่า เขาเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น จึงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ“ข้าขอฝากตำหนักปีกเงินไว้กับเจ้า...ข้าได้คำนวณชะตาไว้แล้วว่าจะมีภัยพิบัติเช่นนี้ ข้าจึงแสร้งป่วยแล้วให้ลูกศิษย์ของตำหนักทั้งหมดกระจายกันออกไป...”“แต่ข้ามิวางใจ ข้ากังวลว่า หากมหาปราชญ์หาหม้อมังกรศักดิ์สิทธิ์มิเจอ แล้วจะ
เผยอวี้เห็นว่าหวงฝู่หลินหน้าซีดเซียว ดูท่าทางเหมือนจะหมดสติไปได้ทุกเมื่อ ดังนั้นเขาจึงมิรีรอแล้วคุกเข่าลงไป จากนั้นก็ยัดลำไส้ของเสือดาวหิมะกลับตามคำชี้แนะของหวงฝู่หลินแล้วหวงฝู่หลินก็นำเครื่องยาสมุนไพรและเข็มกับด้ายออกมาจากแหวนพระสุเมรุ จากนั้นเขาก็ส่งเข็มกับด้ายให้เผยอวี้ “ช่วยเย็บแผลให้มันที!”เผยอวี้ตะลึงไปทันที เขาจับมีดจับกระบี่ได้ แต่เขาใช้เข็มกับด้ายมิเป็น!เมื่อเซียวหลินเทียนเห็นสถานการณ์เช่นนี้ เขาก็นึกขึ้นได้ว่า ตอนที่ตนพิชิตกระบี่คุนอู๋ ก็เคยบาดมือมาก่อน แต่เมื่อฝ่ามือของเขาจับที่กระบี่คุนอู๋ ก็รักษาตัวได้อย่างน่าอัศจรรย์เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าควรจะใช้กระบี่คุนอู๋รักษาเสือดาวหิมะหรือไม่!เขาเข้าใจหลักการที่ว่า ทรัพย์สมบัติมิควรเปิดเผยออกมา หากว่าในวันนี้มิใช่สถานการณ์วิกฤต เขาก็ไม่มีทางนำกระบี่คุนอู๋ออกมาแน่แต่ตอนนี้มหาปราชญ์รู้แล้วว่า กระบี่คุนอู๋อยู่ในมือของตน มันจะต้องนำความยุ่งยากมาหาตนมิจบสิ้น เช่นเดียวกับหยกหล้าสุขาวดีของหลิงอวี๋อย่างแน่นอน!หากเปิดเผยเรื่องที่กระบี่คุนอู๋สามารถรักษาบาดแผลได้ไปอีก เช่นนั้นจะมิยิ่งทำให้คนสนใจมากขึ้นหรือ?แต่เมื่อเซียวหลินเที
“ท่านเจ้าวัง!”ปี้ซงเห็นว่าหวงฝู่หลินไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะสู้กลับแล้ว เขาจึงร้องเรียกออกมาอย่างเจ็บปวดจากนั้นเขาก็เหาะเข้าไปหาโดยมิสนใจภัยคุกคามของมือสังหาร แต่เซียวหลินเทียนที่อยู่ข้างกายเขาเร็วกว่า เหาะพุ่งเข้าไปแล้วในช่วงเวลานี้ เซียวหลินเทียนก็มิกลัวที่จะเปิดเผยสมบัติของตนอีกต่อไปแล้ว เขานำกระบี่คุนอู๋ออกมาจากแหวนพระสุเมรุแล้วฟาดไปในอากาศเป็นวงโค้ง...แสงสีขาวลงมาจากท้องฟ้า มหาปราชญ์หันหลังให้เซียวหลินเทียนอยู่จึงมิเห็นแสงนั้น ทว่าหวงฝู่หลินกลับมองเห็นเห็นแสงสีขาวนั้นพุ่งลงมาใส่แขนของมหาปราชญ์ราวกับสายฟ้า ด้วยพลังที่มิอาจต้านทานได้ในตอนที่มหาปราชญ์รู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นนั้น เขาก็ได้เห็นแขนครึ่งหนึ่งของตนลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างน่าตกใจ หลังจากนั้นเลือดจากบาดแผลที่แขนขาดไปก็ไหลออกมา“กระบี่คุนอู๋… เจ้าเป็นใคร?”มหาปราชญ์เซถอยหลังไป และในแววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจและยากที่จะเชื่อ“คนที่จะเอาชีวิตเจ้า!”นี่เป็นครั้งแรกที่เซียวหลินเทียนใช้กระบี่คุนอู๋ เขามิคาดคิดเลยว่า กระบี่คุนอู๋จะทรงพลังเช่นนี้ ปราณแห่งกระบี่ที่ฟาดออกมาสามารถตัดแขนของมหาปราชญ์ได้ความมั่