หยกหล้าสุขาวดี?หลิงอวี๋นึกถึงมิติของตนทันที หรือว่ามิติลึกลับของตนจะมาจากแดนปีศาจเหมือนกันกับแหวนพระสุเมรุ?ตอนนั้นหลานฮุ่ยจวนสูญเสียพลังวิญญาณไป มิสามารถเข้าไปในมิติได้อีกดังนั้นจึงเป็นตนเอง?“น้องหลิงอวี๋ ในบรรดาของต่างหน้าของท่านแม่เจ้าไม่มีหยกหล้าสุขาวดีหรือ?”มู่หรงเหยียนซงเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น “จากที่อู่จวิ้นบอกมา คนในแดนปีศาจไล่ล่าพวกเขาก็เพื่อจะเอาหยกหล้าสุขาวดีกลับคืน ในหยกหล้าสุขาวดีนี้น่าจะเป็นสมบัติที่ใช้ฝึกฝนพลังวิญญาณทั้งหมด!”“หากเจ้าได้หยกหล้าสุขาวดีมา ก็จะฝึกพลังวิญญาณได้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดแน่นอน แม้ว่าคนจากแดนปีศาจจะพบเข้า เจ้าก็จะสามารถจัดการกับพวกเขาได้!”หลิงอวี๋ระวังตัวขึ้นมาทันทีจากคำบอกเล่าของอู่จวิ้น หลานฮุ่ยจวนเป็นยอดฝีมือพลังวิญญาณ และนางก็ยังถูกคนไล่ล่าอีกด้วย ตนเพิ่งจะเข้าสู่ศาสตร์นี้ แม้แต่เก๋อเทียนซือยังจัดการมิได้เลยแล้วจะเป็นคู่ต่อสู้กับคนเหล่านั้นได้เยี่ยงไรกัน!นางไม่มีทางยอมรับเด็ดขาดว่าตนมีมิติอยู่!ยิ่งไปกว่านั้น หยกหล้าสุขาวดีที่มู่หรงเหยียนซงพูดถึงก็มิแน่ว่าจะหมายถึงมิติของตนเองด้วยนางยังมิรู้อะไรแน่ชัดทั้งนั้นจะไปชักไฟเข้าหาตัวไ
มู่หรงเหยียนซงเห็นใบหน้ากลัดกลุ้มของทั้งสองคนจึงเอ่ย “อย่าได้กังวลไป! น้องหลิงอวี๋ ข้าบอกแล้วว่าหามาพวกเจ้าด้วยสองเรื่อง เรื่องท่านแม่ของเจ้าพูดไปแล้ว เช่นนั้นตอนนี้ก็จะพูดเรื่องที่สองเลยแล้วกัน!”“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับครอบครัวของพระชายาเว่ย! น้องหลิงอวี๋ ก่อนหน้านี้ไทเฮาถูกวางยาพิษมิใช่หรือ? จากทักษะการแพทย์ของเจ้าคงตรวจมิเจอว่าไทเฮาถูกพิษชนิดใดใช่หรือไม่?”หลิงอวี๋ตะลึงแล้วมองไปทางมู่หรงเหยียนซง นางตรวจสอบมิเจอจริง ๆ ว่าไทเฮาถูกพิษชนิดใด รวมถึงพิษที่ก่อนหน้านี้ตนถูกแม่นมของพระชายาเว่ยวางยาด้วยการแก้พิษทั้งสองครั้งนี้ล้วนพึ่งยาแก้พิษที่อยู่ในกล่องเหล็กของหลานฮุ่ยจวนทั้งสิ้น ตอนนี้นางเหลือเพียงแค่เม็ดสุดท้ายแล้ว หากยังตรวจสอบมิพบแล้วได้รับพิษอีกนางก็คงหมดปัญญาแล้ว“องค์ชายจิ้น ท่านทรงทราบหรือว่านั่นคือพิษชนิดใด?”หลิงอวี๋เอ่ยถามอย่างร้อนใจมู่หรงเหยียนซงส่ายหน้าพลางเอ่ย “เรื่องที่ว่ายาพิษมีส่วนประกอบใดบ้างนั้นเป็นความลับของตระกูลเว่ย เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้แล้วก็ต้องเอ่ยถึงอีกเรื่องหนึ่งด้วย อ๋องอี้ พวกท่านมิเคยสงสัยสาเหตุการสิ้นพระชนม์ของจักรพรรดิสูงสุดเลยหรือ?”เซียวห
เซียวหลินเทียนเห็นจากด้านหลังว่ามู่หรงเหยียนซงถือกระบี่เรืองรองฟันไปที่หน้าอกของมือสังหารอย่างรวดเร็วเลือดสด ๆ สาดกระเซ็นไปทั่ว มือสังหารอีกคนข้างหลังเห็นสถานการณ์แล้วรูม่านตาก็หดเล็กลง จากนั้นก็ส่งเสียงตะคอกออกไปอย่างเศร้าโศกและโกรธแค้นพร้อมถือดาบแทงไปที่มู่หรงเหยียนซงมู่หรงเหยียนซงยังมิทันชักกระบี่กลับ ดาบของอีกฝ่ายก็โจมตีเข้ามาแล้วเมื่อเห็นว่าดาบของฝ่ายตรงข้ามเล็งไปที่หน้าอกของมู่หรงเหยียนซง ในสถานการณ์คับขันนั้น เซียวหลินเทียนก็พุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็วแล้วจ่อดาบไปที่คอของมือสังหารมือสังหารจะป้องกันตัวเองจึงทำได้เพียงชักดาบกลับมาป้องกันไว้ แต่เขาก็ยังมิยอมแพ้ที่จะปล่อยมู่หรงเหยียนซงไปเช่นนี้เขาลังเลอยู่เล็กน้อยแต่ก็พลาดโอกาสที่ดีไปแล้ว หลิงอวี๋เอายาสลบแทงไปที่มือสังหารแล้วส่วนมู่หรงเหยียนซงก็ให้ความร่วมมือไปโดยปริยาย เท้าของเขาลื่นไปกับพื้น แล้วปลายเท้าก็ไปเตะเข้าที่มือสังหารแต่เพราะว่ามือสังหารเป็นยอดฝีมือจึงตัดสินสถานการณ์นี้ได้อย่างรวดเร็วเขารูปร่างค่อนข้างเตี้ย ดาบของเซียวหลินเทียนจึงผ่านหัวเขาไปและเส้นผมก็กระจัดกระจายออกมามือสังหารพุ่งไปข้างหน้าแล้วกระโจนออกจากหน
“หลู่ชิ่ง ช้าก่อน เอาศพของมือสังหารไปส่งให้แม่ทัพเฉินด้วย!”เซียวหลินเทียนมองหลิงอวี๋ หลิงอวี๋ก็เข้าในความหมายของเซียวหลินเทียนทันทีในเมื่อมือสังหารทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน แทนที่จะเสียแรงไปตามจับหญิงสาวที่หนีไป สู้นำศพชายของนางมาใช้ล่อให้นางติดกับดีกว่าแต่หลิงอวี๋กลับมิคิดว่ามือสังหารหญิงจะมาติดกับด้วยตนเองพวกเขารู้เรื่องการเดินทางของตนกับเซียวหลินเทียนเช่นนี้ ก็มิน่าจะมิรู้ว่าโดยนิสัยของเซียวหลินเทียนแล้ว จะไม่มีการทำร้ายศพเป็นอันขาดขอเพียงมือสังหารหญิงรอคอยอย่างอดทน กระทั่งมือสังหารชายถูกนำไปฝังแล้วค่อยขโมยศพไปก็ได้แล้วแม้ว่าหลิงอวี๋จะนึกถึงจุดนี้ แต่ก็มิอยากขัดความกระตือรือร้นของเซียวหลินเทียนจึงมิพูดอะไรออกไปเรื่องที่พบมือสังหาร ทำให้การพูดคุยของพวกเขากับมู่หรงเหยียนซงไปต่อมิได้แล้วหลิงอวี๋ถูกเลือดของมือสังกหารกระเซ็นไปทั่วร่างกาย จึงเอ่ยอย่างรู้สึกขยะแขยง “ท่านพี่มู่หรง วันนี้พอเท่านี้เถิด ท่านกลับไปพักผ่อนก่อน วันพรุ่งข้าจะเชิญพวกท่านมาทานอาหารกันที่ตำหนักอ๋องอี้ แล้วเราค่อยคุยกันต่อเถิด!”“ได้!”มู่หรงเหยียนซงเองก็กลัวว่าจะเจอเรื่องมิคาดคิดขึ้นอีกจึงพยักหน้า“ว
“ใช่แล้ว เป็นเช่นนี้เลย!”หลิงอวี๋ยกมุมปากขึ้นอย่างดูถูก “แม้ว่าฮองเฮาเว่ยจะเข้าตำหนักเย็นไปแล้ว และองค์ชายเว่ยก็ถูกลงโทษให้ไปเฝ้าสุสานจักรพรรดิ แต่ตระกูลเว่ยก็ยังมีคนที่เป็นขุนนางอยู่ในราชสำนักอีกมิน้อย”“ขุนนางผู้มีอำนาจต่อให้ถูกลดทอนอำนาจลงก็ยังคงมิสิ้นอำนาจอยู่ดี นี่คือแผนการที่คิดจะซ้ำเติมตระกูลเว่ยเพคะ!”เซียวหลินเทียนมองออกไปอย่างครุ่นคิดตอนนี้องค์ชายเว่ยกับฮองเฮาเว่ยเสียอำนาจไป ผู้ที่มีความสามารถที่จะมาแย่งชิงตำแหน่งองค์รัชทายาทกับตนได้ มีเพียงแค่องค์ชายคังเท่านั้น และพระชายาเส้าที่อยู่เบื้องหลังองค์ชายคังก็แอบเล็งตำแหน่งฮองเฮาอยู่ด้วยมีเพียงการทุบตระกูลเว่ยจนมิสามารถที่พลิกฟื้นคืนมาได้เท่านั้น พระชายาเส้ากับองค์ชายคังจึงจะมีความเป็นไปได้ที่จะบรรลุความปรารถนาเช่นนั้นนอกจากพระชายาเส้ากับองค์ชายคังแล้ว ใครกันที่จะทำเรื่องที่ฆ่าแกงผู้คนเช่นนี้ได้!“หึ...”เซียวหลินเทียนส่งเสียงอย่างเย็นชา แล้วเอ่ยกับหลิงอวี๋อย่างเจือน้ำเสียงบ่นไปด้วย“ก่อนหน้านี้เรามิควรปล่อยองค์ชายคังไปเลย เจ้าดูพันธมิตรชั่วคราวของเจ้าเถิด นี่ยังมิถึงสองวันก็หันหัวหอกกลับมาหาเจ้าแล้ว!”หลิงอวี๋ยิ้มออ
คำพูดของหลิงอวี๋ทำให้ดวงตาของเซียวหลินเทียนเป็นประกายขึ้นมาทันที เขาได้รู้เรื่องที่หลิงอวี๋สามารถใช้พลังวิญญาณเก็บและเรียกดาบวิเศษออกมาได้หากสิ่งที่หลิงอวี๋พูดเป็นเรื่องจริง เช่นนั้นหากเจอดาบวิเศษที่ตนหยดเลือดสร้างพันธะด้วยได้ เขาก็จะสามารถใช้พลังวิญญาณคุมดาบไปสังหารคนได้เช่นกันมิใช่หรือ?“อาอวี๋ เช่นนั้นข้าจะต้องตั้งใจฝึกฝนพลังวิญญาณ!”เซียวหลินเทียนยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้น เขาต้องรีบบำเพ็ญเพียรพัฒนาตนเอง เพื่อหลีกเลี่ยงตอนที่ได้รับดาบวิเศษเช่นนั้นจริง ๆ แล้วตนเองกลับมิสามารถควบคุมมันได้หลิงอวี๋เองก็คล้อยตามไปกับความตื่นเต้นของเซียวหลินเทียนเช่นกัน คำพูดของมู่หรงเหยียนซงเป็นการยืนยันแล้วว่า ใต้หล้าผืนนี้ยังมีอีกใต้หล้าที่เหนือชั้นกว่านี้ไปอีกเก๋อเทียนซือสามารถมาที่ฉินตะวันตกได้ ก็อาจจะมีศัตรูอีกมากที่มาได้เช่นกันหากนางมิอยากถูกคนอื่นทำร้ายแล้วมิสามารถตอบโต้ได้ ก็ทำได้เพียงพัฒนาตนเองเท่านั้น “เซียวหลินเทียน ท่านสอนวรยุทธให้หม่อมฉันเถิดเพคะ! หม่อมฉันเองก็ต้องขยันแล้วเช่นกัน!”ในบรรดาคนที่หลิงอวี๋รู้จักในตอนนี้ก็มีเซียวหลินเทียนที่มีวรยุทธสูงที่สุด นางทำได้เพียงให้เซียวหลินเทีย
นี่มันหยิ่งผยองเกินไปจริง ๆ!เซียวหลินเทียนลุกขึ้นอย่างเดือดดาลแล้วรีบแต่งตัวออกไปที่หลุมศพของหลี่ว์กังพร้อมกับหลิงอวี๋อย่างรวดเร็วระหว่างทางก็ได้พบกับหลี่ว์เซียงกับหลี่ว์จงเจ๋อที่ได้ข่าวแล้วรีบมาเช่นกันหลี่ว์เซียงโกรธจนพูดติด ๆ ขัด ๆ เอ่ยขึ้นมา “รังแกกันมากไปแล้ว… รังแกกันมากเกินไปแล้วจริง ๆ! เซี่ยโฮ่วตานรั่วผู้นี้คิดว่าฉินตะวันตกไม่มีใครเลยจริง ๆ หรือไร?”“นางกล้าเฆี่ยนตีศพ! ข้า… ข้าจะต้องกราบทูลต่อองค์จักรพรรดิให้นางชดใช้!”สายตาของหลี่ว์จงเจ๋อมองหลิงอวี๋อย่างซับซ้อน หลิงอวี๋คาดการณ์ถูกอีกแล้ววันนี้ตอนที่เสร็จสิ้นพิธีศพของหลี่ว์กัง ก่อนที่หลิงอวี๋จะกลับไปก็ได้บอกกับหลี่ว์จงเจ๋อเป็นการส่วนตัว“ฮูหยินสามไปอาศัยอยู่ที่ไร่นาของข้า หากเซี่ยโฮ่วตานรั่วมิสามารถลงมือกับพวกนางได้ มิแน่ว่าอาจจะมาระบายความโกรธที่ศพของหลี่ว์กังก็ได้! เจ้าหาคนสักสองสามคนไปเฝ้าที่หลุมศพหลี่ว์กังไว้ในตอนที่พวกเซี่ยโฮ่วตานรั่วยังมิออกจากฉินตะวันตก ป้องกันไว้ก่อน!”ก่อนหน้านี้หลี่ว์จงเจ๋อยังมิเห็นด้วยเท่าไร คิดว่าคนตายไปแล้วเซี่ยโฮ่วตานรั่วคงมิทำอันใดกับคนตายหรอกทว่าด้วยความเชื่อใจที่มีต่อหลิงอวี๋ หลี่ว
“คิดจะไปหรือ? มิง่ายดายเพียงนั้นหรอก!”เซียวหลินเทียนกับหลี่ว์จงเจ๋อตะโกนขึ้นมาพร้อมกันพวกองครักษ์จ้าวซวนกับคนของหลี่ว์จงเจ๋อต่างไปขวางทางเซี่ยโฮ่วตานรั่วเอาไว้เซี่ยโฮ่วตานรั่วมองไปทางเซียวหลินเทียนอย่างเกลียดชัง เซียวหลินเทียนเมินเฉยต่อความรักของตนครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้นางเกลียดชัง นางจึงตะโกนออกไปอย่างเอาแต่ใจ“มิให้ข้าไปรึ? เซียวหลินเทียน หรือว่าท่านจะกล้าฆ่าข้าเล่า?”“หากท่านกล้าแตะต้องข้าแม้แต่ปลายเส้นผม เสด็จพี่ของข้าไม่มีทางปล่อยพวกเจ้าไปแน่!”“ผู้ที่ได้รับความพ่ายแพ้ยังจะกล้าหยิ่งผยองที่นี่อีก! เหตุใดเสด็จพี่ของเจ้าจะมิปล่อยข้าไปเล่า?”เซียวหลินเทียนยิ้มอย่างดูถูก พวกเขาชนะองค์ชายหนิงในการล้อมเมือง และยังเป็นเพียงแค่กลุ่มของตนเท่านั้นด้วย นี่ก็เป็นการพิสูจน์แล้วว่า ความสามารถในการรบของกลุ่มฉินตะวันตกของพวกเขาคว้าชัยห่างจากฉีตะวันออกไปไกลแล้วองค์ชายหนิงหรือจะกล้าแตะต้องเขา?นี่เซี่ยโฮ่วตานรั่วกำลังพูดเรื่องตลกอยู่หรือ?ความเย่อหยิ่งของเซี่ยโฮ่วตานรั่วถูกปรามลงไปทันที พวกเขาแพ้และสูญเสียเมืองไปสองเมืองก็พิสูจน์แล้วว่าสู้มิได้เกรงว่าถึงเสด็จพี่มาก็ไม่มีทางจะสนับสน
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต
มหาปราชญ์มองไปยังเจ้าแห่งทะเลอย่างมิยินยอม เจ้าแห่งทะเลกล่าวเสียงเข้ม “คนเขามิยอมรับวิธีการรักษาของท่าน ก็ให้พวกเขาไปหาคนที่เก่งกว่านี้เถอะ!”“อย่าให้เป็นเพราะบุตรบุญธรรมคนเดียวต้องมาทำให้ความเป็นพี่น้องของพวกเราต้องบาดหมางกัน!”เจ้าแห่งทะเลพูดจบก็นำหน้าเดินออกไปท่าทีของเจ้าแห่งทิศใต้เช่นนี้ชัดเจนว่า หากพวกเขามิยอมถอยก็จะใช้กำลัง เจ้าแห่งทะเลยังมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในตอนนี้ ทำได้เพียงยอมถอยไปก่อนชั่วคราวเท่านั้นวิธีนี้ใช้มิได้ผล เช่นนั้นก็ค่อยเปลี่ยนวิธีใหม่“มิขอส่ง!”เจ้าแห่งทิศใต้กล่าวด้วยสีหน้าท่าทีฟึดฟัดใส่เจ้าแห่งทะเล เป็นการแสดงออกถึงความมิพอใจของตนเผยอวี้และฉินซานก็มองส่งมหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลอย่างโกรธเคืองเช่นกันเก๋อเฟิ่งฉิงรีบวิ่งไปยังเงาร่างที่ขดตัวอยู่ในความมืดนั้น“พี่ใหญ่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? บาดเจ็บตรงไหน?”“คุณหนูสิง เจ้าก็รู้ดีอยู่แล้วว่าพี่ใหญ่ข้าใช้กำลังภายในมิได้ เหตุใดจึงคิดวิธีการเช่นนี้ออกมา นี่มิเท่ากับทำร้ายพี่ใหญ่ข้าหรอกหรือ?”เก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋อย่างตำหนิหลิงอวี๋เดินเข้ามา พลางร้องเรียก “ลู่หนาน เปิดม่าน!”“หรงเกอเอ๋อร์ เจ้าบ
“อ๊าว อ๊าว...”มหาปราชญ์ได้ยินเสียงกระแทกอย่างบ้าคลั่งดังขึ้นในห้องอีกครั้ง เขาซัดฝ่ามือออกไปยังทิศทางต้นเสียง ทว่าร่างนั้นกลับจู่โจมเข้ามาหาเขาแทนมหาปราชญ์กลัวว่าจะถูกคว้ามือได้อีกจึงรีบถอยหลังไป แต่ในห้องเต็มไปด้วยเครื่องเรือนที่ถูกทำลายเสียหาย เท้าของเขาสะดุดเข้าจนล้มลงกับพื้นเกือบจะพร้อมกันนั้น ดวงตาสีแดงคู่นั้นก็พุ่งเข้าใส่ร่างตน อ้าปากกัดเข้าที่ลำคอของเขาซี๊ด!มหาปราชญ์เจ็บปวดจนใช้มือข้างหนึ่งบีบเข้าที่ลำคอเขา หมายจะบีบกระดูกคอให้แหลกแต่ร่างนั้นกลับดิ้นหลุดพรวดไปเหมือนปลาไหล พุ่งหลบไปไกลหลายเมตรในพริบตา เก็บเศษไม้จากเครื่องเรือนที่แตกหักขว้างปาใส่มหาปราชญ์ดังโครมคราม“มหาปราชญ์ ท่านรีบออกมาเร็ว! ระวังพี่ชายข้าทำร้ายท่าน!”เผยอวี้กังวลมากกว่าว่ามหาปราชญ์จะทำร้ายเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนใช้กำลังภายในมิได้ หากถูกทำให้ลำบากเช่นนี้ เซียวหลินเทียนจะต้องตายแน่เก๋อเฟิ่งฉิงก็รู้สึกเช่นเดียวกัน จึงกล่าวอย่างร้อนรน “ท่านน้าเขย ท่านออกมาเถิดเจ้าค่ะ ท่านอย่าทำร้ายเขาเลย!”“เขามิได้ตั้งใจโจมตีท่าน ตอนนี้เขาสิ้นสติไปแล้ว ท่านอย่าถือสาเขาเลย!”มหาปราชญ์เกิดจิตสังหารขึ้นแล้ว
สุนัขบ้ากัดคน นั่นมิใช่โรคพิษสุนัขบ้าหรอกหรือ?เจ้าแห่งทะเลและมหาปราชญ์ต่างก็รู้จักโรคนี้ ว่ากันว่าเป็นโรคที่รักษามิหาย เมื่อกำเริบก็จะเหมือนสุนัขบ้า สิ้นสติโดยสิ้นเชิง เห็นคนก็จะกัด เมื่อถึงระยะสุดท้ายก็จะเน่าเปื่อยทั้งร่างจนตายหลิงอวี๋หาข้ออ้างนี้ให้เซียวหลินเทียน ครึ่งหนึ่งเป็นเพราะรู้สึกว่าโรคนี้สามารถทำให้เจ้าแห่งทะเลและมหาปราชญ์ตกใจกลัวจนมิกล้าเข้าใกล้เซียวหลินเทียนได้อีกครึ่งหนึ่งก็เป็นความตั้งใจล้วน ๆ เป็นวิธีระบายอารมณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่หลิงอวี๋มิพอใจความสัมพันธ์ในฐานะคู่หมั้นคู่หมายของเก๋อเฟิ่งฉิงและเซียวหลินเทียนหลิงอวี๋พูดพลางสำรวจมองเจ้าแห่งทะเลสิ่งที่ทำให้หลิงอวี๋รู้สึกมิสบายใจอยู่บ้างคือ ตนกลับมีหน้าตาคล้ายคลึงกับเจ้าแห่งทะเลอยู่หลายส่วน เจ้าแห่งทะเลผู้นี้คือบิดาของนางจริง ๆ!ส่วนเจ้าแห่งทะเลก็ตั้งใจมองหลิงอวี๋เป็นพิเศษเช่นกันมหาปราชญ์บอกว่าสิงอวี๋ก็คือหลิงอวี๋ บุตรีของหลานฮุ่ยจวน และก็เป็นบุตรีของตนด้วยเจ้าแห่งทะเลมิได้ขาดแคลนบุตรธิดา เมื่อเห็นใบหน้าที่ธรรมดามิโดดเด่นของหลิงอวี๋ ในใจก็รู้สึกผิดหวังอยู่บ้างเขามิได้มาเพื่อยอมรับบุตรสาว จึงเปลี่ยนความสนใจไปท
เจ้าแห่งทิศใต้กล่าวอย่างเจ็บปวดใจนัก “เจ้าสิบเอ็ด พวกเราพี่น้องล้วนเป็นคนตระกูลหลง แม้ปกติจะมิลงรอยกันบ้าง แต่ก็ล้วนเป็นเรื่องหยุมหยิม สามารถหัวเราะแล้วปล่อยผ่านไปได้!”“ทว่าหากมหาปราชญ์และสำนักซิงหลัวลงมือ นั่นก็คือวันล่มสลายของตระกูลหลง เจ้าสิบเอ็ด เจ้าต้องการให้ลูกหลานตระกูลหลงถูกมหาปราชญ์และสำนักซิงหลัวกำจัดจนสิ้นซากจริง ๆ หรือ?”เมื่อเช้าเจ้าแห่งทะเลไปเข้าร่วมประชุมราชสำนัก เห็นตระกูลเหล่านั้นร่วมกันฟ้องร้องมหาปราชญ์และสำนักซิงหลัว จึงได้รู้ว่ามหาปราชญ์แอบทำอะไรลับหลังตนบ้างเขาแอบนึกเสียใจที่ตนวู่วามไป ฟังคำพูดฝ่ายเดียวของมหาปราชญ์ก็ให้รองแม่ทัพของตนนำทหารไปล้อมคฤหาสน์อู่เสียแล้วแต่เสียใจก็ส่วนเสียใจ เจ้าแห่งทะเลคิดว่า มหาปราชญ์บอกว่าเซียวหลินเทียนมีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์สองชิ้นคือกระบี่คุนอู๋และเสือปีกกาฬ จึงมิได้รู้สึกเสียใจมากนักที่ส่งทหารไปล้อมคฤหาสน์อู่เรื่องที่มหาปราชญ์หลอกใช้ตน บัญชีนี้ค่อยไปสะสางกับเขาทีหลัง เรื่องเร่งด่วนที่สุดในยามนี้คือ การยืนยันว่าเสี่ยวอู่ผู้นี้คือเซียวหลินเทียน และต้องยึดเอามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองชิ้นในมือเขามาให้ได้ส่วนเรื่องขี้ผึ้งหอมเส
หลิงอวี๋กดความรู้สึกมิสบายใจของตนไว้ รีบแต่งหน้าให้เซียวหลินเทียนดูป่วยซีดเซียวอย่างรวดเร็วทุกคนในจวนเตี๊ยมกันเรียบร้อยแล้วว่า เซียวหลินเทียนป่วยเป็นโรคประหลาด คนของคฤหาสน์อู่มาที่เมืองหลวงแดนเทพก็เพื่อตามหาหมอและเสาะหายาให้เซียวหลินเทียนช่วงนี้หลิงอวี๋มีชื่อเสียงมากในเมืองหลวงแดนเทพ คฤหาสน์อู่จึงเชิญหลิงอวี๋มาก็เพื่อรักษาอาการป่วยของเซียวหลินเทียนส่วนเก๋อเฟิ่งฉิงที่อยู่ในคฤหาสน์อู่ เพราะเป็นห่วงอาการป่วยของคู่หมั้นของตนจึงตั้งใจมาเยี่ยมเป็นพิเศษและการที่หลงเพ่ยเพ่ยและหลงจิ้งมาเยี่ยมเซียวหลินเทียน ก็เพราะความสัมพันธ์ที่เซียวหลินเทียนเป็นบุตรบุญธรรมของเจ้าแห่งทิศใต้เช่นนี้ทุกคนก็มีข้ออ้างที่ดีพอที่จะใช้กลบเกลื่อนได้แล้วทุกคนเพิ่งจะตกลงแผนรับมือกันเสร็จ เจ้าแห่งทิศใต้และเจ้าแห่งทะเลก็มาถึงหน้าประตูแล้วเผยอวี้และฉินซานในฐานะน้องชายร่วมตระกูลของเซียวหลินเทียนก็ออกไปต้อนรับพร้อมกันหลงจิ้งก็ติดตามออกมาด้วย เขาแสร้งแสดงละครตลอดทาง ครั้นเห็นเจ้าแห่งทะเลและมหาปราชญ์มาด้วยกันก็ทำท่าประหลาดใจ“ท่านอาเจ้าแห่งทะเล เหตุใดจึงมาพร้อมกับท่านพ่อของกระหม่อมได้พ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทะเลยิ้
หลิงอวี๋ได้ยินคำพูดของหลงจิ้งก็ขมวดคิ้ว นางและเย่หรงเคยคาดเดากันไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าเหตุใดเลี่ยวหงเสียถึงถูกขังในคุกน้ำโดยมิผ่านการไต่สวนหรือว่าจะเป็นเพราะนางพัวพันกับเรื่องของหลงอี้ มหาเทพหลงถึงได้ปฏิบัติต่อเลี่ยวหงเสียเช่นนี้“ท่านพ่อของข้าตั้งใจจะไปสอบถามเรื่องราวกับเลี่ยวหงเสีย ทว่าแม้แต่ท่านพ่อของข้าก็ยังมิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เลย!”หลงจิ้งหัวเราะอย่างขมขื่น “นี่ก็ยิ่งพิสูจน์ถึงความสำคัญของเลี่ยวหงเสีย ดังนั้น รอให้ผ่านพ้นอุปสรรคครั้งนี้ไปก่อน พวกเราค่อยคิดหาทางดูว่าจะช่วยเลี่ยวหงเสียออกมาได้หรือไม่!”“ข้าเชื่อว่าเย่หรงก็คงอยากช่วยนางออกมาเช่นกัน!”อย่างไรเสียหลิงอวี๋ก็เพิ่งจะรู้จักกับสองพ่อลูกเจ้าแห่งทิศใต้ มิได้ล่วงรู้พื้นเพพวกเขามากนัก มิสะดวกที่จะบอกว่าตนกับเย่หรงได้วางแผนช่วยเลี่ยวหงเสียไว้ก่อนหน้านี้แล้วขณะที่หลายคนกำลังพูดคุยกันอยู่ หัวหน้าองครักษ์ของหลงจิ้งก็เข้ามาแจ้งว่า “คุณชายสาม ท่านอ๋องออกจากท้องพระโรงแล้ว กำลังมุ่งหน้ามายังคฤหาสน์อู่ ผู้ที่ติดตามมาด้วยยังมีเจ้าแห่งทะเลและมหาปราชญ์ ท่านอ๋องให้พวกท่านเตรียมรับมือ”“เจ้าแห่งทิศใต้ให้ข้าน้อยมารายงานท่านก่อน ต
“พี่หญิง ท่านคงมิได้คิดว่าเพราะเป็นพ่อลูกกัน เจ้าแห่งทะเลจะออมมือให้หรอกใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นสีหน้าของหลิงอวี๋เปลี่ยนไปมา ก็กล่าวอย่างไร้ความปรานี “ต่อให้เขาจะเห็นแก่ความผูกพันทางสายเลือดนี้ ชายาเจ้าแห่งทะเลก็ไม่มีทางออมมือให้ท่านแน่!”“ชายาเจ้าแห่งทะเลมิได้ขาดแคลนบุตรธิดา ชายาเจ้าแห่งทะเลปฏิบัติต่อบุตรที่เกิดจากอนุภรรยาเหล่านั้นอย่างใจเหี้ยมอำมหิต นางไม่มีทางมองท่านเป็นพิเศษหรอก!”หลิงอวี๋ส่ายหน้า “ข้ามิได้คิดจะยอมรับเขา!”สำหรับบุรุษที่สามารถกำจัดสตรีที่รักของตนให้สิ้นซากได้ หลิงอวี๋ย่อมมิอาจคาดหวังอะไรเป็นพิเศษจากเขาได้เมื่อได้ฟังชีวิตอันน่าเวทนาของหลานฮุ่ยจวน หลิงอวี๋จึงไม่มีความรู้สึกผูกพันฉันพ่อลูกต่อเจ้าแห่งทะเลแม้แต่น้อย แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะยอมรับเขาเป็นบิดา?หลงจิ้งมองไปยังหลิงอวี๋ “น้องหญิง ที่พวกเราเปิดอกพูดคุยกับเจ้า ก็เพียงต้องการให้เจ้าเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของท่านอาเจ้าแห่งทะเล ให้เจ้าอย่าได้โง่เขลาไปแก้แค้นด้วยตนเอง!”“หากเจ้าอยากแก้แค้น พวกเราค่อย ๆ วางแผนกันในระยะยาว!”หลิงอวี๋จำหลานฮุ่ยจวนมิได้ด้วยซ้ำ ยิ่งมิรู้อะไรเกี่ยวกับชาติกำเนิดของตนเองเลย
หลงจิ้งกำลังจะกล่าวต่อ หลงเพ่ยเพ่ยเห็นว่าเก๋อเฟิ่งฉิงก็อยู่ที่นี่ด้วย จึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า“คุณหนูใหญ่เก๋อ เจ้ากลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อนสักครู่เถิด พวกเรามีเรื่องต้องปรึกษาหารือกับท่านเซียวตามลำพัง!”เก๋อเฟิ่งฉิงหน้าแดง รู้ว่าหลงเพ่ยเพ่ยกังวลเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตนและมหาปราชญ์ จึงกล่าวขึ้นทันที “เช่นนั้นข้าขอกลับไปพักผ่อนก่อน พี่ใหญ่ หากมีเรื่องอันใดต้องการให้ข้าช่วยก็เรียกข้าได้นะเจ้าคะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงเดินออกไป แต่ซูจู๋กลับกล่าวอย่างมิพอใจว่า“ท่านหญิง พวกท่านระแวงคุณหนูของข้ามากเกินไปแล้ว การกระทำของคุณหนูของข้าเมื่อคืนก็เพียงพอที่จะพิสูจน์จุดยืนของนางแล้ว หากนางคิดจะหักหลังพวกท่าน เหตุใดยังต้องรอจนถึงยามนี้เล่า!”“ท่านเซียว พวกเขามิเข้าใจคุณหนูของข้าก็ช่าง แต่ท่านยังมิเข้าใจคุณหนูของข้าอีกหรือเจ้าคะ?”“ทำกับคุณหนูของข้าเช่นนี้ ช่างเกินไปแล้วจริง ๆ!”เซียวหลินเทียนยิ้มอย่างขมขื่น และโค้งคำนับเล็กน้อย “น้องเก๋อ ทำให้เจ้าต้องลำบากใจเสียแล้ว เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ อีกเดี๋ยวข้าจะไปขอโทษเจ้า!”เก๋อเฟิ่งฉิงคลี่ยิ้มเล็กน้อยอย่างใจกว้าง “พี่ใหญ่เกรงใจเกินไปแล้ว ข้าหาได้เสียใจไม่ เ