เมื่อนำทั้งสองมาเปรียบเทียบกันแล้ว ย่อมเห็นได้อย่างชัดเจนว่าใครดีกว่าใครจักรพรรดิอู่อันตรัสมิออก จ้องมองเซียวหลินเทียนอยู่นาน ก่อนจะแปรสายตาไปยังฮองเฮาเว่ยและผู้คนในตระกูลเว่ย“ในเมื่อพระชายาอ๋องอี้ได้ชี้แจงให้กระจ่างแล้วเช่นนี้ ข้าจะยังคงตัดสินตามเดิม!”“จงคุมตัวเว่ยเสียนไปยังตำหนักซีจิ้ง... เว่ยเสียน เจ้ากล่าวหาพระชายาอ๋องอี้ว่าใส่ร้ายเจ้าอยู่ตลอดเวลา แต่ในยามคับขันเช่นนี้ กลับเป็นพระชายาอ๋องอี้ที่ทูลขอความเป็นธรรมให้กับเจ้า!”“ข้าหวังว่าเจ้าจะไตร่ตรองความผิดให้ดี แล้วเรียนรู้ความเมตตาจากพระชายาอ๋องอี้!”“คุมตัวนางออกไป!”คราวนี้แม่ทัพเผยได้นำเหล่านางกำนัลและทหารองครักษ์หลวงหลายนายมาร่วมกันฉุดกระชากลากตัวฮองเฮาเว่ยออกไปพระชายาอ๋องอี้ช่างเปี่ยมด้วยเมตตาและยึดมั่นในความยุติธรรมอย่างแท้จริงบางคนคิดในใจ นางสามารถนิ่งเฉยมองดูฮองเฮาเว่ยถูกตัดศีรษะก็ย่อมได้ แต่กลับออกหน้าทูลขอความเป็นธรรมเมื่อเทียบกับฮองเฮาเว่ยแล้ว ฮองเฮาเว่ยที่คอยเอาแต่วางแผนจะจัดการกับหลิงอวี๋นั้นช่างชั่วร้ายเสียจริงองค์ชายเว่ยคุกเข่ามิยอมลุกขึ้นด้วยความหวาดกลัว มิรู้ว่าเสด็จพ่อจะเชื่อคำพูดของฮองเฮาเว่ยหรือ
ใบหน้าของเว่ยเฉิงแดงก่ำนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาถูกคนหยามเกียรติเช่นนี้หลังจากที่หลิงอวี๋เปิดเผยความจริงต่อหน้าธารกำนัล เขาก็มิสามารถเอื้อนเอ่ยวาจาข่มขู่ใด ๆ ได้อีกคนทั้งสองนี้มิธรรมดาเลย!เว่ยเฉิงเพิ่งจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว เขามิได้พูดอะไรอีก เพียงแค่เหลือบมองอย่างมิพอใจแล้วเดินจากไป“มีพลังแค่นี้ ยังคิดจะข่มขู่ข้า!”หลิงอวี๋หัวเราะเยาะ แล้วพยุงเซียวหลินเทียนเดินจากไป“อย่าได้ประมาทเขาเชียว!”เซียวหลินเทียนกังวลว่าหลิงอวี๋จะประมาท จึงกระซิบว่า “เขาเป็นคนที่มีความสามารถมากที่สุดในตระกูลเว่ย! ที่ฮองเฮาเว่ยสามารถยืนหยัดอยู่ในวังหลังมานานหลายปีล้วนเป็นเพราะมีเขาคอยวางแผนอยู่เบื้องหลัง!”“ที่องค์ชายเว่ยสามารถหลบเลี่ยงโทษร้ายแรงได้หลายครั้ง และทำให้เสด็จพ่อทรงเชื่อว่าเขาบริสุทธิ์ ล้วนเป็นเพราะคนผู้นี้!”หลิงอวี๋พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “หม่อมฉันรู้เพคะ! หม่อมฉันจะมิประมาท!”“ตราบใดที่ฮองเฮาเว่ยยังมิสิ้นพระชนม์ พวกตระกูลเว่ยก็ยังคิดว่าพระนางจะกลับมาได้ แต่คราวนี้จะมิง่ายดายเช่นนั้น!”“ถึงแม้หม่อมฉันจะยินยอม แต่พระชายาเส้ามิยินยอมแน่!”เซียวหลินเทียนคิดถึงเรื่องที่หลิงอวี๋ขอร้
หลังจากงานเลี้ยงฉลองสิ้นสุดลง มู่หรงชิ่งก็มาแสดงความยินดีกับหลิงอวี๋ นางกล่าวเบา ๆ“พี่หญิงหลิงหลิง วันพรุ่งเจ้าว่างหรือไม่? หากว่าง เราไปเที่ยวทะเลสาบด้วยกันเถอะ!”หลิงอวี๋จำได้ว่า มู่หรงชิ่งเคยบอกว่าหลังจากการแข่งขันจบลง นางอยากจะคุยเรื่องมารดาของตนกับหลิงอวี๋ นางจึงพยักหน้า “ยามบ่ายน่าจะว่าง! หม่อมฉันจะให้คนเตรียมเรือไว้ วันพรุ่งจะไปรับท่าน!”มู่หรงชิ่งยิ้มด้วยความยินดี แล้วจากไปด้านหลัง จ้าวเจินเจินมองฉากนี้ด้วยความครุ่นคิดวันนี้นางได้เฝ้าดูละครฉากใหญ่ในวังตั้งแต่ต้นจนจบ นับตั้งแต่หลิงอวี๋เผชิญหน้ากับฮองเฮาเว่ย จนกระทั่งจบลง จ้าวเจินเจินเฝ้าสังเกตอย่างเงียบ ๆ ตลอดเวลาเพิ่งครุ่นคิดเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างหลิงอวี๋กับตนเป็นครั้งแรก!คนโง่เขลาเช่นนั้นในอดีต บัดนี้กลับกลายเป็นคนละคน แม้ต่อให้อาศัยโชคชะตาและความบังเอิญก็มิอาจแปรเปลี่ยนเป็นเช่นนี้ไปได้องค์ชายคังเคยกล่าวว่า ตนมิอาจสู้หลิงอวี๋ได้ นางเคยมิเชื่อทว่าเวลานี้ นางกลับพบว่า ในบางเรื่องนางด้อยกว่าหลิงอวี๋อย่างแท้จริงหลิงอวี๋มิเพียงแต่มีความรู้ทางการแพทย์เท่านั้น ยังสามารถช่วยเซียวหลินเทียนคิดค้นบันไดปีน และแม้แต่
“โอกาสสุดท้าย!”จ้าวฮุยปัดมือของจ้าวเจินเจินออกอย่างเย็นชา แล้วหันหลังเดินออกไปจ้าวเจินเจินรู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งสรรพางค์กาย รู้ดีว่าบิดาเป็นคนพูดจริงทำจริง หากนางล้มเหลวอีกครั้ง เขามิยอมให้นางมีชีวิตอยู่แน่!จะทำอย่างไรดี?นางจะทำให้หลิงอวี๋หายไปได้อย่างไร?จ้าวเจินเจินหันไปมองรอบ ๆ บังเอิญเห็นเงาหลังของมู่หรงชิ่งและมู่หรงเหยียนซงที่กำลังเดินจากไปดวงตาของเจ้าจ้าวเจินเจินหรี่ลง บางทีคนทั้งสองนี้อาจจะช่วยให้นางบรรลุเป้าหมายได้……ทางด้านหลิงอวี๋ หลังจากสนทนากับไทเฮาเสร็จ นางก็ขอตัวลากลับจากวังหลังจากเหน็ดเหนื่อยมาหลายวัน หลิงอวี๋ขึ้นรถม้าแล้วก็เอนกายซบลงบนอกแกร่งของเซียวหลินเทียนโดยมิสนใจกิริยาแม้จะเหนื่อยเพียงใด ทว่าสมองของนางยังมิวายครุ่นคิดเรื่องต่าง ๆนางถามขึ้นโดยมิคิดอะไร “เสด็จพ่อทรงมีพระราชประสงค์จะทรงจัดการกับเรื่องที่เซี่ยโฮั่วตานรั่วสังหารผู้อื่นอย่างไร?”“อย่าบอกว่าเมืองทั้งสองนี้เป็นการชดเชยนะ? นี่คือสิ่งที่เราได้มาด้วยความสามารถของเราเอง มิเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เซี่ยโฮ่วตานรั่วสังหารผู้อื่น!”เซียวหลินเทียนหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าอิดโรยของหลิงอวี๋ แต่ยังคงจดจ
เมื่อหลายปีก่อนบิดาของหลี่ว์กังล้มป่วยก่อนเสียชีวิต ฮูหยินสามผู้เป็นมารดาและบุตรชายกำพร้าจึงต้องพึ่งพาตระกูลของหลี่ว์เซียงหลี่ว์เซียงรู้เรื่องที่เสี่ยวอวี้ตกใจจนปัสสาวะราดตัวเองแล้ว ถึงกระนั้นก็มิสามารถเรียกร้องความยุติให้นางได้ในฐานะอัครเสนาบดี เขามิสามารถทำให้ราชทูตผู้มาเยือนแคว้นต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเพียงเพราะเด็กหวาดกลัวได้หรอกเรื่องที่เกิดขึ้นเล็กน้อยเกินไปจนมิสามารถนับเป็นคดีความได้!การกระทำของเซียวหลินเทียนในครั้งนี้เป็นการเปิดทางให้กับหลี่ว์กังอย่างมิต้องสงสัยฮูหยินสามกังวลเรื่องของเสี่ยวอวี้มิน้อย แต่เมื่อนึกถึงอนาคตอันสดใสของลูกชาย นางจึงจำต้องยอมรับมัน...เดิมทีพวกเขาวางแผนไว้ว่า จะเผาศพของหลี่ว์กังหลังจากการแข่งขันทางการทหารสิ้นสุดลง ดังนั้นหลิงอวี๋และเซียวหลินเทียนจึงมาร่วมงานศพในวันรุ่งขึ้นคุณชายหวาง เหล่าสหายของหลี่ว์กัง รวมถึงสหายร่วมชั้นจากสถานศึกษาพร้อมแม่ทัพเฉินและเหล่าทหารพวกเขามาเพื่อเป็นพยานในการขอโทษและชดเชยค่าเสียหายที่เซี่ยโฮ่วตานรั่วมอบให้แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตทว่าก่อนที่พิธีฌาปนกิจจะเริ่มขึ้น องค์ชายหนิงก็พาเซี่ยโฮ่วตานรั่วเข้ามาใ
หากเซี่ยโฮ่วตานรั่วถูกองค์ชายหนิงบังคับให้มาที่นี่ นางคงรู้สึกอับอายที่ถูกผู้คนมุงดูตนเองขอโทษอีกฝ่ายที่ต่ำต้อยกว่านางต้องการขอโทษและจากไปให้เร็วที่สุด แต่มิคิดว่าฮูหยินสามจะก่อเรื่องขึ้นมาอีกนางมิสามารถควบคุมความโกรธของตนเองได้อีกต่อไป จึงตะโกนเสียงดัง “เจ้ายังมิพอใจอีกรึ? ข้าขอโทษแล้วมิใช่รึ เหตุใดจึงต้องขอโทษซ้ำซากอีก”“เห็นอยู่ว่าไพร่อย่างพวกเจ้ามิรู้ที่ต่ำที่สูง เงินสองแสนตำลึงยังมิพอใจอีกรึ? หากยังมิพอใจ ข้าก็จะเพิ่มเงินอีกหลายร้อยตำลึงให้พวกเจ้า”หลายร้อยตำลึง?นี่นับเป็นการตบหน้าผู้ใดกันแน่?ผู้คนที่อยู่ในงานศพต่างยิ้มเยาะด้วยความดูแคลนมิเห็นหรือว่า ฮูหยินสามบริจาคเงินกว่าหนึ่งแสนตำลึงให้แก่สถานการกุศลไปแล้วนางจะสนใจเงินเพียงมิกี่ร้อยตำลึงของเซี่ยโฮ่วตานรั่วหรือ?เมื่อองค์ชายหนิงเห็นสีหน้าเย้ยหยันของราษฎร ก็รู้ทันทีว่าเซี่ยวโฮ่วตานรั่วสร้างความโกรธแค้นให้แก่ราษฎรอีกแล้ว ดังนั้นจึงส่งสายตาเป็นการตักเตือน ก่อนถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ข้าขอถามฮูหยินสามว่า เจ้าต้องการให้ขอโทษในเรื่องใดอีก? หรือยังรู้สึกว่าตานรั่วมีกิริยามิเหมาะสม”ฮูหยินสามยกมือขึ้นจับไหล่ทั้งสองข้างข
หลิงอวี๋มองภาพตรงหน้าพลางคลี่ยิ้มมุมปากนี่ช่างเป็นการแสดงที่น่าประทับใจจริง ๆ!จักรพรรดิอู่อันกล่าวว่า หากต้องการระบายความคับแค้นใจ จงใช้ความแข็งแกร่งกดขี่ชาวฉีตะวันออก ดังนั้นพวกเขาจึงจะสามารถเงยหน้าขึ้นอย่างองอาจได้!เซียวหลินเทียนเอาชนะฉีตะวันออกได้สองเมืองแล้ว ซึ่งในแง่ของความแข็งแกร่งนับว่าเขาได้รับชัยชนะองค์ชายหนิงมีอำนาจอะไรถึงสนับสนุนให้เซียวโฮ่วตานรั่วทำตัวหยิ่งยโสบนผืนแผ่นดินฉินตะวันตก?หากวันนี้เซี่ยโฮ่วตานรั่วมิขอโทษ นางก็จะไม่มีวันได้เดินออกจากแคว้นนี้ไปได้แม่ทัพเฉินมิใช้อำนาจแทรกแซงเรื่องนี้ เขาเพียงแต่ยืนมองอย่างเงียบงันพร้อมกับรอยยิ้มมุมปากนี่เป็นช่วงเวลาที่น่าภาคภูมิใจจริง ๆในตอนที่อยู่ภัตตาคาร พวกเขาต้องอดกลั้นเพียงใดเมื่อเห็นเซี่ยโฮ่วตานรั่วอวดเบ่ง แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายถูกโจมตีในตอนนี้ พวกเขาก็รู้สึกดีที่เซี่ยโฮ่วตานรั่วจนตรอก!มิยอมรับรึ? เช่นนั้นหากนำเรื่องนี้ไปร้องทุกข์แก่จักรพรรดิอู่อัน ชาวฉีตะวันออกก็จะมิได้รับผลประโยชน์อันใดอีกต่อไป!องค์ชายหนิงประเมินสถานการณ์ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะเซียวหลินเทียนและแม่ทัพเฉินไม่มีใครยื่นมือเข้าช่วยแม้แต่คนเด
ท่านรังแกข้าเพราะยังเด็ก ข้าก็จะรังแกท่านเพราะท่านแก่!เสี่ยวอวี้ยังมิเข้าใจเหตุผลเหล่านี้ดีนัก นางคิดเพียงว่า เมื่อโตขึ้นแล้วจะสามารถเรียกร้องความยุติธรรมให้กับตนเองได้ทว่าคนส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นั่นเป็นผู้ใหญ่ พวกเขาจึงเข้าใจคำพูดของเสี่ยวอวี้ดีแม้แต่องค์ชายหนิงยังหันมองเสี่ยวอวี้ด้วยความสนใจเมื่อครู่เด็กคนนี้ยังทำตัวขี้ขลาดอยู่มิใช่หรือ แต่ตอนนี้กลับสามารถพูดจาฉะฉาน ซึ่งแสดงถึงจิตใจที่แท้จริงของนาง!หากเสี่ยวอวี้มิลืมเรื่องราวในวันนี้ และจดจำเซี่ยโฮ่วตานรั่วผู้เป็นศัตรูได้ มิแน่ว่า อีกสิบปีข้างหน้า เซี่ยโฮ่วตานรั่วอาจมิใช่คู่ต่อสู้ที่แท้จริงของเด็กคนนี้ก็เป็นได้!“อย่าทำให้ข้าอับอายไปกว่านี้เลย! ขอโทษเสีย!”องค์ชายหนิงรู้สึกว่า ตนใจดีกับเซี่ยโฮ่วตานรั่วมากเกินไปแล้ว เขาจึงตะคอกเสียงดังว่า “หากเจ้ามิขอโทษ ข้าก็จะมิสนใจเจ้าและปล่อยให้พวกเขาฆ่าเจ้าทิ้งเสีย!”เซี่ยโฮ่วตานรั่วไม่มีทางเลือกจึงจำต้องกล้ำกลืนความยโส และขอโทษอย่างมิเต็มใจเมื่อลุกยืนขึ้น เซี่ยโฮ่วตานรั่วก็เงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยสายตาเคียดแค้นนางจะจดจำเด็กคนนี้เอาไว้ และหาโอกาสฆ่านางและฮูหยินสามผู้อวดดีให้ตายตกไปเสีย
หลงจิ้งยังคงยากที่จะเชื่อ “คำพูดของตระกูลเหล่านั้นก็มิได้ผลหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทิศใต้ส่ายหน้าอย่างหดหู่ “เสด็จปู่ของเจ้าตรัสว่าจะตรวจสอบให้ จึงส่งเจ้าแห่งทะเลไปตรวจสอบ แต่ผลที่ได้จากเจ้าแห่งทะเลก็มิสามารถสรุปอะไรได้เลย หรือกระทั่ง...”กระทั่งเจ้าแห่งทะเลอาจจะใช้ขี้ผึ้งหอม ควบคุมบุตรหลานของตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือตนเอง!เซียวหลินเทียน หลงจิ้งและหลิงอวี๋ต่างก็เข้าใจความหมายที่เจ้าแห่งทิศใต้ยังพูดมิจบใจของหลงจิ้งพลันหล่นวูบ เช่นนั้นเรื่องที่ตนไปเผาขี้ผึ้งหอมก็เท่ากับมิได้ช่วยใครเลย กลับยิ่งทำให้อำนาจของเจ้าแห่งทะเลเพิ่มทวีคูณขึ้นงั้นหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวอย่างมิยอม “หรือว่าหัวหน้าตระกูลใหญ่เหล่านั้นล้วนเลอะเลือนไปแล้ว? ไยจึงปล่อยให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลควบคุมชะตากรรมของพวกเขาเช่นนี้?”เซียวหลินเทียนขมวดคิ้ว มิน่าแปลกใจที่เมื่อครู่เจ้าแห่งทะเลยอมถอยกลับไปง่าย ๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้เองก่อนที่จะควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือ เจ้าแห่งทะเลย่อมมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในยามนี้แต่เมื่อใดที่เขาควบคุมตระกูลใหญ่เหล่านั้นไว้ในมือได้แล้ว เจ้าแห่งทะเลย่อมมิปล่อยเจ้าแห่งทิศใต
มหาปราชญ์มองไปยังเจ้าแห่งทะเลอย่างมิยินยอม เจ้าแห่งทะเลกล่าวเสียงเข้ม “คนเขามิยอมรับวิธีการรักษาของท่าน ก็ให้พวกเขาไปหาคนที่เก่งกว่านี้เถอะ!”“อย่าให้เป็นเพราะบุตรบุญธรรมคนเดียวต้องมาทำให้ความเป็นพี่น้องของพวกเราต้องบาดหมางกัน!”เจ้าแห่งทะเลพูดจบก็นำหน้าเดินออกไปท่าทีของเจ้าแห่งทิศใต้เช่นนี้ชัดเจนว่า หากพวกเขามิยอมถอยก็จะใช้กำลัง เจ้าแห่งทะเลยังมิอาจแตกหักกับเจ้าแห่งทิศใต้ได้ในตอนนี้ ทำได้เพียงยอมถอยไปก่อนชั่วคราวเท่านั้นวิธีนี้ใช้มิได้ผล เช่นนั้นก็ค่อยเปลี่ยนวิธีใหม่“มิขอส่ง!”เจ้าแห่งทิศใต้กล่าวด้วยสีหน้าท่าทีฟึดฟัดใส่เจ้าแห่งทะเล เป็นการแสดงออกถึงความมิพอใจของตนเผยอวี้และฉินซานก็มองส่งมหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลอย่างโกรธเคืองเช่นกันเก๋อเฟิ่งฉิงรีบวิ่งไปยังเงาร่างที่ขดตัวอยู่ในความมืดนั้น“พี่ใหญ่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? บาดเจ็บตรงไหน?”“คุณหนูสิง เจ้าก็รู้ดีอยู่แล้วว่าพี่ใหญ่ข้าใช้กำลังภายในมิได้ เหตุใดจึงคิดวิธีการเช่นนี้ออกมา นี่มิเท่ากับทำร้ายพี่ใหญ่ข้าหรอกหรือ?”เก๋อเฟิ่งฉิงมองหลิงอวี๋อย่างตำหนิหลิงอวี๋เดินเข้ามา พลางร้องเรียก “ลู่หนาน เปิดม่าน!”“หรงเกอเอ๋อร์ เจ้าบ
“อ๊าว อ๊าว...”มหาปราชญ์ได้ยินเสียงกระแทกอย่างบ้าคลั่งดังขึ้นในห้องอีกครั้ง เขาซัดฝ่ามือออกไปยังทิศทางต้นเสียง ทว่าร่างนั้นกลับจู่โจมเข้ามาหาเขาแทนมหาปราชญ์กลัวว่าจะถูกคว้ามือได้อีกจึงรีบถอยหลังไป แต่ในห้องเต็มไปด้วยเครื่องเรือนที่ถูกทำลายเสียหาย เท้าของเขาสะดุดเข้าจนล้มลงกับพื้นเกือบจะพร้อมกันนั้น ดวงตาสีแดงคู่นั้นก็พุ่งเข้าใส่ร่างตน อ้าปากกัดเข้าที่ลำคอของเขาซี๊ด!มหาปราชญ์เจ็บปวดจนใช้มือข้างหนึ่งบีบเข้าที่ลำคอเขา หมายจะบีบกระดูกคอให้แหลกแต่ร่างนั้นกลับดิ้นหลุดพรวดไปเหมือนปลาไหล พุ่งหลบไปไกลหลายเมตรในพริบตา เก็บเศษไม้จากเครื่องเรือนที่แตกหักขว้างปาใส่มหาปราชญ์ดังโครมคราม“มหาปราชญ์ ท่านรีบออกมาเร็ว! ระวังพี่ชายข้าทำร้ายท่าน!”เผยอวี้กังวลมากกว่าว่ามหาปราชญ์จะทำร้ายเซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนใช้กำลังภายในมิได้ หากถูกทำให้ลำบากเช่นนี้ เซียวหลินเทียนจะต้องตายแน่เก๋อเฟิ่งฉิงก็รู้สึกเช่นเดียวกัน จึงกล่าวอย่างร้อนรน “ท่านน้าเขย ท่านออกมาเถิดเจ้าค่ะ ท่านอย่าทำร้ายเขาเลย!”“เขามิได้ตั้งใจโจมตีท่าน ตอนนี้เขาสิ้นสติไปแล้ว ท่านอย่าถือสาเขาเลย!”มหาปราชญ์เกิดจิตสังหารขึ้นแล้ว
สุนัขบ้ากัดคน นั่นมิใช่โรคพิษสุนัขบ้าหรอกหรือ?เจ้าแห่งทะเลและมหาปราชญ์ต่างก็รู้จักโรคนี้ ว่ากันว่าเป็นโรคที่รักษามิหาย เมื่อกำเริบก็จะเหมือนสุนัขบ้า สิ้นสติโดยสิ้นเชิง เห็นคนก็จะกัด เมื่อถึงระยะสุดท้ายก็จะเน่าเปื่อยทั้งร่างจนตายหลิงอวี๋หาข้ออ้างนี้ให้เซียวหลินเทียน ครึ่งหนึ่งเป็นเพราะรู้สึกว่าโรคนี้สามารถทำให้เจ้าแห่งทะเลและมหาปราชญ์ตกใจกลัวจนมิกล้าเข้าใกล้เซียวหลินเทียนได้อีกครึ่งหนึ่งก็เป็นความตั้งใจล้วน ๆ เป็นวิธีระบายอารมณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่หลิงอวี๋มิพอใจความสัมพันธ์ในฐานะคู่หมั้นคู่หมายของเก๋อเฟิ่งฉิงและเซียวหลินเทียนหลิงอวี๋พูดพลางสำรวจมองเจ้าแห่งทะเลสิ่งที่ทำให้หลิงอวี๋รู้สึกมิสบายใจอยู่บ้างคือ ตนกลับมีหน้าตาคล้ายคลึงกับเจ้าแห่งทะเลอยู่หลายส่วน เจ้าแห่งทะเลผู้นี้คือบิดาของนางจริง ๆ!ส่วนเจ้าแห่งทะเลก็ตั้งใจมองหลิงอวี๋เป็นพิเศษเช่นกันมหาปราชญ์บอกว่าสิงอวี๋ก็คือหลิงอวี๋ บุตรีของหลานฮุ่ยจวน และก็เป็นบุตรีของตนด้วยเจ้าแห่งทะเลมิได้ขาดแคลนบุตรธิดา เมื่อเห็นใบหน้าที่ธรรมดามิโดดเด่นของหลิงอวี๋ ในใจก็รู้สึกผิดหวังอยู่บ้างเขามิได้มาเพื่อยอมรับบุตรสาว จึงเปลี่ยนความสนใจไปท
เจ้าแห่งทิศใต้กล่าวอย่างเจ็บปวดใจนัก “เจ้าสิบเอ็ด พวกเราพี่น้องล้วนเป็นคนตระกูลหลง แม้ปกติจะมิลงรอยกันบ้าง แต่ก็ล้วนเป็นเรื่องหยุมหยิม สามารถหัวเราะแล้วปล่อยผ่านไปได้!”“ทว่าหากมหาปราชญ์และสำนักซิงหลัวลงมือ นั่นก็คือวันล่มสลายของตระกูลหลง เจ้าสิบเอ็ด เจ้าต้องการให้ลูกหลานตระกูลหลงถูกมหาปราชญ์และสำนักซิงหลัวกำจัดจนสิ้นซากจริง ๆ หรือ?”เมื่อเช้าเจ้าแห่งทะเลไปเข้าร่วมประชุมราชสำนัก เห็นตระกูลเหล่านั้นร่วมกันฟ้องร้องมหาปราชญ์และสำนักซิงหลัว จึงได้รู้ว่ามหาปราชญ์แอบทำอะไรลับหลังตนบ้างเขาแอบนึกเสียใจที่ตนวู่วามไป ฟังคำพูดฝ่ายเดียวของมหาปราชญ์ก็ให้รองแม่ทัพของตนนำทหารไปล้อมคฤหาสน์อู่เสียแล้วแต่เสียใจก็ส่วนเสียใจ เจ้าแห่งทะเลคิดว่า มหาปราชญ์บอกว่าเซียวหลินเทียนมีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์สองชิ้นคือกระบี่คุนอู๋และเสือปีกกาฬ จึงมิได้รู้สึกเสียใจมากนักที่ส่งทหารไปล้อมคฤหาสน์อู่เรื่องที่มหาปราชญ์หลอกใช้ตน บัญชีนี้ค่อยไปสะสางกับเขาทีหลัง เรื่องเร่งด่วนที่สุดในยามนี้คือ การยืนยันว่าเสี่ยวอู่ผู้นี้คือเซียวหลินเทียน และต้องยึดเอามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองชิ้นในมือเขามาให้ได้ส่วนเรื่องขี้ผึ้งหอมเส
หลิงอวี๋กดความรู้สึกมิสบายใจของตนไว้ รีบแต่งหน้าให้เซียวหลินเทียนดูป่วยซีดเซียวอย่างรวดเร็วทุกคนในจวนเตี๊ยมกันเรียบร้อยแล้วว่า เซียวหลินเทียนป่วยเป็นโรคประหลาด คนของคฤหาสน์อู่มาที่เมืองหลวงแดนเทพก็เพื่อตามหาหมอและเสาะหายาให้เซียวหลินเทียนช่วงนี้หลิงอวี๋มีชื่อเสียงมากในเมืองหลวงแดนเทพ คฤหาสน์อู่จึงเชิญหลิงอวี๋มาก็เพื่อรักษาอาการป่วยของเซียวหลินเทียนส่วนเก๋อเฟิ่งฉิงที่อยู่ในคฤหาสน์อู่ เพราะเป็นห่วงอาการป่วยของคู่หมั้นของตนจึงตั้งใจมาเยี่ยมเป็นพิเศษและการที่หลงเพ่ยเพ่ยและหลงจิ้งมาเยี่ยมเซียวหลินเทียน ก็เพราะความสัมพันธ์ที่เซียวหลินเทียนเป็นบุตรบุญธรรมของเจ้าแห่งทิศใต้เช่นนี้ทุกคนก็มีข้ออ้างที่ดีพอที่จะใช้กลบเกลื่อนได้แล้วทุกคนเพิ่งจะตกลงแผนรับมือกันเสร็จ เจ้าแห่งทิศใต้และเจ้าแห่งทะเลก็มาถึงหน้าประตูแล้วเผยอวี้และฉินซานในฐานะน้องชายร่วมตระกูลของเซียวหลินเทียนก็ออกไปต้อนรับพร้อมกันหลงจิ้งก็ติดตามออกมาด้วย เขาแสร้งแสดงละครตลอดทาง ครั้นเห็นเจ้าแห่งทะเลและมหาปราชญ์มาด้วยกันก็ทำท่าประหลาดใจ“ท่านอาเจ้าแห่งทะเล เหตุใดจึงมาพร้อมกับท่านพ่อของกระหม่อมได้พ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทะเลยิ้
หลิงอวี๋ได้ยินคำพูดของหลงจิ้งก็ขมวดคิ้ว นางและเย่หรงเคยคาดเดากันไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าเหตุใดเลี่ยวหงเสียถึงถูกขังในคุกน้ำโดยมิผ่านการไต่สวนหรือว่าจะเป็นเพราะนางพัวพันกับเรื่องของหลงอี้ มหาเทพหลงถึงได้ปฏิบัติต่อเลี่ยวหงเสียเช่นนี้“ท่านพ่อของข้าตั้งใจจะไปสอบถามเรื่องราวกับเลี่ยวหงเสีย ทว่าแม้แต่ท่านพ่อของข้าก็ยังมิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เลย!”หลงจิ้งหัวเราะอย่างขมขื่น “นี่ก็ยิ่งพิสูจน์ถึงความสำคัญของเลี่ยวหงเสีย ดังนั้น รอให้ผ่านพ้นอุปสรรคครั้งนี้ไปก่อน พวกเราค่อยคิดหาทางดูว่าจะช่วยเลี่ยวหงเสียออกมาได้หรือไม่!”“ข้าเชื่อว่าเย่หรงก็คงอยากช่วยนางออกมาเช่นกัน!”อย่างไรเสียหลิงอวี๋ก็เพิ่งจะรู้จักกับสองพ่อลูกเจ้าแห่งทิศใต้ มิได้ล่วงรู้พื้นเพพวกเขามากนัก มิสะดวกที่จะบอกว่าตนกับเย่หรงได้วางแผนช่วยเลี่ยวหงเสียไว้ก่อนหน้านี้แล้วขณะที่หลายคนกำลังพูดคุยกันอยู่ หัวหน้าองครักษ์ของหลงจิ้งก็เข้ามาแจ้งว่า “คุณชายสาม ท่านอ๋องออกจากท้องพระโรงแล้ว กำลังมุ่งหน้ามายังคฤหาสน์อู่ ผู้ที่ติดตามมาด้วยยังมีเจ้าแห่งทะเลและมหาปราชญ์ ท่านอ๋องให้พวกท่านเตรียมรับมือ”“เจ้าแห่งทิศใต้ให้ข้าน้อยมารายงานท่านก่อน ต
“พี่หญิง ท่านคงมิได้คิดว่าเพราะเป็นพ่อลูกกัน เจ้าแห่งทะเลจะออมมือให้หรอกใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นสีหน้าของหลิงอวี๋เปลี่ยนไปมา ก็กล่าวอย่างไร้ความปรานี “ต่อให้เขาจะเห็นแก่ความผูกพันทางสายเลือดนี้ ชายาเจ้าแห่งทะเลก็ไม่มีทางออมมือให้ท่านแน่!”“ชายาเจ้าแห่งทะเลมิได้ขาดแคลนบุตรธิดา ชายาเจ้าแห่งทะเลปฏิบัติต่อบุตรที่เกิดจากอนุภรรยาเหล่านั้นอย่างใจเหี้ยมอำมหิต นางไม่มีทางมองท่านเป็นพิเศษหรอก!”หลิงอวี๋ส่ายหน้า “ข้ามิได้คิดจะยอมรับเขา!”สำหรับบุรุษที่สามารถกำจัดสตรีที่รักของตนให้สิ้นซากได้ หลิงอวี๋ย่อมมิอาจคาดหวังอะไรเป็นพิเศษจากเขาได้เมื่อได้ฟังชีวิตอันน่าเวทนาของหลานฮุ่ยจวน หลิงอวี๋จึงไม่มีความรู้สึกผูกพันฉันพ่อลูกต่อเจ้าแห่งทะเลแม้แต่น้อย แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะยอมรับเขาเป็นบิดา?หลงจิ้งมองไปยังหลิงอวี๋ “น้องหญิง ที่พวกเราเปิดอกพูดคุยกับเจ้า ก็เพียงต้องการให้เจ้าเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของท่านอาเจ้าแห่งทะเล ให้เจ้าอย่าได้โง่เขลาไปแก้แค้นด้วยตนเอง!”“หากเจ้าอยากแก้แค้น พวกเราค่อย ๆ วางแผนกันในระยะยาว!”หลิงอวี๋จำหลานฮุ่ยจวนมิได้ด้วยซ้ำ ยิ่งมิรู้อะไรเกี่ยวกับชาติกำเนิดของตนเองเลย
หลงจิ้งกำลังจะกล่าวต่อ หลงเพ่ยเพ่ยเห็นว่าเก๋อเฟิ่งฉิงก็อยู่ที่นี่ด้วย จึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า“คุณหนูใหญ่เก๋อ เจ้ากลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อนสักครู่เถิด พวกเรามีเรื่องต้องปรึกษาหารือกับท่านเซียวตามลำพัง!”เก๋อเฟิ่งฉิงหน้าแดง รู้ว่าหลงเพ่ยเพ่ยกังวลเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตนและมหาปราชญ์ จึงกล่าวขึ้นทันที “เช่นนั้นข้าขอกลับไปพักผ่อนก่อน พี่ใหญ่ หากมีเรื่องอันใดต้องการให้ข้าช่วยก็เรียกข้าได้นะเจ้าคะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงเดินออกไป แต่ซูจู๋กลับกล่าวอย่างมิพอใจว่า“ท่านหญิง พวกท่านระแวงคุณหนูของข้ามากเกินไปแล้ว การกระทำของคุณหนูของข้าเมื่อคืนก็เพียงพอที่จะพิสูจน์จุดยืนของนางแล้ว หากนางคิดจะหักหลังพวกท่าน เหตุใดยังต้องรอจนถึงยามนี้เล่า!”“ท่านเซียว พวกเขามิเข้าใจคุณหนูของข้าก็ช่าง แต่ท่านยังมิเข้าใจคุณหนูของข้าอีกหรือเจ้าคะ?”“ทำกับคุณหนูของข้าเช่นนี้ ช่างเกินไปแล้วจริง ๆ!”เซียวหลินเทียนยิ้มอย่างขมขื่น และโค้งคำนับเล็กน้อย “น้องเก๋อ ทำให้เจ้าต้องลำบากใจเสียแล้ว เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ อีกเดี๋ยวข้าจะไปขอโทษเจ้า!”เก๋อเฟิ่งฉิงคลี่ยิ้มเล็กน้อยอย่างใจกว้าง “พี่ใหญ่เกรงใจเกินไปแล้ว ข้าหาได้เสียใจไม่ เ