หลิงอวี๋มองภาพตรงหน้าพลางคลี่ยิ้มมุมปากนี่ช่างเป็นการแสดงที่น่าประทับใจจริง ๆ!จักรพรรดิอู่อันกล่าวว่า หากต้องการระบายความคับแค้นใจ จงใช้ความแข็งแกร่งกดขี่ชาวฉีตะวันออก ดังนั้นพวกเขาจึงจะสามารถเงยหน้าขึ้นอย่างองอาจได้!เซียวหลินเทียนเอาชนะฉีตะวันออกได้สองเมืองแล้ว ซึ่งในแง่ของความแข็งแกร่งนับว่าเขาได้รับชัยชนะองค์ชายหนิงมีอำนาจอะไรถึงสนับสนุนให้เซียวโฮ่วตานรั่วทำตัวหยิ่งยโสบนผืนแผ่นดินฉินตะวันตก?หากวันนี้เซี่ยโฮ่วตานรั่วมิขอโทษ นางก็จะไม่มีวันได้เดินออกจากแคว้นนี้ไปได้แม่ทัพเฉินมิใช้อำนาจแทรกแซงเรื่องนี้ เขาเพียงแต่ยืนมองอย่างเงียบงันพร้อมกับรอยยิ้มมุมปากนี่เป็นช่วงเวลาที่น่าภาคภูมิใจจริง ๆในตอนที่อยู่ภัตตาคาร พวกเขาต้องอดกลั้นเพียงใดเมื่อเห็นเซี่ยโฮ่วตานรั่วอวดเบ่ง แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายถูกโจมตีในตอนนี้ พวกเขาก็รู้สึกดีที่เซี่ยโฮ่วตานรั่วจนตรอก!มิยอมรับรึ? เช่นนั้นหากนำเรื่องนี้ไปร้องทุกข์แก่จักรพรรดิอู่อัน ชาวฉีตะวันออกก็จะมิได้รับผลประโยชน์อันใดอีกต่อไป!องค์ชายหนิงประเมินสถานการณ์ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะเซียวหลินเทียนและแม่ทัพเฉินไม่มีใครยื่นมือเข้าช่วยแม้แต่คนเด
ท่านรังแกข้าเพราะยังเด็ก ข้าก็จะรังแกท่านเพราะท่านแก่!เสี่ยวอวี้ยังมิเข้าใจเหตุผลเหล่านี้ดีนัก นางคิดเพียงว่า เมื่อโตขึ้นแล้วจะสามารถเรียกร้องความยุติธรรมให้กับตนเองได้ทว่าคนส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นั่นเป็นผู้ใหญ่ พวกเขาจึงเข้าใจคำพูดของเสี่ยวอวี้ดีแม้แต่องค์ชายหนิงยังหันมองเสี่ยวอวี้ด้วยความสนใจเมื่อครู่เด็กคนนี้ยังทำตัวขี้ขลาดอยู่มิใช่หรือ แต่ตอนนี้กลับสามารถพูดจาฉะฉาน ซึ่งแสดงถึงจิตใจที่แท้จริงของนาง!หากเสี่ยวอวี้มิลืมเรื่องราวในวันนี้ และจดจำเซี่ยโฮ่วตานรั่วผู้เป็นศัตรูได้ มิแน่ว่า อีกสิบปีข้างหน้า เซี่ยโฮ่วตานรั่วอาจมิใช่คู่ต่อสู้ที่แท้จริงของเด็กคนนี้ก็เป็นได้!“อย่าทำให้ข้าอับอายไปกว่านี้เลย! ขอโทษเสีย!”องค์ชายหนิงรู้สึกว่า ตนใจดีกับเซี่ยโฮ่วตานรั่วมากเกินไปแล้ว เขาจึงตะคอกเสียงดังว่า “หากเจ้ามิขอโทษ ข้าก็จะมิสนใจเจ้าและปล่อยให้พวกเขาฆ่าเจ้าทิ้งเสีย!”เซี่ยโฮ่วตานรั่วไม่มีทางเลือกจึงจำต้องกล้ำกลืนความยโส และขอโทษอย่างมิเต็มใจเมื่อลุกยืนขึ้น เซี่ยโฮ่วตานรั่วก็เงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยสายตาเคียดแค้นนางจะจดจำเด็กคนนี้เอาไว้ และหาโอกาสฆ่านางและฮูหยินสามผู้อวดดีให้ตายตกไปเสีย
เมื่อมาถึงริมทะเลสาบ จ้าวซวนและคนอื่น ๆ ก็รอต้อนรับมู่หรงชิ่งและพี่ชาย จากนั้นทุกคนจะขึ้นไปบนเรือ เรือแล่นไปยังกลางทะเลสาบหลิงอวี๋สั่งให้เถาจื่อรินชาเซียวหลินเทียนหยิบกระบี่อันล้ำค่าออกมาแล้วส่งให้มู่หรงเหยียนซง มู่หรงเหยียนซงจึงชักมันออกดู แสงส่องกระทบกระบี่วาววับและคมกระบี่ยังเฉียบคมอย่างมากเมื่อเห็นลวดลายที่ด้ามกระบี่ เขาก็มองพิจารณาอย่างละเอียดพลางอุทานว่า “กระบี่เคลื่อนไหวราวกับดวงอาทิตย์บนฟ้า และพลิ้วไหวราวกับสายน้ำ” “อ๋องอี้ ข้ารับมันไว้มิได้ นี่เป็นกระบี่เรือรอง ทั้งยังราคาสูงลิ่ว ของกำนัลชิ้นนี้มีค่ามากเกินไป... มิได้ ๆ ข้ารับของกำนัลอันล้ำค่าเช่นนี้ไว้มิได้!”มู่หรงเหยียนซงเป็นนักรบ จึงรู้คุณค่าของกระบี่เล่มนี้ดี เขารีบเก็บมันเข้าฝักแล้วส่งให้อีกฝ่ายทันที“สุภาพบุรุษมิแย่งของที่ผู้อื่นโปรดปราน อ๋องอี้ได้โปรดรับมันคืนไปด้วยเถิด!”เซียวหลินเทียนจับมืออีกฝ่ายแล้วหัวเราะ “กระบี่ล้ำค่าต้องมอบให้วีรบุรุษ ข้ามิได้รู้สึกเลยว่าของกำนัลชิ้นนี้ยิ่งใหญ่กว่าบุญคุณที่องค์ชายจิ้นมีต่อข้า องค์ชายจิ้นได้โปรดรับไว้และอย่าได้รู้สึกผิดเลย!”ทั้งสองคนปฏิเสธกันไปมา ในที่สุดมู่หรงชิ่ง
ก่อนหน้านี้หลิงอวี๋ปิดบังเซียวหลินเทียนไว้เพราะมิอยากให้เขาคิดฟุ้งซ่านแต่ตอนนี้เมื่อมู่หรงเหยียนซงพูดออกมาเช่นนี้ หลิงอวี๋ก็มิกล้าที่จะนับญาติในทันทีตอนนี้นางเป็นคนฉินตะวันตก ส่วนมู่หรงเหยียนซงเป็นคนเยวี่ยใต้ หากทำสิ่งใดมิดีตนจะมีความผิดเรื่องสมคบคิดกับศัตรูเป็นชนักติดหลังเอาได้นางมองไปทางมู่หรงเหยียนซงพลางเอ่ยเรียบ ๆ “หม่อมฉันมิค่อยรู้เรื่องของคนรุ่นเก่าก่อนสักเท่าใด พวกนางเองก็มิเคยบอกหม่อมฉันเช่นกัน! อย่าเพิ่งนับญาติกันส่งเดชเลยดีกว่าเพคะ!”“ตั้งแต่เล็กหลิงอวี๋ก็รู้เพียงว่า ท่านตาของหม่อมฉันคือท่านอัครเสนาบดีหลาน พวกท่านจะอาศัยแค่ภาพใบเดียวกับคำพูดของคนแก่ที่ป่วยหนักคนหนึ่งมาบอกว่า ท่านแม่ของหม่อมฉันคือลูกสาวของปู่พวกท่านหรือ เช่นนี้จะให้หม่อมฉันเชื่อได้อย่างไรกัน!”มู่หรงเหยียนซงเองก็มิได้หวังว่าหลิงอวี๋จะนับญาติกับตนเช่นนี้อยู่แล้ว เขาจึงพยักหน้าพลางเอ่ย“ข้าจะเล่าเรื่องเสด็จปู่ของข้ากับท่านยายของเจ้าให้ฟังก่อนก็แล้วกัน! ให้เจ้าได้รู้จักพวกเขาเสียก่อน!”“ตอนนั้น เสด็จปู่ของข้าแต่งงานกับฉีเหยาผู้เป็นท่านยายของเจ้าตอนที่เป็นองค์ชายอยู่ ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนดีมาก ตอนเส
เซียวหลินเทียนนึกถึงปิ่นปักผมนั้นขึ้นมาได้จริง ๆ จึงขมวดคิ้วแล้วมองไปทางหลิงอวี๋ตอนนั้นเขาก็สงสัยอยู่ว่า ปิ่นปักผมรูปนกกระเรียนเป็นของจากราชวงศ์เยวี่ยใต้หลิงอวี๋มิรู้ว่าเป็นสิ่งของจากเยวี่ยใต้ แต่นางมิรู้เรื่องภูมิหลังของหลานฮุ่ยจวนเลยจริง ๆ หรือ?นางยังมีอีกกี่เรื่องที่ปิดบังตนอยู่กันแน่ความรู้สึกที่ถูกปิดบังเช่นนี้ทำให้เซียวหลินเทียนค่อนข้างมิสบายใจหลิงอวี๋กัดฟันแล้วเอ่ยกับมู่หรงเหยียนซงอย่างมิเกรงใจ “แม้ว่าสิ่งที่ท่านพูดจะเป็นเรื่องจริง หม่อมฉันก็มิอาจนับญาติกับพวกท่านได้เช่นกันเพคะ!”“องค์ชายจิ้น ท่านคงจะทรงทราบเรื่องของท่านแม่หม่อมฉันแน่นอน เช่นนั้นท่านก็ควรได้ทราบว่านางตายไปอย่างน่าหดหู่มากเพคะ!”“มู่หรงหนานฮั๋วมิสนใจเรื่องความเป็นความตายของนางมาตั้งนานหลายปี ตอนนี้มาพูดเช่นนี้จะมีความหมายอันใดเล่าเพคะ!”มู่หรงเหยียนซงยิ้มขมขื่นพลางเอ่ย “น้องหลิงอวี๋ เรื่องนี้จะโทษเสด็จปู่มิได้หรอก ตอนนั้นท่านแม่ของเจ้าบอกว่า นางแต่งงานแล้วและเสด็จปู่ก็มีตัวตนที่พิเศษ นางมิอยากให้ความสัมพันธ์นี้ทำให้ครอบครัวของสามีเดือดร้อน นางจะขอให้เสด็จปู่คิดเสียว่า ไม่มีลูกสาวเช่นนางแล้วก็อย่าได้ม
เรื่องที่มู่หรงเซียนซงพูดมาเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องที่หลิงอวี๋รู้อยู่แล้ว ข่าวของเขามิใช่ข่าวใหม่สำหรับหลิงอวี๋แต่ประโยคถัดไปของมู่หรงเหยียนซงนั้นเรียกความสนใจของหลิงอวี๋ไปได้เต็ม ๆ“อู่จวิ้นบอกว่า ท่านแม่ของเจ้าเป็นยอดฝีมือพลังวิญญาณคนหนึ่งเลย เพียงแต่นางถูกคนทำร้ายจนทำลายจุดตันเถียนและสูญเสียการบำเพ็ญพลังวิญญาณไป...”คำพูดของมู่หรงเหยียนซงทำให้หลิงอวี๋นึกถึงคำพูดของท่านอดีตเสนาบดีท่านอดีตเสนาบดีบอกว่า ก่อนที่หลานฮุ่ยจวนจะแต่งงานกับหลิงเสียงเซิงนั้น นางได้หายตัวไปหลายปี กระทั่งกลับมาก็ตั้งครรภ์แล้วหลานฮุ่ยจวนยังคงเป็นเด็กสาวอยู่แต่ก็กล้าออกไปข้างนอกคนเดียวจากนิสัยของนางแล้ว มิใช่คนที่จะรับความเป็นไปของโชคชะตาอย่างแน่นอน นางจะแต่งงานกับหลิงเสียงเซิงอย่างสงบเสงี่ยมเพราะตั้งครรภ์ได้เยี่ยงไร!อีกทั้งหลังจากนั้นนางก็ถูกหวางซือวางยาพิษทำร้ายอยู่หลายต่อหลายครั้งแต่กลับมิได้ออกแรงสู้กลับเลย...ที่แท้มิใช่ว่านางมิสามารถตอบโต้ได้ แต่นางสูญเสียงพลังของการตอบโต้ไปแล้ว!“อู่จวิ้นคือใครหรือเพคะ? เขารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?”หลิงอวี๋เอ่ยถามเสียงแข็งรายชื่อของหลานฮุ่ยจวนนั้นนางจดจำได้อย่
“พวกของอู่จวิ้นเคยไปที่ใต้หล้าแห่งนี้มาหรือ?”เซียวหลินเทียนอดมิได้ที่จะเอ่ยถามอย่างอยากรู้ “บนใต้หล้านี้ยังมีอีกใต้หล้าหนึ่งอยู่จริง ๆ หรือ?”มู่หรงเหยียนซงจึงพยักหน้าอย่างจริงจัง “อู่จวิ้นกับอาจารย์ของพวกเราล้วนพูดเช่นนี้ ข้าเชื่อพวกเขา!”“อีกอย่าง ข้ายังมีหลักฐานอื่นที่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีใต้หล้าที่เรียกว่าแดนปีศาจอยู่จริง ๆ!”“หลักฐานอันใด?” เซียวหลินเทียนร้อนใจเอ่ยถามออกไป“นี่ไง!”มู่หรงเหยียนซงหยิบแหวนที่ดูโบราณแปลกตาออกมา หากมองอย่างละเอียดจะเห็นลวดลายที่ซับซ้อนคล้ายกับตัวอักษรอยู่บนแหวนนั้น“อ๋องอี้ เจ้าให้กระบี่เรืองรองกับข้า แหวนพระสุเมรุนี้ ข้าของมอบกลับคืนเป็นของกำนัลให้เจ้าแล้วกัน!”เขาส่งแหวนให้เซียวหลินเทียนเซียวหลินเทียนเห็นว่าแหวนมิได้พิเศษอะไรก็ค่อนข้างผิดหวัง นี่นับว่าเป็นหลักฐานอะไรกัน!แม้ว่าแหวงวงนี้จะดูเก่าแก่ แต่ก็จะว่าเป็นเงินก็มิคล้ายเงิน จะว่าเป็นทองก็มิคล้ายทอง จะมีมูลค่าเท่าใดกัน!แต่เขาก็รับมาตามมารยาทมู่หรงเหยียนซงสังเกตสีหน้าท่าทางเห็นว่าเซียวหลินเทียนมิได้มีท่าทีดีใจมากเป็นพิเศษก็รู้เลยว่าเขามิรู้จักสิ่งนี้“อ๋องอี้ เจ้าดูสิ!”มู่หรงเห
หยกหล้าสุขาวดี?หลิงอวี๋นึกถึงมิติของตนทันที หรือว่ามิติลึกลับของตนจะมาจากแดนปีศาจเหมือนกันกับแหวนพระสุเมรุ?ตอนนั้นหลานฮุ่ยจวนสูญเสียพลังวิญญาณไป มิสามารถเข้าไปในมิติได้อีกดังนั้นจึงเป็นตนเอง?“น้องหลิงอวี๋ ในบรรดาของต่างหน้าของท่านแม่เจ้าไม่มีหยกหล้าสุขาวดีหรือ?”มู่หรงเหยียนซงเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น “จากที่อู่จวิ้นบอกมา คนในแดนปีศาจไล่ล่าพวกเขาก็เพื่อจะเอาหยกหล้าสุขาวดีกลับคืน ในหยกหล้าสุขาวดีนี้น่าจะเป็นสมบัติที่ใช้ฝึกฝนพลังวิญญาณทั้งหมด!”“หากเจ้าได้หยกหล้าสุขาวดีมา ก็จะฝึกพลังวิญญาณได้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดแน่นอน แม้ว่าคนจากแดนปีศาจจะพบเข้า เจ้าก็จะสามารถจัดการกับพวกเขาได้!”หลิงอวี๋ระวังตัวขึ้นมาทันทีจากคำบอกเล่าของอู่จวิ้น หลานฮุ่ยจวนเป็นยอดฝีมือพลังวิญญาณ และนางก็ยังถูกคนไล่ล่าอีกด้วย ตนเพิ่งจะเข้าสู่ศาสตร์นี้ แม้แต่เก๋อเทียนซือยังจัดการมิได้เลยแล้วจะเป็นคู่ต่อสู้กับคนเหล่านั้นได้เยี่ยงไรกัน!นางไม่มีทางยอมรับเด็ดขาดว่าตนมีมิติอยู่!ยิ่งไปกว่านั้น หยกหล้าสุขาวดีที่มู่หรงเหยียนซงพูดถึงก็มิแน่ว่าจะหมายถึงมิติของตนเองด้วยนางยังมิรู้อะไรแน่ชัดทั้งนั้นจะไปชักไฟเข้าหาตัวไ