เสียงหัวเราะของคนเหล่านี้ทำให้องค์ชายเว่ยพาลโกรธ เขาพูดสู้หลิงอวี๋มิได้ จึงหันไปทางจักรพรรดิอู่อันพลางตะโกนอย่างน้อยใจ“เสด็จพ่อ เสด็จพ่อดูเถิดว่าสตรีผู้นี้มีคารมคมคาย พูดจาคล่องแคล่ว องค์ชายสี่จัดการนางมิได้ เสด็จพ่อก็ควรอบรมนางพ่ะย่ะค่ะ!”“นี่เป็นงานเลี้ยงฉลองมิใช่หรือ? เหตุใดสตรีผู้นี้จึงก่อกวนอยู่ที่นี่เล่า!”แม้ว่าจักรพรรดิอู่อันจะตลกขบขันกับคำพูดของหลิงอวี๋ แต่ก็มิได้มีความสุขที่หลิงอวี๋ก่อกวน จึงทำใบหน้าเรียบเฉย และกำลังคิดจะอบรมหลิงอวี๋แต่หลิงอวี๋แย่งเอ่ยไปเสียก่อน “เสด็จพ่อเพคะ หลิงอวี๋หาได้ตั้งใจก่อกวนไม่เพคะ!”“หลิงอวี๋แค่อยากถือโอกาสที่ทูตจากทั้งสามแคว้นอยู่พร้อมหน้า ให้พวกเขาได้เห็นว่า ที่เราแพ้ไปสองรายการแข่งขันนั้น มิใช่เพราะความสามารถมิเท่าผู้อื่น!”“ทว่า หากมิใช่เพราะองค์ชายเว่ยเข้ามาขัดขา เรามีความมาสามารถที่จะเอาชนะได้อย่างแน่นอน! หลิงอวี๋เองก็อยากให้ทูตทั้งสามแคว้นรู้ด้วยเช่นกันว่าเสด็จพ่อมีความปราดเปรื่อง เมื่อจะให้รางวัลหรือลงโทษก็มีความยุติธรรม!”สิ่งที่หลิงอวี๋จะทำในวันนี้ก็คือ ประกาศให้ใต้หล้านี้ได้รับรู้การกระทำผิดขององค์ชายเว่ยกับฮองเฮาเว่ยครั้งที่แ
“ก็ได้ ๆ ๆ… วันนี้ข้าจะดูว่าคนพูดจาคล่องแคล่วเช่นเจ้าจะพูดหลักฐานอะไรออกมา!”องค์ชายเว่ยเห็นว่าองค์จักรพรรดิได้พูดออกไปแล้วก็มิโต้เถียง จึงมองไปทางจักรพรรดิอู่อันพลางเอ่ยไปตามตรง “เสด็จพ่อ ลูกขอเพียงข้อเดียวเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ หากยืนยันแล้วว่าหลิงอวี๋ใจร้าย ก็ขอให้เสด็จพ่อยอมให้ลูกประหารหลิงอวี๋ด้วยเถิด!”ช่างมิสูงส่งเลยจริง ๆ!มุมปากขององค์ชายคังกระตุกขึ้นอย่างเหยียดหยาม องค์ชายเว่ยผู้นี้ออกงานมิได้เลย ต่อให้เขาจะอยากให้หลิงอวี๋ตาย ก็อย่าได้รีบร้อนเช่นนี้ต่อหน้าทุกคนสิ!เป็นถึงองค์ชายจะไปประหารน้องสะใภ้ องค์ชายเว่ยมิกลัวคนเขาหัวเราะเอาเลยหรือ!คืนนี้จ้าวเจินเจินก็มาด้วยเช่นกัน นางถูกองค์ชายคังตบจนหน้าบวม ทาแป้งไปมากแค่ไหนก็มิสามารถปกปิดได้มิดเดิมทีนางมิอยากมาเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองให้ใครหัวเราะเยาะหรอก!แต่องค์ชายคังมิอนุญาตแล้วบังคับให้นางมา นางจึงทำได้เพียงใส่ผ้าคลุมหน้าปกปิดเอาไว้ แล้วบอกกับสตรีข้าง ๆ ที่สงสัยใคร่รู้ว่าตนเป็นสิวจึงอายที่จะพบใครที่จ้าวเจินเจินมิอยากมายังมีสาเหตุหลักอยู่อีกหนึ่งข้อนั่นก็คือ นางมิอยากเห็นความโดดเด่นของหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียน สิ่งนี้จะยิ่งทำให้
องค์ชายเว่ยใจสั่นขึ้นมาทันที เหงื่อเย็น ๆ ก็ออกมาด้วยเซียวหลินเทียนรู้เรื่องพวกนี้ได้เยี่ยงไร?เนื่องจากหมู่บ้านที่กักขังครอบครัวของจู้เต๋อเอาไว้นั้นนอกจากเขากับคนสนิทสองคนที่รู้แล้วก็ไม่มีผู้ใดรู้อีก“เสด็จพ่อ ตอนที่ลูกกำลังเข้าร่วมการแข่งขันต่อสู้ทางน้ำ ลูกได้เชิญให้ท่านอ๋องผิงหนานกับแม่ทัพเฉินไปที่หมู่บ้านขององค์ชายเว่ยพ่ะย่ะค่ะ!”“เมื่อครู่แม่ทัพเฉินมารายงานว่า ได้ช่วยเหลือครอบครัวของจู้เต๋อออกมาแล้ว พวกเขากำลังจะถูกคนขององค์ชายเว่ยฆ่าปิดปาก แต่ท่านอ๋องผิงหนานไปได้ทันเวลาพอดีจึงช่วยพวกเขาทั้งครอบครัวไว้ได้พ่ะย่ะค่ะ”เซียวหลินเทียนมองไปทางองค์ชายเว่ยอย่างเหยียดหยาม “องค์ชายเว่ย เจ้าคงจะมิบอกว่าข้าซื้อตัวท่านอ๋องผิงหนานกับแม่ทัพเฉิน หรือกระทั่งคนทั้งหมู่บ้านของเจ้ามาใส่ร้ายเจ้าหรอกกระมัง”ท่านอ๋องผิงหนานได้ยินว่าเซียวหลินเทียนเอ่ยถึงตนเอง จึงเดินเข้าไปแล้วคุกเข่าลงข้างหนึ่ง“ฝ่าบาท กระหม่อมเห็นกับตาว่าครอบครัวของจู้เต๋อทั้งสิบห้าคนถูกมัดไว้ที่หมู่บ้านขององค์ชายเว่ยพ่ะย่ะค่ะ!”“กระหม่อมยังได้ซักถามเพื่อนบ้านแถว ๆ บ้านของจู้เต๋อด้วย ได้ความว่า พวกเขาทั้งหมดถูกคนจับตัวไปในตอนก่
ฮองเฮาเว่ยลุกขึ้นเดินไปตรงหน้าหลิงอวี๋แล้วมองลงไปอย่างเย่อหยิ่ง“ข้ารู้ว่าเจ้าทำเพื่อให้เซียวหลินเทียนได้นั่งตำแหน่งองค์รัชทายาทจึงได้พยายามเต็มที่เช่นนี้ ข้าอยากจะฟังจริง ๆ ว่าวิธีการของเจ้ามันจะไปสุดตรงที่ใด?”หลิงอวี๋ยังคงคุกเข่าอยู่ และฮองเฮาเว่ยก็กำลังยืน ท่าทางที่คนหนึ่งสูงคนหนึ่งต่ำเช่นนี้ มองจากภายนอกแล้วคือ ฮองเฮาเว่ยกำลังบดชยี้หลิงอวี๋อยู่ทว่า เมื่อหลิงอวี๋ยืดตัวขึ้นแล้วเงยหน้ามองฮองเฮาเว่ยอย่างช้า ๆ ท่าทางที่มิได้ถ่อมตัวหรือเย่อหยิ่งเกินไปนั้นมันมิได้เหมือนถูกฮองเฮาเว่ยปรามเลยแม้แต่น้อยพระชายาเส้าคอยสังเกตอยู่เงียบ ๆ นับวันนางก็ยิ่งรู้สึกว่าหลิงอวี๋เป็นศัตรูที่น่ากลัวหากลองถามสตรีที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ดู จะมีสตรีกี่คนกันที่สามารถเทียบเท่าหลิงอวี๋ได้ และกล้าที่จะเผชิญหน้ากับฮองเฮาเว่ยเช่นนี้ฮองเฮาเว่ยเข้าวังมายี่สิบกว่าปีแล้วนางก็ยังคงอยู่มิเคยล้มลงไปมิว่าจะเป็นวิธีการชั่วร้ายใด ๆ ก็ตามตอนนั้นตนก็เคยเสียเปรียบให้ฮองเฮาเว่ยไปนับไม่ถ้วนมิใช่หรือ?พระชายาเส้านึกขึ้นได้ว่า เมื่อครู่มีสตรีนางหนึ่งให้คนเอากระดาษสองแผ่นมายัดใส่มือตนอย่างเงียบ ๆ และเนื้อหาในนั้นเป็นคำสารภาพ
จักรพรรดิอู่อันเด้งตัวลุกขึ้นยืนพร้อมกับสีหน้ามิสู้ดี เขาจ้องไป่ซุ่ยเขม็งพลางเอ่ยถามเสียงสั่น “ไทเฮา… ไทเฮาสิ้นแล้วจริงหรือ?”ไป่ซุ่ยร้องไห้พลางเอ่ย “กราบทูลฝ่าบาท เป็นจริงดังนั้นเพคะ… แม่นมเว่ยตกใจจนสลบไปแล้ว บ่าวจึงทำได้เพียงวิ่งมากราบทูลฝ่าบาทเท่านั้น!”“ไป่ซุ่ย ไทเฮาเสวยน้ำแกงบำรุงร่างกายที่ข้าให้ไปแล้วสิ้นลมไปจริง ๆ หรือ?”หลิงอวี๋แสร้งทำเป็นเบิกตาโตอย่างตกใจ “เป็นไปได้เยี่ยงไร? ข้าให้สูตรอ่อนไว้แท้ ๆ เครื่องยาสมุนไพรก็ล้วนเป็นยาที่มีฤทธิ์อ่อนไม่มีพิษ! จะทำให้ไทเฮาสิ้นลมได้เยี่ยงไร!” “ใช่แล้ว ถังถีเตี่ยนเล่า เขาน่าจะเคยเห็นตำรับยาของข้า เขาว่าอย่างไรบ้าง?”“วันนี้ถังถีเตี่ยนมิอยู่ที่วังเจ้าค่ะ เขาบอกว่าพระชายาอ๋องอี้เรียกพบเขาจึงลาครึ่งวัน!”ไป่ซุ่ยมองหลิงอวี๋อย่างโกรธแค้น “พระชายาอ๋องอี้ ท่านอย่าได้เสแสร้งเลย… เห็น ๆ กันอยู่ว่าท่านจัดแจงให้ถังถีเตี่ยนออกไป ท่านจะรังแกบ่าวกับแม่นมเว่ยที่มิรู้เรื่องเครื่องยาสมุนไพร ดังนั้นจึงจัดตำรับยาที่เป็นพิษเช่นนี้เพราะจะวางยาไทเฮา!”“ฝ่าบาท บ่าวมีหลักฐานเพคะ สามารถยืนยันได้ว่าพระชายาอ๋องอี้จัดตำรับยาพิษเพราะคิดจะวางยาลอบปลงพระชนม์ไทเฮา
“ไทเฮาเสด็จแล้ว...”พวกของหลี่ว์เซียงต่างก็ลุกขึ้นต้อนรับไทเฮาเมื่อพวกอันเจ๋อเห็นไทเฮาปรากฏตัว ความกังวลที่มีต่อหลิงอวี๋เมื่อครู่ก็คลายลงไปเผยอวี้แอบตำหนิหลิงอวี๋ สตรีผู้นี้ จะต้องทำให้ผู้คนตื่นตระหนกกันก่อนทุกครั้งแล้วจึงจะหยุดหรือ?นี่จะต้องเป็นแผนการของพี่หลิงหลิงแน่นอน!เขาว่าแล้วว่าหลิงอวี๋มิใช่คนโง่เขลาถึงเพียงนั้น ที่จะจัดตำรับยาพิษให้ไทเฮาแล้วถูกใครจับพิรุธได้พระชายาเส้าเองก็ลุกขึ้นตามทุกคนเช่นกัน เมื่อนางเห็นไทเฮานางก็รู้เลยว่าครั้งนี้หลิงอวี๋ชนะอย่างแน่นอนเช่นนั้น เพื่อเป็นการแสดงถึงความจริงใจในการร่วมมือ นางต้องออกโรงแล้ว“ไทเฮา...”ฮองเฮาเว่ยท่าทีราวกับเห็นวิญญาณ นางมองไทเฮาอย่างตื่นตระหนกแล้วก็มองไปทางไป่ซุ่ยอย่างโหดร้ายไป่ซุ่ยตกใจจนวิญญาณหลุดจากร่างไปแล้ว นางมิเข้าใจว่ามันผิดพลาดตรงที่ใด นางเห็นว่าไทเฮากระอักเลือดอยู่แท้ ๆ เชียว...“เหอะ ๆ ไป่ซุ่ย ที่จริงข้าเคยให้โอกาสเจ้าแล้วแต่เจ้าก็พลาดมันไป...”ในตอนที่เดินผ่านไป่ซุ่ย ไทเฮาหยุดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้าพลางทอดถอนใจแม่นมเว่ยมองไป่ซุ่ยด้วยสายตาเย็นชาพลางเอ่ยอย่างเยาะเย้ย “พวกเราสงสัยมานานแล้วว่าเจ้าคือ
“เสด็จพ่อ เมื่อครู่เสด็จแม่เพียงพระทัยโอนอ่อนไปตามคำยุยงของไป่ซุ่ยคนชั่วทั้งนั้นพ่ะย่ะค่ะ บัดนี้ความจริงปรากฏแล้ว แน่ชัดว่า ไป่ซุ่ยคนชั่วผู้นี้มิปรารถนาจะรับใช้ไทเฮา จึงได้วางยาพิษไทเฮาพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อเห็นผู้คนทั้งหลายมิได้เอ่ยวาจาใด องค์ชายเว่ยจึงจำต้องฝืนใจเข้ามากราบทูลแก้ต่างให้แก่ฮองเฮาเว่ย“ไทเฮา เสด็จแม่ของกระหม่อมตั้งแต่เข้าวังมาล้วนกตัญญูต่อไทเฮาอย่างสุดหัวใจ ทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างสุดความสามารถมิเคยขาดตกบกพร่อง ไทเฮาทรงทราบดีอยู่แล้ว จึงควรทรงเข้าพระทัยว่าเสด็จแม่ของกระหม่อมไม่มีวันปรารถนาให้ไทเฮาสิ้นพระชนม์พ่ะย่ะค่ะ!”องค์ชายเว่ยทูลวิงวอนไทเฮาด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน จักรพรรดิอู่อันเป็นผู้กตัญญู หากไทเฮามิทรงประสงค์จะสืบสวนต่อไป เรื่องราวในวันนี้ก็จะจบลงเพียงเท่านี้ไทเฮาให้จักรพรรดิอู่อันช่วยประคองให้นั่งลง แม้ว่าตนจะ ‘สลบ’ ไปหลายวัน แต่ด้วยยาบำรุงร่างกายของหลิงอวี๋ ร่างกายของไทเฮาจึงแข็งแรงกว่าเดิมแต่เมื่อนึกถึงว่าตนปฏิบัติต่อองค์ชายเว่ยและฮองเฮาเว่ยอย่างดี แต่ฮองเฮาเว่ยกลับกล้าสั่งให้ไป่ซุ่ยวางยาพิษตนเพื่อซัดทอดไปหาหลิงอวี๋ใจของไทเฮาเย็นเฉียบลง สายตาของนางกวาดมองไปยังอง
“พูดจาเหลวไหล! ข้ามิเคยทำเช่นนั้น และมิเคยพูดเช่นนั้นด้วย!”ฮองเฮาเว่ยทรงโกรธจนหน้าบิดเบี้ยว ชี้ไปที่ไป่ซุ่ยและตรัสว่า “นางบ่าวชั่ว เจ้าได้รับสินบนจากผู้ใดจึงบังอาจใส่ร้ายข้าเช่นนี้!”“ข้าจะไปหาซื้อยาพิษมาให้เจ้าได้อย่างไร บ่าวชั่วช้าเช่นเจ้า สมควรเป็นอนุภรรยาของโอรสข้ารึ? ฝันกลางวันหรืออย่างไร!”เมื่อเห็นว่าฮองเฮาเว่ยเสียสติไปแล้ว พระชายาเส้าก็ยกมุมปากขึ้นด้วยความเยาะหยันและหันไปมองหลิงอวี๋หลิงอวี๋คงมิคิดว่าจะสามารถโค่นล้มฮองเฮาเว่ยได้ด้วยวิธีนี้กระมัง?หลิงอวี๋มิตื่นตระหนก “ฝ่าบาท ไป่ซุ่ยน่าจะมีหลักฐาน! แม้ว่านางจะตื้นเขิน แต่ก็ติดตามรับใช้ไทเฮามาหลายปี ได้รับรางวัลมากมายจากไทเฮา แน่นอนว่าย่อมมีชั้นเชิงอยู่แล้ว!”“จำเป็นต้องมีผู้ที่สามารถชักจูงนางได้ เนื่องจากคำสัญญาที่พูดลอย ๆ นางคงมิให้ความสนใจ!”คำพูดนี้ทำให้ไป่ซุ่ยนึกอะไรขึ้นได้ นางยื่นมือออกไปแล้วดึงแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นกำไลที่พันไว้ด้วยผ้าทันทีที่ฮองเฮาเว่ยเห็นก็แทบลมจับ นางลืมสิ่งนี้ไปได้อย่างไรในเวลานั้น เพื่อซื้อตัวไป่ซุ่ย นางตั้งใจให้คำสัญญาพร้อมกับเงินจำนวนมาก ทว่าไป่ซุ่ยกลับชอบกำไลของนางมากกว่า จึงจำใจต้องมอ
เจ้าแห่งทิศใต้กล่าวอย่างเจ็บปวดใจนัก “เจ้าสิบเอ็ด พวกเราพี่น้องล้วนเป็นคนตระกูลหลง แม้ปกติจะมิลงรอยกันบ้าง แต่ก็ล้วนเป็นเรื่องหยุมหยิม สามารถหัวเราะแล้วปล่อยผ่านไปได้!”“ทว่าหากมหาปราชญ์และสำนักซิงหลัวลงมือ นั่นก็คือวันล่มสลายของตระกูลหลง เจ้าสิบเอ็ด เจ้าต้องการให้ลูกหลานตระกูลหลงถูกมหาปราชญ์และสำนักซิงหลัวกำจัดจนสิ้นซากจริง ๆ หรือ?”เมื่อเช้าเจ้าแห่งทะเลไปเข้าร่วมประชุมราชสำนัก เห็นตระกูลเหล่านั้นร่วมกันฟ้องร้องมหาปราชญ์และสำนักซิงหลัว จึงได้รู้ว่ามหาปราชญ์แอบทำอะไรลับหลังตนบ้างเขาแอบนึกเสียใจที่ตนวู่วามไป ฟังคำพูดฝ่ายเดียวของมหาปราชญ์ก็ให้รองแม่ทัพของตนนำทหารไปล้อมคฤหาสน์อู่เสียแล้วแต่เสียใจก็ส่วนเสียใจ เจ้าแห่งทะเลคิดว่า มหาปราชญ์บอกว่าเซียวหลินเทียนมีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์สองชิ้นคือกระบี่คุนอู๋และเสือปีกกาฬ จึงมิได้รู้สึกเสียใจมากนักที่ส่งทหารไปล้อมคฤหาสน์อู่เรื่องที่มหาปราชญ์หลอกใช้ตน บัญชีนี้ค่อยไปสะสางกับเขาทีหลัง เรื่องเร่งด่วนที่สุดในยามนี้คือ การยืนยันว่าเสี่ยวอู่ผู้นี้คือเซียวหลินเทียน และต้องยึดเอามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองชิ้นในมือเขามาให้ได้ส่วนเรื่องขี้ผึ้งหอมเส
หลิงอวี๋กดความรู้สึกมิสบายใจของตนไว้ รีบแต่งหน้าให้เซียวหลินเทียนดูป่วยซีดเซียวอย่างรวดเร็วทุกคนในจวนเตี๊ยมกันเรียบร้อยแล้วว่า เซียวหลินเทียนป่วยเป็นโรคประหลาด คนของคฤหาสน์อู่มาที่เมืองหลวงแดนเทพก็เพื่อตามหาหมอและเสาะหายาให้เซียวหลินเทียนช่วงนี้หลิงอวี๋มีชื่อเสียงมากในเมืองหลวงแดนเทพ คฤหาสน์อู่จึงเชิญหลิงอวี๋มาก็เพื่อรักษาอาการป่วยของเซียวหลินเทียนส่วนเก๋อเฟิ่งฉิงที่อยู่ในคฤหาสน์อู่ เพราะเป็นห่วงอาการป่วยของคู่หมั้นของตนจึงตั้งใจมาเยี่ยมเป็นพิเศษและการที่หลงเพ่ยเพ่ยและหลงจิ้งมาเยี่ยมเซียวหลินเทียน ก็เพราะความสัมพันธ์ที่เซียวหลินเทียนเป็นบุตรบุญธรรมของเจ้าแห่งทิศใต้เช่นนี้ทุกคนก็มีข้ออ้างที่ดีพอที่จะใช้กลบเกลื่อนได้แล้วทุกคนเพิ่งจะตกลงแผนรับมือกันเสร็จ เจ้าแห่งทิศใต้และเจ้าแห่งทะเลก็มาถึงหน้าประตูแล้วเผยอวี้และฉินซานในฐานะน้องชายร่วมตระกูลของเซียวหลินเทียนก็ออกไปต้อนรับพร้อมกันหลงจิ้งก็ติดตามออกมาด้วย เขาแสร้งแสดงละครตลอดทาง ครั้นเห็นเจ้าแห่งทะเลและมหาปราชญ์มาด้วยกันก็ทำท่าประหลาดใจ“ท่านอาเจ้าแห่งทะเล เหตุใดจึงมาพร้อมกับท่านพ่อของกระหม่อมได้พ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทะเลยิ้
หลิงอวี๋ได้ยินคำพูดของหลงจิ้งก็ขมวดคิ้ว นางและเย่หรงเคยคาดเดากันไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าเหตุใดเลี่ยวหงเสียถึงถูกขังในคุกน้ำโดยมิผ่านการไต่สวนหรือว่าจะเป็นเพราะนางพัวพันกับเรื่องของหลงอี้ มหาเทพหลงถึงได้ปฏิบัติต่อเลี่ยวหงเสียเช่นนี้“ท่านพ่อของข้าตั้งใจจะไปสอบถามเรื่องราวกับเลี่ยวหงเสีย ทว่าแม้แต่ท่านพ่อของข้าก็ยังมิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เลย!”หลงจิ้งหัวเราะอย่างขมขื่น “นี่ก็ยิ่งพิสูจน์ถึงความสำคัญของเลี่ยวหงเสีย ดังนั้น รอให้ผ่านพ้นอุปสรรคครั้งนี้ไปก่อน พวกเราค่อยคิดหาทางดูว่าจะช่วยเลี่ยวหงเสียออกมาได้หรือไม่!”“ข้าเชื่อว่าเย่หรงก็คงอยากช่วยนางออกมาเช่นกัน!”อย่างไรเสียหลิงอวี๋ก็เพิ่งจะรู้จักกับสองพ่อลูกเจ้าแห่งทิศใต้ มิได้ล่วงรู้พื้นเพพวกเขามากนัก มิสะดวกที่จะบอกว่าตนกับเย่หรงได้วางแผนช่วยเลี่ยวหงเสียไว้ก่อนหน้านี้แล้วขณะที่หลายคนกำลังพูดคุยกันอยู่ หัวหน้าองครักษ์ของหลงจิ้งก็เข้ามาแจ้งว่า “คุณชายสาม ท่านอ๋องออกจากท้องพระโรงแล้ว กำลังมุ่งหน้ามายังคฤหาสน์อู่ ผู้ที่ติดตามมาด้วยยังมีเจ้าแห่งทะเลและมหาปราชญ์ ท่านอ๋องให้พวกท่านเตรียมรับมือ”“เจ้าแห่งทิศใต้ให้ข้าน้อยมารายงานท่านก่อน ต
“พี่หญิง ท่านคงมิได้คิดว่าเพราะเป็นพ่อลูกกัน เจ้าแห่งทะเลจะออมมือให้หรอกใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นสีหน้าของหลิงอวี๋เปลี่ยนไปมา ก็กล่าวอย่างไร้ความปรานี “ต่อให้เขาจะเห็นแก่ความผูกพันทางสายเลือดนี้ ชายาเจ้าแห่งทะเลก็ไม่มีทางออมมือให้ท่านแน่!”“ชายาเจ้าแห่งทะเลมิได้ขาดแคลนบุตรธิดา ชายาเจ้าแห่งทะเลปฏิบัติต่อบุตรที่เกิดจากอนุภรรยาเหล่านั้นอย่างใจเหี้ยมอำมหิต นางไม่มีทางมองท่านเป็นพิเศษหรอก!”หลิงอวี๋ส่ายหน้า “ข้ามิได้คิดจะยอมรับเขา!”สำหรับบุรุษที่สามารถกำจัดสตรีที่รักของตนให้สิ้นซากได้ หลิงอวี๋ย่อมมิอาจคาดหวังอะไรเป็นพิเศษจากเขาได้เมื่อได้ฟังชีวิตอันน่าเวทนาของหลานฮุ่ยจวน หลิงอวี๋จึงไม่มีความรู้สึกผูกพันฉันพ่อลูกต่อเจ้าแห่งทะเลแม้แต่น้อย แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะยอมรับเขาเป็นบิดา?หลงจิ้งมองไปยังหลิงอวี๋ “น้องหญิง ที่พวกเราเปิดอกพูดคุยกับเจ้า ก็เพียงต้องการให้เจ้าเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของท่านอาเจ้าแห่งทะเล ให้เจ้าอย่าได้โง่เขลาไปแก้แค้นด้วยตนเอง!”“หากเจ้าอยากแก้แค้น พวกเราค่อย ๆ วางแผนกันในระยะยาว!”หลิงอวี๋จำหลานฮุ่ยจวนมิได้ด้วยซ้ำ ยิ่งมิรู้อะไรเกี่ยวกับชาติกำเนิดของตนเองเลย
หลงจิ้งกำลังจะกล่าวต่อ หลงเพ่ยเพ่ยเห็นว่าเก๋อเฟิ่งฉิงก็อยู่ที่นี่ด้วย จึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า“คุณหนูใหญ่เก๋อ เจ้ากลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อนสักครู่เถิด พวกเรามีเรื่องต้องปรึกษาหารือกับท่านเซียวตามลำพัง!”เก๋อเฟิ่งฉิงหน้าแดง รู้ว่าหลงเพ่ยเพ่ยกังวลเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตนและมหาปราชญ์ จึงกล่าวขึ้นทันที “เช่นนั้นข้าขอกลับไปพักผ่อนก่อน พี่ใหญ่ หากมีเรื่องอันใดต้องการให้ข้าช่วยก็เรียกข้าได้นะเจ้าคะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงเดินออกไป แต่ซูจู๋กลับกล่าวอย่างมิพอใจว่า“ท่านหญิง พวกท่านระแวงคุณหนูของข้ามากเกินไปแล้ว การกระทำของคุณหนูของข้าเมื่อคืนก็เพียงพอที่จะพิสูจน์จุดยืนของนางแล้ว หากนางคิดจะหักหลังพวกท่าน เหตุใดยังต้องรอจนถึงยามนี้เล่า!”“ท่านเซียว พวกเขามิเข้าใจคุณหนูของข้าก็ช่าง แต่ท่านยังมิเข้าใจคุณหนูของข้าอีกหรือเจ้าคะ?”“ทำกับคุณหนูของข้าเช่นนี้ ช่างเกินไปแล้วจริง ๆ!”เซียวหลินเทียนยิ้มอย่างขมขื่น และโค้งคำนับเล็กน้อย “น้องเก๋อ ทำให้เจ้าต้องลำบากใจเสียแล้ว เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ อีกเดี๋ยวข้าจะไปขอโทษเจ้า!”เก๋อเฟิ่งฉิงคลี่ยิ้มเล็กน้อยอย่างใจกว้าง “พี่ใหญ่เกรงใจเกินไปแล้ว ข้าหาได้เสียใจไม่ เ
เซียวหลินเทียนเห็นท่าทางแน่วแน่ของเก๋อเฟิ่งฉิง ในใจกลับรู้สึกผิดขึ้นมาเก๋อเฟิ่งฉิงเสี่ยงตายช่วยตนไว้ ยามนี้ร่างกายยังคงอ่อนแออยู่เมื่อครู่ตนคิดเพียงแค่ให้นางออกไปขอความช่วยเหลือ แต่กลับมิได้คิดว่า การทำเช่นนี้อาจทำให้ตระกูลที่อยู่เบื้องหลังนางต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วยเซียวหลินเทียนลังเล มิได้ยื่นแผ่นป้ายไม้ออกไป กล่าวว่า “ซูจู๋พูดถูก เจ้าออกไปเช่นนี้จะทำให้ตระกูลของเจ้าต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย ข้าขอลองคิดหาวิธีอื่นดูก่อน!”เก๋อเฟิ่งฉิงร้อนใจ ยื่นมือออกไปคว้าแผ่นป้ายไม้ในมือของเซียวหลินเทียนมาทันที“พี่ใหญ่ ยามนี้พวกเราตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน หากมิร่วมแรงร่วมใจกันฝ่าฟันอุปสรรคครั้งนี้ไปให้ได้ ก็คงไม่มีผู้ใดหนีรอดไปได้ทั้งนั้น!”“ท่านอย่าคิดมากเลย ต่อให้ไม่มีพวกท่าน มิช้าก็เร็วเราก็ต้องเผชิญหน้ากับมหาปราชญ์อยู่ดี ยามนี้แค่ก้าวล้ำหน้าไปหนึ่งก้าวเท่านั้น มินับว่าถูกพวกท่านทำให้เดือดร้อนหรอก!”“ข้าไปก่อน! พวกท่านรอข่าวดีจากข้าเถิด”เก๋อเฟิ่งฉิงถือแผ่นป้ายไม้ ตั้งท่าจะหันหลังเดินออกไปในใจของหลิงอวี๋รู้สึกหลากหลายปนเป การขอความช่วยเหลือจากภายนอกอาจจะเป็นทางรอดทางหนึ่ง แต่การกระทำขอ
ยาฉีดกระตุ้นหัวใจเพิ่งฉีดเข้าไปได้เพียงมิกี่นาที เซียวหลินเทียนก็ลืมตาขึ้นเมื่อเห็นหลิงอวี๋นั่งอยู่ข้างเตียง ในใจของเซียวหลินเทียนก็พลันยินดี อาอวี๋อยู่เฝ้าเขาทั้งคืนเลยหรือ?“เซียวหลินเทียน คนของเจ้าแห่งทะเลล้อมคฤหาสน์อู๋ไว้หมดทุกด้านแล้ว เผยอวี้ได้ให้คนของหลงเพ่ยเพ่ยไปรายงานเจ้าแห่งทิศใต้แล้ว!”หลิงอวี๋กล่าวอย่างเยือกเย็น “แม้ว่าตอนนี้จะยังมิใช่เวลาฝ่าวงล้อม แต่พวกเราก็มิอาจนิ่งเฉยมิเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด!”“เส้นชีพจรหัวใจของท่านขาดสะบั้น ข้าให้ยาท่านแล้ว ท่านหมุนเวียนลมปราณรักษาอาการบาดเจ็บก่อน เตรียมความพร้อมที่จะหลบหนีไปพร้อมพวกเรา!”เก๋อเฟิ่งฉิงกล่าวอย่างร้อนรน “คุณหนูสิง พี่ใหญ่ของข้ายังเคลื่อนไหวหนัก ๆ มิได้ การออกไปจากที่นี่อาจจะคร่าชีวิตเขา! ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือ?”หลิงอวี๋ลุกขึ้นยืน กล่าวเสียงเย็นชา “ข้าเป็นหมอ จะมิรู้สถานการณ์ของเขาได้อย่างไร?”“ข้าก็มิต้องการให้คนไข้ตายเช่นกัน แต่มหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลจะยอมให้เขานอนพักรักษาตัวอยู่เงียบ ๆ หรือไร?”“คุณหนูใหญ่เก๋อ ข้าไม่มีเส้นสายในเมืองหลวงแดนเทพเช่นเจ้า หากเจ้าแห่งทิศใต้ช่วยมิได้ บางทีเจ้าอาจจะคิ
คำพูดของหลิงอวี๋ทำให้หานอวี้ตกใจจนมิกล้าพูดอะไรอีก รับยามาอย่างว่าง่ายแล้วมองหลิงอวี๋เดินจากไปอย่างมิแยแสแย่แล้ว คุณหนูโกรธ ๆ จริงแล้ว!คราวนี้องค์จักรพรรดิยิ่งอธิบายความสัมพันธ์กับเก๋อเฟิ่งฉิงได้ยากขึ้นไปอีก!หานอวี้เริ่มเป็นห่วงเซียวหลินเทียนอย่างสุดซึ้งแต่หลิงอวี๋ยังมิทันเดินพ้นลานเรือนของเซียวหลินเทียน ก็เห็นเผยอวี้และจ้าวซวนรีบร้อนวิ่งเข้ามา“พี่หญิงหลิงหลิง เกิดเรื่องแล้ว กองทหารกลุ่มหนึ่งล้อมคฤหาสน์อู๋ไว้หมดทุกด้านแล้ว เป็นคนของจวนเจ้าแห่งทะเล!”“ว่ากระไรนะ?”หลิงอวี๋สีหน้าเปลี่ยนไป รีบถามทันที “แจ้งคนของหลงเพ่ยเพ่ยแล้วหรือยัง?”“ข้าบอกพวกเขาแล้ว มู่ตงบอกว่าเขาได้ส่งคนไปรายงานท่านหญิง และบอกให้พวกเราอย่าตื่นตระหนก!”“มู่ตงและองครักษ์ของจวนเจ้าแห่งทิศใต้หลายคนไปเจรจากับแม่ทัพที่นำกองกำลังมาแล้ว!”เผยอวี้รายงานหลิงอวี๋รู้สึกร้อนใจขึ้นมาทันที สภาพของเซียวหลินเทียนยามนี้มิสามารถเคลื่อนย้ายได้เลย นับประสาอะไรกับการหนีเอาชีวิตรอด นั่นจะทำให้เขาตายได้ทันที!ส่วนเผยอวี้และหวงฝู่หลินต่างก็บาดเจ็บสาหัส หากต้องบุกฝ่าออกไป ย่อมมิสามารถหนีพ้นจากเมืองหลวงแดนเทพไปได้แน่นอนยามน
หานอวี้ก็จนปัญญาไปชั่วขณะ นางคงมิสามารถใช้กำลังยื้อแย่งตรง ๆ ได้!ยิ่งไปกว่านั้น ตั้งแต่ตอนอยู่ภูเขาหิมะ เก๋อเฟิ่งฉิงก็มิเคยมีท่าทีเป็นศัตรูกับพวกเขา ทั้งยังช่วยชีวิตเซียวหลินเทียนไว้ที่ภูเขาหิมะ เมื่อกลับมาก็มิได้ทรยศหักหลังพวกเขาแต่อย่างใดครั้งนี้ยิ่งแล้วใหญ่ เพื่อช่วยเซียวหลินเทียน นางเกือบจะต้องทิ้งชีวิตตัวเอง!หากตนใช้กำลังยื้อแย่ง นั่นมิเท่ากับเป็นการเนรคุณหรอกหรือ?หากฝ่าบาทฟื้นขึ้นมาก็จะตำหนิตนเอาได้!ขณะที่หานอวี้กำลังทำอะไรมิถูก ก็ได้ยินเสียงเถาจื่อดังมาจากข้างนอก “คุณหนู ทางฝั่งท่านเจ้าวังหวงฝู่กินมื้อเช้าแล้ว หากท่านเป็นห่วงเจ้าวังน้อยก็ไปดูนางก่อนเถิดเจ้าค่ะ!”“มาถึงนี่แล้ว แวะดูอาการเซียวหลินเทียนก่อนแล้วค่อยไปก็ได้!”หลิงอวี๋รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เมื่อคืนเถาจื่อและคนอื่น ๆ ยังพยายามทุกวิถีทางให้ตนมาเฝ้าเซียวหลินเทียน แต่เหตุใดเช้าวันนี้กลับบ่ายเบี่ยงตลอดเวลา ดูเหมือนมิอยากให้ตนไปเยี่ยมเซียวหลินเทียนนางพูดพลางก้าวเข้าไปในห้อง เห็นเก๋อเฟิ่งฉิงที่นั่งอยู่ข้างเตียงของเซียวหลินเทียนกำลังเช็ดมือให้เขาอย่างอ่อนโยนหลิงอวี๋ชะงักไปเล็กน้อย นางเข้าใจทุกอย่างแล้วที่เถาจ