เสียงหัวเราะของคนเหล่านี้ทำให้องค์ชายเว่ยพาลโกรธ เขาพูดสู้หลิงอวี๋มิได้ จึงหันไปทางจักรพรรดิอู่อันพลางตะโกนอย่างน้อยใจ“เสด็จพ่อ เสด็จพ่อดูเถิดว่าสตรีผู้นี้มีคารมคมคาย พูดจาคล่องแคล่ว องค์ชายสี่จัดการนางมิได้ เสด็จพ่อก็ควรอบรมนางพ่ะย่ะค่ะ!”“นี่เป็นงานเลี้ยงฉลองมิใช่หรือ? เหตุใดสตรีผู้นี้จึงก่อกวนอยู่ที่นี่เล่า!”แม้ว่าจักรพรรดิอู่อันจะตลกขบขันกับคำพูดของหลิงอวี๋ แต่ก็มิได้มีความสุขที่หลิงอวี๋ก่อกวน จึงทำใบหน้าเรียบเฉย และกำลังคิดจะอบรมหลิงอวี๋แต่หลิงอวี๋แย่งเอ่ยไปเสียก่อน “เสด็จพ่อเพคะ หลิงอวี๋หาได้ตั้งใจก่อกวนไม่เพคะ!”“หลิงอวี๋แค่อยากถือโอกาสที่ทูตจากทั้งสามแคว้นอยู่พร้อมหน้า ให้พวกเขาได้เห็นว่า ที่เราแพ้ไปสองรายการแข่งขันนั้น มิใช่เพราะความสามารถมิเท่าผู้อื่น!”“ทว่า หากมิใช่เพราะองค์ชายเว่ยเข้ามาขัดขา เรามีความมาสามารถที่จะเอาชนะได้อย่างแน่นอน! หลิงอวี๋เองก็อยากให้ทูตทั้งสามแคว้นรู้ด้วยเช่นกันว่าเสด็จพ่อมีความปราดเปรื่อง เมื่อจะให้รางวัลหรือลงโทษก็มีความยุติธรรม!”สิ่งที่หลิงอวี๋จะทำในวันนี้ก็คือ ประกาศให้ใต้หล้านี้ได้รับรู้การกระทำผิดขององค์ชายเว่ยกับฮองเฮาเว่ยครั้งที่แ
“ก็ได้ ๆ ๆ… วันนี้ข้าจะดูว่าคนพูดจาคล่องแคล่วเช่นเจ้าจะพูดหลักฐานอะไรออกมา!”องค์ชายเว่ยเห็นว่าองค์จักรพรรดิได้พูดออกไปแล้วก็มิโต้เถียง จึงมองไปทางจักรพรรดิอู่อันพลางเอ่ยไปตามตรง “เสด็จพ่อ ลูกขอเพียงข้อเดียวเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ หากยืนยันแล้วว่าหลิงอวี๋ใจร้าย ก็ขอให้เสด็จพ่อยอมให้ลูกประหารหลิงอวี๋ด้วยเถิด!”ช่างมิสูงส่งเลยจริง ๆ!มุมปากขององค์ชายคังกระตุกขึ้นอย่างเหยียดหยาม องค์ชายเว่ยผู้นี้ออกงานมิได้เลย ต่อให้เขาจะอยากให้หลิงอวี๋ตาย ก็อย่าได้รีบร้อนเช่นนี้ต่อหน้าทุกคนสิ!เป็นถึงองค์ชายจะไปประหารน้องสะใภ้ องค์ชายเว่ยมิกลัวคนเขาหัวเราะเอาเลยหรือ!คืนนี้จ้าวเจินเจินก็มาด้วยเช่นกัน นางถูกองค์ชายคังตบจนหน้าบวม ทาแป้งไปมากแค่ไหนก็มิสามารถปกปิดได้มิดเดิมทีนางมิอยากมาเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองให้ใครหัวเราะเยาะหรอก!แต่องค์ชายคังมิอนุญาตแล้วบังคับให้นางมา นางจึงทำได้เพียงใส่ผ้าคลุมหน้าปกปิดเอาไว้ แล้วบอกกับสตรีข้าง ๆ ที่สงสัยใคร่รู้ว่าตนเป็นสิวจึงอายที่จะพบใครที่จ้าวเจินเจินมิอยากมายังมีสาเหตุหลักอยู่อีกหนึ่งข้อนั่นก็คือ นางมิอยากเห็นความโดดเด่นของหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียน สิ่งนี้จะยิ่งทำให้
องค์ชายเว่ยใจสั่นขึ้นมาทันที เหงื่อเย็น ๆ ก็ออกมาด้วยเซียวหลินเทียนรู้เรื่องพวกนี้ได้เยี่ยงไร?เนื่องจากหมู่บ้านที่กักขังครอบครัวของจู้เต๋อเอาไว้นั้นนอกจากเขากับคนสนิทสองคนที่รู้แล้วก็ไม่มีผู้ใดรู้อีก“เสด็จพ่อ ตอนที่ลูกกำลังเข้าร่วมการแข่งขันต่อสู้ทางน้ำ ลูกได้เชิญให้ท่านอ๋องผิงหนานกับแม่ทัพเฉินไปที่หมู่บ้านขององค์ชายเว่ยพ่ะย่ะค่ะ!”“เมื่อครู่แม่ทัพเฉินมารายงานว่า ได้ช่วยเหลือครอบครัวของจู้เต๋อออกมาแล้ว พวกเขากำลังจะถูกคนขององค์ชายเว่ยฆ่าปิดปาก แต่ท่านอ๋องผิงหนานไปได้ทันเวลาพอดีจึงช่วยพวกเขาทั้งครอบครัวไว้ได้พ่ะย่ะค่ะ”เซียวหลินเทียนมองไปทางองค์ชายเว่ยอย่างเหยียดหยาม “องค์ชายเว่ย เจ้าคงจะมิบอกว่าข้าซื้อตัวท่านอ๋องผิงหนานกับแม่ทัพเฉิน หรือกระทั่งคนทั้งหมู่บ้านของเจ้ามาใส่ร้ายเจ้าหรอกกระมัง”ท่านอ๋องผิงหนานได้ยินว่าเซียวหลินเทียนเอ่ยถึงตนเอง จึงเดินเข้าไปแล้วคุกเข่าลงข้างหนึ่ง“ฝ่าบาท กระหม่อมเห็นกับตาว่าครอบครัวของจู้เต๋อทั้งสิบห้าคนถูกมัดไว้ที่หมู่บ้านขององค์ชายเว่ยพ่ะย่ะค่ะ!”“กระหม่อมยังได้ซักถามเพื่อนบ้านแถว ๆ บ้านของจู้เต๋อด้วย ได้ความว่า พวกเขาทั้งหมดถูกคนจับตัวไปในตอนก่
ฮองเฮาเว่ยลุกขึ้นเดินไปตรงหน้าหลิงอวี๋แล้วมองลงไปอย่างเย่อหยิ่ง“ข้ารู้ว่าเจ้าทำเพื่อให้เซียวหลินเทียนได้นั่งตำแหน่งองค์รัชทายาทจึงได้พยายามเต็มที่เช่นนี้ ข้าอยากจะฟังจริง ๆ ว่าวิธีการของเจ้ามันจะไปสุดตรงที่ใด?”หลิงอวี๋ยังคงคุกเข่าอยู่ และฮองเฮาเว่ยก็กำลังยืน ท่าทางที่คนหนึ่งสูงคนหนึ่งต่ำเช่นนี้ มองจากภายนอกแล้วคือ ฮองเฮาเว่ยกำลังบดชยี้หลิงอวี๋อยู่ทว่า เมื่อหลิงอวี๋ยืดตัวขึ้นแล้วเงยหน้ามองฮองเฮาเว่ยอย่างช้า ๆ ท่าทางที่มิได้ถ่อมตัวหรือเย่อหยิ่งเกินไปนั้นมันมิได้เหมือนถูกฮองเฮาเว่ยปรามเลยแม้แต่น้อยพระชายาเส้าคอยสังเกตอยู่เงียบ ๆ นับวันนางก็ยิ่งรู้สึกว่าหลิงอวี๋เป็นศัตรูที่น่ากลัวหากลองถามสตรีที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ดู จะมีสตรีกี่คนกันที่สามารถเทียบเท่าหลิงอวี๋ได้ และกล้าที่จะเผชิญหน้ากับฮองเฮาเว่ยเช่นนี้ฮองเฮาเว่ยเข้าวังมายี่สิบกว่าปีแล้วนางก็ยังคงอยู่มิเคยล้มลงไปมิว่าจะเป็นวิธีการชั่วร้ายใด ๆ ก็ตามตอนนั้นตนก็เคยเสียเปรียบให้ฮองเฮาเว่ยไปนับไม่ถ้วนมิใช่หรือ?พระชายาเส้านึกขึ้นได้ว่า เมื่อครู่มีสตรีนางหนึ่งให้คนเอากระดาษสองแผ่นมายัดใส่มือตนอย่างเงียบ ๆ และเนื้อหาในนั้นเป็นคำสารภาพ
จักรพรรดิอู่อันเด้งตัวลุกขึ้นยืนพร้อมกับสีหน้ามิสู้ดี เขาจ้องไป่ซุ่ยเขม็งพลางเอ่ยถามเสียงสั่น “ไทเฮา… ไทเฮาสิ้นแล้วจริงหรือ?”ไป่ซุ่ยร้องไห้พลางเอ่ย “กราบทูลฝ่าบาท เป็นจริงดังนั้นเพคะ… แม่นมเว่ยตกใจจนสลบไปแล้ว บ่าวจึงทำได้เพียงวิ่งมากราบทูลฝ่าบาทเท่านั้น!”“ไป่ซุ่ย ไทเฮาเสวยน้ำแกงบำรุงร่างกายที่ข้าให้ไปแล้วสิ้นลมไปจริง ๆ หรือ?”หลิงอวี๋แสร้งทำเป็นเบิกตาโตอย่างตกใจ “เป็นไปได้เยี่ยงไร? ข้าให้สูตรอ่อนไว้แท้ ๆ เครื่องยาสมุนไพรก็ล้วนเป็นยาที่มีฤทธิ์อ่อนไม่มีพิษ! จะทำให้ไทเฮาสิ้นลมได้เยี่ยงไร!” “ใช่แล้ว ถังถีเตี่ยนเล่า เขาน่าจะเคยเห็นตำรับยาของข้า เขาว่าอย่างไรบ้าง?”“วันนี้ถังถีเตี่ยนมิอยู่ที่วังเจ้าค่ะ เขาบอกว่าพระชายาอ๋องอี้เรียกพบเขาจึงลาครึ่งวัน!”ไป่ซุ่ยมองหลิงอวี๋อย่างโกรธแค้น “พระชายาอ๋องอี้ ท่านอย่าได้เสแสร้งเลย… เห็น ๆ กันอยู่ว่าท่านจัดแจงให้ถังถีเตี่ยนออกไป ท่านจะรังแกบ่าวกับแม่นมเว่ยที่มิรู้เรื่องเครื่องยาสมุนไพร ดังนั้นจึงจัดตำรับยาที่เป็นพิษเช่นนี้เพราะจะวางยาไทเฮา!”“ฝ่าบาท บ่าวมีหลักฐานเพคะ สามารถยืนยันได้ว่าพระชายาอ๋องอี้จัดตำรับยาพิษเพราะคิดจะวางยาลอบปลงพระชนม์ไทเฮา
“ไทเฮาเสด็จแล้ว...”พวกของหลี่ว์เซียงต่างก็ลุกขึ้นต้อนรับไทเฮาเมื่อพวกอันเจ๋อเห็นไทเฮาปรากฏตัว ความกังวลที่มีต่อหลิงอวี๋เมื่อครู่ก็คลายลงไปเผยอวี้แอบตำหนิหลิงอวี๋ สตรีผู้นี้ จะต้องทำให้ผู้คนตื่นตระหนกกันก่อนทุกครั้งแล้วจึงจะหยุดหรือ?นี่จะต้องเป็นแผนการของพี่หลิงหลิงแน่นอน!เขาว่าแล้วว่าหลิงอวี๋มิใช่คนโง่เขลาถึงเพียงนั้น ที่จะจัดตำรับยาพิษให้ไทเฮาแล้วถูกใครจับพิรุธได้พระชายาเส้าเองก็ลุกขึ้นตามทุกคนเช่นกัน เมื่อนางเห็นไทเฮานางก็รู้เลยว่าครั้งนี้หลิงอวี๋ชนะอย่างแน่นอนเช่นนั้น เพื่อเป็นการแสดงถึงความจริงใจในการร่วมมือ นางต้องออกโรงแล้ว“ไทเฮา...”ฮองเฮาเว่ยท่าทีราวกับเห็นวิญญาณ นางมองไทเฮาอย่างตื่นตระหนกแล้วก็มองไปทางไป่ซุ่ยอย่างโหดร้ายไป่ซุ่ยตกใจจนวิญญาณหลุดจากร่างไปแล้ว นางมิเข้าใจว่ามันผิดพลาดตรงที่ใด นางเห็นว่าไทเฮากระอักเลือดอยู่แท้ ๆ เชียว...“เหอะ ๆ ไป่ซุ่ย ที่จริงข้าเคยให้โอกาสเจ้าแล้วแต่เจ้าก็พลาดมันไป...”ในตอนที่เดินผ่านไป่ซุ่ย ไทเฮาหยุดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้าพลางทอดถอนใจแม่นมเว่ยมองไป่ซุ่ยด้วยสายตาเย็นชาพลางเอ่ยอย่างเยาะเย้ย “พวกเราสงสัยมานานแล้วว่าเจ้าคือ
“เสด็จพ่อ เมื่อครู่เสด็จแม่เพียงพระทัยโอนอ่อนไปตามคำยุยงของไป่ซุ่ยคนชั่วทั้งนั้นพ่ะย่ะค่ะ บัดนี้ความจริงปรากฏแล้ว แน่ชัดว่า ไป่ซุ่ยคนชั่วผู้นี้มิปรารถนาจะรับใช้ไทเฮา จึงได้วางยาพิษไทเฮาพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อเห็นผู้คนทั้งหลายมิได้เอ่ยวาจาใด องค์ชายเว่ยจึงจำต้องฝืนใจเข้ามากราบทูลแก้ต่างให้แก่ฮองเฮาเว่ย“ไทเฮา เสด็จแม่ของกระหม่อมตั้งแต่เข้าวังมาล้วนกตัญญูต่อไทเฮาอย่างสุดหัวใจ ทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างสุดความสามารถมิเคยขาดตกบกพร่อง ไทเฮาทรงทราบดีอยู่แล้ว จึงควรทรงเข้าพระทัยว่าเสด็จแม่ของกระหม่อมไม่มีวันปรารถนาให้ไทเฮาสิ้นพระชนม์พ่ะย่ะค่ะ!”องค์ชายเว่ยทูลวิงวอนไทเฮาด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน จักรพรรดิอู่อันเป็นผู้กตัญญู หากไทเฮามิทรงประสงค์จะสืบสวนต่อไป เรื่องราวในวันนี้ก็จะจบลงเพียงเท่านี้ไทเฮาให้จักรพรรดิอู่อันช่วยประคองให้นั่งลง แม้ว่าตนจะ ‘สลบ’ ไปหลายวัน แต่ด้วยยาบำรุงร่างกายของหลิงอวี๋ ร่างกายของไทเฮาจึงแข็งแรงกว่าเดิมแต่เมื่อนึกถึงว่าตนปฏิบัติต่อองค์ชายเว่ยและฮองเฮาเว่ยอย่างดี แต่ฮองเฮาเว่ยกลับกล้าสั่งให้ไป่ซุ่ยวางยาพิษตนเพื่อซัดทอดไปหาหลิงอวี๋ใจของไทเฮาเย็นเฉียบลง สายตาของนางกวาดมองไปยังอง
“พูดจาเหลวไหล! ข้ามิเคยทำเช่นนั้น และมิเคยพูดเช่นนั้นด้วย!”ฮองเฮาเว่ยทรงโกรธจนหน้าบิดเบี้ยว ชี้ไปที่ไป่ซุ่ยและตรัสว่า “นางบ่าวชั่ว เจ้าได้รับสินบนจากผู้ใดจึงบังอาจใส่ร้ายข้าเช่นนี้!”“ข้าจะไปหาซื้อยาพิษมาให้เจ้าได้อย่างไร บ่าวชั่วช้าเช่นเจ้า สมควรเป็นอนุภรรยาของโอรสข้ารึ? ฝันกลางวันหรืออย่างไร!”เมื่อเห็นว่าฮองเฮาเว่ยเสียสติไปแล้ว พระชายาเส้าก็ยกมุมปากขึ้นด้วยความเยาะหยันและหันไปมองหลิงอวี๋หลิงอวี๋คงมิคิดว่าจะสามารถโค่นล้มฮองเฮาเว่ยได้ด้วยวิธีนี้กระมัง?หลิงอวี๋มิตื่นตระหนก “ฝ่าบาท ไป่ซุ่ยน่าจะมีหลักฐาน! แม้ว่านางจะตื้นเขิน แต่ก็ติดตามรับใช้ไทเฮามาหลายปี ได้รับรางวัลมากมายจากไทเฮา แน่นอนว่าย่อมมีชั้นเชิงอยู่แล้ว!”“จำเป็นต้องมีผู้ที่สามารถชักจูงนางได้ เนื่องจากคำสัญญาที่พูดลอย ๆ นางคงมิให้ความสนใจ!”คำพูดนี้ทำให้ไป่ซุ่ยนึกอะไรขึ้นได้ นางยื่นมือออกไปแล้วดึงแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นกำไลที่พันไว้ด้วยผ้าทันทีที่ฮองเฮาเว่ยเห็นก็แทบลมจับ นางลืมสิ่งนี้ไปได้อย่างไรในเวลานั้น เพื่อซื้อตัวไป่ซุ่ย นางตั้งใจให้คำสัญญาพร้อมกับเงินจำนวนมาก ทว่าไป่ซุ่ยกลับชอบกำไลของนางมากกว่า จึงจำใจต้องมอ
ในขณะที่เซียวหลินเทียนกำลังยุ่งอยู่กับการตามหาหลิงอวี๋ และฟื้นฟูตำหนักปีกเงินขึ้นมาอีกครั้งนั้น ทางด้านหลิงอวี๋ก็เตรียมตัวจะออกเดินทางไปเมืองหลวงแดนเทพพร้อมกับครอบครัวของข้าหลวงเก๋อแล้วเพื่อเป็นการลดความเหนื่อยล้าของฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อจากการเดินทางทั้งทางเรือและทางรถม้า ข้าหลวงเก๋อจึงเลือกที่จะเดินทางไปยังเมืองหลวงแดนเทพทางน้ำแทนตระกูลเก๋อเช่าเรือขนาดใหญ่สองลำ ลำหนึ่งสำหรับบรรทุกสัมภาระ และอีกลำหนึ่งสำหรับโดยสารคนข้าหลวงเก๋อได้รับการเลื่อนตำแหน่งครั้งนี้ คงจะมิกลับไปที่เมืองจงกวนอีกแล้ว ดังนั้นเขาจึงนำข้าวของเครื่องใช้ที่มีค่าและคนรับใช้ทั้งหมดที่เต็มใจจะติดตามเขาไปที่เมืองหลวงแดนเทพไปด้วยเรือใหญ่มีอยู่สามชั้น ชั้นล่างสุดเป็นที่พักอาศัยของคนรับใช้ ข้าหลวงเก๋อกับบุรุษในตระกูลเก๋อพักกันที่ชั้นสาม ส่วนเหล่าญาติฝ่ายสตรีก็พักอยู่ที่ชั้นสองสองพี่น้องหลิงอวี๋กับป้าวซวนก็ได้พักในห้องเดียวกัน แม้ว่าจะเล็กไปสักหน่อย แต่พวกนางทั้งสองก็รู้สึกว่าเพียงพอแล้วเส้นทางน้ำนี้ถือว่าเป็นแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในแดนเทพ แบ่งออกเป็นแม่น้ำในและแม่น้ำนอกเส้นทางที่พวกนางเดินทางกันอยู่นี้คือแม่น้ำนอก ซึ่ง
“เหยี่ยวผู้กล้าควรกางปีกบินให้สูง และลอยตัวให้อยู่เหนือเก้าชั้นฟ้า!”เซียวหลินเทียนพูดสิ่งที่เหวินเหรินจิ้นบอกตนออกไปอย่างใจเย็นนี่คือคำพูดที่เหวินเหรินจิ้นพูดกับสือหรงตอนที่ให้เขาออกมาจริง ๆ ตอนนั้นนอกจากเขากับเหวินเหรินจิ้นก็ไม่มีใครอยู่อีกเมื่อสือหรงเห็นว่าคำตอบของเซียวหลินเทียนถูกต้อง ใบหน้าของเขาก็กลับซีดลงทันที ราวกับว่าเขาถูกโจมตีอย่างหนัก“ท่านเจ้าตำหนัก… ท่านเจ้าตำหนักสิ้นแล้วหรือ?”หากมิได้เป็นเช่นนั้น เซียวหลินเทียนจะมีป้ายผู้นำของตำหนักปีกเงินได้อย่างไร และจะรู้ได้อย่างไรว่าเหวินเหรินจิ้นพูดอะไรกับเขา!“อืม ร่างของเขาจะถูกเก็บไว้ในสุสานใต้ดินของตำหนักปีกเงินเป็นการชั่วคราว แล้วในภายหน้าเมื่อข้าสามารถฟื้นคืนตำหนักปีกเงินมาได้ ก็ค่อยนำไปฝังให้ดี ๆ!”แล้วเซียวหลินเทียนก็เอ่ยออกมาอย่างเศร้าใจ“พรึ่บ…”สือหรงคุกเข่าลง แล้วน้ำตาของเขาก็ไหลลงมาอย่างควบคุมมิได้เดิมทีเขาคิดว่าจะหลบไปสักประมาณปีครึ่ง แล้วเจ้าตำหนักก็คงจะเรียกพวกเขากลับไป เมื่อถึงเวลานั้นตำหนักปีกเงินก็จะรุ่งโรจน์เหมือนในอดีตอีกครั้ง ไหนเลยจะคาดคิดว่า การลาจากของเจ้าตำหนักในครั้งนี้จะเป็นการจากลากันไปตลอด
กระทั่งลงมาจากภูเขาแล้ว เซียวหลินเทียนก็ให้เหยี่ยวดำจิ่วเทียนไปส่งจดหมายให้กับฉินซาน แล้วตนกับเผยอวี้ก็มุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านตงหยวน ซึ่งอยู่ห่างจากตำหนักปีกเงินหลายสิบลี้ เพื่อตามหาสือหรงลูกศิษย์คนสำคัญของเหวินเหรินจิ้น อีกทั้งยังเป็นผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายของตำหนักปีกเงินด้วยเซียวหลินเทียนไม่มีทางจะไปตามหาคนในรายชื่อของเหวินเหรินจิ้นทีละคนได้ หากเขาคิดที่จะรวบรวมลูกศิษย์ทั้งหมดของตำหนักปีกเงินที่เหวินเหรินจิ้นสั่งให้ออกจากตำหนักโดยเร็ว สือหรงผู้นี้ก็คือบุคคลที่เป็นกุญแจสำคัญเหวินเหรินจิ้นเคยบอกไว้ว่า หากตามหาสือหรงพบ พวกเขาก็จะสามารถตามลูกศิษย์ทั้งหมดกลับมาได้ เพราะว่าสือหรงมีช่องทางติดต่อของพวกเขาทุกคนแต่กระทั่งเซียวหลินเทียนกับเผยอวี้มาถึงหมู่บ้านตงหยวน ก็สายเกินไปเสียแล้ว ชาวบ้านส่วนใหญ่ในหมู่บ้านตงหยวนถูกสังหารหมู่ และทางการก็กำลังนำคนมาเคลื่อนย้ายศพแต่ละศพออกไปเซียวหลินเทียนและเผยอวี้สวมหน้ากากผิวหนังมนุษย์แล้ว เผยอวี้จึงแสร้งทำเป็นเข้าไปตามหาญาติเพื่อสอบถามข้อมูลเมื่อถามไปจึงได้รู้ว่าเมื่อคืนหมู่บ้านตงหยวนถูกโจรกลุ่มหนึ่งมาปล้นทรัพย์ ตระกูลที่มีฐานะดีในหมู่บ้านส่วนใหญ่จึงถูก
หวงฝู่หลินก็เหมือนกับเซียวหลินเทียน ในตอนนี้มีคนที่จะต้องเร่งตามหาให้พบ ดังนั้นแม้ว่าจะมีความขัดแย้งต่อกัน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง พวกเขาก็ทำได้เพียงต้องร่วมมือกันจึงจะต่อต้านศัตรูได้หวงฝู่หลินมองตำหนักปีกเงินที่ค่อนข้างหดหู่นี้ แล้วเอ่ยด้วยเสียงทุ้ม “เซียวหลินเทียน วันนี้เจ้าเปิดเผยเรื่องที่เจ้ามีกระบี่คุนอู๋อยู่ในมือไปแล้ว มหาปราชญ์ไม่มีทางปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ แน่!”“พวกเราต้องรีบรวบรวมกลุ่มที่สามารถต่อสู้กับมหาปราชญ์ให้ได้โดยเร็วที่สุด ก่อนที่มหาปราชญ์จะรวมกำลังคนมาจัดการกับเจ้า!”“เจ้าลงจากภูเขาไปรวบรวมบรรดาลูกศิษย์ของตำหนักปีกเงินมา ส่วนข้าจะช่วยหาคนมาสร้างตำหนักปีกเงินขึ้นใหม่เอง!”“หากเจ้าหาลูกสาวของข้าพบก่อน ก็ให้ส่งข้อความมาหาข้า! และหากข้าพบหลิงอวี๋ ข้าก็จะแจ้งเจ้าทันทีเช่นกัน!”เซียวหลินเทียนพยักหน้าโดยมิต้องคิด “ตกลง! เช่นนั้นพวกเราก็แยกกันเป็นสองกลุ่มไปดำเนินการ!”“เผยอวี้ เราลงจากภูเขากันก่อนเถอะ!”หวงฝู่หลินมองเผยอวี้แล้วเอ่ยออกมา “ประเดี๋ยวก่อน…”เขาหยิบยาหนึ่งขวดออกมาจากแหวนพระสุเมรุของตน แล้วโยนไปที่เผยอวี้ “พลังของเจ้าต่ำเกินไป หากเจ้าติดตามเขาก็จ
เซียวหลินเทียนฟังแล้วก็ทั้งโกรธทั้งโมโห ก่อนหน้านี้ที่หานเหมยบอกมิได้ละเอียดถึงเพียงนี้ และหานเหมยก็มิเคยบอกด้วยว่าใบหน้าของหลิงอวี๋ถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกรีดจนเป็นแผลความทรงจำของหานเหมยสูญหายไปบางส่วน ซึ่งนี่ก็คือผลกระทบที่ได้มาจากการถูกผนึก ดังนั้นจะโทษหานเหมยก็มิได้เมื่อได้ยินว่าหลิงอวี๋สูญเสียวรยุทธ์ไป ทั้งยังถูกเสวี่ยเหมยกลั่นแกล้งอีก เซียวหลินเทียนก็คิดเพียงอยากจะแทงเสวี่ยเหมยและลิ่งหูหลินผู้นั้นให้ตายไปเสียส่วนเรื่องที่หวงฝู่หลินรับหลิงอวี๋เป็นน้องสาวบุญธรรมนั้น เซียวหลินเทียนมิได้คิดเป็นจริงเป็นจังอะไร เขาหรือจะมิรู้ว่าหวงฝู่หลินไม่มีทางรับหลิงอวี๋เป็นน้องสาวบุญธรรมจริง ๆ หรอก“ท่านเจ้าวังของเราให้ป้าวเฉิงไปตามหาหลิงอวี๋ เพราะต้องการจะขอตำรับยาที่นางมีอยู่ในมือ มิใช่เพราะต้องการจะทำให้นางลำบาก!”ปี้ซงอธิบายทุกสิ่งออกมาอย่างชัดเจนแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะรู้สึกว่าเขาไม่มีทางพูดความจริงออกมาทั้งหมด แต่ก็ยังเชื่อไปกว่าครึ่งอยู่ดีหลังจากครุ่นคิดดูแล้ว เซียวหลินเทียนก็รู้สึกว่า ในเมื่อหวงฝู่หมิงจูถูกเสวี่ยเหมยจับตัวไป และเสวี่ยเหมยก็เป็นผู้ร้ายที่ลักพาตัวหลิงอวี๋ไปด้วย เช่นนั้นก
ใบหน้าหล่อเหลาของเซียวหลินเทียนมีความเศร้าอยู่จาง ๆ เขายืนอยู่บนบันได ซากปรักหักพังด้านหลังเหล่านั้น เมื่ออยู่ภายใต้แสงสะท้อนของดวงอาทิตย์ยามเย็นก็ทำให้เห็นความหดหู่และโดดเดี่ยวอย่างชัดเจนแต่แสงของดวงอาทิตย์ยามเย็นที่ส่องลงมาบนตัวของเซียวหลินเทียนนั้น ทำให้เขาดูเหมือนมีแสงสีทองระยิบระยับอยู่ทั้งที่เห็น ๆ กันอยู่ว่าเขาก็ยังเป็นคนเดิม แต่กลับดูราวกับว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ทำให้มิอาจมองเขาตรง ๆ ได้!ทันใดนั้นหวงฝู่หลินก็รู้สึกถึงความรู้สึกกดดันที่มิเคยมีมาก่อนจู่ ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ว่า ในภายภาคหน้าพลังของเซียวหลินเทียนจะประสบความสำเร็จ จะต้องอยู่เหนือไปกว่าของตนมาก และอยู่เหนือกว่าบรรดายอดฝีมือในแดนเทพอย่างแน่นอน!เหนือกว่าแม้กระทั่งหลงอี้ด้วย...เซียวหลินเทียนมองไปไกล ๆ แล้วนึกฉากเมื่อครู่เหวินเหรินจิ้นพาเขาเข้าไป และมิเพียงแต่มอบรายชื่อบรรดาศิษย์ของตำหนักปีกเงินให้ตนเท่านั้น แต่ยังมอบเงินทั้งหมดที่ตำหนักปีกเงินเก็บไว้หลายปีให้ตนด้วยนอกจากนี้แล้ว ก็ยังมีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ที่มหาปราชญ์ต้องการอย่างหม้อมังกรศักดิ์สิทธิ์อีกด้วยสุดท้ายเหวินเหรินจิ้นก็ยังพยายามถ่ายพ
หวงฝู่หลินมองเหวินเหรินจิ้นด้วยความสงสาร จากนั้นก็ประคองเขานั่งขึ้นมา แล้วเอ่ยไปอย่างเรียบ ๆ “เจ้าคงมิอยากจากไปโดยที่มิได้ทิ้งคำพูดอะไรไว้แน่!”“ต่อให้ยานั้นจะล้ำค่ามากเพียงใด ก็มิล้ำค่าเท่ากับเจ้า...พูดมาเถิด ยังมีความปรารถนาใดอีกที่เจ้ายังมิสมหวัง ขอเพียงข้าสามารถทำได้ ข้าก็จะช่วยเจ้าอย่างแน่นอน!”หวงฝู่หลินคิดเช่นนั้นจริง ๆ ดังนั้นเขาจึงป้อนโอสถช่วยชีวิตอันล้ำค่าที่ตนสกัดอย่างพิถีพิถันให้กับเหวินเหรินจิ้น เขามิอยากให้สหายผู้นี้ตายตามิหลับเหวินเหรินจิ้นมองหลานชายที่กำลังร้องไห้อยู่ข้าง ๆ แล้วหวงฝู่หลินก็เข้าใจทันที “ข้าจะให้คนดูแลเขาเอง!”เหวินเหรินจิ้นจึงฝืนยิ้มออกมา “ให้เขาเติบโตอย่างเรียบง่าย ลืมตระกูลนี้ไปเสีย และลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่ประสบไปให้หมด!”“ได้!”หวงฝู่หลินมิได้พูดอะไรมาก แต่เหวินเหรินจิ้นรู้ว่า เขาเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น จึงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ“ข้าขอฝากตำหนักปีกเงินไว้กับเจ้า...ข้าได้คำนวณชะตาไว้แล้วว่าจะมีภัยพิบัติเช่นนี้ ข้าจึงแสร้งป่วยแล้วให้ลูกศิษย์ของตำหนักทั้งหมดกระจายกันออกไป...”“แต่ข้ามิวางใจ ข้ากังวลว่า หากมหาปราชญ์หาหม้อมังกรศักดิ์สิทธิ์มิเจอ แล้วจะ
เผยอวี้เห็นว่าหวงฝู่หลินหน้าซีดเซียว ดูท่าทางเหมือนจะหมดสติไปได้ทุกเมื่อ ดังนั้นเขาจึงมิรีรอแล้วคุกเข่าลงไป จากนั้นก็ยัดลำไส้ของเสือดาวหิมะกลับตามคำชี้แนะของหวงฝู่หลินแล้วหวงฝู่หลินก็นำเครื่องยาสมุนไพรและเข็มกับด้ายออกมาจากแหวนพระสุเมรุ จากนั้นเขาก็ส่งเข็มกับด้ายให้เผยอวี้ “ช่วยเย็บแผลให้มันที!”เผยอวี้ตะลึงไปทันที เขาจับมีดจับกระบี่ได้ แต่เขาใช้เข็มกับด้ายมิเป็น!เมื่อเซียวหลินเทียนเห็นสถานการณ์เช่นนี้ เขาก็นึกขึ้นได้ว่า ตอนที่ตนพิชิตกระบี่คุนอู๋ ก็เคยบาดมือมาก่อน แต่เมื่อฝ่ามือของเขาจับที่กระบี่คุนอู๋ ก็รักษาตัวได้อย่างน่าอัศจรรย์เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าควรจะใช้กระบี่คุนอู๋รักษาเสือดาวหิมะหรือไม่!เขาเข้าใจหลักการที่ว่า ทรัพย์สมบัติมิควรเปิดเผยออกมา หากว่าในวันนี้มิใช่สถานการณ์วิกฤต เขาก็ไม่มีทางนำกระบี่คุนอู๋ออกมาแน่แต่ตอนนี้มหาปราชญ์รู้แล้วว่า กระบี่คุนอู๋อยู่ในมือของตน มันจะต้องนำความยุ่งยากมาหาตนมิจบสิ้น เช่นเดียวกับหยกหล้าสุขาวดีของหลิงอวี๋อย่างแน่นอน!หากเปิดเผยเรื่องที่กระบี่คุนอู๋สามารถรักษาบาดแผลได้ไปอีก เช่นนั้นจะมิยิ่งทำให้คนสนใจมากขึ้นหรือ?แต่เมื่อเซียวหลินเที
“ท่านเจ้าวัง!”ปี้ซงเห็นว่าหวงฝู่หลินไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะสู้กลับแล้ว เขาจึงร้องเรียกออกมาอย่างเจ็บปวดจากนั้นเขาก็เหาะเข้าไปหาโดยมิสนใจภัยคุกคามของมือสังหาร แต่เซียวหลินเทียนที่อยู่ข้างกายเขาเร็วกว่า เหาะพุ่งเข้าไปแล้วในช่วงเวลานี้ เซียวหลินเทียนก็มิกลัวที่จะเปิดเผยสมบัติของตนอีกต่อไปแล้ว เขานำกระบี่คุนอู๋ออกมาจากแหวนพระสุเมรุแล้วฟาดไปในอากาศเป็นวงโค้ง...แสงสีขาวลงมาจากท้องฟ้า มหาปราชญ์หันหลังให้เซียวหลินเทียนอยู่จึงมิเห็นแสงนั้น ทว่าหวงฝู่หลินกลับมองเห็นเห็นแสงสีขาวนั้นพุ่งลงมาใส่แขนของมหาปราชญ์ราวกับสายฟ้า ด้วยพลังที่มิอาจต้านทานได้ในตอนที่มหาปราชญ์รู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นนั้น เขาก็ได้เห็นแขนครึ่งหนึ่งของตนลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างน่าตกใจ หลังจากนั้นเลือดจากบาดแผลที่แขนขาดไปก็ไหลออกมา“กระบี่คุนอู๋… เจ้าเป็นใคร?”มหาปราชญ์เซถอยหลังไป และในแววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจและยากที่จะเชื่อ“คนที่จะเอาชีวิตเจ้า!”นี่เป็นครั้งแรกที่เซียวหลินเทียนใช้กระบี่คุนอู๋ เขามิคาดคิดเลยว่า กระบี่คุนอู๋จะทรงพลังเช่นนี้ ปราณแห่งกระบี่ที่ฟาดออกมาสามารถตัดแขนของมหาปราชญ์ได้ความมั่