“พูดจาเหลวไหล! ข้ามิเคยทำเช่นนั้น และมิเคยพูดเช่นนั้นด้วย!”ฮองเฮาเว่ยทรงโกรธจนหน้าบิดเบี้ยว ชี้ไปที่ไป่ซุ่ยและตรัสว่า “นางบ่าวชั่ว เจ้าได้รับสินบนจากผู้ใดจึงบังอาจใส่ร้ายข้าเช่นนี้!”“ข้าจะไปหาซื้อยาพิษมาให้เจ้าได้อย่างไร บ่าวชั่วช้าเช่นเจ้า สมควรเป็นอนุภรรยาของโอรสข้ารึ? ฝันกลางวันหรืออย่างไร!”เมื่อเห็นว่าฮองเฮาเว่ยเสียสติไปแล้ว พระชายาเส้าก็ยกมุมปากขึ้นด้วยความเยาะหยันและหันไปมองหลิงอวี๋หลิงอวี๋คงมิคิดว่าจะสามารถโค่นล้มฮองเฮาเว่ยได้ด้วยวิธีนี้กระมัง?หลิงอวี๋มิตื่นตระหนก “ฝ่าบาท ไป่ซุ่ยน่าจะมีหลักฐาน! แม้ว่านางจะตื้นเขิน แต่ก็ติดตามรับใช้ไทเฮามาหลายปี ได้รับรางวัลมากมายจากไทเฮา แน่นอนว่าย่อมมีชั้นเชิงอยู่แล้ว!”“จำเป็นต้องมีผู้ที่สามารถชักจูงนางได้ เนื่องจากคำสัญญาที่พูดลอย ๆ นางคงมิให้ความสนใจ!”คำพูดนี้ทำให้ไป่ซุ่ยนึกอะไรขึ้นได้ นางยื่นมือออกไปแล้วดึงแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นกำไลที่พันไว้ด้วยผ้าทันทีที่ฮองเฮาเว่ยเห็นก็แทบลมจับ นางลืมสิ่งนี้ไปได้อย่างไรในเวลานั้น เพื่อซื้อตัวไป่ซุ่ย นางตั้งใจให้คำสัญญาพร้อมกับเงินจำนวนมาก ทว่าไป่ซุ่ยกลับชอบกำไลของนางมากกว่า จึงจำใจต้องมอ
แรกเริ่มฮองเฮาเว่ยยังมิรู้ว่าจะอธิบายอย่างไรดี เมื่อได้รับคำแนะนำจากพี่ชาย นางก็จับจุดเข้าใจได้ในทันที จึงเอ่ยว่า“ฝ่าบาท แม่นมเจิ้งรับใช้หม่อมฉันมานานหลายปี นางเคยกล่าวว่า กำไลทับทิมสีเลือดหายไป ทว่าเวลานั้นหม่อมฉันมิได้คิดสงสัยนาง!”“ผู้ใดจะคิดว่านางช่างโหดเหี้ยมและมีเจตนาร้ายเช่นนี้! หม่อมฉันช่างมีตาหามีแววไม่ มองคนผิดถนัด!”แม่นมเจิ้งได้ยินเหล่าสมาชิกตระกูลเว่ยโยนความผิดให้กับนาง ก็รู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งตัวนางรับใช้ฮองเฮาเว่ยมานานเกือบทั้งชีวิต ฮองเฮาเว่ยกลับตลบหลังนางเช่นนี้หรือ?นี่เป็นโทษฐานวางยาพิษไทเฮา ความผิดถึงขั้นต้องโทษประหารชีวิต!ครั้นนึกถึงครอบครัวของนางที่ล้วนเป็นบ่าวรับใช้ภายในตระกูลเว่ย หากนางมิออกหน้ารับผิดชอบความผิดนี้เพื่อปกป้องฮองเฮาเว่ย ตระกูลเว่ยย่อมไม่มีทางปล่อยครอบครัวของนางไปแม่นมเจิ้งอายุมากแล้ว เหลือเวลาอีกมิกี่ปีที่จะมีชีวิตอยู่ สู้ยอมสละชีวิตนี้เพื่อปกป้องฮองเฮาเว่ยเสียยังดีกว่า!แม่นมเจิ้งลังเลเพียงชั่วครู่ ทันใดนั้นก็เดินโซเซออกมาแล้วคุกเข่าลง“ฝ่าบาท เป็นความผิดของบ่าวเองเพคะ เป็นบ่าวที่ขโมยกำไลทับทิมสีเลือดของพระนาง แล้วแอบอ้างพระนามพระนางเ
พระชายาเส้ายังมองมิเห็นรายการในสมุดบัญชีในมือของจักรพรรดิอู่อัน แต่ก็พอจะทราบว่าตนควรลงมือเพื่อให้ฮองเฮาเว่ยได้รับการลงทัณฑ์อย่างถึงที่สุดเสียทีพระชายาเส้ายกมือขึ้นเล็กน้อย แม่นมจึงรีบนำสมุดเล่มหนึ่งมาถวายพระชายาเส้ายื่นสมุดเล่มนั้นให้แก่ขันทีฉางแล้วเอ่ยเบาๆ “ก่อนหน้านี้ แม่นมของหม่อมฉันออกไปกำจัดแมลงในสวน แล้วบังเอิญพบสิ่งนี้ซ่อนอยู่ในมุมมืดมิดชิด จึงคิดหาโอกาสที่จะนำมาถวายฝ่าบาท แต่บัดนี้ถือโอกาสนำมาถวายพร้อมกันนี้เลย ขอฝ่าบาททรงวินิจฉัยเอาเองเถิดเพคะ!”ขันทีฉางเข้าใจ จึงนำสมุดเล่มนั้นถวายแด่องค์จักรพรรดิจักรพรรดิอู่อันโหรธจนหน้าแดงก่ำเมื่อมองสมุดเล่มที่พระชายาเส้ายื่นถวาย พลิกไปเพียงมิกี่หน้า โทสะก็ระเบิดออกมาอย่างมิอาจยับยั้ง“เว่ยเสียน เจ้าต้องการหลักฐานอีกหรือไม่? หลักฐานมากมายถึงเพียงนี้ ยังมิเพียงพอที่จะพิสูจน์ความผิดของเจ้าอีกรึ?”ปัง...จักรพรรดิอู่อันทรงฟาดสมุดเล่มนั้นใส่ร่างฮองเฮาเว่ยอย่างแรง ฮองเฮาเว่ยก้มลงมองสมุดเล่มที่พระชายาเส้าเพิ่งยื่นถวาย ทันใดนั้นหน้าของนางก็พลันซีดเผือดราวกับคนตายสมุดเล่มนี้จดบันทึกความลับที่นางได้กระทำลงไปตลอดหลายปีที่ดำรงตำแหน่งฮองเฮา
เมื่อเห็นว่าจักรพรรดิอู่อันต้องการยุติเช่นนี้ หลิงอวี๋มีหรือจะยอมปล่อยองค์ชายเว่ยไป นางจึงรีบทูลว่า“เสด็จพ่อเพคะ ยังมีคดีขององค์ชายเว่ยที่ยังมิได้ไต่สวนรออยู่เพคะ! พระองค์ได้สั่งให้จู้เต๋อทำลาย…”ก่อนที่หลิงอวี๋จะพูดจบ ฮองเฮาเว่ยก็ทรงร้องครวญขึ้นมา “หลิงอวี๋ เจ้าอย่าได้รังแกเราสองแม่ลูกให้มันมากเกินไปนัก! เจ้าต้องการให้เราแม่ลูกตายจริง ๆ หรือ?”“จ่างหนิงของข้าก็ตายเพราะเจ้า เจ้ายังมิสาสม มิยอมปล่อยเราไปอีกงั้นรึ? ต้องฆ่าเราให้สิ้นซากเสียก่อนจึงจะพอใจหรืออย่างไร?”หลังจากที่ฮองเฮาเว่ยร้องคร่ำครวญจบ นางก็หันไปทางจักรพรรดิอู่อันแล้วเอ่ยทั้งน้ำตา“ฝ่าบาท หม่อมฉันผิดไปแล้ว! หม่อมฉันทรยศต่อความไว้วางพระทัยของฝ่าบาท... หม่อมฉันยอมรับผิดเพคะ!”“จู้เต๋อผู้นั้น หม่อมฉันเป็นคนสั่งให้เขาไปทำลายอ๋องอี้! ครอบครัวของเขาก็เป็นหม่อมฉันที่สั่งให้แม่นมเจิ้งไปจับตัวมา... องค์ชายเว่ยมิรู้เรื่องเลยเพคะ! เป็นหม่อมฉันที่สั่งการทั้งหมด!”“หม่อมฉันทำผิด! หม่อมฉันจะขอชดใช้ด้วยชีวิตเพคะ!”เมื่อฮองเฮาเว่ยพูดจบ นางก็ทรงพุ่งไปยังเสาด้านข้างมิว่าอย่างไร นางก็ถูกปลดจากตำแหน่งฮองเฮาแล้ว ฮองเฮาเว่ยจึงต้องการแ
ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นต่างก็เห็นรอยเลือดไหลออกจากหน้าอกของเซียวหลินเทียน ต่างก็ตกใจกันเป็นอย่างมากแม้แต่ไทเฮายังพิโรธ ฮองเฮาเว่ยได้สั่งให้ไป่ซุ่ยวางยาพิษนางมาก่อน บัดนี้ยังกล้าลงมือทำร้ายเซียวหลินเทียนต่อหน้าธารกำนัลอีก นับเป็นความชั่วร้ายที่มิอาจให้อภัยได้“ใครก็ได้ พาตัวเว่ยเสียนออกไปตัดหัวเสีย!”เสียงคำรามของจักรพรรดิอู่อันทำให้ทุกคนในตระกูลเว่ยต่างก็ตกใจกลัวองค์ชายเว่ยลอบต่อว่าฮองเฮาเว่ยในใจ ในเวลาเช่นนี้นางควรรักษาชีวิตตนเอาไว้ก่อน ไฉนจึงคิดลอบสังหารเซียวหลินเทียนเล่านั่นมิยิ่งเป็นการซ้ำเติมความผิดหรอกหรือ“ฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงโปรดเมตตาด้วย...”เว่ยเฉิงมิอยากให้น้องสาวของตนถูกตัดศีรษะ จึงโขกหัวคำนับกับพื้น“ฝ่าบาท โปรดพระราชทานโอกาสให้นางอีกสักครั้งเถิด พระนางจะคิดทบทวนความผิดของตนอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”ทุกคนในตระกูลเว่ยต่างก็คุกเข่าลงเพื่อช่วยกันวิงวอนขอความเมตตาให้ฮองเฮาเว่ยพระชายาเส้าเฝ้าดูอยู่ด้วยความสะใจระคนหวาดกลัวที่สะใจก็เพราะยิ่งตระกูลเว่ยวิงวอนร้องขอความเมตตาเท่าไร องค์จักรพรรดิก็ยิ่งพิโรธมากขึ้นเท่านั้น แล้วศัตรูคู่แค้นเก่าแก่ของนางอย่างเว่ยเสียนคงต้องตาย
เมื่อนำทั้งสองมาเปรียบเทียบกันแล้ว ย่อมเห็นได้อย่างชัดเจนว่าใครดีกว่าใครจักรพรรดิอู่อันตรัสมิออก จ้องมองเซียวหลินเทียนอยู่นาน ก่อนจะแปรสายตาไปยังฮองเฮาเว่ยและผู้คนในตระกูลเว่ย“ในเมื่อพระชายาอ๋องอี้ได้ชี้แจงให้กระจ่างแล้วเช่นนี้ ข้าจะยังคงตัดสินตามเดิม!”“จงคุมตัวเว่ยเสียนไปยังตำหนักซีจิ้ง... เว่ยเสียน เจ้ากล่าวหาพระชายาอ๋องอี้ว่าใส่ร้ายเจ้าอยู่ตลอดเวลา แต่ในยามคับขันเช่นนี้ กลับเป็นพระชายาอ๋องอี้ที่ทูลขอความเป็นธรรมให้กับเจ้า!”“ข้าหวังว่าเจ้าจะไตร่ตรองความผิดให้ดี แล้วเรียนรู้ความเมตตาจากพระชายาอ๋องอี้!”“คุมตัวนางออกไป!”คราวนี้แม่ทัพเผยได้นำเหล่านางกำนัลและทหารองครักษ์หลวงหลายนายมาร่วมกันฉุดกระชากลากตัวฮองเฮาเว่ยออกไปพระชายาอ๋องอี้ช่างเปี่ยมด้วยเมตตาและยึดมั่นในความยุติธรรมอย่างแท้จริงบางคนคิดในใจ นางสามารถนิ่งเฉยมองดูฮองเฮาเว่ยถูกตัดศีรษะก็ย่อมได้ แต่กลับออกหน้าทูลขอความเป็นธรรมเมื่อเทียบกับฮองเฮาเว่ยแล้ว ฮองเฮาเว่ยที่คอยเอาแต่วางแผนจะจัดการกับหลิงอวี๋นั้นช่างชั่วร้ายเสียจริงองค์ชายเว่ยคุกเข่ามิยอมลุกขึ้นด้วยความหวาดกลัว มิรู้ว่าเสด็จพ่อจะเชื่อคำพูดของฮองเฮาเว่ยหรือ
ใบหน้าของเว่ยเฉิงแดงก่ำนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาถูกคนหยามเกียรติเช่นนี้หลังจากที่หลิงอวี๋เปิดเผยความจริงต่อหน้าธารกำนัล เขาก็มิสามารถเอื้อนเอ่ยวาจาข่มขู่ใด ๆ ได้อีกคนทั้งสองนี้มิธรรมดาเลย!เว่ยเฉิงเพิ่งจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว เขามิได้พูดอะไรอีก เพียงแค่เหลือบมองอย่างมิพอใจแล้วเดินจากไป“มีพลังแค่นี้ ยังคิดจะข่มขู่ข้า!”หลิงอวี๋หัวเราะเยาะ แล้วพยุงเซียวหลินเทียนเดินจากไป“อย่าได้ประมาทเขาเชียว!”เซียวหลินเทียนกังวลว่าหลิงอวี๋จะประมาท จึงกระซิบว่า “เขาเป็นคนที่มีความสามารถมากที่สุดในตระกูลเว่ย! ที่ฮองเฮาเว่ยสามารถยืนหยัดอยู่ในวังหลังมานานหลายปีล้วนเป็นเพราะมีเขาคอยวางแผนอยู่เบื้องหลัง!”“ที่องค์ชายเว่ยสามารถหลบเลี่ยงโทษร้ายแรงได้หลายครั้ง และทำให้เสด็จพ่อทรงเชื่อว่าเขาบริสุทธิ์ ล้วนเป็นเพราะคนผู้นี้!”หลิงอวี๋พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “หม่อมฉันรู้เพคะ! หม่อมฉันจะมิประมาท!”“ตราบใดที่ฮองเฮาเว่ยยังมิสิ้นพระชนม์ พวกตระกูลเว่ยก็ยังคิดว่าพระนางจะกลับมาได้ แต่คราวนี้จะมิง่ายดายเช่นนั้น!”“ถึงแม้หม่อมฉันจะยินยอม แต่พระชายาเส้ามิยินยอมแน่!”เซียวหลินเทียนคิดถึงเรื่องที่หลิงอวี๋ขอร้
หลังจากงานเลี้ยงฉลองสิ้นสุดลง มู่หรงชิ่งก็มาแสดงความยินดีกับหลิงอวี๋ นางกล่าวเบา ๆ“พี่หญิงหลิงหลิง วันพรุ่งเจ้าว่างหรือไม่? หากว่าง เราไปเที่ยวทะเลสาบด้วยกันเถอะ!”หลิงอวี๋จำได้ว่า มู่หรงชิ่งเคยบอกว่าหลังจากการแข่งขันจบลง นางอยากจะคุยเรื่องมารดาของตนกับหลิงอวี๋ นางจึงพยักหน้า “ยามบ่ายน่าจะว่าง! หม่อมฉันจะให้คนเตรียมเรือไว้ วันพรุ่งจะไปรับท่าน!”มู่หรงชิ่งยิ้มด้วยความยินดี แล้วจากไปด้านหลัง จ้าวเจินเจินมองฉากนี้ด้วยความครุ่นคิดวันนี้นางได้เฝ้าดูละครฉากใหญ่ในวังตั้งแต่ต้นจนจบ นับตั้งแต่หลิงอวี๋เผชิญหน้ากับฮองเฮาเว่ย จนกระทั่งจบลง จ้าวเจินเจินเฝ้าสังเกตอย่างเงียบ ๆ ตลอดเวลาเพิ่งครุ่นคิดเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างหลิงอวี๋กับตนเป็นครั้งแรก!คนโง่เขลาเช่นนั้นในอดีต บัดนี้กลับกลายเป็นคนละคน แม้ต่อให้อาศัยโชคชะตาและความบังเอิญก็มิอาจแปรเปลี่ยนเป็นเช่นนี้ไปได้องค์ชายคังเคยกล่าวว่า ตนมิอาจสู้หลิงอวี๋ได้ นางเคยมิเชื่อทว่าเวลานี้ นางกลับพบว่า ในบางเรื่องนางด้อยกว่าหลิงอวี๋อย่างแท้จริงหลิงอวี๋มิเพียงแต่มีความรู้ทางการแพทย์เท่านั้น ยังสามารถช่วยเซียวหลินเทียนคิดค้นบันไดปีน และแม้แต่
เจ้าแห่งทิศใต้กล่าวอย่างเจ็บปวดใจนัก “เจ้าสิบเอ็ด พวกเราพี่น้องล้วนเป็นคนตระกูลหลง แม้ปกติจะมิลงรอยกันบ้าง แต่ก็ล้วนเป็นเรื่องหยุมหยิม สามารถหัวเราะแล้วปล่อยผ่านไปได้!”“ทว่าหากมหาปราชญ์และสำนักซิงหลัวลงมือ นั่นก็คือวันล่มสลายของตระกูลหลง เจ้าสิบเอ็ด เจ้าต้องการให้ลูกหลานตระกูลหลงถูกมหาปราชญ์และสำนักซิงหลัวกำจัดจนสิ้นซากจริง ๆ หรือ?”เมื่อเช้าเจ้าแห่งทะเลไปเข้าร่วมประชุมราชสำนัก เห็นตระกูลเหล่านั้นร่วมกันฟ้องร้องมหาปราชญ์และสำนักซิงหลัว จึงได้รู้ว่ามหาปราชญ์แอบทำอะไรลับหลังตนบ้างเขาแอบนึกเสียใจที่ตนวู่วามไป ฟังคำพูดฝ่ายเดียวของมหาปราชญ์ก็ให้รองแม่ทัพของตนนำทหารไปล้อมคฤหาสน์อู่เสียแล้วแต่เสียใจก็ส่วนเสียใจ เจ้าแห่งทะเลคิดว่า มหาปราชญ์บอกว่าเซียวหลินเทียนมีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์สองชิ้นคือกระบี่คุนอู๋และเสือปีกกาฬ จึงมิได้รู้สึกเสียใจมากนักที่ส่งทหารไปล้อมคฤหาสน์อู่เรื่องที่มหาปราชญ์หลอกใช้ตน บัญชีนี้ค่อยไปสะสางกับเขาทีหลัง เรื่องเร่งด่วนที่สุดในยามนี้คือ การยืนยันว่าเสี่ยวอู่ผู้นี้คือเซียวหลินเทียน และต้องยึดเอามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองชิ้นในมือเขามาให้ได้ส่วนเรื่องขี้ผึ้งหอมเส
หลิงอวี๋กดความรู้สึกมิสบายใจของตนไว้ รีบแต่งหน้าให้เซียวหลินเทียนดูป่วยซีดเซียวอย่างรวดเร็วทุกคนในจวนเตี๊ยมกันเรียบร้อยแล้วว่า เซียวหลินเทียนป่วยเป็นโรคประหลาด คนของคฤหาสน์อู่มาที่เมืองหลวงแดนเทพก็เพื่อตามหาหมอและเสาะหายาให้เซียวหลินเทียนช่วงนี้หลิงอวี๋มีชื่อเสียงมากในเมืองหลวงแดนเทพ คฤหาสน์อู่จึงเชิญหลิงอวี๋มาก็เพื่อรักษาอาการป่วยของเซียวหลินเทียนส่วนเก๋อเฟิ่งฉิงที่อยู่ในคฤหาสน์อู่ เพราะเป็นห่วงอาการป่วยของคู่หมั้นของตนจึงตั้งใจมาเยี่ยมเป็นพิเศษและการที่หลงเพ่ยเพ่ยและหลงจิ้งมาเยี่ยมเซียวหลินเทียน ก็เพราะความสัมพันธ์ที่เซียวหลินเทียนเป็นบุตรบุญธรรมของเจ้าแห่งทิศใต้เช่นนี้ทุกคนก็มีข้ออ้างที่ดีพอที่จะใช้กลบเกลื่อนได้แล้วทุกคนเพิ่งจะตกลงแผนรับมือกันเสร็จ เจ้าแห่งทิศใต้และเจ้าแห่งทะเลก็มาถึงหน้าประตูแล้วเผยอวี้และฉินซานในฐานะน้องชายร่วมตระกูลของเซียวหลินเทียนก็ออกไปต้อนรับพร้อมกันหลงจิ้งก็ติดตามออกมาด้วย เขาแสร้งแสดงละครตลอดทาง ครั้นเห็นเจ้าแห่งทะเลและมหาปราชญ์มาด้วยกันก็ทำท่าประหลาดใจ“ท่านอาเจ้าแห่งทะเล เหตุใดจึงมาพร้อมกับท่านพ่อของกระหม่อมได้พ่ะย่ะค่ะ?”เจ้าแห่งทะเลยิ้
หลิงอวี๋ได้ยินคำพูดของหลงจิ้งก็ขมวดคิ้ว นางและเย่หรงเคยคาดเดากันไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าเหตุใดเลี่ยวหงเสียถึงถูกขังในคุกน้ำโดยมิผ่านการไต่สวนหรือว่าจะเป็นเพราะนางพัวพันกับเรื่องของหลงอี้ มหาเทพหลงถึงได้ปฏิบัติต่อเลี่ยวหงเสียเช่นนี้“ท่านพ่อของข้าตั้งใจจะไปสอบถามเรื่องราวกับเลี่ยวหงเสีย ทว่าแม้แต่ท่านพ่อของข้าก็ยังมิสามารถพบเลี่ยวหงเสียได้เลย!”หลงจิ้งหัวเราะอย่างขมขื่น “นี่ก็ยิ่งพิสูจน์ถึงความสำคัญของเลี่ยวหงเสีย ดังนั้น รอให้ผ่านพ้นอุปสรรคครั้งนี้ไปก่อน พวกเราค่อยคิดหาทางดูว่าจะช่วยเลี่ยวหงเสียออกมาได้หรือไม่!”“ข้าเชื่อว่าเย่หรงก็คงอยากช่วยนางออกมาเช่นกัน!”อย่างไรเสียหลิงอวี๋ก็เพิ่งจะรู้จักกับสองพ่อลูกเจ้าแห่งทิศใต้ มิได้ล่วงรู้พื้นเพพวกเขามากนัก มิสะดวกที่จะบอกว่าตนกับเย่หรงได้วางแผนช่วยเลี่ยวหงเสียไว้ก่อนหน้านี้แล้วขณะที่หลายคนกำลังพูดคุยกันอยู่ หัวหน้าองครักษ์ของหลงจิ้งก็เข้ามาแจ้งว่า “คุณชายสาม ท่านอ๋องออกจากท้องพระโรงแล้ว กำลังมุ่งหน้ามายังคฤหาสน์อู่ ผู้ที่ติดตามมาด้วยยังมีเจ้าแห่งทะเลและมหาปราชญ์ ท่านอ๋องให้พวกท่านเตรียมรับมือ”“เจ้าแห่งทิศใต้ให้ข้าน้อยมารายงานท่านก่อน ต
“พี่หญิง ท่านคงมิได้คิดว่าเพราะเป็นพ่อลูกกัน เจ้าแห่งทะเลจะออมมือให้หรอกใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นสีหน้าของหลิงอวี๋เปลี่ยนไปมา ก็กล่าวอย่างไร้ความปรานี “ต่อให้เขาจะเห็นแก่ความผูกพันทางสายเลือดนี้ ชายาเจ้าแห่งทะเลก็ไม่มีทางออมมือให้ท่านแน่!”“ชายาเจ้าแห่งทะเลมิได้ขาดแคลนบุตรธิดา ชายาเจ้าแห่งทะเลปฏิบัติต่อบุตรที่เกิดจากอนุภรรยาเหล่านั้นอย่างใจเหี้ยมอำมหิต นางไม่มีทางมองท่านเป็นพิเศษหรอก!”หลิงอวี๋ส่ายหน้า “ข้ามิได้คิดจะยอมรับเขา!”สำหรับบุรุษที่สามารถกำจัดสตรีที่รักของตนให้สิ้นซากได้ หลิงอวี๋ย่อมมิอาจคาดหวังอะไรเป็นพิเศษจากเขาได้เมื่อได้ฟังชีวิตอันน่าเวทนาของหลานฮุ่ยจวน หลิงอวี๋จึงไม่มีความรู้สึกผูกพันฉันพ่อลูกต่อเจ้าแห่งทะเลแม้แต่น้อย แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะยอมรับเขาเป็นบิดา?หลงจิ้งมองไปยังหลิงอวี๋ “น้องหญิง ที่พวกเราเปิดอกพูดคุยกับเจ้า ก็เพียงต้องการให้เจ้าเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของท่านอาเจ้าแห่งทะเล ให้เจ้าอย่าได้โง่เขลาไปแก้แค้นด้วยตนเอง!”“หากเจ้าอยากแก้แค้น พวกเราค่อย ๆ วางแผนกันในระยะยาว!”หลิงอวี๋จำหลานฮุ่ยจวนมิได้ด้วยซ้ำ ยิ่งมิรู้อะไรเกี่ยวกับชาติกำเนิดของตนเองเลย
หลงจิ้งกำลังจะกล่าวต่อ หลงเพ่ยเพ่ยเห็นว่าเก๋อเฟิ่งฉิงก็อยู่ที่นี่ด้วย จึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า“คุณหนูใหญ่เก๋อ เจ้ากลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อนสักครู่เถิด พวกเรามีเรื่องต้องปรึกษาหารือกับท่านเซียวตามลำพัง!”เก๋อเฟิ่งฉิงหน้าแดง รู้ว่าหลงเพ่ยเพ่ยกังวลเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตนและมหาปราชญ์ จึงกล่าวขึ้นทันที “เช่นนั้นข้าขอกลับไปพักผ่อนก่อน พี่ใหญ่ หากมีเรื่องอันใดต้องการให้ข้าช่วยก็เรียกข้าได้นะเจ้าคะ!”เก๋อเฟิ่งฉิงเดินออกไป แต่ซูจู๋กลับกล่าวอย่างมิพอใจว่า“ท่านหญิง พวกท่านระแวงคุณหนูของข้ามากเกินไปแล้ว การกระทำของคุณหนูของข้าเมื่อคืนก็เพียงพอที่จะพิสูจน์จุดยืนของนางแล้ว หากนางคิดจะหักหลังพวกท่าน เหตุใดยังต้องรอจนถึงยามนี้เล่า!”“ท่านเซียว พวกเขามิเข้าใจคุณหนูของข้าก็ช่าง แต่ท่านยังมิเข้าใจคุณหนูของข้าอีกหรือเจ้าคะ?”“ทำกับคุณหนูของข้าเช่นนี้ ช่างเกินไปแล้วจริง ๆ!”เซียวหลินเทียนยิ้มอย่างขมขื่น และโค้งคำนับเล็กน้อย “น้องเก๋อ ทำให้เจ้าต้องลำบากใจเสียแล้ว เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ อีกเดี๋ยวข้าจะไปขอโทษเจ้า!”เก๋อเฟิ่งฉิงคลี่ยิ้มเล็กน้อยอย่างใจกว้าง “พี่ใหญ่เกรงใจเกินไปแล้ว ข้าหาได้เสียใจไม่ เ
เซียวหลินเทียนเห็นท่าทางแน่วแน่ของเก๋อเฟิ่งฉิง ในใจกลับรู้สึกผิดขึ้นมาเก๋อเฟิ่งฉิงเสี่ยงตายช่วยตนไว้ ยามนี้ร่างกายยังคงอ่อนแออยู่เมื่อครู่ตนคิดเพียงแค่ให้นางออกไปขอความช่วยเหลือ แต่กลับมิได้คิดว่า การทำเช่นนี้อาจทำให้ตระกูลที่อยู่เบื้องหลังนางต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วยเซียวหลินเทียนลังเล มิได้ยื่นแผ่นป้ายไม้ออกไป กล่าวว่า “ซูจู๋พูดถูก เจ้าออกไปเช่นนี้จะทำให้ตระกูลของเจ้าต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย ข้าขอลองคิดหาวิธีอื่นดูก่อน!”เก๋อเฟิ่งฉิงร้อนใจ ยื่นมือออกไปคว้าแผ่นป้ายไม้ในมือของเซียวหลินเทียนมาทันที“พี่ใหญ่ ยามนี้พวกเราตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน หากมิร่วมแรงร่วมใจกันฝ่าฟันอุปสรรคครั้งนี้ไปให้ได้ ก็คงไม่มีผู้ใดหนีรอดไปได้ทั้งนั้น!”“ท่านอย่าคิดมากเลย ต่อให้ไม่มีพวกท่าน มิช้าก็เร็วเราก็ต้องเผชิญหน้ากับมหาปราชญ์อยู่ดี ยามนี้แค่ก้าวล้ำหน้าไปหนึ่งก้าวเท่านั้น มินับว่าถูกพวกท่านทำให้เดือดร้อนหรอก!”“ข้าไปก่อน! พวกท่านรอข่าวดีจากข้าเถิด”เก๋อเฟิ่งฉิงถือแผ่นป้ายไม้ ตั้งท่าจะหันหลังเดินออกไปในใจของหลิงอวี๋รู้สึกหลากหลายปนเป การขอความช่วยเหลือจากภายนอกอาจจะเป็นทางรอดทางหนึ่ง แต่การกระทำขอ
ยาฉีดกระตุ้นหัวใจเพิ่งฉีดเข้าไปได้เพียงมิกี่นาที เซียวหลินเทียนก็ลืมตาขึ้นเมื่อเห็นหลิงอวี๋นั่งอยู่ข้างเตียง ในใจของเซียวหลินเทียนก็พลันยินดี อาอวี๋อยู่เฝ้าเขาทั้งคืนเลยหรือ?“เซียวหลินเทียน คนของเจ้าแห่งทะเลล้อมคฤหาสน์อู๋ไว้หมดทุกด้านแล้ว เผยอวี้ได้ให้คนของหลงเพ่ยเพ่ยไปรายงานเจ้าแห่งทิศใต้แล้ว!”หลิงอวี๋กล่าวอย่างเยือกเย็น “แม้ว่าตอนนี้จะยังมิใช่เวลาฝ่าวงล้อม แต่พวกเราก็มิอาจนิ่งเฉยมิเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด!”“เส้นชีพจรหัวใจของท่านขาดสะบั้น ข้าให้ยาท่านแล้ว ท่านหมุนเวียนลมปราณรักษาอาการบาดเจ็บก่อน เตรียมความพร้อมที่จะหลบหนีไปพร้อมพวกเรา!”เก๋อเฟิ่งฉิงกล่าวอย่างร้อนรน “คุณหนูสิง พี่ใหญ่ของข้ายังเคลื่อนไหวหนัก ๆ มิได้ การออกไปจากที่นี่อาจจะคร่าชีวิตเขา! ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือ?”หลิงอวี๋ลุกขึ้นยืน กล่าวเสียงเย็นชา “ข้าเป็นหมอ จะมิรู้สถานการณ์ของเขาได้อย่างไร?”“ข้าก็มิต้องการให้คนไข้ตายเช่นกัน แต่มหาปราชญ์และเจ้าแห่งทะเลจะยอมให้เขานอนพักรักษาตัวอยู่เงียบ ๆ หรือไร?”“คุณหนูใหญ่เก๋อ ข้าไม่มีเส้นสายในเมืองหลวงแดนเทพเช่นเจ้า หากเจ้าแห่งทิศใต้ช่วยมิได้ บางทีเจ้าอาจจะคิ
คำพูดของหลิงอวี๋ทำให้หานอวี้ตกใจจนมิกล้าพูดอะไรอีก รับยามาอย่างว่าง่ายแล้วมองหลิงอวี๋เดินจากไปอย่างมิแยแสแย่แล้ว คุณหนูโกรธ ๆ จริงแล้ว!คราวนี้องค์จักรพรรดิยิ่งอธิบายความสัมพันธ์กับเก๋อเฟิ่งฉิงได้ยากขึ้นไปอีก!หานอวี้เริ่มเป็นห่วงเซียวหลินเทียนอย่างสุดซึ้งแต่หลิงอวี๋ยังมิทันเดินพ้นลานเรือนของเซียวหลินเทียน ก็เห็นเผยอวี้และจ้าวซวนรีบร้อนวิ่งเข้ามา“พี่หญิงหลิงหลิง เกิดเรื่องแล้ว กองทหารกลุ่มหนึ่งล้อมคฤหาสน์อู๋ไว้หมดทุกด้านแล้ว เป็นคนของจวนเจ้าแห่งทะเล!”“ว่ากระไรนะ?”หลิงอวี๋สีหน้าเปลี่ยนไป รีบถามทันที “แจ้งคนของหลงเพ่ยเพ่ยแล้วหรือยัง?”“ข้าบอกพวกเขาแล้ว มู่ตงบอกว่าเขาได้ส่งคนไปรายงานท่านหญิง และบอกให้พวกเราอย่าตื่นตระหนก!”“มู่ตงและองครักษ์ของจวนเจ้าแห่งทิศใต้หลายคนไปเจรจากับแม่ทัพที่นำกองกำลังมาแล้ว!”เผยอวี้รายงานหลิงอวี๋รู้สึกร้อนใจขึ้นมาทันที สภาพของเซียวหลินเทียนยามนี้มิสามารถเคลื่อนย้ายได้เลย นับประสาอะไรกับการหนีเอาชีวิตรอด นั่นจะทำให้เขาตายได้ทันที!ส่วนเผยอวี้และหวงฝู่หลินต่างก็บาดเจ็บสาหัส หากต้องบุกฝ่าออกไป ย่อมมิสามารถหนีพ้นจากเมืองหลวงแดนเทพไปได้แน่นอนยามน
หานอวี้ก็จนปัญญาไปชั่วขณะ นางคงมิสามารถใช้กำลังยื้อแย่งตรง ๆ ได้!ยิ่งไปกว่านั้น ตั้งแต่ตอนอยู่ภูเขาหิมะ เก๋อเฟิ่งฉิงก็มิเคยมีท่าทีเป็นศัตรูกับพวกเขา ทั้งยังช่วยชีวิตเซียวหลินเทียนไว้ที่ภูเขาหิมะ เมื่อกลับมาก็มิได้ทรยศหักหลังพวกเขาแต่อย่างใดครั้งนี้ยิ่งแล้วใหญ่ เพื่อช่วยเซียวหลินเทียน นางเกือบจะต้องทิ้งชีวิตตัวเอง!หากตนใช้กำลังยื้อแย่ง นั่นมิเท่ากับเป็นการเนรคุณหรอกหรือ?หากฝ่าบาทฟื้นขึ้นมาก็จะตำหนิตนเอาได้!ขณะที่หานอวี้กำลังทำอะไรมิถูก ก็ได้ยินเสียงเถาจื่อดังมาจากข้างนอก “คุณหนู ทางฝั่งท่านเจ้าวังหวงฝู่กินมื้อเช้าแล้ว หากท่านเป็นห่วงเจ้าวังน้อยก็ไปดูนางก่อนเถิดเจ้าค่ะ!”“มาถึงนี่แล้ว แวะดูอาการเซียวหลินเทียนก่อนแล้วค่อยไปก็ได้!”หลิงอวี๋รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เมื่อคืนเถาจื่อและคนอื่น ๆ ยังพยายามทุกวิถีทางให้ตนมาเฝ้าเซียวหลินเทียน แต่เหตุใดเช้าวันนี้กลับบ่ายเบี่ยงตลอดเวลา ดูเหมือนมิอยากให้ตนไปเยี่ยมเซียวหลินเทียนนางพูดพลางก้าวเข้าไปในห้อง เห็นเก๋อเฟิ่งฉิงที่นั่งอยู่ข้างเตียงของเซียวหลินเทียนกำลังเช็ดมือให้เขาอย่างอ่อนโยนหลิงอวี๋ชะงักไปเล็กน้อย นางเข้าใจทุกอย่างแล้วที่เถาจ