“พูดจาเหลวไหล! ข้ามิเคยทำเช่นนั้น และมิเคยพูดเช่นนั้นด้วย!”ฮองเฮาเว่ยทรงโกรธจนหน้าบิดเบี้ยว ชี้ไปที่ไป่ซุ่ยและตรัสว่า “นางบ่าวชั่ว เจ้าได้รับสินบนจากผู้ใดจึงบังอาจใส่ร้ายข้าเช่นนี้!”“ข้าจะไปหาซื้อยาพิษมาให้เจ้าได้อย่างไร บ่าวชั่วช้าเช่นเจ้า สมควรเป็นอนุภรรยาของโอรสข้ารึ? ฝันกลางวันหรืออย่างไร!”เมื่อเห็นว่าฮองเฮาเว่ยเสียสติไปแล้ว พระชายาเส้าก็ยกมุมปากขึ้นด้วยความเยาะหยันและหันไปมองหลิงอวี๋หลิงอวี๋คงมิคิดว่าจะสามารถโค่นล้มฮองเฮาเว่ยได้ด้วยวิธีนี้กระมัง?หลิงอวี๋มิตื่นตระหนก “ฝ่าบาท ไป่ซุ่ยน่าจะมีหลักฐาน! แม้ว่านางจะตื้นเขิน แต่ก็ติดตามรับใช้ไทเฮามาหลายปี ได้รับรางวัลมากมายจากไทเฮา แน่นอนว่าย่อมมีชั้นเชิงอยู่แล้ว!”“จำเป็นต้องมีผู้ที่สามารถชักจูงนางได้ เนื่องจากคำสัญญาที่พูดลอย ๆ นางคงมิให้ความสนใจ!”คำพูดนี้ทำให้ไป่ซุ่ยนึกอะไรขึ้นได้ นางยื่นมือออกไปแล้วดึงแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นกำไลที่พันไว้ด้วยผ้าทันทีที่ฮองเฮาเว่ยเห็นก็แทบลมจับ นางลืมสิ่งนี้ไปได้อย่างไรในเวลานั้น เพื่อซื้อตัวไป่ซุ่ย นางตั้งใจให้คำสัญญาพร้อมกับเงินจำนวนมาก ทว่าไป่ซุ่ยกลับชอบกำไลของนางมากกว่า จึงจำใจต้องมอ
แรกเริ่มฮองเฮาเว่ยยังมิรู้ว่าจะอธิบายอย่างไรดี เมื่อได้รับคำแนะนำจากพี่ชาย นางก็จับจุดเข้าใจได้ในทันที จึงเอ่ยว่า“ฝ่าบาท แม่นมเจิ้งรับใช้หม่อมฉันมานานหลายปี นางเคยกล่าวว่า กำไลทับทิมสีเลือดหายไป ทว่าเวลานั้นหม่อมฉันมิได้คิดสงสัยนาง!”“ผู้ใดจะคิดว่านางช่างโหดเหี้ยมและมีเจตนาร้ายเช่นนี้! หม่อมฉันช่างมีตาหามีแววไม่ มองคนผิดถนัด!”แม่นมเจิ้งได้ยินเหล่าสมาชิกตระกูลเว่ยโยนความผิดให้กับนาง ก็รู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งตัวนางรับใช้ฮองเฮาเว่ยมานานเกือบทั้งชีวิต ฮองเฮาเว่ยกลับตลบหลังนางเช่นนี้หรือ?นี่เป็นโทษฐานวางยาพิษไทเฮา ความผิดถึงขั้นต้องโทษประหารชีวิต!ครั้นนึกถึงครอบครัวของนางที่ล้วนเป็นบ่าวรับใช้ภายในตระกูลเว่ย หากนางมิออกหน้ารับผิดชอบความผิดนี้เพื่อปกป้องฮองเฮาเว่ย ตระกูลเว่ยย่อมไม่มีทางปล่อยครอบครัวของนางไปแม่นมเจิ้งอายุมากแล้ว เหลือเวลาอีกมิกี่ปีที่จะมีชีวิตอยู่ สู้ยอมสละชีวิตนี้เพื่อปกป้องฮองเฮาเว่ยเสียยังดีกว่า!แม่นมเจิ้งลังเลเพียงชั่วครู่ ทันใดนั้นก็เดินโซเซออกมาแล้วคุกเข่าลง“ฝ่าบาท เป็นความผิดของบ่าวเองเพคะ เป็นบ่าวที่ขโมยกำไลทับทิมสีเลือดของพระนาง แล้วแอบอ้างพระนามพระนางเ
พระชายาเส้ายังมองมิเห็นรายการในสมุดบัญชีในมือของจักรพรรดิอู่อัน แต่ก็พอจะทราบว่าตนควรลงมือเพื่อให้ฮองเฮาเว่ยได้รับการลงทัณฑ์อย่างถึงที่สุดเสียทีพระชายาเส้ายกมือขึ้นเล็กน้อย แม่นมจึงรีบนำสมุดเล่มหนึ่งมาถวายพระชายาเส้ายื่นสมุดเล่มนั้นให้แก่ขันทีฉางแล้วเอ่ยเบาๆ “ก่อนหน้านี้ แม่นมของหม่อมฉันออกไปกำจัดแมลงในสวน แล้วบังเอิญพบสิ่งนี้ซ่อนอยู่ในมุมมืดมิดชิด จึงคิดหาโอกาสที่จะนำมาถวายฝ่าบาท แต่บัดนี้ถือโอกาสนำมาถวายพร้อมกันนี้เลย ขอฝ่าบาททรงวินิจฉัยเอาเองเถิดเพคะ!”ขันทีฉางเข้าใจ จึงนำสมุดเล่มนั้นถวายแด่องค์จักรพรรดิจักรพรรดิอู่อันโหรธจนหน้าแดงก่ำเมื่อมองสมุดเล่มที่พระชายาเส้ายื่นถวาย พลิกไปเพียงมิกี่หน้า โทสะก็ระเบิดออกมาอย่างมิอาจยับยั้ง“เว่ยเสียน เจ้าต้องการหลักฐานอีกหรือไม่? หลักฐานมากมายถึงเพียงนี้ ยังมิเพียงพอที่จะพิสูจน์ความผิดของเจ้าอีกรึ?”ปัง...จักรพรรดิอู่อันทรงฟาดสมุดเล่มนั้นใส่ร่างฮองเฮาเว่ยอย่างแรง ฮองเฮาเว่ยก้มลงมองสมุดเล่มที่พระชายาเส้าเพิ่งยื่นถวาย ทันใดนั้นหน้าของนางก็พลันซีดเผือดราวกับคนตายสมุดเล่มนี้จดบันทึกความลับที่นางได้กระทำลงไปตลอดหลายปีที่ดำรงตำแหน่งฮองเฮา
เมื่อเห็นว่าจักรพรรดิอู่อันต้องการยุติเช่นนี้ หลิงอวี๋มีหรือจะยอมปล่อยองค์ชายเว่ยไป นางจึงรีบทูลว่า“เสด็จพ่อเพคะ ยังมีคดีขององค์ชายเว่ยที่ยังมิได้ไต่สวนรออยู่เพคะ! พระองค์ได้สั่งให้จู้เต๋อทำลาย…”ก่อนที่หลิงอวี๋จะพูดจบ ฮองเฮาเว่ยก็ทรงร้องครวญขึ้นมา “หลิงอวี๋ เจ้าอย่าได้รังแกเราสองแม่ลูกให้มันมากเกินไปนัก! เจ้าต้องการให้เราแม่ลูกตายจริง ๆ หรือ?”“จ่างหนิงของข้าก็ตายเพราะเจ้า เจ้ายังมิสาสม มิยอมปล่อยเราไปอีกงั้นรึ? ต้องฆ่าเราให้สิ้นซากเสียก่อนจึงจะพอใจหรืออย่างไร?”หลังจากที่ฮองเฮาเว่ยร้องคร่ำครวญจบ นางก็หันไปทางจักรพรรดิอู่อันแล้วเอ่ยทั้งน้ำตา“ฝ่าบาท หม่อมฉันผิดไปแล้ว! หม่อมฉันทรยศต่อความไว้วางพระทัยของฝ่าบาท... หม่อมฉันยอมรับผิดเพคะ!”“จู้เต๋อผู้นั้น หม่อมฉันเป็นคนสั่งให้เขาไปทำลายอ๋องอี้! ครอบครัวของเขาก็เป็นหม่อมฉันที่สั่งให้แม่นมเจิ้งไปจับตัวมา... องค์ชายเว่ยมิรู้เรื่องเลยเพคะ! เป็นหม่อมฉันที่สั่งการทั้งหมด!”“หม่อมฉันทำผิด! หม่อมฉันจะขอชดใช้ด้วยชีวิตเพคะ!”เมื่อฮองเฮาเว่ยพูดจบ นางก็ทรงพุ่งไปยังเสาด้านข้างมิว่าอย่างไร นางก็ถูกปลดจากตำแหน่งฮองเฮาแล้ว ฮองเฮาเว่ยจึงต้องการแ
ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นต่างก็เห็นรอยเลือดไหลออกจากหน้าอกของเซียวหลินเทียน ต่างก็ตกใจกันเป็นอย่างมากแม้แต่ไทเฮายังพิโรธ ฮองเฮาเว่ยได้สั่งให้ไป่ซุ่ยวางยาพิษนางมาก่อน บัดนี้ยังกล้าลงมือทำร้ายเซียวหลินเทียนต่อหน้าธารกำนัลอีก นับเป็นความชั่วร้ายที่มิอาจให้อภัยได้“ใครก็ได้ พาตัวเว่ยเสียนออกไปตัดหัวเสีย!”เสียงคำรามของจักรพรรดิอู่อันทำให้ทุกคนในตระกูลเว่ยต่างก็ตกใจกลัวองค์ชายเว่ยลอบต่อว่าฮองเฮาเว่ยในใจ ในเวลาเช่นนี้นางควรรักษาชีวิตตนเอาไว้ก่อน ไฉนจึงคิดลอบสังหารเซียวหลินเทียนเล่านั่นมิยิ่งเป็นการซ้ำเติมความผิดหรอกหรือ“ฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงโปรดเมตตาด้วย...”เว่ยเฉิงมิอยากให้น้องสาวของตนถูกตัดศีรษะ จึงโขกหัวคำนับกับพื้น“ฝ่าบาท โปรดพระราชทานโอกาสให้นางอีกสักครั้งเถิด พระนางจะคิดทบทวนความผิดของตนอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”ทุกคนในตระกูลเว่ยต่างก็คุกเข่าลงเพื่อช่วยกันวิงวอนขอความเมตตาให้ฮองเฮาเว่ยพระชายาเส้าเฝ้าดูอยู่ด้วยความสะใจระคนหวาดกลัวที่สะใจก็เพราะยิ่งตระกูลเว่ยวิงวอนร้องขอความเมตตาเท่าไร องค์จักรพรรดิก็ยิ่งพิโรธมากขึ้นเท่านั้น แล้วศัตรูคู่แค้นเก่าแก่ของนางอย่างเว่ยเสียนคงต้องตาย
เมื่อนำทั้งสองมาเปรียบเทียบกันแล้ว ย่อมเห็นได้อย่างชัดเจนว่าใครดีกว่าใครจักรพรรดิอู่อันตรัสมิออก จ้องมองเซียวหลินเทียนอยู่นาน ก่อนจะแปรสายตาไปยังฮองเฮาเว่ยและผู้คนในตระกูลเว่ย“ในเมื่อพระชายาอ๋องอี้ได้ชี้แจงให้กระจ่างแล้วเช่นนี้ ข้าจะยังคงตัดสินตามเดิม!”“จงคุมตัวเว่ยเสียนไปยังตำหนักซีจิ้ง... เว่ยเสียน เจ้ากล่าวหาพระชายาอ๋องอี้ว่าใส่ร้ายเจ้าอยู่ตลอดเวลา แต่ในยามคับขันเช่นนี้ กลับเป็นพระชายาอ๋องอี้ที่ทูลขอความเป็นธรรมให้กับเจ้า!”“ข้าหวังว่าเจ้าจะไตร่ตรองความผิดให้ดี แล้วเรียนรู้ความเมตตาจากพระชายาอ๋องอี้!”“คุมตัวนางออกไป!”คราวนี้แม่ทัพเผยได้นำเหล่านางกำนัลและทหารองครักษ์หลวงหลายนายมาร่วมกันฉุดกระชากลากตัวฮองเฮาเว่ยออกไปพระชายาอ๋องอี้ช่างเปี่ยมด้วยเมตตาและยึดมั่นในความยุติธรรมอย่างแท้จริงบางคนคิดในใจ นางสามารถนิ่งเฉยมองดูฮองเฮาเว่ยถูกตัดศีรษะก็ย่อมได้ แต่กลับออกหน้าทูลขอความเป็นธรรมเมื่อเทียบกับฮองเฮาเว่ยแล้ว ฮองเฮาเว่ยที่คอยเอาแต่วางแผนจะจัดการกับหลิงอวี๋นั้นช่างชั่วร้ายเสียจริงองค์ชายเว่ยคุกเข่ามิยอมลุกขึ้นด้วยความหวาดกลัว มิรู้ว่าเสด็จพ่อจะเชื่อคำพูดของฮองเฮาเว่ยหรือ
ใบหน้าของเว่ยเฉิงแดงก่ำนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาถูกคนหยามเกียรติเช่นนี้หลังจากที่หลิงอวี๋เปิดเผยความจริงต่อหน้าธารกำนัล เขาก็มิสามารถเอื้อนเอ่ยวาจาข่มขู่ใด ๆ ได้อีกคนทั้งสองนี้มิธรรมดาเลย!เว่ยเฉิงเพิ่งจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว เขามิได้พูดอะไรอีก เพียงแค่เหลือบมองอย่างมิพอใจแล้วเดินจากไป“มีพลังแค่นี้ ยังคิดจะข่มขู่ข้า!”หลิงอวี๋หัวเราะเยาะ แล้วพยุงเซียวหลินเทียนเดินจากไป“อย่าได้ประมาทเขาเชียว!”เซียวหลินเทียนกังวลว่าหลิงอวี๋จะประมาท จึงกระซิบว่า “เขาเป็นคนที่มีความสามารถมากที่สุดในตระกูลเว่ย! ที่ฮองเฮาเว่ยสามารถยืนหยัดอยู่ในวังหลังมานานหลายปีล้วนเป็นเพราะมีเขาคอยวางแผนอยู่เบื้องหลัง!”“ที่องค์ชายเว่ยสามารถหลบเลี่ยงโทษร้ายแรงได้หลายครั้ง และทำให้เสด็จพ่อทรงเชื่อว่าเขาบริสุทธิ์ ล้วนเป็นเพราะคนผู้นี้!”หลิงอวี๋พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “หม่อมฉันรู้เพคะ! หม่อมฉันจะมิประมาท!”“ตราบใดที่ฮองเฮาเว่ยยังมิสิ้นพระชนม์ พวกตระกูลเว่ยก็ยังคิดว่าพระนางจะกลับมาได้ แต่คราวนี้จะมิง่ายดายเช่นนั้น!”“ถึงแม้หม่อมฉันจะยินยอม แต่พระชายาเส้ามิยินยอมแน่!”เซียวหลินเทียนคิดถึงเรื่องที่หลิงอวี๋ขอร้
หลังจากงานเลี้ยงฉลองสิ้นสุดลง มู่หรงชิ่งก็มาแสดงความยินดีกับหลิงอวี๋ นางกล่าวเบา ๆ“พี่หญิงหลิงหลิง วันพรุ่งเจ้าว่างหรือไม่? หากว่าง เราไปเที่ยวทะเลสาบด้วยกันเถอะ!”หลิงอวี๋จำได้ว่า มู่หรงชิ่งเคยบอกว่าหลังจากการแข่งขันจบลง นางอยากจะคุยเรื่องมารดาของตนกับหลิงอวี๋ นางจึงพยักหน้า “ยามบ่ายน่าจะว่าง! หม่อมฉันจะให้คนเตรียมเรือไว้ วันพรุ่งจะไปรับท่าน!”มู่หรงชิ่งยิ้มด้วยความยินดี แล้วจากไปด้านหลัง จ้าวเจินเจินมองฉากนี้ด้วยความครุ่นคิดวันนี้นางได้เฝ้าดูละครฉากใหญ่ในวังตั้งแต่ต้นจนจบ นับตั้งแต่หลิงอวี๋เผชิญหน้ากับฮองเฮาเว่ย จนกระทั่งจบลง จ้าวเจินเจินเฝ้าสังเกตอย่างเงียบ ๆ ตลอดเวลาเพิ่งครุ่นคิดเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างหลิงอวี๋กับตนเป็นครั้งแรก!คนโง่เขลาเช่นนั้นในอดีต บัดนี้กลับกลายเป็นคนละคน แม้ต่อให้อาศัยโชคชะตาและความบังเอิญก็มิอาจแปรเปลี่ยนเป็นเช่นนี้ไปได้องค์ชายคังเคยกล่าวว่า ตนมิอาจสู้หลิงอวี๋ได้ นางเคยมิเชื่อทว่าเวลานี้ นางกลับพบว่า ในบางเรื่องนางด้อยกว่าหลิงอวี๋อย่างแท้จริงหลิงอวี๋มิเพียงแต่มีความรู้ทางการแพทย์เท่านั้น ยังสามารถช่วยเซียวหลินเทียนคิดค้นบันไดปีน และแม้แต่