แรกเริ่มฮองเฮาเว่ยยังมิรู้ว่าจะอธิบายอย่างไรดี เมื่อได้รับคำแนะนำจากพี่ชาย นางก็จับจุดเข้าใจได้ในทันที จึงเอ่ยว่า“ฝ่าบาท แม่นมเจิ้งรับใช้หม่อมฉันมานานหลายปี นางเคยกล่าวว่า กำไลทับทิมสีเลือดหายไป ทว่าเวลานั้นหม่อมฉันมิได้คิดสงสัยนาง!”“ผู้ใดจะคิดว่านางช่างโหดเหี้ยมและมีเจตนาร้ายเช่นนี้! หม่อมฉันช่างมีตาหามีแววไม่ มองคนผิดถนัด!”แม่นมเจิ้งได้ยินเหล่าสมาชิกตระกูลเว่ยโยนความผิดให้กับนาง ก็รู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งตัวนางรับใช้ฮองเฮาเว่ยมานานเกือบทั้งชีวิต ฮองเฮาเว่ยกลับตลบหลังนางเช่นนี้หรือ?นี่เป็นโทษฐานวางยาพิษไทเฮา ความผิดถึงขั้นต้องโทษประหารชีวิต!ครั้นนึกถึงครอบครัวของนางที่ล้วนเป็นบ่าวรับใช้ภายในตระกูลเว่ย หากนางมิออกหน้ารับผิดชอบความผิดนี้เพื่อปกป้องฮองเฮาเว่ย ตระกูลเว่ยย่อมไม่มีทางปล่อยครอบครัวของนางไปแม่นมเจิ้งอายุมากแล้ว เหลือเวลาอีกมิกี่ปีที่จะมีชีวิตอยู่ สู้ยอมสละชีวิตนี้เพื่อปกป้องฮองเฮาเว่ยเสียยังดีกว่า!แม่นมเจิ้งลังเลเพียงชั่วครู่ ทันใดนั้นก็เดินโซเซออกมาแล้วคุกเข่าลง“ฝ่าบาท เป็นความผิดของบ่าวเองเพคะ เป็นบ่าวที่ขโมยกำไลทับทิมสีเลือดของพระนาง แล้วแอบอ้างพระนามพระนางเ
พระชายาเส้ายังมองมิเห็นรายการในสมุดบัญชีในมือของจักรพรรดิอู่อัน แต่ก็พอจะทราบว่าตนควรลงมือเพื่อให้ฮองเฮาเว่ยได้รับการลงทัณฑ์อย่างถึงที่สุดเสียทีพระชายาเส้ายกมือขึ้นเล็กน้อย แม่นมจึงรีบนำสมุดเล่มหนึ่งมาถวายพระชายาเส้ายื่นสมุดเล่มนั้นให้แก่ขันทีฉางแล้วเอ่ยเบาๆ “ก่อนหน้านี้ แม่นมของหม่อมฉันออกไปกำจัดแมลงในสวน แล้วบังเอิญพบสิ่งนี้ซ่อนอยู่ในมุมมืดมิดชิด จึงคิดหาโอกาสที่จะนำมาถวายฝ่าบาท แต่บัดนี้ถือโอกาสนำมาถวายพร้อมกันนี้เลย ขอฝ่าบาททรงวินิจฉัยเอาเองเถิดเพคะ!”ขันทีฉางเข้าใจ จึงนำสมุดเล่มนั้นถวายแด่องค์จักรพรรดิจักรพรรดิอู่อันโหรธจนหน้าแดงก่ำเมื่อมองสมุดเล่มที่พระชายาเส้ายื่นถวาย พลิกไปเพียงมิกี่หน้า โทสะก็ระเบิดออกมาอย่างมิอาจยับยั้ง“เว่ยเสียน เจ้าต้องการหลักฐานอีกหรือไม่? หลักฐานมากมายถึงเพียงนี้ ยังมิเพียงพอที่จะพิสูจน์ความผิดของเจ้าอีกรึ?”ปัง...จักรพรรดิอู่อันทรงฟาดสมุดเล่มนั้นใส่ร่างฮองเฮาเว่ยอย่างแรง ฮองเฮาเว่ยก้มลงมองสมุดเล่มที่พระชายาเส้าเพิ่งยื่นถวาย ทันใดนั้นหน้าของนางก็พลันซีดเผือดราวกับคนตายสมุดเล่มนี้จดบันทึกความลับที่นางได้กระทำลงไปตลอดหลายปีที่ดำรงตำแหน่งฮองเฮา
เมื่อเห็นว่าจักรพรรดิอู่อันต้องการยุติเช่นนี้ หลิงอวี๋มีหรือจะยอมปล่อยองค์ชายเว่ยไป นางจึงรีบทูลว่า“เสด็จพ่อเพคะ ยังมีคดีขององค์ชายเว่ยที่ยังมิได้ไต่สวนรออยู่เพคะ! พระองค์ได้สั่งให้จู้เต๋อทำลาย…”ก่อนที่หลิงอวี๋จะพูดจบ ฮองเฮาเว่ยก็ทรงร้องครวญขึ้นมา “หลิงอวี๋ เจ้าอย่าได้รังแกเราสองแม่ลูกให้มันมากเกินไปนัก! เจ้าต้องการให้เราแม่ลูกตายจริง ๆ หรือ?”“จ่างหนิงของข้าก็ตายเพราะเจ้า เจ้ายังมิสาสม มิยอมปล่อยเราไปอีกงั้นรึ? ต้องฆ่าเราให้สิ้นซากเสียก่อนจึงจะพอใจหรืออย่างไร?”หลังจากที่ฮองเฮาเว่ยร้องคร่ำครวญจบ นางก็หันไปทางจักรพรรดิอู่อันแล้วเอ่ยทั้งน้ำตา“ฝ่าบาท หม่อมฉันผิดไปแล้ว! หม่อมฉันทรยศต่อความไว้วางพระทัยของฝ่าบาท... หม่อมฉันยอมรับผิดเพคะ!”“จู้เต๋อผู้นั้น หม่อมฉันเป็นคนสั่งให้เขาไปทำลายอ๋องอี้! ครอบครัวของเขาก็เป็นหม่อมฉันที่สั่งให้แม่นมเจิ้งไปจับตัวมา... องค์ชายเว่ยมิรู้เรื่องเลยเพคะ! เป็นหม่อมฉันที่สั่งการทั้งหมด!”“หม่อมฉันทำผิด! หม่อมฉันจะขอชดใช้ด้วยชีวิตเพคะ!”เมื่อฮองเฮาเว่ยพูดจบ นางก็ทรงพุ่งไปยังเสาด้านข้างมิว่าอย่างไร นางก็ถูกปลดจากตำแหน่งฮองเฮาแล้ว ฮองเฮาเว่ยจึงต้องการแ
ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นต่างก็เห็นรอยเลือดไหลออกจากหน้าอกของเซียวหลินเทียน ต่างก็ตกใจกันเป็นอย่างมากแม้แต่ไทเฮายังพิโรธ ฮองเฮาเว่ยได้สั่งให้ไป่ซุ่ยวางยาพิษนางมาก่อน บัดนี้ยังกล้าลงมือทำร้ายเซียวหลินเทียนต่อหน้าธารกำนัลอีก นับเป็นความชั่วร้ายที่มิอาจให้อภัยได้“ใครก็ได้ พาตัวเว่ยเสียนออกไปตัดหัวเสีย!”เสียงคำรามของจักรพรรดิอู่อันทำให้ทุกคนในตระกูลเว่ยต่างก็ตกใจกลัวองค์ชายเว่ยลอบต่อว่าฮองเฮาเว่ยในใจ ในเวลาเช่นนี้นางควรรักษาชีวิตตนเอาไว้ก่อน ไฉนจึงคิดลอบสังหารเซียวหลินเทียนเล่านั่นมิยิ่งเป็นการซ้ำเติมความผิดหรอกหรือ“ฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงโปรดเมตตาด้วย...”เว่ยเฉิงมิอยากให้น้องสาวของตนถูกตัดศีรษะ จึงโขกหัวคำนับกับพื้น“ฝ่าบาท โปรดพระราชทานโอกาสให้นางอีกสักครั้งเถิด พระนางจะคิดทบทวนความผิดของตนอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”ทุกคนในตระกูลเว่ยต่างก็คุกเข่าลงเพื่อช่วยกันวิงวอนขอความเมตตาให้ฮองเฮาเว่ยพระชายาเส้าเฝ้าดูอยู่ด้วยความสะใจระคนหวาดกลัวที่สะใจก็เพราะยิ่งตระกูลเว่ยวิงวอนร้องขอความเมตตาเท่าไร องค์จักรพรรดิก็ยิ่งพิโรธมากขึ้นเท่านั้น แล้วศัตรูคู่แค้นเก่าแก่ของนางอย่างเว่ยเสียนคงต้องตาย
เมื่อนำทั้งสองมาเปรียบเทียบกันแล้ว ย่อมเห็นได้อย่างชัดเจนว่าใครดีกว่าใครจักรพรรดิอู่อันตรัสมิออก จ้องมองเซียวหลินเทียนอยู่นาน ก่อนจะแปรสายตาไปยังฮองเฮาเว่ยและผู้คนในตระกูลเว่ย“ในเมื่อพระชายาอ๋องอี้ได้ชี้แจงให้กระจ่างแล้วเช่นนี้ ข้าจะยังคงตัดสินตามเดิม!”“จงคุมตัวเว่ยเสียนไปยังตำหนักซีจิ้ง... เว่ยเสียน เจ้ากล่าวหาพระชายาอ๋องอี้ว่าใส่ร้ายเจ้าอยู่ตลอดเวลา แต่ในยามคับขันเช่นนี้ กลับเป็นพระชายาอ๋องอี้ที่ทูลขอความเป็นธรรมให้กับเจ้า!”“ข้าหวังว่าเจ้าจะไตร่ตรองความผิดให้ดี แล้วเรียนรู้ความเมตตาจากพระชายาอ๋องอี้!”“คุมตัวนางออกไป!”คราวนี้แม่ทัพเผยได้นำเหล่านางกำนัลและทหารองครักษ์หลวงหลายนายมาร่วมกันฉุดกระชากลากตัวฮองเฮาเว่ยออกไปพระชายาอ๋องอี้ช่างเปี่ยมด้วยเมตตาและยึดมั่นในความยุติธรรมอย่างแท้จริงบางคนคิดในใจ นางสามารถนิ่งเฉยมองดูฮองเฮาเว่ยถูกตัดศีรษะก็ย่อมได้ แต่กลับออกหน้าทูลขอความเป็นธรรมเมื่อเทียบกับฮองเฮาเว่ยแล้ว ฮองเฮาเว่ยที่คอยเอาแต่วางแผนจะจัดการกับหลิงอวี๋นั้นช่างชั่วร้ายเสียจริงองค์ชายเว่ยคุกเข่ามิยอมลุกขึ้นด้วยความหวาดกลัว มิรู้ว่าเสด็จพ่อจะเชื่อคำพูดของฮองเฮาเว่ยหรือ
ใบหน้าของเว่ยเฉิงแดงก่ำนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาถูกคนหยามเกียรติเช่นนี้หลังจากที่หลิงอวี๋เปิดเผยความจริงต่อหน้าธารกำนัล เขาก็มิสามารถเอื้อนเอ่ยวาจาข่มขู่ใด ๆ ได้อีกคนทั้งสองนี้มิธรรมดาเลย!เว่ยเฉิงเพิ่งจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว เขามิได้พูดอะไรอีก เพียงแค่เหลือบมองอย่างมิพอใจแล้วเดินจากไป“มีพลังแค่นี้ ยังคิดจะข่มขู่ข้า!”หลิงอวี๋หัวเราะเยาะ แล้วพยุงเซียวหลินเทียนเดินจากไป“อย่าได้ประมาทเขาเชียว!”เซียวหลินเทียนกังวลว่าหลิงอวี๋จะประมาท จึงกระซิบว่า “เขาเป็นคนที่มีความสามารถมากที่สุดในตระกูลเว่ย! ที่ฮองเฮาเว่ยสามารถยืนหยัดอยู่ในวังหลังมานานหลายปีล้วนเป็นเพราะมีเขาคอยวางแผนอยู่เบื้องหลัง!”“ที่องค์ชายเว่ยสามารถหลบเลี่ยงโทษร้ายแรงได้หลายครั้ง และทำให้เสด็จพ่อทรงเชื่อว่าเขาบริสุทธิ์ ล้วนเป็นเพราะคนผู้นี้!”หลิงอวี๋พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “หม่อมฉันรู้เพคะ! หม่อมฉันจะมิประมาท!”“ตราบใดที่ฮองเฮาเว่ยยังมิสิ้นพระชนม์ พวกตระกูลเว่ยก็ยังคิดว่าพระนางจะกลับมาได้ แต่คราวนี้จะมิง่ายดายเช่นนั้น!”“ถึงแม้หม่อมฉันจะยินยอม แต่พระชายาเส้ามิยินยอมแน่!”เซียวหลินเทียนคิดถึงเรื่องที่หลิงอวี๋ขอร้
หลังจากงานเลี้ยงฉลองสิ้นสุดลง มู่หรงชิ่งก็มาแสดงความยินดีกับหลิงอวี๋ นางกล่าวเบา ๆ“พี่หญิงหลิงหลิง วันพรุ่งเจ้าว่างหรือไม่? หากว่าง เราไปเที่ยวทะเลสาบด้วยกันเถอะ!”หลิงอวี๋จำได้ว่า มู่หรงชิ่งเคยบอกว่าหลังจากการแข่งขันจบลง นางอยากจะคุยเรื่องมารดาของตนกับหลิงอวี๋ นางจึงพยักหน้า “ยามบ่ายน่าจะว่าง! หม่อมฉันจะให้คนเตรียมเรือไว้ วันพรุ่งจะไปรับท่าน!”มู่หรงชิ่งยิ้มด้วยความยินดี แล้วจากไปด้านหลัง จ้าวเจินเจินมองฉากนี้ด้วยความครุ่นคิดวันนี้นางได้เฝ้าดูละครฉากใหญ่ในวังตั้งแต่ต้นจนจบ นับตั้งแต่หลิงอวี๋เผชิญหน้ากับฮองเฮาเว่ย จนกระทั่งจบลง จ้าวเจินเจินเฝ้าสังเกตอย่างเงียบ ๆ ตลอดเวลาเพิ่งครุ่นคิดเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างหลิงอวี๋กับตนเป็นครั้งแรก!คนโง่เขลาเช่นนั้นในอดีต บัดนี้กลับกลายเป็นคนละคน แม้ต่อให้อาศัยโชคชะตาและความบังเอิญก็มิอาจแปรเปลี่ยนเป็นเช่นนี้ไปได้องค์ชายคังเคยกล่าวว่า ตนมิอาจสู้หลิงอวี๋ได้ นางเคยมิเชื่อทว่าเวลานี้ นางกลับพบว่า ในบางเรื่องนางด้อยกว่าหลิงอวี๋อย่างแท้จริงหลิงอวี๋มิเพียงแต่มีความรู้ทางการแพทย์เท่านั้น ยังสามารถช่วยเซียวหลินเทียนคิดค้นบันไดปีน และแม้แต่
“โอกาสสุดท้าย!”จ้าวฮุยปัดมือของจ้าวเจินเจินออกอย่างเย็นชา แล้วหันหลังเดินออกไปจ้าวเจินเจินรู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งสรรพางค์กาย รู้ดีว่าบิดาเป็นคนพูดจริงทำจริง หากนางล้มเหลวอีกครั้ง เขามิยอมให้นางมีชีวิตอยู่แน่!จะทำอย่างไรดี?นางจะทำให้หลิงอวี๋หายไปได้อย่างไร?จ้าวเจินเจินหันไปมองรอบ ๆ บังเอิญเห็นเงาหลังของมู่หรงชิ่งและมู่หรงเหยียนซงที่กำลังเดินจากไปดวงตาของเจ้าจ้าวเจินเจินหรี่ลง บางทีคนทั้งสองนี้อาจจะช่วยให้นางบรรลุเป้าหมายได้……ทางด้านหลิงอวี๋ หลังจากสนทนากับไทเฮาเสร็จ นางก็ขอตัวลากลับจากวังหลังจากเหน็ดเหนื่อยมาหลายวัน หลิงอวี๋ขึ้นรถม้าแล้วก็เอนกายซบลงบนอกแกร่งของเซียวหลินเทียนโดยมิสนใจกิริยาแม้จะเหนื่อยเพียงใด ทว่าสมองของนางยังมิวายครุ่นคิดเรื่องต่าง ๆนางถามขึ้นโดยมิคิดอะไร “เสด็จพ่อทรงมีพระราชประสงค์จะทรงจัดการกับเรื่องที่เซี่ยโฮั่วตานรั่วสังหารผู้อื่นอย่างไร?”“อย่าบอกว่าเมืองทั้งสองนี้เป็นการชดเชยนะ? นี่คือสิ่งที่เราได้มาด้วยความสามารถของเราเอง มิเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เซี่ยโฮ่วตานรั่วสังหารผู้อื่น!”เซียวหลินเทียนหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าอิดโรยของหลิงอวี๋ แต่ยังคงจดจ
ในขณะที่เซียวหลินเทียนกำลังยุ่งอยู่กับการตามหาหลิงอวี๋ และฟื้นฟูตำหนักปีกเงินขึ้นมาอีกครั้งนั้น ทางด้านหลิงอวี๋ก็เตรียมตัวจะออกเดินทางไปเมืองหลวงแดนเทพพร้อมกับครอบครัวของข้าหลวงเก๋อแล้วเพื่อเป็นการลดความเหนื่อยล้าของฮูหยินผู้เฒ่าเก๋อจากการเดินทางทั้งทางเรือและทางรถม้า ข้าหลวงเก๋อจึงเลือกที่จะเดินทางไปยังเมืองหลวงแดนเทพทางน้ำแทนตระกูลเก๋อเช่าเรือขนาดใหญ่สองลำ ลำหนึ่งสำหรับบรรทุกสัมภาระ และอีกลำหนึ่งสำหรับโดยสารคนข้าหลวงเก๋อได้รับการเลื่อนตำแหน่งครั้งนี้ คงจะมิกลับไปที่เมืองจงกวนอีกแล้ว ดังนั้นเขาจึงนำข้าวของเครื่องใช้ที่มีค่าและคนรับใช้ทั้งหมดที่เต็มใจจะติดตามเขาไปที่เมืองหลวงแดนเทพไปด้วยเรือใหญ่มีอยู่สามชั้น ชั้นล่างสุดเป็นที่พักอาศัยของคนรับใช้ ข้าหลวงเก๋อกับบุรุษในตระกูลเก๋อพักกันที่ชั้นสาม ส่วนเหล่าญาติฝ่ายสตรีก็พักอยู่ที่ชั้นสองสองพี่น้องหลิงอวี๋กับป้าวซวนก็ได้พักในห้องเดียวกัน แม้ว่าจะเล็กไปสักหน่อย แต่พวกนางทั้งสองก็รู้สึกว่าเพียงพอแล้วเส้นทางน้ำนี้ถือว่าเป็นแม่น้ำที่ใหญ่ที่สุดในแดนเทพ แบ่งออกเป็นแม่น้ำในและแม่น้ำนอกเส้นทางที่พวกนางเดินทางกันอยู่นี้คือแม่น้ำนอก ซึ่ง
“เหยี่ยวผู้กล้าควรกางปีกบินให้สูง และลอยตัวให้อยู่เหนือเก้าชั้นฟ้า!”เซียวหลินเทียนพูดสิ่งที่เหวินเหรินจิ้นบอกตนออกไปอย่างใจเย็นนี่คือคำพูดที่เหวินเหรินจิ้นพูดกับสือหรงตอนที่ให้เขาออกมาจริง ๆ ตอนนั้นนอกจากเขากับเหวินเหรินจิ้นก็ไม่มีใครอยู่อีกเมื่อสือหรงเห็นว่าคำตอบของเซียวหลินเทียนถูกต้อง ใบหน้าของเขาก็กลับซีดลงทันที ราวกับว่าเขาถูกโจมตีอย่างหนัก“ท่านเจ้าตำหนัก… ท่านเจ้าตำหนักสิ้นแล้วหรือ?”หากมิได้เป็นเช่นนั้น เซียวหลินเทียนจะมีป้ายผู้นำของตำหนักปีกเงินได้อย่างไร และจะรู้ได้อย่างไรว่าเหวินเหรินจิ้นพูดอะไรกับเขา!“อืม ร่างของเขาจะถูกเก็บไว้ในสุสานใต้ดินของตำหนักปีกเงินเป็นการชั่วคราว แล้วในภายหน้าเมื่อข้าสามารถฟื้นคืนตำหนักปีกเงินมาได้ ก็ค่อยนำไปฝังให้ดี ๆ!”แล้วเซียวหลินเทียนก็เอ่ยออกมาอย่างเศร้าใจ“พรึ่บ…”สือหรงคุกเข่าลง แล้วน้ำตาของเขาก็ไหลลงมาอย่างควบคุมมิได้เดิมทีเขาคิดว่าจะหลบไปสักประมาณปีครึ่ง แล้วเจ้าตำหนักก็คงจะเรียกพวกเขากลับไป เมื่อถึงเวลานั้นตำหนักปีกเงินก็จะรุ่งโรจน์เหมือนในอดีตอีกครั้ง ไหนเลยจะคาดคิดว่า การลาจากของเจ้าตำหนักในครั้งนี้จะเป็นการจากลากันไปตลอด
กระทั่งลงมาจากภูเขาแล้ว เซียวหลินเทียนก็ให้เหยี่ยวดำจิ่วเทียนไปส่งจดหมายให้กับฉินซาน แล้วตนกับเผยอวี้ก็มุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านตงหยวน ซึ่งอยู่ห่างจากตำหนักปีกเงินหลายสิบลี้ เพื่อตามหาสือหรงลูกศิษย์คนสำคัญของเหวินเหรินจิ้น อีกทั้งยังเป็นผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายของตำหนักปีกเงินด้วยเซียวหลินเทียนไม่มีทางจะไปตามหาคนในรายชื่อของเหวินเหรินจิ้นทีละคนได้ หากเขาคิดที่จะรวบรวมลูกศิษย์ทั้งหมดของตำหนักปีกเงินที่เหวินเหรินจิ้นสั่งให้ออกจากตำหนักโดยเร็ว สือหรงผู้นี้ก็คือบุคคลที่เป็นกุญแจสำคัญเหวินเหรินจิ้นเคยบอกไว้ว่า หากตามหาสือหรงพบ พวกเขาก็จะสามารถตามลูกศิษย์ทั้งหมดกลับมาได้ เพราะว่าสือหรงมีช่องทางติดต่อของพวกเขาทุกคนแต่กระทั่งเซียวหลินเทียนกับเผยอวี้มาถึงหมู่บ้านตงหยวน ก็สายเกินไปเสียแล้ว ชาวบ้านส่วนใหญ่ในหมู่บ้านตงหยวนถูกสังหารหมู่ และทางการก็กำลังนำคนมาเคลื่อนย้ายศพแต่ละศพออกไปเซียวหลินเทียนและเผยอวี้สวมหน้ากากผิวหนังมนุษย์แล้ว เผยอวี้จึงแสร้งทำเป็นเข้าไปตามหาญาติเพื่อสอบถามข้อมูลเมื่อถามไปจึงได้รู้ว่าเมื่อคืนหมู่บ้านตงหยวนถูกโจรกลุ่มหนึ่งมาปล้นทรัพย์ ตระกูลที่มีฐานะดีในหมู่บ้านส่วนใหญ่จึงถูก
หวงฝู่หลินก็เหมือนกับเซียวหลินเทียน ในตอนนี้มีคนที่จะต้องเร่งตามหาให้พบ ดังนั้นแม้ว่าจะมีความขัดแย้งต่อกัน แต่เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง พวกเขาก็ทำได้เพียงต้องร่วมมือกันจึงจะต่อต้านศัตรูได้หวงฝู่หลินมองตำหนักปีกเงินที่ค่อนข้างหดหู่นี้ แล้วเอ่ยด้วยเสียงทุ้ม “เซียวหลินเทียน วันนี้เจ้าเปิดเผยเรื่องที่เจ้ามีกระบี่คุนอู๋อยู่ในมือไปแล้ว มหาปราชญ์ไม่มีทางปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ แน่!”“พวกเราต้องรีบรวบรวมกลุ่มที่สามารถต่อสู้กับมหาปราชญ์ให้ได้โดยเร็วที่สุด ก่อนที่มหาปราชญ์จะรวมกำลังคนมาจัดการกับเจ้า!”“เจ้าลงจากภูเขาไปรวบรวมบรรดาลูกศิษย์ของตำหนักปีกเงินมา ส่วนข้าจะช่วยหาคนมาสร้างตำหนักปีกเงินขึ้นใหม่เอง!”“หากเจ้าหาลูกสาวของข้าพบก่อน ก็ให้ส่งข้อความมาหาข้า! และหากข้าพบหลิงอวี๋ ข้าก็จะแจ้งเจ้าทันทีเช่นกัน!”เซียวหลินเทียนพยักหน้าโดยมิต้องคิด “ตกลง! เช่นนั้นพวกเราก็แยกกันเป็นสองกลุ่มไปดำเนินการ!”“เผยอวี้ เราลงจากภูเขากันก่อนเถอะ!”หวงฝู่หลินมองเผยอวี้แล้วเอ่ยออกมา “ประเดี๋ยวก่อน…”เขาหยิบยาหนึ่งขวดออกมาจากแหวนพระสุเมรุของตน แล้วโยนไปที่เผยอวี้ “พลังของเจ้าต่ำเกินไป หากเจ้าติดตามเขาก็จ
เซียวหลินเทียนฟังแล้วก็ทั้งโกรธทั้งโมโห ก่อนหน้านี้ที่หานเหมยบอกมิได้ละเอียดถึงเพียงนี้ และหานเหมยก็มิเคยบอกด้วยว่าใบหน้าของหลิงอวี๋ถูกจ้าวหรุ่ยหรุ่ยกรีดจนเป็นแผลความทรงจำของหานเหมยสูญหายไปบางส่วน ซึ่งนี่ก็คือผลกระทบที่ได้มาจากการถูกผนึก ดังนั้นจะโทษหานเหมยก็มิได้เมื่อได้ยินว่าหลิงอวี๋สูญเสียวรยุทธ์ไป ทั้งยังถูกเสวี่ยเหมยกลั่นแกล้งอีก เซียวหลินเทียนก็คิดเพียงอยากจะแทงเสวี่ยเหมยและลิ่งหูหลินผู้นั้นให้ตายไปเสียส่วนเรื่องที่หวงฝู่หลินรับหลิงอวี๋เป็นน้องสาวบุญธรรมนั้น เซียวหลินเทียนมิได้คิดเป็นจริงเป็นจังอะไร เขาหรือจะมิรู้ว่าหวงฝู่หลินไม่มีทางรับหลิงอวี๋เป็นน้องสาวบุญธรรมจริง ๆ หรอก“ท่านเจ้าวังของเราให้ป้าวเฉิงไปตามหาหลิงอวี๋ เพราะต้องการจะขอตำรับยาที่นางมีอยู่ในมือ มิใช่เพราะต้องการจะทำให้นางลำบาก!”ปี้ซงอธิบายทุกสิ่งออกมาอย่างชัดเจนแม้ว่าเซียวหลินเทียนจะรู้สึกว่าเขาไม่มีทางพูดความจริงออกมาทั้งหมด แต่ก็ยังเชื่อไปกว่าครึ่งอยู่ดีหลังจากครุ่นคิดดูแล้ว เซียวหลินเทียนก็รู้สึกว่า ในเมื่อหวงฝู่หมิงจูถูกเสวี่ยเหมยจับตัวไป และเสวี่ยเหมยก็เป็นผู้ร้ายที่ลักพาตัวหลิงอวี๋ไปด้วย เช่นนั้นก
ใบหน้าหล่อเหลาของเซียวหลินเทียนมีความเศร้าอยู่จาง ๆ เขายืนอยู่บนบันได ซากปรักหักพังด้านหลังเหล่านั้น เมื่ออยู่ภายใต้แสงสะท้อนของดวงอาทิตย์ยามเย็นก็ทำให้เห็นความหดหู่และโดดเดี่ยวอย่างชัดเจนแต่แสงของดวงอาทิตย์ยามเย็นที่ส่องลงมาบนตัวของเซียวหลินเทียนนั้น ทำให้เขาดูเหมือนมีแสงสีทองระยิบระยับอยู่ทั้งที่เห็น ๆ กันอยู่ว่าเขาก็ยังเป็นคนเดิม แต่กลับดูราวกับว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ทำให้มิอาจมองเขาตรง ๆ ได้!ทันใดนั้นหวงฝู่หลินก็รู้สึกถึงความรู้สึกกดดันที่มิเคยมีมาก่อนจู่ ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ว่า ในภายภาคหน้าพลังของเซียวหลินเทียนจะประสบความสำเร็จ จะต้องอยู่เหนือไปกว่าของตนมาก และอยู่เหนือกว่าบรรดายอดฝีมือในแดนเทพอย่างแน่นอน!เหนือกว่าแม้กระทั่งหลงอี้ด้วย...เซียวหลินเทียนมองไปไกล ๆ แล้วนึกฉากเมื่อครู่เหวินเหรินจิ้นพาเขาเข้าไป และมิเพียงแต่มอบรายชื่อบรรดาศิษย์ของตำหนักปีกเงินให้ตนเท่านั้น แต่ยังมอบเงินทั้งหมดที่ตำหนักปีกเงินเก็บไว้หลายปีให้ตนด้วยนอกจากนี้แล้ว ก็ยังมีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ที่มหาปราชญ์ต้องการอย่างหม้อมังกรศักดิ์สิทธิ์อีกด้วยสุดท้ายเหวินเหรินจิ้นก็ยังพยายามถ่ายพ
หวงฝู่หลินมองเหวินเหรินจิ้นด้วยความสงสาร จากนั้นก็ประคองเขานั่งขึ้นมา แล้วเอ่ยไปอย่างเรียบ ๆ “เจ้าคงมิอยากจากไปโดยที่มิได้ทิ้งคำพูดอะไรไว้แน่!”“ต่อให้ยานั้นจะล้ำค่ามากเพียงใด ก็มิล้ำค่าเท่ากับเจ้า...พูดมาเถิด ยังมีความปรารถนาใดอีกที่เจ้ายังมิสมหวัง ขอเพียงข้าสามารถทำได้ ข้าก็จะช่วยเจ้าอย่างแน่นอน!”หวงฝู่หลินคิดเช่นนั้นจริง ๆ ดังนั้นเขาจึงป้อนโอสถช่วยชีวิตอันล้ำค่าที่ตนสกัดอย่างพิถีพิถันให้กับเหวินเหรินจิ้น เขามิอยากให้สหายผู้นี้ตายตามิหลับเหวินเหรินจิ้นมองหลานชายที่กำลังร้องไห้อยู่ข้าง ๆ แล้วหวงฝู่หลินก็เข้าใจทันที “ข้าจะให้คนดูแลเขาเอง!”เหวินเหรินจิ้นจึงฝืนยิ้มออกมา “ให้เขาเติบโตอย่างเรียบง่าย ลืมตระกูลนี้ไปเสีย และลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่ประสบไปให้หมด!”“ได้!”หวงฝู่หลินมิได้พูดอะไรมาก แต่เหวินเหรินจิ้นรู้ว่า เขาเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น จึงพยักหน้าอย่างพึงพอใจ“ข้าขอฝากตำหนักปีกเงินไว้กับเจ้า...ข้าได้คำนวณชะตาไว้แล้วว่าจะมีภัยพิบัติเช่นนี้ ข้าจึงแสร้งป่วยแล้วให้ลูกศิษย์ของตำหนักทั้งหมดกระจายกันออกไป...”“แต่ข้ามิวางใจ ข้ากังวลว่า หากมหาปราชญ์หาหม้อมังกรศักดิ์สิทธิ์มิเจอ แล้วจะ
เผยอวี้เห็นว่าหวงฝู่หลินหน้าซีดเซียว ดูท่าทางเหมือนจะหมดสติไปได้ทุกเมื่อ ดังนั้นเขาจึงมิรีรอแล้วคุกเข่าลงไป จากนั้นก็ยัดลำไส้ของเสือดาวหิมะกลับตามคำชี้แนะของหวงฝู่หลินแล้วหวงฝู่หลินก็นำเครื่องยาสมุนไพรและเข็มกับด้ายออกมาจากแหวนพระสุเมรุ จากนั้นเขาก็ส่งเข็มกับด้ายให้เผยอวี้ “ช่วยเย็บแผลให้มันที!”เผยอวี้ตะลึงไปทันที เขาจับมีดจับกระบี่ได้ แต่เขาใช้เข็มกับด้ายมิเป็น!เมื่อเซียวหลินเทียนเห็นสถานการณ์เช่นนี้ เขาก็นึกขึ้นได้ว่า ตอนที่ตนพิชิตกระบี่คุนอู๋ ก็เคยบาดมือมาก่อน แต่เมื่อฝ่ามือของเขาจับที่กระบี่คุนอู๋ ก็รักษาตัวได้อย่างน่าอัศจรรย์เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าควรจะใช้กระบี่คุนอู๋รักษาเสือดาวหิมะหรือไม่!เขาเข้าใจหลักการที่ว่า ทรัพย์สมบัติมิควรเปิดเผยออกมา หากว่าในวันนี้มิใช่สถานการณ์วิกฤต เขาก็ไม่มีทางนำกระบี่คุนอู๋ออกมาแน่แต่ตอนนี้มหาปราชญ์รู้แล้วว่า กระบี่คุนอู๋อยู่ในมือของตน มันจะต้องนำความยุ่งยากมาหาตนมิจบสิ้น เช่นเดียวกับหยกหล้าสุขาวดีของหลิงอวี๋อย่างแน่นอน!หากเปิดเผยเรื่องที่กระบี่คุนอู๋สามารถรักษาบาดแผลได้ไปอีก เช่นนั้นจะมิยิ่งทำให้คนสนใจมากขึ้นหรือ?แต่เมื่อเซียวหลินเที
“ท่านเจ้าวัง!”ปี้ซงเห็นว่าหวงฝู่หลินไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะสู้กลับแล้ว เขาจึงร้องเรียกออกมาอย่างเจ็บปวดจากนั้นเขาก็เหาะเข้าไปหาโดยมิสนใจภัยคุกคามของมือสังหาร แต่เซียวหลินเทียนที่อยู่ข้างกายเขาเร็วกว่า เหาะพุ่งเข้าไปแล้วในช่วงเวลานี้ เซียวหลินเทียนก็มิกลัวที่จะเปิดเผยสมบัติของตนอีกต่อไปแล้ว เขานำกระบี่คุนอู๋ออกมาจากแหวนพระสุเมรุแล้วฟาดไปในอากาศเป็นวงโค้ง...แสงสีขาวลงมาจากท้องฟ้า มหาปราชญ์หันหลังให้เซียวหลินเทียนอยู่จึงมิเห็นแสงนั้น ทว่าหวงฝู่หลินกลับมองเห็นเห็นแสงสีขาวนั้นพุ่งลงมาใส่แขนของมหาปราชญ์ราวกับสายฟ้า ด้วยพลังที่มิอาจต้านทานได้ในตอนที่มหาปราชญ์รู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นนั้น เขาก็ได้เห็นแขนครึ่งหนึ่งของตนลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างน่าตกใจ หลังจากนั้นเลือดจากบาดแผลที่แขนขาดไปก็ไหลออกมา“กระบี่คุนอู๋… เจ้าเป็นใคร?”มหาปราชญ์เซถอยหลังไป และในแววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจและยากที่จะเชื่อ“คนที่จะเอาชีวิตเจ้า!”นี่เป็นครั้งแรกที่เซียวหลินเทียนใช้กระบี่คุนอู๋ เขามิคาดคิดเลยว่า กระบี่คุนอู๋จะทรงพลังเช่นนี้ ปราณแห่งกระบี่ที่ฟาดออกมาสามารถตัดแขนของมหาปราชญ์ได้ความมั่