แต่คำพูดถัดไปของหลี่ว์เซียง ทำให้หลิงอวี๋เปลี่ยนความคิดของตนที่มีต่อเขาไปทันที ทั้งยังหน้าแดงเพราะสิ่งนี้ด้วยหลี่ว์เซียงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา “กระหม่อมเห็นด้วยว่าคำมั่นสัญญาทางทหารสามารถกระตุ้นให้ท่านอ๋องอี้เข้าร่วมการแข่งขันอย่างเต็มที่ได้ แต่กระหม่อมรู้สึกว่าในเมื่อมีการลงโทษ จึงควรมีรางวัลพ่ะย่ะค่ะ!”“ฝ่าบาท มีการลงโทษสามารถกระตุ้นให้กลุ่มของท่านอ๋องอี้ออกไปคว้าชัยชนะได้อย่างเต็มกำลัง! ดังนั้น กระหม่อมขอแนะนำว่า ควรเขียนรางวัลไว้ในคำมั่นสัญญาทางทหารด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”ทันทีที่หลี่ว์เซียงพูดสิ่งนี้ออกไป องค์ชายเว่ยกับองค์ชายคังก็เริ่มกังวลขึ้นมา มิใช่ว่าเสด็จพ่อคงจะทนความตื่นเต้นได้ แล้วจะต้องเขียนตำแหน่งองค์รัชทายาทเป็นรางวัลในคำมั่นสัญญาทางทหารกระมัง!“หลี่ว์เซียง สิ่งที่เจ้าพูดมานั้น อ๋องอี้ไปเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อนำความรุ่งโรจน์มาสู่แคว้น หรือว่าไปเพื่อรางวัลเล่า?”องค์ชายเว่ยจ้องหลี่ว์เซียงอย่างดุร้าย ชายชราผู้นี้กล้าพูดแทนเซียวหลินเทียน เขาเบื่อจะมีชีวิตอยู่แล้วกระมังองค์ชายคังยิ้มแล้วเอ่ย “ก็จริง... น้องสี่ทำเพื่อความรุ่งโรจน์มาสู่แคว้น นับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง! หากเขียนรางว
องค์ชายคังก็สามารถคิดจนเข้าใจเหตุผลได้ หลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนฉลาดถึงเพียงนี้ มีหรือจะมิเข้าใจ!แต่ทั้งสองคนก็มิได้เผยออกมา เซียวหลินเทียนรับคำมั่นสัญญาทางทหารแล้วออกจากวังไปพร้อมกับหลิงอวี๋“คนเจ้าเล่ห์!”บนรถม้ามีเพียงเซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋ เซียวหลินเทียนจึงอดมิได้ที่จะเอ่ยคำนี้ออกมาน้ำเสียงนี้ครึ่งหนึ่งจนใจ อีกครึ่งหนึ่งชื่นชมหลิงอวี๋ยิ้ม นางนึกถึงบึงน้ำมืดมิดเหล่านั้น จักรพรรดิอู่อันนึกถึงเพียงเหมืองถ่านหินที่โม่เหอ แต่กลับคิดมิถึงว่ายังมีสิ่งนี้!นางเอ่ยกับเซียวหลินเทียนอย่างมีความหมาย “อย่าเพิ่งด่วนสรุปอะไรไปก่อนเลยเพคะ! โม่เหอนี้หากชนะมันจะเป็นโชคลาภที่มิคาดคิด ท่านยังมิเคยไปเห็นสถานที่จริงเลย บางทีที่โม่เหออาจมีเรื่องประหลาดใจรอท่านอยู่ก็เป็นได้เพคะ!”เซียวหลินเทียนคิดว่าหลิงอวี๋ปลอบใจตนก็มิใส่ใจอะไร ขมวดคิ้วแล้วเอ่ย “ประเดี๋ยวข้าจะไปดูที่ค่ายทหารเสียหน่อย การแข่งขันครั้งนี้สำคัญมาก ข้าจะต้องเตรียมตัวให้ดี!”“เพคะ ท่านไปเถิด!”เซียวหลินเทียนส่งหลิงอวี๋กลับตำหนักอ๋องอี้แล้วไปที่ค่ายทหารหลิงอวี๋ยังคงนึกถึงเรื่องหลี่ว์กังอยู่ และส่งเถาจื่อไปส่งโอสถบำรุงหัวใจหลายข
หลิงอวี๋ได้ยินคำพูดของมู่หรงชิ่งก็ตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง นางมองมู่หรงชิ่งอย่างสงสัยนี่มันหมายความว่าอะไร?มู่หรงชิ่งรู้จักแม่ของตนจริง ๆ หรือ?มันจะเป็นไปได้เยี่ยงไรกัน?แต่แล้วหลิงอวี๋ก็นึกถึงจี้หยกจากราชวงศ์มู่หรงชิ้นนั้นที่อยู่ในของที่ระลึกของหลานฮุ่ยจวน หรือว่ามู่หรงชิ่งก็รู้ถึงการมีอยู่ของจี้หยกนี้ด้วยเช่นกัน?“ได้สิ!”หลิงอวี๋พยักหน้า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก เวลานี้ยังมิสะดวกที่จะพูด จึงทำได้เพียงหาเวลาอื่นการแข่งขันเป็นไปอย่างคึกคัก กลุ่มของแต่ละแคว้นล้วนต้องการชัยชนะ ทำได้ดีกันทีเดียวกลุ่มของเซียวหลินเทียนเป็นกลุ่มสุดท้ายเวลาที่สามกลุ่มแรกข้ามแม่น้ำนั้นถูกควบคุมอยู่ภายในเวลาธูปดอกเดียว และทุกกลุ่มต่างมีคนที่ตกน้ำเมื่อคำนวณเช่นนี้แล้ว ช่องว่างของแต่ละกลุ่มมิได้ใหญ่มาก เซียวหลินเทียนแอบคำนวณอยู่ในใจว่าคะแนนรวมของฉีตะวันออกนั้นมากกว่าของเยวี่ยใต้เพียงห้าแต้ม ปัจจุบันเป็นอันดับหนึ่งการข้ามแม่น้ำนั้นขอเพียงร่วมมือกันเป็นอย่างดี ไม่มีอะไรผิดพลาด ภายในเวลานั้นก็จะมิเสียคะแนนมากเกินไปขอเพียงคนของตนระวังมิให้ตกน้ำ ห้าแต้มนี้สามารถแซงหน้าฉีตะวันออกและเป็นที่หนึ่งในรายก
น้ำที่ไหลเชี่ยวพุ่งมาซัดเข้าที่ตัวของกลุ่มเซียวหลินเทียนอย่างท่วมท้น ทำเอาพวกเขาโซเซไป“ระวัง!”“ยึดไว้!”คนจำนวนมากบนฝั่งกรีดร้องออกมาแล้วก็เหงื่อออกอย่างเป็นห่วงพวกของเซียวหลินเทียนกระแสน้ำเช่นนี้หากยืนมิอยู่ ในชั่วพริบตาสามารถซัดพาสมาชิกกลุ่มของเซียวหลินเทียนตกลงไปในน้ำได้เลยแต่กลุ่มของเซียวหลินเทียนกลับดูแลกันและกัน แม้ว่าจะโดนกระแสน้ำเชี่ยวซัดสาดแต่ก็ไม่มีใครตกลงไปในน้ำจักรพรรดิอู่อันเห็นสมาชิกกลุ่มของเซียวหลินเทียนจับมือกันต้านทานคลื่นไว้ก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย“องค์ชายสี่มีความสามารถจริง ๆ เมื่อเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงกะทันหันก็ยังสามารถสงบได้เช่นนี้…”คำชมของจักรพรรดิอู่อันทำให้องค์ชายเว่ยกับองค์ชายคังรู้สึกมิเห็นด้วยนักรอยยิ้มแปลก ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากขององค์ชายคัง ยังเร็วเกินไปที่จะพูดเช่นนี้กระมัง!องค์ชายเว่ยยิ้มเยาะในใจอย่างดูถูก เสด็จพ่อชื่นชมเขามาก ประเดี๋ยวมาดูกันว่าเขาจะเสียหน้าอย่างไรเป็นดังที่คาด ยังมิทันที่จักรพรรดิอู่อันจะพูดจบ ก็เห็นกลุ่มของเซียวหลินเทียนที่ด้านล่างนั้น จู่ ๆ สมาชิกหลายคนในกลุ่มที่ยืนอยู่บนกระดานไม้ก็ก้าวพลาดตกลงไปในน้ำในมุมมองของคนบ
เซียวหลินเทียนมองกล้ามเนื้อของมู่เหลิงแล้วยิ้มอย่างมีความหมาย “หัวหน้ามู่ อยากจะประลองก็มีโอกาสมากมาย ข้าจะให้โอกาสนั้นแก่เจ้าอย่างแน่นอน!”องค์ชายอิงมองคนสองคนเอ่ยคุยกันด้วยรอยยิ้ม แม้ว่าเขาจะเกิดมาพร้อมกับพละกำลังที่ดุร้าย แต่ก็มิใช่คนไร้สมองเขารู้แล้วว่าเหตุใดองค์ชายหนิงถึงเอาโม่เหอเดิมพันมากับจักรพรรดิอู่อัน!แม้ว่าเซียวหลินเทียนจะชนะแล้วได้รับโม่เหอไป เขาก็มิกลัว สถานที่ผีเช่นโม่เหอได้คร่าชีวิตคนของตนไปมากมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขามิเชื่อว่าเซียวหลินเทียนสามารถอยู่รอดในโม่เหอได้สำหรับเหมืองถ่านหินเหล่านั้น องค์ชายอิงก็มิได้อิจฉาตาร้อนเช่นกัน หากเซียวหลินเทียนสามารพาคนไปขุดได้ก็ต้องขนส่งออกมาเขายังหวังว่าจะมีคนช่วยตนไปขุด เช่นนี้เขาจะได้ขวางทางแล้วแย่งชิงมันได้ราษฎรของเว่ยเหนือมิได้มากเท่าฉินตะวันตก แรงงานจึงขาดแคลน แทนที่จะทำเอง เขาชอบที่จะได้อะไรมาโดยมิต้องออกแรงมากกว่า!องค์ชายหนิงอยู่ในเพิงพักผ่อนข้าง ๆ เขามิได้ซ้ำเติมในสถานการณ์ยากลำบากของเซียวหลินเทียน เพียงแค่มองเซียวหลินเทียนอย่างครุ่นคิดเท่านั้นคนนอกดูเอาสนุก ส่วนคนในมองที่หนทางองค์ชายหนิงเองก็เป็นผู้นำทัพ
“กระดานไม้เป็นอะไรไป? เหตุใดมิตรวจสอบก่อนการแข่งขัน?”เซียวหลินเทียนกับสมาชิกกลุ่มเปลี่ยนอาภรณ์แล้วก็มาซักถามอันเจ๋อด้วยใบหน้าเคร่งขรึมอันเจ๋อรับผิดชอบเรื่องกองหนุน เขาเองก็รู้สึกละอายใจเช่นกันที่เป็นเพราะกระดานไม้แผ่นเดียวที่ทำส่งผลกับการเป็นที่หนึ่งของพวกเขา เรื่องนี้พูดไปแล้วก็เป็นเรื่องน่าละอายจริง ๆ!“ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ มันเป็นความผิดของกระหม่อมเอง! กระหม่อมจัดการมิดี พบปัญหาของกระดานไม้มิทันเวลา!”อันเจ๋อต้องการตบตนเองสองสามครั้ง มันเป็นเพราะกระดานไม้พังเสียหาย ถึงทำให้พวกเขาพ่ายแพ้ในการแข่งขันนี้ เขาไม่มีหน้าจะโต้แย้งเลย“นี่เป็นความผิดของเจ้า เจ้ามิสามารถเลี่ยงความรับผิดชอบไปได้!”“อีกอย่าง น้ำที่ต้นน้ำไหลมาอย่างอธิบายมิได้ นี่เป็นความประมาทเลินเล่อของตัวข้าเอง ข้าจะทบทวนตัวเอง!”ความผิดที่น่าจะเป็นของตนเองเซียวหลินเทียนก็มิสามารถเลี่ยงได้ จึงเอ่ยเสียงเย็นชา“วันนี้มันเป็นความผิดของตัวข้ากับอันเจ๋อที่ทำให้ทุกคนพ่ายแพ้ ข้ากับอันเจ๋อจะจดการโบยไม้ทหารไว้สิบไม้! หลังจากจบการแข่งขันแล้วเรามาว่ากัน!”“เรื่องที่ประมาทกันในวันนี้ทุกคนต้องถือเป็นบทเรียน ในการแข่งขันอีกหลายว
มีความกล้าหาญ มีไหวพริบ มีความสามารถ และงดงาม พระชายาอ๋องอี้ผู้นี้เป็นสตรีเพียงผู้เดียวที่ที่องค์ชายหนิงเจอตั้งแต่มาถึงฉินตะวันตก!เรื่องที่เซี่ยโฮ่วตานรั่วเฆี่ยนตีคนจนตายเมื่อวานนี้ องค์ชายหนิงรู้สึกว่ามันมีลับลมคมใน ทันทีที่เขาได้ข่าวก็เข้าวังไปปกป้องเซี่ยโฮ่วตานรั่วก่อนเลยหลังจากกลับจากวังไปถึงที่พัก องค์ชายหนิงก็เรียกซินจิ้งแล้วให้นางเล่าเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบให้ตนเองฟังโดยละเอียดหลังจากฟังแล้ว องค์ชายหนิงก็พอจะเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น!เขามิโกรธหลิงอวี๋ที่วางแผนกับเซี่ยโฮ่วตานรั่วเขาแค่รู้สึกว่าน่าสนใจ เห็น ๆ อยู่ว่าพระชายาอ๋องอี้เป็นคนฉลาดเช่นนี้ แต่เหตุใดเมื่อก่อนนางกลับเคยมีชื่อเสียงว่าเป็นคนโง่เขลาได้เล่า?คนที่ผู้แข็งแกร่งเคารพคือผู้แข็งแกร่ง!องค์ชายหนิงรู้สึกว่าตนเป็นคนฉลาดมาก ใต้หล้านี้มีคนน้อยนักที่เทียบกับตนได้สิ่งที่เขาขาดคือโอกาส หากเขาเกิดในฉินตะวันตก เขาคงจะใช้ประโยชน์จากสภาพอากาศและสถานที่ตั้งที่เอื้ออำนวยของฉินตะวันตกยึดครองทั้งสี่แคว้นไปแล้วแต่เพราะเขาเกิดในฉีตะวันออก ความทะเยอทะยานทั้งหมดของเขาจึงถูกจำกัดด้วยสภาพอากาศและสถานที่ที่เหมาะสม เขา
ในการแข่งขันวันที่สี่ เพราะสามวันแรกเซียวหลินเทียนชนะไปสี่รายการ จึงเพิ่มขวัญกำลังใจได้มาก คนที่มาดูความคึกคักก็เพิ่มมากขึ้นแล้ว ทุกคนต่างตั้งตารอกลุ่มของเซียวหลินเทียนคว้าอันดับหนึ่งในสองรายการของวันนี้แม้ว่าจะมิสามารถเป็นที่หนึ่งได้ทั้งสองรายการ ทว่าหากได้มาหนึ่งในนั้น ก็จะแซงหน้ากลุ่มขององค์ชายหนิงอย่างมั่นคงแล้วแต่การแข่งขันแรกคือการขุดอุโมงค์ ทุกคนในกลุ่มขององค์ชายอิงล้วนแข็งแกร่งมาก แต่กลุ่มของเซียวหลินเทียนกับองค์ชายหนิงมิสามารถเอาชนะความแข็งแกร่งทางกายภาพของพวกเขาได้เลย เซียวหลินเทียนกับองค์ชายหนิงจึงยังคงเป็นคะแนนสี่ต่อสามอยู่การแข่งขันที่สองคือการปีนป่าย นี่คือการแข่งขันความเร็วของแต่ละกลุ่มในการประกอบและสร้างบันไดหากเซียวหลินเทียนชนะการแข่งขันนี้ก็จะเป็นห้าต่อสาม เว้นเสียแต่ว่าองค์ชายหนิงจะคว้าอันดับหนึ่งได้ทั้งสองรายการแข่งขันในวันที่ห้า มิเช่นนั้นก็จะแพ้เซียวหลินเทียนขาดลอยดังนั้น การแข่งขันปีนป่ายจึงเป็นรายการที่สำคัญมากก่อนหน้านี้หลิงอวี๋เคยบอกเซียวหลินเทียนกับท่านจินต้าถึงสิ่งที่ตนรู้เกี่ยวกับบันไดแล้ว หลังจากที่ทั้งสามคนทำงานร่วมกับช่างฝีมือแล้วก็ปรับเปลี่ย
เย่หรงและหลิงอวี๋แยกกัน เย่หรงก็ตรงไปหาฉินซานที่คฤหาสน์อู่ทันทีเมื่อฉินซานได้ยินว่าอีกฝ่ายขอให้ไปส่งหลิงอวี๋ที่ภูเขาหมางหลิ่ง เขาก็ตอบตกลงโดยมิลังเล“นี่มิใช่เรื่องใหญ่อะไร วางใจได้ พวกเราจะส่งสิงอวี๋ไปที่นั่นอย่างปลอดภัย และพานางกลับมาอย่างปลอดภัย!”เย่หรงเห็นฉินซานเป็นคนมีน้ำใจเช่นนี้ก็นัดหมายเวลากับฉินซาน จากนั้นเขาก็กลับไปบอกหลิงอวี๋เดิมทีหลิงอวี๋ก็คิดว่า เซียวหลินเทียนและคณะย่อมมิปฏิเสธที่จะไปภูเขาหมางหลิ่งกับตน เมื่อเห็นเย่หรงจัดการเรียบร้อยแล้วจึงได้ตัดสินใจออกเดินทางในวันรุ่งขึ้นทันทีเย่หรงกลับถึงบ้านก็ไปเยี่ยมท่านผู้เฒ่าเย่ท่านผู้เฒ่าเย่อาการดีขึ้นมากแล้ว เย่ซงเฉิงบังคับให้ชายชรานอนพักอยู่บนเตียง เมื่อเห็นเย่หรงก็ตำหนิว่า“เจ้าได้รับบาดเจ็บ ไยมิพักผ่อนอยู่บ้านให้ดี ออกไปวุ่นวายอะไรอีก?”เย่หรงยิ้ม “เสี่ยวชีหาวิธีช่วยชีวิตฮูหยินเฉิงได้ ข้าจึงติดตามเสี่ยวชีไปรักษาฮูหยินเฉิงด้วยขอรับ!”ท่านผู้เฒ่าเย่ประหลาดใจ “เสี่ยวชีตรวจพบแล้วหรือว่าฮูหยินเฉิงถูกพิษอะไร? นางเก่งกาจถึงเพียงนี้เชียว!”“ขอรับ เสี่ยวชีมีพรสวรรค์จริง ๆ หากให้เวลาสักหน่อย นางจะต้องประสบความสำเร็จอย่างที
“ใครจะไปตรวจสอบ?”หลิงอวี๋อยากรู้ให้แน่ชัด จะได้ช่วยเลี่ยวหงเสียวางแผนหลบหนีได้อย่างสมบูรณ์แบบ“เจ้าแห่งทะเล มหาเทพหลง!”แม่ทัพเฉิงตกลงจะช่วยแล้วก็หวังว่าหลิงอวี๋จะทำได้สมบูรณ์แบบ และมิทำให้ตนต้องเดือดร้อน“นักโทษที่ถูกขังอยู่ในคุกน้ำล้วนเป็นพวกที่มีความผิดร้ายแรง ยกเว้นเลี่ยวหงเสีย! นางถูกจับเข้าคุกน้ำไปเช่นนั้น ก่อนหน้านี้ก็มิเคยมีการไต่สวนนาง!”“ช่วงปีแรก เจ้าแห่งทะเลจะไปเยี่ยมเลี่ยวหงเสียปีละครั้ง มิพาองครักษ์ไปด้วย เข้าไปแล้วก็อยู่ที่นั่นถึงสองชั่วยาม!”“เป็นเช่นนี้อยู่ห้าปี หลังจากนั้นเจ้าแห่งทะเลก็ไปเยี่ยมเลี่ยวหงเสียสองปีครั้ง!”ท่านแม่ทัพเฉิงเอ่ยเสียงเคร่งขรึม “ข้าสงสัยว่า เลี่ยวหงเสียมีความลับ เจ้าแห่งทะเลก็ไปเพื่อขุดคุ้ยความลับนี้! แต่เห็นได้ชัดว่าเขามิได้คำตอบสมปรารถนา!”หลิงอวี๋และเย่หรงมองหน้ากัน ทั้งสองต่างมีสีหน้าสงสัยเลี่ยวหงเสียไปรู้ความลับอะไรมา?แม่ทัพเฉิงเห็นสีหน้าสงสัยของทั้งสองคนก็ชี้แนะว่า “เย่หรง ลองคิดถึงชาติกำเนิดของแม่เจ้าสิ!”“ท่านตาเจ้าเคยเป็นแม่ทัพใหญ่ข้างกายมหาเทพหลง มหาเทพหลงทรงไว้วางพระทัยเขามากกว่ามหาปราชญ์คนปัจจุบันเสียอีก! แต่เมื่อสามสิบ
แม่ทัพเฉิงเดินไปที่โต๊ะหนังสือด้วยสีหน้าตึงเครียด และหยิบตั๋วเงินสองล้านตำลึงออกมาจากลิ้นชัก"เรื่องนี้ข้าจะมิพูดกับใคร พวกเจ้ารับตั๋วเงินไปเถอะ!"เย่หรงมองหลิงอวี๋อย่างผิดหวังเดิมทีคิดว่า หากช่วยชีวิตฮูหยินเฉิงได้ท่านแม่ทัพเฉิงจะยอมยื่นมือช่วยเหลือ ไหนเลยจะคิดว่าท่านแม่ทัพเฉิงกลับปฏิเสธหลิงอวี๋เองก็รู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง แต่เมื่อคิดดูอีกที หากจะต้องทำให้ท่านแม่ทัพเฉิงและครอบครัวต้องเดือดร้อน นางก็รู้สึกมิสบายใจเช่นนั้นจะทำอย่างไรดี?ในสมองของหลิงอวี๋พลันเกิดประกายความคิด ถามอย่างร้อนรน "ท่านแม่ทัพเฉิง ผู้ที่ถูกขังอยู่ในคุกน้ำ หากตายไปจะจัดการกับศพอย่างไร?"ท่านแม่ทัพเฉิงมองหลิงอวี๋อย่างมิเข้าใจ แล้วเอ่ยว่า "หากมีญาติก็สามารถมารับศพกลับไปได้ หากไม่มีใครมารับศพก็จะนำไปฝังแทน!"หลิงอวี๋ตื่นเต้นขึ้นทันที "ท่านแม่ทัพเฉิง ท่านเข้าพบเลี่ยวหงเสียได้หรือไม่?"มิเพียงแต่ท่านแม่ทัพเฉิง แม้แต่เย่หรงก็ยังตามความคิดของหลิงอวี๋มิทัน หลิงอวี๋คิดจะทำอะไรกันแน่?หลิงอวี๋มองแม่ทัพเฉิงแล้วเอ่ยเสียงเคร่งขรึม "ข้าเคยอ่านเจอในตำราว่า มีสมุนไพรชนิดหนึ่งที่หากกินเข้าไปแล้วคนผู้นั้นจะอยู่ในสภาพเหมื
หลิงอวี๋มาถึงห้องของฮูหยินเฉิง ตรวจชีพจรให้นาง เขียนใบเทียบยาให้ตามอาการ ทั้งยังมอบยาถอนพิษที่ตนปรุงขึ้นหนึ่งขวดให้แก่เฉิงเหล่ย“ยานี้ให้กินวันละหนึ่งเม็ด ส่วนยาตามใบเทียบให้ไปจัดมาต้มวันละหนึ่งเทียบ กินวันละสามครั้ง!”หลิงอวี๋กำชับเฉิงเหล่ยเฉิงเหล่ยพยักหน้า จากนั้นก็ให้บ่าวรับใช้ไปจัดยาตามสั่งทันทีอาการพิษของเฉิงซวี่มิรุนแรงเท่าฮูหยินเฉิง หลิงอวี๋เพียงให้เขากินยาถอนพิษ และดื่มน้ำตามมาก ๆเฉิงซวี่ยังมิรู้ว่าตนถูกพิษ ยังคิดว่าช่วงนี้เหนื่อยเกินไป จึงมีอาการวิงเวียนศีรษะและนอนมิหลับเมื่อได้ฟังเรื่องราวจากเฉิงเหล่ย เฉิงซวี่ก็หน้าเปลี่ยนสี อยากจะพุ่งไปสังหารเฟิ่งอี๋เหนียงเพื่อแก้แค้นให้ตนและมารดาเรื่องการปลอบโยนเฉิงซวี่ หลิงอวี๋มิได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว ปล่อยให้เป็นเรื่องของคนในครอบครัวจัดการกันเอง นางกำชับข้อควรระวังกับเฉิงซวี่ จากนั้นก็ไปรอแม่ทัพเฉิงที่ห้องตำราแม่ทัพเฉิงเสียเวลาอยู่นานกว่าจะมา สีหน้าดูมิสู้ดีนักหลิงอวี๋เล่าขั้นตอนการรักษาฮูหยินเฉิงให้ฟัง ท่านแม่ทัพพยักหน้า “คุณหนูสิงรักษาเช่นนี้ ข้าไม่มีข้อโต้แย้ง จัดการตามที่เจ้าว่าเถิด!”“คุณหนูสิง เรื่องในวันนี้หวังว่าเจ้า
เย่หรงยืนดูอยู่ข้าง ๆ ในใจก็รู้สึกสับสนฮูหยินของตระกูลเฉิงจิตใจดีงามถึงเพียงนี้ แต่กลับถูกอนุภรรยาวางยาส่วนมารดาของตนเป็นอนุภรรยา ตนกลับถูกฮูหยินใหญ่วางยา เรื่องนี้หากจะกล่าวไปก็เป็นเพราะความริษยาและความโลภของตนที่ชักนำให้ก้าวผิดไปทีละก้าวมิใช่หรือ?“ท่านพ่อ ข้ามันเดรัจฉาน ข้าเพียงหลงผิดไปชั่วครู่ ข้ายินดีชดใช้ชีวิตให้ท่านแม่!”เฉิงหมิงกล่าวอย่างแน่วแน่“เฉิงหมิง เจ้าคิดว่าการทำเช่นนี้คือความกตัญญูหรือ?”หลิงอวี๋ส่ายหน้า “เจ้าคิดว่า หากเจ้ารับผิดแทนมารดาของเจ้าแล้ว นางจะยังได้อยู่อย่างสุขกายสบายใจไปตลอดชีวิตหรือ?”“ที่ท่านแม่ทัพเฉิงทำเช่นนี้ก็เพราะมิต้องการปรักปรำคนดี! หากเจ้าต้องการไถ่โทษให้มารดาของเจ้าจริง ต่อไปก็จงดูแลปรนนิบัติฮูหยินเฉิงให้ดี ดูแลน้องชายและน้องสาวให้ดี!”“พิษของฮูหยินเฉิง ข้าสามารถช่วยถอนพิษให้นางได้ แต่ถึงแม้จะถอนพิษแล้ว ร่างกายของนางก็มิอาจกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม! เจ้าเร่งรีบอยากตาย เป็นเพราะต้องการหลีกหนีความรับผิดชอบของตนหรือไร?”หลิงอวี๋เอ่ยอย่างจริงใจ “ตายไปอาจจะจบสิ้นทุกสิ่ง แต่การมีชีวิตอยู่จึงจะสามารถชดเชยความผิดที่มารดาของเจ้าก่อไว้ได้ หากเจ้าต้
“ไปตรวจค้น!”แม่ทัพเฉิงออกคำสั่ง ผู้คุ้มกันหลายคนที่ตามมาก็วิ่งไปค้นห้องของเฟิ่งอี๋เหนียงเฟิ่งอี๋เหนียงร้องเรียกอย่างน่าเวทนา “ท่านพี่ รีบให้ยาถอนพิษแก่เฉิงหมิงเถิด! เป็นความผิดของข้าเอง เฉิงหมิงหาได้รู้เรื่องอันใดไม่ ข้าเอาชีวิตเป็นประกันก็ย่อมได้ เรื่องนี้มิเกี่ยวข้องกับเขา!”“เฉิงซวี่ถูกพิษก็เป็นฝีมือเจ้าด้วยใช่หรือไม่?”แม่ทัพเฉิงถามเสียงดัง“เป็นข้าเอง! ข้ายอมรับทั้งหมด!”เฟิ่งอี๋เหนียงร้องไห้ “ข้าโลภมาก คิดจะแสวงหาอนาคตที่ดีให้สองพี่น้อง ข้า... ข้าจึงได้กระทำเรื่องเช่นนี้ลงไป!”“ท่านแม่ ท่านวางยาพิษท่านแม่ใหญ่และพี่ใหญ่จริง ๆ หรือ?”เฉิงหมิงถามอย่างมิอยากเชื่อเฟิ่งอี๋เหนียงเผชิญหน้ากับสายตาตำหนิของบุตรชายก็พูดมิออก ได้แต่ยกมือปิดหน้าร้องไห้เฉิงหมิงมองท่านแม่ทัพทีมองเฟิ่งอี๋เหนียงที ก่อนจะคุกเข่าลงอย่างเจ็บปวด“ท่านพ่อ เป็นข้าเองที่วางยา ท่านแม่เพียงแต่อยากรับผิดแทนข้า ข้าสมควรตาย หากท่านจะปลิดชีพก็ปลิดชีพข้าเถิด!”เฉิงหมิงก้มหน้าลง สีหน้าสิ้นหวังอย่างยิ่ง“เป็นข้าต่างหาก ท่านพี่ ท่านอย่าฟังเฉิงหมิงพูดเหลวไหล ข้าเป็นคนทำ ขอร้องท่านรีบให้ยาถอนพิษแก่เฉิงหมิงเถิด!”เ
แม่ทัพเฉิงเห็นท่าทางตื่นตระหนกของเฟิ่งอี๋เหนียงก็ลุกขึ้นเดินออกไป หลิงอวี๋ก็ตามออกไปเช่นกันแผนการได้ดำเนินไปตามขั้นตอนแล้ว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับการแสดงของเฟิ่งอี๋เหนียง“ท่านพ่อ นี่มันเรื่องอันใดกัน?”เฉิงเหล่ยและเย่หรงรออยู่ด้านนอก เมื่อเห็นเฟิ่งอี๋เหนียงวิ่งออกไปหน้าตาตื่นตระหนกก็ถามด้วยความสงสัย“ไปดูประเดี๋ยวก็รู้เอง!”แม่ทัพเฉิงตอบด้วยสีหน้าเย็นชา แล้วเดินตามไปเมื่อกลุ่มคนเดินมาถึงห้องของเฉิงหมิงบุตรชายคนรอง ยังมิทันเข้าประตูไปก็ได้ยินเสียงร้องเรียกอย่างร้อนรนของเฟิ่งอี๋เหนียง “เฉิงหมิง เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง อย่าทำให้แม่ตกใจสิ!”“อ้วก!”สิ่งที่ตอบกลับเฟิ่งอี๋เหนียงคือเสียงอาเจียนแม่ทัพเฉิงเดินเข้าไปด้วยใบหน้าเคร่งขรึม เห็นเฉิงหมิงอาเจียนออกมาเป็นเลือดเต็มอก สีหน้าเริ่มซีดเขียว“ท่านพี่ เหตุใดท่านจึงทำกับเฉิงหมิงเช่นนี้?”เฟิ่งอี๋เหนียงเห็นแม่ทัพเฉิงเข้ามา ก็ร้องเรียกอย่างร้อนรน “ข้ากล้าสาบานต่อฟ้าดิน เฉิงหมิงมิเคยคิดร้ายต่อฮูหยิน เหตุใดท่านจึงให้เขากินยาพิษ?”แม่ทัพเฉิงกล่าวอย่างเย็นชา “ข้ามิปรักปรำผู้บริสุทธิ์อยู่แล้ว!”“วันนั้นหลังกลับจากสำนักศึกษาชิงหลง ข้าบอกว่าฮ
"คุณหนูสิง เจ้าว่ามาเถอะ!"แม่ทัพเฉิงสงบสติอารมณ์ลง เฟิ่งอี๋เหนียงนั้นน่าชังก็จริง แต่ภายใต้การอบรมสั่งสอนของนาง บุตรชายที่เกิดจากอนุภรรยาทั้งสองก็ได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาอย่างดี มีนิสัยซื่อตรง เคารพนบนอบต่อตน ทั้งยังรักใคร่ปรองดองกับเฉิงซวี่และเฉิงเหล่ยเสมือนคนในครอบครัวเดียวกันหากตนใจร้อนสังหารเฟิ่งอี๋เหนียงโดยไม่มีหลักฐาน บุตรชายทั้งสองก็จะตีตัวออกห่างจากตนตัวเขาอายุมากแล้วคงมิอาจมีบุตรเพิ่มได้อีก"ท่านต้องทำเช่นนี้..."หลิงอวี๋เข้าไปกระซิบแผนการที่ข้างหูแม่ทัพเฉิง แม่ทัพฟังไปก็พลางพยักหน้าไปเมื่อหลิงอวี๋พูดจบ แม่ทัพเฉิงก็เดินออกไป เรียกผู้คุ้มกันมาคนหนึ่ง มอบขวดที่หลิงอวี๋ให้แล้วให้อีกฝ่ายนำออกไปเฟิ่งอี๋เหนียงหอบรายการอาหารหลายเล่มเข้ามา เห็นผู้คุ้มกันถือขวดหน้าตาประหลาดนั้นเดินออกไปก็มองตามด้วยความสงสัย"คุณหนูสิง รายการอาหารที่เจ้าต้องการมาแล้ว!"เฟิ่งอี๋เหนียงนำรายการอาหารเข้ามาให้หลิงอวี๋ หลิงอวี๋เปิดดูเพียงผ่าน ๆเฟิ่งอี๋เหนียงมองท่านแม่ทัพ เห็นว่าท่านแม่ทัพนั่งอยู่ด้านข้างด้วยสีหน้ามิสู้ดีนัก"ท่านพี่ มีกระไรผิดแปลกไปหรือ?"เฟิ่งอี๋เหนียงถามอย่างหยั่งเชิงด้วยใจ
แม่ทัพเฉิงฟังแล้วก็เผลอยกหมอนขึ้นแนบจมูกโดยมิรู้ตัว เมื่อได้ดม หมอนก็เป็นอย่างที่หลิงอวี๋พูดจริง ๆ ไม่มีกลิ่นใด ๆ ทั้งยังสะอาดหมดจด ไม่มีรอยคราบเหงื่อแม้แต่น้อย"หากหมอนใบนี้มิใช่หมอนที่ฮูหยินเฉิงเคยนอน ก็ต้องมีคนเปลี่ยนหมอนไปแล้ว!"หลิงอวี๋ยิ้มอย่างเย็นชา "หมอนอาจเปลี่ยนได้ แต่ฟูกรองนอนเปลี่ยนมิได้!"ว่าแล้วหลิงอวี๋ก็ปีนขึ้นเตียงพลิกผ้าปูที่นอนด้านบนขึ้น เผยให้เห็นฟูกรองนอนที่อยู่ด้านล่างหลิงอวี๋ชักกริชออกจากเอวตัดฟูกรองนอนออกมาหนึ่งชิ้นนางลงจากเตียง ยื่นให้แม่ทัพเฉิง ท่านแม่ทัพเห็นว่าฟูกรองนอนซึ่งเดิมเป็นสีขาว บัดนี้กลายเป็นสีเหลือง ทั้งยังมีคราบเหงื่อติดอยู่บ้าง"ท่านแม่ทัพเฉิง เชิญทางนี้!"หลิงอวี๋เดินไปที่ข้างหน้าต่างแล้วหยิบขวดแก้วหลายใบออกมาจากพื้นที่มิติ หนึ่งในนั้นมีน้ำยาอยู่หลิงอวี๋นำฟูกที่ตัดออกมาแช่ลงในน้ำยา แม่ทัพเฉิงก็เห็นว่าน้ำยาค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง"นี่หมายความว่าอย่างไร?"แม่ทัพเฉิงถามด้วยความประหลาดใจ"น้ำยานี้ข้าปรุงขึ้นเอง สามารถแสดงให้เห็นพิษที่อยู่ในเครื่องนอนได้ ฮูหยินเฉิงถูกพิษจากตะกั่ว ตะกั่วจะทำให้ระบบประสาททำงานผิดปกติ และเกิดความเสียหายต่ออว