กล้าดีอย่างไรใช้คำว่าเสนอหน้า?นาง… จูหลาน ทำอะไรที่ทำให้เซียวหลินมู่ดูหมิ่นตนเช่นนี้ต่อหน้าคนอื่นหรือ?น้ำตาแห่งความน้อยใจของจูหลานไหลลงจากเบ้าตา ยังมิทันได้พูดอะไร เซียวหลินมู่ก็พุ่งเข้ามาหาแล้วจูหลานฝืนกลั้นความน้อยใจเอาไว้แล้วพูดผ่านฉากกั้น “ท่านอ๋องอี้ พระสวามีของหม่อมฉันกลับมาแล้ว หากท่านมีธุระอะไรก็ปรึกษากับเขาโดยตรงเถิด จูหลานขอตัวก่อนเพคะ!”แม้จูหลานจะพูดเช่นนี้ แต่มิได้จากไปเสียทีเดียว ฟังอยู่หลังฉากกั้นหากเป็นวันปกติ เซียวหลินมู่พูดกับตนเช่นนี้ เซียวหลินเทียนคงโกรธไปนานแล้ว แต่ตอนนี้เป็นการขอความช่วยเหลือ เขาจึงระงับความโกรธไว้“น้องห้า พระชายาของข้าถูกทำร้าย จวนสิ้นใจแล้ว ได้ยินมาว่าเจ้ามีโสมโลหิต ข้าสามารถซื้อเพิ่มได้ในราคาอีกเท่าตัว ขอเจ้าเมตตาด้วย!”เซียวหลินเทียนวิงวอน“พูดจาไร้สาระอะไรกัน! ข้าไม่มีของพรรค์นั้นเสียหน่อย ท่านไปได้ยินมาจากที่ใด?”องค์ชายเย่เห็นจูหลานพบกับเซียวหลินเทียนผ่านฉากกั้น ความโกรธก็เบาบางลงไปบ้างแต่ในวันนี้การที่เขาได้อันดับโหล่ในการแข่งขันล่าสัตว์ ถูกองค์ชายคังและองค์ชายเว่ยเยาะเย้ย ความโกรธนี้ยังไม่มีที่ระบาย!“น้องห้า มีควันย่อมมี
“หากข้าผิดคำสาบาน ขอให้สายฟ้าฟาดผ่าลงมาทำลายสิ้น!”เซียวหลินเทียนกล่าวคำสาบานอย่างหนักแน่นและมั่นคงเมื่อเทียบกับชีวิตของหลิงอวี๋ ตำแหน่งนั้นช่างไร้ค่าเหลือเกิน!เซียวหลินมู่และจูหลานที่อยู่หลังฉากต่างก็ตะลึงเซียวหลินมู่มองไปที่เซียวหลินเทียนด้วยความตกใจ ตำแหน่งรัชทายาทเป็นสิ่งที่เซียวหลินเทียนมีโอกาสได้ครองมากที่สุดแต่ตอนนี้เขากลับยอมสละมันเพื่อโสมโลหิตเพียงต้นเดียวสำหรับเขาหลิงอวี๋สำคัญเพียงนั้นเลยหรือ?แน่นอนว่าเซียวหลินมู่มิเชื่อ เขาคิดสงสัยในใจเรื่องที่พระมารดาต้องการโสมโลหิต เขาปิดบังไว้เป็นความลับอย่างดี แม้แต่จูหลานเขาก็มิได้บอกแต่เซียวหลินเทียนรู้ได้อย่างไรว่าตนมีโสมโลหิตอยู่ในมือ?หรือว่าเซียวหลินเทียนให้คนคอยจับตามองเขาอยู่?เซียวหลินมู่ทั้งตกใจและโกรธ หากเรื่องของพระมารดาถูกเปิดเผย ทั้งตระกูลของเขาอาจต้องตาย...เขามิยอมรับเด็ดขาดว่าโสมโลหิตอยู่ในมือของเขา!“พี่สี่ ข้าต้องบอกอีกกี่ครั้งว่าข้าไม่มีโสมโลหิต! ท่านไปหาที่อื่นเสียเถอะ!”ยิ่งคิดเซียวหลินมู่ก็ยิ่งหงุดหงิด พูดจบก็ตะโกนว่า “พ่อบ้าน ส่งแขก!”เซียวหลินเทียนจ้องมองเซียวหลินมู่ด้วยสายตาเย็นชา อารมณ์ปะ
“จูหลาน เจ้าควรเข้าใจให้ชัดเจน ข้าเป็นสามีของเจ้า มิใช่ศัตรูของเจ้า!"“เจ้าถือดีอย่างไรมาจ้องมองข้าด้วยสายตาเช่นนี้?”เซียวหลินมู่ทั้งน้อยใจและโกรธ พวกเขามิใช่ครอบครัวเดียวกันหรอกหรือ?ความสัมพันธ์ตั้งแต่วัยเยาว์ทำให้ความสัมพันธ์ของเซียวหลินมู่และจูหลานดีกว่าสามีภรรยาทั่วไป เขามิสามารถทนสายตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังของจูหลานได้“ข้ารู้สึกขอบคุณพี่สะใภ้สี่ที่ช่วยเจ้า แต่ข้าไม่มีสิ่งที่เขาต้องการจริง ๆ ต่อให้อ๋องอี้จะฆ่าข้า เขาก็มิสามารถทำให้ข้าเสกมันออกมาได้หรอก!”จูหลานยิ้มหยัน “เซียวหลินมู่ หม่อมฉันรู้จักท่านมานานเท่าไรแล้ว? หม่อมฉันมักจะพูดว่าข้าเข้าใจท่านมากกว่าสตรีอื่น!”“แต่หม่อมฉันมิอยากเข้าใจท่าน! เช่นนั้นหม่อมฉันจะเชื่อคำพูดของท่านในตอนนี้!”“โสมโลหิตอยู่ในมือท่าน!”จูหลานพูดอย่างมั่นใจ “ยิ่งตะโกนเสียงดังเท่าไร ก็ยิ่งพิสูจน์ได้ว่าท่านรู้สึกผิดมากเท่านั้น!”“นอกจากนี้ อย่าลืมเสียว่าหม่อมฉันเป็นผู้ดูแลเงินของท่าน เมื่อมิกี่วันก่อนท่านใช้เงินไปหมื่นตำลึง ในเมื่อท่านมิได้เล่นการพนันหรือเที่ยวหอนางโลม เช่นนั้นเงินดังกล่าวถูกใช้ไปกับสิ่งใดเล่า?”“ข้า…”เซียวหลินมู่พูดมิออก
“เสด็จพ่อ…”น้ำตาของเซียวหลินเทียนไหลพราก เขาสะอื้นไห้ มิรู้ควรจะกล่าวอะไรเพื่อแสดงความขอบคุณต่อจักรพรรดิอู่อันจักรพรรดิอู่อันมองดูเซียวหลินเทียนหลั่งน้ำตา หัวใจของเขารู้สึกมิยินดีนักเขาคิดอยู่นานทีเดียวกว่าจะตัดสินใจนำยานี้มาเมื่อเห็นหลิงหว่านป้อนยาให้หลิงอวี๋ มีช่วงเวลาหนึ่งที่จักรพรรดิอู่อันอยากจะคืนคำแต่เมื่อนึกถึงไทเฮาที่ยังคงสลบไสลอยู่ในวัง และนึกถึงการลอบสังหารเซียวหลินเทียนในวันนี้ จักรพรรดิอู่อันก็กดความคิดที่จะคืนคำของตนลงไปมือสังหารของฉีตะวันออกกล้าลอบสังหารเซียวหลินเทียนในดินแดนของฉินตะวันตกเช่นนี้!เพราะเหตุใด?มิใช่เพราะว่าเซียวหลินเทียนเป็นบุคคลที่พวกเขาหวาดกลัวหรอกหรือ?สอดแนมศัตรูที่แข็งแกร่ง!ยังมีอสรพิษที่มิรู้จักมากมายซ่อนตัวอยู่ในวังจักรพรรดิอู่อันมิใช่คนเขลา เขาสามารถรับรู้ถึงลางสังหรณ์อันตรายจากเรื่องราวต่อเนื่องเหล่านี้ได้หากจะพลิกหาทั้งเมืองหลวงแล้ว ฝีมือการแพทย์ของหลิงอวี๋ไม่มีใครสามารถเทียบได้หากหลิงอวี๋ตายในวันนี้ แล้ววันหนึ่งเขาประสบภัย ผู้ใดกันจะช่วยเหลือเขา?แผ่นดินฉินตะวันตกแห่งนี้ยังต้องการให้เซียวหลินเทียนคอยปกป้อง หากวันนี้มีบางส
ฉินรั่วซือมีหรือจะยอมปล่อยโอกาสที่จะได้แสดงตัวต่อหน้าเซียวหลินเทียนไป นางสะบัดมือฉินซาน พลางเอ่ยอย่างงอแง“ท่านพี่ ท่านอ๋องอี้มิได้ไล่ข้า เหตุใดท่านพี่ถึงต้องไล่ข้าออกไปเล่า!”“แม้ว่าท่านพี่จะมิช่วยข้า ก็อย่าได้ขวางมิให้ข้าใช้วิธีของตัวเองแต่งงานเข้าตำหนักอ๋องอี้เลย!”ตอนนี้หลิงอวี๋หมดสติอยู่ นี่ก็เป็นโอกาสที่ตนจะได้ใกล้ชิดเซียวหลินเทียนมิใช่หรือ?ฉินรั่วซือต้องใช้โอกาสนี้ทำให้เซียวหลินเทียนเห็นความดีของตน และมิปฏิเสธการประทานงานแต่งงานของฮองเฮาเว่ยอีกฉินซานโกรธคำพูดของฉินรั่วซือจนตัวสั่น เขาดุนางด้วยเสียงต่ำ “เจ้ายังมียางอายอยู่หรือไม่? ตอนนี้พระชายาหมดสติอยู่ เจ้าก็จะมาฉวยโอกาสตอนที่นางลำบากอยู่อีก!”“คราแรกหากมิใช่เพราะพระชายาปล่อยเจ้าไป และหากเรื่องนั้นที่เจ้าทำกับนางได้แพร่กระจายไปในเมืองหลวง มันก็จะเพียงพอแล้วที่จะทำให้เจ้าสูญเสียทั้งฐานะและชื่อเสียง!”ฉินรั่วซือถูกพูดใส่เช่นนี้ก็รู้สึกอับอายจนพาลโกรธ นางกระทืบเท้าพลางตะโกนออกมา “ท่านพี่ นั่นมันเป็นเรื่องในอดีตไปแล้ว ท่านพี่ยังจะหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดอีกเพื่อสิ่งใดกัน?”“ตอนนี้ข้าก็มิได้ทำร้ายนางอีกแล้ว… นอกจากนี้ ท่าน
เซียวหลินเทียนจำได้ว่าหลังจากเรื่องหมูป่าสิ้นสุดลง องค์ชายหนิงให้ฉาเค่อฉีส่งเซี่ยโฮ่วตานรั่วลงจากภูเขาไปแล้วเหตุใดนางถึงยังอยู่บนภูเขาเล่า?“ตอนนั้นนางแสดงท่าทีเยี่ยงไรบ้าง?”เซียวหลินเทียนเริ่มสงสัยเซี่ยโฮ่วตานรั่วมือสังหารกับคนที่ยิงธนูใส่หลิงอวี๋นั้นเป็นสองกลุ่มอย่างแน่นอน มิเช่นนั้นตอนที่ตนต่อสู้กับมือสังหารอยู่ พวกคนที่ยิงธนูเหล่านี้ก็มีโอกาสที่จะลอบโจมตีตนได้!“องค์หญิงตานรั่วบอกว่า นางมาหาองค์ชายหนิง พอได้ยินว่าทางนี้มีเสียงต่อสู้กันจึงวิ่งเข้ามาดูแล้วจึงพบพวกเรา!”เผยอวี้เห็นว่าสีหน้าของเซียวหลินเทียนดูผิดปกติ จึงเอ่ยถาม “เจ้าสงสัยว่าคนของนางยิงธนูใส่พวกเจ้าหรือ? แต่เหตุใดนางถึงต้องทำเช่นนั้นเล่า?”“เพราะนี่ยังอยู่ในอาณาเขตของฉินตะวันตกของเรา นางเป็นแขก หากกล้าลอบสังหารเจ้า จะมิกลัวหรือว่าเราจะมิให้กลุ่มของพวกเขาออกจากฉินตะวันตก?”เซียวหลินเทียนกัดฟันแล้วเล่าเรื่องที่เซี่ยโฮ่วตานรั่วใส่ความหลิงอวี๋ให้ทั้งสองคนฟังสุดท้ายเซียวหลินเทียนก็ยิ้มเยาะพลางเอ่ยออกไป “อาอวี๋ทำให้พวกเขาเสียหน้ามากถึงเพียงนั้น ดูจากนิสัยวางอำนาจของเซี่ยโฮ่วตานรั่วแล้ว เมื่อสบโอกาสเช่นนี้จะมิแก้แ
หลิงหว่านเปลี่ยนอาภรณ์ให้หลิงอวี๋และจัดทรงผมให้เรียบร้อยแล้วเมื่อดูเช่นนี้ หลิงอวี๋ก็มิได้ดูโทรมมากนัก“ท่านอ๋อง ท่านพี่หลิงหลิงดีขึ้นมากแล้วเพคะ เมื่อครู่ถังถีเตี่ยนตรวจชีพจรของนางอีกครั้ง ก็บอกว่าอีกประเดี๋ยวท่านพี่หลิงหลิงคงจะฟื้นแล้ว!”“ถังถีเตี่ยนบอกว่า ที่พระตำหนักไทเฮายังต้องการเขา จึงกลับไปก่อน! และให้หม่อมฉันบอกท่านว่าหากมีอะไรก็ให้ไปหาเขาได้เลยเพคะ!”“อืม!”เซียวหลินเทียนพยักหน้าแล้วนั่งลงข้างเตียงมือของเขาสัมผัสที่ใบหน้าของหลิงอวี๋อย่างแผ่วเบา ใบหน้าของนางมิได้เย็นเยียบดังเช่นเมื่อครู่ และอุ่นขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว“ท่านอ๋อง องค์หญิงชิ่งกับองค์ชายจิ้นฝากโอสถไว้ให้พระชายาเพคะ เป็นโอสถบำรุงโลหิตเพคะ!”หลิงหว่านชี้ไปที่โต๊ะข้าง ๆ “หม่อมฉันปฏิเสธไปแล้ว แต่องค์หญิงชิ่งยืนกรานให้หม่อมฉันรับไว้จึงยากที่จะปฏิเสธ หม่อมฉันจึงรับไว้แทนท่านเพคะ!”“ท่านทรงลองดูหากมีสิ่งใดผิดปกติก็สามารถส่งกลับไปได้เพคะ!”เซียวหลินเทียนเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าพี่น้องมู่หลงมาเยี่ยมหลิงอวี๋ เขาลืมเรื่องนี้ไปเลย“ได้ ลู่หนาน เจ้าให้หมิ่นกูเอาของกำนัลเหล่านี้ออกไป แล้วให้นางเตรียมของกำนัลที่มีมูลค่าเท่าก
เมื่อเผยอวี้เอ่ยเช่นนี้ หัวใจของหลิงหว่านก็ดูเหมือนมีบางสิ่งมาตรึงเอาไว้ ความโกรธของนางหายไปแล้ว“หว่านเอ๋อร์ เจ้ามิได้เห็นว่าตอนนั้นอาเทียนคล้ายคนบ้าเลือดไปแล้ว! ชีวิตของพี่หลิงหลิงแขวนอยู่บนเส้นด้าย กลิ่นอายสังหารที่เขาปล่อยออกมานั้นแทนที่จะมุ่งไปหามือสังหารมันดูจะมุ่งหาตัวเขาเองมากกว่า...”เผยอวี้นึกถึงท่าทางบ้าคลั่งของเซียวหลินเทียนในเวลานั้นแล้วก็ทอดถอนใจพลางเอ่ย“ยามมีชีวิตอยู่ควรทะนุถนอมชีวิตไว้ดี ๆ อย่ารอให้ถึงการที่จะต้องจากลากันชั่วนิรันดร์แล้วจึงมาเสียใจ!”“ข้าคิดเช่นนี้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว... ข้าหวังว่าจะแต่งเจ้าเข้าบ้านในวันพรุ่งนี้แล้ว! หากเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะมิต้องเสียใจที่มิสามารถกอดเจ้าได้ก่อนที่ข้าจะตาย…”หลิงหว่านฟังแล้วก็รู้สึกหนักใจ นางยกมือขึ้นปิดปากเขาโดยมิรู้ตัว“เอ่ยวาจาไร้สาระอะไรกัน! เรื่องเป็นเรื่องตายอะไร… ข้ามิอยากได้ยินเรื่องเช่นนี้!”“มิว่าจะอยู่ที่ใด ท่านจะต้องสัญญาว่าจะมีชีวิตที่ดี! ข้า… ข้ายังอยากให้เราอยู่กันไปจนแก่เฒ่าไปด้วยกัน มีลูกมีหลานเต็มเรือน!”แม้ว่าพูดเช่นนี้แล้วใบหน้าของหลิงหว่านจะแดงก่ำด้วยความเขินอาย แต่ก็ยังคงเอ่ยอย่างเปิดเผยตรงไปตร